Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๖. สภิยสุตฺตวณฺณนา

    6. Sabhiyasuttavaṇṇanā

    เอวํ เม สุตนฺติ สภิยสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตาฯ อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสามฯ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส อุยฺยานสฺส นามํฯ ตํ กิร เวฬูหิ จ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ อฎฺฐารสหเตฺถน จ ปากาเรน, โคปุรทฺวารฎฺฎาลกยุตฺตํ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ วุจฺจติฯ กลนฺทกานเญฺจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, เตน ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติฯ กลนฺทกา นาม กาฬกา วุจฺจนฺติฯ ปุเพฺพ กิร อญฺญตโร ราชา ตตฺถ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อาคโต สุรามเทน มโตฺต ทิวาเสยฺยํ สุปิฯ ปริชโนปิสฺส ‘‘สุโตฺต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิฯ อถ สุราคเนฺธน อญฺญตรสฺมา สุสิรรุกฺขา กณฺหสโปฺป นิกฺขมิตฺวา รโญฺญ อภิมุโข อาคจฺฉติฯ ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รโญฺญ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กาฬกเวเสน อาคนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิฯ ราชา ปฎิพุชฺฌิ, กณฺหสโปฺป นิวโตฺตฯ โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย มม กาฬกาย ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ ตตฺถ นิวาปํ ปฎฺฐเปสิ, อภยโฆสนญฺจ โฆสาเปสิฯ ตสฺมา ตํ ตโต ปภุติ ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ สงฺขํ คตํฯ

    Evaṃme sutanti sabhiyasuttaṃ. Kā uppatti? Ayameva yāssa nidāne vuttā. Atthavaṇṇanākkamepi cassa pubbasadisaṃ pubbe vuttanayeneva veditabbaṃ. Yaṃ pana apubbaṃ, taṃ uttānatthāni padāni pariharantā vaṇṇayissāma. Veḷuvane kalandakanivāpeti veḷuvananti tassa uyyānassa nāmaṃ. Taṃ kira veḷūhi ca parikkhittaṃ ahosi aṭṭhārasahatthena ca pākārena, gopuradvāraṭṭālakayuttaṃ nīlobhāsaṃ manoramaṃ, tena ‘‘veḷuvana’’nti vuccati. Kalandakānañcettha nivāpaṃ adaṃsu, tena ‘‘kalandakanivāpo’’ti vuccati. Kalandakā nāma kāḷakā vuccanti. Pubbe kira aññataro rājā tattha uyyānakīḷanatthaṃ āgato surāmadena matto divāseyyaṃ supi. Parijanopissa ‘‘sutto rājā’’ti pupphaphalādīhi palobhiyamāno ito cito ca pakkāmi. Atha surāgandhena aññatarasmā susirarukkhā kaṇhasappo nikkhamitvā rañño abhimukho āgacchati. Taṃ disvā rukkhadevatā ‘‘rañño jīvitaṃ dassāmī’’ti kāḷakavesena āgantvā kaṇṇamūle saddamakāsi. Rājā paṭibujjhi, kaṇhasappo nivatto. So taṃ disvā ‘‘imāya mama kāḷakāya jīvitaṃ dinna’’nti kāḷakānaṃ tattha nivāpaṃ paṭṭhapesi, abhayaghosanañca ghosāpesi. Tasmā taṃ tato pabhuti ‘‘kalandakanivāpo’’ti saṅkhaṃ gataṃ.

    สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺสาติ สภิโยติ ตสฺส นามํ, ปริพฺพาชโกติ พาหิร ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติฯ ปุราณสาโลหิตาย เทวตายาติ น มาตา น ปิตา, อปิจ โข ปนสฺส มาตา วิย ปิตา วิย จ หิตชฺฌาสยตฺตา โส เทวปุโตฺต ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ วุโตฺตฯ ปรินิพฺพุเต กิร กสฺสเป ภควติ ปติฎฺฐิเต สุวณฺณเจติเย ตโย กุลปุตฺตา สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา จริยานุรูปานิ กมฺมฎฺฐานานิ คเหตฺวา ปจฺจนฺตชนปทํ คนฺตฺวา อรญฺญายตเน สมณธมฺมํ กโรนฺติ, อนฺตรนฺตรา จ เจติยวนฺทนตฺถาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย จ นครํ คจฺฉนฺติฯ อปเรน จ สมเยน ตาวตกมฺปิ อรเญฺญ วิปฺปวาสํ อโรจยมานา ตเตฺถว อปฺปมตฺตา วิหริํสุ, เอวํ วิหรนฺตาปิ น จ กิญฺจิ วิเสสํ อธิคมิํสุฯ ตโต เนสํ อโหสิ – ‘‘มยํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตา ชีวิเต สาเปกฺขา โหม, ชีวิเต สาเปเกฺขน จ น สกฺกา โลกุตฺตรธโมฺม อธิคนฺตุํ, ปุถุชฺชนกาลกิริยาปิ ทุกฺขา, หนฺท มยํ นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุยฺห กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา สมณธมฺมํ กโรมา’’ติฯ เต ตถา อกํสุฯ

    Sabhiyassa paribbājakassāti sabhiyoti tassa nāmaṃ, paribbājakoti bāhira pabbajjaṃ upādāya vuccati. Purāṇasālohitāya devatāyāti na mātā na pitā, apica kho panassa mātā viya pitā viya ca hitajjhāsayattā so devaputto ‘‘purāṇasālohitā devatā’’ti vutto. Parinibbute kira kassape bhagavati patiṭṭhite suvaṇṇacetiye tayo kulaputtā sammukhasāvakānaṃ santike pabbajitvā cariyānurūpāni kammaṭṭhānāni gahetvā paccantajanapadaṃ gantvā araññāyatane samaṇadhammaṃ karonti, antarantarā ca cetiyavandanatthāya dhammassavanatthāya ca nagaraṃ gacchanti. Aparena ca samayena tāvatakampi araññe vippavāsaṃ arocayamānā tattheva appamattā vihariṃsu, evaṃ viharantāpi na ca kiñci visesaṃ adhigamiṃsu. Tato nesaṃ ahosi – ‘‘mayaṃ piṇḍāya gacchantā jīvite sāpekkhā homa, jīvite sāpekkhena ca na sakkā lokuttaradhammo adhigantuṃ, puthujjanakālakiriyāpi dukkhā, handa mayaṃ nisseṇiṃ bandhitvā pabbataṃ abhiruyha kāye ca jīvite ca anapekkhā samaṇadhammaṃ karomā’’ti. Te tathā akaṃsu.

    อถ เนสํ มหาเถโร อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ตทเหว ฉฬภิญฺญาปริวารํ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ โส อิทฺธิยา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อโนตเตฺต มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรูสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ ปุน อญฺญมฺปิ ปเทสํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา อโนตตฺตอุทกญฺจ นาคลตาทนฺตโปณญฺจ คเหตฺวา เตสํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ปสฺสถาวุโส มมานุภาวํ, อยํ อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาโต, อิทํ หิมวนฺตโต อุทกทนฺตโปณํ อาภตํ, อิมํ ภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรถ, เอวาหํ ตุเมฺห สทา อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติฯ เต ตํ สุตฺวา อาหํสุ – ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, กตกิจฺจา, ตุเมฺหหิ สห สลฺลาปมตฺตมฺปิ อมฺหากํ ปปโญฺจ, มา ทานิ ตุเมฺห ปุน อมฺหากํ สนฺติกํ อาคมิตฺถา’’ติฯ โส เกนจิ ปริยาเยน เต สมฺปฎิจฺฉาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ปกฺกามิฯ

    Atha nesaṃ mahāthero upanissayasampannattā tadaheva chaḷabhiññāparivāraṃ arahattaṃ sacchākāsi. So iddhiyā himavantaṃ gantvā anotatte mukhaṃ dhovitvā uttarakurūsu piṇḍāya caritvā katabhattakicco puna aññampi padesaṃ gantvā pattaṃ pūretvā anotattaudakañca nāgalatādantapoṇañca gahetvā tesaṃ santikaṃ āgantvā āha – ‘‘passathāvuso mamānubhāvaṃ, ayaṃ uttarakuruto piṇḍapāto, idaṃ himavantato udakadantapoṇaṃ ābhataṃ, imaṃ bhuñjitvā samaṇadhammaṃ karotha, evāhaṃ tumhe sadā upaṭṭhahissāmī’’ti. Te taṃ sutvā āhaṃsu – ‘‘tumhe, bhante, katakiccā, tumhehi saha sallāpamattampi amhākaṃ papañco, mā dāni tumhe puna amhākaṃ santikaṃ āgamitthā’’ti. So kenaci pariyāyena te sampaṭicchāpetuṃ asakkonto pakkāmi.

    ตโต เตสํ เอโก ทฺวีหตีหจฺจเยน ปญฺจาภิโญฺญ อนาคามี อโหสิฯ โสปิ ตเถว อกาสิ, อิตเรน จ ปฎิกฺขิโตฺต ตเถว อคมาสิฯ โส ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา วายมโนฺต ปพฺพตํ อารุหนทิวสโต สตฺตเม ทิวเส กิญฺจิ วิเสสํ อนธิคนฺตฺวาว กาลกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติฯ ขีณาสวเตฺถโรปิ ตํ ทิวสเมว ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชิฯ เทวปุโตฺต ฉสุ กามาวจรเทวโลเกสุ อนุโลมปฎิโลเมน ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกา จวิตฺวา อญฺญตริสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ สา กิร อญฺญตรสฺส ขตฺติยสฺส ธีตา, ตํ มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สมยนฺตรํ ชานาตู’’ติ เอกสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิยฺยาเตสุํฯ ตเสฺสโก อเนฺตวาสิโก ปริพฺพาชโก ตาย สทฺธิํ วิปฺปฎิปชฺชิฯ สา เตน คพฺภํ คณฺหิฯ ตํ คพฺภินิํ ทิสฺวา ปริพฺพาชิกา นิกฺกฑฺฒิํสุฯ สา อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตี อนฺตรามเคฺค สภายํ วิชายิ, เตนสฺส ‘‘สภิโย’’เตฺวว นามํ อกาสิฯ โสปิ สภิโย วฑฺฒิตฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นานาสตฺถานิ อุคฺคเหตฺวา มหาวาที หุตฺวา วาทกฺขิตฺตตาย สกลชมฺพุทีเป วิจรโนฺต อตฺตโน สทิสํ วาทิํ อทิสฺวา นครทฺวาเร อสฺสมํ การาเปตฺวา ขตฺติยกุมาราทโย สิปฺปํ สิกฺขาเปโนฺต ตตฺถ วสติฯ

    Tato tesaṃ eko dvīhatīhaccayena pañcābhiñño anāgāmī ahosi. Sopi tatheva akāsi, itarena ca paṭikkhitto tatheva agamāsi. So taṃ paṭikkhipitvā vāyamanto pabbataṃ āruhanadivasato sattame divase kiñci visesaṃ anadhigantvāva kālakato devaloke nibbatti. Khīṇāsavattheropi taṃ divasameva parinibbāyi, anāgāmī suddhāvāsesu uppajji. Devaputto chasu kāmāvacaradevalokesu anulomapaṭilomena dibbasampattiṃ anubhavitvā amhākaṃ bhagavato kāle devalokā cavitvā aññatarissā paribbājikāya kucchimhi paṭisandhiṃ aggahesi. Sā kira aññatarassa khattiyassa dhītā, taṃ mātāpitaro ‘‘amhākaṃ dhītā samayantaraṃ jānātū’’ti ekassa paribbājakassa niyyātesuṃ. Tasseko antevāsiko paribbājako tāya saddhiṃ vippaṭipajji. Sā tena gabbhaṃ gaṇhi. Taṃ gabbhiniṃ disvā paribbājikā nikkaḍḍhiṃsu. Sā aññattha gacchantī antarāmagge sabhāyaṃ vijāyi, tenassa ‘‘sabhiyo’’tveva nāmaṃ akāsi. Sopi sabhiyo vaḍḍhitvā paribbājakapabbajjaṃ pabbajitvā nānāsatthāni uggahetvā mahāvādī hutvā vādakkhittatāya sakalajambudīpe vicaranto attano sadisaṃ vādiṃ adisvā nagaradvāre assamaṃ kārāpetvā khattiyakumārādayo sippaṃ sikkhāpento tattha vasati.

    อถ ภควา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรติ กลนฺทกนิวาเปฯ สภิโย ปน พุทฺธุปฺปาทํ น ชานาติฯ อถ โส สุทฺธาวาสพฺรหฺมา สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ‘‘อิมาหํ วิเสสํ กสฺสานุภาเวน ปโตฺต’’ติ อาวเชฺชโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สมณธมฺมกิริยํ เต จ สหาเย อนุสฺสริตฺวา ‘‘เตสุ เอโก ปรินิพฺพุโต, เอโก อิทานิ กตฺถา’’ติ อาวเชฺชโนฺต ‘‘เทวโลกา จวิตฺวา ชมฺพุทีเป อุปฺปโนฺน พุทฺธุปฺปาทมฺปิ น ชานาตี’’ติ ญตฺวา ‘‘หนฺท นํ พุทฺธุปเสวนาย นิโยเชมี’’ติ วีสติ ปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา รตฺติภาเค ตสฺส อสฺสมมาคมฺม อากาเส ฐตฺวา ‘‘สภิย, สภิยา’’ติ ปโกฺกสิฯ โส นิทฺทายมาโน ติกฺขตฺตุํ ตํ สทฺทํ สุตฺวา นิกฺขมฺม โอภาสํ ทิสฺวา ปญฺชลิโก อฎฺฐาสิฯ ตโต ตํ พฺรหฺมา อาห – ‘‘อหํ สภิย ตวตฺถาย วีสติ ปเญฺห อาหริํ, เต ตฺวํ อุคฺคณฺหฯ โย จ เต สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ปเญฺห ปุโฎฺฐ พฺยากโรติ, ตสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาสี’’ติฯ อิมํ เทวปุตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตาย เทวตาย ปญฺหา อุทฺทิฎฺฐา โหนฺตี’’ติฯ อุทฺทิฎฺฐาติ อุเทฺทสมเตฺตเนว วุตฺตา, น วิภเงฺคนฯ

    Atha bhagavā pavattitavaradhammacakko anupubbena rājagahaṃ āgantvā veḷuvane viharati kalandakanivāpe. Sabhiyo pana buddhuppādaṃ na jānāti. Atha so suddhāvāsabrahmā samāpattito vuṭṭhāya ‘‘imāhaṃ visesaṃ kassānubhāvena patto’’ti āvajjento kassapassa bhagavato sāsane samaṇadhammakiriyaṃ te ca sahāye anussaritvā ‘‘tesu eko parinibbuto, eko idāni katthā’’ti āvajjento ‘‘devalokā cavitvā jambudīpe uppanno buddhuppādampi na jānātī’’ti ñatvā ‘‘handa naṃ buddhupasevanāya niyojemī’’ti vīsati pañhe abhisaṅkharitvā rattibhāge tassa assamamāgamma ākāse ṭhatvā ‘‘sabhiya, sabhiyā’’ti pakkosi. So niddāyamāno tikkhattuṃ taṃ saddaṃ sutvā nikkhamma obhāsaṃ disvā pañjaliko aṭṭhāsi. Tato taṃ brahmā āha – ‘‘ahaṃ sabhiya tavatthāya vīsati pañhe āhariṃ, te tvaṃ uggaṇha. Yo ca te samaṇo vā brāhmaṇo vā ime pañhe puṭṭho byākaroti, tassa santike brahmacariyaṃ careyyāsī’’ti. Imaṃ devaputtaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘purāṇasālohitāya devatāya pañhā uddiṭṭhā hontī’’ti. Uddiṭṭhāti uddesamatteneva vuttā, na vibhaṅgena.

    เอวํ วุเตฺต จ เน สภิโย เอกวจเนเนว ปทปฎิปาฎิยา อุคฺคเหสิฯ อถ โส พฺรหฺมา ชานโนฺตปิ ตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ นาจิกฺขิฯ ‘‘อตฺถํ คเวสมาโน ปริพฺพาชโก สยเมว สตฺถารํ ญสฺสติฯ อิโต พหิทฺธา จ สมณพฺราหฺมณานํ ตุจฺฉภาว’’นฺติ อิมินา ปนาธิปฺปาเยน เอวมาห – ‘‘โย เต สภิย…เป.… จเรยฺยาสี’’ติฯ เถรคาถาสุ ปน จตุกฺกนิปาเต สภิยเตฺถราปทานํ วเณฺณนฺตา ภณนฺติ ‘‘สา จสฺส มาตา อตฺตโน วิปฺปฎิปตฺติํ จิเนฺตตฺวา ตํ ชิคุจฺฉมานา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนา, ตาย พฺรหฺมเทวตาย เต ปญฺหา อุทฺทิฎฺฐา’’ติฯ

    Evaṃ vutte ca ne sabhiyo ekavacaneneva padapaṭipāṭiyā uggahesi. Atha so brahmā jānantopi tassa buddhuppādaṃ nācikkhi. ‘‘Atthaṃ gavesamāno paribbājako sayameva satthāraṃ ñassati. Ito bahiddhā ca samaṇabrāhmaṇānaṃ tucchabhāva’’nti iminā panādhippāyena evamāha – ‘‘yo te sabhiya…pe… careyyāsī’’ti. Theragāthāsu pana catukkanipāte sabhiyattherāpadānaṃ vaṇṇentā bhaṇanti ‘‘sā cassa mātā attano vippaṭipattiṃ cintetvā taṃ jigucchamānā jhānaṃ uppādetvā brahmaloke uppannā, tāya brahmadevatāya te pañhā uddiṭṭhā’’ti.

    เย เตติ อิทานิ วตฺตพฺพานํ อุเทฺทสปจฺจุเทฺทโสฯ สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคมเนน โลกสมฺมุติยา จ สมณา เจว พฺราหฺมณา จฯ สงฺฆิโนติ คณวโนฺตฯ คณิโนติ สตฺถาโร, ‘‘สพฺพญฺญุโน มย’’นฺติ เอวํ ปฎิญฺญาตาโรฯ คณาจริยาติ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทิวเสน ปพฺพชิตคหฎฺฐคณสฺส อาจริยาฯ ญาตาติ อภิญฺญาตา, วิสฺสุตา ปากฎาติ วุตฺตํ โหติฯ ยสสฺสิโนติ ลาภปริวารสมฺปนฺนาฯ ติตฺถกราติ เตสํ ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชเนฺตหิ โอตริตพฺพานํ โอคาหิตพฺพานํ ทิฎฺฐิติตฺถานํ กตฺตาโรฯ สาธุสมฺมตา พหุชนสฺสาติ ‘‘สาธโว เอเต สโนฺต สปฺปุริสา’’ติ เอวํ พหุชนสฺส สมฺมตาฯ

    Ye teti idāni vattabbānaṃ uddesapaccuddeso. Samaṇabrāhmaṇāti pabbajjūpagamanena lokasammutiyā ca samaṇā ceva brāhmaṇā ca. Saṅghinoti gaṇavanto. Gaṇinoti satthāro, ‘‘sabbaññuno maya’’nti evaṃ paṭiññātāro. Gaṇācariyāti uddesaparipucchādivasena pabbajitagahaṭṭhagaṇassa ācariyā. Ñātāti abhiññātā, vissutā pākaṭāti vuttaṃ hoti. Yasassinoti lābhaparivārasampannā. Titthakarāti tesaṃ diṭṭhānugatiṃ āpajjantehi otaritabbānaṃ ogāhitabbānaṃ diṭṭhititthānaṃ kattāro. Sādhusammatā bahujanassāti ‘‘sādhavo ete santo sappurisā’’ti evaṃ bahujanassa sammatā.

    เสยฺยถิทนฺติ กตเม เตติ เจ-อิเจฺจตสฺมิํ อเตฺถ นิปาโตฯ ปูรโณติ นามํ, กสฺสโปติ โคตฺตํฯ โส กิร ชาติยา ทาโส, ทาสสตํ ปูเรโนฺต ชาโตฯ เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามมกํสุฯ ปลายิตฺวา ปน นเคฺคสุ ปพฺพชิตฺวา ‘‘กสฺสโป อห’’นฺติ โคตฺตํ อุทฺทิสิ, สพฺพญฺญุตญฺจ ปจฺจญฺญาสิฯ มกฺขลีติ นามํ, โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติปิ วุจฺจติฯ โสปิ กิร ชาติยา ทาโส เอว, ปลายิตฺวา ปพฺพชิ, สพฺพญฺญุตญฺจ ปจฺจญฺญาสิฯ อชิโตติ นามํ, อปฺปิจฺฉตาย เกสกมฺพลํ ธาเรติ, เตน เกสกมฺพโลติปิ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพญฺญุตํ ปจฺจญฺญาสิ ฯ ปกุโธติ นามํ, กจฺจายโนติ โคตฺตํฯ อปฺปิจฺฉวเสน อุทเก ชีวสญฺญาย จ นฺหานมุขโธวนาทิ ปฎิกฺขิโตฺต, โสปิ สพฺพญฺญุตํ ปจฺจญฺญาสิฯ สญฺจโยติ นามํ, เพลโฎฺฐ ปนสฺส ปิตา, ตสฺมา เพลฎฺฐปุโตฺตติ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพญฺญุตํ ปจฺจญฺญาสิฯ นิคโณฺฐติ ปพฺพชฺชานาเมน, นาฎปุโตฺตติ ปิตุนาเมน วุจฺจติฯ นาโฎติ กิร นามสฺส ปิตา, ตสฺส ปุโตฺตติ นาฎปุโตฺต, โสปิ สพฺพญฺญุตํ ปจฺจญฺญาสิฯ สเพฺพปิ ปญฺจสตปญฺจสตสิสฺสปริวารา อเหสุํฯ เตติ เต ฉ สตฺถาโรฯ เต ปเญฺหติ เต วีสติ ปเญฺหฯ เตติ เต ฉ สตฺถาโรฯ น สมฺปายนฺตีติ น สมฺปาเทนฺติฯ โกปนฺติ จิตฺตเจตสิกานํ อาวิลภาวํฯ โทสนฺติ ปทุฎฺฐจิตฺตตํ, ตทุภยเมฺปตํ มนฺทติกฺขเภทสฺส โกธเสฺสวาธิวจนํฯ อปฺปจฺจยนฺติ อปฺปตีตตา, โทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปาตุกโรนฺตีติ กายวจีวิกาเรน ปกาเสนฺติ, ปากฎํ กโรนฺติฯ

    Seyyathidanti katame teti ce-iccetasmiṃ atthe nipāto. Pūraṇoti nāmaṃ, kassapoti gottaṃ. So kira jātiyā dāso, dāsasataṃ pūrento jāto. Tenassa ‘‘pūraṇo’’ti nāmamakaṃsu. Palāyitvā pana naggesu pabbajitvā ‘‘kassapo aha’’nti gottaṃ uddisi, sabbaññutañca paccaññāsi. Makkhalīti nāmaṃ, gosālāya jātattā gosālotipi vuccati. Sopi kira jātiyā dāso eva, palāyitvā pabbaji, sabbaññutañca paccaññāsi. Ajitoti nāmaṃ, appicchatāya kesakambalaṃ dhāreti, tena kesakambalotipi vuccati, sopi sabbaññutaṃ paccaññāsi . Pakudhoti nāmaṃ, kaccāyanoti gottaṃ. Appicchavasena udake jīvasaññāya ca nhānamukhadhovanādi paṭikkhitto, sopi sabbaññutaṃ paccaññāsi. Sañcayoti nāmaṃ, belaṭṭho panassa pitā, tasmā belaṭṭhaputtoti vuccati, sopi sabbaññutaṃ paccaññāsi. Nigaṇṭhoti pabbajjānāmena, nāṭaputtoti pitunāmena vuccati. Nāṭoti kira nāmassa pitā, tassa puttoti nāṭaputto, sopi sabbaññutaṃ paccaññāsi. Sabbepi pañcasatapañcasatasissaparivārā ahesuṃ. Teti te cha satthāro. Te pañheti te vīsati pañhe. Teti te cha satthāro. Na sampāyantīti na sampādenti. Kopanti cittacetasikānaṃ āvilabhāvaṃ. Dosanti paduṭṭhacittataṃ, tadubhayampetaṃ mandatikkhabhedassa kodhassevādhivacanaṃ. Appaccayanti appatītatā, domanassanti vuttaṃ hoti. Pātukarontīti kāyavacīvikārena pakāsenti, pākaṭaṃ karonti.

    หีนายาติ คหฎฺฐภาวายฯ คหฎฺฐภาโว หิ ปพฺพชฺชํ อุปนิธาย สีลาทิคุณหีนโต หีนกามสุขปฎิเสวนโต วา ‘‘หีโน’’ติ วุจฺจติฯ อุจฺจา ปพฺพชฺชาฯ อาวตฺติตฺวาติ โอสกฺกิตฺวาฯ กาเม ปริภุเญฺชยฺยนฺติ กาเม ปฎิเสเวยฺยํฯ อิติ กิรสฺส สพฺพญฺญุปฎิญฺญานมฺปิ ปพฺพชิตานํ ตุจฺฉกตฺตํ ทิสฺวา อโหสิฯ อุปฺปนฺนปริวิตกฺกวเสเนว จ อาคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ วีมํสมานสฺส อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยมฺปิ โข สมโณ’’ติ จ ‘‘เยปิ โข เต โภโนฺต’’ติ จ ‘‘สมโณ โข ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ’’ติ จาติ เอวมาทิฯ ตตฺถ ชิณฺณาติอาทีนิ ปทานิ วุตฺตนยาเนวฯ เถราติ อตฺตโน สมณธเมฺม ถิรภาวปฺปตฺตาฯ รตฺตญฺญูติ รตนญฺญู, ‘‘นิพฺพานรตนํ ชานาม มย’’นฺติ เอวํ สกาย ปฎิญฺญาย โลเกนาปิ สมฺมตา, พหุรตฺติวิทู วาฯ จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตาน อุญฺญาตโพฺพติ น อวชานิตโพฺพ, น นีจํ กตฺวา ชานิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ น ปริโภตโพฺพติ น ปริภวิตโพฺพ, ‘‘กิเมส ญสฺสตี’’ติ เอวํ น คเหตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ

    Hīnāyāti gahaṭṭhabhāvāya. Gahaṭṭhabhāvo hi pabbajjaṃ upanidhāya sīlādiguṇahīnato hīnakāmasukhapaṭisevanato vā ‘‘hīno’’ti vuccati. Uccā pabbajjā. Āvattitvāti osakkitvā. Kāme paribhuñjeyyanti kāme paṭiseveyyaṃ. Iti kirassa sabbaññupaṭiññānampi pabbajitānaṃ tucchakattaṃ disvā ahosi. Uppannaparivitakkavaseneva ca āgantvā punappunaṃ vīmaṃsamānassa atha kho sabhiyassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘ayampi kho samaṇo’’ti ca ‘‘yepi kho te bhonto’’ti ca ‘‘samaṇo kho daharoti na uññātabbo’’ti cāti evamādi. Tattha jiṇṇātiādīni padāni vuttanayāneva. Therāti attano samaṇadhamme thirabhāvappattā. Rattaññūti ratanaññū, ‘‘nibbānaratanaṃ jānāma maya’’nti evaṃ sakāya paṭiññāya lokenāpi sammatā, bahurattividū vā. Ciraṃ pabbajitānaṃ etesanti cirapabbajitā. Na uññātabboti na avajānitabbo, na nīcaṃ katvā jānitabboti vuttaṃ hoti. Na paribhotabboti na paribhavitabbo, ‘‘kimesa ñassatī’’ti evaṃ na gahetabboti vuttaṃ hoti.

    ๕๑๖. กงฺขี เวจิกิจฺฉีติ สภิโย ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทมาโน เอวํ ภควโต รูปสมฺปตฺติทมูปสมสูจิตํ สพฺพญฺญุตํ สมฺภาวยมาโน วิคตุทฺธโจฺจ หุตฺวา อาห – ‘‘กงฺขี เวจิกิจฺฉี’’ติฯ ตตฺถ ‘‘ลเภยฺยํ นุ โข อิเมสํ พฺยากรณ’’นฺติ เอวํ ปญฺหานํ พฺยากรณกงฺขาย กงฺขีฯ ‘‘โก นุ โข อิมสฺสิมสฺส จ ปญฺหสฺส อโตฺถ’’ติ เอวํ วิจิกิจฺฉาย เวจิกิจฺฉีฯ ทุพฺพลวิจิกิจฺฉาย วา เตสํ ปญฺหานํ อเตฺถ กงฺขนโต กงฺขี, พลวติยา วิจินโนฺต กิจฺฉติเยว, น สโกฺกติ สนฺนิฎฺฐาตุนฺติ เวจิกิจฺฉีฯ อภิกงฺขมาโนติ อติวิย ปตฺถยมาโนฯ เตสนฺตกโรติ เตสํ ปญฺหานํ อนฺตกโรฯ ภวโนฺตว เอวํ ภวาหีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปเญฺห เม ปุโฎฺฐ…เป.… พฺยากโรหิ เม’’ติฯ ตตฺถ ปเญฺห เมติ ปเญฺห มยาฯ ปุโฎฺฐติ ปุจฺฉิโตฯ อนุปุพฺพนฺติ ปญฺหปฎิปาฎิยา อนุธมฺมนฺติ อตฺถานุรูปํ ปาฬิํ อาโรเปโนฺตฯ พฺยากโรหิ เมติ มยฺหํ พฺยากโรหิฯ

    516.Kaṅkhī vecikicchīti sabhiyo bhagavatā saddhiṃ sammodamāno evaṃ bhagavato rūpasampattidamūpasamasūcitaṃ sabbaññutaṃ sambhāvayamāno vigatuddhacco hutvā āha – ‘‘kaṅkhī vecikicchī’’ti. Tattha ‘‘labheyyaṃ nu kho imesaṃ byākaraṇa’’nti evaṃ pañhānaṃ byākaraṇakaṅkhāya kaṅkhī. ‘‘Ko nu kho imassimassa ca pañhassa attho’’ti evaṃ vicikicchāya vecikicchī. Dubbalavicikicchāya vā tesaṃ pañhānaṃ atthe kaṅkhanato kaṅkhī, balavatiyā vicinanto kicchatiyeva, na sakkoti sanniṭṭhātunti vecikicchī. Abhikaṅkhamānoti ativiya patthayamāno. Tesantakaroti tesaṃ pañhānaṃ antakaro. Bhavantova evaṃ bhavāhīti dassento āha ‘‘pañhe me puṭṭho…pe… byākarohi me’’ti. Tattha pañhe meti pañhe mayā. Puṭṭhoti pucchito. Anupubbanti pañhapaṭipāṭiyā anudhammanti atthānurūpaṃ pāḷiṃ āropento. Byākarohi meti mayhaṃ byākarohi.

    ๕๑๗. ทูรโตติ โส กิร อิโต จิโต จาหิณฺฑโนฺต สตฺตโยชนสตมคฺคโต อาคโตฯ เตนาห – ภควา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ, กสฺสปสฺส ภควโต วา สาสนโต อาคตตฺตา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ นํ อาหฯ

    517.Dūratoti so kira ito cito cāhiṇḍanto sattayojanasatamaggato āgato. Tenāha – bhagavā ‘‘dūrato āgatosī’’ti, kassapassa bhagavato vā sāsanato āgatattā ‘‘dūrato āgatosī’’ti naṃ āha.

    ๕๑๘. ปุจฺฉ มนฺติ อิมาย ปนสฺส คาถาย สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรติฯ ตตฺถ มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิฯ

    518.Puccha manti imāya panassa gāthāya sabbaññupavāraṇaṃ pavāreti. Tattha manasicchasīti manasā icchasi.

    ยํ วตาหนฺติ ยํ วต อหํฯ อตฺตมโนติ ปีติปาโมชฺชโสมนเสฺสหิ ผุฎจิโตฺตฯ อุทโคฺคติ กาเยน จิเตฺตน จ อพฺภุนฺนโต ฯ อิทํ ปน ปทํ น สพฺพปาเฐสุ อตฺถิฯ อิทานิ เยหิ ธเมฺมหิ อตฺตมโน, เต ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติฯ

    Yaṃ vatāhanti yaṃ vata ahaṃ. Attamanoti pītipāmojjasomanassehi phuṭacitto. Udaggoti kāyena cittena ca abbhunnato . Idaṃ pana padaṃ na sabbapāṭhesu atthi. Idāni yehi dhammehi attamano, te dassento āha – ‘‘pamudito pītisomanassajāto’’ti.

    ๕๑๙. กิํ ปตฺตินนฺติ กิํ ปตฺตํ กิมธิคตํฯ โสรตนฺติ สุวูปสนฺตํฯ ‘‘สุรต’’นฺติปิ ปาโฐ, สุฎฺฐุ อุปรตนฺติ อโตฺถฯ ทนฺตนฺติ ทมิตํฯ พุโทฺธติ วิพุโทฺธ, พุทฺธโพทฺธโพฺพ วาฯ เอวํ สภิโย เอเกกาย คาถาย จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา ปญฺจหิ คาถาหิ วีสติ ปเญฺห ปุจฺฉิฯ ภควา ปนสฺส เอกเมกํ ปญฺหํ เอกเมกาย คาถาย กตฺวา อรหตฺตนิกูเฎเนว วีสติยา คาถาหิ พฺยากาสิฯ

    519.Kiṃ pattinanti kiṃ pattaṃ kimadhigataṃ. Soratanti suvūpasantaṃ. ‘‘Surata’’ntipi pāṭho, suṭṭhu uparatanti attho. Dantanti damitaṃ. Buddhoti vibuddho, buddhaboddhabbo vā. Evaṃ sabhiyo ekekāya gāthāya cattāro cattāro katvā pañcahi gāthāhi vīsati pañhe pucchi. Bhagavā panassa ekamekaṃ pañhaṃ ekamekāya gāthāya katvā arahattanikūṭeneva vīsatiyā gāthāhi byākāsi.

    ๕๒๐. ตตฺถ ยสฺมา ภินฺนกิเลโส ปรมตฺถภิกฺขุ, โส จ นิพฺพานปฺปโตฺต โหติ, ตสฺมา อสฺส ‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ ภิกฺขุน’’นฺติ อิมํ ปญฺหํ พฺยากโรโนฺต ‘‘ปเชฺชนา’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย อตฺตนา ภาวิเตน มเคฺคน ปรินิพฺพานคโต กิเลสปรินิพฺพานํ ปโตฺต, ปรินิพฺพานคตตฺตา เอว จ วิติณฺณกโงฺข วิปตฺติสมฺปตฺติหานิพุทฺธิอุเจฺฉทสสฺสตอปุญฺญปุญฺญเภทํ วิภวญฺจ ภวญฺจ วิปฺปหาย, มคฺควาสํ วุสิตวา ขีณปุนพฺภโวติ จ เอเตสํ ถุติวจนานํ อรโห, โส ภิกฺขูติฯ

    520. Tattha yasmā bhinnakileso paramatthabhikkhu, so ca nibbānappatto hoti, tasmā assa ‘‘kiṃ pattinamāhu bhikkhuna’’nti imaṃ pañhaṃ byākaronto ‘‘pajjenā’’tiādimāha. Tassattho – yo attanā bhāvitena maggena parinibbānagato kilesaparinibbānaṃ patto, parinibbānagatattā eva ca vitiṇṇakaṅkho vipattisampattihānibuddhiucchedasassataapuññapuññabhedaṃ vibhavañca bhavañca vippahāya, maggavāsaṃ vusitavā khīṇapunabbhavoti ca etesaṃ thutivacanānaṃ araho, so bhikkhūti.

    ๕๒๑. ยสฺมา ปน วิปฺปฎิปตฺติโต สุฎฺฐุ อุปรตภาเวน นานปฺปการกิเลสวูปสเมน จ โสรโต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพตฺถ อุเปกฺขโก’’ติอาทินา นเยน ทุติยปญฺหพฺยากรณมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย สพฺพตฺถ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ, น ทุมฺมโน’’ติ เอวํ ปวตฺตาย ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก, เวปุลฺลปฺปตฺตาย สติยา สติมา, น โส หิํสติ เนว หิํสติ กญฺจิ ตสถาวราทิเภทํ สตฺตํ สพฺพโลเก สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก, ติโณฺณฆตฺตา ติโณฺณ, สมิตปาปตฺตา สมโณ, อาวิลสงฺกปฺปปฺปหานา อนาวิโลยสฺส จิเม ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิกิเลสทุจฺจริตสงฺขาตา สตฺตุสฺสทา เกจิ โอฬาริกา วา สุขุมา วา น สนฺติ, โส อิมาย อุเปกฺขาวิหาริตาย สติเวปุลฺลตาย อหิํสกตาย จ วิปฺปฎิปตฺติโต สุฎฺฐุ อุปรตภาเวน อิมินา โอฆาทินานปฺปการกิเลสวูปสเมน จ โสรโตติฯ

    521. Yasmā pana vippaṭipattito suṭṭhu uparatabhāvena nānappakārakilesavūpasamena ca sorato hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘sabbattha upekkhako’’tiādinā nayena dutiyapañhabyākaraṇamāha. Tassattho – yo sabbattha rūpādīsu ārammaṇesu ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti, na dummano’’ti evaṃ pavattāya chaḷaṅgupekkhāya upekkhako, vepullappattāya satiyā satimā, na so hiṃsati neva hiṃsati kañci tasathāvarādibhedaṃ sattaṃ sabbaloke sabbasmimpi loke, tiṇṇoghattā tiṇṇo, samitapāpattā samaṇo, āvilasaṅkappappahānā anāvilo. Yassa cime rāgadosamohamānadiṭṭhikilesaduccaritasaṅkhātā sattussadā keci oḷārikā vā sukhumā vā na santi, so imāya upekkhāvihāritāya sativepullatāya ahiṃsakatāya ca vippaṭipattito suṭṭhu uparatabhāvena iminā oghādinānappakārakilesavūpasamena ca soratoti.

    ๕๒๒. ยสฺมา จ ภาวิตินฺทฺริโย นิพฺภโย นิพฺพิกาโร ทโนฺต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถาย ตติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺส จกฺขาทีนิ ฉฬินฺทฺริยานิ โคจรภาวนาย อนิจฺจาทิติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วาสนาภาวนาย สติสมฺปชญฺญคนฺธํ คาหาเปตฺวา จ ภาวิตานิ, ตานิ จ โข ยถา อชฺฌตฺตํ โคจรภาวนาย, เอวํ ปน พหิทฺธา จ สพฺพโลเกติ ยตฺถ ยตฺถ อินฺทฺริยานํ เวกลฺลตา เวกลฺลตาย วา สมฺภโว, ตตฺถ ตตฺถ นาภิชฺฌาทิวเสน ภาวิตานีติ เอวํ นิพฺพิชฺฌ ญตฺวา ปฎิวิชฺฌิตฺวา อิมํ ปรญฺจ โลกํ สกสนฺตติกฺขนฺธโลกํ ปรสนฺตติกฺขนฺธโลกญฺจ อทนฺธมรณํ มริตุกาโม กาลํ กงฺขติ, ชีวิตกฺขยกาลํ อาคเมติ ปติมาเนติ, น ภายติ มรณสฺสฯ ยถาห เถโร –

    522. Yasmā ca bhāvitindriyo nibbhayo nibbikāro danto hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘yassindriyānī’’ti gāthāya tatiyapañhaṃ byākāsi. Tassattho – yassa cakkhādīni chaḷindriyāni gocarabhāvanāya aniccāditilakkhaṇaṃ āropetvā vāsanābhāvanāya satisampajaññagandhaṃ gāhāpetvā ca bhāvitāni, tāni ca kho yathā ajjhattaṃ gocarabhāvanāya, evaṃ pana bahiddhā ca sabbaloketi yattha yattha indriyānaṃ vekallatā vekallatāya vā sambhavo, tattha tattha nābhijjhādivasena bhāvitānīti evaṃ nibbijjha ñatvā paṭivijjhitvā imaṃ parañca lokaṃ sakasantatikkhandhalokaṃ parasantatikkhandhalokañca adandhamaraṇaṃ maritukāmo kālaṃ kaṅkhati, jīvitakkhayakālaṃ āgameti patimāneti, na bhāyati maraṇassa. Yathāha thero –

    ‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถิ, นิกนฺติ นตฺถิ ชีวิเต’’; (เถรคา. ๒๐);

    ‘‘Maraṇe me bhayaṃ natthi, nikanti natthi jīvite’’; (Theragā. 20);

    ‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhikaṅkhāmi maraṇaṃ, nābhikaṅkhāmi jīvitaṃ;

    กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๖๐๖);

    Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 606);

    ภาวิโต ส ทโนฺตติ เอวํ ภาวิตินฺทฺริโย โส ทโนฺตติฯ

    Bhāvito sa dantoti evaṃ bhāvitindriyo so dantoti.

    ๕๒๓. ยสฺมา ปน พุโทฺธ นาม พุทฺธิสมฺปโนฺน กิเลสนิทฺทา วิพุโทฺธ จ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กปฺปานี’’ติ คาถาย จตุตฺถปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตตฺถ กปฺปานีติ ตณฺหาทิฎฺฐิโยฯ ตา หิ ตถา ตถา วิกปฺปนโต ‘‘กปฺปานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ วิเจยฺยาติ อนิจฺจาทิภาเวน สมฺมสิตฺวาฯ เกวลานีติ สกลานิฯ สํสารนฺติ โย จายํ –

    523. Yasmā pana buddho nāma buddhisampanno kilesaniddā vibuddho ca, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘kappānī’’ti gāthāya catutthapañhaṃ byākāsi. Tattha kappānīti taṇhādiṭṭhiyo. Tā hi tathā tathā vikappanato ‘‘kappānī’’ti vuccanti. Viceyyāti aniccādibhāvena sammasitvā. Kevalānīti sakalāni. Saṃsāranti yo cāyaṃ –

    ‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;

    ‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ –

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatī’’ti. –

    เอวํ ขนฺธาทิปฎิปาฎิสงฺขาโต สํสาโร, ตํ สํสารญฺจ เกวลํ วิเจยฺยฯ เอตฺตาวตา ขนฺธานํ มูลภูเตสุ กมฺมกิเลเสสุ ขเนฺธสุ จาติ เอวํ ตีสุปิ วเฎฺฎสุ วิปสฺสนํ อาหฯ ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุติํ อุปปาตนฺติ อิมญฺจ อุภยํ วิเจยฺย ญตฺวาติ อโตฺถฯ เอเตน จุตูปปาตญาณํ อาหฯ วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธนฺติ ราคาทิรชานํ วิคมา องฺคณานํ อภาวา มลานญฺจ วิคมา วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธํฯ ปตฺตํ ชาติขยนฺติ นิพฺพานํ ปตฺตํฯ ตมาหุ พุทฺธนฺติ ตํ อิมาย โลกุตฺตรวิปสฺสนาย จุตูปปาตญาณเภทาย พุทฺธิยา สมฺปนฺนตฺตา อิมาย จ วิคตรชาทิตาย กิเลสนิทฺทา วิพุทฺธตฺตา ตาย ปฎิปทาย ชาติกฺขยํ ปตฺตํ พุทฺธมาหุฯ

    Evaṃ khandhādipaṭipāṭisaṅkhāto saṃsāro, taṃ saṃsārañca kevalaṃ viceyya. Ettāvatā khandhānaṃ mūlabhūtesu kammakilesesu khandhesu cāti evaṃ tīsupi vaṭṭesu vipassanaṃ āha. Dubhayaṃ cutūpapātanti sattānaṃ cutiṃ upapātanti imañca ubhayaṃ viceyya ñatvāti attho. Etena cutūpapātañāṇaṃ āha. Vigatarajamanaṅgaṇaṃ visuddhanti rāgādirajānaṃ vigamā aṅgaṇānaṃ abhāvā malānañca vigamā vigatarajamanaṅgaṇaṃ visuddhaṃ. Pattaṃ jātikhayanti nibbānaṃ pattaṃ. Tamāhu buddhanti taṃ imāya lokuttaravipassanāya cutūpapātañāṇabhedāya buddhiyā sampannattā imāya ca vigatarajāditāya kilesaniddā vibuddhattā tāya paṭipadāya jātikkhayaṃ pattaṃ buddhamāhu.

    อถ วา กปฺปานิ วิเจยฺย เกวลานีติ ‘‘อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา (อิติวุ. ๙๙; ปารา. ๑๒) นเยน วิจินิตฺวาติ อโตฺถฯ เอเตน ปฐมวิชฺชมาหฯ สํสารํ ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุติํ อุปปาตนฺติ อิมญฺจ อุภยํ สํสารํ ‘‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา’’ติอาทินา นเยน วิจินิตฺวาติ อโตฺถฯ เอเตน ทุติยวิชฺชมาหฯ อวเสเสน ตติยวิชฺชมาหฯ อาสวกฺขยญาเณน หิ วิคตรชาทิตา จ นิพฺพานปฺปตฺติ จ โหตีติฯ ตมาหุ พุทฺธนฺติ เอวํ วิชฺชตฺตยเภทพุทฺธิสมฺปนฺนํ ตํ พุทฺธมาหูติฯ

    Atha vā kappāni viceyya kevalānīti ‘‘anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe amutrāsi’’ntiādinā (itivu. 99; pārā. 12) nayena vicinitvāti attho. Etena paṭhamavijjamāha. Saṃsāraṃ dubhayaṃ cutūpapātanti sattānaṃ cutiṃ upapātanti imañca ubhayaṃ saṃsāraṃ ‘‘ime vata bhonto sattā’’tiādinā nayena vicinitvāti attho. Etena dutiyavijjamāha. Avasesena tatiyavijjamāha. Āsavakkhayañāṇena hi vigatarajāditā ca nibbānappatti ca hotīti. Tamāhu buddhanti evaṃ vijjattayabhedabuddhisampannaṃ taṃ buddhamāhūti.

    ๕๒๕. เอวํ ปฐมคาถาย วุตฺตปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา ทุติยคาถาย วุตฺตปเญฺหสุปิ ยสฺมา พฺรหฺมภาวํ เสฎฺฐภาวํ ปโตฺต ปรมตฺถพฺราหฺมโณ พาหิตสพฺพปาโป โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พาหิตฺวา’’ติ คาถาย ปฐมํ ปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – โย จตุตฺถมเคฺคน พาหิตฺวา สพฺพปาปกานิ ฐิตโตฺต, ฐิโต อิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ พาหิตปาปตฺตา เอว จ วิมโล, วิมลภาวํ พฺรหฺมภาวํ เสฎฺฐภาวํ ปโตฺต, ปฎิปฺปสฺสทฺธสมาธิวิเกฺขปกรกิเลสมเลน อคฺคผลสมาธินา สาธุสมาหิโต, สํสารเหตุสมติกฺกเมน สํสารมติจฺจ ปรินิฎฺฐิตกิจฺจตาย เกวลี, โส ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อนิสฺสิตตฺตา อสิโต, โลกธเมฺมหิ นิพฺพิการตฺตา ‘‘ตาที’’ติ จ ปวุจฺจติฯ เอวํ ถุติรโห ส พฺรหฺมา โส พฺราหฺมโณติฯ

    525. Evaṃ paṭhamagāthāya vuttapañhe vissajjetvā dutiyagāthāya vuttapañhesupi yasmā brahmabhāvaṃ seṭṭhabhāvaṃ patto paramatthabrāhmaṇo bāhitasabbapāpo hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘bāhitvā’’ti gāthāya paṭhamaṃ pañhaṃ byākāsi. Tassattho – yo catutthamaggena bāhitvā sabbapāpakāni ṭhitatto, ṭhito icceva vuttaṃ hoti. Bāhitapāpattā eva ca vimalo, vimalabhāvaṃ brahmabhāvaṃ seṭṭhabhāvaṃ patto, paṭippassaddhasamādhivikkhepakarakilesamalena aggaphalasamādhinā sādhusamāhito, saṃsārahetusamatikkamena saṃsāramaticca pariniṭṭhitakiccatāya kevalī, so taṇhādiṭṭhīhi anissitattā asito, lokadhammehi nibbikārattā ‘‘tādī’’ti ca pavuccati. Evaṃ thutiraho sa brahmā so brāhmaṇoti.

    ๕๒๖. ยสฺมา ปน สมิตปาปตาย สมโณ, นฺหาตปาปตาย นฺหาตโก, อาคูนํ อกรเณน จ นาโคติ ปวุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ตโต อปราหิ ตีหิ คาถาหิ ตโย ปเญฺห พฺยากาสิฯ ตตฺถ สมิตาวีติ อริยมเคฺคน กิเลเส สเมตฺวา ฐิโตฯ สมโณ ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ ตถารูโป สมโณ ปวุจฺจตีติฯ เอตฺตาวตา ปโญฺห พฺยากโต โหติ, เสสํ ตสฺมิํ สมเณ สภิยสฺส พหุมานชนนตฺถํ ถุติวจนํฯ โย หิ สมิตาวี, โส ปุญฺญปาปานํ อปฎิสนฺธิกรเณน ปหาย ปุญฺญปาปํ รชานํ วิคเมน วิรโช, อนิจฺจาทิวเสน ญตฺวา อิมํ ปรญฺจ โลกํ ชาติมรณํ อุปาติวโตฺต ตาทิ จ โหติฯ

    526. Yasmā pana samitapāpatāya samaṇo, nhātapāpatāya nhātako, āgūnaṃ akaraṇena ca nāgoti pavuccati, tasmā tamatthaṃ dassento tato aparāhi tīhi gāthāhi tayo pañhe byākāsi. Tattha samitāvīti ariyamaggena kilese sametvā ṭhito. Samaṇo pavuccate tathattāti tathārūpo samaṇo pavuccatīti. Ettāvatā pañho byākato hoti, sesaṃ tasmiṃ samaṇe sabhiyassa bahumānajananatthaṃ thutivacanaṃ. Yo hi samitāvī, so puññapāpānaṃ apaṭisandhikaraṇena pahāya puññapāpaṃ rajānaṃ vigamena virajo, aniccādivasena ñatvā imaṃ parañca lokaṃ jātimaraṇaṃ upātivatto tādi ca hoti.

    ๕๒๗. นินฺหาย…เป.… นฺหาตโกติ เอตฺถ ปน โย อชฺฌตฺตพหิทฺธาสงฺขาเต สพฺพสฺมิมฺปิ อายตนโลเก อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน อุปฺปตฺติรหานิ สพฺพปาปกานิ มคฺคญาเณน นินฺหาย โธวิตฺวา ตาย นินฺหาตปาปกตาย ตณฺหาทิฎฺฐิกเปฺปหิ กปฺปิเยสุ เทวมนุเสฺสสุ กปฺปํ น เอติ, ตํ นฺหาตกมาหูติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    527.Ninhāya…pe… nhātakoti ettha pana yo ajjhattabahiddhāsaṅkhāte sabbasmimpi āyatanaloke ajjhattabahiddhārammaṇavasena uppattirahāni sabbapāpakāni maggañāṇena ninhāya dhovitvā tāya ninhātapāpakatāya taṇhādiṭṭhikappehi kappiyesu devamanussesu kappaṃ na eti, taṃ nhātakamāhūti evamattho daṭṭhabbo.

    ๕๒๘. จตุตฺถคาถายปิ อาคุํ น กโรติ กิญฺจิ โลเกติ โย โลเก อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปสงฺขาตํ อาคุํ น กโรติ, นาโค ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ ฯ เอตฺตาวตา ปโญฺห พฺยากโต โหติ, เสสํ ปุพฺพนเยเนว ถุติวจนํฯ โย หิ มเคฺคน ปหีนอาคุตฺตา อาคุํ น กโรติ, โส กามโยคาทิเก สพฺพโยเค ทสสโญฺญชนเภทานิ จ สพฺพพนฺธนานิ วิสชฺช ชหิตฺวา สพฺพตฺถ ขนฺธาทีสุ เกนจิ สเงฺคน น สชฺชติ, ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุโตฺต, ตาทิ จ โหตีติฯ

    528. Catutthagāthāyapi āguṃ na karoti kiñci loketi yo loke appamattakampi pāpasaṅkhātaṃ āguṃ na karoti, nāgo pavuccate tathattāti . Ettāvatā pañho byākato hoti, sesaṃ pubbanayeneva thutivacanaṃ. Yo hi maggena pahīnaāguttā āguṃ na karoti, so kāmayogādike sabbayoge dasasaññojanabhedāni ca sabbabandhanāni visajja jahitvā sabbattha khandhādīsu kenaci saṅgena na sajjati, dvīhi ca vimuttīhi vimutto, tādi ca hotīti.

    ๕๓๐. เอวํ ทุติยคาถาย วุตฺตปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา ตติยคาถาย วุตฺตปเญฺหสุปิ ยสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อายตนานิ วุจฺจนฺติฯ ยถาห – ‘‘จกฺขุเปตํ จกฺขายตนํเปตํ…เป.… เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๘)ฯ ตานิ วิเชยฺย วิเชตฺวา อภิภวิตฺวา, วิเจยฺย วา อนิจฺจาทิภาเวน วิจินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา เกวลานิ อนวเสสานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ ทิพฺพํ มานุสกญฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ, ยํ ทิพฺพํ ทฺวาทสายตนเภทํ ตถา มานุสกญฺจ, ยญฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ ฉฬายตเน จกฺขายตนาทิทฺวาทสายตนเภทํ, ตํ สพฺพมฺปิ วิเชยฺย วิเจยฺย วาฯ ยโต ยเทตํ สเพฺพสํ เขตฺตานํ มูลพนฺธนํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิ, ตสฺมา สพฺพเขตฺตมูลพนฺธนา ปมุโตฺตฯ เอวเมเตสํ เขตฺตานํ วิชิตตฺตา วิจินิตตฺตา วา เขตฺตชิโน นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อิมาย คาถาย ปฐมปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตตฺถ เกจิ ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิญฺญาณํ พีชํ, ตณฺหา เสฺนโห’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๗) วจนโต กมฺมานิ เขตฺตานีติ วทนฺติฯ ทิพฺพํ มานุสกญฺจ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ เอตฺถ จ เทวูปคํ กมฺมํ ทิพฺพํ, มนุสฺสูปคํ กมฺมํ มานุสกํ, พฺรหฺมูปคํ กมฺมํ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ วณฺณยนฺติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    530. Evaṃ dutiyagāthāya vuttapañhe vissajjetvā tatiyagāthāya vuttapañhesupi yasmā ‘‘khettānī’’ti āyatanāni vuccanti. Yathāha – ‘‘cakkhupetaṃ cakkhāyatanaṃpetaṃ…pe… khettampetaṃ vatthupeta’’nti (dha. sa. 596-598). Tāni vijeyya vijetvā abhibhavitvā, viceyya vā aniccādibhāvena vicinitvā upaparikkhitvā kevalāni anavasesāni, visesato pana saṅgahetubhūtaṃ dibbaṃ mānusakañca brahmakhettaṃ, yaṃ dibbaṃ dvādasāyatanabhedaṃ tathā mānusakañca, yañca brahmakhettaṃ chaḷāyatane cakkhāyatanādidvādasāyatanabhedaṃ, taṃ sabbampi vijeyya viceyya vā. Yato yadetaṃ sabbesaṃ khettānaṃ mūlabandhanaṃ avijjābhavataṇhādi, tasmā sabbakhettamūlabandhanā pamutto. Evametesaṃ khettānaṃ vijitattā vicinitattā vā khettajino nāma hoti, tasmā ‘‘khettānī’’ti imāya gāthāya paṭhamapañhaṃ byākāsi. Tattha keci ‘‘kammaṃ khettaṃ, viññāṇaṃ bījaṃ, taṇhā sneho’’ti (a. ni. 3.77) vacanato kammāni khettānīti vadanti. Dibbaṃ mānusakañca brahmakhettanti ettha ca devūpagaṃ kammaṃ dibbaṃ, manussūpagaṃ kammaṃ mānusakaṃ, brahmūpagaṃ kammaṃ brahmakhettanti vaṇṇayanti. Sesaṃ vuttanayameva.

    ๕๓๑. ยสฺมา ปน สกเฎฺฐน โกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ กมฺมานิ วุจฺจนฺติ, เตสญฺจ ลุนนา สมุเจฺฉทนา กุสโล โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โกสานี’’ติ คาถาย ทุติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – โลกิยโลกุตฺตรวิปสฺสนาย วิสยโต กิจฺจโต จ อนิจฺจาทิภาเวน กุสลากุสลกมฺมสงฺขาตานิ โกสานิ วิเจยฺย เกวลานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ อฎฺฐกามาวจรกุสลเจตนาเภทํ ทิพฺพํ มานุสกญฺจ นวมหคฺคตกุสลเจตนาเภทญฺจ พฺรหฺมโกสํ วิเจยฺยฯ ตโต อิมาย มคฺคภาวนาย อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา สพฺพโกสานํ มูลพนฺธนา ปมุโตฺต, เอวเมเตสํ โกสานํ ลุนนา ‘‘กุสโล’’ติ ปวุจฺจติ, ตถตฺตา ตาที จ โหตีติฯ อถ วา สตฺตานํ ธมฺมานญฺจ นิวาสเฎฺฐน อสิโกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ ตโย ภวา ทฺวาทสายตนานิ จ เวทิตพฺพานิฯ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพาฯ

    531. Yasmā pana sakaṭṭhena kosasadisattā ‘‘kosānī’’ti kammāni vuccanti, tesañca lunanā samucchedanā kusalo hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘kosānī’’ti gāthāya dutiyapañhaṃ byākāsi. Tassattho – lokiyalokuttaravipassanāya visayato kiccato ca aniccādibhāvena kusalākusalakammasaṅkhātāni kosāni viceyya kevalāni, visesato pana saṅgahetubhūtaṃ aṭṭhakāmāvacarakusalacetanābhedaṃ dibbaṃ mānusakañca navamahaggatakusalacetanābhedañca brahmakosaṃ viceyya. Tato imāya maggabhāvanāya avijjābhavataṇhādibhedā sabbakosānaṃ mūlabandhanā pamutto, evametesaṃ kosānaṃ lunanā ‘‘kusalo’’ti pavuccati, tathattā tādī ca hotīti. Atha vā sattānaṃ dhammānañca nivāsaṭṭhena asikosasadisattā ‘‘kosānī’’ti tayo bhavā dvādasāyatanāni ca veditabbāni. Evamettha yojanā kātabbā.

    ๕๓๒. ยสฺมา จ น เกวลํ ปณฺฑตีติ อิมินาว ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, อปิจ โข ปน ปณฺฑรานิ อิโต อุปคโต ปวิจยปญฺญาย อลฺลีโนติปิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทุภยานี’’ติ คาถาย ตติยปญฺหํ พฺยากาสิ ฯ ตสฺสโตฺถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อุภยานิ อนิจฺจาทิภาเวน วิเจยฺยฯ ปณฺฑรานีติ อายตนานิฯ ตานิ หิ ปกติปริสุทฺธตฺตา รุฬฺหิยา จ เอวํ วุจฺจนฺติ, ตานิ วิเจยฺย อิมาย ปฎิปตฺติยา นิทฺธนฺตมลตฺตา สุทฺธิปโญฺญ ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจติ ตถตฺตา, ยสฺมา ตานิ ปณฺฑรานิ ปญฺญาย อิโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํฯ โส หิ ปาปปุญฺญสงฺขาตํ กณฺหสุกฺกํ อุปาติวโตฺต ตาที จ โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโตฯ

    532. Yasmā ca na kevalaṃ paṇḍatīti imināva ‘‘paṇḍito’’ti vuccati, apica kho pana paṇḍarāni ito upagato pavicayapaññāya allīnotipi ‘‘paṇḍito’’ti vuccati, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘dubhayānī’’ti gāthāya tatiyapañhaṃ byākāsi . Tassattho – ajjhattaṃ bahiddhā cāti evaṃ ubhayāni aniccādibhāvena viceyya. Paṇḍarānīti āyatanāni. Tāni hi pakatiparisuddhattā ruḷhiyā ca evaṃ vuccanti, tāni viceyya imāya paṭipattiyā niddhantamalattā suddhipañño paṇḍitoti pavuccati tathattā, yasmā tāni paṇḍarāni paññāya ito hoti, sesamassa thutivacanaṃ. So hi pāpapuññasaṅkhātaṃ kaṇhasukkaṃ upātivatto tādī ca hoti, tasmā evaṃ thuto.

    ๕๓๓. ยสฺมา ปน ‘‘โมนํ วุจฺจติ ญาณํ, ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, เตน ญาเณน สมนฺนาคโต มุนี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสตญฺจา’’ติ คาถาย จตุตฺถปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – ยฺวายํ อกุสลกุสลปฺปเภโท อสตญฺจ สตญฺจ ธโมฺม, ตํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธาติ อิมสฺมิํ สพฺพโลเก ปวิจยญาเณน อสตญฺจ สตญฺจ ญตฺวา ธมฺมํ ตสฺส ญาตตฺตา เอว ราคาทิเภทโต สตฺตวิธํ สงฺคํ ตณฺหาทิฎฺฐิเภทโต ทุวิธํ ชาลญฺจ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา ฐิโตฯ โส เตน โมนสงฺขาเตน ปวิจยญาเณน สมนฺนาคตตฺตา มุนิฯ เทวมนุเสฺสหิ ปูชนีโยติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํฯ โส หิ ขีณาสวมุนิตฺตา เทวมนุสฺสานํ ปูชารโห โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโตฯ

    533. Yasmā pana ‘‘monaṃ vuccati ñāṇaṃ, yā paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi, tena ñāṇena samannāgato munī’’ti vuttaṃ, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘asatañcā’’ti gāthāya catutthapañhaṃ byākāsi. Tassattho – yvāyaṃ akusalakusalappabhedo asatañca satañca dhammo, taṃ ajjhattaṃ bahiddhāti imasmiṃ sabbaloke pavicayañāṇena asatañca satañca ñatvā dhammaṃ tassa ñātattā eva rāgādibhedato sattavidhaṃ saṅgaṃ taṇhādiṭṭhibhedato duvidhaṃ jālañca aticca atikkamitvā ṭhito. So tena monasaṅkhātena pavicayañāṇena samannāgatattā muni. Devamanussehi pūjanīyoti idaṃ panassa thutivacanaṃ. So hi khīṇāsavamunittā devamanussānaṃ pūjāraho hoti, tasmā evaṃ thuto.

    ๕๓๕. เอวํ ตติยคาถาย วุตฺตปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา จตุตฺถคาถาย วุตฺตปเญฺหสุปิ ยสฺมา โย จตูหิ มคฺคญาณเวเทหิ กิเลสกฺขยํ กโรโนฺต คโต, โส ปรมตฺถโต เวทคู นาม โหติฯ โย จ สพฺพสมณพฺราหฺมณานํ สตฺถสญฺญิตานิ เวทานิ, ตาเยว มคฺคภาวนาย กิจฺจโต อนิจฺจาทิวเสน วิเจยฺยฯ ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตเมว สพฺพํ เวทมติจฺจ ยา เวทปจฺจยา วา อญฺญถา วา อุปฺปชฺชนฺติ เวทนา , ตาสุ สพฺพเวทนาสุ วีตราโค โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เวทานี’’ติ คาถาย ปฐมปญฺหํ พฺยากาสิฯ ยสฺมา วา โย ปวิจยปญฺญาย เวทานิ วิเจยฺย, ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน สพฺพํ เวทมติจฺจ วตฺตติ, โส สตฺถสญฺญิตานิ เวทานิ คโต ญาโต อติกฺกโนฺต จ โหติฯ โย เวทนาสุ วีตราโค, โสปิ เวทนาสญฺญิตานิ เวทานิ คโต อติกฺกโนฺต จ โหติฯ เวทานิ คโตติปิ เวทคู, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา อิมาย คาถาย ปฐมปญฺหํ พฺยากาสิฯ

    535. Evaṃ tatiyagāthāya vuttapañhe vissajjetvā catutthagāthāya vuttapañhesupi yasmā yo catūhi maggañāṇavedehi kilesakkhayaṃ karonto gato, so paramatthato vedagū nāma hoti. Yo ca sabbasamaṇabrāhmaṇānaṃ satthasaññitāni vedāni, tāyeva maggabhāvanāya kiccato aniccādivasena viceyya. Tattha chandarāgappahānena tameva sabbaṃ vedamaticca yā vedapaccayā vā aññathā vā uppajjanti vedanā , tāsu sabbavedanāsu vītarāgo hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘idaṃ pattina’’nti avatvā ‘‘vedānī’’ti gāthāya paṭhamapañhaṃ byākāsi. Yasmā vā yo pavicayapaññāya vedāni viceyya, tattha chandarāgappahānena sabbaṃ vedamaticca vattati, so satthasaññitāni vedāni gato ñāto atikkanto ca hoti. Yo vedanāsu vītarāgo, sopi vedanāsaññitāni vedāni gato atikkanto ca hoti. Vedāni gatotipi vedagū, tasmā tampi atthaṃ dassento ‘‘idaṃ pattina’’nti avatvā imāya gāthāya paṭhamapañhaṃ byākāsi.

    ๕๓๖. ยสฺมา ปน ทุติยปเญฺห ‘‘อนุวิทิโต’’ติ อนุพุโทฺธ วุจฺจติ, โส จ อนุวิจฺจ ปปญฺจนามรูปํ อชฺฌตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน ตณฺหามานทิฎฺฐิเภทํ ปปญฺจํ ตปฺปจฺจยา นามรูปญฺจ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ อนุวิจฺจ อนุวิทิตฺวา, น เกวลญฺจ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา จ โรคมูลํ, ปรสนฺตาเน จ อิมสฺส นามรูปโรคสฺส มูลํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิํ, ตเมว วา ปปญฺจํ อนุวิจฺจ ตาย ภาวนาย สเพฺพสํ โรคานํ มูลพนฺธนา, สพฺพสฺมา วา โรคานํ มูลพนฺธนา, อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา, ตสฺมา เอว วา ปปญฺจา ปมุโตฺต โหติ, ตสฺมา ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุวิจฺจา’’ติ คาถาย ทุติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ

    536. Yasmā pana dutiyapañhe ‘‘anuvidito’’ti anubuddho vuccati, so ca anuvicca papañcanāmarūpaṃ ajjhattaṃ attano santāne taṇhāmānadiṭṭhibhedaṃ papañcaṃ tappaccayā nāmarūpañca aniccānupassanādīhi anuvicca anuviditvā, na kevalañca ajjhattaṃ, bahiddhā ca rogamūlaṃ, parasantāne ca imassa nāmarūparogassa mūlaṃ avijjābhavataṇhādiṃ, tameva vā papañcaṃ anuvicca tāya bhāvanāya sabbesaṃ rogānaṃ mūlabandhanā, sabbasmā vā rogānaṃ mūlabandhanā, avijjābhavataṇhādibhedā, tasmā eva vā papañcā pamutto hoti, tasmā taṃ dassento ‘‘anuviccā’’ti gāthāya dutiyapañhaṃ byākāsi.

    ๕๓๗. ‘‘กถญฺจ วีริยวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา โย อริยมเคฺคน สพฺพปาปเกหิ วิรโต, ตถา วิรตตฺตา จ อายติํ อปฎิสนฺธิตาย นิรยทุกฺขํ อติจฺจ ฐิโต วีริยวาโส วีริยนิเกโต, โส ขีณาสโว ‘‘วีริยวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิรโต’’ติ คาถาย ตติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ ปธานวา ธีโร ตาทีติ อิมานิ ปนสฺส ถุติวจนานิฯ โส หิ ปธานวา มคฺคฌานปธาเนน, ธีโร กิเลสาริวิทฺธํสนสมตฺถตาย, ตาที นิพฺพิการตาย, ตสฺมา เอวํ ถุโตฯ เสสํ โยเชตฺวา วตฺตพฺพํฯ

    537. ‘‘Kathañca vīriyavā’’ti ettha pana yasmā yo ariyamaggena sabbapāpakehi virato, tathā viratattā ca āyatiṃ apaṭisandhitāya nirayadukkhaṃ aticca ṭhito vīriyavāso vīriyaniketo, so khīṇāsavo ‘‘vīriyavā’’ti vattabbataṃ arahati, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘virato’’ti gāthāya tatiyapañhaṃ byākāsi. Padhānavā dhīro tādīti imāni panassa thutivacanāni. So hi padhānavā maggajhānapadhānena, dhīro kilesārividdhaṃsanasamatthatāya, tādī nibbikāratāya, tasmā evaṃ thuto. Sesaṃ yojetvā vattabbaṃ.

    ๕๓๘. ‘‘อาชานิโย กินฺติ นาม โหตี’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา ปหีนสพฺพวงฺกโทโส การณาการณญฺญู อโสฺส วา หตฺถี วา ‘‘อาชานิโย โหตี’’ติ โลเก วุจฺจติ, น จ ตสฺส สพฺพโส เต โทสา ปหีนา เอว, ขีณาสวสฺส ปน เต ปหีนา, ตสฺมา โส ‘‘อาชานิโย’’ติ ปรมตฺถโต วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺสา’’ติ คาถาย จตุตฺถปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อชฺฌตฺตพหิทฺธาสโญฺญชนสงฺขาตานิ ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ พนฺธนานิ ปญฺญาสเตฺถน ฉินฺนานิ ปทาลิตานิฯ สงฺคมูลนฺติ ยานิ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ สงฺคสฺส สชฺชนาย อนติกฺกมนาย มูลํ โหนฺติ, อถ วา ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ ราคาทีนิ พนฺธนานิ ยานิ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สงฺคมูลานิ โหนฺติ, โส สพฺพสฺมา สงฺคานํ มูลภูตา สพฺพสงฺคานํ วา มูลภูตา พนฺธนา ปมุโตฺต ‘‘อาชานิโย’’ติ วุจฺจติ, ตถตฺตา ตาทิ จ โหตีติฯ

    538. ‘‘Ājāniyo kinti nāma hotī’’ti ettha pana yasmā pahīnasabbavaṅkadoso kāraṇākāraṇaññū asso vā hatthī vā ‘‘ājāniyo hotī’’ti loke vuccati, na ca tassa sabbaso te dosā pahīnā eva, khīṇāsavassa pana te pahīnā, tasmā so ‘‘ājāniyo’’ti paramatthato vattabbataṃ arahatīti dassento ‘‘yassā’’ti gāthāya catutthapañhaṃ byākāsi. Tassattho – ajjhattaṃ bahiddhā cāti evaṃ ajjhattabahiddhāsaññojanasaṅkhātāni yassa assu lunāni bandhanāni paññāsatthena chinnāni padālitāni. Saṅgamūlanti yāni tesu tesu vatthūsu saṅgassa sajjanāya anatikkamanāya mūlaṃ honti, atha vā yassa assu lunāni rāgādīni bandhanāni yāni ajjhattaṃ bahiddhā ca saṅgamūlāni honti, so sabbasmā saṅgānaṃ mūlabhūtā sabbasaṅgānaṃ vā mūlabhūtā bandhanā pamutto ‘‘ājāniyo’’ti vuccati, tathattā tādi ca hotīti.

    ๕๔๐. เอวํ จตุตฺถคาถาย วุตฺตปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา ปญฺจมคาถาย วุตฺตปเญฺหสุปิ ยสฺมา ยํ ฉนฺทเชฺฌนมเตฺตน อกฺขรจินฺตกา โสตฺติยํ วณฺณยนฺติ, โวหารมตฺตโสตฺติโย โสฯ อริโย ปน พาหุสเจฺจน นิสฺสุตปาปตาย จ ปรมตฺถโสตฺติโย โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สุตฺวา’’ติ คาถาย ปฐมปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – โย อิมสฺมิํ โลเก สุตมยปญฺญากิจฺจวเสน สุตฺวา กาตพฺพกิจฺจวเสน วา สุตฺวา วิปสฺสนูปคํ สพฺพธมฺมํ อนิจฺจาทิวเสน อภิญฺญาย สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิญฺจิ, อิมาย ปฎิปทาย กิเลเส กิเลสฎฺฐานิเย จ ธเมฺม อภิภวิตฺวา อภิภูติ สงฺขํ คโต, ตํ สุตฺวา สพฺพธมฺมํ อภิญฺญาย โลเก สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิญฺจิ, อภิภุํ สุตวตฺตา โสตฺติโยติ อาหุฯ ยสฺมา จ โย อกถํกถี กิเลสพนฺธเนหิ วิมุโตฺต, ราคาทีหิ อีเฆหิ อนีโฆ จ โหติ สพฺพธิ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ ขนฺธายตนาทีสุ, ตสฺมา ตํ อกถํกถิํ วิมุตฺตํ อนีฆํ สพฺพธิ นิสฺสุตปาปกตฺตาปิ ‘‘โสตฺติโย’’ติ อาหูติฯ

    540. Evaṃ catutthagāthāya vuttapañhe vissajjetvā pañcamagāthāya vuttapañhesupi yasmā yaṃ chandajjhenamattena akkharacintakā sottiyaṃ vaṇṇayanti, vohāramattasottiyo so. Ariyo pana bāhusaccena nissutapāpatāya ca paramatthasottiyo hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘idaṃ pattina’’nti avatvā ‘‘sutvā’’ti gāthāya paṭhamapañhaṃ byākāsi. Tassattho – yo imasmiṃ loke sutamayapaññākiccavasena sutvā kātabbakiccavasena vā sutvā vipassanūpagaṃ sabbadhammaṃ aniccādivasena abhiññāya sāvajjānavajjaṃ yadatthi kiñci, imāya paṭipadāya kilese kilesaṭṭhāniye ca dhamme abhibhavitvā abhibhūti saṅkhaṃ gato, taṃ sutvā sabbadhammaṃ abhiññāya loke sāvajjānavajjaṃ yadatthi kiñci, abhibhuṃ sutavattā sottiyoti āhu. Yasmā ca yo akathaṃkathī kilesabandhanehi vimutto, rāgādīhi īghehi anīgho ca hoti sabbadhi sabbesu dhammesu khandhāyatanādīsu, tasmā taṃ akathaṃkathiṃ vimuttaṃ anīghaṃ sabbadhi nissutapāpakattāpi ‘‘sottiyo’’ti āhūti.

    ๕๔๑. ยสฺมา ปน หิตกาเมน ชเนน อรณียโต อริโย โหติ, อภิคมนียโตติ อโตฺถฯ ตสฺมา เยหิ คุเณหิ โส อรณีโย โหติ, เต ทเสฺสนฺตา ‘‘เฉตฺวา’’ติ คาถาย ทุติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตสฺสโตฺถ – จตฺตาริ อาสวานิ เทฺว จ อาลยานิ ปญฺญาสเตฺถน เฉตฺวา วิทฺวา วิญฺญู วิภาวี จตุมคฺคญาณี โส ปุนพฺภววเสน น อุเปติ คพฺภเสยฺยํ, กญฺจิ โยนิํ น อุปคจฺฉติ, กามาทิเภทญฺจ สญฺญํ ติวิธํฯ กามคุณสงฺขาตญฺจ ปงฺกํ ปนุชฺช ปนุทิตฺวา ตณฺหาทิฎฺฐิกปฺปานํ อญฺญตรมฺปิ กปฺปํ น เอติ, เอวํ อาสวเจฺฉทาทิคุณสมนฺนาคตํ ตมาหุ อริโยติฯ ยสฺมา วา ปาปเกหิ อารกตฺตา อริโย โหติ อนเย จ อนิรียนา, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อิมาย คาถาย ทุติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ อาสวาทโย หิ ปาปกา ธมฺมา อนยสมฺมตา, เต จาเนน ฉินฺนา ปนุนฺนา, น จ เตหิ กมฺปติ, อิจฺจสฺส เต อารกา โหนฺติ, น จ เตสุ อิรียติ ตสฺมา อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา ธมฺมาติ อิมินาปเตฺถนฯ อนเย น อิรียตีติ อิมินาปเตฺถน ตมาหุ อริโยติ จ เอวเมฺปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ ‘‘วิทฺวา โส น อุเปติ คพฺภเสยฺย’’นฺติ อิทํ ปน อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ถุติวจนเมว โหติฯ

    541. Yasmā pana hitakāmena janena araṇīyato ariyo hoti, abhigamanīyatoti attho. Tasmā yehi guṇehi so araṇīyo hoti, te dassentā ‘‘chetvā’’ti gāthāya dutiyapañhaṃ byākāsi. Tassattho – cattāri āsavāni dve ca ālayāni paññāsatthena chetvā vidvā viññū vibhāvī catumaggañāṇī so punabbhavavasena na upetigabbhaseyyaṃ, kañci yoniṃ na upagacchati, kāmādibhedañca saññaṃ tividhaṃ. Kāmaguṇasaṅkhātañca paṅkaṃ panujja panuditvā taṇhādiṭṭhikappānaṃ aññatarampi kappaṃ na eti, evaṃ āsavacchedādiguṇasamannāgataṃ tamāhu ariyoti. Yasmā vā pāpakehi ārakattā ariyo hoti anaye ca anirīyanā, tasmā tampi atthaṃ dassento imāya gāthāya dutiyapañhaṃ byākāsi. Āsavādayo hi pāpakā dhammā anayasammatā, te cānena chinnā panunnā, na ca tehi kampati, iccassa te ārakā honti, na ca tesu irīyati tasmā ārakāssa honti pāpakā dhammāti imināpatthena. Anaye na irīyatīti imināpatthena tamāhu ariyoti ca evampettha yojanā veditabbā. ‘‘Vidvā so na upeti gabbhaseyya’’nti idaṃ pana imasmiṃ atthavikappe thutivacanameva hoti.

    ๕๔๒. ‘‘กถํ จรณวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา จรเณหิ ปตฺตพฺพํ ปโตฺต ‘‘จรณวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย อิธา’’ติ คาถาย ตติยปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตตฺถ โย อิธาติ โย อิมสฺมิํ สาสเนฯ จรเณสูติ สีลาทีสุ เหมวตสุเตฺต (สุ. นิ. ๑๕๓ อาทโย) วุตฺตปนฺนรสธเมฺมสุฯ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํฯ ปตฺติปโตฺตติ ปตฺตพฺพํ ปโตฺตฯ โย จรณนิมิตฺตํ จรณเหตุ จรณปจฺจยา ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ ปโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ จรณวา โสติ โส อิมาย จรเณหิ ปตฺตพฺพปตฺติยา จรณวา โหตีติฯ เอตฺตาวตา ปโญฺห พฺยากโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํฯ โย หิ จรเณหิ ปตฺติปโตฺต, โส กุสโล จ โหติ เฉโก, สพฺพทาอาชานาติ นิพฺพานธมฺมํ , นิจฺจํ นิพฺพานนินฺนจิตฺตตาย สพฺพตฺถ จ ขนฺธาทีสุ น สชฺชติฯ ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตจิโตฺต โหติ, ปฎิฆา ยสฺส น สนฺตีติฯ

    542. ‘‘Kathaṃ caraṇavā’’ti ettha pana yasmā caraṇehi pattabbaṃ patto ‘‘caraṇavā’’ti vattabbataṃ arahati, tasmā taṃ dassento ‘‘yo idhā’’ti gāthāya tatiyapañhaṃ byākāsi. Tattha yo idhāti yo imasmiṃ sāsane. Caraṇesūti sīlādīsu hemavatasutte (su. ni. 153 ādayo) vuttapannarasadhammesu. Nimittatthe bhummavacanaṃ. Pattipattoti pattabbaṃ patto. Yo caraṇanimittaṃ caraṇahetu caraṇapaccayā pattabbaṃ arahattaṃ pattoti vuttaṃ hoti. Caraṇavā soti so imāya caraṇehi pattabbapattiyā caraṇavā hotīti. Ettāvatā pañho byākato hoti, sesamassa thutivacanaṃ. Yo hi caraṇehi pattipatto, so kusalo ca hoti cheko, sabbadā ca ājānāti nibbānadhammaṃ, niccaṃ nibbānaninnacittatāya sabbattha ca khandhādīsu na sajjati. Dvīhi ca vimuttīhi vimuttacitto hoti, paṭighā yassa na santīti.

    ๕๔๓. ยสฺมา ปน กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ปริพฺพาชโก นาม โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทุกฺขเวปกฺก’’นฺติ คาถาย จตุตฺถปญฺหํ พฺยากาสิฯ ตตฺถ วิปาโก เอว เวปกฺกํ, ทุกฺขํ เวปกฺกมสฺสาติ ทุกฺขเวปกฺกํฯ ปวตฺติทุกฺขชนนโต สพฺพมฺปิ เตธาตุกกมฺมํ วุจฺจติฯ อุทฺธนฺติ อตีตํฯ อโธติ อนาคตํฯ ติริยํ วาปิ มเชฺฌติ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตญฺหิ น อุทฺธํ น อโธ, ติริยํ อุภินฺนญฺจ อนฺตรา, เตน ‘‘มเชฺฌ’’ติ วุตฺตํฯ ปริพฺพาชยิตฺวาติ นิกฺขาเมตฺวา นิทฺธเมตฺวา ฯ ปริญฺญจารีติ ปญฺญาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา จรโนฺตฯ อยํ ตาว อปุพฺพปทวณฺณนาฯ อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – โย ติยทฺธปริยาปนฺนมฺปิ ทุกฺขชนกํ ยทตฺถิ กิญฺจิ กมฺมํ, ตํ สพฺพมฺปิ อริยมเคฺคน ตณฺหาวิชฺชาสิเนเห โสเสโนฺต อปฎิสนฺธิชนกภาวกรเณน ปริพฺพาชยิตฺวา ตถา ปริพฺพาชิตตฺตา เอว จ ตํ กมฺมํ ปริญฺญาย จรณโต ปริญฺญจารีฯ น เกวลญฺจ กมฺมเมว, มายํ มานมโถปิ โลภโกธํ อิเมปิ ธเมฺม ปหานปริญฺญาย ปริญฺญจารี, ปริยนฺตมกาสิ นามรูปํ, นามรูปสฺส จ ปริยนฺตมกาสิ ปริพฺพาเชสิ อิเจฺจวโตฺถฯ อิเมสํ กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ตํ ปริพฺพาชกมาหุฯ ปตฺติปตฺตนฺติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํฯ

    543. Yasmā pana kammādīnaṃ paribbājanena paribbājako nāma hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘dukkhavepakka’’nti gāthāya catutthapañhaṃ byākāsi. Tattha vipāko eva vepakkaṃ, dukkhaṃ vepakkamassāti dukkhavepakkaṃ. Pavattidukkhajananato sabbampi tedhātukakammaṃ vuccati. Uddhanti atītaṃ. Adhoti anāgataṃ. Tiriyaṃ vāpi majjheti paccuppannaṃ. Tañhi na uddhaṃ na adho, tiriyaṃ ubhinnañca antarā, tena ‘‘majjhe’’ti vuttaṃ. Paribbājayitvāti nikkhāmetvā niddhametvā . Pariññacārīti paññāya paricchinditvā caranto. Ayaṃ tāva apubbapadavaṇṇanā. Ayaṃ pana adhippāyayojanā – yo tiyaddhapariyāpannampi dukkhajanakaṃ yadatthi kiñci kammaṃ, taṃ sabbampi ariyamaggena taṇhāvijjāsinehe sosento apaṭisandhijanakabhāvakaraṇena paribbājayitvā tathā paribbājitattā eva ca taṃ kammaṃ pariññāya caraṇato pariññacārī. Na kevalañca kammameva, māyaṃ mānamathopi lobhakodhaṃ imepi dhamme pahānapariññāya pariññacārī, pariyantamakāsi nāmarūpaṃ, nāmarūpassa ca pariyantamakāsi paribbājesi iccevattho. Imesaṃ kammādīnaṃ paribbājanena taṃ paribbājakamāhu. Pattipattanti idaṃ panassa thutivacanaṃ.

    ๕๔๔. เอวํ ปญฺหพฺยากรเณน ตุฎฺฐสฺส ปน สภิยสฺส ‘‘ยานิ จ ตีณี’’ติอาทีสุ อภิตฺถวนคาถาสุ โอสรณานีติ โอคหณานิ ติตฺถานิ, ทิฎฺฐิโยติ อโตฺถฯ ตานิ ยสฺมา สกฺกายทิฎฺฐิยา สห พฺรหฺมชาเล วุตฺตทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตานิ คเหตฺวา เตสฎฺฐิ โหนฺติ, ยสฺมา จ ตานิ อญฺญติตฺถิยสมณานํ ปวาทภูตานิ สตฺถานิ สิตานิ อุปทิสิตพฺพวเสน, น อุปฺปตฺติวเสนฯ อุปฺปตฺติวเสน ปน ยเทตํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ สญฺญกฺขรํ โวหารนามํ, ยา จายํ มิจฺฉาปริวิตกฺกานุสฺสวาทิวเสน ‘‘เอวรูเปน อตฺตนา ภวิตพฺพ’’นฺติ พาลานํ วิปรีตสญฺญา อุปฺปชฺชติ, ตทุภยนิสฺสิตานิ เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนฺติ, น อตฺตปจฺจกฺขานิฯ ตานิ จ ภควา วิเนยฺย วินยิตฺวา โอฆตมคา โอฆตมํ โอฆนฺธการํ อคา อติกฺกโนฺตฯ ‘‘โอฆนฺตมคา’’ติปิ ปาโฐ, โอฆานํ อนฺตํ อคา, ตสฺมา อาห ‘‘ยานิ จ ตีณิ…เป.… ตมคา’’ติฯ

    544. Evaṃ pañhabyākaraṇena tuṭṭhassa pana sabhiyassa ‘‘yāni ca tīṇī’’tiādīsu abhitthavanagāthāsu osaraṇānīti ogahaṇāni titthāni, diṭṭhiyoti attho. Tāni yasmā sakkāyadiṭṭhiyā saha brahmajāle vuttadvāsaṭṭhidiṭṭhigatāni gahetvā tesaṭṭhi honti, yasmā ca tāni aññatitthiyasamaṇānaṃ pavādabhūtāni satthāni sitāni upadisitabbavasena, na uppattivasena. Uppattivasena pana yadetaṃ ‘‘itthī puriso’’ti saññakkharaṃ vohāranāmaṃ, yā cāyaṃ micchāparivitakkānussavādivasena ‘‘evarūpena attanā bhavitabba’’nti bālānaṃ viparītasaññā uppajjati, tadubhayanissitāni tesaṃ vasena uppajjanti, na attapaccakkhāni. Tāni ca bhagavā vineyya vinayitvā oghatamagā oghatamaṃ oghandhakāraṃ agā atikkanto. ‘‘Oghantamagā’’tipi pāṭho, oghānaṃ antaṃ agā, tasmā āha ‘‘yāni ca tīṇi…pe… tamagā’’ti.

    ๕๔๕. ตโต ปรํ วฎฺฎทุกฺขสฺส อนฺตํ ปารญฺจ นิพฺพานํ ตปฺปตฺติยา ทุกฺขาภาวโต ตปฺปฎิปกฺขโต จ ตํ สนฺธายาห, ‘‘อนฺตคูสิ ปารคู ทุกฺขสฺสา’’ติฯ อถ วา ปารคู ภควา นิพฺพานํ คตตฺตา, ตํ อาลปโนฺต อาห, ‘‘ปารคู อนฺตคูสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ อยเมตฺถ สมฺพโนฺธฯ สมฺมา จ พุโทฺธ สามญฺจ พุโทฺธติ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ตํ มเญฺญติ ตเมว มญฺญามิ, น อญฺญนฺติ อจฺจาทเรน ภณติฯ ชุติมาติ ปเรสมฺปิ อนฺธการวิธมเนน ชุติสมฺปโนฺนฯ มุติมาติ อปรปฺปจฺจยเญยฺยญาณสมตฺถาย มุติยา ปญฺญาย สมฺปโนฺนฯ ปหูตปโญฺญติ อนนฺตปโญฺญฯ อิธ สพฺพญฺญุตญฺญาณมธิเปฺปตํฯ ทุกฺขสฺสนฺตกราติ อามเนฺตโนฺต อาหฯ อตาเรสิ มนฺติ กงฺขาโต มํ ตาเรสิฯ

    545. Tato paraṃ vaṭṭadukkhassa antaṃ pārañca nibbānaṃ tappattiyā dukkhābhāvato tappaṭipakkhato ca taṃ sandhāyāha, ‘‘antagūsi pāragū dukkhassā’’ti. Atha vā pāragū bhagavā nibbānaṃ gatattā, taṃ ālapanto āha, ‘‘pāragū antagūsi dukkhassā’’ti ayamettha sambandho. Sammā ca buddho sāmañca buddhoti sammāsambuddho. Taṃ maññeti tameva maññāmi, na aññanti accādarena bhaṇati. Jutimāti paresampi andhakāravidhamanena jutisampanno. Mutimāti aparappaccayañeyyañāṇasamatthāya mutiyā paññāya sampanno. Pahūtapaññoti anantapañño. Idha sabbaññutaññāṇamadhippetaṃ. Dukkhassantakarāti āmantento āha. Atāresi manti kaṅkhāto maṃ tāresi.

    ๕๔๖-๙. ยํ เมติอาทิคาถาย นมกฺการกรณํ ภณติฯ ตตฺถ กงฺขิตฺตนฺติ วีสติปญฺหนิสฺสิตํ อตฺถํ สนฺธายาหฯ โส หิ เตน กงฺขิโต อโหสิฯ โมนปเถสูติ ญาณปเถสุฯ วินฬีกตาติ วิคตนฬา กตา, อุจฺฉินฺนาติ วุตฺตํ โหติฯ นาค นาคสฺสาติ เอกํ อามนฺตนวจนํ, เอกสฺส ‘‘ภาสโต อนุโมทนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ‘‘ธมฺมเทสน’’นฺติ ปาฐเสโสฯ สเพฺพ เทวาติ อากาสฎฺฐา จ ภูมฎฺฐา จฯ นารทปพฺพตาติ เตปิ กิร เทฺว เทวคณา ปญฺญวโนฺต, เตปิ อนุโมทนฺตีติ สพฺพํ ปสาเทน จ นมกฺการกรณํ ภณติ ฯ

    546-9.Yaṃ metiādigāthāya namakkārakaraṇaṃ bhaṇati. Tattha kaṅkhittanti vīsatipañhanissitaṃ atthaṃ sandhāyāha. So hi tena kaṅkhito ahosi. Monapathesūti ñāṇapathesu. Vinaḷīkatāti vigatanaḷā katā, ucchinnāti vuttaṃ hoti. Nāga nāgassāti ekaṃ āmantanavacanaṃ, ekassa ‘‘bhāsato anumodantī’’ti iminā sambandho. ‘‘Dhammadesana’’nti pāṭhaseso. Sabbe devāti ākāsaṭṭhā ca bhūmaṭṭhā ca. Nāradapabbatāti tepi kira dve devagaṇā paññavanto, tepi anumodantīti sabbaṃ pasādena ca namakkārakaraṇaṃ bhaṇati .

    ๕๕๐-๕๓. อนุโมทนารหํ พฺยากรณสมฺปทํ สุตฺวา ‘‘นโม เต’’ติ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา อาหฯ ปุริสาชญฺญาติ ปุริเสสุ ชาติสมฺปนฺนํฯ ปฎิปุคฺคโลติ ปฎิภาโค ปุคฺคโล ตุวํ พุโทฺธ จตุสจฺจปฎิเวเธน, สตฺถา อนุสาสนิยา สตฺถวาหตาย จ, มาราภิภู จตุมาราภิภเวน, มุนิ พุทฺธมุนิฯ อุปธีติ ขนฺธกิเลสกามคุณาภิสงฺขารเภทา จตฺตาโรฯ วคฺคูติ อภิรูปํฯ ปุเญฺญ จาติ โลกิเย น ลิมฺปสิ เตสํ อกรเณน, ปุเพฺพ กตานมฺปิ วา อายติํ ผลูปโภคาภาเวนฯ ตํนิมิเตฺตน วา ตณฺหาทิฎฺฐิเลเปนฯ วนฺทติ สตฺถุโนติ เอวํ ภณโนฺต โคปฺผเกสุ ปริคฺคเหตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิตํ วนฺทิฯ

    550-53. Anumodanārahaṃ byākaraṇasampadaṃ sutvā ‘‘namo te’’ti añjaliṃ paggahetvā āha. Purisājaññāti purisesu jātisampannaṃ. Paṭipuggaloti paṭibhāgo puggalo tuvaṃ buddho catusaccapaṭivedhena, satthā anusāsaniyā satthavāhatāya ca, mārābhibhū catumārābhibhavena, muni buddhamuni. Upadhīti khandhakilesakāmaguṇābhisaṅkhārabhedā cattāro. Vaggūti abhirūpaṃ. Puññe cāti lokiye na limpasi tesaṃ akaraṇena, pubbe katānampi vā āyatiṃ phalūpabhogābhāvena. Taṃnimittena vā taṇhādiṭṭhilepena. Vandati satthunoti evaṃ bhaṇanto gopphakesu pariggahetvā pañcapatiṭṭhitaṃ vandi.

    อญฺญติตฺถิยปุโพฺพติ อญฺญติตฺถิโย เอวฯ อากงฺขตีติ อิจฺฉติฯ อารทฺธจิตฺตาติ อภิราธิตจิตฺตาฯ อปิจ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ อปิจ มยา เอตฺถ อญฺญติตฺถิยานํ ปริวาเส ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ, น สเพฺพเนว ปริวสิตพฺพนฺติฯ เกน ปน น ปริวสิตพฺพํ? อคฺคิเยหิ ชฎิเลหิ, สากิเยน ชาติยา, ลิงฺคํ วิชหิตฺวา อาคเตนฯ อวิชหิตฺวา อาคโตปิ จ โย มคฺคผลปฎิลาภาย เหตุสมฺปโนฺน โหติ, ตาทิโสว สภิโย ปริพฺพาชโกฯ ตสฺมา ภควา ‘‘ตว ปน, สภิย, ติตฺถิยวตฺตปูรณตฺถาย ปริวาสการณํ นตฺถิ, อตฺถตฺถิโก ตฺวํ ‘มคฺคผลปฎิลาภาย เหตุสมฺปโนฺน’ติ วิทิตเมตํ มยา’’ติ ตสฺส ปพฺพชฺชํ อนุชานโนฺต อาห – ‘‘อปิจ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ สภิโย ปน อตฺตโน อาทรํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สเจ ภเนฺต’’ติฯ ตํ สพฺพํ อญฺญญฺจ ตถารูปํ อุตฺตานตฺถตฺตา ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตา จ อิธ น วณฺณิตํ, ยโต ปุเพฺพ วณฺณิตานุสาเรน เวทิตพฺพนฺติฯ

    Aññatitthiyapubboti aññatitthiyo eva. Ākaṅkhatīti icchati. Āraddhacittāti abhirādhitacittā. Apica mettha puggalavemattatā viditāti apica mayā ettha aññatitthiyānaṃ parivāse puggalanānattaṃ viditaṃ, na sabbeneva parivasitabbanti. Kena pana na parivasitabbaṃ? Aggiyehi jaṭilehi, sākiyena jātiyā, liṅgaṃ vijahitvā āgatena. Avijahitvā āgatopi ca yo maggaphalapaṭilābhāya hetusampanno hoti, tādisova sabhiyo paribbājako. Tasmā bhagavā ‘‘tava pana, sabhiya, titthiyavattapūraṇatthāya parivāsakāraṇaṃ natthi, atthatthiko tvaṃ ‘maggaphalapaṭilābhāya hetusampanno’ti viditametaṃ mayā’’ti tassa pabbajjaṃ anujānanto āha – ‘‘apica mettha puggalavemattatā viditā’’ti. Sabhiyo pana attano ādaraṃ dassento āha ‘‘sace bhante’’ti. Taṃ sabbaṃ aññañca tathārūpaṃ uttānatthattā pubbe vuttanayattā ca idha na vaṇṇitaṃ, yato pubbe vaṇṇitānusārena veditabbanti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย สภิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya sabhiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๖. สภิยสุตฺตํ • 6. Sabhiyasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact