Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๔. สพฺพกามิเตฺถรคาถาวณฺณนา
14. Sabbakāmittheragāthāvaṇṇanā
ทฺวิปาทโกติอาทิกา อายสฺมโต สพฺพกามิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฎิปากติกํ ฐเปนฺตํ เอกํ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฎิปากติกํ ฐเปตุํ สมโตฺถ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปตฺวา ตทนุรูปานิ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท อปรินิพฺพุเต เอว ภควติ เวสาลิยํ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกาโมติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต ญาตเกหิ ทารปริคฺคหํ การิโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ชิคุจฺฉโนฺต ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรโนฺต อุปชฺฌาเยน สทฺธิํ เวสาลิํ อุปคโต ญาติฆรํ อคมาสิฯ ตตฺถ นํ ปุราณทุติยิกา ปติวิโยคทุกฺขิตา กิสา ทุพฺพณฺณา อนลงฺกตา กิลิฎฺฐวตฺถนิวสนา วนฺทิตฺวา โรทมานา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา เถรสฺส กรุณาปุรสฺสรํ เมตฺตํ อุปฎฺฐาปยโต อนุภูตารมฺมเณ อโยนิโสมนสิการวเสน สหสา กิเลโส อุปฺปชฺชิฯ
Dvipādakotiādikā āyasmato sabbakāmittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato sāsane uppannaṃ abbudaṃ sodhetvā paṭipākatikaṃ ṭhapentaṃ ekaṃ theraṃ disvā, ‘‘ahampi anāgate ekassa buddhassa sāsane abbudaṃ sodhetvā paṭipākatikaṃ ṭhapetuṃ samattho bhaveyya’’nti patthanaṃ paṭṭhapetvā tadanurūpāni puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde aparinibbute eva bhagavati vesāliyaṃ khattiyakule nibbattitvā sabbakāmoti laddhanāmo vayappatto ñātakehi dārapariggahaṃ kārito nissaraṇajjhāsayatāya gharāvāsaṃ jigucchanto dhammabhaṇḍāgārikassa santike pabbajitvā samaṇadhammaṃ karonto upajjhāyena saddhiṃ vesāliṃ upagato ñātigharaṃ agamāsi. Tattha naṃ purāṇadutiyikā pativiyogadukkhitā kisā dubbaṇṇā analaṅkatā kiliṭṭhavatthanivasanā vanditvā rodamānā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Taṃ disvā therassa karuṇāpurassaraṃ mettaṃ upaṭṭhāpayato anubhūtārammaṇe ayonisomanasikāravasena sahasā kileso uppajji.
โส เตน กสาหิ ตาฬิโต อาชานีโย วิย สญฺชาตสํเวโค ตาวเทว สุสานํ คนฺตฺวา, อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคเหตฺวา, ตตฺถ ปฎิลทฺธฌานํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา, อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อถสฺส สสุโร อลงฺกตปฎิยตฺตํ ธีตรํ อาทาย มหตา ปริวาเรน นํ อุปฺปพฺพาเชตุกาโม วิหารํ อคมาสิฯ เถโร ตสฺสา อธิปฺปายํ ญตฺวา อตฺตโน กาเมสุ วิรตฺตภาวํ สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตํ ปกาเสโนฺต –
So tena kasāhi tāḷito ājānīyo viya sañjātasaṃvego tāvadeva susānaṃ gantvā, asubhanimittaṃ uggahetvā, tattha paṭiladdhajhānaṃ pādakaṃ katvā, vipassanaṃ vaḍḍhetvā, arahattaṃ pāpuṇi. Athassa sasuro alaṅkatapaṭiyattaṃ dhītaraṃ ādāya mahatā parivārena naṃ uppabbājetukāmo vihāraṃ agamāsi. Thero tassā adhippāyaṃ ñatvā attano kāmesu virattabhāvaṃ sabbattha ca anupalittataṃ pakāsento –
๔๕๓.
453.
‘‘ทฺวิปาทโกยํ อสุจิ, ทุคฺคโนฺธ ปริหีรติ;
‘‘Dvipādakoyaṃ asuci, duggandho parihīrati;
นานากุณปปริปูโร, วิสฺสวโนฺต ตโต ตโตฯ
Nānākuṇapaparipūro, vissavanto tato tato.
๔๕๔.
454.
