Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๘. สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา
8. Saccatāpasacariyāvaṇṇanā
อฎฺฐเม ตาปโส สจฺจสวฺหโยติ สจฺจสเทฺทน อวฺหาตโพฺพ สจฺจนามโก ตาปโส ยทา ยสฺมิํ กาเล โหมิ, ตทาฯ สเจฺจน โลกํ ปาเลสินฺติ อตฺตโน อวิสํวาทิภาเวน สตฺตโลกํ ชมฺพุทีเป ตตฺถ ตตฺถ สตฺตนิกายํ ปาปโต นานาวิธา อนตฺถโต จ รกฺขิํฯ สมคฺคํ ชนมกาสหนฺติ ตตฺถ ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนํ มหาชนํ กลเห อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา สามคฺคิยํ อานิสํสกถเนน สมคฺคํ อวิวทมานํ สโมฺมทมานํ อหมกาสิํฯ
Aṭṭhame tāpaso saccasavhayoti saccasaddena avhātabbo saccanāmako tāpaso yadā yasmiṃ kāle homi, tadā. Saccena lokaṃ pālesinti attano avisaṃvādibhāvena sattalokaṃ jambudīpe tattha tattha sattanikāyaṃ pāpato nānāvidhā anatthato ca rakkhiṃ. Samaggaṃ janamakāsahanti tattha tattha kalahaviggahavivādāpannaṃ mahājanaṃ kalahe ādīnavaṃ dassetvā sāmaggiyaṃ ānisaṃsakathanena samaggaṃ avivadamānaṃ sammodamānaṃ ahamakāsiṃ.
ตทา หิ โพธิสโตฺต พาราณสิยํ อญฺญตรสฺมิํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ‘‘สโจฺจ’’ติ นามํ กริํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา นจิรเสฺสว สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ อาจริเยน อนุญฺญาโต พาราณสิํ ปจฺจาคนฺตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตหิ อภินนฺทิยมาโน เตสํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ กติปาหํ เตสํ สนฺติเก วสิฯ อถ นํ มาตาปิตโร ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตุกามา สพฺพํ วิภวชาตํ อาจิกฺขิตฺวา ฆราวาเสน นิมเนฺตสุํฯ
Tadā hi bodhisatto bārāṇasiyaṃ aññatarasmiṃ brāhmaṇamahāsālakule nibbatti. Tassa ‘‘sacco’’ti nāmaṃ kariṃsu. So vayappatto takkasilaṃ gantvā disāpāmokkhassa ācariyassa santike sippaṃ uggaṇhitvā nacirasseva sabbasippānaṃ nipphattiṃ patto. Ācariyena anuññāto bārāṇasiṃ paccāgantvā mātāpitaro vanditvā tehi abhinandiyamāno tesaṃ cittānurakkhaṇatthaṃ katipāhaṃ tesaṃ santike vasi. Atha naṃ mātāpitaro patirūpena dārena saṃyojetukāmā sabbaṃ vibhavajātaṃ ācikkhitvā gharāvāsena nimantesuṃ.
มหาสโตฺต เนกฺขมฺมชฺฌาสโย อตฺตโน เนกฺขมฺมปารมิํ ปริพฺรูเหตุกาโม ฆราวาเส อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย อานิสํสญฺจ นานปฺปการโต กเถตฺวา มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ โรทมานานํ อปริมาณํ โภคกฺขนฺธํ อนนฺตํ ยสํ มหนฺตญฺจ ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย มหานาโคว อยสงฺขลิกํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทโนฺต นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ยาเปโนฺต นจิรเสฺสว อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬยมาโน สมาปตฺติวิหาเรน วิหรติฯ
Mahāsatto nekkhammajjhāsayo attano nekkhammapāramiṃ paribrūhetukāmo gharāvāse ādīnavaṃ pabbajjāya ānisaṃsañca nānappakārato kathetvā mātāpitūnaṃ assumukhānaṃ rodamānānaṃ aparimāṇaṃ bhogakkhandhaṃ anantaṃ yasaṃ mahantañca ñātiparivaṭṭaṃ pahāya mahānāgova ayasaṅkhalikaṃ gharabandhanaṃ chindanto nikkhamitvā himavantappadesaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā vanamūlaphalāphalehi yāpento nacirasseva aṭṭha samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattetvā jhānakīḷaṃ kīḷayamāno samāpattivihārena viharati.
โส เอกทิวสํ ทิพฺพจกฺขุนา โลกํ โอโลเกโนฺต อทฺทส สกลชมฺพุทีเป มนุเสฺส เยภุเยฺยน ปาณาติปาตาทิทสอกุสลกมฺมปถปสุเต กามนิทานํ กามาธิกรณํ อญฺญมญฺญํ วิวาทาปเนฺนฯ ทิสฺวา เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยทิทํ อิเม สเตฺต เอวํ ปาปปสุเต วิวาทาปเนฺน จ ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขณํฯ อหญฺหิ ‘สเตฺต สํสารปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฎฺฐเปสฺสามี’ติ มหาสโมฺพธิยานํ ปฎิปโนฺน, ตสฺมา ตํ ปฎิญฺญํ อวิสํวาเทโนฺต ยํนูนาหํ มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา เต เต สเตฺต ปาปโต โอรมาเปยฺยํ, วิวาทญฺจ เนสํ วูปสเมยฺย’’นฺติฯ
So ekadivasaṃ dibbacakkhunā lokaṃ olokento addasa sakalajambudīpe manusse yebhuyyena pāṇātipātādidasaakusalakammapathapasute kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ aññamaññaṃ vivādāpanne. Disvā evaṃ cintesi – ‘‘na kho pana metaṃ patirūpaṃ, yadidaṃ ime satte evaṃ pāpapasute vivādāpanne ca disvā ajjhupekkhaṇaṃ. Ahañhi ‘satte saṃsārapaṅkato uddharitvā nibbānathale patiṭṭhapessāmī’ti mahāsambodhiyānaṃ paṭipanno, tasmā taṃ paṭiññaṃ avisaṃvādento yaṃnūnāhaṃ manussapathaṃ gantvā te te satte pāpato oramāpeyyaṃ, vivādañca nesaṃ vūpasameyya’’nti.
เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา มหาสโตฺต มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต สนฺตํ สมาปตฺติสุขํ ปหาย อิทฺธิยา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ จิตฺตานุกูลํ ธมฺมํ เทเสโนฺต กลหวิคฺคหวิวาทาปเนฺน สเตฺต ทิฎฺฐธมฺมิกญฺจ สมฺปรายิกญฺจ วิโรเธ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา อญฺญมญฺญํ สมเคฺค สหิเต อกาสิฯ อเนกาการโวการญฺจ ปาเป อาทีนวํ วิภาเวโนฺต ตโต สเตฺต วิเวเจตฺวา เอกเจฺจ ทสสุ กุสลกมฺมปถธเมฺมสุ ปติฎฺฐาเปสิฯ เอกเจฺจ ปพฺพาเชตฺวา สีลสํวเร อินฺทฺริยคุตฺติยํ สติสมฺปชเญฺญ ปวิเวกวาเส ฌานาภิญฺญาสุ จ ยถารหํ ปติฎฺฐาเปสิฯ เตน วุตฺตํ –
Evaṃ pana cintetvā mahāsatto mahākaruṇāya samussāhito santaṃ samāpattisukhaṃ pahāya iddhiyā tattha tattha gantvā tesaṃ cittānukūlaṃ dhammaṃ desento kalahaviggahavivādāpanne satte diṭṭhadhammikañca samparāyikañca virodhe ādīnavaṃ dassetvā aññamaññaṃ samagge sahite akāsi. Anekākāravokārañca pāpe ādīnavaṃ vibhāvento tato satte vivecetvā ekacce dasasu kusalakammapathadhammesu patiṭṭhāpesi. Ekacce pabbājetvā sīlasaṃvare indriyaguttiyaṃ satisampajaññe pavivekavāse jhānābhiññāsu ca yathārahaṃ patiṭṭhāpesi. Tena vuttaṃ –
๗๑.
71.
‘‘ปุนาปรํ ยทา โหมิ, ตาปโส สจฺจสวฺหโย;
‘‘Punāparaṃ yadā homi, tāpaso saccasavhayo;
สเจฺจน โลกํ ปาเลสิํ, สมคฺคํ ชนมกาสห’’นฺติฯ
Saccena lokaṃ pālesiṃ, samaggaṃ janamakāsaha’’nti.
อิธาปิ มหาปุริสสฺส เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา คุณานุภาวา จ วิภาเวตพฺพาติฯ
Idhāpi mahāpurisassa heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyo niddhāretabbā. Tathā guṇānubhāvā ca vibhāvetabbāti.
สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccatāpasacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๘. สจฺจตาปสจริยา • 8. Saccatāpasacariyā