Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๑. สภิยกจฺจานสุตฺตํ
11. Sabhiyakaccānasuttaṃ
๔๒๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน ญาติเก วิหรติ คิญฺชกาวสเถฯ อถ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก เยนายสฺมา สภิโย กจฺจาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สภิเยน กจฺจาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ สภิยํ กจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข โภ, กจฺจาน, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘อพฺยากตํ โข เอตํ, วจฺฉ, ภควตา – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, โภ กจฺจาน, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘เอตมฺปิ โข, วจฺฉ, อพฺยากตํ ภควตา – ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ
420. Ekaṃ samayaṃ āyasmā sabhiyo kaccāno ñātike viharati giñjakāvasathe. Atha kho vacchagotto paribbājako yenāyasmā sabhiyo kaccāno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā sabhiyena kaccānena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vacchagotto paribbājako āyasmantaṃ sabhiyaṃ kaccānaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho bho, kaccāna, hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Abyākataṃ kho etaṃ, vaccha, bhagavatā – ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kiṃ pana, bho kaccāna, na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Etampi kho, vaccha, abyākataṃ bhagavatā – ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti.
‘‘กิํ นุ โข, โภ กจฺจาน, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘อพฺยากตํ โข เอตํ, วจฺฉ, ภควตา – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, โภ กจฺจาน, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘เอตมฺปิ โข, วจฺฉ, อพฺยากตํ ภควตา – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, bho kaccāna, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Abyākataṃ kho etaṃ, vaccha, bhagavatā – ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kiṃ pana, bho kaccāna, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Etampi kho, vaccha, abyākataṃ bhagavatā – ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti.
‘‘‘กิํ นุ โข, โภ กจฺจาน, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘อพฺยากตํ โข เอตํ, วจฺฉ, ภควตา – โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วเทสิ ฯ ‘กิํ ปน, โภ กจฺจาน, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘อพฺยากตํ โข เอตํ, วจฺฉ, ภควตา – น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วเทสิฯ ‘กิํ นุ โข, โภ กจฺจาน, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘อพฺยากตํ โข เอตํ, วจฺฉ , ภควตา – โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วเทสิฯ ‘กิํ ปน, โภ กจฺจาน, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘เอตมฺปิ โข, วจฺฉ, อพฺยากตํ ภควตา – เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วเทสิฯ โก นุ โข, โภ กจฺจาน, เหตุ, โก ปจฺจโย, เยเนตํ อพฺยากตํ สมเณน โคตเมนา’’ติ? ‘‘โย จ, วจฺฉ, เหตุ, โย จ ปจฺจโย ปญฺญาปนาย รูปีติ วา อรูปีติ วา สญฺญีติ วา อสญฺญีติ วา เนวสญฺญีนาสญฺญีติ วา, โส จ เหตุ, โส จ ปจฺจโย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสํ นิรุเชฺฌยฺยฯ เกน นํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย รูปีติ วา อรูปีติ วา สญฺญีติ วา อสญฺญีติ วา เนวสญฺญีนาสญฺญีติ วา’’ติฯ ‘‘กีวจิรํ ปพฺพชิโตสิ, โภ กจฺจานา’’ติ? ‘‘นจิรํ, อาวุโส, ตีณิ วสฺสานี’’ติฯ ‘‘ยสฺสป’สฺส, อาวุโส, เอตเมตฺตเกน เอตฺตกเมว ตํป’สฺส พหุ, โก ปน วาโท เอวํ 1 อภิกฺกเนฺต’’ติ! เอกาทสมํฯ
‘‘‘Kiṃ nu kho, bho kaccāna, hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti, iti puṭṭho samāno – ‘abyākataṃ kho etaṃ, vaccha, bhagavatā – hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vadesi . ‘Kiṃ pana, bho kaccāna, na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti, iti puṭṭho samāno – ‘abyākataṃ kho etaṃ, vaccha, bhagavatā – na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vadesi. ‘Kiṃ nu kho, bho kaccāna, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti, iti puṭṭho samāno – ‘abyākataṃ kho etaṃ, vaccha , bhagavatā – hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vadesi. ‘Kiṃ pana, bho kaccāna, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti, iti puṭṭho samāno – ‘etampi kho, vaccha, abyākataṃ bhagavatā – neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vadesi. Ko nu kho, bho kaccāna, hetu, ko paccayo, yenetaṃ abyākataṃ samaṇena gotamenā’’ti? ‘‘Yo ca, vaccha, hetu, yo ca paccayo paññāpanāya rūpīti vā arūpīti vā saññīti vā asaññīti vā nevasaññīnāsaññīti vā, so ca hetu, so ca paccayo sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ aparisesaṃ nirujjheyya. Kena naṃ paññāpayamāno paññāpeyya rūpīti vā arūpīti vā saññīti vā asaññīti vā nevasaññīnāsaññīti vā’’ti. ‘‘Kīvaciraṃ pabbajitosi, bho kaccānā’’ti? ‘‘Naciraṃ, āvuso, tīṇi vassānī’’ti. ‘‘Yassapa’ssa, āvuso, etamettakena ettakameva taṃpa’ssa bahu, ko pana vādo evaṃ 2 abhikkante’’ti! Ekādasamaṃ.
อพฺยากตสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ
Abyākatasaṃyuttaṃ samattaṃ.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
เขมาเถรี อนุราโธ, สาริปุโตฺตติ โกฎฺฐิโก;
Khemātherī anurādho, sāriputtoti koṭṭhiko;
โมคฺคลฺลาโน จ วโจฺฉ จ, กุตูหลสาลานโนฺท;
Moggallāno ca vaccho ca, kutūhalasālānando;
สภิโย เอกาทสมนฺติ;
Sabhiyo ekādasamanti;
สฬายตนวโคฺค จตุโตฺถฯ
Saḷāyatanavaggo catuttho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สฬายตนเวทนา, มาตุคาโม ชมฺพุขาทโก;
Saḷāyatanavedanā, mātugāmo jambukhādako;
สามณฺฑโก โมคฺคลฺลาโน, จิโตฺต คามณิ สงฺขตํ;
Sāmaṇḍako moggallāno, citto gāmaṇi saṅkhataṃ;
อพฺยากตนฺติ ทสธาติฯ
Abyākatanti dasadhāti.
สฬายตนวคฺคสํยุตฺตปาฬิ นิฎฺฐิตาฯ
Saḷāyatanavaggasaṃyuttapāḷi niṭṭhitā.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. สภิยกจฺจานสุตฺตวณฺณนา • 11. Sabhiyakaccānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๑. สภิยกจฺจานสุตฺตวณฺณนา • 11. Sabhiyakaccānasuttavaṇṇanā