Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๕. สพฺพมตฺถีติกถา
5. Sabbamatthītikathā
๑. วาทยุตฺติวณฺณนา
1. Vādayuttivaṇṇanā
๒๘๒. อิทานิ สพฺพมตฺถีติวาทกถา นาม โหติฯ ตตฺถ เยสํ ‘‘ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… อยํ วุจฺจติ รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๒) ‘‘สเพฺพปิ อตีตาทิเภทา ธมฺมา ขนฺธสภาวํ น วิชหนฺติ, ตสฺมา สพฺพํ อตฺถิเยว นามา’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ สพฺพมตฺถิวาทานํ, เตสํ ลทฺธิวิโสธนตฺถํ สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, วุตฺตปฺปการาย ลทฺธิยา ฐตฺวา ปฎิญฺญา อิตรสฺสฯ สพฺพถาติ สพฺพสฺมิํ สรีเร สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉติฯ สพฺพทาติ สพฺพสฺมิํ กาเล สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉติฯ สเพฺพน สพฺพนฺติ สเพฺพนากาเรน สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉติฯ สเพฺพสูติ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉติฯ อโยคนฺติ อยุตฺตํฯ นานาสภาวานญฺหิ โยโค โหติ, น เอกสภาวสฺสฯ อิติ อิมสฺมิํ ปเญฺห รูปํ เวทนาย, เวทนํ วา รูเปน อนานํ เอกลกฺขณเมว กตฺวา สพฺพมตฺถีติ ปุจฺฉติฯ ยมฺปิ นตฺถิ ตมฺปตฺถีติ ยมฺปิ ฉฎฺฐขนฺธาทิกํ สสวิสาณาทิกํ วา กิญฺจิ นตฺถีติ สิทฺธํ, ตมฺปิ เต อตฺถีติ ปุจฺฉติฯ สพฺพมตฺถีติ ยา ทิฎฺฐิ สา ทิฎฺฐิ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ, ยา ทิฎฺฐิ สา ทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ เหวมตฺถีติ อิมินา อิทํ ปุจฺฉติ – ยา เต เอสา สพฺพมตฺถีติ ทิฎฺฐิ, สา ทิฎฺฐิ อยาถาวกตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐีติ เอวํ ยา อมฺหากํ ทิฎฺฐิ, สา ทิฎฺฐิ ยาถาวกตฺตา สมฺมาทิฎฺฐีติ เอวํ ตว สมเย อตฺถีติ ปุจฺฉติฯ อิตโร สเพฺพสุปิ เอเตสุ นเยสุ วุตฺตปฺปการาย อตฺถิตาย อภาวโต ปฎิกฺขิปติฯ อิเมสุ ปน สเพฺพสุปิ นเยสุ ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ อาทิํ กตฺวา สโพฺพ กถามคฺคเภโท วิตฺถารโต เวทิตโพฺพติ อยํ ตาเวตฺถ วาทยุตฺติฯ
282. Idāni sabbamatthītivādakathā nāma hoti. Tattha yesaṃ ‘‘yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… ayaṃ vuccati rūpakkhandho’’tiādivacanato (vibha. 2) ‘‘sabbepi atītādibhedā dhammā khandhasabhāvaṃ na vijahanti, tasmā sabbaṃ atthiyeva nāmā’’ti laddhi, seyyathāpi etarahi sabbamatthivādānaṃ, tesaṃ laddhivisodhanatthaṃ sabbamatthīti pucchā sakavādissa, vuttappakārāya laddhiyā ṭhatvā paṭiññā itarassa. Sabbathāti sabbasmiṃ sarīre sabbamatthīti pucchati. Sabbadāti sabbasmiṃ kāle sabbamatthīti pucchati. Sabbena sabbanti sabbenākārena sabbamatthīti pucchati. Sabbesūti sabbesu dhammesu sabbamatthīti pucchati. Ayoganti ayuttaṃ. Nānāsabhāvānañhi yogo hoti, na ekasabhāvassa. Iti imasmiṃ pañhe rūpaṃ vedanāya, vedanaṃ vā rūpena anānaṃ ekalakkhaṇameva katvā sabbamatthīti pucchati. Yampi natthi tampatthīti yampi chaṭṭhakhandhādikaṃ sasavisāṇādikaṃ vā kiñci natthīti siddhaṃ, tampi te atthīti pucchati. Sabbamatthīti yā diṭṭhi sā diṭṭhi micchādiṭṭhīti, yā diṭṭhi sā diṭṭhi sammādiṭṭhīti hevamatthīti iminā idaṃ pucchati – yā te esā sabbamatthīti diṭṭhi, sā diṭṭhi ayāthāvakattā micchādiṭṭhīti evaṃ yā amhākaṃ diṭṭhi, sā diṭṭhi yāthāvakattā sammādiṭṭhīti evaṃ tava samaye atthīti pucchati. Itaro sabbesupi etesu nayesu vuttappakārāya atthitāya abhāvato paṭikkhipati. Imesu pana sabbesupi nayesu ‘‘ājānāhi niggaha’’nti ādiṃ katvā sabbo kathāmaggabhedo vitthārato veditabboti ayaṃ tāvettha vādayutti.
๒. กาลสํสนฺทนวณฺณนา
2. Kālasaṃsandanavaṇṇanā
๒๘๓-๒๘๔. อิทานิ อตีตํ อตฺถีติ กาลสํสนฺทนํ โหติฯ ตตฺถ อตีตํ อตฺถีติอาทิกํ สุทฺธิกสํสนฺทนํฯ อตีตํ รูปํ อตฺถีติอาทิกํ ขนฺธวเสน กาลสํสนฺทนํฯ
283-284. Idāni atītaṃ atthīti kālasaṃsandanaṃ hoti. Tattha atītaṃ atthītiādikaṃ suddhikasaṃsandanaṃ. Atītaṃ rūpaṃ atthītiādikaṃ khandhavasena kālasaṃsandanaṃ.
๒๘๕. ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปํ อปฺปิยํ กริตฺวาติ อตีตานาคตํ ปหาย ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมว อปฺปิยํ อวิภชิตพฺพํ กริตฺวาฯ รูปภาวํ ชหตีติปเญฺห นิรุทฺธสฺสาปิ รูปสฺส รูปกฺขนฺธสงฺคหิตตฺตา ปฎิกฺขิปติฯ รูปภาวํ น ชหตีติ ปฎิโลมปเญฺหปิ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิตตฺตาว ปฎิชานาติฯ โอทาตํ วตฺถํ อปฺปิยํ กริตฺวาติ เอตฺถ กิญฺจาปิ น สพฺพํ วตฺถํ โอทาตํ, อิมินา ปน วตฺถนฺติ อวตฺวา ‘‘โอทาตํ วตฺถํ อปฺปิยํ กริตฺวา’’ติ วุเตฺต สกวาทินา เอกตฺถตา อนุญฺญาตาฯ โอทาตภาวํ ชหตีติ ปเญฺห วณฺณวิคมํ สนฺธาย ปฎิญฺญา สกวาทิสฺสฯ วตฺถภาวํ ชหตีติ เอตฺถ ปน ปญฺญตฺติยา อวิคตตฺตา ปฎิเกฺขโป ตเสฺสวฯ ปฎิโลเมปิ เอเสว นโยฯ
285. Paccuppannaṃ rūpaṃ appiyaṃ karitvāti atītānāgataṃ pahāya paccuppannarūpameva appiyaṃ avibhajitabbaṃ karitvā. Rūpabhāvaṃ jahatītipañhe niruddhassāpi rūpassa rūpakkhandhasaṅgahitattā paṭikkhipati. Rūpabhāvaṃ na jahatīti paṭilomapañhepi rūpakkhandhena saṅgahitattāva paṭijānāti. Odātaṃ vatthaṃ appiyaṃ karitvāti ettha kiñcāpi na sabbaṃ vatthaṃ odātaṃ, iminā pana vatthanti avatvā ‘‘odātaṃ vatthaṃ appiyaṃ karitvā’’ti vutte sakavādinā ekatthatā anuññātā. Odātabhāvaṃ jahatīti pañhe vaṇṇavigamaṃ sandhāya paṭiññā sakavādissa. Vatthabhāvaṃ jahatīti ettha pana paññattiyā avigatattā paṭikkhepo tasseva. Paṭilomepi eseva nayo.
๒๘๖. อตีตํ อตีตภาวํ น ชหตีติ ปุโฎฺฐ ‘‘ยทิ ชเหยฺย, อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา สิยา’’ติ มญฺญมาโน ปฎิชานาติฯ อนาคตํ อนาคตภาวํ น ชหตีติ ปุโฎฺฐ ปน ‘‘ยทิ น ชเหยฺย, อนาคตเมวสฺส , ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ น ปาปุเณยฺยา’’ติ มญฺญมาโน ปฎิกฺขิปติฯ ปจฺจุปฺปนฺนปเญฺหปิ อตีตภาวํ อนาปชฺชนโทโส สิยาติ ปฎิกฺขิปติฯ อนุโลมปเญฺหสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
286. Atītaṃ atītabhāvaṃ na jahatīti puṭṭho ‘‘yadi jaheyya, anāgataṃ vā paccuppannaṃ vā siyā’’ti maññamāno paṭijānāti. Anāgataṃ anāgatabhāvaṃ na jahatīti puṭṭho pana ‘‘yadi na jaheyya, anāgatamevassa , paccuppannabhāvaṃ na pāpuṇeyyā’’ti maññamāno paṭikkhipati. Paccuppannapañhepi atītabhāvaṃ anāpajjanadoso siyāti paṭikkhipati. Anulomapañhesupi imināva nayena attho veditabbo.
