Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. สพฺพมิตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Sabbamittattheragāthāvaṇṇanā
ชโน ชนมฺหิ สมฺพโทฺธติ อายสฺมโต สพฺพมิตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิโต ทฺวานวุเต กเปฺป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล เนสาทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วนจาริโก หุตฺวา วเน มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทโนฺต ชีวติฯ อถสฺส ภควา อนุคฺคณฺหนตฺถํ วสนฎฺฐานสมีเป ตีณิ ปทเจติยานิ ทเสฺสตฺวา ปกฺกามิฯ โส อตีตกาเล สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ กตปริจยตฺตา จกฺกงฺกิตานิ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โกรณฺฑปุเปฺผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปุญฺญกเมฺมน ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สพฺพมิโตฺตติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต เชตวนปฎิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรเญฺญ วิหรโนฺต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุฎฺฐวโสฺส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค มาควิเกหิ โอฑฺฑิเต ปาเส มิคโปตกํ พทฺธํ อทฺทสฯ มาตา ปนสฺส มิคี ปาสํ อปฺปวิฎฺฐาปิ ปุตฺตสิเนเหน ทูรํ น คจฺฉติ, มรณภเยน ปาสสมีปมฺปิ น อุปคจฺฉติ มิคโปตโก จ ภีโต อิโต จิโต จ ปริวเตฺตโนฺต กรุณํ วิลปติ, ตํ ทิสฺวา เถโร , ‘‘อโห สตฺตานํ เสฺนหเหตุกํ ทุกฺข’’นฺติ คจฺฉโนฺต ตโต ปรํ สมฺพหุเล โจเร เอกํ ปุริสํ ชีวคาหํ คเหตฺวา ปลาลเวณิยา สรีรํ เวเฐตฺวา ฌาเปเนฺต, ตญฺจ มหาวิรวํ วิรวนฺตํ ทิสฺวา ตทุภยํ นิสฺสาย สญฺชาตสํเวโค เตสํ โจรานํ สุณนฺตานํเยว –
Jano janamhi sambaddhoti āyasmato sabbamittattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto ito dvānavute kappe tissassa bhagavato kāle nesādakule nibbattitvā vanacāriko hutvā vane mige vadhitvā maṃsaṃ khādanto jīvati. Athassa bhagavā anuggaṇhanatthaṃ vasanaṭṭhānasamīpe tīṇi padacetiyāni dassetvā pakkāmi. So atītakāle sammāsambuddhesu kataparicayattā cakkaṅkitāni disvā pasannamānaso koraṇḍapupphehi pūjaṃ katvā tena puññakammena tāvatiṃsabhavane nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthinagare brāhmaṇakule nibbatti, sabbamittotissa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto jetavanapaṭiggahaṇe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā kammaṭṭhānaṃ gahetvā araññe viharanto vassaṃ upagantvā vuṭṭhavasso bhagavantaṃ vandituṃ sāvatthiṃ gacchanto antarāmagge māgavikehi oḍḍite pāse migapotakaṃ baddhaṃ addasa. Mātā panassa migī pāsaṃ appaviṭṭhāpi puttasinehena dūraṃ na gacchati, maraṇabhayena pāsasamīpampi na upagacchati migapotako ca bhīto ito cito ca parivattento karuṇaṃ vilapati, taṃ disvā thero , ‘‘aho sattānaṃ snehahetukaṃ dukkha’’nti gacchanto tato paraṃ sambahule core ekaṃ purisaṃ jīvagāhaṃ gahetvā palālaveṇiyā sarīraṃ veṭhetvā jhāpente, tañca mahāviravaṃ viravantaṃ disvā tadubhayaṃ nissāya sañjātasaṃvego tesaṃ corānaṃ suṇantānaṃyeva –
๑๔๙.
149.
‘‘ชโน ชนมฺหิ สมฺพโทฺธ, ชนเมวสฺสิโต ชโน;
‘‘Jano janamhi sambaddho, janamevassito jano;
ชโน ชเนน เหฐียติ, เหเฐติ จ ชโน ชนํฯ
Jano janena heṭhīyati, heṭheti ca jano janaṃ.
๑๕๐.
150.
‘‘โก หิ ตสฺส ชเนนโตฺถ, ชเนน ชนิเตน วา;
‘‘Ko hi tassa janenattho, janena janitena vā;
ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหฐยิตฺวา พหุํ ชน’’นฺติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;
Janaṃ ohāya gacchaṃ taṃ, heṭhayitvā bahuṃ jana’’nti. – gāthādvayaṃ abhāsi;
ตตฺถ ชโนติ อนฺธพาลชโนฯ ชนมฺหีติ อเญฺญ ชเนฯ สมฺพโทฺธติ ตณฺหาพนฺธเนน พโทฺธฯ ‘‘อยํ เม ปุโตฺต, มาตา’’ติอาทินา ปฎิพโทฺธฯ อยเมว วา ปาโฐ, ‘‘อิเม มํ โปเสนฺติ, อหํ อิเม นิสฺสาย ชีวามี’’ติ ปฎิพทฺธจิโตฺตติ อโตฺถฯ ชนเมวสฺสิโต ชโนติ ‘‘อยํ เม ปุโตฺต, ธีตา’’ติอาทินา อญฺญเมว ชนํ อโญฺญ ชโน อสฺสิโต ตณฺหาย อลฺลีโน ปริคฺคยฺห ฐิโตฯ ชโน ชเนน เหฐียติ, เหเฐติ จ ชโน ชนนฺติ กมฺมสฺสกตาย ยถาภูตาวโพธสฺส จ อภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ อกตฺวา โลภวเสน ยถา ชโน ชนํ อสฺสิโต, เอวํ โทสวเสน ชโน ชเนน เหฐียติ วิพาธียติฯ ‘‘ตยิทํ มยฺหํว อุปริ เหฐนผลวเสน ปริปติสฺสตี’’ติ อชานโนฺต เหเฐติ จ ชโน ชนํฯ
Tattha janoti andhabālajano. Janamhīti aññe jane. Sambaddhoti taṇhābandhanena baddho. ‘‘Ayaṃ me putto, mātā’’tiādinā paṭibaddho. Ayameva vā pāṭho, ‘‘ime maṃ posenti, ahaṃ ime nissāya jīvāmī’’ti paṭibaddhacittoti attho. Janamevassito janoti ‘‘ayaṃ me putto, dhītā’’tiādinā aññameva janaṃ añño jano assito taṇhāya allīno pariggayha ṭhito. Jano janena heṭhīyati, heṭheti ca jano jananti kammassakatāya yathābhūtāvabodhassa ca abhāvato ajjhupekkhanaṃ akatvā lobhavasena yathā jano janaṃ assito, evaṃ dosavasena jano janena heṭhīyati vibādhīyati. ‘‘Tayidaṃ mayhaṃva upari heṭhanaphalavasena paripatissatī’’ti ajānanto heṭheti ca jano janaṃ.
โก หิ ตสฺส ชเนนโตฺถติ ตสฺส อญฺญชนสฺส อเญฺญน ชเนน ตณฺหาวเสน อสฺสิเตน โทสวเสน เหฐิเตน วา โก อโตฺถฯ ชเนน ชนิเตน วาติ มาตาปิตา หุตฺวา เตน อเญฺญน ชเนน ชนิเตน วา โก อโตฺถฯ ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหฐยิตฺวา พหุํ ชนนฺติ ยสฺมา สํสาเร จรโต ชนสฺส อยเมวานุรูปา ปฎิปตฺติ, ตสฺมา ตํ ชนํ, ตสฺส จ พาธิกา ยา สา ตณฺหา จ, โย จ โส โทโส เอว พหุํ ชนํ พาธยิตฺวา ฐิโต, ตญฺจ โอหาย สพฺพโส ปหาย ปริจฺจชิตฺวา คจฺฉํ, เตหิ อนุปทฺทุตํ ฐานํ คเจฺฉยฺยํ ปาปุเณยฺยนฺติ อโตฺถฯ เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตมปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๕-๒๔) –
Ko hi tassa janenatthoti tassa aññajanassa aññena janena taṇhāvasena assitena dosavasena heṭhitena vā ko attho. Janena janitena vāti mātāpitā hutvā tena aññena janena janitena vā ko attho. Janaṃ ohāya gacchaṃ taṃ, heṭhayitvā bahuṃ jananti yasmā saṃsāre carato janassa ayamevānurūpā paṭipatti, tasmā taṃ janaṃ, tassa ca bādhikā yā sā taṇhā ca, yo ca so doso eva bahuṃ janaṃ bādhayitvā ṭhito, tañca ohāya sabbaso pahāya pariccajitvā gacchaṃ, tehi anupaddutaṃ ṭhānaṃ gaccheyyaṃ pāpuṇeyyanti attho. Evaṃ pana vatvā thero tāvadeva vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattamapāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.50.15-24) –
‘‘วนกมฺมิโก ปุเร อาสิํ, ปิตุมาตุมเตนหํ;
‘‘Vanakammiko pure āsiṃ, pitumātumatenahaṃ;
ปสุมาเรน ชีวามิ, กุสลํ เม น วิชฺชติฯ
Pasumārena jīvāmi, kusalaṃ me na vijjati.
‘‘มม อาสยสามนฺตา, ติโสฺส โลกคฺคนายโก;
‘‘Mama āsayasāmantā, tisso lokagganāyako;
ปทานิ ตีณิ ทเสฺสสิ, อนุกมฺปาย จกฺขุมาฯ
Padāni tīṇi dassesi, anukampāya cakkhumā.
‘‘อกฺกเนฺต จ ปเท ทิสฺวา, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;
‘‘Akkante ca pade disvā, tissanāmassa satthuno;
หโฎฺฐ หเฎฺฐน จิเตฺตน, ปเท จิตฺตํ ปสาทยิํฯ
Haṭṭho haṭṭhena cittena, pade cittaṃ pasādayiṃ.
‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปาทปํ ธรณีรุหํ;
‘‘Koraṇḍaṃ pupphitaṃ disvā, pādapaṃ dharaṇīruhaṃ;
สโกสกํ คเหตฺวาน, ปทเสฎฺฐมปูชยิํฯ
Sakosakaṃ gahetvāna, padaseṭṭhamapūjayiṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;
โกรณฺฑกฉวิ โหมิ, สุปฺปภาโส ภวามหํฯ
Koraṇḍakachavi homi, suppabhāso bhavāmahaṃ.
‘‘เทฺวนวุเต อิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Dvenavute ito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปทปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, padapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
เต ปน โจรา เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาตา ปพฺพชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชิํสูติฯ
Te pana corā therassa santike dhammaṃ sutvā saṃvegajātā pabbajitvā dhammānudhammaṃ paṭipajjiṃsūti.
สพฺพมิตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sabbamittattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. สพฺพมิตฺตเตฺถรคาถา • 5. Sabbamittattheragāthā