Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๔. เทวทูตวโคฺค
4. Devadūtavaggo
๑. สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา
1. Sabrahmakasuttavaṇṇanā
๓๑. จตุตฺถสฺส ปฐเม อชฺฌาคาเรติ สเก ฆเรฯ ปูชิตา โหนฺตีติ ยํ ฆเร อตฺถิ, เตน ปฎิชคฺคิตา โคปิตา โหนฺติฯ อิติ มาตาปิตุปูชกานิ กุลานิ มาตาปิตูหิ สพฺรหฺมกานีติ ปกาเสตฺวา อิทานิ เนสํ สปุพฺพาจริยกาทิภาวํ ปกาเสโนฺต สปุพฺพาจริยกานีติอาทิมาหฯ ตตฺถ พฺรหฺมาติอาทีนิ เตสํ พฺรหฺมาทิภาวสาธนตฺถํ วุตฺตานิฯ พหุการาติ ปุตฺตานํ พหูปการาฯ อาปาทกาติ ชีวิตสฺส อาปาทกาฯ ปุตฺตกานํ หิ มาตาปิตูหิ ชีวิตํ อาปาทิตํ ปาลิตํ ฆฎิตํ อนุปฺปพเนฺธน ปวตฺติตํฯ โปสกาติ หตฺถปาเท วเฑฺฒตฺวา หทยโลหิตํ ปาเยตฺวา โปเสตาโรฯ อิมสฺส โลกสฺส ทเสฺสตาโรติ ปุตฺตานํ หิ อิมสฺมิํ โลเก อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณสฺส ทสฺสนํ นาม มาตาปิตโร นิสฺสาย ชาตนฺติ อิมสฺส โลกสฺส ทเสฺสตาโร นามฯ
31. Catutthassa paṭhame ajjhāgāreti sake ghare. Pūjitā hontīti yaṃ ghare atthi, tena paṭijaggitā gopitā honti. Iti mātāpitupūjakāni kulāni mātāpitūhi sabrahmakānīti pakāsetvā idāni nesaṃ sapubbācariyakādibhāvaṃ pakāsento sapubbācariyakānītiādimāha. Tattha brahmātiādīni tesaṃ brahmādibhāvasādhanatthaṃ vuttāni. Bahukārāti puttānaṃ bahūpakārā. Āpādakāti jīvitassa āpādakā. Puttakānaṃ hi mātāpitūhi jīvitaṃ āpāditaṃ pālitaṃ ghaṭitaṃ anuppabandhena pavattitaṃ. Posakāti hatthapāde vaḍḍhetvā hadayalohitaṃ pāyetvā posetāro. Imassa lokassa dassetāroti puttānaṃ hi imasmiṃ loke iṭṭhāniṭṭhārammaṇassa dassanaṃ nāma mātāpitaro nissāya jātanti imassa lokassa dassetāro nāma.
พฺรหฺมาติ มาตาปิตโรติ เสฎฺฐาธิวจนํฯ ยถา พฺรหฺมุโน จตโสฺส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติ เมตฺตา กรุณา มุทิตา อุเปกฺขาติ, เอวเมว มาตาปิตูนํ ปุตฺตเกสุ จตโสฺส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติฯ ตา ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล เวทิตพฺพา – กุจฺฉิคตสฺมิํ หิ ทารเก ‘‘กทา นุ โข ปุตฺตกํ อโรคํ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มาตาปิตูนํ เมตฺตจิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ ยทา ปเนส มโนฺท อุตฺตานเสยฺยโก อูกาหิ วา มงฺกุลาทีหิ ปาณเกหิ ทโฎฺฐ ทุกฺขเสยฺยาย วา ปน ปีฬิโต ปโรทติ วิรวติ, ตทาสฺส สทฺทํ สุตฺวา มาตาปิตูนํ การุญฺญํ อุปฺปชฺชติ, อาธาวิตฺวา วิธาวิตฺวา กีฬนกาเล ปน โลภนียวยสฺมิํ วา ฐิตกาเล ทารกํ โอโลเกตฺวา มาตาปิตูนํ จิตฺตํ สปฺปิมเณฺฑ ปกฺขิตฺตสตวิหตกปฺปาสปิจุปฎลํ วิย มุทุกํ โหติ อาโมทิตํ ปโมทิตํ, ตทา เตสํ มุทิตา ลพฺภติฯ ยทา ปเนส ปุโตฺต ทาราภรณํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา ปาฎิเยกฺกํ อคารํ อชฺฌาวสติ, ตทา มาตาปิตูนํ ‘‘สโกฺกติ ทานิ โน ปุตฺตโก อตฺตโน ธมฺมตาย ยาเปตุ’’นฺติ มชฺฌตฺตภาโว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ กาเล อุเปกฺขา ลพฺภตีติ อิมินา การเณน ‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร’’ติ วุตฺตํฯ
Brahmāti mātāpitaroti seṭṭhādhivacanaṃ. Yathā brahmuno catasso bhāvanā avijahitā honti mettā karuṇā muditā upekkhāti, evameva mātāpitūnaṃ puttakesu catasso bhāvanā avijahitā honti. Tā tasmiṃ tasmiṃ kāle veditabbā – kucchigatasmiṃ hi dārake ‘‘kadā nu kho puttakaṃ arogaṃ paripuṇṇaṅgapaccaṅgaṃ passissāmā’’ti mātāpitūnaṃ mettacittaṃ uppajjati. Yadā panesa mando uttānaseyyako ūkāhi vā maṅkulādīhi pāṇakehi daṭṭho dukkhaseyyāya vā pana pīḷito parodati viravati, tadāssa saddaṃ sutvā mātāpitūnaṃ kāruññaṃ uppajjati, ādhāvitvā vidhāvitvā kīḷanakāle pana lobhanīyavayasmiṃ vā ṭhitakāle dārakaṃ oloketvā mātāpitūnaṃ cittaṃ sappimaṇḍe pakkhittasatavihatakappāsapicupaṭalaṃ viya mudukaṃ hoti āmoditaṃ pamoditaṃ, tadā tesaṃ muditā labbhati. Yadā panesa putto dārābharaṇaṃ paccupaṭṭhāpetvā pāṭiyekkaṃ agāraṃ ajjhāvasati, tadā mātāpitūnaṃ ‘‘sakkoti dāni no puttako attano dhammatāya yāpetu’’nti majjhattabhāvo uppajjati, tasmiṃ kāle upekkhā labbhatīti iminā kāraṇena ‘‘brahmāti mātāpitaro’’ti vuttaṃ.
ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเรติ มาตาปิตโร หิ ชาตกาลโต ปฎฺฐาย ‘‘เอวํ นิสีท, เอวํ ติฎฺฐ, เอวํ คจฺฉ, เอวํ สย, เอวํ ขาท, เอวํ ภุญฺช, อยํ เต, ตาตาติ วตฺตโพฺพ, อยํ ภาติกาติ, อยํ ภคินีติ, อิทํ นาม กาตุํ วฎฺฎติ, อิทํ น วฎฺฎติ, อสุกํ นาม อุปสงฺกมิตุํ วฎฺฎติ, อสุกํ น วฎฺฎตี’’ติ คาหาเปนฺติ สิกฺขาเปนฺติฯ อถาปรภาเค อเญฺญ อาจริยา หตฺถิสิปฺปอสฺสสิปฺปรถสิปฺปธนุสิปฺปถรุสิปฺปมุทฺทาคณนาทีนิ สิกฺขาเปนฺติฯ อโญฺญ สรณานิ เทติ, อโญฺญ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปติ, อโญฺญ ปพฺพาเชติ, อโญฺญ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปติ, อโญฺญ อุปสมฺปาเทติ, อโญฺญ โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ ปาเปติฯ อิติ สเพฺพปิ เต ปจฺฉาจริยา นาม โหนฺติ, มาตาปิตโร ปน สพฺพปฐมา, เตนาห – ‘‘ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร’’ติฯ ตตฺถ วุจฺจเรติ วุจฺจนฺติ กถิยนฺติฯ อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานนฺติ ปุตฺตานํ อาหุตํ ปาหุตํ อภิสงฺขตํ อนฺนปานาทิํ อรหนฺติ, อนุจฺฉวิกา ตํ ปฎิคฺคเหตุํฯ ตสฺมา ‘‘อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ปชาย อนุกมฺปกาติ ปเรสํ ปาเณ อจฺฉินฺทิตฺวาปิ อตฺตโน ปชํ ปฎิชคฺคนฺติ โคปายนฺติฯ ตสฺมา ‘‘ปชาย อนุกมฺปกา’’ติ วุตฺตํฯ
Pubbācariyātivuccareti mātāpitaro hi jātakālato paṭṭhāya ‘‘evaṃ nisīda, evaṃ tiṭṭha, evaṃ gaccha, evaṃ saya, evaṃ khāda, evaṃ bhuñja, ayaṃ te, tātāti vattabbo, ayaṃ bhātikāti, ayaṃ bhaginīti, idaṃ nāma kātuṃ vaṭṭati, idaṃ na vaṭṭati, asukaṃ nāma upasaṅkamituṃ vaṭṭati, asukaṃ na vaṭṭatī’’ti gāhāpenti sikkhāpenti. Athāparabhāge aññe ācariyā hatthisippaassasipparathasippadhanusippatharusippamuddāgaṇanādīni sikkhāpenti. Añño saraṇāni deti, añño sīlesu patiṭṭhāpeti, añño pabbājeti, añño buddhavacanaṃ uggaṇhāpeti, añño upasampādeti, añño sotāpattimaggādīni pāpeti. Iti sabbepi te pacchācariyā nāma honti, mātāpitaro pana sabbapaṭhamā, tenāha – ‘‘pubbācariyāti vuccare’’ti. Tattha vuccareti vuccanti kathiyanti. Āhuneyyā ca puttānanti puttānaṃ āhutaṃ pāhutaṃ abhisaṅkhataṃ annapānādiṃ arahanti, anucchavikā taṃ paṭiggahetuṃ. Tasmā ‘‘āhuneyyā ca puttāna’’nti vuttaṃ. Pajāya anukampakāti paresaṃ pāṇe acchinditvāpi attano pajaṃ paṭijagganti gopāyanti. Tasmā ‘‘pajāya anukampakā’’ti vuttaṃ.
นมเสฺสยฺยาติ นโม กเรยฺยฯ สกฺกเรยฺยาติ สกฺกาเรน ปฎิมาเนยฺยฯ อิทานิ ตํ สกฺการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อเนฺนนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อเนฺนนาติ ยาคุภตฺตขาทนีเยนฯ ปาเนนาติ อฎฺฐวิธปาเนนฯ วเตฺถนาติ นิวาสนปารุปนเกน วเตฺถนฯ สยเนนาติ มญฺจปีฐานุปฺปทาเนนฯ อุจฺฉาทเนนาติ ทุคฺคนฺธํ ปฎิวิโนเทตฺวา สุคนฺธกรณุจฺฉาทเนนฯ นฺหาปเนนาติ สีเต อุโณฺหทเกน, อุเณฺห สีโตทเกน คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา นฺหาปเนนฯ ปาทานํ โธวเนนาติ อุโณฺหทกสีโตทเกหิ ปาทโธวเนน เจว เตลมกฺขเนน จฯ เปจฺจาติ ปรโลกํ คนฺตฺวาฯ สเคฺค ปโมทตีติ อิธ ตาว มาตาปิตูสุ ปาริจริยํ ทิสฺวา ปาริจริยการณา ตํ ปณฺฑิตมนุสฺสา อิเธว ปสํสนฺติ , ปรโลกํ ปน คนฺตฺวา สเคฺค ฐิโต โส มาตาปิตุอุปฎฺฐาโก ทิพฺพสมฺปตฺตีหิ อาโมทติ ปโมทตีติฯ
Namasseyyāti namo kareyya. Sakkareyyāti sakkārena paṭimāneyya. Idāni taṃ sakkāraṃ dassento ‘‘annenā’’tiādimāha. Tattha annenāti yāgubhattakhādanīyena. Pānenāti aṭṭhavidhapānena. Vatthenāti nivāsanapārupanakena vatthena. Sayanenāti mañcapīṭhānuppadānena. Ucchādanenāti duggandhaṃ paṭivinodetvā sugandhakaraṇucchādanena. Nhāpanenāti sīte uṇhodakena, uṇhe sītodakena gattāni parisiñcitvā nhāpanena. Pādānaṃ dhovanenāti uṇhodakasītodakehi pādadhovanena ceva telamakkhanena ca. Peccāti paralokaṃ gantvā. Sagge pamodatīti idha tāva mātāpitūsu pāricariyaṃ disvā pāricariyakāraṇā taṃ paṇḍitamanussā idheva pasaṃsanti , paralokaṃ pana gantvā sagge ṭhito so mātāpituupaṭṭhāko dibbasampattīhi āmodati pamodatīti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑.สพฺรหฺมกสุตฺตํ • 1. Sabrahmakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา • 1. Sabrahmakasuttavaṇṇanā