Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๑๕] ๕. สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา
[315] 5. Sabbamaṃsalābhajātakavaṇṇanā
ผรุสา วต เต วาจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาริปุตฺตเตฺถเรน ปีตวิเรจนานํ ทินฺนรสปิณฺฑปาตํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา กิร เชตวเน เอกเจฺจ ภิกฺขู เสฺนหวิเรจนํ ปิวิํสุฯ เตสํ รสปิณฺฑปาเตน อโตฺถ โหติ, คิลานุปฎฺฐากา ‘‘รสภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวาปิ รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิวตฺติํสุฯ เถโร ทิวาตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโน เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กิํ, อาวุโส, อติปเคว นิวตฺตถา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ เถโร ‘‘เตน หิ เอถา’’ติ เต คเหตฺวา ตเมว วีถิํ อคมาสิ, มนุสฺสา ปูเรตฺวา รสภตฺตํ อทํสุฯ คิลานุปฎฺฐากา รสภตฺตํ อาหริตฺวา คิลานานํ อทํสุ, เต ปริภุญฺชิํสุ ฯ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เถโร กิร ปีตวิเรจนานํ อุปฎฺฐาเก รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิกฺขมเนฺต คเหตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ จริตฺวา พหุํ รสปิณฺฑปาตํ เปเสสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ สาริปุโตฺตว มํสํ ลภิ, ปุเพฺพปิ มุทุวาจา ปิยวจนา วตฺตุํ เฉกา ปณฺฑิตา ลภิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Pharusā vata te vācāti idaṃ satthā jetavane viharanto sāriputtattherena pītavirecanānaṃ dinnarasapiṇḍapātaṃ ārabbha kathesi. Tadā kira jetavane ekacce bhikkhū snehavirecanaṃ piviṃsu. Tesaṃ rasapiṇḍapātena attho hoti, gilānupaṭṭhākā ‘‘rasabhattaṃ āharissāmā’’ti sāvatthiṃ pavisitvā odanikagharavīthiyaṃ piṇḍāya caritvāpi rasabhattaṃ alabhitvā nivattiṃsu. Thero divātaraṃ piṇḍāya pavisamāno te bhikkhū disvā ‘‘kiṃ, āvuso, atipageva nivattathā’’ti pucchi. Te tamatthaṃ ārocesuṃ. Thero ‘‘tena hi ethā’’ti te gahetvā tameva vīthiṃ agamāsi, manussā pūretvā rasabhattaṃ adaṃsu. Gilānupaṭṭhākā rasabhattaṃ āharitvā gilānānaṃ adaṃsu, te paribhuñjiṃsu . Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, thero kira pītavirecanānaṃ upaṭṭhāke rasabhattaṃ alabhitvā nikkhamante gahetvā odanikagharavīthiyaṃ caritvā bahuṃ rasapiṇḍapātaṃ pesesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāni sāriputtova maṃsaṃ labhi, pubbepi muduvācā piyavacanā vattuṃ chekā paṇḍitā labhiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เสฎฺฐิปุโตฺต อโหสิฯ อเถกทิวสํ เอโก มิคลุทฺทโก พหุํ มํสํ ลภิตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ‘‘วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ นครํ อาคจฺฉติฯ ตทา พาราณสิวาสิกา จตฺตาโร เสฎฺฐิปุตฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺมิํ มคฺคสภาคฎฺฐาเน กิญฺจิ ทิฎฺฐํ สุตํ สลฺลปนฺตา นิสีทิํสุฯ เอเตสุ เอโก เสฎฺฐิปุโตฺต ตํ มํสยานกํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ลุทฺทกํ มํสขณฺฑํ อาหราเปมี’’ติ อาหฯ ‘‘คจฺฉ อาหราเปหี’’ติฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อเร, ลุทฺทก, เทหิ เม มํสขณฺฑ’’นฺติ อาหฯ ลุทฺทโก ‘‘มาริส, ปรํ กิญฺจิ ยาจเนฺตน นาม ปิยวจเนน ภวิตพฺพํ, ตยา กถิตวาจาย อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto seṭṭhiputto ahosi. Athekadivasaṃ eko migaluddako bahuṃ maṃsaṃ labhitvā yānakaṃ pūretvā ‘‘vikkiṇissāmī’’ti nagaraṃ āgacchati. Tadā bārāṇasivāsikā cattāro seṭṭhiputtā nagarā nikkhamitvā ekasmiṃ maggasabhāgaṭṭhāne kiñci diṭṭhaṃ sutaṃ sallapantā nisīdiṃsu. Etesu eko seṭṭhiputto taṃ maṃsayānakaṃ disvā ‘‘etaṃ luddakaṃ maṃsakhaṇḍaṃ āharāpemī’’ti āha. ‘‘Gaccha āharāpehī’’ti. So taṃ upasaṅkamitvā ‘‘are, luddaka, dehi me maṃsakhaṇḍa’’nti āha. Luddako ‘‘mārisa, paraṃ kiñci yācantena nāma piyavacanena bhavitabbaṃ, tayā kathitavācāya anucchavikaṃ maṃsakhaṇḍaṃ labhissasī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๕๗.
57.
‘‘ผรุสา วต เต วาจา, มํสํ ยาจนโก อสิ;
‘‘Pharusā vata te vācā, maṃsaṃ yācanako asi;
กิโลมสทิสี วาจา, กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติฯ
Kilomasadisī vācā, kilomaṃ samma dammi te’’ti.
ตตฺถ กิโลมสทิสีติ ผรุสตาย กิโลมสทิสีฯ กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เตติ หนฺท คณฺห, อิทํ เต วาจาย สทิสํ กิโลมํ ทมฺมีติ นิรสํ นิมํสโลหิตํ กิโลมกขณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิฯ
Tattha kilomasadisīti pharusatāya kilomasadisī. Kilomaṃ samma dammi teti handa gaṇha, idaṃ te vācāya sadisaṃ kilomaṃ dammīti nirasaṃ nimaṃsalohitaṃ kilomakakhaṇḍaṃ ukkhipitvā adāsi.
อถ นํ อปโร เสฎฺฐิปุโตฺต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อเร’’ติ วตฺวาติฯ โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘เชฎฺฐภาติก, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาหฯ อิตโร ‘‘ตว วจนสฺสฺส อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Atha naṃ aparo seṭṭhiputto ‘‘kinti vatvā yācasī’’ti pucchi. ‘‘Are’’ti vatvāti. So ‘‘ahampi naṃ yācissāmī’’ti vatvā gantvā ‘‘jeṭṭhabhātika, maṃsakhaṇḍaṃ me dehī’’ti āha. Itaro ‘‘tava vacanasssa anucchavikaṃ maṃsakhaṇḍaṃ labhissasī’’ti vatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๕๘.
58.
‘‘องฺคเมตํ มนุสฺสานํ, ภาตา โลเก ปวุจฺจติ;
‘‘Aṅgametaṃ manussānaṃ, bhātā loke pavuccati;
องฺคสฺส สทิสี วาจา, องฺคํ สมฺม ททามิ เต’’ติฯ
Aṅgassa sadisī vācā, aṅgaṃ samma dadāmi te’’ti.
ตสฺสโตฺถ – อิมสฺมิํ โลเก มนุสฺสานํ องฺคสทิสตฺตา องฺคเมตํ ยทิทํ ภาตา ภคินีติ, ตสฺมา ตเวสา องฺคสทิสี วาจาติ เอติสฺสา อนุจฺฉวิกํ องฺคเมว ททามิ เตติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา องฺคมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิฯ
Tassattho – imasmiṃ loke manussānaṃ aṅgasadisattā aṅgametaṃ yadidaṃ bhātā bhaginīti, tasmā tavesā aṅgasadisī vācāti etissā anucchavikaṃ aṅgameva dadāmi teti. Evañca pana vatvā aṅgamaṃsaṃ ukkhipitvā adāsi.
ตมฺปิ อปโร เสฎฺฐิปุโตฺต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภาติกา’’ติ วตฺวาติฯ โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘ตาต, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาหฯ ลุทฺทโก ตว วจนานูรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
Tampi aparo seṭṭhiputto ‘‘kinti vatvā yācasī’’ti pucchi. ‘‘Bhātikā’’ti vatvāti. So ‘‘ahampi naṃ yācissāmī’’ti vatvā gantvā ‘‘tāta, maṃsakhaṇḍaṃ me dehī’’ti āha. Luddako tava vacanānūrūpaṃ lacchasī’’ti vatvā tatiyaṃ gāthamāha –
๕๙.
59.
‘‘ตาตาติ ปุโตฺต วทมาโน, กเมฺปติ หทยํ ปิตุ;
‘‘Tātāti putto vadamāno, kampeti hadayaṃ pitu;
หทยสฺส สทิสี วาจา, หทยํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติฯ
Hadayassa sadisī vācā, hadayaṃ samma dammi te’’ti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา หทยมํเสน สทฺธิํ มธุรมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิฯ
Evañca pana vatvā hadayamaṃsena saddhiṃ madhuramaṃsaṃ ukkhipitvā adāsi.
ตํ จตุโตฺถ เสฎฺฐิปุโตฺต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘ตาตา’’ติ วตฺวาติฯ โส ‘‘อหมฺปิ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘สหาย มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาหฯ ลุทฺทโก ‘‘ตว วจนานุรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
Taṃ catuttho seṭṭhiputto ‘‘kinti vatvā yācasī’’ti pucchi. So ‘‘tātā’’ti vatvāti. So ‘‘ahampi yācissāmī’’ti vatvā gantvā ‘‘sahāya maṃsakhaṇḍaṃ me dehī’’ti āha. Luddako ‘‘tava vacanānurūpaṃ lacchasī’’ti vatvā catutthaṃ gāthamāha –
๖๐.
60.
‘‘ยสฺส คาเม สขา นตฺถิ, ยถารญฺญํ ตเถว ตํ;
‘‘Yassa gāme sakhā natthi, yathāraññaṃ tatheva taṃ;
สพฺพสฺส สทิสี วาจา, สพฺพํ สมฺม ททามิ เต’’ติฯ
Sabbassa sadisī vācā, sabbaṃ samma dadāmi te’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ยสฺส ปุริสสฺส คาเม สุขทุเกฺขสุ สห อยนโต สหายสงฺขาโต สขา นตฺถิ, ตสฺส ตํ ฐานํ ยถา อมนุสฺสํ อรญฺญํ ตเถว โหติ, อิติ อยํ ตว วาจา สพฺพสฺส สทิสี, สเพฺพน อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน สทิสี, ตสฺมา สพฺพเมว อิมํ มม สนฺตกํ มํสยานกํ ททามิ เตติฯ
Tassattho – yassa purisassa gāme sukhadukkhesu saha ayanato sahāyasaṅkhāto sakhā natthi, tassa taṃ ṭhānaṃ yathā amanussaṃ araññaṃ tatheva hoti, iti ayaṃ tava vācā sabbassa sadisī, sabbena attano santakena vibhavena sadisī, tasmā sabbameva imaṃ mama santakaṃ maṃsayānakaṃ dadāmi teti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, สพฺพเมว อิทํ มํสยานกํ ตว เคหํ อาหริสฺสามี’’ติ อาหฯ เสฎฺฐิปุโตฺต เตน ยานกํ ปาชาเปโนฺต อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา มํสํ โอตาราเปตฺวา ลุทฺทกสฺส สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปุตฺตทารมฺปิสฺส ปโกฺกสาเปตฺวา ลุทฺทกมฺมโต อปเนตฺวา อตฺตโน กุฎุมฺพมเชฺฌ วสาเปโนฺต เตน สทฺธิํ อเภชฺชสหาโย หุตฺวา ยาวชีวํ สมคฺควาสํ วสิฯ
Evañca pana vatvā ‘‘ehi, samma, sabbameva idaṃ maṃsayānakaṃ tava gehaṃ āharissāmī’’ti āha. Seṭṭhiputto tena yānakaṃ pājāpento attano gharaṃ gantvā maṃsaṃ otārāpetvā luddakassa sakkārasammānaṃ katvā puttadārampissa pakkosāpetvā luddakammato apanetvā attano kuṭumbamajjhe vasāpento tena saddhiṃ abhejjasahāyo hutvā yāvajīvaṃ samaggavāsaṃ vasi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก สาริปุโตฺต อโหสิ, สพฺพมํสลาภี เสฎฺฐิปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā luddako sāriputto ahosi, sabbamaṃsalābhī seṭṭhiputto pana ahameva ahosi’’nti.
สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Sabbamaṃsalābhajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๑๕. สพฺพมํสลาภชาตกํ • 315. Sabbamaṃsalābhajātakaṃ