๒๘๗. เอวํ สุทฺธิกนยํ วตฺวา ปุน ขนฺธวเสน ทเสฺสตุํ อตีตํ รูปนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สพฺพํ ปาฬิอนุสาเรเนว สกฺกา ชานิตุํฯ
287. Evaṃ suddhikanayaṃ vatvā puna khandhavasena dassetuṃ atītaṃ rūpantiādi vuttaṃ. Taṃ sabbaṃ pāḷianusāreneva sakkā jānituṃ.
วจนโสธนวณฺณนา
Vacanasodhanavaṇṇanā
๒๘๘. อิทานิ ‘‘อตีตํ นฺวตฺถี’’ติอาทิ วจนโสธนา โหติฯ ตตฺถ หญฺจิ อตีตํ นฺวตฺถีติ ยทิ อตีตํ โน อตฺถีติ อโตฺถฯ อตีตํ อตฺถีติ มิจฺฉาติ อตีตญฺจ ตํ อตฺถิ จาติ มิจฺฉา เอวฯ ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปุโฎฺฐ อนาคตกฺขเณเยวสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตาย อภาวํ สนฺธาย กาลนานเตฺตน ปฎิกฺขิปติฯ
288. Idāni ‘‘atītaṃ nvatthī’’tiādi vacanasodhanā hoti. Tattha hañci atītaṃ nvatthīti yadi atītaṃ no atthīti attho. Atītaṃatthīti micchāti atītañca taṃ atthi cāti micchā eva. Taññeva anāgataṃ taṃ paccuppannanti puṭṭho anāgatakkhaṇeyevassa paccuppannatāya abhāvaṃ sandhāya kālanānattena paṭikkhipati.
ทุติยํ ปุโฎฺฐ ยํ อุปฺปาทโต ปุเพฺพ อนาคตํ อโหสิ, ตสฺส อุปฺปนฺนกาเล ปจฺจุปฺปนฺนตฺตา ปฎิชานาติฯ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตีติ ยเทตํ ตยา ‘‘อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ วทตา ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ลทฺธิวเสน ‘‘อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา หุตฺวา โหตี’’ติ วุตฺตํฯ กิํ เต ตมฺปิ หุตฺวา โหตีติ? อิตโร หุตฺวา ภูตสฺส ปุน หุตฺวา อภาวโต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ
Dutiyaṃ puṭṭho yaṃ uppādato pubbe anāgataṃ ahosi, tassa uppannakāle paccuppannattā paṭijānāti. Hutvā hoti hutvā hotīti yadetaṃ tayā ‘‘anāgataṃ hutvā paccuppannaṃ hotī’’ti vadatā taññeva anāgataṃ taṃ paccuppannanti laddhivasena ‘‘anāgataṃ vā paccuppannaṃ vā hutvā hotī’’ti vuttaṃ. Kiṃ te tampi hutvā hotīti? Itaro hutvā bhūtassa puna hutvā abhāvato na hevanti paṭikkhipati.
ทุติยํ ปุโฎฺฐ ยสฺมา ตํ อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ ‘‘หุตฺวา โหตี’’ติ สงฺขํ คตํ, ตสฺมา ปฎิชานาติฯ อถ นํ สกวาที ‘‘ยทิ เต ตํ อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ ‘หุตฺวา โหตี’ติ สงฺขํ คตํ, ปุน หุตฺวา โหติ, ยํ อนาคตํ น หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ น โหนฺตํ ‘น หุตฺวา น โหตี’ติ สงฺขํ คตํ สสวิสาณํ, กิํ เต ตมฺปิ ปุน น หุตฺวา น โหตี’’ติอธิปฺปาเยน น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ อิตโร ‘‘ยํ นตฺถิ, ตํ นตฺถิตาย, เอว อนาคตํ น หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ น โหตีติ นหุตฺวานโหติ นาม ตาว โหตุ, ปุน นหุตฺวานโหติภาโว ปนสฺส กุโต’’ติ มญฺญมาโน ปฎิกฺขิปติฯ ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีตนฺติ ปเญฺหปิ ปจฺจุปฺปนฺนกฺขเณเยวสฺส อตีตตาย อภาวํ สนฺธาย กาลนานตฺตา ปฎิกฺขิปติฯ
Dutiyaṃ puṭṭho yasmā taṃ anāgataṃ hutvā paccuppannaṃ hontaṃ ‘‘hutvā hotī’’ti saṅkhaṃ gataṃ, tasmā paṭijānāti. Atha naṃ sakavādī ‘‘yadi te taṃ anāgataṃ hutvā paccuppannaṃ hontaṃ ‘hutvā hotī’ti saṅkhaṃ gataṃ, puna hutvā hoti, yaṃ anāgataṃ na hutvā paccuppannaṃ na hontaṃ ‘na hutvā na hotī’ti saṅkhaṃ gataṃ sasavisāṇaṃ, kiṃ te tampi puna na hutvā na hotī’’tiadhippāyena na hutvā na hoti na hutvā na hotīti pañhaṃ pucchati. Itaro ‘‘yaṃ natthi, taṃ natthitāya, eva anāgataṃ na hutvā paccuppannaṃ na hotīti nahutvānahoti nāma tāva hotu, puna nahutvānahotibhāvo panassa kuto’’ti maññamāno paṭikkhipati. Taññeva paccuppannaṃ taṃ atītanti pañhepi paccuppannakkhaṇeyevassa atītatāya abhāvaṃ sandhāya kālanānattā paṭikkhipati.
ทุติยปเญฺห ปุโฎฺฐ ยํ อตีตภาวโต ปุเพฺพ ปจฺจุปฺปนฺนํ อโหสิ, ตเสฺสว อตีตตฺตา ปฎิชานาติฯ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตีติ ยเทตํ ตยา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ หุตฺวา อตีตํ โหตี’’ติ วทตา ‘‘ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีต’’นฺติ ลทฺธิวเสน ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อตีตํ วา หุตฺวา โหตี’’ติ วุตฺตํ, กิํ เต ตมฺปิ หุตฺวา โหตีติ? อิตโร หุตฺวา ภูตสฺส ปุน หุตฺวา อภาวโต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ
Dutiyapañhe puṭṭho yaṃ atītabhāvato pubbe paccuppannaṃ ahosi, tasseva atītattā paṭijānāti. Hutvā hoti hutvā hotīti yadetaṃ tayā ‘‘paccuppannaṃ hutvā atītaṃ hotī’’ti vadatā ‘‘taññeva paccuppannaṃ taṃ atīta’’nti laddhivasena ‘‘paccuppannaṃ vā atītaṃ vā hutvā hotī’’ti vuttaṃ, kiṃ te tampi hutvā hotīti? Itaro hutvā bhūtassa puna hutvā abhāvato na hevanti paṭikkhipati.
ทุติยปเญฺห ยสฺมา ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ หุตฺวา อตีตํ โหนฺตํ ‘‘หุตฺวา โหตี’’ติ สงฺขํ คตํ, ตสฺมา ปฎิชานาติ ฯ อถ นํ สกวาที ‘‘ยทิ เต ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ หุตฺวา อตีตํ โหนฺตํ ‘หุตฺวา โหตี’ติ สงฺขํ คตํ, ปุน หุตฺวา โหติ, ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ น หุตฺวา อตีตํ น โหนฺตํ ‘น หุตฺวา น โหตี’ติ สงฺขํ คตํ สสวิสาณํ, กิํ เต ตมฺปิ ปุน น หุตฺวา น โหตี’’ติ อธิปฺปาเยน น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ อิตโร ‘‘ยํ นตฺถิ, ตํ นตฺถิตาย เอว ปจฺจุปฺปนฺนํ น หุตฺวา อตีตํ น โหตีติ นหุตฺวานโหติ นาม ตาว โหตุฯ ปุน นหุตฺวานโหติภาโว ปนสฺส กุโต’’ติ มญฺญมาโน ปฎิกฺขิปติฯ อุภยํ เอกโต กตฺวา อาคเต ตติยปเญฺหปิ อิมินาวุปาเยน โยชนา กาตพฺพาฯ
Dutiyapañhe yasmā taṃ paccuppannaṃ hutvā atītaṃ hontaṃ ‘‘hutvā hotī’’ti saṅkhaṃ gataṃ, tasmā paṭijānāti . Atha naṃ sakavādī ‘‘yadi te taññeva paccuppannaṃ hutvā atītaṃ hontaṃ ‘hutvā hotī’ti saṅkhaṃ gataṃ, puna hutvā hoti, yaṃ paccuppannaṃ na hutvā atītaṃ na hontaṃ ‘na hutvā na hotī’ti saṅkhaṃ gataṃ sasavisāṇaṃ, kiṃ te tampi puna na hutvā na hotī’’ti adhippāyena na hutvā na hoti na hutvā na hotīti pañhaṃ pucchati. Itaro ‘‘yaṃ natthi, taṃ natthitāya eva paccuppannaṃ na hutvā atītaṃ na hotīti nahutvānahoti nāma tāva hotu. Puna nahutvānahotibhāvo panassa kuto’’ti maññamāno paṭikkhipati. Ubhayaṃ ekato katvā āgate tatiyapañhepi imināvupāyena yojanā kātabbā.
อปโร นโย – ยทิ ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, อนาคตสฺส ปจฺจุปฺปเนฺน วุโตฺต โหติภาโว, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ อนาคเต วุโตฺต หุตฺวาภาโว อาปชฺชติฯ เอวํ สเนฺต อนาคตมฺปิ หุตฺวาโหติ นามฯ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ หุตฺวาโหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต เอเตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตี’’ติ? อิตโร – ‘‘ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ ปเญฺห ปฎิกฺขิตฺตนเยเนว ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ทุติเย ปเญฺห ปฎิญฺญาตนเยเนว ปฎิชานาติฯ อถ นํ สกวาที ‘‘ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ ปญฺหาวเสน เตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตีติ ปฎิชานนฺตํ ปุริมํ ปฎิกฺขิตฺตปญฺหํ ปริวตฺติตฺวา ปุจฺฉโนฺต น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ ปุจฺฉติฯ ตสฺสโตฺถ – นนุ ‘‘ตยา ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ วุเตฺต ปฐมปญฺหํ ปฎิกฺขิปเนฺตน อนาคตสฺส โหติภาโว ปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ หุตฺวาภาโว ปฎิกฺขิโตฺตติฯ เตน อนาคตํ น โหติ นาม, ปจฺจุปฺปนฺนํ น หุตฺวา นามฯ
Aparo nayo – yadi taññeva anāgataṃ taṃ paccuppannaṃ, anāgatassa paccuppanne vutto hotibhāvo, paccuppannassa ca anāgate vutto hutvābhāvo āpajjati. Evaṃ sante anāgatampi hutvāhoti nāma. Paccuppannampi hutvāhotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te etesu ekekaṃ hutvā hoti hutvā hotī’’ti? Itaro – ‘‘taññeva anāgataṃ taṃ paccuppanna’’nti pañhe paṭikkhittanayeneva paṭikkhipitvā puna puṭṭho dutiye pañhe paṭiññātanayeneva paṭijānāti. Atha naṃ sakavādī ‘‘taññeva anāgataṃ taṃ paccuppanna’’nti pañhāvasena tesu ekekaṃ hutvā hoti hutvā hotīti paṭijānantaṃ purimaṃ paṭikkhittapañhaṃ parivattitvā pucchanto na hutvā na hoti na hutvā na hotīti pucchati. Tassattho – nanu ‘‘tayā taññeva anāgataṃ taṃ paccuppanna’’nti vutte paṭhamapañhaṃ paṭikkhipantena anāgatassa hotibhāvo paccuppannassa ca hutvābhāvo paṭikkhittoti. Tena anāgataṃ na hoti nāma, paccuppannaṃ na hutvā nāma.
ทุติยปเญฺห จ ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปฎิญฺญาตํฯ เอวํ สเนฺต อนาคตมฺปิ น หุตฺวา น โหติ นามฯ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ น หุตฺวา น โหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต เอเตสุ เอเกกํ น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตี’’ติ? ปรวาที สพฺพโต อนฺธกาเรน ปริโยนโทฺธ วิย เตสํ นหุตฺวานโหติภาวํ อปสฺสโนฺต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ
Dutiyapañhe ca taññeva anāgataṃ taṃ paccuppannanti paṭiññātaṃ. Evaṃ sante anāgatampi na hutvā na hoti nāma. Paccuppannampi na hutvā na hotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te etesu ekekaṃ na hutvā na hoti na hutvā na hotī’’ti? Paravādī sabbato andhakārena pariyonaddho viya tesaṃ nahutvānahotibhāvaṃ apassanto na hevanti paṭikkhipati.
ทุติยวาเรปิ ยทิ ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีตํ, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส อตีเต วุโตฺต โหติภาโว, อตีตสฺส จ ปจฺจุปฺปเนฺน วุโตฺต หุตฺวาภาโว อาปชฺชติ, เอวํ สเนฺต ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ หุตฺวาโหติ นาม, อตีตมฺปิ หุตฺวาโหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต เอเตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตี’’ติ? อิตโร ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีตนฺติปเญฺห ปฎิกฺขิตฺตนเยเนว ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ทุติยปเญฺห ปฎิญฺญาตนเยเนว ปฎิชานาติฯ อถ นํ สกวาที ‘‘ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีต’’นฺติ ปญฺหาวเสน เตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตีติ ปฎิชานนฺตํ ปุริมํ ปฎิกฺขิตฺตปญฺหํ ปริวตฺติตฺวา ปุจฺฉโนฺต น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ ปุจฺฉติฯ ตสฺสโตฺถ – นนุ ตยา ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีตนฺติ วุเตฺต ปฐมปญฺหํ ปฎิกฺขิปเนฺตน ปจฺจุปฺปนฺนสฺส โหติภาโว, อตีตสฺส จ หุตฺวาภาโว ปฎิกฺขิโตฺตติฯ เตน ปจฺจุปฺปนฺนํ นโหติ นามฯ อตีตํ นหุตฺวา นามฯ
Dutiyavārepi yadi taññeva paccuppannaṃ taṃ atītaṃ, paccuppannassa atīte vutto hotibhāvo, atītassa ca paccuppanne vutto hutvābhāvo āpajjati, evaṃ sante paccuppannampi hutvāhoti nāma, atītampi hutvāhotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te etesu ekekaṃ hutvā hoti hutvā hotī’’ti? Itaro taññeva paccuppannaṃ taṃ atītantipañhe paṭikkhittanayeneva paṭikkhipitvā puna puṭṭho dutiyapañhe paṭiññātanayeneva paṭijānāti. Atha naṃ sakavādī ‘‘taññeva paccuppannaṃ taṃ atīta’’nti pañhāvasena tesu ekekaṃ hutvā hoti hutvā hotīti paṭijānantaṃ purimaṃ paṭikkhittapañhaṃ parivattitvā pucchanto na hutvā na hoti na hutvā na hotīti pucchati. Tassattho – nanu tayā taññeva paccuppannaṃ taṃ atītanti vutte paṭhamapañhaṃ paṭikkhipantena paccuppannassa hotibhāvo, atītassa ca hutvābhāvo paṭikkhittoti. Tena paccuppannaṃ nahoti nāma. Atītaṃ nahutvā nāma.
ทุติยปเญฺห จ เต ‘‘ตเญฺญว ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีต’’นฺติ ปฎิญฺญาตํฯ เอวํ สเนฺต ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ น หุตฺวา น โหติ นาม, อตีตมฺปิ น หุตฺวา น โหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต เอเตสุ เอเกกํ น หุตฺวา น โหติ, น หุตฺวา น โหตี’’ติฯ ปรวาที สพฺพโต อนฺธกาเรน ปริโยนโทฺธ วิย เตสํ นหุตฺวานโหติภาวํ อปสฺสโนฺต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปติฯ
Dutiyapañhe ca te ‘‘taññeva paccuppannaṃ taṃ atīta’’nti paṭiññātaṃ. Evaṃ sante paccuppannampi na hutvā na hoti nāma, atītampi na hutvā na hotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te etesu ekekaṃ na hutvā na hoti, na hutvā na hotī’’ti. Paravādī sabbato andhakārena pariyonaddho viya tesaṃ nahutvānahotibhāvaṃ apassanto na hevanti paṭikkhipati.
ตติยวาเรปิ ยทิ ตเญฺญว อนาคตํ ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตํ อตีตํ; อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปจฺจุปฺปนฺนาตีเตสุ วุโตฺต โหติภาโว, ปจฺจุปฺปนฺนาตีตานญฺจ อนาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ วุโตฺต หุตฺวาภาโว อาปชฺชติฯ เอวํ สเนฺต อนาคตมฺปิ หุตฺวาโหติ นามฯ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อตีตมฺปิ หุตฺวา โหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต ตีสุปิ เอเตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตี’’ติ? อิตโร ‘‘ตเญฺญว อนาคตํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตํ อตีต’’นฺติปเญฺห ปฎิกฺขิตฺตนเยเนว ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ ทุติยปเญฺห ปฎิญฺญาตนเยเนว ปฎิชานาติฯ อถ นํ สกวาที ‘‘ตเญฺญว อนาคตํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตํ อตีต’’นฺติ ปญฺหาวเสน เตสุ เอเกกํ หุตฺวา โหติ, หุตฺวา โหตีติ ปฎิชานนฺตํ ปุริมํ ปฎิกฺขิตฺตปญฺหํ ปริวตฺติตฺวา ปุจฺฉโนฺต น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ ปุจฺฉติฯ ตสฺสโตฺถ – นนุ ตยา ตเญฺญว อนาคตํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตํ อตีตนฺติ วุเตฺต ปฐมปญฺหํ ปฎิกฺขิปเนฺตน อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ โหติภาโว; ปจฺจุปฺปนฺนาตีตานญฺจ หุตฺวาภาโว ปฎิกฺขิโตฺตติ? เตน อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ น โหติ นามฯ ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ อตีตญฺจ น หุตฺวา นามฯ
Tatiyavārepi yadi taññeva anāgataṃ taṃ paccuppannaṃ taṃ atītaṃ; anāgatapaccuppannānaṃ paccuppannātītesu vutto hotibhāvo, paccuppannātītānañca anāgatapaccuppannesu vutto hutvābhāvo āpajjati. Evaṃ sante anāgatampi hutvāhoti nāma. Paccuppannampi atītampi hutvā hotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te tīsupi etesu ekekaṃ hutvā hoti hutvā hotī’’ti? Itaro ‘‘taññeva anāgataṃ, taṃ paccuppannaṃ, taṃ atīta’’ntipañhe paṭikkhittanayeneva paṭikkhipitvā puna puṭṭho dutiyapañhe paṭiññātanayeneva paṭijānāti. Atha naṃ sakavādī ‘‘taññeva anāgataṃ, taṃ paccuppannaṃ, taṃ atīta’’nti pañhāvasena tesu ekekaṃ hutvā hoti, hutvā hotīti paṭijānantaṃ purimaṃ paṭikkhittapañhaṃ parivattitvā pucchanto na hutvā na hoti na hutvā na hotīti pucchati. Tassattho – nanu tayā taññeva anāgataṃ, taṃ paccuppannaṃ, taṃ atītanti vutte paṭhamapañhaṃ paṭikkhipantena anāgatapaccuppannānaṃ hotibhāvo; paccuppannātītānañca hutvābhāvo paṭikkhittoti? Tena anāgataṃ paccuppannañca na hoti nāma. Paccuppannañca atītañca na hutvā nāma.
ทุติยปเญฺห จ เต ‘‘ตเญฺญว อนาคตํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตํ อตีต’’นฺติ ปฎิญฺญาตํฯ เอวํ สเนฺต อนาคตมฺปิ น หุตฺวา น โหติ นาม, ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อตีตมฺปิ น หุตฺวา น โหติเยว นามฯ เตน ตํ ปุจฺฉาม – ‘‘กิํ เต เอเตสุ เอเกกํ น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตี’’ติ? ปรวาที สพฺพโต อนฺธกาเรน ปริโยนโทฺธ วิย เตสํ น หุตฺวา น โหติภาวํ อปสฺสโนฺต น เหวนฺติ ปฎิกฺขิปตีติฯ นิคฺคหาทีนิ ปเนตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพานิฯ
Dutiyapañhe ca te ‘‘taññeva anāgataṃ, taṃ paccuppannaṃ, taṃ atīta’’nti paṭiññātaṃ. Evaṃ sante anāgatampi na hutvā na hoti nāma, paccuppannampi atītampi na hutvā na hotiyeva nāma. Tena taṃ pucchāma – ‘‘kiṃ te etesu ekekaṃ na hutvā na hoti na hutvā na hotī’’ti? Paravādī sabbato andhakārena pariyonaddho viya tesaṃ na hutvā na hotibhāvaṃ apassanto na hevanti paṭikkhipatīti. Niggahādīni panettha heṭṭhā vuttanayeneva yojetabbāni.
วจนโสธนวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vacanasodhanavaṇṇanā niṭṭhitā.
อตีตจกฺขุรูปาทิกถาวณฺณนา
Atītacakkhurūpādikathāvaṇṇanā
๒๘๙. อตีตํ จกฺขุ อตฺถีติอาทีสุปิ จกฺขาทิภาวาวิชหเนเนว อตฺถิตํ ปฎิชานาติฯ ปสฺสตีติอาทีนิ ปุโฎฺฐ ปน เตสํ วิญฺญาณานํ กิจฺจาภาววเสน ปฎิกฺขิปติฯ
289. Atītaṃcakkhu atthītiādīsupi cakkhādibhāvāvijahaneneva atthitaṃ paṭijānāti. Passatītiādīni puṭṭho pana tesaṃ viññāṇānaṃ kiccābhāvavasena paṭikkhipati.
อตีตญาณาทิกถาวณฺณนา
Atītañāṇādikathāvaṇṇanā
๒๙๐. เตน ญาเณน ญาณกรณียํ กโรตีติ ปเญฺห ตสฺส ญาณสฺส นิรุทฺธตฺตา กิจฺจภาวมสฺส อปสฺสโนฺต ปฎิกฺขิปติฯ ปุน ปุโฎฺฐ อตีตารมฺมณํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ญาณํ อตีตานํ ธมฺมานํ ชานนโต อตีตํ ญาณนฺติ เลเสน ปจฺจุปฺปนฺนเมว ‘‘อตีตํ ญาณ’’นฺติ กตฺวา เตน ญาเณน ญาณกรณียสฺส อตฺถิตาย ปฎิชานาติฯ อถสฺส สกวาที เลโสกาสํ อทตฺวา เตน ญาเณน ทุกฺขํ ปริชานาตีติอาทิมาหฯ อิตโร อตีตารมฺมเณเนว ญาเณน อิเมสํ จตุนฺนํ กิจฺจานํ อภาวา ปฎิกฺขิปติฯ อนาคตปเญฺหปิ เอเสว นโยฯ ปจฺจุปฺปนฺนปโญฺห เจว สํสนฺทนปโญฺห จ อุตฺตานตฺถาเยวฯ
290. Tena ñāṇena ñāṇakaraṇīyaṃ karotīti pañhe tassa ñāṇassa niruddhattā kiccabhāvamassa apassanto paṭikkhipati. Puna puṭṭho atītārammaṇaṃ paccuppannaṃ ñāṇaṃ atītānaṃ dhammānaṃ jānanato atītaṃ ñāṇanti lesena paccuppannameva ‘‘atītaṃ ñāṇa’’nti katvā tena ñāṇena ñāṇakaraṇīyassa atthitāya paṭijānāti. Athassa sakavādī lesokāsaṃ adatvā tena ñāṇena dukkhaṃ parijānātītiādimāha. Itaro atītārammaṇeneva ñāṇena imesaṃ catunnaṃ kiccānaṃ abhāvā paṭikkhipati. Anāgatapañhepi eseva nayo. Paccuppannapañho ceva saṃsandanapañho ca uttānatthāyeva.
อรหนฺตาทิกถาวณฺณนา
Arahantādikathāvaṇṇanā
๒๙๑. อรหโต อตีโต ราโค อตฺถีติอาทีสุปิ ราคาทิภาวาวิชหโนฺต เอวํ ปฎิชานาติฯ สราโคติอาทีสุ สุตฺตวิโรธภเยน เจว ยุตฺติวิโรธภเยน จ ปฎิกฺขิปติฯ
291. Arahato atīto rāgo atthītiādīsupi rāgādibhāvāvijahanto evaṃ paṭijānāti. Sarāgotiādīsu suttavirodhabhayena ceva yuttivirodhabhayena ca paṭikkhipati.
ปทโสธนกถาวณฺณนา
Padasodhanakathāvaṇṇanā
๒๙๕. เอวํ สพฺพมฺปิ ปาฬิอนุสาเรเนว วิทิตฺวา ปรโต อตฺถิ สิยา อตีตํ, สิยา นฺวาตีตนฺติ เอตฺถ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยํ อตีตเมว อตฺถิ, ตํ อตีตํฯ ยํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํ อตฺถิ, ตํ โน อตฺถิ, ตํ โน อตีตํฯ เตนาตีตํ นฺวาตีตํ, นฺวาตีตํ อตีตนฺติ เตน การเณน อตีตํ โน อตีตํ, โน อตีตํ อตีตนฺติฯ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนปุจฺฉาสุปิ เอเสว นโยฯ
295. Evaṃ sabbampi pāḷianusāreneva viditvā parato atthi siyā atītaṃ, siyā nvātītanti ettha evamattho veditabbo. Yaṃ atītameva atthi, taṃ atītaṃ. Yaṃ paccuppannānāgataṃ atthi, taṃ no atthi, taṃ no atītaṃ. Tenātītaṃ nvātītaṃ, nvātītaṃ atītanti tena kāraṇena atītaṃ no atītaṃ, no atītaṃ atītanti. Anāgatapaccuppannapucchāsupi eseva nayo.
สุตฺตสาธนวณฺณนา
Suttasādhanavaṇṇanā
๒๙๖. น วตฺตพฺพํ ‘‘อตีตํ อตฺถิ อนาคตํ อตฺถี’’ติ สุตฺตสาธนาย ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ปฎิญฺญา สกวาทิสฺสฯ ปุน อตฺตโน ลทฺธิํ นิสฺสาย ยํกิญฺจิ, ภิกฺขเว, รูปนฺติ อนุโยโค ปรวาทิเสฺสวฯ ทุติยนเย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฎิญฺญา อิตรสฺสฯ เอวํ สพฺพตฺถ ปุจฺฉา จ ปฎิญฺญา จ เวทิตพฺพาฯ ยํ ปเนตํ ปรวาทินา อนาคตสฺส อตฺถิภาวสาธนตฺถํ ‘‘นนุ วุตฺตํ ภควตา กพฬีกาเร, เจ, ภิกฺขเว’’ติ สุตฺตสฺส ปริโยสาเน อตฺถิ ตตฺถ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติอาทิ ทสฺสิตํ น ตํ อนาคตสฺส อตฺถิภาวสาธกํ ฯ ตญฺหิ เหตูนํ ปรินิฎฺฐิตตฺตา อวสฺสํ ภาวิตํ สนฺธาย ตตฺถ วุตฺตํฯ อยํ สุตฺตาธิปฺปาโยฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
296. Navattabbaṃ ‘‘atītaṃ atthi anāgataṃ atthī’’ti suttasādhanāya pucchā paravādissa, paṭiññā sakavādissa. Puna attano laddhiṃ nissāya yaṃkiñci, bhikkhave, rūpanti anuyogo paravādisseva. Dutiyanaye pucchā sakavādissa, paṭiññā itarassa. Evaṃ sabbattha pucchā ca paṭiññā ca veditabbā. Yaṃ panetaṃ paravādinā anāgatassa atthibhāvasādhanatthaṃ ‘‘nanu vuttaṃ bhagavatā kabaḷīkāre, ce, bhikkhave’’ti suttassa pariyosāne atthi tattha āyatiṃ punabbhavābhinibbattītiādi dassitaṃ na taṃ anāgatassa atthibhāvasādhakaṃ . Tañhi hetūnaṃ pariniṭṭhitattā avassaṃ bhāvitaṃ sandhāya tattha vuttaṃ. Ayaṃ suttādhippāyo. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
สพฺพมตฺถีติกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sabbamatthītikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / ๕. สพฺพมตฺถีติกถา • 5. Sabbamatthītikathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๕. สพฺพมตฺถีติกถา • 5. Sabbamatthītikathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๕. สพฺพมตฺถีติกถาวณฺณนา • 5. Sabbamatthītikathāvaṇṇanā