Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    สจฺจปกิณฺณกวณฺณนา

    Saccapakiṇṇakavaṇṇanā

    จตูสุ ปน สเจฺจสุ พาธนลกฺขณํ ทุกฺขสจฺจํ, ปภวลกฺขณํ สมุทยสจฺจํ, สนฺติลกฺขณํ นิโรธสจฺจํ, นิยฺยานลกฺขณํ มคฺคสจฺจํ, อปิจ ปวตฺติปวตฺตกนิวตฺตินิวตฺตกลกฺขณานิ ปฎิปาฎิยาฯ ตถา สงฺขตตณฺหาอสงฺขตทสฺสนลกฺขณานิ จฯ

    Catūsu pana saccesu bādhanalakkhaṇaṃ dukkhasaccaṃ, pabhavalakkhaṇaṃ samudayasaccaṃ, santilakkhaṇaṃ nirodhasaccaṃ, niyyānalakkhaṇaṃ maggasaccaṃ, apica pavattipavattakanivattinivattakalakkhaṇāni paṭipāṭiyā. Tathā saṅkhatataṇhāasaṅkhatadassanalakkhaṇāni ca.

    กสฺมา ปน จตฺตาเรว อริยสจฺจานิ วุตฺตานิ อนูนานิ อนธิกานีติ เจ? อญฺญสฺส อสมฺภวโต อญฺญตรสฺส จ อนปเนยฺยภาวโตฯ น หิ เอเตหิ อญฺญํ อธิกํ วา, เอเตสํ วา เอกมฺปิ อปเนตพฺพํ สโมฺภติฯ ยถาห –

    Kasmā pana cattāreva ariyasaccāni vuttāni anūnāni anadhikānīti ce? Aññassa asambhavato aññatarassa ca anapaneyyabhāvato. Na hi etehi aññaṃ adhikaṃ vā, etesaṃ vā ekampi apanetabbaṃ sambhoti. Yathāha –

    ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อาคเจฺฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘เนตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อญฺญํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํฯ ยํ สมเณน โคตเมน เทสิตํ, อหเมตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปญฺญเปสฺสามี’ติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติอาทิฯ

    ‘‘Idha, bhikkhave, āgaccheyya samaṇo vā brāhmaṇo vā ‘netaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ, aññaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ. Yaṃ samaṇena gotamena desitaṃ, ahametaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ ṭhapetvā aññaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ paññapessāmī’ti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’tiādi.

    ยถา จาห –

    Yathā cāha –

    ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํ วเทยฺย ‘เนตํ ทุกฺขํ ปฐมํ อริยสจฺจํ, ยํ สมเณน โคตเมน เทสิตํ, อหเมตํ ทุกฺขํ ปฐมํ อริยสจฺจํ ปจฺจกฺขาย อญฺญํ ทุกฺขํ ปฐมํ อริยสจฺจํ ปญฺญเปสฺสามี’ติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๖)ฯ

    ‘‘Yo hi koci, bhikkhave, samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃ vadeyya ‘netaṃ dukkhaṃ paṭhamaṃ ariyasaccaṃ, yaṃ samaṇena gotamena desitaṃ, ahametaṃ dukkhaṃ paṭhamaṃ ariyasaccaṃ paccakkhāya aññaṃ dukkhaṃ paṭhamaṃ ariyasaccaṃ paññapessāmī’ti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’tiādi (saṃ. ni. 5.1086).

    อปิจ ปวตฺติมาจิกฺขโนฺต ภควา สเหตุกํ อาจิกฺขิ, นิวตฺติญฺจ สอุปายํฯ อิติ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตูนํ เอตปฺปรมโต จตฺตาเรว วุตฺตานิฯ ตถา ปริเญฺญยฺยปหาตพฺพสจฺฉิกาตพฺพภาเวตพฺพานํ, ตณฺหาวตฺถุตณฺหาตณฺหานิโรธตณฺหานิโรธูปายานํ, อาลยอาลยรามตาอาลยสมุคฺฆาตอาลยสมุคฺฆาตูปายานญฺจ วเสนาปิ จตฺตาเรว วุตฺตานีติฯ

    Apica pavattimācikkhanto bhagavā sahetukaṃ ācikkhi, nivattiñca saupāyaṃ. Iti pavattinivattitadubhayahetūnaṃ etapparamato cattāreva vuttāni. Tathā pariññeyyapahātabbasacchikātabbabhāvetabbānaṃ, taṇhāvatthutaṇhātaṇhānirodhataṇhānirodhūpāyānaṃ, ālayaālayarāmatāālayasamugghātaālayasamugghātūpāyānañca vasenāpi cattāreva vuttānīti.

    เอตฺถ จ โอฬาริกตฺตา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา จ สุวิเญฺญยฺยนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ปฐมํ วุตฺตํฯ ตเสฺสว เหตุทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมุทยสจฺจํ, เหตุนิโรธา ผลนิโรโธติ ญาปนตฺถํ ตโต นิโรธสจฺจํ, ตทธิคมูปายทสฺสนตฺถํ อเนฺต มคฺคสจฺจํฯ ภวสุขสฺสาทคธิตานํ วา สตฺตานํ สํเวคชนนตฺถํ ปฐมํ ทุกฺขมาหฯ ตํ เนว อกตํ อาคจฺฉติ, น อิสฺสรนิมฺมานาทิโต โหติ, อิโต ปน โหตีติ ญาปนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมุทยํฯ ตโต สเหตุเกน ทุเกฺขน อภิภูตตฺตา สํวิคฺคมานสานํ ทุกฺขนิสฺสรณคเวสีนํ นิสฺสรณทสฺสเนน อสฺสาสชนนตฺถํ นิโรธํฯ ตโต นิโรธาธิคมนตฺถํ นิโรธสมฺปาปกํ มคฺคนฺติ อยเมเตสํ กโมฯ

    Ettha ca oḷārikattā sabbasattasādhāraṇattā ca suviññeyyanti dukkhasaccaṃ paṭhamaṃ vuttaṃ. Tasseva hetudassanatthaṃ tadanantaraṃ samudayasaccaṃ, hetunirodhā phalanirodhoti ñāpanatthaṃ tato nirodhasaccaṃ, tadadhigamūpāyadassanatthaṃ ante maggasaccaṃ. Bhavasukhassādagadhitānaṃ vā sattānaṃ saṃvegajananatthaṃ paṭhamaṃ dukkhamāha. Taṃ neva akataṃ āgacchati, na issaranimmānādito hoti, ito pana hotīti ñāpanatthaṃ tadanantaraṃ samudayaṃ. Tato sahetukena dukkhena abhibhūtattā saṃviggamānasānaṃ dukkhanissaraṇagavesīnaṃ nissaraṇadassanena assāsajananatthaṃ nirodhaṃ. Tato nirodhādhigamanatthaṃ nirodhasampāpakaṃ magganti ayametesaṃ kamo.

    เอเตสุ ปน ภาโร วิย ทุกฺขสจฺจํ ทฎฺฐพฺพํ, ภาราทานมิว สมุทยสจฺจํ, ภารนิเกฺขปนมิว นิโรธสจฺจํ, ภารนิเกฺขปนูปาโย วิย มคฺคสจฺจํฯ โรโค วิย วา ทุกฺขสจฺจํ, โรคนิทานมิว สมุทยสจฺจํ, โรควูปสโม วิย นิโรธสจฺจํ, เภสชฺชมิว มคฺคสจฺจํฯ ทุพฺภิกฺขมิว วา ทุกฺขสจฺจํ, ทุพฺพุฎฺฐิ วิย สมุทยสจฺจํ, สุภิกฺขมิว นิโรธสจฺจํ, สุวุฎฺฐิ วิย มคฺคสจฺจํฯ อปิจ เวรีเวรมูลเวรสมุคฺฆาตเวรสมุคฺฆาตูปาเยหิ, วิสรุกฺขรุกฺขมูลมูลูปเจฺฉทตทุปเจฺฉทูปาเยหิ, ภยภยมูลนิพฺภยตทธิคมูปาเยหิ, โอริมตีรมโหฆปาริมตีรตํสมฺปาปกวายาเมหิ จ โยเชตฺวาเปตานิ อุปมาโต เวทิตพฺพานีติฯ

    Etesu pana bhāro viya dukkhasaccaṃ daṭṭhabbaṃ, bhārādānamiva samudayasaccaṃ, bhāranikkhepanamiva nirodhasaccaṃ, bhāranikkhepanūpāyo viya maggasaccaṃ. Rogo viya vā dukkhasaccaṃ, roganidānamiva samudayasaccaṃ, rogavūpasamo viya nirodhasaccaṃ, bhesajjamiva maggasaccaṃ. Dubbhikkhamiva vā dukkhasaccaṃ, dubbuṭṭhi viya samudayasaccaṃ, subhikkhamiva nirodhasaccaṃ, suvuṭṭhi viya maggasaccaṃ. Apica verīveramūlaverasamugghātaverasamugghātūpāyehi, visarukkharukkhamūlamūlūpacchedatadupacchedūpāyehi, bhayabhayamūlanibbhayatadadhigamūpāyehi, orimatīramahoghapārimatīrataṃsampāpakavāyāmehi ca yojetvāpetāni upamāto veditabbānīti.

    สพฺพาเนว ปเนตานิ สจฺจานิ ปรมเตฺถน เวทกการกนิพฺพุตคมกาภาวโต สุญฺญานีติ เวทิตพฺพานิฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Sabbāneva panetāni saccāni paramatthena vedakakārakanibbutagamakābhāvato suññānīti veditabbāni. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘ทุกฺขเมว หิ น โกจิ ทุกฺขิโต, การโก น กิริยาว วิชฺชติ;

    ‘‘Dukkhameva hi na koci dukkhito, kārako na kiriyāva vijjati;

    อตฺถิ นิพฺพุติ น นิพฺพุโต ปุมา, มคฺคมตฺถิ คมโก น วิชฺชตี’’ติฯ

    Atthi nibbuti na nibbuto pumā, maggamatthi gamako na vijjatī’’ti.

    อถ วา –

    Atha vā –

    ธุวสุภสุขตฺตสุญฺญํ, ปุริมทฺวยมตฺตสุญฺญมมตปทํ;

    Dhuvasubhasukhattasuññaṃ, purimadvayamattasuññamamatapadaṃ;

    ธุวสุขอตฺตวิรหิโต, มโคฺค อิติ สุญฺญตา เตสุฯ

    Dhuvasukhaattavirahito, maggo iti suññatā tesu.

    นิโรธสุญฺญานิ วา ตีณิ, นิโรโธ จ เสสตฺตยสุโญฺญฯ ผลสุโญฺญ วา เอตฺถ เหตุ สมุทเย ทุกฺขสฺส อภาวโต, มเคฺค จ นิโรธสฺส, น ผเลน สคโพฺภ ปกติวาทีนํ ปกติ วิยฯ เหตุสุญฺญญฺจ ผลํ ทุกฺขสมุทยานํ นิโรธมคฺคานญฺจ อสมวายา, น เหตุสมเวตํ เหตุผลํ สมวายวาทีนํ ทฺวิอณุกาทิ วิยฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Nirodhasuññāni vā tīṇi, nirodho ca sesattayasuñño. Phalasuñño vā ettha hetu samudaye dukkhassa abhāvato, magge ca nirodhassa, na phalena sagabbho pakativādīnaṃ pakati viya. Hetusuññañca phalaṃ dukkhasamudayānaṃ nirodhamaggānañca asamavāyā, na hetusamavetaṃ hetuphalaṃ samavāyavādīnaṃ dviaṇukādi viya. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘ตยมิธ นิโรธสุญฺญํ, ตเยน เตนาปิ นิพฺพุตี สุญฺญา;

    ‘‘Tayamidha nirodhasuññaṃ, tayena tenāpi nibbutī suññā;

    สุโญฺญ ผเลน เหตุ, ผลมฺปิ ตํเหตุนา สุญฺญ’’นฺติฯ

    Suñño phalena hetu, phalampi taṃhetunā suñña’’nti.

    สพฺพาเนว สจฺจานิ อญฺญมญฺญสภาคานิ อวิตถโต อตฺตสุญฺญโต ทุกฺกรปฎิเวธโต จฯ ยถาห –

    Sabbāneva saccāni aññamaññasabhāgāni avitathato attasuññato dukkarapaṭivedhato ca. Yathāha –

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อานนฺท, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา, โย ทูรโตว สุขุเมน ตาฬจฺฉิคฺคเฬน อสนํ อติปาเตยฺย โปงฺขานุโปงฺขํ อวิราธิตํ, โย วา สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิํ ปฎิวิเชฺฌยฺยาติ? เอตเทว, ภเนฺต, ทุกฺกรตรเญฺจว ทุรภิสมฺภวตรญฺจ; โย วา สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิํ ปฎิวิเชฺฌยฺยาติ; อถ โข เต, อานนฺท, ทุปฺปฎิวิชฺฌตรํ ปฎิวิชฺฌนฺติ, เย ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปฎิวิชฺฌนฺติ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปฎิวิชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕);

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ānanda, katamaṃ nu kho dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā, yo dūratova sukhumena tāḷacchiggaḷena asanaṃ atipāteyya poṅkhānupoṅkhaṃ avirādhitaṃ, yo vā sattadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭiṃ paṭivijjheyyāti? Etadeva, bhante, dukkaratarañceva durabhisambhavatarañca; Yo vā sattadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭiṃ paṭivijjheyyāti; Atha kho te, ānanda, duppaṭivijjhataraṃ paṭivijjhanti, ye ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ paṭivijjhanti…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ paṭivijjhantī’’ti (saṃ. ni. 5.1115);

    วิสภาคานิ สลกฺขณววตฺถานโตฯ ปุริมานิ จ เทฺว สภาคานิ ทุรวคาหเตฺถน คมฺภีรตฺตา โลกิยตฺตา สาสวตฺตา จ, วิสภาคานิ ผลเหตุเภทโต ปริเญฺญยฺยปหาตพฺพโต จฯ ปจฺฉิมานิปิ เทฺว สภาคานิ คมฺภีรเตฺตน ทุรวคาหตฺตา โลกุตฺตรตฺตา อนาสวตฺตา จ, วิสภาคานิ วิสยวิสยีเภทโต สจฺฉิกาตพฺพภาเวตพฺพโต จฯ ปฐมตติยานิ จาปิ สภาคานิ ผลาปเทสโต, วิสภาคานิ สงฺขตาสงฺขตโต ฯ ทุติยจตุตฺถานิ จาปิ สภาคานิ เหตุอปเทสโต, วิสภาคานิ เอกนฺตกุสลากุสลโตฯ ปฐมจตุตฺถานิ จาปิ สภาคานิ สงฺขตโต, วิสภาคานิ โลกิยโลกุตฺตรโตฯ ทุติยตติยานิ จาปิ สภาคานิ เนวเสกฺขนาเสกฺขภาวโต, วิสภาคานิ สารมฺมณานารมฺมณโตฯ

    Visabhāgāni salakkhaṇavavatthānato. Purimāni ca dve sabhāgāni duravagāhatthena gambhīrattā lokiyattā sāsavattā ca, visabhāgāni phalahetubhedato pariññeyyapahātabbato ca. Pacchimānipi dve sabhāgāni gambhīrattena duravagāhattā lokuttarattā anāsavattā ca, visabhāgāni visayavisayībhedato sacchikātabbabhāvetabbato ca. Paṭhamatatiyāni cāpi sabhāgāni phalāpadesato, visabhāgāni saṅkhatāsaṅkhatato . Dutiyacatutthāni cāpi sabhāgāni hetuapadesato, visabhāgāni ekantakusalākusalato. Paṭhamacatutthāni cāpi sabhāgāni saṅkhatato, visabhāgāni lokiyalokuttarato. Dutiyatatiyāni cāpi sabhāgāni nevasekkhanāsekkhabhāvato, visabhāgāni sārammaṇānārammaṇato.

    ‘‘อิติ เอวํ ปกาเรหิ, นเยหิ จ วิจกฺขโณ;

    ‘‘Iti evaṃ pakārehi, nayehi ca vicakkhaṇo;

    วิชญฺญา อริยสจฺจานํ, สภาควิสภาคต’’นฺติฯ

    Vijaññā ariyasaccānaṃ, sabhāgavisabhāgata’’nti.

    สพฺพเมว เจตฺถ ทุกฺขํ เอกวิธํ ปวตฺติภาวโต, ทุวิธํ นามรูปโต, ติวิธํ กามรูปารูปูปปตฺติภวเภทโต, จตุพฺพิธํ จตุอาหารเภทโต, ปญฺจวิธํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธเภทโตฯ สมุทโยปิ เอกวิโธ ปวตฺตกภาวโต, ทุวิโธ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตาสมฺปยุตฺตโต, ติวิโธ กามภววิภวตณฺหาเภทโต, จตุพฺพิโธ จตุมคฺคปฺปเหยฺยโต, ปญฺจวิโธ รูปาภินนฺทนาทิเภทโต, ฉพฺพิโธ ฉตณฺหากายเภทโตฯ นิโรโธปิ เอกวิโธ อสงฺขตธาตุภาวโต, ปริยายโต ปน ทุวิโธ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสโต, ติวิโธ ภวตฺตยวูปสมโต, จตุพฺพิโธ จตุมคฺคาธิคมนียโต, ปญฺจวิโธ ปญฺจาภินนฺทนวูปสมโต, ฉพฺพิโธ ฉตณฺหากายกฺขยเภทโตฯ มโคฺคปิ เอกวิโธ ภาเวตพฺพโต, ทุวิโธ สมถวิปสฺสนาเภทโต, ทสฺสนภาวนาเภทโต วา, ติวิโธ ขนฺธตฺตยเภทโตฯ อยญฺหิ สปฺปเทสตฺตา นครํ วิย รเชฺชน นิปฺปเทเสหิ ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิโตฯ ยถาห –

    Sabbameva cettha dukkhaṃ ekavidhaṃ pavattibhāvato, duvidhaṃ nāmarūpato, tividhaṃ kāmarūpārūpūpapattibhavabhedato, catubbidhaṃ catuāhārabhedato, pañcavidhaṃ pañcupādānakkhandhabhedato. Samudayopi ekavidho pavattakabhāvato, duvidho diṭṭhisampayuttāsampayuttato, tividho kāmabhavavibhavataṇhābhedato, catubbidho catumaggappaheyyato, pañcavidho rūpābhinandanādibhedato, chabbidho chataṇhākāyabhedato. Nirodhopi ekavidho asaṅkhatadhātubhāvato, pariyāyato pana duvidho saupādisesaanupādisesato, tividho bhavattayavūpasamato, catubbidho catumaggādhigamanīyato, pañcavidho pañcābhinandanavūpasamato, chabbidho chataṇhākāyakkhayabhedato. Maggopi ekavidho bhāvetabbato, duvidho samathavipassanābhedato, dassanabhāvanābhedato vā, tividho khandhattayabhedato. Ayañhi sappadesattā nagaraṃ viya rajjena nippadesehi tīhi khandhehi saṅgahito. Yathāha –

    ‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา, ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขเนฺธหิ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สงฺคหิโตฯ ยา, จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา โย จ สมฺมากมฺมโนฺต โย จ สมฺมาอาชีโว, อิเม ธมฺมา สีลกฺขเนฺธ สงฺคหิตาฯ โย จ สมฺมาวายาโม ยา จ สมฺมาสติ โย จ สมฺมาสมาธิ, อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตาฯ ยา จ สมฺมาทิฎฺฐิ โย จ สมฺมาสงฺกโปฺป, อิเม ธมฺมา ปญฺญากฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒)ฯ

    ‘‘Na kho, āvuso visākha, ariyena aṭṭhaṅgikena maggena tayo khandhā saṅgahitā, tīhi ca kho, āvuso visākha, khandhehi ariyo aṭṭhaṅgiko maggo saṅgahito. Yā, cāvuso visākha, sammāvācā yo ca sammākammanto yo ca sammāājīvo, ime dhammā sīlakkhandhe saṅgahitā. Yo ca sammāvāyāmo yā ca sammāsati yo ca sammāsamādhi, ime dhammā samādhikkhandhe saṅgahitā. Yā ca sammādiṭṭhi yo ca sammāsaṅkappo, ime dhammā paññākkhandhe saṅgahitā’’ti (ma. ni. 1.462).

    จตุพฺพิโธ โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสนฯ

    Catubbidho sotāpattimaggādivasena.

    อปิจ สพฺพาเนว สจฺจานิ เอกวิธานิ อวิตถตฺตา, อภิเญฺญยฺยตฺตา วาฯ ทุวิธานิ โลกิยโลกุตฺตรโต, สงฺขตาสงฺขตโต วาฯ ติวิธานิ ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพโต อปฺปหาตพฺพโต เนวปหาตพฺพนาปหาตพฺพโต จฯ จตุพฺพิธานิ ปริเญฺญยฺยปหาตพฺพสจฺฉิกาตพฺพภาเวตพฺพโตติฯ

    Apica sabbāneva saccāni ekavidhāni avitathattā, abhiññeyyattā vā. Duvidhāni lokiyalokuttarato, saṅkhatāsaṅkhatato vā. Tividhāni dassanabhāvanāhi pahātabbato appahātabbato nevapahātabbanāpahātabbato ca. Catubbidhāni pariññeyyapahātabbasacchikātabbabhāvetabbatoti.

    ‘‘เอวํ อริยสจฺจานํ, ทุโพฺพธานํ พุโธ วิธิํ;

    ‘‘Evaṃ ariyasaccānaṃ, dubbodhānaṃ budho vidhiṃ;

    อเนกเภทโต ชญฺญา, หิตาย จ สุขาย จา’’ติฯ

    Anekabhedato jaññā, hitāya ca sukhāya cā’’ti.

    สจฺจปกิณฺณกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccapakiṇṇakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิทานิ ธมฺมเสนาปติ ภควตา เทสิตกฺกเมเนว อเนฺต สจฺจจตุกฺกํ นิทฺทิสิตฺวา ‘‘ตํ ญาตเฎฺฐน ญาณ’’นฺติอาทินา สจฺจจตุกฺกวเสน สุตมเย ญาณํ นิคเมตฺวา ทเสฺสติฯ เอวํ ‘‘โสตาวธาเน ปญฺญา สุตมเย ญาณ’’นฺติ ปุเพฺพ วุตฺตํ สพฺพํ นิคเมตฺวา ทเสฺสตีติฯ

    Idāni dhammasenāpati bhagavatā desitakkameneva ante saccacatukkaṃ niddisitvā ‘‘taṃ ñātaṭṭhena ñāṇa’’ntiādinā saccacatukkavasena sutamaye ñāṇaṃ nigametvā dasseti. Evaṃ ‘‘sotāvadhāne paññā sutamaye ñāṇa’’nti pubbe vuttaṃ sabbaṃ nigametvā dassetīti.

    สทฺธมฺมปฺปกาสินิยา ปฎิสมฺภิทามคฺคฎฺฐกถาย

    Saddhammappakāsiniyā paṭisambhidāmaggaṭṭhakathāya

    สุตมยญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sutamayañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact