Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    สพฺพสงฺกลนนยกถาวณฺณนา

    Sabbasaṅkalananayakathāvaṇṇanā

    ๘๗๓. ปริวาเร มุขาคตา กตฺถปญฺญตฺติวาราทโย อฎฺฐ วารา, เตเยว ปจฺจย-สเทฺทน โยเชตฺวา วุตฺตา อฎฺฐปจฺจยวาราติ วิภงฺคทฺวเย วิสุํ วิสุํ ทสฺสิตา โสฬส ปริวารา อสฺสาติ โสฬสปริวาโร, ตสฺส โสฬสปริวารสฺสสพฺพํ สงฺกลนํ นยนฺติ สเพฺพสํ วุตฺตานํ สงฺกลนนยานํ สงฺคเหตพฺพโต สพฺพํ สงฺกลเภทนํ นยํฯ

    873. Parivāre mukhāgatā katthapaññattivārādayo aṭṭha vārā, teyeva paccaya-saddena yojetvā vuttā aṭṭhapaccayavārāti vibhaṅgadvaye visuṃ visuṃ dassitā soḷasa parivārā assāti soḷasaparivāro, tassa soḷasaparivārassa. Sabbaṃ saṅkalanaṃ nayanti sabbesaṃ vuttānaṃ saṅkalananayānaṃ saṅgahetabbato sabbaṃ saṅkalabhedanaṃ nayaṃ.

    ๘๗๕. กายิกา ฉพฺพิธาติ ปฐมปาราชิกาปตฺติ, กุฎิกรเณ ปโยเค ทุกฺกฎาปตฺติ, เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต ถุลฺลจฺจยาปตฺติ, ตสฺมิํ อาคเต สงฺฆาทิเสสาปตฺติ, วิกาลโภชเน ปาจิตฺติยาปตฺติ, ปฐมปาฎิเทสนียาปตฺตีติ ฉพฺพิธาฯ

    875.Kāyikā chabbidhāti paṭhamapārājikāpatti, kuṭikaraṇe payoge dukkaṭāpatti, ekaṃ piṇḍaṃ anāgate thullaccayāpatti, tasmiṃ āgate saṅghādisesāpatti, vikālabhojane pācittiyāpatti, paṭhamapāṭidesanīyāpattīti chabbidhā.

    ตถา วาจสิกาปิ จาติ จตุตฺถปาราชิกา, กุฎิยา การาปเน ปุพฺพคติโย, ปทโสธมฺมปาจิตฺติยํ, ทวกมฺยตาย หีเนน ขุํสนํ, ตสฺส ทุพฺภาสิตนฺติ ตถา ฉพฺพิธาฯ

    Tathā vācasikāpi cāti catutthapārājikā, kuṭiyā kārāpane pubbagatiyo, padasodhammapācittiyaṃ, davakamyatāya hīnena khuṃsanaṃ, tassa dubbhāsitanti tathā chabbidhā.

    ฉาเทนฺตสฺส จ ติโสฺสติ ภิกฺขุนิยา วชฺชปฎิจฺฉาทิกาย ปาราชิกํ, ภิกฺขุโน สงฺฆาทิเสสฉาทเน ปาจิตฺติยํ, อตฺตโน ทุฎฺฐุลฺลจฺฉาทเน ทุกฺกฎนฺติ ติโสฺส จฯ

    Chādentassaca tissoti bhikkhuniyā vajjapaṭicchādikāya pārājikaṃ, bhikkhuno saṅghādisesachādane pācittiyaṃ, attano duṭṭhullacchādane dukkaṭanti tisso ca.

    ปญฺจ สํสคฺคปจฺจยาติ กายสํสเคฺค ภิกฺขุนิยา ปาราชิกํ, ภิกฺขุโน สงฺฆาทิเสโส, กาเยน กายปฎิพเทฺธ ถุลฺลจฺจยํ, นิสฺสคฺคิเยน กายปฎิพเทฺธ ทุกฺกฎํ, องฺคุลิปโตทเก ปาจิตฺติยนฺติ กายสํสคฺคปจฺจยา ปญฺจ อาปตฺติโยฯ

    Pañcasaṃsaggapaccayāti kāyasaṃsagge bhikkhuniyā pārājikaṃ, bhikkhuno saṅghādiseso, kāyena kāyapaṭibaddhe thullaccayaṃ, nissaggiyena kāyapaṭibaddhe dukkaṭaṃ, aṅgulipatodake pācittiyanti kāyasaṃsaggapaccayā pañca āpattiyo.

    ๘๗๗. ภิกฺขุนิยา วชฺชปฎิจฺฉาทิกาย ปาราชิกํ, ภิกฺขุสฺส สงฺฆาทิเสสปฎิจฺฉาทกสฺส ปาจิตฺติยนฺติ ทุฎฺฐุลฺลจฺฉาทเน ทุเวฯ

    877. Bhikkhuniyā vajjapaṭicchādikāya pārājikaṃ, bhikkhussa saṅghādisesapaṭicchādakassa pācittiyanti duṭṭhullacchādane duve.

    ๘๗๙. ‘‘คามนฺตเร จตโสฺสวา’’ติอาทิ ปฎินิเทฺทสโต จ วิญฺญายติฯ

    879.‘‘Gāmantare catassovā’’tiādi paṭiniddesato ca viññāyati.

    ๘๘๑. วชนฺติยาติ คจฺฉนฺติยาฯ

    881.Vajantiyāti gacchantiyā.

    ๘๘๕. ยา ปน ภิกฺขุนี รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป หตฺถปาเส ปุริเสน สทฺธิํ ยทิ สลฺลเปยฺย, ตสฺสา ปาจิตฺติฯ ทูเร ฐิตา หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ฐิตา วเทยฺย เจ, ทุกฺกฎเมวาติ โยชนาฯ

    885. Yā pana bhikkhunī rattandhakāre appadīpe hatthapāse purisena saddhiṃ yadi sallapeyya, tassā pācitti. Dūre ṭhitā hatthapāsaṃ vijahitvā ṭhitā vadeyya ce, dukkaṭamevāti yojanā.

    ๘๘๖. ยา ปน ภิกฺขุนี ฉเนฺน ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ทิวา ปุริเสน สทฺธิํ อสฺส ปุริสสฺส หตฺถปาเส ฐิตา วเทยฺย สลฺลเปยฺย, ตสฺสา ปาจิตฺติฯ หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา วเทยฺย เจ, ทุกฺกฎเมวาติ โยชนาฯ

    886.Yā pana bhikkhunī channe paṭicchannaṭṭhāne divā purisena saddhiṃ assa purisassa hatthapāse ṭhitā vadeyya sallapeyya, tassā pācitti. Hatthapāsaṃ vijahitvā vadeyya ce, dukkaṭamevāti yojanā.

    ๘๙๑. สนิสฺสคฺคา จ ปาจิตฺตีติ นิสฺสชฺชนวินยกมฺมสหิตาเยว ปาจิตฺติฯ

    891.Sanissaggā ca pācittīti nissajjanavinayakammasahitāyeva pācitti.

    ๘๙๓. อิธ อิมสฺมิํ สาสเนฯ

    893.Idha imasmiṃ sāsane.

    ๘๙๖. ทุวินฺนนฺติ ทฺวินฺนํฯ

    896.Duvinnanti dvinnaṃ.

    ๘๙๘. สมานสํวาสกภูมิ นาม ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน สมานลทฺธิกสฺส เอกสีมายํ ฐิตภาโวฯ นานาปทํ ปุพฺพํ เอติสฺสาติ นานาปทปุพฺพิกา, นานาสํวาสกภูมีติ อโตฺถ ฯ อุกฺขิตฺตนานาลทฺธิกนานาสีมคตา นานาสํวาสกภูมิฯ อิมา เทฺวเยว สํวาสกภูมิโย หิ มเหสินา การุณิเกน วุตฺตาติ โยชนาฯ

    898.Samānasaṃvāsakabhūmi nāma pakatattassa bhikkhuno samānaladdhikassa ekasīmāyaṃ ṭhitabhāvo. Nānāpadaṃ pubbaṃ etissāti nānāpadapubbikā, nānāsaṃvāsakabhūmīti attho . Ukkhittanānāladdhikanānāsīmagatā nānāsaṃvāsakabhūmi. Imā dveyeva saṃvāsakabhūmiyo hi mahesinā kāruṇikena vuttāti yojanā.

    ๘๙๙. ทุวินฺนนฺติ ปาริวาสิกมานตฺตจารีนํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํฯ ทฺวยาตีเตนาติ กามสุขลฺลิกานุโยคอตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตํ อนฺตทฺวยํ อติกฺกมฺม มชฺฌิมาย ปฎิปทาย ฐิเตนฯ อถ วา สสฺสตุเจฺฉททฺวยํ อติกฺกเนฺตนฯ

    899.Duvinnanti pārivāsikamānattacārīnaṃ dvinnaṃ puggalānaṃ. Dvayātītenāti kāmasukhallikānuyogaattakilamathānuyogasaṅkhātaṃ antadvayaṃ atikkamma majjhimāya paṭipadāya ṭhitena. Atha vā sassatucchedadvayaṃ atikkantena.

    ๙๐๐. ‘‘ทฺวงฺคุลปพฺพปรมํ อาทาตพฺพ’’นฺติ จ ตเถว ‘‘ทฺวงฺคุลํ วา ทุมาสํ วา’’ติ จ ทฺวงฺคุลา ทุเว ปญฺญตฺตาติ โยชนาฯ

    900. ‘‘Dvaṅgulapabbaparamaṃ ādātabba’’nti ca tatheva ‘‘dvaṅgulaṃ vā dumāsaṃ vā’’ti ca dvaṅgulā duve paññattāti yojanā.

    ๙๐๕. อาณตฺติยา มนุสฺสมารณํ, อาณตฺติยา อทินฺนาทานมฺปีติ โยชนาฯ

    905. Āṇattiyā manussamāraṇaṃ, āṇattiyā adinnādānampīti yojanā.

    ๙๐๗. ติโสฺส โอภาสนายิมาติ อิมา ติโสฺส เมถุนาธิปฺปายปฺปกาสนาฯ

    907.Tisso obhāsanāyimāti imā tisso methunādhippāyappakāsanā.

    ๙๐๘. สงฺฆาทิเสโส เอว สงฺฆาทิเสสตา

    908. Saṅghādiseso eva saṅghādisesatā.

    ๙๑๐. วนปฺปติ นาม ปุปฺผํ วินา ผลนฺตี นิโคฺรธอุทุมฺพรอสฺสตฺถปิลกฺขกาทิรุกฺขชาติ, อิธ ปน วนเชโฎฺฐ รกฺขิตโคปิตเจติยรุโกฺข วนปฺปตีติ อธิปฺปาโยฯ ถุลฺลตาติ ถุลฺลจฺจยํฯ

    910.Vanappati nāma pupphaṃ vinā phalantī nigrodhaudumbaraassatthapilakkhakādirukkhajāti, idha pana vanajeṭṭho rakkhitagopitacetiyarukkho vanappatīti adhippāyo. Thullatāti thullaccayaṃ.

    ๙๑๒. วิสฺสฎฺฐีติ วิสฺสชฺชิ สมฺภวธาตุฯ ฉฑฺฑเนติ อุปกฺกมิตฺวา โมจเนฯ ‘‘หริเต อุจฺจารํ ปสฺสาวํ ฉฑฺฑเน’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    912.Vissaṭṭhīti vissajji sambhavadhātu. Chaḍḍaneti upakkamitvā mocane. ‘‘Harite uccāraṃ passāvaṃ chaḍḍane’’ti padacchedo.

    ๙๑๓. กิํ ปมาณเมตาสนฺติ กิตฺตกา

    913. Kiṃ pamāṇametāsanti kittakā.

    ๙๑๕. ภิกฺขุ ภิกฺขุนิยา สทฺธินฺติ เอตฺถ ภิกฺขูติ สามิวจนปฺปสเงฺค ปจฺจตฺตํ, ภิกฺขุโนติ อโตฺถฯ คาถาพนฺธวเสน วา วณฺณโลโปฯ

    915.Bhikkhubhikkhuniyā saddhinti ettha bhikkhūti sāmivacanappasaṅge paccattaṃ, bhikkhunoti attho. Gāthābandhavasena vā vaṇṇalopo.

    ๙๑๘. ทุติยาย หตฺถปาสกํฯ

    918. Dutiyāya hatthapāsakaṃ.

    ๙๒๒. ‘‘ยาวตติยเก ติโสฺส อาปตฺติโย’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๗๖ อตฺถโต สมานํ) ปทสฺส นิเทฺทเส ‘‘ถุลฺลจฺจยํ สิยา สงฺฆ-เภทกสฺสานุวตฺติโน’’ติ ปฐนฺติฯ ‘‘ติณฺณํ สงฺฆเภทานุวตฺตากานํ โกกาลิกาทีนํ สงฺฆาทิเสโส’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา ตถา ปาโฐ น คเหตโพฺพฯ

    922. ‘‘Yāvatatiyake tisso āpattiyo’’ti (pari. aṭṭha. 476 atthato samānaṃ) padassa niddese ‘‘thullaccayaṃ siyā saṅgha-bhedakassānuvattino’’ti paṭhanti. ‘‘Tiṇṇaṃ saṅghabhedānuvattākānaṃ kokālikādīnaṃ saṅghādiseso’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttattā tathā pāṭho na gahetabbo.

    ๙๒๓. ยาวตติยเกติ ติณฺณํ ปูรณี ตติยา, กมฺมวาจา, ยาวตติยาย กมฺมวาจาย ปริโยสาเน อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติ ยาวตติยกา นามฯ

    923.Yāvatatiyaketi tiṇṇaṃ pūraṇī tatiyā, kammavācā, yāvatatiyāya kammavācāya pariyosāne āpajjitabbā āpatti yāvatatiyakā nāma.

    ๙๒๖. ‘‘อวสฺสุตสฺส…เป.… กิญฺจี’’ติ อิทํ ครุกาปตฺติยา วตฺถุทสฺสนํฯ ‘‘สพฺพํ มํสํ อกปฺปิย’’นฺติ อิทํ ถุลฺลจฺจยทุกฺกฎานํ วตฺถุทสฺสนํฯ

    926.‘‘Avassutassa…pe… kiñcī’’ti idaṃ garukāpattiyā vatthudassanaṃ. ‘‘Sabbaṃ maṃsaṃ akappiya’’nti idaṃ thullaccayadukkaṭānaṃ vatthudassanaṃ.

    ๙๒๗. ‘‘วิญฺญาเปตฺวาน…เป.… โภชนมฺปิ จา’’ติ อิทํ ปาฎิเทสนียวตฺถุทสฺสนํฯ ‘‘ลสุณมฺปิ จา’’ติ อิทํ ปาจิตฺติยวตฺถุทสฺสนํฯ ‘‘เอกโต อโชฺฌหรนฺติยา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    927.‘‘Viññāpetvāna…pe… bhojanampi cā’’ti idaṃ pāṭidesanīyavatthudassanaṃ. ‘‘Lasuṇampi cā’’ti idaṃ pācittiyavatthudassanaṃ. ‘‘Ekato ajjhoharantiyā’’ti padacchedo.

    ๙๓๐. รตฺตจิเตฺตน อิตฺถิยา องฺคชาตํ โอโลเกนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ

    930. Rattacittena itthiyā aṅgajātaṃ olokentassa dukkaṭaṃ vuttanti yojanā.

    ๙๓๑. สมฺมาวตฺตนาว สมฺมาวตฺตนกาเตจตฺตาลีส วตฺตนา ทฺวาสีติกฺขนฺธกวตฺตานํ ปริปูรณฎฺฐาเน ทสฺสิตาฯ

    931. Sammāvattanāva sammāvattanakā. Tecattālīsa vattanā dvāsītikkhandhakavattānaṃ paripūraṇaṭṭhāne dassitā.

    ๙๓๒. อทสฺสนอปฎิกเมฺม อาปนฺนาปตฺติยา ทุเว ปุคฺคลา, ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค อาปนฺนาปตฺติยา เอโกติ อิเม ตโย อุกฺขิตฺตปุคฺคลาฯ

    932. Adassanaapaṭikamme āpannāpattiyā duve puggalā, pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge āpannāpattiyā ekoti ime tayo ukkhittapuggalā.

    ๙๓๔. ทูสโกติ ภิกฺขุนิทูสโกฯ กณฺฎโกติ กณฺฎกสามเณโรฯ

    934.Dūsakoti bhikkhunidūsako. Kaṇṭakoti kaṇṭakasāmaṇero.

    ๙๓๗. ทเทยฺยเจฺจวมาทิกาติ ญตฺติกาเล ‘‘สโงฺฆ ทเทยฺยา’’ติอาทิเภทา ญตฺติกปฺปนา, ญตฺติกิริยาติ อโตฺถฯ เทติ สโงฺฆ กโรตีติอาทีติ กมฺมวาจากาเล ‘‘สโงฺฆ เทตี’’ติ วา ‘‘กโรตี’’ติ วา อาทิเภทา วจนกมฺมสฺส อนิฎฺฐิตตฺตา วิปฺปกตปจฺจุปฺปนฺนํ นาม สิยาฯ

    937.Dadeyyaccevamādikāti ñattikāle ‘‘saṅgho dadeyyā’’tiādibhedā ñattikappanā, ñattikiriyāti attho. Deti saṅgho karotītiādīti kammavācākāle ‘‘saṅgho detī’’ti vā ‘‘karotī’’ti vā ādibhedā vacanakammassa aniṭṭhitattā vippakatapaccuppannaṃ nāma siyā.

    ๙๓๘. ทินฺนํ กตํ ปนิจฺจาทีติ กมฺมวาจาย นิฎฺฐิตาย ‘‘ทินฺนํ สเงฺฆนา’’ติ วา ‘‘กตํ สเงฺฆนา’’ติ วาติอาทิวจนํ อตีตกรณํ นาม สิยาฯ

    938.Dinnaṃ kataṃ paniccādīti kammavācāya niṭṭhitāya ‘‘dinnaṃ saṅghenā’’ti vā ‘‘kataṃ saṅghenā’’ti vātiādivacanaṃ atītakaraṇaṃ nāma siyā.

    ๙๓๙. สเงฺฆติ สงฺฆมเชฺฌฯ

    939.Saṅgheti saṅghamajjhe.

    ‘‘การเณหิ ปน ทฺวีหิ, สโงฺฆ ภิชฺชติ นญฺญถา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อากาเรหิ สโงฺฆ ภิชฺชติฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? กเมฺมน, อุเทฺทเสน, โวหรโนฺต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) วุตฺตตฺตา, อฎฺฐกถายญฺจ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๕๘) ‘‘ปญฺจหิ การเณหี’’ติ วจนโต จ อิธ อิเมหิ ทฺวีเหว การเณหิ สงฺฆเภทกถนํ อยุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – นายุตฺตํ ปุพฺพปโยคการกวเสน วุตฺตตฺตาฯ ตถา หิ อฎฺฐกถายํ

    ‘‘Kāraṇehi pana dvīhi, saṅgho bhijjati naññathā’’ti kasmā vuttaṃ, nanu ‘‘pañcahupāli, ākārehi saṅgho bhijjati. Katamehi pañcahi? Kammena, uddesena, voharanto, anussāvanena, salākaggāhenā’’ti (pari. 458) vuttattā, aṭṭhakathāyañca (pari. aṭṭha. 458) ‘‘pañcahi kāraṇehī’’ti vacanato ca idha imehi dvīheva kāraṇehi saṅghabhedakathanaṃ ayuttanti? Vuccate – nāyuttaṃ pubbapayogakārakavasena vuttattā. Tathā hi aṭṭhakathāyaṃ

    ‘‘กเมฺมนาติ อปโลกนาทีสุ จตูสุ กเมฺมสุ อญฺญตเรน กเมฺมนฯ อุเทฺทเสนาติ ปญฺจสุ ปาติโมกฺขุเทฺทเสสุ อญฺญตเรน อุเทฺทเสนฯ โวหรโนฺตติ กถยโนฺต, ตาหิ ตาหิ อุปปตฺตีหิ ‘อธมฺมํ ธโมฺม’ติอาทีนิ อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิ ทีเปโนฺตฯ อนุสฺสาวเนนาติ ‘นนุ ตุเมฺห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ, พหุสฺสุตภาวญฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ กเรยฺยาติ จิเตฺต อุปฺปาเทตุํ ตุมฺหากํ ยุตฺตํ, กิํ มยฺหํ อวีจิ นีลุปฺปลวนมิว สีตโล, กิมหํ อปายโต น ภายามี’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนนฯ สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภตฺวา อนิวตฺติธเมฺม กตฺวา ‘คณฺหถ อิมํ สลาก’นฺติ สลากคฺคาเหนฯ

    ‘‘Kammenāti apalokanādīsu catūsu kammesu aññatarena kammena. Uddesenāti pañcasu pātimokkhuddesesu aññatarena uddesena. Voharantoti kathayanto, tāhi tāhi upapattīhi ‘adhammaṃ dhammo’tiādīni aṭṭhārasa bhedakaravatthūni dīpento. Anussāvanenāti ‘nanu tumhe jānātha mayhaṃ uccākulā pabbajitabhāvaṃ, bahussutabhāvañca, mādiso nāma uddhammaṃ ubbinayaṃ satthusāsanaṃ kareyyāti citte uppādetuṃ tumhākaṃ yuttaṃ, kiṃ mayhaṃ avīci nīluppalavanamiva sītalo, kimahaṃ apāyato na bhāyāmī’tiādinā nayena kaṇṇamūle vacībhedaṃ katvā anussāvanena. Salākaggāhenāti evaṃ anussāvetvā tesaṃ cittaṃ upatthambhetvā anivattidhamme katvā ‘gaṇhatha imaṃ salāka’nti salākaggāhena.

    ‘‘เอตฺถ จ กมฺมเมว, อุเทฺทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาฯ อฎฺฐารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรเนฺต ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คหิตายปิ อภิโนฺนว โหติ สโงฺฆฯ ยทา ปน เอวํ จตฺตาโร วา อติเรเก วา สลากํ คาเหตฺวา อาเวณิกํ กมฺมํ วา อุเทฺทสํ วา กโรติ, ตทา สโงฺฆ ภิโนฺน นาม โหตี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๕๘) –

    ‘‘Ettha ca kammameva, uddeso vā pamāṇaṃ, vohārānussāvanasalākaggāhā pana pubbabhāgā. Aṭṭhārasavatthudīpanavasena hi voharante tattha rucijananatthaṃ anussāvetvā salākāya gahitāyapi abhinnova hoti saṅgho. Yadā pana evaṃ cattāro vā atireke vā salākaṃ gāhetvā āveṇikaṃ kammaṃ vā uddesaṃ vā karoti, tadā saṅgho bhinno nāma hotī’’ti (pari. aṭṭha. 458) –

    วุตฺตตฺตา สลากคฺคาหกมฺมานิ เทฺว ปธานการณานีติ อิธ ตาเนว ทสฺสิตานิฯ

    Vuttattā salākaggāhakammāni dve padhānakāraṇānīti idha tāneva dassitāni.

    นนุ จ สลากคฺคาโหปิ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาโค วุโตฺต, อุเทฺทสกมฺมาเนว ปธานภาเวน วุตฺตานิ, ตสฺมา กถมสฺส สลากคฺคาหสฺส ปธานการณภาโวติ? วุจฺจเต – อุเทฺทสกมฺมานิปิ สลากคฺคาเห สิเทฺธ อวสฺสมฺภวนโต อตฺถสาธนปโยเคน วินา อสิทฺธาเนว โหนฺตีติ โส ปธานภาเวน อิธ คหิโต, อุเทฺทโส ปน ปญฺญตฺตกมฺมปุพฺพงฺคมตฺตา กเมฺมเนว สงฺคหิโตติ อิธ วิสุํ น วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Nanu ca salākaggāhopi saṅghabhedassa pubbabhāgo vutto, uddesakammāneva padhānabhāvena vuttāni, tasmā kathamassa salākaggāhassa padhānakāraṇabhāvoti? Vuccate – uddesakammānipi salākaggāhe siddhe avassambhavanato atthasādhanapayogena vinā asiddhāneva hontīti so padhānabhāvena idha gahito, uddeso pana paññattakammapubbaṅgamattā kammeneva saṅgahitoti idha visuṃ na vuttoti daṭṭhabbaṃ.

    ๙๔๑. ปยุตฺตายุตฺตวาจายาติ ปจฺจยุปฺปาทนตฺถาย ปยุตฺตา จ สา สกฺยปุตฺติยภาวสฺส อยุตฺตา อนนุรูปา จาติ ปยุตฺตายุตฺตา, สาเยว วาจาติ ปยุตฺตายุตฺตวาจา, ตายฯ

    941.Payuttāyuttavācāyāti paccayuppādanatthāya payuttā ca sā sakyaputtiyabhāvassa ayuttā ananurūpā cāti payuttāyuttā, sāyeva vācāti payuttāyuttavācā, tāya.

    ๙๔๔. ยา ภิกฺขุนี วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, ตสฺสา จ ปาฎิเทสนียํ สิยาติ โยชนาฯ

    944. Yā bhikkhunī viññāpetvā bhuñjati, tassā ca pāṭidesanīyaṃ siyāti yojanā.

    ๙๔๕. อนามโยติ อคิลาโนฯ

    945.Anāmayoti agilāno.

    ๙๔๖. ‘‘ทสสตานี’’ติอาทิคาถาย รตฺตีนนฺติ เอตฺถ ‘‘สต’’นฺติ เสโสฯ ฉาทนกิริยาย อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ ทสสตานิ อาปตฺติโย รตฺตีนํ สตํ ฉาเทตฺวาติ โยชนาฯ เอวํ กตฺตพฺพโยชนายํ –

    946.‘‘Dasasatānī’’tiādigāthāya rattīnanti ettha ‘‘sata’’nti seso. Chādanakiriyāya accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Dasasatāni āpattiyo rattīnaṃ sataṃ chādetvāti yojanā. Evaṃ kattabbayojanāyaṃ –

    ‘‘ทส สตํ รตฺติสตํ, อาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาน;

    ‘‘Dasa sataṃ rattisataṃ, āpattiyo chādayitvāna;

    ทส รตฺติโย วสิตฺวาน, มุเจฺจยฺย ปาริวาสิโก’’ติฯ (ปริ. ๔๗๗) –

    Dasa rattiyo vasitvāna, mucceyya pārivāsiko’’ti. (pari. 477) –

    อยํ ปริวารคาถาปมาณํฯ เอกทิวสํ สตํสงฺฆาทิเสสาปตฺติโย อาปชฺชิตฺวา ทสทิวเส ฉาทนวเสน สตํทิวเส สหสฺสสงฺฆาทิเสสาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ สเงฺขปโตฺถ – โย ทสทิวเส สตํ สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิตฺวา ทสทิวเส ปฎิจฺฉาเทติ, เตน รตฺติสตํ อาปตฺติสหสฺสํ ปฎิจฺฉาทิตํ โหตีติฯ ทส รตฺติโย วสิตฺวานาติ ‘‘สพฺพาว ตา อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนา’’ติ ปริวาสํ ยาจิตฺวา ทส รตฺติโย วสิตฺวาติ อโตฺถฯ มุเจฺจยฺย ปาริวาสิโกติ ปริวาสํ วสโนฺต ภิกฺขุ อตฺตนา วสิตพฺพปริวาสโต มุเจฺจยฺย, มุโตฺต ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ

    Ayaṃ parivāragāthāpamāṇaṃ. Ekadivasaṃ sataṃsaṅghādisesāpattiyo āpajjitvā dasadivase chādanavasena sataṃdivase sahassasaṅghādisesāpattiyo chādayitvāti attho. Ayamettha saṅkhepattho – yo dasadivase sataṃ saṅghādisesā āpattiyo āpajjitvā dasadivase paṭicchādeti, tena rattisataṃ āpattisahassaṃ paṭicchāditaṃ hotīti. Dasa rattiyo vasitvānāti ‘‘sabbāva tā āpattiyo dasāhapaṭicchannā’’ti parivāsaṃ yācitvā dasa rattiyo vasitvāti attho. Mucceyya pārivāsikoti parivāsaṃ vasanto bhikkhu attanā vasitabbaparivāsato mucceyya, mutto bhaveyyāti attho.

    ๙๔๗. ปาราชิกานิ อเฎฺฐวาติ อคฺคหิตคฺคหเณนฯ เตวีส ครุกาติ ภิกฺขูหิ อสาธารณา ภิกฺขุนีนํ ทส, ภิกฺขุนีหิ อสาธารณา ภิกฺขูนํ ฉ, อุภินฺนํ สาธารณา สตฺตาติ เอวํ เตวีส สงฺฆาทิเสสาฯ

    947.Pārājikāni aṭṭhevāti aggahitaggahaṇena. Tevīsa garukāti bhikkhūhi asādhāraṇā bhikkhunīnaṃ dasa, bhikkhunīhi asādhāraṇā bhikkhūnaṃ cha, ubhinnaṃ sādhāraṇā sattāti evaṃ tevīsa saṅghādisesā.

    ๙๔๘. วุตฺตานีติ ยถาวุตฺตานิ นิสฺสคฺคิยานิฯ เทฺวจตฺตาลีส โหนฺตีติ ภิกฺขุวิภงฺคาคตา ติํส, ภิกฺขูหิ อสาธารณา ภิกฺขุนีนํ อาทิโต ทฺวาทส จาติ ทฺวาจตฺตาลีส นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติฯ อฎฺฐาสีติสตํ ปาจิตฺติยา ปุเพฺพ ทสฺสิตาวฯ

    948.Vuttānīti yathāvuttāni nissaggiyāni. Dvecattālīsa hontīti bhikkhuvibhaṅgāgatā tiṃsa, bhikkhūhi asādhāraṇā bhikkhunīnaṃ ādito dvādasa cāti dvācattālīsa nissaggiyāni honti. Aṭṭhāsītisataṃ pācittiyā pubbe dassitāva.

    ๙๔๙. สุสิเกฺขนาติ สุฎฺฐุ สิกฺขิตอธิสีลาทิติวิธสิเกฺขน ภควตาฯ

    949.Susikkhenāti suṭṭhu sikkhitaadhisīlāditividhasikkhena bhagavatā.

    ๙๕๐. สุปเญฺญนาติ โสภณา ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาทโย ปญฺญา ยสฺส โส สุปโญฺญ, เตนฯ ยสสฺสินาติ อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาตปริวารยสา จ สพฺพโลกพฺยาปกคุณโฆสสงฺขาตกิตฺติยสา จ เตน สมนฺนาคตตฺตา ยสสฺสินาฯ อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ ภวนฺตีติ ยถาทสฺสิตคณนาย ปิณฺฑวเสน ปญฺญาสาธิกานิ ตีณิ สตานิ ภวนฺตีติ อโตฺถฯ สุปเญฺญน ยสสฺสินา โคตเมน ปญฺญตฺตานิ สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ ภวนฺตีติ โยชนาฯ

    950.Supaññenāti sobhaṇā dasabalacatuvesārajjachaasādhāraṇādayo paññā yassa so supañño, tena. Yasassināti aṭṭhaariyapuggalasamūhasaṅkhātaparivārayasā ca sabbalokabyāpakaguṇaghosasaṅkhātakittiyasā ca tena samannāgatattā yasassinā. Aḍḍhuḍḍhāni satāni bhavantīti yathādassitagaṇanāya piṇḍavasena paññāsādhikāni tīṇi satāni bhavantīti attho. Supaññena yasassinā gotamena paññattāni sabbāni sikkhāpadāni aḍḍhuḍḍhāni satāni bhavantīti yojanā.

    ๙๕๑. เอเตสุ สิกฺขาปเทสุ โย สารภูโต วินิจฺฉโย วตฺตโพฺพ, โส สกโล มยา สมาเสน สพฺพถา สพฺพากาเรน วุโตฺตติ โยชนาฯ

    951.Etesu sikkhāpadesu yo sārabhūto vinicchayo vattabbo, so sakalo mayā samāsena sabbathā sabbākārena vuttoti yojanā.

    ๙๕๒. อิทํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํฯ

    952.Idaṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ.

    ๙๕๓. ตสฺมาติ มยา วิจาเรตฺวา วุตฺตตฺตาวฯ อเตฺถติ วจนตฺถภาวตฺถาทิเภเท อเตฺถ วาฯ อกฺขรพเนฺธ วาติ อกฺขรสงฺขาตปทพเนฺธ วาฯ วิญฺญาสสฺส กเมปิ วาติ อุเทฺทสวเสน คนฺถนิเกฺขปสฺส กเมปิฯ กงฺขา น กาตพฺพาติ ‘‘ยถาอธิเปฺปตสฺส อิทํ วาจกํ นุ โข, อวาจก’’นฺติ วา ‘‘อิทมยุตฺตํ นุ โข, ยุตฺต’’นฺติ วา ‘‘อิทมธิกํ นุ โข, อูน’’นฺติ วา ‘‘อิทมฆฎฺฎิตกฺกมํ นุ โข, ฆฎฺฎิตกฺกม’’นฺติ วา ‘‘อิทํ วิรุทฺธสมยํ นุ โข, อวิรุทฺธสมย’’นฺติ วา ‘‘อิทํ ทุรุตฺตํ นุ โข, สุวุตฺต’’นฺติ วา ‘‘อิทํ สตฺถกํ นุ โข, นิรตฺถก’’นฺติ วา กงฺขา วิมติ เยน เกนจิ น กาตพฺพาฯ พหุมานตาติ ‘‘วินโย สํวรตฺถายา’’ติอาทินา (ปริ. ๓๖๖) นิทฺทิฎฺฐปโยชนปรมฺปราย มูลการณตฺตา มหตี สมฺมานา กาตพฺพาติ อโตฺถฯ

    953.Tasmāti mayā vicāretvā vuttattāva. Attheti vacanatthabhāvatthādibhede atthe vā. Akkharabandheti akkharasaṅkhātapadabandhe vā. Viññāsassa kamepi vāti uddesavasena ganthanikkhepassa kamepi. Kaṅkhā na kātabbāti ‘‘yathāadhippetassa idaṃ vācakaṃ nu kho, avācaka’’nti vā ‘‘idamayuttaṃ nu kho, yutta’’nti vā ‘‘idamadhikaṃ nu kho, ūna’’nti vā ‘‘idamaghaṭṭitakkamaṃ nu kho, ghaṭṭitakkama’’nti vā ‘‘idaṃ viruddhasamayaṃ nu kho, aviruddhasamaya’’nti vā ‘‘idaṃ duruttaṃ nu kho, suvutta’’nti vā ‘‘idaṃ satthakaṃ nu kho, niratthaka’’nti vā kaṅkhā vimati yena kenaci na kātabbā. Bahumānatāti ‘‘vinayo saṃvaratthāyā’’tiādinā (pari. 366) niddiṭṭhapayojanaparamparāya mūlakāraṇattā mahatī sammānā kātabbāti attho.

    ๙๕๔. โย ภิกฺขุ สอุตฺตรํ อุตฺตรปกรเณน สหิตํ วินยสฺสวินิจฺฉยํ นาม ปกรณํ ชานาติ ธมฺมโต เจว อตฺถโต จ วินิจฺฉยโต จ สพฺพถา อวพุชฺฌติ, โส ภิกฺขุ อตฺตนา สิกฺขิตพฺพาย สิกฺขาย สพฺพโส วิญฺญาตตฺตา สิกฺขาปเกน อาจริเยน วินาปิ สิกฺขิตุํ สมโตฺถติฯ นิสฺสยํ วิมุญฺจิตฺวาติ อาจริยุปชฺฌาเย นิสฺสาย วาสํ มุญฺจิตฺวาฯ ยถากามงฺคโต สิยาติ ยาทิสา ยาทิสา อตฺตนา คามิตา, ตตฺถ ตตฺถ คมนารโห ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ

    954.Yo bhikkhu sauttaraṃ uttarapakaraṇena sahitaṃ vinayassavinicchayaṃ nāma pakaraṇaṃ jānāti dhammato ceva atthato ca vinicchayato ca sabbathā avabujjhati, so bhikkhu attanā sikkhitabbāya sikkhāya sabbaso viññātattā sikkhāpakena ācariyena vināpi sikkhituṃ samatthoti. Nissayaṃ vimuñcitvāti ācariyupajjhāye nissāya vāsaṃ muñcitvā. Yathākāmaṅgato siyāti yādisā yādisā attanā gāmitā, tattha tattha gamanāraho bhaveyyāti attho.

    ๙๕๕. นิสฺสยํ ทาตุกาเมนฯ สห วิภเงฺคน สวิภงฺคํฯ สห มาติกาย สมาติกํฯ อิทํ สอุตฺตรํ วินยวินิจฺฉยปกรณํ สุฎฺฐุ วาจุคฺคตํ กตฺวา คนฺถโต สุฎฺฐุ ปคุณํ วาจุคฺคตํ กตฺวา อตฺถโต, วินิจฺฉยโต จ สมฺมา ชานิตฺวา เอวํ ทาตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    955. Nissayaṃ dātukāmena. Saha vibhaṅgena savibhaṅgaṃ. Saha mātikāya samātikaṃ. Idaṃ sauttaraṃ vinayavinicchayapakaraṇaṃ suṭṭhu vācuggataṃ katvā ganthato suṭṭhu paguṇaṃ vācuggataṃ katvā atthato, vinicchayato ca sammā jānitvā evaṃ dātabbanti yojanā.

    ๙๕๖-๗. โย ภิกฺขุ อิมํ สอุตฺตรํ วินยวินิจฺฉยปกรณํ วาจาย ปฐติ, มนสา จิเนฺตติ, อเญฺญหิ วุจฺจมานํ สุณาติ, อตฺถํ ปริปุจฺฉติ, ปรํ วาเจติ, นิจฺจํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ ยถาปริปุจฺฉิตมตฺถํ เหตุอุทาหรณปวตฺติวเสน อุปคนฺตฺวา สมนฺตโต อิกฺขติ ปญฺญาย นิยเมติ ววตฺถเปติ, ตสฺส ปน ภิกฺขุสฺส วินยนิสฺสิตา สเพฺพว อตฺถา อาปตฺตานาปตฺติกปฺปิยากปฺปิยาทิปเภทา สเพฺพ อตฺถา หเตฺถ อามลกํ วิย กรตเล อมลมณิรตนํ วิย อุปฎฺฐหนฺติ ปากฎา ภวนฺตีติ โยชนาฯ นตฺถิ เอตสฺส มลนฺติ อมลํ, อมลเมว อามลกนฺติ มณิรตนํ วุจฺจติฯ

    956-7.Yo bhikkhu imaṃ sauttaraṃ vinayavinicchayapakaraṇaṃ vācāya paṭhati, manasā cinteti, aññehi vuccamānaṃ suṇāti, atthaṃ paripucchati, paraṃ vāceti, niccaṃ atthaṃ upaparikkhati yathāparipucchitamatthaṃ hetuudāharaṇapavattivasena upagantvā samantato ikkhati paññāya niyameti vavatthapeti, tassa pana bhikkhussa vinayanissitā sabbeva atthā āpattānāpattikappiyākappiyādipabhedā sabbe atthā hatthe āmalakaṃ viya karatale amalamaṇiratanaṃ viya upaṭṭhahanti pākaṭā bhavantīti yojanā. Natthi etassa malanti amalaṃ, amalameva āmalakanti maṇiratanaṃ vuccati.

    ๙๕๘. นตฺถิ เอเตสํ พุทฺธีติ อพุทฺธี, อพุทฺธี จ เต ชนา จาติ อพุทฺธิชนา, อพุทฺธิชนานํ สารํ อวสารํ โอสีทนํ ททาติ อาททาติ กโรตีติ อพุทฺธิชนสารทํ, พุทฺธิวิรหิตานํ อคาธํ คมฺภีรํฯ เตหิ อลทฺธปติฎฺฐํ อมตสาครํ สทฺทตฺถรสามตสฺส, นิพฺพานามตสฺส วา ปฎิลาภการณตฺตา สาครสทิสํ ปรมํ อุตฺตมํ อิมํ อุตฺตรํ สาครํ อาสนฺนปจฺจกฺขํ อุตฺตรปกรณสงฺขาตํ สมุทฺทสาครํ สารโท หุตฺวา อุตฺตรํ อุตฺตรโนฺต ปริโยสาเปโนฺต นโร ภิกฺขุ หิ ยสฺมา วินยปารโค วินยปิฎกสฺส ปริยนฺตํ คโต หุตฺวา ปารโค ปารํ สํสารสฺส ปารสงฺขาตํ นิพฺพานํ คจฺฉโนฺต สิยา ภเวยฺยาติ โยชนาฯ

    958. Natthi etesaṃ buddhīti abuddhī, abuddhī ca te janā cāti abuddhijanā, abuddhijanānaṃ sāraṃ avasāraṃ osīdanaṃ dadāti ādadāti karotīti abuddhijanasāradaṃ, buddhivirahitānaṃ agādhaṃ gambhīraṃ. Tehi aladdhapatiṭṭhaṃ amatasāgaraṃ saddattharasāmatassa, nibbānāmatassa vā paṭilābhakāraṇattā sāgarasadisaṃ paramaṃ uttamaṃ imaṃ uttaraṃ sāgaraṃ āsannapaccakkhaṃ uttarapakaraṇasaṅkhātaṃ samuddasāgaraṃ sārado hutvā uttaraṃ uttaranto pariyosāpento naro bhikkhu hi yasmā vinayapārago vinayapiṭakassa pariyantaṃ gato hutvā pārago pāraṃ saṃsārassa pārasaṅkhātaṃ nibbānaṃ gacchanto siyā bhaveyyāti yojanā.

    ๙๕๙. อโตติ ตสฺมาเทว การณา อวปูรโตรโต ปาปปูรโต นิราสงฺกตาย โอรโต นิวโตฺต ปาปภีรุโก นโร ตมํ วิธูย ปาปภีรุกตาย เอว จิตฺตปริยุฎฺฐานวเสน อุปฺปชฺชนกํ โมหนฺธการํ ตทงฺคปหานวเสน วิธเมตฺวาฯ สพฺพงฺคณกมฺมทํ สเพฺพสํ ราคาทีนํ องฺคณานํ กมฺมํ ตทงฺคาทิปหานํ ททาติ อาวหตีติ ‘‘สพฺพงฺคณกมฺมท’’นฺติ ลทฺธนามํ สุขสฺส ปทํ โลกิยโลกุตฺตรสฺส สุขสฺส การณํ คุณสํหิตํ สีลาทีหิ อตฺถภูเตหิ คุเณหิ สํหิตํ ยุตฺตํ คุณปฺปกาสกํ หิตํ อมโตสธํ วิย สพฺพโทสสพฺพพฺยาธิรหิตตาย อชราอมตาทิคุณาวหตฺตา หิตํ อิมํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ สกฺกจฺจํ อาทโร หุตฺวา นิจฺจํ สตตํ สิเกฺข ‘‘เอวํ ปริจยนฺตํ กโรมี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอกเนฺตน ยถาวุตฺตปโยชนสาธนโยคฺคํ กตฺวา อเชฺฌนาทิวเสน สิเกฺขยฺย เอว, น อชฺฌุเปกฺขโก ภเวยฺยาติ โยชนาฯ

    959.Atoti tasmādeva kāraṇā avapūratorato pāpapūrato nirāsaṅkatāya orato nivatto pāpabhīruko naro tamaṃ vidhūya pāpabhīrukatāya eva cittapariyuṭṭhānavasena uppajjanakaṃ mohandhakāraṃ tadaṅgapahānavasena vidhametvā. Sabbaṅgaṇakammadaṃ sabbesaṃ rāgādīnaṃ aṅgaṇānaṃ kammaṃ tadaṅgādipahānaṃ dadāti āvahatīti ‘‘sabbaṅgaṇakammada’’nti laddhanāmaṃ sukhassa padaṃ lokiyalokuttarassa sukhassa kāraṇaṃ guṇasaṃhitaṃ sīlādīhi atthabhūtehi guṇehi saṃhitaṃ yuttaṃ guṇappakāsakaṃ hitaṃ amatosadhaṃ viya sabbadosasabbabyādhirahitatāya ajarāamatādiguṇāvahattā hitaṃ imaṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ sakkaccaṃ ādaro hutvā niccaṃ satataṃ sikkhe ‘‘evaṃ paricayantaṃ karomī’’ti cintetvā ekantena yathāvuttapayojanasādhanayoggaṃ katvā ajjhenādivasena sikkheyya eva, na ajjhupekkhako bhaveyyāti yojanā.

    ๙๖๐. ปฎุภาวกเร ปาติโมกฺขสํวรสีลปูรเณ, สาสนปจฺจตฺถิกาภิภวเน จ ปฎุภาวํ เฉกตฺตํ เวสารชฺชํ กโรติ อตฺตานํ ธาเรนฺตานํ ลชฺชิปุคฺคลานนฺติ ปฎุภาวกเร ปรเม ตโตเยว อุตฺตเม ปิฎเก วินยปิฎเก ปฎุตํ ปาฎวํ ปญฺญาโกสลฺลํ อภิปตฺถยเนฺตน ปฎุนา ยตินา นิมฺมลปฺปวตฺติเกน ปฎุนา วิธินา เฉเกน สาเรน วิธาเนน อิทํ สอุตฺตรํ วินยวินิจฺฉยปกรณํ สตตํ นิรนฺตรํ ปริยาปุณิตพฺพํ อุคฺคหณธารณปริปุจฺฉาจินฺตนาทิวเสน สิกฺขิตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    960.Paṭubhāvakare pātimokkhasaṃvarasīlapūraṇe, sāsanapaccatthikābhibhavane ca paṭubhāvaṃ chekattaṃ vesārajjaṃ karoti attānaṃ dhārentānaṃ lajjipuggalānanti paṭubhāvakare parame tatoyeva uttame piṭake vinayapiṭake paṭutaṃ pāṭavaṃ paññākosallaṃ abhipatthayantena paṭunā yatinā nimmalappavattikena paṭunā vidhinā chekena sārena vidhānena idaṃ sauttaraṃ vinayavinicchayapakaraṇaṃ satataṃ nirantaraṃ pariyāpuṇitabbaṃ uggahaṇadhāraṇaparipucchācintanādivasena sikkhitabbanti yojanā.

    อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา

    Iti uttare līnatthapakāsaniyā

    สพฺพสงฺกลนนยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sabbasaṅkalananayakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact