Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๒. สพฺพญฺญุภาวปโญฺห

    2. Sabbaññubhāvapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, พุโทฺธ สพฺพญฺญู’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา สพฺพญฺญู, น จ ภควโต สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ, อาวชฺชนปฎิพทฺธํ ภควโต สพฺพญฺญุตญาณํ, อาวชฺชิตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, พุโทฺธ อสพฺพญฺญูติฯ ยทิ ตสฺส ปริเยสนาย สพฺพญฺญุตญาณํ โหตี’’ติฯ ‘‘วาหสตํ โข, มหาราช, วีหีนํ อฑฺฒจูฬญฺจ วาหา วีหิสตฺตมฺพณานิ เทฺว จ ตุมฺพา เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺตจิตฺตสฺส เอตฺตกา วีหี ลกฺขํ ฐปียมานา 1 ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยุํ?

    2. ‘‘Bhante nāgasena, buddho sabbaññū’’ti? ‘‘Āma, mahārāja, bhagavā sabbaññū, na ca bhagavato satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ, āvajjanapaṭibaddhaṃ bhagavato sabbaññutañāṇaṃ, āvajjitvā yadicchakaṃ jānātī’’ti. ‘‘Tena hi, bhante nāgasena, buddho asabbaññūti. Yadi tassa pariyesanāya sabbaññutañāṇaṃ hotī’’ti. ‘‘Vāhasataṃ kho, mahārāja, vīhīnaṃ aḍḍhacūḷañca vāhā vīhisattambaṇāni dve ca tumbā ekaccharākkhaṇe pavattacittassa ettakā vīhī lakkhaṃ ṭhapīyamānā 2 parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyyuṃ?

    ‘‘ตตฺริเม สตฺตวิธา จิตฺตา ปวตฺตนฺติ, เย เต, มหาราช, สราคา สโทสา สโมหา สกิเลสา อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปญฺญา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสฯ ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส วิตตสฺส วิสาลสฺส วิตฺถิณฺณสฺส สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตสฺส สาขาชฎาชฎิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ครุกํ โหติ อาคมนํ ทนฺธํฯ กิํ การณา? สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตตฺตา สาขานํฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สราคา สโทสา สโมหา สกิเลสา อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปญฺญา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตตฺตา กิเลเสหิ, อิทํ ปฐมํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatrime sattavidhā cittā pavattanti, ye te, mahārāja, sarāgā sadosā samohā sakilesā abhāvitakāyā abhāvitasīlā abhāvitacittā abhāvitapaññā, tesaṃ taṃ cittaṃ garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Abhāvitattā cittassa. Yathā, mahārāja, vaṃsanāḷassa vitatassa visālassa vitthiṇṇassa saṃsibbitavisibbitassa sākhājaṭājaṭitassa ākaḍḍhiyantassa garukaṃ hoti āgamanaṃ dandhaṃ. Kiṃ kāraṇā? Saṃsibbitavisibbitattā sākhānaṃ. Evameva kho, mahārāja, ye te sarāgā sadosā samohā sakilesā abhāvitakāyā abhāvitasīlā abhāvitacittā abhāvitapaññā, tesaṃ taṃ cittaṃ garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Saṃsibbitavisibbitattā kilesehi, idaṃ paṭhamaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ ทุติยํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, โสตาปนฺนา ปิหิตาปายา ทิฎฺฐิปฺปตฺตา วิญฺญาตสตฺถุสาสนา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ตีสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติฯ อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ตีสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตาฯ ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ติปพฺพคณฺฐิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฎาชฎิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ติปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํฯ กิํ การณา? เหฎฺฐา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฎาชฎิตตฺตาฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต โสตาปนฺนา ปิหิตาปายา ทิฎฺฐิปฺปตฺตา วิญฺญาตสตฺถุสาสนา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ตีสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ตีสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ ทุติยํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ dutiyaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, sotāpannā pihitāpāyā diṭṭhippattā viññātasatthusāsanā, tesaṃ taṃ cittaṃ tīsu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati. Uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Tīsu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā. Yathā, mahārāja, vaṃsanāḷassa tipabbagaṇṭhiparisuddhassa upari sākhājaṭājaṭitassa ākaḍḍhiyantassa yāva tipabbaṃ tāva lahukaṃ eti, tato upari thaddhaṃ. Kiṃ kāraṇā? Heṭṭhā parisuddhattā upari sākhājaṭājaṭitattā. Evameva kho, mahārāja, ye te sotāpannā pihitāpāyā diṭṭhippattā viññātasatthusāsanā, tesaṃ taṃ cittaṃ tīsu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Tīsu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā, idaṃ dutiyaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ ตติยํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, สกทาคามิโน, เยสํ ราคโทสโมหา ตนุภูตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ปญฺจสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปญฺจสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตาฯ ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ปญฺจปพฺพคณฺฐิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฎาชฎิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ปญฺจปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํฯ กิํ การณา? เหฎฺฐา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฎาชฎิตตฺตาฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สกทาคามิโน, เยสํ ราคโทสโมหา ตนุภูตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ปญฺจสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปญฺจสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ ตติยํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ tatiyaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, sakadāgāmino, yesaṃ rāgadosamohā tanubhūtā, tesaṃ taṃ cittaṃ pañcasu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Pañcasu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā. Yathā, mahārāja, vaṃsanāḷassa pañcapabbagaṇṭhiparisuddhassa upari sākhājaṭājaṭitassa ākaḍḍhiyantassa yāva pañcapabbaṃ tāva lahukaṃ eti, tato upari thaddhaṃ. Kiṃ kāraṇā? Heṭṭhā parisuddhattā upari sākhājaṭājaṭitattā. Evameva kho, mahārāja, ye te sakadāgāmino, yesaṃ rāgadosamohā tanubhūtā, tesaṃ taṃ cittaṃ pañcasu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Pañcasu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā, idaṃ tatiyaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ จตุตฺถํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, อนาคามิโน, เยสํ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สโญฺญชนานิ ปหีนานิ, เตสํ ตํ จิตฺตํ ทสสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ทสสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตาฯ ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ทสปพฺพคณฺฐิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฎาชฎิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ทสปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํฯ กิํ การณา? เหฎฺฐา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฎาชฎิตตฺตาฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต อนาคามิโน, เยสํ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สโญฺญชนานิ ปหีนานิ, เตสํ ตํ จิตฺตํ ทสสุ ฐาเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ทสสุ ฐาเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ จตุตฺถํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ catutthaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, anāgāmino, yesaṃ pañcorambhāgiyāni saññojanāni pahīnāni, tesaṃ taṃ cittaṃ dasasu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Dasasu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā. Yathā, mahārāja, vaṃsanāḷassa dasapabbagaṇṭhiparisuddhassa upari sākhājaṭājaṭitassa ākaḍḍhiyantassa yāva dasapabbaṃ tāva lahukaṃ eti, tato upari thaddhaṃ. Kiṃ kāraṇā? Heṭṭhā parisuddhattā upari sākhājaṭājaṭitattā. Evameva kho, mahārāja, ye te anāgāmino, yesaṃ pañcorambhāgiyāni saññojanāni pahīnāni, tesaṃ taṃ cittaṃ dasasu ṭhānesu lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, uparibhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Dasasu ṭhānesu cittassa parisuddhattā upari kilesānaṃ appahīnattā, idaṃ catutthaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ ปญฺจมํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, อรหโนฺต ขีณาสวา โธตมลา วนฺตกิเลสา วุสิตวโนฺต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสโญฺญชนา ปตฺตปฎิสมฺภิทา สาวกภูมีสุ ปริสุทฺธา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สาวกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, ปเจฺจกพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สาวกวิสเย, อปริสุทฺธตฺตา ปเจฺจกพุทฺธวิสเยฯ ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส สพฺพปพฺพคณฺฐิปริสุทฺธสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ลหุกํ โหติ อาคมนํ อทนฺธํฯ กิํ การณา? สพฺพปพฺพคณฺฐิปริสุทฺธตฺตา อคหนตฺตา วํสสฺสฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต อรหโนฺต ขีณาสวา โธตมลา วนฺตกิเลสา วุสิตวโนฺต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสโญฺญชนา ปตฺตปฎิสมฺภิทา สาวกภูมีสุ ปริสุทฺธา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สาวกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, ปเจฺจกพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สาวกวิสเย, อปริสุทฺธตฺตา ปเจฺจกพุทฺธวิสเย, อิทํ ปญฺจมํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ pañcamaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, arahanto khīṇāsavā dhotamalā vantakilesā vusitavanto katakaraṇīyā ohitabhārā anuppattasadatthā parikkhīṇabhavasaññojanā pattapaṭisambhidā sāvakabhūmīsu parisuddhā, tesaṃ taṃ cittaṃ sāvakavisaye lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, paccekabuddhabhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Parisuddhattā sāvakavisaye, aparisuddhattā paccekabuddhavisaye. Yathā, mahārāja, vaṃsanāḷassa sabbapabbagaṇṭhiparisuddhassa ākaḍḍhiyantassa lahukaṃ hoti āgamanaṃ adandhaṃ. Kiṃ kāraṇā? Sabbapabbagaṇṭhiparisuddhattā agahanattā vaṃsassa. Evameva kho, mahārāja, ye te arahanto khīṇāsavā dhotamalā vantakilesā vusitavanto katakaraṇīyā ohitabhārā anuppattasadatthā parikkhīṇabhavasaññojanā pattapaṭisambhidā sāvakabhūmīsu parisuddhā, tesaṃ taṃ cittaṃ sāvakavisaye lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, paccekabuddhabhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Parisuddhattā sāvakavisaye, aparisuddhattā paccekabuddhavisaye, idaṃ pañcamaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ ฉฎฺฐํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, ปเจฺจกพุทฺธา สยมฺภุโน อนาจริยกา เอกจาริโน ขคฺควิสาณกปฺปา สกวิสเย ปริสุทฺธวิมลจิตฺตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, สพฺพญฺญุพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สกวิสเย มหนฺตตฺตา สพฺพญฺญุพุทฺธวิสยสฺสฯ ยถา, มหาราช, ปุริโส สกวิสยํ ปริตฺตํ นทิํ รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ยทิจฺฉก อจฺฉมฺภิโต โอตเรยฺย, อถ ปรโต มหาสมุทฺทํ คมฺภีรํ วิตฺถตํ อคาธมปารํ ทิสฺวา ภาเยยฺย, ทนฺธาเยยฺย น วิสเหยฺย โอตริตุํฯ กิํ การณา? ติณฺณตฺตา 3 สกวิสยสฺส, มหนฺตตฺตา จ มหาสมุทฺทสฺสฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต ปเจฺจกพุทฺธา สยมฺภุโน อนาจริยกา เอกจาริโน ขคฺควิสาณกปฺปา สกวิสเย ปริสุทฺธวิมลจิตฺตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, สพฺพญฺญุพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สกวิสเย มหนฺตตฺตา สพฺพญฺญุพุทฺธวิสยสฺส, อิทํ ฉฎฺฐํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ chaṭṭhaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, paccekabuddhā sayambhuno anācariyakā ekacārino khaggavisāṇakappā sakavisaye parisuddhavimalacittā, tesaṃ taṃ cittaṃ sakavisaye lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, sabbaññubuddhabhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Parisuddhattā sakavisaye mahantattā sabbaññubuddhavisayassa. Yathā, mahārāja, puriso sakavisayaṃ parittaṃ nadiṃ rattimpi divāpi yadicchaka acchambhito otareyya, atha parato mahāsamuddaṃ gambhīraṃ vitthataṃ agādhamapāraṃ disvā bhāyeyya, dandhāyeyya na visaheyya otarituṃ. Kiṃ kāraṇā? Tiṇṇattā 4 sakavisayassa, mahantattā ca mahāsamuddassa. Evameva kho, mahārāja, ye te paccekabuddhā sayambhuno anācariyakā ekacārino khaggavisāṇakappā sakavisaye parisuddhavimalacittā, tesaṃ taṃ cittaṃ sakavisaye lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati, sabbaññubuddhabhūmīsu garukaṃ uppajjati dandhaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Parisuddhattā sakavisaye mahantattā sabbaññubuddhavisayassa, idaṃ chaṭṭhaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺริทํ สตฺตมํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพญฺญุโน ทสพลธรา จตุเวสารชฺชวิสารทา อฎฺฐารสหิ พุทฺธธเมฺมหิ สมนฺนาคตา อนนฺตชินา อนาวรณญาณา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สพฺพตฺถ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? สพฺพตฺถ ปริสุทฺธตฺตาฯ อปิ นุ โข, มหาราช, นาราจสฺส สุโธตสฺส วิมลสฺส นิคฺคณฺฐิสฺส สุขุมธารสฺส อชิมฺหสฺส อวงฺกสฺส อกุฎิลสฺส ทฬฺหจาปสมารูฬฺหสฺส โขมสุขุเม วา กปฺปาสสุขุเม วา กมฺพลสุขุเม วา พลวนิปาติตสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา ลคฺคนํ วา โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ‘‘กิํ การณา’’? ‘‘สุขุมตฺตา วตฺถานํ สุโธตตฺตา นาราจสฺส นิปาตสฺส จ พลวตฺตา’’ติ , เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพญฺญุโน ทสพลธรา จตุเวสารชฺชวิสารทา อฎฺฐารสหิ พุทฺธธเมฺมหิ สมนฺนาคตา อนนฺตชินา อนาวรณญาณา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สพฺพตฺถ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติฯ กิํ การณา? สพฺพตฺถ ปริสุทฺธตฺตา, อิทํ สตฺตมํ จิตฺตํฯ

    ‘‘Tatridaṃ sattamaṃ cittaṃ vibhattamāpajjati – ye te, mahārāja, sammāsambuddhā sabbaññuno dasabaladharā catuvesārajjavisāradā aṭṭhārasahi buddhadhammehi samannāgatā anantajinā anāvaraṇañāṇā, tesaṃ taṃ cittaṃ sabbattha lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Sabbattha parisuddhattā. Api nu kho, mahārāja, nārācassa sudhotassa vimalassa niggaṇṭhissa sukhumadhārassa ajimhassa avaṅkassa akuṭilassa daḷhacāpasamārūḷhassa khomasukhume vā kappāsasukhume vā kambalasukhume vā balavanipātitassa dandhāyitattaṃ vā lagganaṃ vā hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, ‘‘kiṃ kāraṇā’’? ‘‘Sukhumattā vatthānaṃ sudhotattā nārācassa nipātassa ca balavattā’’ti , evameva kho, mahārāja, ye te sammāsambuddhā sabbaññuno dasabaladharā catuvesārajjavisāradā aṭṭhārasahi buddhadhammehi samannāgatā anantajinā anāvaraṇañāṇā, tesaṃ taṃ cittaṃ sabbattha lahukaṃ uppajjati lahukaṃ pavattati. Kiṃ kāraṇā? Sabbattha parisuddhattā, idaṃ sattamaṃ cittaṃ.

    ‘‘ตตฺร, มหาราช, ยทิทํ สพฺพญฺญุพุทฺธานํ จิตฺตํ, ตํ ฉนฺนมฺปิ จิตฺตานํ คณนํ อติกฺกมิตฺวา อสเงฺขฺยเยฺยน คุเณน ปริสุทฺธญฺจ ลหุกญฺจฯ ยสฺมา จ ภควโต จิตฺตํ ปริสุทฺธญฺจ ลหุกญฺจ, ตสฺมา, มหาราช, ภควา ยมกปาฎิหีรํ ทเสฺสติฯ ยมกปาฎิหีเร, มหาราช, ญาตพฺพํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ จิตฺตํ เอวํ ลหุปริวตฺตนฺติ, น ตตฺถ สกฺกา อุตฺตริํ การณํ วตฺตุํ, เตปิ, มหาราช, ปาฎิหีรา สพฺพญฺญุพุทฺธานํ จิตฺตํ อุปาทาย คณนมฺปิ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปนฺติ, อาวชฺชนปฎิพทฺธํ, มหาราช, ภควโต สพฺพญฺญุตญาณํ, อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติฯ

    ‘‘Tatra, mahārāja, yadidaṃ sabbaññubuddhānaṃ cittaṃ, taṃ channampi cittānaṃ gaṇanaṃ atikkamitvā asaṅkhyeyyena guṇena parisuddhañca lahukañca. Yasmā ca bhagavato cittaṃ parisuddhañca lahukañca, tasmā, mahārāja, bhagavā yamakapāṭihīraṃ dasseti. Yamakapāṭihīre, mahārāja, ñātabbaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ cittaṃ evaṃ lahuparivattanti, na tattha sakkā uttariṃ kāraṇaṃ vattuṃ, tepi, mahārāja, pāṭihīrā sabbaññubuddhānaṃ cittaṃ upādāya gaṇanampi saṅkhampi kalampi kalabhāgampi na upenti, āvajjanapaṭibaddhaṃ, mahārāja, bhagavato sabbaññutañāṇaṃ, āvajjetvā yadicchakaṃ jānāti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส หเตฺถ ฐปิตํ ยํ กิญฺจิ ทุติเย หเตฺถ ฐเปยฺย วิวเฎน มุเขน วาจํ นิจฺฉาเรยฺย, มุขคตํ โภชนํ คิเลยฺย, อุมฺมีเลตฺวา วา นิมีเลยฺย, นิมีเลตฺวา วา อุมฺมีเลยฺย, สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, จิรตรํ เอตํ, มหาราช, ลหุตรํ ภควโต สพฺพญฺญุตญาณํ, ลหุตรํ อาวชฺชนํ, อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติ , อาวชฺชนวิกลมตฺตเกน น ตาวตา พุทฺธา ภควโนฺต อสพฺพญฺญุโน นาม โหนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, puriso hatthe ṭhapitaṃ yaṃ kiñci dutiye hatthe ṭhapeyya vivaṭena mukhena vācaṃ nicchāreyya, mukhagataṃ bhojanaṃ gileyya, ummīletvā vā nimīleyya, nimīletvā vā ummīleyya, samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, cirataraṃ etaṃ, mahārāja, lahutaraṃ bhagavato sabbaññutañāṇaṃ, lahutaraṃ āvajjanaṃ, āvajjetvā yadicchakaṃ jānāti , āvajjanavikalamattakena na tāvatā buddhā bhagavanto asabbaññuno nāma hontī’’ti.

    ‘‘อาวชฺชนมฺปิ , ภเนฺต นาคเสน, ปริเยสนาย กาตพฺพํ, อิงฺฆ มํ ตตฺถ การเณน สญฺญาเปหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริสสฺส อฑฺฒสฺส มหทฺธนสฺส มหาโภคสฺส ปหูตชาตรูปรชตสฺส ปหูตวิตฺตูปกรณสฺส ปหูตธนธญฺญสฺส สาลิวีหิยวตณฺฑุลติลมุคฺคมาสปุพฺพณฺณาปรณฺณสปฺปิเตลนวนีตขีรทธิมธุคุฬผาณิตา จ ขโฬปิกุมฺภิปีฐรโกฎฺฐภาชนคตา ภเวยฺยุํ, ตสฺส จ ปุริสสฺส ปาหุนโก อาคเจฺฉยฺย ภตฺตารโห ภตฺตาภิกงฺขี, ตสฺส จ เคเห ยํ รนฺธํ โภชนํ, ตํ ปรินิฎฺฐิตํ ภเวยฺย, กุมฺภิโต ตณฺฑุเล นีหริตฺวา โภชนํ รเนฺธยฺย, อปิ จ โข โส, มหาราช, ตาวตเกน โภชนเวกลฺลมตฺตเกน อธโน นาม กปโณ นาม ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, จกฺกวตฺติรโญฺญ ฆเรปิ, ภเนฺต, อกาเล โภชนเวกลฺลํ โหติ, กิํ ปน คหปติกสฺสา’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส อาวชฺชนวิกลมตฺตกํ สพฺพญฺญุตญาณํ อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติฯ

    ‘‘Āvajjanampi , bhante nāgasena, pariyesanāya kātabbaṃ, iṅgha maṃ tattha kāraṇena saññāpehī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, purisassa aḍḍhassa mahaddhanassa mahābhogassa pahūtajātarūparajatassa pahūtavittūpakaraṇassa pahūtadhanadhaññassa sālivīhiyavataṇḍulatilamuggamāsapubbaṇṇāparaṇṇasappitelanavanītakhīradadhimadhuguḷaphāṇitā ca khaḷopikumbhipīṭharakoṭṭhabhājanagatā bhaveyyuṃ, tassa ca purisassa pāhunako āgaccheyya bhattāraho bhattābhikaṅkhī, tassa ca gehe yaṃ randhaṃ bhojanaṃ, taṃ pariniṭṭhitaṃ bhaveyya, kumbhito taṇḍule nīharitvā bhojanaṃ randheyya, api ca kho so, mahārāja, tāvatakena bhojanavekallamattakena adhano nāma kapaṇo nāma bhaveyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, cakkavattirañño gharepi, bhante, akāle bhojanavekallaṃ hoti, kiṃ pana gahapatikassā’’ti? ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgatassa āvajjanavikalamattakaṃ sabbaññutañāṇaṃ āvajjetvā yadicchakaṃ jānāti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รุโกฺข อสฺส ผลิโต โอณตวินโต ปิณฺฑิภารภริโต, น กิญฺจิ ตตฺถ ปติตํ ผลํ ภเวยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, รุโกฺข ตาวตเกน ปติตผลเวกลฺลมตฺตเกน อผโล นาม ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ปตนปฎิพทฺธานิ ตานิ รุกฺขผลานิ, ปติเต ยทิจฺฉกํ ลภตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส อาวชฺชนปฎิพทฺธํ สพฺพญฺญุตญาณํ อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, rukkho assa phalito oṇatavinato piṇḍibhārabharito, na kiñci tattha patitaṃ phalaṃ bhaveyya, api nu kho so, mahārāja, rukkho tāvatakena patitaphalavekallamattakena aphalo nāma bhaveyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, patanapaṭibaddhāni tāni rukkhaphalāni, patite yadicchakaṃ labhatī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgatassa āvajjanapaṭibaddhaṃ sabbaññutañāṇaṃ āvajjetvā yadicchakaṃ jānātī’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อาวเชฺชตฺวา อาวเชฺชตฺวา พุโทฺธ ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา อาวเชฺชตฺวา อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, āvajjetvā āvajjetvā buddho yadicchakaṃ jānātī’’ti? ‘‘Āma, mahārāja, bhagavā āvajjetvā āvajjetvā yadicchakaṃ jānātī’’ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, จกฺกวตฺตี ราชา ยทา จกฺกรตนํ สรติ ‘อุเปตุ เม จกฺกรตน’นฺติ, สริเต จกฺกรตนํ อุเปติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต อาวเชฺชตฺวา อาวเชฺชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติฯ ‘‘ทฬฺหํ, ภเนฺต นาคเสน, การณํ, พุโทฺธ สพฺพญฺญู, สมฺปฎิจฺฉาม พุโทฺธ สพฺพญฺญู’’ติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, cakkavattī rājā yadā cakkaratanaṃ sarati ‘upetu me cakkaratana’nti, sarite cakkaratanaṃ upeti, evameva kho, mahārāja, tathāgato āvajjetvā āvajjetvā yadicchakaṃ jānātī’’ti. ‘‘Daḷhaṃ, bhante nāgasena, kāraṇaṃ, buddho sabbaññū, sampaṭicchāma buddho sabbaññū’’ti.

    พุทฺธสพฺพญฺญุภาวปโญฺห ทุติโยฯ

    Buddhasabbaññubhāvapañho dutiyo.







    Footnotes:
    1. ฐปียมาเน (สี. ปี.)
    2. ṭhapīyamāne (sī. pī.)
    3. จิณฺณตฺตา (สี. สฺยา. ปี.)
    4. ciṇṇattā (sī. syā. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact