Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๙๔. สภาคาปตฺติปฎิกมฺมวิธิ

    94. Sabhāgāpattipaṭikammavidhi

    ๑๗๑. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส ตทหุโปสเถ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควตา ปญฺญตฺตํ ‘น สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, น สภาคา อาปตฺติ ปฎิคฺคเหตพฺพา’ติ ฯ อยญฺจ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺนฯ กถํ นุ โข อเมฺหหิ ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ

    171. Tena kho pana samayena aññatarasmiṃ āvāse tadahuposathe sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno hoti. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘bhagavatā paññattaṃ ‘na sabhāgā āpatti desetabbā, na sabhāgā āpatti paṭiggahetabbā’ti . Ayañca sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno. Kathaṃ nu kho amhehi paṭipajjitabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ.

    อิธ ปน, ภิกฺขเว, อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส ตทหุโปสเถ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตโพฺพ – คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริตฺวา อาคจฺฉ; มยํ เต สนฺติเก อาปตฺติํ ปฎิกริสฺสามาติฯ เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Idha pana, bhikkhave, aññatarasmiṃ āvāse tadahuposathe sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno hoti. Tehi, bhikkhave, bhikkhūhi eko bhikkhu sāmantā āvāsā sajjukaṃ pāhetabbo – gacchāvuso, taṃ āpattiṃ paṭikaritvā āgaccha; mayaṃ te santike āpattiṃ paṭikarissāmāti. Evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺนฯ ยทา อญฺญํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริสฺสตี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตโพฺพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา อุโปสถสฺส อนฺตราโย กาตโพฺพฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno. Yadā aññaṃ bhikkhuṃ suddhaṃ anāpattikaṃ passissati, tadā tassa santike taṃ āpattiṃ paṭikarissatī’’ti vatvā uposatho kātabbo, pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ, na tveva tappaccayā uposathassa antarāyo kātabbo.

    อิธ ปน, ภิกฺขเว, อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส ตทหุโปสเถ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคาย อาปตฺติยา เวมติโก โหติฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Idha pana, bhikkhave, aññatarasmiṃ āvāse tadahuposathe sabbo saṅgho sabhāgāya āpattiyā vematiko hoti. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ สโพฺพ สโงฺฆ สภาคาย อาปตฺติยา เวมติโกฯ ยทา นิเพฺพมติโก ภวิสฺสติ, ตทา ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริสฺสตี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตโพฺพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ; น เตฺวว ตปฺปจฺจยา อุโปสถสฺส อนฺตราโย กาตโพฺพฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ sabbo saṅgho sabhāgāya āpattiyā vematiko. Yadā nibbematiko bhavissati, tadā taṃ āpattiṃ paṭikarissatī’’ti vatvā uposatho kātabbo, pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ; na tveva tappaccayā uposathassa antarāyo kātabbo.

    อิธ ปน, ภิกฺขเว, อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส วสฺสูปคโต สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตโพฺพ – คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริตฺวา อาคจฺฉ; มยํ เต สนฺติเก ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริสฺสามาติฯ เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, เอโก ภิกฺขุ สตฺตาหกาลิกํ ปาเหตโพฺพ – คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริตฺวา อาคจฺฉ; มยํ เต สนฺติเก ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริสฺสามาติฯ

    Idha pana, bhikkhave, aññatarasmiṃ āvāse vassūpagato saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno hoti. Tehi, bhikkhave, bhikkhūhi eko bhikkhu sāmantā āvāsā sajjukaṃ pāhetabbo – gacchāvuso, taṃ āpattiṃ paṭikaritvā āgaccha; mayaṃ te santike taṃ āpattiṃ paṭikarissāmāti. Evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, eko bhikkhu sattāhakālikaṃ pāhetabbo – gacchāvuso, taṃ āpattiṃ paṭikaritvā āgaccha; mayaṃ te santike taṃ āpattiṃ paṭikarissāmāti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ โส น ชานาติ ตสฺสา อาปตฺติยา นามโคตฺตํฯ ตตฺถ อโญฺญ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมฯ ตเมนํ อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ, กิํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติ? โส เอวมาห – ‘‘โย โข, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ, อิมํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ อิมํ นาม ตฺวํ, อาวุโส, อาปตฺติํ อาปโนฺน; ปฎิกโรหิ ตํ อาปตฺติ’’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, เอโกว อิมํ อาปตฺติํ อาปโนฺน; อยํ สโพฺพ สโงฺฆ อิมํ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติฯ โส เอวมาห – ‘‘กิํ เต, อาวุโส, กริสฺสติ ปโร อาปโนฺน วา อนาปโนฺน วาฯ อิงฺฆ, ตฺวํ, อาวุโส, สกาย อาปตฺติยา วุฎฺฐาหี’’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนน ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘โย กิร, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ, อิมํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ อิมํ นาม ตุเมฺห, อาวุโส, อาปตฺติํ อาปนฺนา; ปฎิกโรถ ตํ อาปตฺติ’’นฺติฯ อถ โข เต ภิกฺขู น อิจฺฉิํสุ ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนน ตํ อาปตฺติํ ปฎิกาตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ

    Tena kho pana samayena aññatarasmiṃ āvāse sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno hoti. So na jānāti tassā āpattiyā nāmagottaṃ. Tattha añño bhikkhu āgacchati bahussuto āgatāgamo dhammadharo vinayadharo mātikādharo paṇḍito byatto medhāvī lajjī kukkuccako sikkhākāmo. Tamenaṃ aññataro bhikkhu yena so bhikkhu tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘yo nu kho, āvuso, evañcevañca karoti, kiṃ nāma so āpattiṃ āpajjatī’’ti? So evamāha – ‘‘yo kho, āvuso, evañcevañca karoti, imaṃ nāma so āpattiṃ āpajjati. Imaṃ nāma tvaṃ, āvuso, āpattiṃ āpanno; paṭikarohi taṃ āpatti’’nti. So evamāha – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, ekova imaṃ āpattiṃ āpanno; ayaṃ sabbo saṅgho imaṃ āpattiṃ āpanno’’ti. So evamāha – ‘‘kiṃ te, āvuso, karissati paro āpanno vā anāpanno vā. Iṅgha, tvaṃ, āvuso, sakāya āpattiyā vuṭṭhāhī’’ti. Atha kho so bhikkhu tassa bhikkhuno vacanena taṃ āpattiṃ paṭikaritvā yena te bhikkhū tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘yo kira, āvuso, evañcevañca karoti, imaṃ nāma so āpattiṃ āpajjati. Imaṃ nāma tumhe, āvuso, āpattiṃ āpannā; paṭikarotha taṃ āpatti’’nti. Atha kho te bhikkhū na icchiṃsu tassa bhikkhuno vacanena taṃ āpattiṃ paṭikātuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ.

    อิธ ปน, ภิกฺขเว, อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส สโพฺพ สโงฺฆ สภาคํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ โส น ชานาติ ตสฺสา อาปตฺติยา นามโคตฺตํฯ ตตฺถ อโญฺญ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมฯ ตเมนํ อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทติ – ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ, กิํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติ? โส เอวํ วเทติ – ‘‘โย โข, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ, อิมํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ อิมํ นาม ตฺวํ, อาวุโส, อาปตฺติํ อาปโนฺน; ปฎิกโรหิ ตํ อาปตฺติ’’นฺติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, เอโกว อิมํ อาปตฺติํ อาปโนฺนฯ อยํ สโพฺพ สโงฺฆ อิมํ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘‘กิํ เต, อาวุโส, กริสฺสติ ปโร อาปโนฺน วา อนาปโนฺน วาฯ อิงฺฆ, ตฺวํ, อาวุโส, สกาย อาปตฺติยา วุฎฺฐาหี’’ติฯ โส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนน ตํ อาปตฺติํ ปฎิกริตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอวํ วเทติ – ‘‘โย กิร, อาวุโส, เอวเญฺจวญฺจ กโรติ อิมํ นาม โส อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อิมํ นาม ตุเมฺห อาวุโส อาปตฺติํ อาปนฺนา, ปฎิกโรถ ตํ อาปตฺติ’’นฺติฯ เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนน ตํ อาปตฺติํ ปฎิกเรยฺยุํ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปฎิกเรยฺยุํ, น เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เตน ภิกฺขุนา อกามา วจนียาติฯ

    Idha pana, bhikkhave, aññatarasmiṃ āvāse sabbo saṅgho sabhāgaṃ āpattiṃ āpanno hoti. So na jānāti tassā āpattiyā nāmagottaṃ. Tattha añño bhikkhu āgacchati bahussuto āgatāgamo dhammadharo vinayadharo mātikādharo paṇḍito byatto medhāvī lajjī kukkuccako sikkhākāmo. Tamenaṃ aññataro bhikkhu yena so bhikkhu tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā taṃ bhikkhuṃ evaṃ vadeti – ‘‘yo nu kho, āvuso, evañcevañca karoti, kiṃ nāma so āpattiṃ āpajjatī’’ti? So evaṃ vadeti – ‘‘yo kho, āvuso, evañcevañca karoti, imaṃ nāma so āpattiṃ āpajjati. Imaṃ nāma tvaṃ, āvuso, āpattiṃ āpanno; paṭikarohi taṃ āpatti’’nti. So evaṃ vadeti – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, ekova imaṃ āpattiṃ āpanno. Ayaṃ sabbo saṅgho imaṃ āpattiṃ āpanno’’ti. So evaṃ vadeti – ‘‘kiṃ te, āvuso, karissati paro āpanno vā anāpanno vā. Iṅgha, tvaṃ, āvuso, sakāya āpattiyā vuṭṭhāhī’’ti. So ce, bhikkhave, bhikkhu tassa bhikkhuno vacanena taṃ āpattiṃ paṭikaritvā yena te bhikkhū tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā te bhikkhū evaṃ vadeti – ‘‘yo kira, āvuso, evañcevañca karoti imaṃ nāma so āpattiṃ āpajjati, imaṃ nāma tumhe āvuso āpattiṃ āpannā, paṭikarotha taṃ āpatti’’nti. Te ce, bhikkhave, bhikkhū tassa bhikkhuno vacanena taṃ āpattiṃ paṭikareyyuṃ, iccetaṃ kusalaṃ. No ce paṭikareyyuṃ, na te, bhikkhave, bhikkhū tena bhikkhunā akāmā vacanīyāti.

    โจทนาวตฺถุภาณวาโร นิฎฺฐิโต ทุติโยฯ

    Codanāvatthubhāṇavāro niṭṭhito dutiyo.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact