Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. สพฺพวโคฺค
3. Sabbavaggo
๑. สพฺพสุตฺตวณฺณนา
1. Sabbasuttavaṇṇanā
๒๓. สพฺพวคฺคสฺส ปฐเม สพฺพํ โว, ภิกฺขเวติ สพฺพํ นาม จตุพฺพิธํ – สพฺพสพฺพํ, อายตนสพฺพํ, สกฺกายสพฺพํ, ปเทสสพฺพนฺติฯ ตตฺถ –
23. Sabbavaggassa paṭhame sabbaṃ vo, bhikkhaveti sabbaṃ nāma catubbidhaṃ – sabbasabbaṃ, āyatanasabbaṃ, sakkāyasabbaṃ, padesasabbanti. Tattha –
‘‘น ตสฺส อทฺทิฎฺฐมิธอตฺถิ กิญฺจิ,
‘‘Na tassa addiṭṭhamidhaatthi kiñci,
อโถ อวิญฺญาตมชานิตพฺพํ;
Atho aviññātamajānitabbaṃ;
สพฺพํ อภิญฺญาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ,
Sabbaṃ abhiññāsi yadatthi neyyaṃ,
ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติฯ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิเทฺทโส ๓๒; ปฎิ. ม. ๑.๑๒๑) –
Tathāgato tena samantacakkhū’’ti. (mahāni. 156; cūḷani. dhotakamāṇavapucchāniddeso 32; paṭi. ma. 1.121) –
อิทํ สพฺพสพฺพํ นามฯ ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๔) อิทํ อายตนสพฺพํ นามฯ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑) อิทํ สกฺกายสพฺพํ นามฯ ‘‘สพฺพธเมฺมสุ วา ปน ปฐมสมนฺนาหาโร อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนธาตู’’ติ อิทํ ปเทสสพฺพํ นามฯ อิติ ปญฺจารมฺมณมตฺตํ ปเทสสพฺพํฯ เตภูมกธมฺมา สกฺกายสพฺพํฯ จตุภูมกธมฺมา อายตนสพฺพํฯ ยํกิญฺจิ เนยฺยํ สพฺพสพฺพํฯ ปเทสสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ น ปาปุณาติ, สกฺกายสพฺพํ อายตนสพฺพํ น ปาปุณาติ, อายตนสพฺพํ สพฺพสพฺพํ น ปาปุณาติฯ กสฺมา? สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อยํ นาม ธโมฺม อารมฺมณํ น โหตีติ นตฺถิตายฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต อายตนสพฺพํ อธิเปฺปตํฯ
Idaṃ sabbasabbaṃ nāma. ‘‘Sabbaṃ vo, bhikkhave, desessāmi, taṃ suṇāthā’’ti (saṃ. ni. 4.24) idaṃ āyatanasabbaṃ nāma. ‘‘Sabbadhammamūlapariyāyaṃ vo, bhikkhave, desessāmī’’ti (ma. ni. 1.1) idaṃ sakkāyasabbaṃ nāma. ‘‘Sabbadhammesu vā pana paṭhamasamannāhāro uppajjati cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanodhātū’’ti idaṃ padesasabbaṃ nāma. Iti pañcārammaṇamattaṃ padesasabbaṃ. Tebhūmakadhammā sakkāyasabbaṃ. Catubhūmakadhammā āyatanasabbaṃ. Yaṃkiñci neyyaṃ sabbasabbaṃ. Padesasabbaṃ sakkāyasabbaṃ na pāpuṇāti, sakkāyasabbaṃ āyatanasabbaṃ na pāpuṇāti, āyatanasabbaṃ sabbasabbaṃ na pāpuṇāti. Kasmā? Sabbaññutaññāṇassa ayaṃ nāma dhammo ārammaṇaṃ na hotīti natthitāya. Imasmiṃ pana sutte āyatanasabbaṃ adhippetaṃ.
ปจฺจกฺขายาติ ปฎิกฺขิปิตฺวาฯ วาจาวตฺถุกเมวสฺสาติ, วาจาย วตฺตพฺพวตฺถุมตฺตกเมว ภเวยฺยฯ อิมานิ ปน ทฺวาทสายตนานิ อติกฺกมิตฺวา อยํ นาม อโญฺญ สภาวธโมฺม อตฺถีติ ทเสฺสตุํ น สกฺกุเณยฺยฯ ปุโฎฺฐ จ น สมฺปาเยยฺยาติ, ‘‘กตมํ อญฺญํ สพฺพํ นามา’’ติ? ปุจฺฉิโต, ‘‘อิทํ นามา’’ติ วจเนน สมฺปาเทตุํ น สกฺกุเณยฺยฯ วิฆาตํ อาปเชฺชยฺยาติ ทุกฺขํ อาปเชฺชยฺยฯ ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมินฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ยถาติ การณวจนํ, ยสฺมา อวิสเย ปุโฎฺฐติ อโตฺถฯ อวิสยสฺมิญฺหิ สตฺตานํ วิฆาโตว โหติ, กูฎาคารมตฺตํ สิลํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา คมฺภีเร อุทเก ตรณํ อวิสโย, ตถา จนฺทิมสูริยานํ อากฑฺฒิตฺวา ปาตนํ, ตสฺมิํ อวิสเย วายมโนฺต วิฆาตเมว อาปชฺชติ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ อวิสเย วิฆาตเมว อาปเชฺชยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ
Paccakkhāyāti paṭikkhipitvā. Vācāvatthukamevassāti, vācāya vattabbavatthumattakameva bhaveyya. Imāni pana dvādasāyatanāni atikkamitvā ayaṃ nāma añño sabhāvadhammo atthīti dassetuṃ na sakkuṇeyya. Puṭṭho ca na sampāyeyyāti, ‘‘katamaṃ aññaṃ sabbaṃ nāmā’’ti? Pucchito, ‘‘idaṃ nāmā’’ti vacanena sampādetuṃ na sakkuṇeyya. Vighātaṃ āpajjeyyāti dukkhaṃ āpajjeyya. Yathā taṃ, bhikkhave, avisayasminti ettha tanti nipātamattaṃ. Yathāti kāraṇavacanaṃ, yasmā avisaye puṭṭhoti attho. Avisayasmiñhi sattānaṃ vighātova hoti, kūṭāgāramattaṃ silaṃ sīsena ukkhipitvā gambhīre udake taraṇaṃ avisayo, tathā candimasūriyānaṃ ākaḍḍhitvā pātanaṃ, tasmiṃ avisaye vāyamanto vighātameva āpajjati, evaṃ imasmimpi avisaye vighātameva āpajjeyyāti adhippāyo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. สพฺพสุตฺตํ • 1. Sabbasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. สพฺพสุตฺตวณฺณนา • 1. Sabbasuttavaṇṇanā