Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๒. สพฺพาสวสุตฺตํ
2. Sabbāsavasuttaṃ
๑๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ , สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
14. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘sabbāsavasaṃvarapariyāyaṃ vo, bhikkhave, desessāmi. Taṃ suṇātha , sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๑๕. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามิ, โน อชานโต โน อปสฺสโตฯ กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต กิญฺจ ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามิ? โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการํฯ อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺติ; โยนิโส จ โข, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺติฯ
15. ‘‘Jānato ahaṃ, bhikkhave, passato āsavānaṃ khayaṃ vadāmi, no ajānato no apassato. Kiñca, bhikkhave, jānato kiñca passato āsavānaṃ khayaṃ vadāmi? Yoniso ca manasikāraṃ ayoniso ca manasikāraṃ. Ayoniso, bhikkhave, manasikaroto anuppannā ceva āsavā uppajjanti, uppannā ca āsavā pavaḍḍhanti; yoniso ca kho, bhikkhave, manasikaroto anuppannā ceva āsavā na uppajjanti, uppannā ca āsavā pahīyanti.
๑๖. ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพาฯ
16. ‘‘Atthi, bhikkhave, āsavā dassanā pahātabbā, atthi āsavā saṃvarā pahātabbā, atthi āsavā paṭisevanā pahātabbā, atthi āsavā adhivāsanā pahātabbā, atthi āsavā parivajjanā pahātabbā, atthi āsavā vinodanā pahātabbā, atthi āsavā bhāvanā pahātabbā.
ทสฺสนา ปหาตพฺพาสวา
Dassanā pahātabbāsavā
๑๗. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว , อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน – อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต – มนสิกรณีเย ธเมฺม นปฺปชานาติ, อมนสิกรณีเย ธเมฺม นปฺปชานาติฯ โส มนสิกรณีเย ธเมฺม อปฺปชานโนฺต อมนสิกรณีเย ธเมฺม อปฺปชานโนฺต, เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธเมฺม มนสิ กโรติ, เย ธมฺมา มนสิกรณียา เต ธเมฺม น มนสิ กโรติฯ
17. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā dassanā pahātabbā? Idha, bhikkhave , assutavā puthujjano – ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto – manasikaraṇīye dhamme nappajānāti, amanasikaraṇīye dhamme nappajānāti. So manasikaraṇīye dhamme appajānanto amanasikaraṇīye dhamme appajānanto, ye dhammā na manasikaraṇīyā, te dhamme manasi karoti, ye dhammā manasikaraṇīyā te dhamme na manasi karoti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธเมฺม มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปโนฺน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปโนฺน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ – อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธเมฺม มนสิ กโรติฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā na manasikaraṇīyā ye dhamme manasi karoti? Yassa, bhikkhave, dhamme manasikaroto anuppanno vā kāmāsavo uppajjati, uppanno vā kāmāsavo pavaḍḍhati; anuppanno vā bhavāsavo uppajjati, uppanno vā bhavāsavo pavaḍḍhati; anuppanno vā avijjāsavo uppajjati, uppanno vā avijjāsavo pavaḍḍhati – ime dhammā na manasikaraṇīyā ye dhamme manasi karoti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธเมฺม น มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปโนฺน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา กามาสโว ปหียติ; อนุปฺปโนฺน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา ภวาสโว ปหียติ; อนุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ – อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธเมฺม น มนสิ กโรติฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā manasikaraṇīyā ye dhamme na manasi karoti? Yassa, bhikkhave, dhamme manasikaroto anuppanno vā kāmāsavo na uppajjati, uppanno vā kāmāsavo pahīyati; anuppanno vā bhavāsavo na uppajjati, uppanno vā bhavāsavo pahīyati; anuppanno vā avijjāsavo na uppajjati, uppanno vā avijjāsavo pahīyati – ime dhammā manasikaraṇīyā ye dhamme na manasi karoti.
‘‘ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺติฯ
‘‘Tassa amanasikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ manasikārā manasikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ amanasikārā anuppannā ceva āsavā uppajjanti uppannā ca āsavā pavaḍḍhanti.
๑๘. ‘‘โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ – ‘อโหสิํ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ? น นุ โข อโหสิํ อตีตมทฺธานํ? กิํ นุ โข อโหสิํ อตีตมทฺธานํ? กถํ นุ โข อโหสิํ อตีตมทฺธานํ? กิํ หุตฺวา กิํ อโหสิํ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ? ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ? น นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กิํ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กิํ หุตฺวา กิํ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธาน’นฺติ? เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ 1 อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ – ‘อหํ นุ โขสฺมิ? โน นุ โขสฺมิ? กิํ นุ โขสฺมิ? กถํ นุ โขสฺมิ? อยํ นุ โข สโตฺต กุโต อาคโต? โส กุหิํ คามี ภวิสฺสตี’ติ?
18. ‘‘So evaṃ ayoniso manasi karoti – ‘ahosiṃ nu kho ahaṃ atītamaddhānaṃ? Na nu kho ahosiṃ atītamaddhānaṃ? Kiṃ nu kho ahosiṃ atītamaddhānaṃ? Kathaṃ nu kho ahosiṃ atītamaddhānaṃ? Kiṃ hutvā kiṃ ahosiṃ nu kho ahaṃ atītamaddhānaṃ? Bhavissāmi nu kho ahaṃ anāgatamaddhānaṃ? Na nu kho bhavissāmi anāgatamaddhānaṃ? Kiṃ nu kho bhavissāmi anāgatamaddhānaṃ? Kathaṃ nu kho bhavissāmi anāgatamaddhānaṃ? Kiṃ hutvā kiṃ bhavissāmi nu kho ahaṃ anāgatamaddhāna’nti? Etarahi vā paccuppannamaddhānaṃ 2 ajjhattaṃ kathaṃkathī hoti – ‘ahaṃ nu khosmi? No nu khosmi? Kiṃ nu khosmi? Kathaṃ nu khosmi? Ayaṃ nu kho satto kuto āgato? So kuhiṃ gāmī bhavissatī’ti?
๑๙. ‘‘ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อญฺญตรา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ ‘อตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส 3 สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ; ‘นตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ; ‘อตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ; ‘อตฺตนาว อนตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ; ‘อนตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ; อถ วา ปนสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ โหติ – ‘โย เม อยํ อตฺตา วโท เวเทโยฺย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฎิสํเวเทติ โส โข ปน เม อยํ อตฺตา นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสตี’ติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว , ทิฎฺฐิคตํ ทิฎฺฐิคหนํ ทิฎฺฐิกนฺตารํ ทิฎฺฐิวิสูกํ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตํ ทิฎฺฐิสํโยชนํฯ ทิฎฺฐิสํโยชนสํยุโตฺต, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ; ‘น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิฯ
19. ‘‘Tassa evaṃ ayoniso manasikaroto channaṃ diṭṭhīnaṃ aññatarā diṭṭhi uppajjati. ‘Atthi me attā’ti vā assa 4 saccato thetato diṭṭhi uppajjati; ‘natthi me attā’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati; ‘attanāva attānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati; ‘attanāva anattānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati; ‘anattanāva attānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati; atha vā panassa evaṃ diṭṭhi hoti – ‘yo me ayaṃ attā vado vedeyyo tatra tatra kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ paṭisaṃvedeti so kho pana me ayaṃ attā nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammo sassatisamaṃ tatheva ṭhassatī’ti. Idaṃ vuccati, bhikkhave , diṭṭhigataṃ diṭṭhigahanaṃ diṭṭhikantāraṃ diṭṭhivisūkaṃ diṭṭhivipphanditaṃ diṭṭhisaṃyojanaṃ. Diṭṭhisaṃyojanasaṃyutto, bhikkhave, assutavā puthujjano na parimuccati jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi; ‘na parimuccati dukkhasmā’ti vadāmi.
๒๐. ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก – อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต – มนสิกรณีเย ธเมฺม ปชานาติ อมนสิกรณีเย ธเมฺม ปชานาติฯ โส มนสิกรณีเย ธเมฺม ปชานโนฺต อมนสิกรณีเย ธเมฺม ปชานโนฺต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา เต ธเมฺม น มนสิ กโรติ, เย ธมฺมา มนสิกรณียา เต ธเมฺม มนสิ กโรติฯ
20. ‘‘Sutavā ca kho, bhikkhave, ariyasāvako – ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto, sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto – manasikaraṇīye dhamme pajānāti amanasikaraṇīye dhamme pajānāti. So manasikaraṇīye dhamme pajānanto amanasikaraṇīye dhamme pajānanto ye dhammā na manasikaraṇīyā te dhamme na manasi karoti, ye dhammā manasikaraṇīyā te dhamme manasi karoti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธเมฺม น มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปโนฺน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปโนฺน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ – อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธเมฺม น มนสิ กโรติฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā na manasikaraṇīyā ye dhamme na manasi karoti? Yassa, bhikkhave, dhamme manasikaroto anuppanno vā kāmāsavo uppajjati, uppanno vā kāmāsavo pavaḍḍhati; anuppanno vā bhavāsavo uppajjati, uppanno vā bhavāsavo pavaḍḍhati; anuppanno vā avijjāsavo uppajjati, uppanno vā avijjāsavo pavaḍḍhati – ime dhammā na manasikaraṇīyā, ye dhamme na manasi karoti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธเมฺม มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปโนฺน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา กามาสโว ปหียติ; อนุปฺปโนฺน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ , อุปฺปโนฺน วา ภวาสโว ปหียติ; อนุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ – อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธเมฺม มนสิ กโรติฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā manasikaraṇīyā ye dhamme manasi karoti? Yassa, bhikkhave, dhamme manasikaroto anuppanno vā kāmāsavo na uppajjati, uppanno vā kāmāsavo pahīyati; anuppanno vā bhavāsavo na uppajjati , uppanno vā bhavāsavo pahīyati; anuppanno vā avijjāsavo na uppajjati, uppanno vā avijjāsavo pahīyati – ime dhammā manasikaraṇīyā ye dhamme manasi karoti.
‘‘ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺติฯ
‘‘Tassa amanasikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ amanasikārā manasikaraṇīyānaṃ dhammānaṃ manasikārā anuppannā ceva āsavā na uppajjanti, uppannā ca āsavā pahīyanti.
๒๑. ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ โยนิโส มนสิ กโรติฯ ตสฺส เอวํ โยนิโส มนสิกโรโต ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ – สกฺกายทิฎฺฐิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโสฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพาฯ
21. ‘‘So ‘idaṃ dukkha’nti yoniso manasi karoti, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yoniso manasi karoti, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yoniso manasi karoti, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yoniso manasi karoti. Tassa evaṃ yoniso manasikaroto tīṇi saṃyojanāni pahīyanti – sakkāyadiṭṭhi, vicikicchā, sīlabbataparāmāso. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā dassanā pahātabbā.
สํวรา ปหาตพฺพาสวา
Saṃvarā pahātabbāsavā
๒๒. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติฯ ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ ปฎิสงฺขา โยนิโส โสตินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป.… ฆานินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป.… ชิวฺหินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป.… กายินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป.… มนินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติฯ ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว , มนินฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มนินฺทฺริยสํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ
22. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā saṃvarā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso cakkhundriyasaṃvarasaṃvuto viharati. Yañhissa, bhikkhave, cakkhundriyasaṃvaraṃ asaṃvutassa viharato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, cakkhundriyasaṃvaraṃ saṃvutassa viharato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Paṭisaṅkhā yoniso sotindriyasaṃvarasaṃvuto viharati…pe… ghānindriyasaṃvarasaṃvuto viharati…pe… jivhindriyasaṃvarasaṃvuto viharati…pe… kāyindriyasaṃvarasaṃvuto viharati…pe… manindriyasaṃvarasaṃvuto viharati. Yañhissa, bhikkhave , manindriyasaṃvaraṃ asaṃvutassa viharato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, manindriyasaṃvaraṃ saṃvutassa viharato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, สํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา , สํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave, saṃvaraṃ asaṃvutassa viharato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā , saṃvaraṃ saṃvutassa viharato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā saṃvarā pahātabbā.
ปฎิเสวนา ปหาตพฺพาสวา
Paṭisevanā pahātabbāsavā
๒๓. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฎิเสวติ – ‘ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฎิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีํสป- 5 สมฺผสฺสานํ ปฎิฆาตาย, ยาวเทว หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนตฺถํ’ฯ
23. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā paṭisevanā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paṭisevati – ‘yāvadeva sītassa paṭighātāya, uṇhassa paṭighātāya, ḍaṃsamakasavātātapasarīṃsapa- 6 samphassānaṃ paṭighātāya, yāvadeva hirikopīnappaṭicchādanatthaṃ’.
‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส ปิณฺฑปาตํ ปฎิเสวติ – ‘เนว ทวาย, น มทาย, น มณฺฑนาย, น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนาย, วิหิํสูปรติยา, พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามิ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จ’ 7ฯ
‘‘Paṭisaṅkhā yoniso piṇḍapātaṃ paṭisevati – ‘neva davāya, na madāya, na maṇḍanāya, na vibhūsanāya, yāvadeva imassa kāyassa ṭhitiyā yāpanāya, vihiṃsūparatiyā, brahmacariyānuggahāya, iti purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmi navañca vedanaṃ na uppādessāmi, yātrā ca me bhavissati anavajjatā ca phāsuvihāro ca’ 8.
‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส เสนาสนํ ปฎิเสวติ – ‘ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฎิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺสานํ ปฎิฆาตาย, ยาวเทว อุตุปริสฺสยวิโนทนปฎิสลฺลานารามตฺถํ’ฯ
‘‘Paṭisaṅkhā yoniso senāsanaṃ paṭisevati – ‘yāvadeva sītassa paṭighātāya, uṇhassa paṭighātāya, ḍaṃsamakasavātātapasarīṃsapasamphassānaṃ paṭighātāya, yāvadeva utuparissayavinodanapaṭisallānārāmatthaṃ’.
‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปฎิเสวติ – ‘ยาวเทว อุปฺปนฺนานํ เวยฺยาพาธิกานํ เวทนานํ ปฎิฆาตาย, อพฺยาพชฺฌปรมตาย’ 9ฯ
‘‘Paṭisaṅkhā yoniso gilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ paṭisevati – ‘yāvadeva uppannānaṃ veyyābādhikānaṃ vedanānaṃ paṭighātāya, abyābajjhaparamatāya’ 10.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อปฺปฎิเสวโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปฎิเสวโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave, appaṭisevato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, paṭisevato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā paṭisevanā pahātabbā.
อธิวาสนา ปหาตพฺพาสวา
Adhivāsanā pahātabbāsavā
๒๔. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส, ชิฆจฺฉาย ปิปาสายฯ ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺสานํ, ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ 11 ขรานํ กฎุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติฯ
24. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā adhivāsanā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso khamo hoti sītassa uṇhassa, jighacchāya pipāsāya. Ḍaṃsamakasavātātapasarīṃsapasamphassānaṃ, duruttānaṃ durāgatānaṃ vacanapathānaṃ, uppannānaṃ sārīrikānaṃ vedanānaṃ dukkhānaṃ tibbānaṃ 12 kharānaṃ kaṭukānaṃ asātānaṃ amanāpānaṃ pāṇaharānaṃ adhivāsakajātiko hoti.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อนธิวาสยโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อธิวาสยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave, anadhivāsayato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, adhivāsayato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā adhivāsanā pahātabbā.
ปริวชฺชนา ปหาตพฺพาสวา
Parivajjanā pahātabbāsavā
๒๕. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชติ, จณฺฑํ อสฺสํ ปริวเชฺชติ, จณฺฑํ โคณํ ปริวเชฺชติ, จณฺฑํ กุกฺกุรํ ปริวเชฺชติ, อหิํ ขาณุํ กณฺฎกฎฺฐานํ โสพฺภํ ปปาตํ จนฺทนิกํ โอฬิคลฺลํฯ ยถารูเป อนาสเน นิสินฺนํ ยถารูเป อโคจเร จรนฺตํ ยถารูเป ปาปเก มิเตฺต ภชนฺตํ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี ปาปเกสุ ฐาเนสุ โอกเปฺปยฺยุํ, โส ตญฺจ อนาสนํ ตญฺจ อโคจรํ เต จ ปาปเก มิเตฺต ปฎิสงฺขา โยนิโส ปริวเชฺชติฯ
25. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā parivajjanā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjeti, caṇḍaṃ assaṃ parivajjeti, caṇḍaṃ goṇaṃ parivajjeti, caṇḍaṃ kukkuraṃ parivajjeti, ahiṃ khāṇuṃ kaṇṭakaṭṭhānaṃ sobbhaṃ papātaṃ candanikaṃ oḷigallaṃ. Yathārūpe anāsane nisinnaṃ yathārūpe agocare carantaṃ yathārūpe pāpake mitte bhajantaṃ viññū sabrahmacārī pāpakesu ṭhānesu okappeyyuṃ, so tañca anāsanaṃ tañca agocaraṃ te ca pāpake mitte paṭisaṅkhā yoniso parivajjeti.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อปริวชฺชยโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปริวชฺชยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave, aparivajjayato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, parivajjayato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā parivajjanā pahātabbā.
วิโนทนา ปหาตพฺพาสวา
Vinodanā pahātabbāsavā
๒๖. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป.… อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ…เป.… อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติฯ
26. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā vinodanā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gameti, uppannaṃ byāpādavitakkaṃ…pe… uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ…pe… uppannuppanne pāpake akusale dhamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gameti.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อวิโนทยโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, วิโนทยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave, avinodayato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, vinodayato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā vinodanā pahātabbā.
ภาวนา ปหาตพฺพาสวา
Bhāvanā pahātabbāsavā
๒๗. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฎิสงฺขา โยนิโส สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํ; ปฎิสงฺขา โยนิโส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ…เป.… วีริยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ
27. ‘‘Katame ca, bhikkhave, āsavā bhāvanā pahātabbā? Idha, bhikkhave, bhikkhu paṭisaṅkhā yoniso satisambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ; paṭisaṅkhā yoniso dhammavicayasambojjhaṅgaṃ bhāveti…pe… vīriyasambojjhaṅgaṃ bhāveti… pītisambojjhaṅgaṃ bhāveti… passaddhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… samādhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ.
‘‘ยญฺหิสฺส, ภิกฺขเว , อภาวยโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ภาวยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Yañhissa, bhikkhave , abhāvayato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, bhāvayato evaṃsa te āsavā vighātapariḷāhā na honti. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā bhāvanā pahātabbā.
๒๘. ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา เต ทสฺสนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา เต สํวรา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพา เต ปฎิเสวนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา เต อธิวาสนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา เต ปริวชฺชนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา เต วิโนทนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา เต ภาวนา ปหีนา โหนฺติ; อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘ภิกฺขุ สพฺพาสวสํวรสํวุโต วิหรติ, อเจฺฉจฺฉิ 13 ตณฺหํ, วิวตฺตยิ 14 สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’’ติฯ
28. ‘‘Yato kho, bhikkhave, bhikkhuno ye āsavā dassanā pahātabbā te dassanā pahīnā honti, ye āsavā saṃvarā pahātabbā te saṃvarā pahīnā honti, ye āsavā paṭisevanā pahātabbā te paṭisevanā pahīnā honti, ye āsavā adhivāsanā pahātabbā te adhivāsanā pahīnā honti, ye āsavā parivajjanā pahātabbā te parivajjanā pahīnā honti, ye āsavā vinodanā pahātabbā te vinodanā pahīnā honti, ye āsavā bhāvanā pahātabbā te bhāvanā pahīnā honti; ayaṃ vuccati, bhikkhave – ‘bhikkhu sabbāsavasaṃvarasaṃvuto viharati, acchecchi 15 taṇhaṃ, vivattayi 16 saṃyojanaṃ, sammā mānābhisamayā antamakāsi dukkhassā’’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
สพฺพาสวสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Sabbāsavasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา • 2. Sabbāsavasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา • 2. Sabbāsavasuttavaṇṇanā