Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๒. สพฺพสตฺตหิตผรณปโญฺห
2. Sabbasattahitapharaṇapañho
๒. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหตี’ติฯ ปุน จ ภณถ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภญฺญมาเน ‘สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคต’นฺติฯ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยายํ เทเสเนฺตน ตถาคเตน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ หิตมปเนตฺวา อหิตมุปทหิตํฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหติ, เตน หิ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตนฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, เตน หิ ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหตีติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
2. ‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘tathāgato sabbasattānaṃ ahitamapanetvā hitamupadahatī’ti. Puna ca bhaṇatha aggikkhandhūpame dhammapariyāye bhaññamāne ‘saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggata’nti. Aggikkhandhūpamaṃ, bhante, dhammapariyāyaṃ desentena tathāgatena saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ hitamapanetvā ahitamupadahitaṃ. Yadi, bhante nāgasena, tathāgato sabbasattānaṃ ahitamapanetvā hitamupadahati, tena hi aggikkhandhūpame dhammapariyāye bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggatanti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi aggikkhandhūpame dhammapariyāye bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggataṃ, tena hi tathāgato sabbasattānaṃ ahitamapanetvā hitamupadahatīti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ตถาคโต , มหาราช, สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหติ, อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, ตญฺจ ปน น ตถาคตสฺส กเตน, เตสํ เยว อตฺตโน กเตนา’’ติฯ
‘‘Tathāgato , mahārāja, sabbasattānaṃ ahitamapanetvā hitamupadahati, aggikkhandhūpame dhammapariyāye bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggataṃ, tañca pana na tathāgatassa katena, tesaṃ yeva attano katenā’’ti.
‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต อคฺคิกฺขนฺธูปมํ ธมฺมปริยายํ น ภาเสยฺย, อปิ นุ เตสํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคเจฺฉยฺยาติ, น หิ, มหาราช, มิจฺฉาปฎิปนฺนานํ เตสํ ภควโต ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปริฬาโห กาเย อุปฺปชฺชิ, เตน เตสํ ปริฬาเหน อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคต’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคตเสฺสว กเตน เตสํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, ตถาคโต เยว ตตฺถ อธิกาโร เตสํ นาสนาย, ยถา นาม, ภเนฺต นาคเสน, อหิ วมฺมิกํ ปวิเสยฺย, อถญฺญตโร ปํสุกาโม ปุริโส วมฺมิกํ ภินฺทิตฺวา ปํสุํ หเรยฺย, ตสฺส ปํสุหรเณน วมฺมิกสฺส สุสิรํ ปิทเหยฺย, อถ ตเตฺถว โส อสฺสาสํ อลภมาโน มเรยฺย, นนุ โส, ภเนฺต, อหิ ตสฺส ปุริสสฺส กเตน มรณปฺปโตฺต’’ติฯ ‘‘อาม มหาราชา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต เยว ตตฺถ อธิกาโร เตสํ นาสนายา’’ติฯ
‘‘Yadi, bhante nāgasena, tathāgato aggikkhandhūpamaṃ dhammapariyāyaṃ na bhāseyya, api nu tesaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggaccheyyāti, na hi, mahārāja, micchāpaṭipannānaṃ tesaṃ bhagavato dhammapariyāyaṃ sutvā pariḷāho kāye uppajji, tena tesaṃ pariḷāhena uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggata’’nti. ‘‘Tena hi, bhante nāgasena, tathāgatasseva katena tesaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggataṃ, tathāgato yeva tattha adhikāro tesaṃ nāsanāya, yathā nāma, bhante nāgasena, ahi vammikaṃ paviseyya, athaññataro paṃsukāmo puriso vammikaṃ bhinditvā paṃsuṃ hareyya, tassa paṃsuharaṇena vammikassa susiraṃ pidaheyya, atha tattheva so assāsaṃ alabhamāno mareyya, nanu so, bhante, ahi tassa purisassa katena maraṇappatto’’ti. ‘‘Āma mahārājā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhante nāgasena, tathāgato yeva tattha adhikāro tesaṃ nāsanāyā’’ti.
‘‘ตถาคโต, มหาราช, ธมฺมํ เทสยมาโน อนุนยปฺปฎิฆํ น กโรติ, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุโตฺต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธเมฺม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฎิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติฯ เย ปน มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต ปตนฺติฯ ยถา, มหาราช, ปุริสสฺส อมฺพํ วา ชมฺพุํ วา มธุกํ วา จาลยมานสฺส ยานิ ตตฺถ ผลานิ สารานิ ทฬฺหพนฺธนานิ, ตานิ ตเตฺถว อจฺจุตานิ ติฎฺฐนฺติ, ยานิ ตตฺถ ผลานิ ปูติวณฺฎมูลานิ ทุพฺพลพนฺธนานิ, ตานิ ปตนฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ธมฺมํ เทสยมาโน อนุนยปฺปฎิฆํ น กโรติ, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุโตฺต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธเมฺม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฎิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติฯ เย ปน มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต ปตนฺติฯ
‘‘Tathāgato, mahārāja, dhammaṃ desayamāno anunayappaṭighaṃ na karoti, anunayappaṭighavippamutto dhammaṃ deseti, evaṃ dhamme desīyamāne ye tattha sammāpaṭipannā, te bujjhanti. Ye pana micchāpaṭipannā, te patanti. Yathā, mahārāja, purisassa ambaṃ vā jambuṃ vā madhukaṃ vā cālayamānassa yāni tattha phalāni sārāni daḷhabandhanāni, tāni tattheva accutāni tiṭṭhanti, yāni tattha phalāni pūtivaṇṭamūlāni dubbalabandhanāni, tāni patanti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato dhammaṃ desayamāno anunayappaṭighaṃ na karoti, anunayappaṭighavippamutto dhammaṃ deseti, evaṃ dhamme desīyamāne ye tattha sammāpaṭipannā, te bujjhanti. Ye pana micchāpaṭipannā, te patanti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กสฺสโก ธญฺญํ โรเปตุกาโม เขตฺตํ กสติ, ตสฺส กสนฺตสฺส อเนกสตสหสฺสานิ ติณานิ มรนฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริปกฺกมานเส สเตฺต โพเธโนฺต 1 อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุโตฺต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธเมฺม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฎิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติฯ เย ปน มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต ติณานิ วิย มรนฺติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, kassako dhaññaṃ ropetukāmo khettaṃ kasati, tassa kasantassa anekasatasahassāni tiṇāni maranti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato paripakkamānase satte bodhento 2 anunayappaṭighavippamutto dhammaṃ deseti, evaṃ dhamme desīyamāne ye tattha sammāpaṭipannā, te bujjhanti. Ye pana micchāpaṭipannā, te tiṇāni viya maranti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มนุสฺสา รสเหตุ ยเนฺตน อุจฺฉุํ ปีฬยนฺติ, เตสํ อุจฺฉุํ ปีฬยมานานํ เย ตตฺถ ยนฺตมุขคตา กิมโย, เต ปีฬิยนฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริปกฺกมานเส สเตฺต โพเธโนฺต ธมฺมยนฺตมภิปีฬยติ 3, เย ตตฺถ มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต กิมี วิย มรนฺตี’’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, manussā rasahetu yantena ucchuṃ pīḷayanti, tesaṃ ucchuṃ pīḷayamānānaṃ ye tattha yantamukhagatā kimayo, te pīḷiyanti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato paripakkamānase satte bodhento dhammayantamabhipīḷayati 4, ye tattha micchāpaṭipannā, te kimī viya marantī’’ti.
‘‘นนุ, ภเนฺต นาคเสน, เต ภิกฺขู ตาย ธมฺมเทสนาย ปติตา’’ติ? ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, ตจฺฉโก รุกฺขํ ตจฺฉโนฺต 5 อุชุกํ ปริสุทฺธํ กโรตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, วชฺชนียํ อปเนตฺวา ตจฺฉโก รุกฺขํ อุชุกํ ปริสุทฺธํ กโรตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริสํ รกฺขโนฺต น สโกฺกติ โพธเนเยฺย 6 สเตฺต โพเธตุํ, มิจฺฉาปฎิปเนฺน ปน สเตฺต อปเนตฺวา โพธเนเยฺย สเตฺต โพเธติ, อตฺตกเตน ปน เต, มหาราช, มิจฺฉาปฎิปนฺนา ปตนฺติฯ
‘‘Nanu, bhante nāgasena, te bhikkhū tāya dhammadesanāya patitā’’ti? ‘‘Api nu kho, mahārāja, tacchako rukkhaṃ tacchanto 7 ujukaṃ parisuddhaṃ karotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, vajjanīyaṃ apanetvā tacchako rukkhaṃ ujukaṃ parisuddhaṃ karotī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgato parisaṃ rakkhanto na sakkoti bodhaneyye 8 satte bodhetuṃ, micchāpaṭipanne pana satte apanetvā bodhaneyye satte bodheti, attakatena pana te, mahārāja, micchāpaṭipannā patanti.
‘‘ยถา, มหาราช, กทลี เวฬุ อสฺสตรี อตฺตเชน 9 หญฺญติ, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต อตฺตกเตน หญฺญนฺติ ปตนฺติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, kadalī veḷu assatarī attajena 10 haññati, evameva kho, mahārāja, ye te micchāpaṭipannā, te attakatena haññanti patanti.
‘‘ยถา, มหาราช, โจรา อตฺตกเตน จกฺขุปฺปาฎนํ สูลาโรปนํ สีสเจฺฉทนํ ปาปุณนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต มิจฺฉาปฎิปนฺนา, เต อตฺตกเตน หญฺญนฺติ ปตนฺติ 11ฯ เยสํ, มหาราช, สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, เตสํ ตํ เนว ภควโต กเตน, น ปเรสํ กเตน, อถ โข อตฺตโน เยว กเตนฯ
‘‘Yathā, mahārāja, corā attakatena cakkhuppāṭanaṃ sūlāropanaṃ sīsacchedanaṃ pāpuṇanti, evameva kho, mahārāja, ye te micchāpaṭipannā, te attakatena haññanti patanti 12. Yesaṃ, mahārāja, saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggataṃ, tesaṃ taṃ neva bhagavato katena, na paresaṃ katena, atha kho attano yeva katena.
‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส สพฺพชนสฺส อมตํ ทเทยฺย, เต ตํ อมตํ อสิตฺวา อโรคา ทีฆายุกา สพฺพีติโต 13 ปริมุเจฺจยฺยุํ, อถญฺญตโร ปุริโส ทุรุปจาเรน ตํ อสิตฺวา มรณํ ปาปุเณยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อมตทายโก ปุริโส ตโตนิทานํ กิญฺจิ อปุญฺญํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ อมตํ ธมฺมทานํ เทติ, เย เต สตฺตา ภพฺพา, เต ธมฺมามเตน พุชฺฌนฺติฯ เย ปน เต สตฺตา อภพฺพา, เต ธมฺมามเตน หญฺญนฺติ ปตนฺติฯ โภชนํ, มหาราช, สพฺพสตฺตานํ ชีวิตํ รกฺขติ, ตเมกเจฺจ ภุญฺชิตฺวา วิสูจิกาย มรนฺติ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, โภชนทายโก ปุริโส ตโตนิทานํ กิญฺจิ อปุญฺญํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ อมตํ ธมฺมทานํ เทติ, เย เต สตฺตา ภพฺพา, เต ธมฺมามเตน พุชฺฌนฺติฯ เย ปน เต สตฺตา อภพฺพา, เต ธมฺมามเตน หญฺญนฺติ ปตนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, puriso sabbajanassa amataṃ dadeyya, te taṃ amataṃ asitvā arogā dīghāyukā sabbītito 14 parimucceyyuṃ, athaññataro puriso durupacārena taṃ asitvā maraṇaṃ pāpuṇeyya, api nu kho so, mahārāja, amatadāyako puriso tatonidānaṃ kiñci apuññaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgato dasasahassiyā lokadhātuyā devamanussānaṃ amataṃ dhammadānaṃ deti, ye te sattā bhabbā, te dhammāmatena bujjhanti. Ye pana te sattā abhabbā, te dhammāmatena haññanti patanti. Bhojanaṃ, mahārāja, sabbasattānaṃ jīvitaṃ rakkhati, tamekacce bhuñjitvā visūcikāya maranti, api nu kho so, mahārāja, bhojanadāyako puriso tatonidānaṃ kiñci apuññaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgato dasasahassiyā lokadhātuyā devamanussānaṃ amataṃ dhammadānaṃ deti, ye te sattā bhabbā, te dhammāmatena bujjhanti. Ye pana te sattā abhabbā, te dhammāmatena haññanti patantī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
สพฺพสตฺตหิตผรณปโญฺห ทุติโยฯ
Sabbasattahitapharaṇapañho dutiyo.
Footnotes: