Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๑๐. สิงฺคาลวโคฺค
10. Siṅgālavaggo
[๒๔๑] ๑. สพฺพทาฐชาตกวณฺณนา
[241] 1. Sabbadāṭhajātakavaṇṇanā
สิงฺคาโล มานตฺถโทฺธติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทโตฺต อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา อุปฺปาทิตํ ลาภสกฺการํ จิรฎฺฐิติกํ กาตุํ นาสกฺขิ, นาฬาคิริปโยชเน ปาฎิหาริยสฺส ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย ตสฺส โส ลาภสกฺกาโร อนฺตรธายิฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทตฺวา จิรฎฺฐิติกํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต อิทาเนว อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการํ อนฺตรธาเปติ, ปุเพฺพปิ อนฺตรธาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Siṅgālomānatthaddhoti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Devadatto ajātasattuṃ pasādetvā uppāditaṃ lābhasakkāraṃ ciraṭṭhitikaṃ kātuṃ nāsakkhi, nāḷāgiripayojane pāṭihāriyassa diṭṭhakālato paṭṭhāya tassa so lābhasakkāro antaradhāyi. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, devadatto lābhasakkāraṃ uppādetvā ciraṭṭhitikaṃ kātuṃ nāsakkhī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, devadatto idāneva attano uppannaṃ lābhasakkāraṃ antaradhāpeti, pubbepi antaradhāpesiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ ติณฺณํ เวทานํ อฎฺฐารสนฺนญฺจ สิปฺปานํ ปารํ คโตฯ โส ปถวีชยมนฺตํ นาม ชานาติฯ ปถวีชยมโนฺตติ อาวฎฺฎนมโนฺต วุจฺจติฯ อเถกทิวสํ โพธิสโตฺต ‘‘ตํ มนฺตํ สชฺฌายิสฺสามี’’ติ เอกสฺมิํ องฺคณฎฺฐาเน ปิฎฺฐิปาสาเณ นิสีทิตฺวา สชฺฌายมกาสิฯ ตํ กิร มนฺตํ อญฺญวิหิตํ ธิติวิรหิตํ สาเวตุํ น สกฺกา, ตสฺมา นํ โส ตถารูเป ฐาเน สชฺฌายติฯ อถสฺส สชฺฌายนกาเล เอโก สิงฺคาโล เอกสฺมิํ พิเล นิปโนฺน ตํ มนฺตํ สุตฺวาว ปคุณมกาสิฯ โส กิร อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว ปคุณปถวีชยมโนฺต เอโก พฺราหฺมโณ อโหสิฯ โพธิสโตฺต สชฺฌายํ กตฺวา อุฎฺฐาย ‘‘ปคุโณ วต เม อยํ มโนฺต’’ติ อาหฯ สิงฺคาโล พิลา นิกฺขมิตฺวา ‘‘อโมฺภ พฺราหฺมณ, อยํ มโนฺต ตยาปิ มเมว ปคุณตโร’’ติ วตฺวา ปลายิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อยํ สิงฺคาโล มหนฺตํ อกุสลํ กริสฺสตี’’ติ ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ โถกํ อนุพนฺธิฯ สิงฺคาโล ปลายิตฺวา อรญฺญํ ปาวิสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa purohito ahosi tiṇṇaṃ vedānaṃ aṭṭhārasannañca sippānaṃ pāraṃ gato. So pathavījayamantaṃ nāma jānāti. Pathavījayamantoti āvaṭṭanamanto vuccati. Athekadivasaṃ bodhisatto ‘‘taṃ mantaṃ sajjhāyissāmī’’ti ekasmiṃ aṅgaṇaṭṭhāne piṭṭhipāsāṇe nisīditvā sajjhāyamakāsi. Taṃ kira mantaṃ aññavihitaṃ dhitivirahitaṃ sāvetuṃ na sakkā, tasmā naṃ so tathārūpe ṭhāne sajjhāyati. Athassa sajjhāyanakāle eko siṅgālo ekasmiṃ bile nipanno taṃ mantaṃ sutvāva paguṇamakāsi. So kira anantarātīte attabhāve paguṇapathavījayamanto eko brāhmaṇo ahosi. Bodhisatto sajjhāyaṃ katvā uṭṭhāya ‘‘paguṇo vata me ayaṃ manto’’ti āha. Siṅgālo bilā nikkhamitvā ‘‘ambho brāhmaṇa, ayaṃ manto tayāpi mameva paguṇataro’’ti vatvā palāyi. Bodhisatto ‘‘ayaṃ siṅgālo mahantaṃ akusalaṃ karissatī’’ti ‘‘gaṇhatha gaṇhathā’’ti thokaṃ anubandhi. Siṅgālo palāyitvā araññaṃ pāvisi.
โส คนฺตฺวา เอกํ สิงฺคาลิํ โถกํ สรีเร ฑํสิ, ‘‘กิํ, สามี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ ชานาสิ น ชานาสี’’ติ อาหฯ สา ‘‘อาม, ชานามี’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ โส ปถวีชยมนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา อเนกานิ สิงฺคาลสตานิ อาณาเปตฺวา สเพฺพปิ หตฺถิอสฺสสีหพฺยคฺฆสูกรมิคาทโย จตุปฺปเท อตฺตโน สนฺติเก อกาสิฯ กตฺวา จ ปน สพฺพทาโฐ นาม ราชา หุตฺวา เอกํ สิงฺคาลิํ อคฺคมเหสิํ อกาสิฯ ทฺวินฺนํ หตฺถีนํ ปิเฎฺฐ สีโห ติฎฺฐติ, สีหปิเฎฺฐ สพฺพทาโฐ สิงฺคาโล ราชา สิงฺคาลิยา อคฺคมเหสิยา สทฺธิํ นิสีทติ, มหโนฺต ยโส อโหสิฯ โส ยสมหเนฺตน ปมชฺชิตฺวา มานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สพฺพจตุปฺปทปริวุโต พาราณสิยา อวิทูรฎฺฐานํ สมฺปาปุณิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนา อโหสิฯ โส อวิทูเร ฐิโตเยว ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ รโญฺญ สาสนํ เปเสสิฯ พาราณสิวาสิโน ภีตตสิตา นครทฺวารานิ ปิทหิตฺวา อฎฺฐํสุฯ
So gantvā ekaṃ siṅgāliṃ thokaṃ sarīre ḍaṃsi, ‘‘kiṃ, sāmī’’ti ca vutte ‘‘mayhaṃ jānāsi na jānāsī’’ti āha. Sā ‘‘āma, jānāmī’’ti sampaṭicchi. So pathavījayamantaṃ parivattetvā anekāni siṅgālasatāni āṇāpetvā sabbepi hatthiassasīhabyagghasūkaramigādayo catuppade attano santike akāsi. Katvā ca pana sabbadāṭho nāma rājā hutvā ekaṃ siṅgāliṃ aggamahesiṃ akāsi. Dvinnaṃ hatthīnaṃ piṭṭhe sīho tiṭṭhati, sīhapiṭṭhe sabbadāṭho siṅgālo rājā siṅgāliyā aggamahesiyā saddhiṃ nisīdati, mahanto yaso ahosi. So yasamahantena pamajjitvā mānaṃ uppādetvā ‘‘bārāṇasirajjaṃ gaṇhissāmī’’ti sabbacatuppadaparivuto bārāṇasiyā avidūraṭṭhānaṃ sampāpuṇi, parisā dvādasayojanā ahosi. So avidūre ṭhitoyeva ‘‘rajjaṃ vā detu, yuddhaṃ vā’’ti rañño sāsanaṃ pesesi. Bārāṇasivāsino bhītatasitā nagaradvārāni pidahitvā aṭṭhaṃsu.
โพธิสโตฺต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, สพฺพทาฐสิงฺคาเลน สทฺธิํ ยุทฺธํ มม ภาโร, ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ เตน สทฺธิํ ยุชฺฌิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถี’’ติ ราชานญฺจ นาคเร จ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘กินฺติ กตฺวา นุ โข สพฺพทาโฐ รชฺชํ คเหสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ทฺวารฎฺฎาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมฺม สพฺพทาฐ, กินฺติ กตฺวา อิมํ รชฺชํ คณฺหิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มหาชนํ สเทฺทน สนฺตาเสตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘อเตฺถต’’นฺติ ญตฺวา อฎฺฎาลกา โอรุยฺห ‘‘สกลทฺวาทสโยชนิกพาราณสินครวาสิโน กณฺณจฺฉิทฺทานิ มาสปิเฎฺฐน ลญฺชนฺตู’’ติ เภริํ จราเปสิฯ มหาชโน เภริยา อาณํ สุตฺวา อนฺตมโส พิฬาเล อุปาทาย สพฺพจตุปฺปทานเญฺจว อตฺตโน จ กณฺณจฺฉิทฺทานิ ยถา ปรสฺส สทฺทํ โสตุํ น สกฺกา, เอวํ มาสปิเฎฺฐน ลญฺชิฯ
Bodhisatto rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘mā bhāyi, mahārāja, sabbadāṭhasiṅgālena saddhiṃ yuddhaṃ mama bhāro, ṭhapetvā maṃ añño tena saddhiṃ yujjhituṃ samattho nāma natthī’’ti rājānañca nāgare ca samassāsetvā ‘‘kinti katvā nu kho sabbadāṭho rajjaṃ gahessati, pucchissāmi tāva na’’nti dvāraṭṭālakaṃ abhiruhitvā ‘‘samma sabbadāṭha, kinti katvā imaṃ rajjaṃ gaṇhissasī’’ti pucchi. ‘‘Sīhanādaṃ nadāpetvā mahājanaṃ saddena santāsetvā gaṇhissāmī’’ti. Bodhisatto ‘‘attheta’’nti ñatvā aṭṭālakā oruyha ‘‘sakaladvādasayojanikabārāṇasinagaravāsino kaṇṇacchiddāni māsapiṭṭhena lañjantū’’ti bheriṃ carāpesi. Mahājano bheriyā āṇaṃ sutvā antamaso biḷāle upādāya sabbacatuppadānañceva attano ca kaṇṇacchiddāni yathā parassa saddaṃ sotuṃ na sakkā, evaṃ māsapiṭṭhena lañji.
อถ โพธิสโตฺต ปุน อฎฺฎาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สพฺพทาฐา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘อิมํ รชฺชํ กินฺติ กตฺวา คณฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มนุเสฺส ตาเสตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สีหนาทํ นทาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิฯ ชาติสมฺปนฺนา หิ สุรตฺตหตฺถปาทา เกสรสีหราชาโน ตาทิสสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อาณํ น กริสฺสนฺตี’’ติฯ สิงฺคาโล มานตฺถโทฺธ หุตฺวา ‘‘อเญฺญ ตาว สีหา ติฎฺฐนฺตุ, ยสฺสาหํ ปิเฎฺฐ นิสิโนฺน, ตเญฺญว นทาเปสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘เตน หิ นทาเปหิ, ยทิ สโกฺกสี’’ติฯ โส ยสฺมิํ สีเห นิสิโนฺน, ตสฺส ‘‘นทาหี’’ติ ปาเทน สญฺญํ อทาสิฯ สีโห หตฺถิกุเมฺภ มุขํ อุปฺปีเฬตฺวา ติกฺขตฺตุํ อปฺปฎิวตฺติยํ สีหนาทํ นทิฯ หตฺถี สนฺตาสปฺปตฺตา หุตฺวา สิงฺคาลํ ปาทมูเล ปาเตตฺวา ปาเทนสฺส สีสํ อกฺกมิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ อกํสุ, สพฺพทาโฐ ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปโตฺตฯ เตปิ หตฺถี สีหนาทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิตา อญฺญมญฺญํ โอวิชฺฌิตฺวา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิํสุ, ฐเปตฺวา สีเห เสสาปิ มิคสูกราทโย สสพิฬารปริโยสานา สเพฺพ จตุปฺปาทา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิํสุฯ สีหา ปลายิตฺวา อรญฺญํ ปวิสิํสุ, ทฺวาทสโยชนิโก มํสราสิ อโหสิฯ โพธิสโตฺต อฎฺฎาลกา โอตริตฺวา นครทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ‘‘สเพฺพ อตฺตโน กเณฺณสุ มาสปิฎฺฐํ อปเนตฺวา มํสตฺถิกา มํสํ อาหรนฺตู’’ติ นคเร เภริํ จราเปสิฯ มนุสฺสา อลฺลมํสํ ขาทิตฺวา เสสํ สุกฺขาเปตฺวา วลฺลูรมกํสุฯ ตสฺมิํ กิร กาเล วลฺลูรกรณํ อุทปาทีติ วทนฺติฯ
Atha bodhisatto puna aṭṭālakaṃ abhiruhitvā ‘‘sabbadāṭhā’’ti āha. ‘‘Kiṃ, brāhmaṇā’’ti? ‘‘Imaṃ rajjaṃ kinti katvā gaṇhissasī’’ti? ‘‘Sīhanādaṃ nadāpetvā manusse tāsetvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā gaṇhissāmī’’ti. ‘‘Sīhanādaṃ nadāpetuṃ na sakkhissasi. Jātisampannā hi surattahatthapādā kesarasīharājāno tādisassa jarasiṅgālassa āṇaṃ na karissantī’’ti. Siṅgālo mānatthaddho hutvā ‘‘aññe tāva sīhā tiṭṭhantu, yassāhaṃ piṭṭhe nisinno, taññeva nadāpessāmī’’ti āha. ‘‘Tena hi nadāpehi, yadi sakkosī’’ti. So yasmiṃ sīhe nisinno, tassa ‘‘nadāhī’’ti pādena saññaṃ adāsi. Sīho hatthikumbhe mukhaṃ uppīḷetvā tikkhattuṃ appaṭivattiyaṃ sīhanādaṃ nadi. Hatthī santāsappattā hutvā siṅgālaṃ pādamūle pātetvā pādenassa sīsaṃ akkamitvā cuṇṇavicuṇṇaṃ akaṃsu, sabbadāṭho tattheva jīvitakkhayaṃ patto. Tepi hatthī sīhanādaṃ sutvā maraṇabhayatajjitā aññamaññaṃ ovijjhitvā tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇiṃsu, ṭhapetvā sīhe sesāpi migasūkarādayo sasabiḷārapariyosānā sabbe catuppādā tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇiṃsu. Sīhā palāyitvā araññaṃ pavisiṃsu, dvādasayojaniko maṃsarāsi ahosi. Bodhisatto aṭṭālakā otaritvā nagaradvārāni vivarāpetvā ‘‘sabbe attano kaṇṇesu māsapiṭṭhaṃ apanetvā maṃsatthikā maṃsaṃ āharantū’’ti nagare bheriṃ carāpesi. Manussā allamaṃsaṃ khāditvā sesaṃ sukkhāpetvā vallūramakaṃsu. Tasmiṃ kira kāle vallūrakaraṇaṃ udapādīti vadanti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ –
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā imā abhisambuddhagāthā vatvā jātakaṃ samodhānesi –
๑๘๒.
182.
‘‘สิงฺคาโล มานตฺถโทฺธ จ, ปริวาเรน อตฺถิโก;
‘‘Siṅgālo mānatthaddho ca, parivārena atthiko;
ปาปุณิ มหติํ ภูมิํ, ราชาสิ สพฺพทาฐินํฯ
Pāpuṇi mahatiṃ bhūmiṃ, rājāsi sabbadāṭhinaṃ.
๑๘๓.
183.
‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ ปริวารวา;
‘‘Evameva manussesu, yo hoti parivāravā;
โส หิ ตตฺถ มหา โหติ, สิงฺคาโล วิย ทาฐิน’’นฺติฯ
So hi tattha mahā hoti, siṅgālo viya dāṭhina’’nti.
ตตฺถ มานตฺถโทฺธติ ปริวารํ นิสฺสาย อุปฺปเนฺนน มาเนน ถโทฺธฯ ปริวาเรน อตฺถิโกติ อุตฺตริมฺปิ ปริวาเรน อตฺถิโก หุตฺวาฯ มหติํ ภูมินฺติ มหนฺตํ สมฺปตฺติํฯ ราชาสิ สพฺพทาฐินนฺติ สเพฺพสํ ทาฐีนํ ราชา อาสิฯ โส หิ ตตฺถ มหา โหตีติ โส ปริวารสมฺปโนฺน ปุริโส เตสุ ปริวาเรสุ มหา นาม โหติฯ สิงฺคาโล วิย ทาฐินนฺติ ยถา สิงฺคาโล ทาฐีนํ มหา อโหสิ, เอวํ มหา โหติ, อถ โส สิงฺคาโล วิย ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา ตํ ปริวารํ นิสฺสาย วินาสํ ปาปุณาตีติฯ
Tattha mānatthaddhoti parivāraṃ nissāya uppannena mānena thaddho. Parivārena atthikoti uttarimpi parivārena atthiko hutvā. Mahatiṃ bhūminti mahantaṃ sampattiṃ. Rājāsi sabbadāṭhinanti sabbesaṃ dāṭhīnaṃ rājā āsi. So hi tattha mahā hotīti so parivārasampanno puriso tesu parivāresu mahā nāma hoti. Siṅgālo viya dāṭhinanti yathā siṅgālo dāṭhīnaṃ mahā ahosi, evaṃ mahā hoti, atha so siṅgālo viya pamādaṃ āpajjitvā taṃ parivāraṃ nissāya vināsaṃ pāpuṇātīti.
‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทโตฺต อโหสิ, ราชา สาริปุโตฺต, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
‘‘Tadā siṅgālo devadatto ahosi, rājā sāriputto, purohito pana ahameva ahosi’’nti.
สพฺพทาฐชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Sabbadāṭhajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๔๑. สพฺพทาฐิชาตกํ • 241. Sabbadāṭhijātakaṃ