‘‘มิคํ นิลีนํ กูเฎน, พฬิเสเนว อมฺพุชํ;
‘‘Migaṃ nilīnaṃ kūṭena, baḷiseneva ambujaṃ;
วานรํ วิย เลเปน, พาธยนฺติ ปุถุชฺชนํฯ
Vānaraṃ viya lepena, bādhayanti puthujjanaṃ.
๔๕๕.
455.
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฎฺฐพฺพา จ มโนรมา;
‘‘Rūpā saddā rasā gandhā, phoṭṭhabbā ca manoramā;
ปญฺจ กามคุณา เอเต, อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเรฯ
Pañca kāmaguṇā ete, itthirūpasmi dissare.
๔๕๖.
456.
‘‘เย เอตา อุปเสวนฺติ, รตฺตจิตฺตา ปุถุชฺชนา;
‘‘Ye etā upasevanti, rattacittā puthujjanā;
วเฑฺฒนฺติ กฎสิํ โฆรํ, อาจินนฺติ ปุนพฺภวํฯ
Vaḍḍhenti kaṭasiṃ ghoraṃ, ācinanti punabbhavaṃ.
๔๕๗.
457.
‘‘โย เจตา ปริวเชฺชติ, สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;
‘‘Yo cetā parivajjeti, sappasseva padā siro;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตติฯ
Somaṃ visattikaṃ loke, sato samativattati.
๔๕๘.
458.
‘‘กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมํ ทฎฺฐุ เขมโต;
‘‘Kāmesvādīnavaṃ disvā, nekkhammaṃ daṭṭhu khemato;
นิสฺสโฎ สพฺพกาเมหิ, ปโตฺต เม อาสวกฺขโย’’ติฯ –
Nissaṭo sabbakāmehi, patto me āsavakkhayo’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ ทฺวิปาทโกติ ยทิปิ อปาทกาทโยปิ กายา อสุจีเยว, อธิการวเสน ปน อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน วา เอวํ วุตฺตํฯ ยสฺมา วา อเญฺญ อสุจิภูตาปิ กายา โลณมฺพิลาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา มนุสฺสานํ โภชเนปิ อุปนียนฺติ, น ปน มนุสฺสกาโย, ตสฺมา อสุจิตรสภาวมสฺส ทเสฺสโนฺต ‘‘ทฺวิปาทโก’’ติ อาหฯ อยนฺติ ตทา อุปฎฺฐิตํ อิตฺถิรูปํ สนฺธายาหฯ อสุจีติ อสุจิ เอว, น เอตฺถ กิญฺจิปิ สุจีติ อโตฺถฯ ทุคฺคโนฺธ ปริหีรตีติ ทุคฺคโนฺธ สมาโน ปุปฺผคนฺธาทีหิ สงฺขริตฺวา ปริหรียติฯ นานากุณปปริปูโรติ เกสาทิอเนกปฺปการกุณปภริโตฯ วิสฺสวโนฺต ตโต ตโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิสฺส เชคุจฺฉภาวํ ปฎิจฺฉาเทตุํ วายมนฺตานมฺปิ ตํ วายามํ นิปฺผลํ กตฺวา นวหิ ทฺวาเรหิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ โลมกูเปหิ จ เสทชลฺลิกํ ‘วิสฺสวโนฺตเยว ปริหีรตี’ติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha dvipādakoti yadipi apādakādayopi kāyā asucīyeva, adhikāravasena pana ukkaṭṭhaparicchedena vā evaṃ vuttaṃ. Yasmā vā aññe asucibhūtāpi kāyā loṇambilādīhi abhisaṅkharitvā manussānaṃ bhojanepi upanīyanti, na pana manussakāyo, tasmā asucitarasabhāvamassa dassento ‘‘dvipādako’’ti āha. Ayanti tadā upaṭṭhitaṃ itthirūpaṃ sandhāyāha. Asucīti asuci eva, na ettha kiñcipi sucīti attho. Duggandho parihīratīti duggandho samāno pupphagandhādīhi saṅkharitvā pariharīyati. Nānākuṇapaparipūroti kesādianekappakārakuṇapabharito. Vissavanto tato tatoti pupphagandhādīhissa jegucchabhāvaṃ paṭicchādetuṃ vāyamantānampi taṃ vāyāmaṃ nipphalaṃ katvā navahi dvārehi kheḷasiṅghāṇikādīni lomakūpehi ca sedajallikaṃ ‘vissavantoyeva parihīratī’ti sambandho.
เอวํ เชคุโจฺฉปิ สมาโน จายํ กาโย กูฎาทีหิ วิย มิคาทิเก อตฺตโน รูปาทีหิ อนฺธปุถุชฺชเน วเญฺจติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มิค’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มิคํ นิลีนํ กูเฎนาติ ปาสวากราทินา กูเฎน นิลีนํ, ปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา มิคํ วิย เนสาโทฯ วกฺขมาโน หิ อิว-สโทฺท อิธาปิ อาเนตฺวา โยเชตโพฺพฯ พฬิเสเนว อมฺพุชนฺติ อมฺพุชํ มจฺฉํ อามิสพเทฺธน พฬิเสน วิย พาฬิสิโกฯ วานรํ วิย เลเปนาติ รุกฺขสิลาทีสุ ปกฺขิเตฺตน มกฺกฎเลเปน มกฺกฎํ วิย มิคลุโทฺท อนฺธปุถุชฺชนํ วเญฺจโนฺต พาเธนฺตีติฯ
Evaṃ jegucchopi samāno cāyaṃ kāyo kūṭādīhi viya migādike attano rūpādīhi andhaputhujjane vañcetiyevāti dassento ‘‘miga’’ntiādimāha. Tattha migaṃ nilīnaṃ kūṭenāti pāsavākarādinā kūṭena nilīnaṃ, paṭicchannaṃ katvā migaṃ viya nesādo. Vakkhamāno hi iva-saddo idhāpi ānetvā yojetabbo. Baḷiseneva ambujanti ambujaṃ macchaṃ āmisabaddhena baḷisena viya bāḷisiko. Vānaraṃ viya lepenāti rukkhasilādīsu pakkhittena makkaṭalepena makkaṭaṃ viya migaluddo andhaputhujjanaṃ vañcento bādhentīti.
เก ปน พาเธนฺตีติ อาหฯ ‘‘รูปา สทฺทา’’ติอาทิฯ รูปาทโย หิ ปญฺจ กามโกฎฺฐาสา วิเสสโต วิสภาควตฺถุสนฺนิสฺสยา วิปลฺลาสูปนิสฺสเยน อโยนิโสมนสิกาเรน ปริกฺขิตฺตานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ มโน รเมโนฺต กิเลสวตฺถุตาย อนตฺถาวหภาวโต เต พาเธนฺติ นามฯ เตน วุตฺตํ ‘‘รูปา สทฺทา…เป.… อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเร’’ติฯ
Ke pana bādhentīti āha. ‘‘Rūpā saddā’’tiādi. Rūpādayo hi pañca kāmakoṭṭhāsā visesato visabhāgavatthusannissayā vipallāsūpanissayena ayonisomanasikārena parikkhittānaṃ andhaputhujjanānaṃ mano ramento kilesavatthutāya anatthāvahabhāvato te bādhenti nāma. Tena vuttaṃ ‘‘rūpā saddā…pe… itthirūpasmi dissare’’ti.
อิตฺถิคฺคหณเญฺจตฺถ อธิการวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘เย เอตา อุปเสวนฺตี’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – เย ปุถุชฺชนา เอตา อิตฺถิโย รตฺตจิตฺตา ราคาภิภูตจิตฺตา อุปโภควตฺถุสญฺญาย อุปเสวนฺติฯ วเฑฺฒนฺติ กฎสิํ โฆรนฺติ เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ, ภยานกํ, อนฺธพาเลหิ อภิรมิตพฺพโต กฎสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติมรณาทินา วเฑฺฒนฺติฯ เตนาห ‘‘อาจินนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติฯ
Itthiggahaṇañcettha adhikāravasena katanti veditabbaṃ. Tenevāha ‘‘ye etā upasevantī’’tiādi. Tassattho – ye puthujjanā etā itthiyo rattacittā rāgābhibhūtacittā upabhogavatthusaññāya upasevanti. Vaḍḍhenti kaṭasiṃ ghoranti te jātiādīhi nirayādīhi ca ghoraṃ, bhayānakaṃ, andhabālehi abhiramitabbato kaṭasisaṅkhātaṃ saṃsāraṃ punappunaṃ uppattimaraṇādinā vaḍḍhenti. Tenāha ‘‘ācinanti punabbhava’’nti.
โย เจตาติ โย ปน ปุคฺคโล เอตา อิตฺถิโย ตตฺถ ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภเนน วา สมุจฺฉินฺทเนน วา อตฺตโน ปาเทน สปฺปสฺส สิรํ วิย ปริวเชฺชติ, โส สพฺพํ โลกํ วิสชิตฺวา ฐิตตฺตา โลเก วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ สโต หุตฺวา สมติวตฺตติฯ
Yo cetāti yo pana puggalo etā itthiyo tattha chandarāgassa vikkhambhanena vā samucchindanena vā attano pādena sappassa siraṃ viya parivajjeti, so sabbaṃ lokaṃ visajitvā ṭhitattā loke visattikāsaṅkhātaṃ taṇhaṃ sato hutvā samativattati.
กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๓๔) วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ อเนกาการโวการํ อาทีนวํ, โทสํ, ทิสฺวาฯ เนกฺขมฺมํ ทฎฺฐุ เขมโตติ กาเมหิ ภเวหิ จ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมํ, ปพฺพชฺชํ , นิพฺพานญฺจ, เขมโต, อนุปทฺทวโต, ทฎฺฐุ, ทิสฺวาฯ สพฺพกาเมหิปิ เตภูมกธเมฺมหิ นิสฺสโฎ วิสํยุโตฺตฯ สเพฺพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียเฎฺฐน กามา, เตหิ จ เถโร วิสํยุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ปโตฺต เม อาสวกฺขโย’’ติฯ
Kāmesvādīnavaṃ disvāti ‘‘aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā’’tiādinā (pāci. 417; cūḷava. 65; ma. ni. 1.234) vatthukāmesu kilesakāmesu anekākāravokāraṃ ādīnavaṃ, dosaṃ, disvā. Nekkhammaṃ daṭṭhu khematoti kāmehi bhavehi ca nikkhantabhāvato nekkhammaṃ, pabbajjaṃ , nibbānañca, khemato, anupaddavato, daṭṭhu, disvā. Sabbakāmehipi tebhūmakadhammehi nissaṭo visaṃyutto. Sabbepi tebhūmakā dhammā kāmanīyaṭṭhena kāmā, tehi ca thero visaṃyutto. Tenāha ‘‘patto me āsavakkhayo’’ti.
เอวํ เถโร อาทิโต ปญฺจหิ คาถาหิ ธมฺมํ กเถตฺวา ฉฎฺฐคาถาย อญฺญํ พฺยากาสิฯ ตํ สุตฺวา สสุโร ‘‘อยํ สพฺพตฺถ อนุปลิโตฺต, น สกฺกา อิมํ กาเมสุ ปตาเรตุ’’นฺติ ยถาคตมเคฺคเนว คโตฯ เถโรปิ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ อุปสมฺปทาย วีสวสฺสสติโก ปถพฺยา เถโร หุตฺวา, เวสาลิเกหิ วชฺชิปุเตฺตหิ อุปฺปาทิตํ สาสนสฺส อพฺพุทํ โสเธตฺวา, ทุติยํ ธมฺมสงฺคีติํ สงฺคายิตฺวา ‘‘อนาคเต ธมฺมาโสกกาเล อุปฺปชฺชนกํ อพฺพุทํ โสเธหี’’ติ ติสฺสมหาพฺรหฺมานํ อาณาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ
Evaṃ thero ādito pañcahi gāthāhi dhammaṃ kathetvā chaṭṭhagāthāya aññaṃ byākāsi. Taṃ sutvā sasuro ‘‘ayaṃ sabbattha anupalitto, na sakkā imaṃ kāmesu patāretu’’nti yathāgatamaggeneva gato. Theropi vassasataparinibbute bhagavati upasampadāya vīsavassasatiko pathabyā thero hutvā, vesālikehi vajjiputtehi uppāditaṃ sāsanassa abbudaṃ sodhetvā, dutiyaṃ dhammasaṅgītiṃ saṅgāyitvā ‘‘anāgate dhammāsokakāle uppajjanakaṃ abbudaṃ sodhehī’’ti tissamahābrahmānaṃ āṇāpetvā anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi.
สพฺพกามิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sabbakāmittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
ฉกฺกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chakkanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๔. สพฺพกามิเตฺถรคาถา • 14. Sabbakāmittheragāthā