Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตํ

    11. Saccavibhaṅgasuttaṃ

    ๓๗๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    371. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā bārāṇasiyaṃ viharati isipatane migadāye. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘ตถาคเตน, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ, ยทิทํ – จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํฯ กตเมสํ จตุนฺนํ? ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขสมุทยสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขนิโรธสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํฯ ตถาคเตน, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ , ยทิทํ – อิเมสํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํฯ

    ‘‘Tathāgatena, bhikkhave, arahatā sammāsambuddhena bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ, yadidaṃ – catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ. Katamesaṃ catunnaṃ? Dukkhassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhasamudayassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhanirodhassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ. Tathāgatena, bhikkhave, arahatā sammāsambuddhena bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ , yadidaṃ – imesaṃ catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ.

    ‘‘เสวถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน; ภชถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนฯ ปณฺฑิตา ภิกฺขู อนุคฺคาหกา สพฺรหฺมจารีนํฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ชเนตา 1, เอวํ สาริปุโตฺต; เสยฺยถาปิ ชาตสฺส อาปาเทตา, เอวํ โมคฺคลฺลาโนฯ สาริปุโตฺต, ภิกฺขเว, โสตาปตฺติผเล วิเนติ, โมคฺคลฺลาโน อุตฺตมเตฺถฯ สาริปุโตฺต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปญฺญาเปตุํ ปฎฺฐเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุ’’นฺติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    ‘‘Sevatha, bhikkhave, sāriputtamoggallāne; bhajatha, bhikkhave, sāriputtamoggallāne. Paṇḍitā bhikkhū anuggāhakā sabrahmacārīnaṃ. Seyyathāpi, bhikkhave, janetā 2, evaṃ sāriputto; seyyathāpi jātassa āpādetā, evaṃ moggallāno. Sāriputto, bhikkhave, sotāpattiphale vineti, moggallāno uttamatthe. Sāriputto, bhikkhave, pahoti cattāri ariyasaccāni vitthārena ācikkhituṃ desetuṃ paññāpetuṃ paṭṭhapetuṃ vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātu’’nti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    ๓๗๒. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –

    372. Tatra kho āyasmā sāriputto acirapakkantassa bhagavato bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso, bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –

    ‘‘ตถาคเตน, อาวุโส, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ, ยทิทํ – จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํฯ กตเมสํ จตุนฺนํ? ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขสมุทยสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขนิโรธสฺส อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อริยสจฺจสฺส อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํฯ

    ‘‘Tathāgatena, āvuso, arahatā sammāsambuddhena bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ, yadidaṃ – catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ. Katamesaṃ catunnaṃ? Dukkhassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhasamudayassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhanirodhassa ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ariyasaccassa ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ.

    ๓๗๓. ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ; สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาฯ

    373. ‘‘Katamañcāvuso, dukkhaṃ ariyasaccaṃ? Jātipi dukkhā, jarāpi dukkhā, maraṇampi dukkhaṃ, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsāpi dukkhā, yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ; saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā.

    ‘‘กตมา จาวุโส, ชาติ? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชาติ สญฺชาติ โอกฺกนฺติ อภินิพฺพตฺติ ขนฺธานํ ปาตุภาโว อายตนานํ ปฎิลาโภ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ชาติ’’’ฯ

    ‘‘Katamā cāvuso, jāti? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhi tamhi sattanikāye jāti sañjāti okkanti abhinibbatti khandhānaṃ pātubhāvo āyatanānaṃ paṭilābho, ayaṃ vuccatāvuso – ‘jāti’’’.

    ‘‘กตมา จาวุโส, ชรา? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชรา ชีรณตา ขณฺฑิจฺจํ ปาลิจฺจํ วลิตฺตจตา อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโก, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ชรา’’’ฯ

    ‘‘Katamā cāvuso, jarā? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhi tamhi sattanikāye jarā jīraṇatā khaṇḍiccaṃ pāliccaṃ valittacatā āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripāko, ayaṃ vuccatāvuso – ‘jarā’’’.

    ‘‘กตมญฺจาวุโส, มรณํ? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา ตมฺหา สตฺตนิกายา จุติ จวนตา เภโท อนฺตรธานํ มจฺจุ มรณํ กาลํกิริยา ขนฺธานํ เภโท กเฬวรสฺส นิเกฺขโป ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปเจฺฉโท, อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘มรณํ’’’ฯ

    ‘‘Katamañcāvuso, maraṇaṃ? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhā tamhā sattanikāyā cuti cavanatā bhedo antaradhānaṃ maccu maraṇaṃ kālaṃkiriyā khandhānaṃ bhedo kaḷevarassa nikkhepo jīvitindriyassupacchedo, idaṃ vuccatāvuso – ‘maraṇaṃ’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, โสโก? โย โข, อาวุโส, อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อโนฺตโสโก อโนฺตปริโสโก, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘โสโก’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, soko? Yo kho, āvuso, aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa soko socanā socitattaṃ antosoko antoparisoko, ayaṃ vuccatāvuso – ‘soko’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, ปริเทโว? โย โข, อาวุโส, อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส อาเทโว ปริเทโว อาเทวนา ปริเทวนา อาเทวิตตฺตํ ปริเทวิตตฺตํ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ปริเทโว’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, paridevo? Yo kho, āvuso, aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa ādevo paridevo ādevanā paridevanā ādevitattaṃ paridevitattaṃ, ayaṃ vuccatāvuso – ‘paridevo’’’.

    ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขํ? ยํ โข, อาวุโส, กายิกํ ทุกฺขํ กายิกํ อสาตํ กายสมฺผสฺสชํ ทุกฺขํ อสาตํ เวทยิตํ, อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘ทุกฺขํ’’’ฯ

    ‘‘Katamañcāvuso, dukkhaṃ? Yaṃ kho, āvuso, kāyikaṃ dukkhaṃ kāyikaṃ asātaṃ kāyasamphassajaṃ dukkhaṃ asātaṃ vedayitaṃ, idaṃ vuccatāvuso – ‘dukkhaṃ’’’.

    ‘‘กตมญฺจาวุโส, โทมนสฺสํ? ยํ โข, อาวุโส, เจตสิกํ ทุกฺขํ เจตสิกํ อสาตํ มโนสมฺผสฺสชํ ทุกฺขํ อสาตํ เวทยิตํ, อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘โทมนสฺสํ’’’ฯ

    ‘‘Katamañcāvuso, domanassaṃ? Yaṃ kho, āvuso, cetasikaṃ dukkhaṃ cetasikaṃ asātaṃ manosamphassajaṃ dukkhaṃ asātaṃ vedayitaṃ, idaṃ vuccatāvuso – ‘domanassaṃ’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, อุปายาโส? โย โข, อาวุโส, อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส อายาโส อุปายาโส อายาสิตตฺตํ อุปายาสิตตฺตํ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘อุปายาโส’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, upāyāso? Yo kho, āvuso, aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa āyāso upāyāso āyāsitattaṃ upāyāsitattaṃ, ayaṃ vuccatāvuso – ‘upāyāso’’’.

    ‘‘กตมญฺจาวุโส, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ? ชาติธมฺมานํ, อาวุโส, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต, มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสาม; น จ, วต, โน ชาติ อาคเจฺฉยฺยา’ติฯ น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํฯ อิทมฺปิ – ‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ’ฯ ชราธมฺมานํ, อาวุโส, สตฺตานํ…เป.… พฺยาธิธมฺมานํ, อาวุโส, สตฺตานํ… มรณธมฺมานํ, อาวุโส, สตฺตานํ… โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมานํ, อาวุโส, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต, มยํ น โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา อสฺสาม ; น จ, วต, โน โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา อาคเจฺฉยฺยุ’นฺติ ฯ น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํฯ อิทมฺปิ – ‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ’’’ฯ

    ‘‘Katamañcāvuso, yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ? Jātidhammānaṃ, āvuso, sattānaṃ evaṃ icchā uppajjati – ‘aho vata, mayaṃ na jātidhammā assāma; na ca, vata, no jāti āgaccheyyā’ti. Na kho panetaṃ icchāya pattabbaṃ. Idampi – ‘yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ’. Jarādhammānaṃ, āvuso, sattānaṃ…pe… byādhidhammānaṃ, āvuso, sattānaṃ… maraṇadhammānaṃ, āvuso, sattānaṃ… sokaparidevadukkhadomanassupāyāsadhammānaṃ, āvuso, sattānaṃ evaṃ icchā uppajjati – ‘aho vata, mayaṃ na sokaparidevadukkhadomanassupāyāsadhammā assāma ; na ca, vata, no sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā āgaccheyyu’nti . Na kho panetaṃ icchāya pattabbaṃ. Idampi – ‘yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ’’’.

    ‘‘กตเม จาวุโส, สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา? เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม วุจฺจนฺตาวุโส – ‘สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’ฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ’’’ฯ

    ‘‘Katame cāvuso, saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā? Seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho. Ime vuccantāvuso – ‘saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’. Idaṃ vuccatāvuso – ‘dukkhaṃ ariyasaccaṃ’’’.

    ๓๗๔. ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขสมุทยํ 3 อริยสจฺจํ? ยายํ ตณฺหา โปโนพฺภวิกา 4 นนฺทีราคสหคตา 5 ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา , อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘ทุกฺขสมุทยํ 6 อริยสจฺจํ’’’ฯ

    374. ‘‘Katamañcāvuso, dukkhasamudayaṃ 7 ariyasaccaṃ? Yāyaṃ taṇhā ponobbhavikā 8 nandīrāgasahagatā 9 tatratatrābhinandinī, seyyathidaṃ – kāmataṇhā bhavataṇhā vibhavataṇhā , idaṃ vuccatāvuso – ‘dukkhasamudayaṃ 10 ariyasaccaṃ’’’.

    ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขนิโรธํ 11 อริยสจฺจํ? โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฎินิสฺสโคฺค มุตฺติ อนาลโย, อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘ทุกฺขนิโรธํ 12 อริยสจฺจํ’’’ฯ

    ‘‘Katamañcāvuso, dukkhanirodhaṃ 13 ariyasaccaṃ? Yo tassāyeva taṇhāya asesavirāganirodho cāgo paṭinissaggo mutti anālayo, idaṃ vuccatāvuso – ‘dukkhanirodhaṃ 14 ariyasaccaṃ’’’.

    ๓๗๕. ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ

    375. ‘‘Katamañcāvuso, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi.

    ‘‘กตมาจาวุโส, สมฺมาทิฎฺฐิ? ยํ โข, อาวุโส, ทุเกฺข ญาณํ, ทุกฺขสมุทเย ญาณํ, ทุกฺขนิโรเธ ญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาทิฎฺฐิ’’’ฯ

    ‘‘Katamācāvuso, sammādiṭṭhi? Yaṃ kho, āvuso, dukkhe ñāṇaṃ, dukkhasamudaye ñāṇaṃ, dukkhanirodhe ñāṇaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammādiṭṭhi’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, สมฺมาสงฺกโปฺป? เนกฺขมฺมสงฺกโปฺป, อพฺยาปาทสงฺกโปฺป , อวิหิํสาสงฺกโปฺป, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาสงฺกโปฺป’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, sammāsaṅkappo? Nekkhammasaṅkappo, abyāpādasaṅkappo , avihiṃsāsaṅkappo, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāsaṅkappo’’’.

    ‘‘กตมา จาวุโส, สมฺมาวาจา? มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาวาจา’’’ฯ

    ‘‘Katamā cāvuso, sammāvācā? Musāvādā veramaṇī, pisuṇāya vācāya veramaṇī, pharusāya vācāya veramaṇī, samphappalāpā veramaṇī, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāvācā’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, สมฺมากมฺมนฺตี? ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมากมฺมโนฺต’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, sammākammantī? Pāṇātipātā veramaṇī, adinnādānā veramaṇī, kāmesumicchācārā veramaṇī, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammākammanto’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, สมฺมาอาชีโว? อิธาวุโส, อริยสาวโก มิจฺฉาอาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปติ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาอาชีโว’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, sammāājīvo? Idhāvuso, ariyasāvako micchāājīvaṃ pahāya sammāājīvena jīvikaṃ kappeti, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāājīvo’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, สมฺมาวายาโม? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา อสโมฺมสาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาวายาโม’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, sammāvāyāmo? Idhāvuso, bhikkhu anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati, uppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati, anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati, uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ṭhitiyā asammosāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāvāyāmo’’’.

    ‘‘กตมา จาวุโส, สมฺมาสติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาสติ’’’ฯ

    ‘‘Katamā cāvuso, sammāsati? Idhāvuso, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu vedanānupassī viharati…pe… citte cittānupassī viharati… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāsati’’’.

    ‘‘กตโม จาวุโส, สมฺมาสมาธิ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ…เป.… ตติยํ ฌานํ… วิหรติ, อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘สมฺมาสมาธิ’ฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส – ‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ’’’ฯ

    ‘‘Katamo cāvuso, sammāsamādhi? Idhāvuso, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati…pe… tatiyaṃ jhānaṃ… viharati, ayaṃ vuccatāvuso – ‘sammāsamādhi’. Idaṃ vuccatāvuso – ‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ’’’.

    ‘‘ตถาคเตนาวุโส, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ, ยทิทํ – อิเมสํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺม’’นฺติฯ

    ‘‘Tathāgatenāvuso, arahatā sammāsambuddhena bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattitaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ, yadidaṃ – imesaṃ catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkamma’’nti.

    อิทมโวจ อายสฺมา สาริปุโตฺตฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca āyasmā sāriputto. Attamanā te bhikkhū āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ abhinandunti.

    สจฺจวิภงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ เอกาทสมํฯ

    Saccavibhaṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ ekādasamaṃ.







    Footnotes:
    1. ชเนตฺติ (สี. ปี.)
    2. janetti (sī. pī.)
    3. ทุกฺขสมุทโย (สฺยา. กํ.)
    4. โปโนภวิกา (สี. ปี.)
    5. นนฺทิราคสหคตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. ทุกฺขสมุทโย (สฺยา. กํ.)
    7. dukkhasamudayo (syā. kaṃ.)
    8. ponobhavikā (sī. pī.)
    9. nandirāgasahagatā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    10. dukkhasamudayo (syā. kaṃ.)
    11. ทุกฺขนิโรโธ (สฺยา. กํ.)
    12. ทุกฺขนิโรโธ (สฺยา. กํ.)
    13. dukkhanirodho (syā. kaṃ.)
    14. dukkhanirodho (syā. kaṃ.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 11. Saccavibhaṅgasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 11. Saccavibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact