Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๖. สภิยสุตฺตํ
6. Sabhiyasuttaṃ
เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปุราณสาโลหิตาย เทวตาย ปญฺหา อุทฺทิฎฺฐา โหนฺติ – ‘‘โย เต, สภิย, สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ปเญฺห ปุโฎฺฐ พฺยากโรติ ตสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาสี’’ติฯ
Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena sabhiyassa paribbājakassa purāṇasālohitāya devatāya pañhā uddiṭṭhā honti – ‘‘yo te, sabhiya, samaṇo vā brāhmaṇo vā ime pañhe puṭṭho byākaroti tassa santike brahmacariyaṃ careyyāsī’’ti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก ตสฺสา เทวตาย สนฺติเก เต ปเญฺห อุคฺคเหตฺวา เย เต สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป มกฺขลิโคสาโล อชิโต เกสกมฺพโล ปกุโธ 1 กจฺจาโน สญฺจโย 2 เพลฎฺฐปุโตฺต 3 นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต 4, เต อุปสงฺกมิตฺวา เต ปเญฺห ปุจฺฉติฯ เต สภิเยน ปริพฺพาชเกน ปเญฺห ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ; อสมฺปายนฺตา โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรนฺติฯ อปิ จ สภิยํ เยว ปริพฺพาชกํ ปฎิปุจฺฉนฺติฯ
Atha kho sabhiyo paribbājako tassā devatāya santike te pañhe uggahetvā ye te samaṇabrāhmaṇā saṅghino gaṇino gaṇācariyā ñātā yasassino titthakarā sādhusammatā bahujanassa, seyyathidaṃ – pūraṇo kassapo makkhaligosālo ajito kesakambalo pakudho 5 kaccāno sañcayo 6 belaṭṭhaputto 7 nigaṇṭho nāṭaputto 8, te upasaṅkamitvā te pañhe pucchati. Te sabhiyena paribbājakena pañhe puṭṭhā na sampāyanti; asampāyantā kopañca dosañca appaccayañca pātukaronti. Api ca sabhiyaṃ yeva paribbājakaṃ paṭipucchanti.
อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เย โข เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป…เป.… นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต, เต มยา ปเญฺห ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรนฺติ; อปิ จ มเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉนฺติฯ ยนฺนูนฺนาหํ หีนายาวตฺติตฺวา กาเม ปริภุเญฺชยฺย’’นฺติฯ
Atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘ye kho te bhonto samaṇabrāhmaṇā saṅghino gaṇino gaṇācariyā ñātā yasassino titthakarā sādhusammatā bahujanassa, seyyathidaṃ – pūraṇo kassapo…pe… nigaṇṭho nāṭaputto, te mayā pañhe puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā kopañca dosañca appaccayañca pātukaronti; api ca maññevettha paṭipucchanti. Yannūnnāhaṃ hīnāyāvattitvā kāme paribhuñjeyya’’nti.
อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยมฺปิ โข สมโณ โคตโม สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ ญาโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา อิเม ปเญฺห ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ
Atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘ayampi kho samaṇo gotamo saṅghī ceva gaṇī ca gaṇācariyo ca ñāto yasassī titthakaro sādhusammato bahujanassa; yaṃnūnāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā ime pañhe puccheyya’’nti.
อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เยปิ โข เต 9 โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา ชิณฺณา วุฑฺฒา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา เถรา รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิตา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป…เป. … นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต, เตปิ มยา ปเญฺห ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรนฺติ, อปิ จ มเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉนฺติ; กิํ ปน เม สมโณ โคตโม อิเม ปเญฺห ปุโฎฺฐ พฺยากริสฺสติ! สมโณ หิ โคตโม ทหโร เจว ชาติยา, นโว จ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ
Atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘yepi kho te 10 bhonto samaṇabrāhmaṇā jiṇṇā vuḍḍhā mahallakā addhagatā vayoanuppattā therā rattaññū cirapabbajitā saṅghino gaṇino gaṇācariyā ñātā yasassino titthakarā sādhusammatā bahujanassa, seyyathidaṃ – pūraṇo kassapo…pe. … nigaṇṭho nāṭaputto, tepi mayā pañhe puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā kopañca dosañca appaccayañca pātukaronti, api ca maññevettha paṭipucchanti; kiṃ pana me samaṇo gotamo ime pañhe puṭṭho byākarissati! Samaṇo hi gotamo daharo ceva jātiyā, navo ca pabbajjāyā’’ti.
อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมโณ โข 11 ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ น ปริโภตโพฺพฯ ทหโรปิ เจส สมโณ โคตโม มหิทฺธิโก โหติ มหานุภาโว, ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา อิเม ปเญฺห ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ
Atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘samaṇo kho 12 daharoti na uññātabbo na paribhotabbo. Daharopi cesa samaṇo gotamo mahiddhiko hoti mahānubhāvo, yaṃnūnāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā ime pañhe puccheyya’’nti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ เวฬุวนํ กลนฺทกนิวาโป, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สภิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako yena rājagahaṃ tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena rājagahaṃ veḷuvanaṃ kalandakanivāpo, yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho sabhiyo paribbājako bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
๕๑๕.
515.
‘‘กงฺขี เวจิกิจฺฉี อาคมํ, (อิติ สภิโย)
‘‘Kaṅkhī vecikicchī āgamaṃ, (iti sabhiyo)
ปเญฺห ปุจฺฉิตุํ อภิกงฺขมาโน;
Pañhe pucchituṃ abhikaṅkhamāno;
อนุปุพฺพํ อนุธมฺมํ พฺยากโรหิ เม’’ฯ
Anupubbaṃ anudhammaṃ byākarohi me’’.
๕๑๖.
516.
‘‘ทูรโต อาคโตสิ สภิย, (อิติ ภควา)
‘‘Dūrato āgatosi sabhiya, (iti bhagavā)
ปเญฺห ปุจฺฉิตุํ อภิกงฺขมาโน;
Pañhe pucchituṃ abhikaṅkhamāno;
อนุปุพฺพํ อนุธมฺมํ พฺยากโรมิ เตฯ
Anupubbaṃ anudhammaṃ byākaromi te.
๕๑๗.
517.
‘‘ปุจฺฉ มํ สภิย ปญฺหํ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิ;
‘‘Puccha maṃ sabhiya pañhaṃ, yaṃ kiñci manasicchasi;
ตสฺส ตเสฺสว ปญฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติฯ
Tassa tasseva pañhassa, ahaṃ antaṃ karomi te’’ti.
อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! ยํ วตาหํ อเญฺญสุ สมณพฺราหฺมเณสุ โอกาสกมฺมมตฺตมฺปิ 17 นาลตฺถํ ตํ เม อิทํ สมเณน โคตเมน โอกาสกมฺมํ กต’’นฺติฯ อตฺตมโน ปมุทิโต อุทโคฺค ปีติโสมนสฺสชาโต ภควนฺตํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
Atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho! Yaṃ vatāhaṃ aññesu samaṇabrāhmaṇesu okāsakammamattampi 18 nālatthaṃ taṃ me idaṃ samaṇena gotamena okāsakammaṃ kata’’nti. Attamano pamudito udaggo pītisomanassajāto bhagavantaṃ pañhaṃ apucchi –
๕๑๘.
518.
‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ ภิกฺขุนํ, (อิติ สภิโย)
‘‘Kiṃ pattinamāhu bhikkhunaṃ, (iti sabhiyo)
โสรตํ เกน กถญฺจ ทนฺตมาหุ;
Sorataṃ kena kathañca dantamāhu;
พุโทฺธติ กถํ ปวุจฺจติ,
Buddhoti kathaṃ pavuccati,
ปุโฎฺฐ เม ภควา พฺยากโรหิ’’ฯ
Puṭṭho me bhagavā byākarohi’’.
๕๑๙.
519.
‘‘ปเชฺชน กเตน อตฺตนา, (สภิยาติ ภควา)
‘‘Pajjena katena attanā, (sabhiyāti bhagavā)
ปรินิพฺพานคโต วิติณฺณกโงฺข;
Parinibbānagato vitiṇṇakaṅkho;
วิภวญฺจ ภวญฺจ วิปฺปหาย,
Vibhavañca bhavañca vippahāya,
วุสิตวา ขีณปุนพฺภโว ส ภิกฺขุฯ
Vusitavā khīṇapunabbhavo sa bhikkhu.
๕๒๐.
520.
‘‘สพฺพตฺถ อุเปกฺขโก สติมา, น โส หิํสติ กญฺจิ สพฺพโลเก;
‘‘Sabbattha upekkhako satimā, na so hiṃsati kañci sabbaloke;
ติโณฺณ สมโณ อนาวิโล, อุสฺสทา ยสฺส น สนฺติ โสรโต โสฯ
Tiṇṇo samaṇo anāvilo, ussadā yassa na santi sorato so.
๕๒๑.
521.
‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก;
‘‘Yassindriyāni bhāvitāni, ajjhattaṃ bahiddhā ca sabbaloke;
นิพฺพิชฺฌ อิมํ ปรญฺจ โลกํ, กาลํ กงฺขติ ภาวิโต ส ทโนฺตฯ
Nibbijjha imaṃ parañca lokaṃ, kālaṃ kaṅkhati bhāvito sa danto.
๕๒๒.
522.
‘‘กปฺปานิ วิเจยฺย เกวลานิ, สํสารํ ทุภยํ จุตูปปาตํ;
‘‘Kappāni viceyya kevalāni, saṃsāraṃ dubhayaṃ cutūpapātaṃ;
วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธํ, ปตฺตํ ชาติขยํ ตมาหุ พุทฺธ’’นฺติฯ
Vigatarajamanaṅgaṇaṃ visuddhaṃ, pattaṃ jātikhayaṃ tamāhu buddha’’nti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อตฺตมโน ปมุทิโต อุทโคฺค ปีติโสมนสฺสชาโต ภควนฺตํ อุตฺตริํ 19 ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā attamano pamudito udaggo pītisomanassajāto bhagavantaṃ uttariṃ 20 pañhaṃ apucchi –
๕๒๓.
523.
‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ พฺราหฺมณํ, (อิติ สภิโย)
‘‘Kiṃ pattinamāhu brāhmaṇaṃ, (iti sabhiyo)
สมณํ เกน กถญฺจ นฺหาตโกติ;
Samaṇaṃ kena kathañca nhātakoti;
นาโคติ กถํ ปวุจฺจติ,
Nāgoti kathaṃ pavuccati,
ปุโฎฺฐ เม ภควา พฺยากโรหิ’’ฯ
Puṭṭho me bhagavā byākarohi’’.
๕๒๔.
524.
‘‘พาหิตฺวา สพฺพปาปกานิ, (สภิยาติ ภควา)
‘‘Bāhitvā sabbapāpakāni, (sabhiyāti bhagavā)
วิมโล สาธุสมาหิโต ฐิตโตฺต;
Vimalo sādhusamāhito ṭhitatto;
สํสารมติจฺจ เกวลี โส,
Saṃsāramaticca kevalī so,
อสิโต ตาทิ ปวุจฺจเต ส พฺรหฺมาฯ
Asito tādi pavuccate sa brahmā.
๕๒๕.
525.
‘‘สมิตาวิ ปหาย ปุญฺญปาปํ, วิรโช ญตฺวา อิมํ ปรญฺจ โลกํ;
‘‘Samitāvi pahāya puññapāpaṃ, virajo ñatvā imaṃ parañca lokaṃ;
ชาติมรณํ อุปาติวโตฺต, สมโณ ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
Jātimaraṇaṃ upātivatto, samaṇo tādi pavuccate tathattā.
๕๒๖.
526.
‘‘นินฺหาย 21 สพฺพปาปกานิ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก;
‘‘Ninhāya 22 sabbapāpakāni, ajjhattaṃ bahiddhā ca sabbaloke;
เทวมนุเสฺสสุ กปฺปิเยสุ, กปฺปํ เนติ ตมาหุ นฺหาตโก’’ติฯ
Devamanussesu kappiyesu, kappaṃ neti tamāhu nhātako’’ti.
๕๒๗.
527.
‘‘อาคุํ น กโรติ กิญฺจิ โลเก, สพฺพสํโยเค 23 วิสชฺช พนฺธนานิ;
‘‘Āguṃ na karoti kiñci loke, sabbasaṃyoge 24 visajja bandhanāni;
สพฺพตฺถ น สชฺชตี วิมุโตฺต, นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติฯ
Sabbattha na sajjatī vimutto, nāgo tādi pavuccate tathattā’’ti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก…เป.… ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako…pe… bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
๕๒๘.
528.
‘‘กํ เขตฺตชินํ วทนฺติ พุทฺธา, (อิติ สภิโย)
‘‘Kaṃ khettajinaṃ vadanti buddhā, (iti sabhiyo)
กุสลํ เกน กถญฺจ ปณฺฑิโตติ;
Kusalaṃ kena kathañca paṇḍitoti;
มุนิ นาม กถํ ปวุจฺจติ,
Muni nāma kathaṃ pavuccati,
ปุโฎฺฐ เม ภควา พฺยากโรหิ’’ฯ
Puṭṭho me bhagavā byākarohi’’.
๕๒๙.
529.
‘‘เขตฺตานิ วิเจยฺย เกวลานิ, (สภิยาติ ภควา)
‘‘Khettāni viceyya kevalāni, (sabhiyāti bhagavā)
ทิพฺพํ มานุสกญฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ;
Dibbaṃ mānusakañca brahmakhettaṃ;
สพฺพเขตฺตมูลพนฺธนา ปมุโตฺต,
Sabbakhettamūlabandhanā pamutto,
เขตฺตชิโน ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
Khettajino tādi pavuccate tathattā.
๕๓๐.
530.
‘‘โกสานิ วิเจยฺย เกวลานิ, ทิพฺพํ มานุสกญฺจ พฺรหฺมโกสํ;
‘‘Kosāni viceyya kevalāni, dibbaṃ mānusakañca brahmakosaṃ;
สพฺพโกสมูลพนฺธนา ปมุโตฺต, กุสโล ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
Sabbakosamūlabandhanā pamutto, kusalo tādi pavuccate tathattā.
๕๓๑.
531.
‘‘ทุภยานิ วิเจยฺย ปณฺฑรานิ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สุทฺธิปโญฺญ;
‘‘Dubhayāni viceyya paṇḍarāni, ajjhattaṃ bahiddhā ca suddhipañño;
กณฺหํ สุกฺกํ อุปาติวโตฺต, ปณฺฑิโต ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
Kaṇhaṃ sukkaṃ upātivatto, paṇḍito tādi pavuccate tathattā.
๕๓๒.
532.
‘‘อสตญฺจ สตญฺจ ญตฺวา ธมฺมํ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก;
‘‘Asatañca satañca ñatvā dhammaṃ, ajjhattaṃ bahiddhā ca sabbaloke;
เทวมนุเสฺสหิ ปูชนีโย, สงฺคํ ชาลมติจฺจ โส มุนี’’ติฯ
Devamanussehi pūjanīyo, saṅgaṃ jālamaticca so munī’’ti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก…เป.… ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako…pe… bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
๕๓๓.
533.
‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ เวทคุํ, (อิติ สภิโย)
‘‘Kiṃ pattinamāhu vedaguṃ, (iti sabhiyo)
อนุวิทิตํ เกน กถญฺจ วีริยวาติ;
Anuviditaṃ kena kathañca vīriyavāti;
อาชานิโย กินฺติ นาม โหติ,
Ājāniyo kinti nāma hoti,
ปุโฎฺฐ เม ภควา พฺยากโรหิ’’ฯ
Puṭṭho me bhagavā byākarohi’’.
๕๓๔.
534.
‘‘เวทานิ วิเจยฺย เกวลานิ, (สภิยาติ ภควา)
‘‘Vedāni viceyya kevalāni, (sabhiyāti bhagavā)
สพฺพเวทนาสุ วีตราโค,
Sabbavedanāsu vītarāgo,
สพฺพํ เวทมติจฺจ เวทคู โสฯ
Sabbaṃ vedamaticca vedagū so.
๕๓๕.
535.
‘‘อนุวิจฺจ ปปญฺจนามรูปํ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ โรคมูลํ;
‘‘Anuvicca papañcanāmarūpaṃ, ajjhattaṃ bahiddhā ca rogamūlaṃ;
สพฺพโรคมูลพนฺธนา ปมุโตฺต, อนุวิทิโต ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
Sabbarogamūlabandhanā pamutto, anuvidito tādi pavuccate tathattā.
๕๓๖.
536.
‘‘วิรโต อิธ สพฺพปาปเกหิ, นิรยทุกฺขํ อติจฺจ วีริยวา โส;
‘‘Virato idha sabbapāpakehi, nirayadukkhaṃ aticca vīriyavā so;
โส วีริยวา ปธานวา, ธีโร ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตาฯ
So vīriyavā padhānavā, dhīro tādi pavuccate tathattā.
๕๓๗.
537.
‘‘ยสฺสสฺสุ ลุนานิ พนฺธนานิ, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สงฺคมูลํ;
‘‘Yassassu lunāni bandhanāni, ajjhattaṃ bahiddhā ca saṅgamūlaṃ;
สพฺพสงฺคมูลพนฺธนา ปมุโตฺต, อาชานิโย ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติฯ
Sabbasaṅgamūlabandhanā pamutto, ājāniyo tādi pavuccate tathattā’’ti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก…เป.… ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako…pe… bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
๕๓๘.
538.
‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ โสตฺติยํ, (อิติ สภิโย)
‘‘Kiṃ pattinamāhu sottiyaṃ, (iti sabhiyo)
อริยํ เกน กถญฺจ จรณวาติ;
Ariyaṃ kena kathañca caraṇavāti;
ปริพฺพาชโก กินฺติ นาม โหติ,
Paribbājako kinti nāma hoti,
ปุโฎฺฐ เม ภควา พฺยากโรหิ’’ฯ
Puṭṭho me bhagavā byākarohi’’.
๕๓๙.
539.
‘‘สุตฺวา สพฺพธมฺมํ อภิญฺญาย โลเก, (สภิยาติ ภควา)
‘‘Sutvā sabbadhammaṃ abhiññāya loke, (sabhiyāti bhagavā)
สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิญฺจิ;
Sāvajjānavajjaṃ yadatthi kiñci;
อภิภุํ อกถํกถิํ วิมุตฺตํ,
Abhibhuṃ akathaṃkathiṃ vimuttaṃ,
อนิฆํ สพฺพธิมาหุ โสตฺติโยติฯ
Anighaṃ sabbadhimāhu sottiyoti.
๕๔๐.
540.
‘‘เฉตฺวา อาสวานิ อาลยานิ, วิทฺวา โส น อุเปติ คพฺภเสยฺยํ;
‘‘Chetvā āsavāni ālayāni, vidvā so na upeti gabbhaseyyaṃ;
สญฺญํ ติวิธํ ปนุชฺช ปงฺกํ, กปฺปํ เนติ ตมาหุ อริโยติฯ
Saññaṃ tividhaṃ panujja paṅkaṃ, kappaṃ neti tamāhu ariyoti.
๕๔๑.
541.
‘‘โย อิธ จรเณสุ ปตฺติปโตฺต, กุสโล สพฺพทา อาชานาติ 27 ธมฺมํ;
‘‘Yo idha caraṇesu pattipatto, kusalo sabbadā ājānāti 28 dhammaṃ;
สพฺพตฺถ น สชฺชติ วิมุตฺตจิโตฺต 29, ปฎิฆา ยสฺส น สนฺติ จรณวา โสฯ
Sabbattha na sajjati vimuttacitto 30, paṭighā yassa na santi caraṇavā so.
๕๔๒.
542.
‘‘ทุกฺขเวปกฺกํ ยทตฺถิ กมฺมํ, อุทฺธมโธ ติริยํ วาปิ 31 มเชฺฌ;
‘‘Dukkhavepakkaṃ yadatthi kammaṃ, uddhamadho tiriyaṃ vāpi 32 majjhe;
ปริพฺพาชยิตฺวา ปริญฺญจารี, มายํ มานมโถปิ โลภโกธํ;
Paribbājayitvā pariññacārī, māyaṃ mānamathopi lobhakodhaṃ;
ปริยนฺตมกาสิ นามรูปํ, ตํ ปริพฺพาชกมาหุ ปตฺติปตฺต’’นฺติฯ
Pariyantamakāsi nāmarūpaṃ, taṃ paribbājakamāhu pattipatta’’nti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อตฺตมโน ปมุทิโต อุทโคฺค ปีติโสมนสฺสชาโต อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
Atha kho sabhiyo paribbājako bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā attamano pamudito udaggo pītisomanassajāto uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ sammukhā sāruppāhi gāthāhi abhitthavi –
๕๔๓.
543.
‘‘ยานิ จ ตีณิ ยานิ จ สฎฺฐิ, สมณปฺปวาทสิตานิ 33 ภูริปญฺญ;
‘‘Yāni ca tīṇi yāni ca saṭṭhi, samaṇappavādasitāni 34 bhūripañña;
สญฺญกฺขรสญฺญนิสฺสิตานิ, โอสรณานิ วิเนยฺย โอฆตมคาฯ
Saññakkharasaññanissitāni, osaraṇāni vineyya oghatamagā.
๕๔๔.
544.
‘‘อนฺตคูสิ ปารคู 35 ทุกฺขสฺส, อรหาสิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขีณาสวํ ตํ มเญฺญ;
‘‘Antagūsi pāragū 36 dukkhassa, arahāsi sammāsambuddho khīṇāsavaṃ taṃ maññe;
ชุติมา มุติมา ปหูตปโญฺญ, ทุกฺขสฺสนฺตกรํ อตาเรสิ มํฯ
Jutimā mutimā pahūtapañño, dukkhassantakaraṃ atāresi maṃ.
๕๔๕.
545.
‘‘ยํ เม กงฺขิตมญฺญาสิ, วิจิกิจฺฉา มํ ตารยิ นโม เต;
‘‘Yaṃ me kaṅkhitamaññāsi, vicikicchā maṃ tārayi namo te;
มุนิ โมนปเถสุ ปตฺติปตฺต, อขิล อาทิจฺจพนฺธุ โสรโตสิฯ
Muni monapathesu pattipatta, akhila ādiccabandhu soratosi.
๕๔๖.
546.
‘‘ยา เม กงฺขา ปุเร อาสิ, ตํ เม พฺยากาสิ จกฺขุมา;
‘‘Yā me kaṅkhā pure āsi, taṃ me byākāsi cakkhumā;
อทฺธา มุนีสิ สมฺพุโทฺธ, นตฺถิ นีวรณา ตวฯ
Addhā munīsi sambuddho, natthi nīvaraṇā tava.
๕๔๗.
547.
‘‘อุปายาสา จ เต สเพฺพ, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา;
‘‘Upāyāsā ca te sabbe, viddhastā vinaḷīkatā;
สีติภูโต ทมปฺปโตฺต, ธิติมา สจฺจนิกฺกโมฯ
Sītibhūto damappatto, dhitimā saccanikkamo.
๕๔๘.
548.
‘‘ตสฺส เต นาคนาคสฺส, มหาวีรสฺส ภาสโต;
‘‘Tassa te nāganāgassa, mahāvīrassa bhāsato;
สเพฺพ เทวานุโมทนฺติ, อุโภ นารทปพฺพตาฯ
Sabbe devānumodanti, ubho nāradapabbatā.
๕๔๙.
549.
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เต ปฎิปุคฺคโลฯ
Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi te paṭipuggalo.
๕๕๐.
550.
‘‘ตุวํ พุโทฺธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
‘‘Tuvaṃ buddho tuvaṃ satthā, tuvaṃ mārābhibhū muni;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติโณฺณ ตาเรสิ มํ ปชํฯ
Tuvaṃ anusaye chetvā, tiṇṇo tāresi maṃ pajaṃ.
๕๕๑.
551.
‘‘อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;
‘‘Upadhī te samatikkantā, āsavā te padālitā;
สีโหสิ อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโวฯ
Sīhosi anupādāno, pahīnabhayabheravo.
๕๕๒.
552.
เอวํ ปุเญฺญ จ ปาเป จ, อุภเย ตฺวํ น ลิมฺปสิ;
Evaṃ puññe ca pāpe ca, ubhaye tvaṃ na limpasi;
ปาเท วีร ปสาเรหิ, สภิโย วนฺทติ สตฺถุโน’’ติฯ
Pāde vīra pasārehi, sabhiyo vandati satthuno’’ti.
อถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… เอสาหํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ; ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ ฯ
Atha kho sabhiyo paribbājako bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante…pe… esāhaṃ bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca; labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti .
‘‘โย โข, สภิย, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ; จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ
‘‘Yo kho, sabhiya, aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, so cattāro māse parivasati; catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti, upasampādenti bhikkhubhāvāya. Api ca mettha puggalavemattatā viditā’’ti.
‘‘สเจ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย, อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ; จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติฯ อลตฺถ โข สภิโย ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํ…เป.… อญฺญตโร โข ปนายสฺมา สภิโย อรหตํ อโหสีติฯ
‘‘Sace, bhante, aññatitthiyapubbā imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhantā pabbajjaṃ, ākaṅkhantā upasampadaṃ cattāro māse parivasanti, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti, upasampādenti bhikkhubhāvāya, ahaṃ cattāri vassāni parivasissāmi; catunnaṃ vassānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājentu upasampādentu bhikkhubhāvāyā’’ti. Alattha kho sabhiyo paribbājako bhagavato santike pabbajjaṃ alattha upasampadaṃ…pe… aññataro kho panāyasmā sabhiyo arahataṃ ahosīti.
สภิยสุตฺตํ ฉฎฺฐํ นิฎฺฐิตํฯ
Sabhiyasuttaṃ chaṭṭhaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๖. สภิยสุตฺตวณฺณนา • 6. Sabhiyasuttavaṇṇanā