Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi |
๔. สจฺจวิภโงฺค
4. Saccavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
๑. ทุกฺขสจฺจํ
1. Dukkhasaccaṃ
๑๙๐. ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุโกฺข, ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุโกฺข, ยํ ปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาฯ
190. Tattha katamaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ? Jātipi dukkhā, jarāpi dukkhā, maraṇampi dukkhaṃ, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsāpi dukkhā, appiyehi sampayogo dukkho, piyehi vippayogo dukkho, yaṃ picchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ, saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā.
๑๙๑. ตตฺถ กตมา ชาติ? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชาติ สญฺชาติ โอกฺกนฺติ อภินิพฺพตฺติ ขนฺธานํ ปาตุภาโว อายตนานํ ปฎิลาโภ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ชาติ’’ฯ
191. Tattha katamā jāti? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhi tamhi sattanikāye jāti sañjāti okkanti abhinibbatti khandhānaṃ pātubhāvo āyatanānaṃ paṭilābho – ayaṃ vuccati ‘‘jāti’’.
๑๙๒. ตตฺถ กตมา ชรา? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชรา ชีรณตา ขณฺฑิจฺจํ ปาลิจฺจํ วลิตฺตจตา อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโก – อยํ วุจฺจติ ‘‘ชรา’’ฯ
192. Tattha katamā jarā? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhi tamhi sattanikāye jarā jīraṇatā khaṇḍiccaṃ pāliccaṃ valittacatā āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripāko – ayaṃ vuccati ‘‘jarā’’.
๑๙๓. ตตฺถ กตมํ มรณํ? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา ตมฺหา สตฺตนิกายา จุติ จวนตา เภโท อนฺตรธานํ มจฺจุ มรณํ กาลกิริยา ขนฺธานํ เภโท กเฬวรสฺส นิเกฺขโป ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปเจฺฉโท – อิทํ วุจฺจติ ‘‘มรณํ’’ฯ
193. Tattha katamaṃ maraṇaṃ? Yā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tamhā tamhā sattanikāyā cuti cavanatā bhedo antaradhānaṃ maccu maraṇaṃ kālakiriyā khandhānaṃ bhedo kaḷevarassa nikkhepo jīvitindriyassupacchedo – idaṃ vuccati ‘‘maraṇaṃ’’.
๑๙๔. ตตฺถ กตโม โสโก? ญาติพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โภคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โรคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส สีลพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส ทิฎฺฐิพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อโนฺตโสโก อโนฺตปริโสโก เจตโส ปริชฺฌายนา โทมนสฺสํ โสกสลฺลํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘โสโก’’ฯ
194. Tattha katamo soko? Ñātibyasanena vā phuṭṭhassa bhogabyasanena vā phuṭṭhassa rogabyasanena vā phuṭṭhassa sīlabyasanena vā phuṭṭhassa diṭṭhibyasanena vā phuṭṭhassa aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa soko socanā socitattaṃ antosoko antoparisoko cetaso parijjhāyanā domanassaṃ sokasallaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘soko’’.
๑๙๕. ตตฺถ กตโม ปริเทโว? ญาติพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โภคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โรคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส สีลพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส ทิฎฺฐิพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส อาเทโว ปริเทโว อาเทวนา ปริเทวนา อาเทวิตตฺตํ ปริเทวิตตฺตํ วาจา ปลาโป วิปฺปลาโป ลาลโปฺป ลาลปฺปนา ลาลปฺปิตตฺตํ 5 – อยํ วุจฺจติ ‘‘ปริเทโว’’ฯ
195. Tattha katamo paridevo? Ñātibyasanena vā phuṭṭhassa bhogabyasanena vā phuṭṭhassa rogabyasanena vā phuṭṭhassa sīlabyasanena vā phuṭṭhassa diṭṭhibyasanena vā phuṭṭhassa aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa ādevo paridevo ādevanā paridevanā ādevitattaṃ paridevitattaṃ vācā palāpo vippalāpo lālappo lālappanā lālappitattaṃ 6 – ayaṃ vuccati ‘‘paridevo’’.
๑๙๖. ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? ยํ กายิกํ อสาตํ กายิกํ ทุกฺขํ กายสมฺผสฺสชํ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตํ กายสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
196. Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Yaṃ kāyikaṃ asātaṃ kāyikaṃ dukkhaṃ kāyasamphassajaṃ asātaṃ dukkhaṃ vedayitaṃ kāyasamphassajā asātā dukkhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
๑๙๗. ตตฺถ กตมํ โทมนสฺสํ? ยํ เจตสิกํ อสาตํ เจตสิกํ ทุกฺขํ เจโตสมฺผสฺสชํ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘โทมนสฺสํ’’ฯ
197. Tattha katamaṃ domanassaṃ? Yaṃ cetasikaṃ asātaṃ cetasikaṃ dukkhaṃ cetosamphassajaṃ asātaṃ dukkhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā asātā dukkhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘domanassaṃ’’.
๑๙๘. ตตฺถ กตโม อุปายาโส? ญาติพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โภคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส โรคพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส สีลพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส ทิฎฺฐิพฺยสเนน วา ผุฎฺฐสฺส อญฺญตรญฺญตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส อายาโส อุปายาโส อายาสิตตฺตํ อุปายาสิตตฺตํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘อุปายาโส’’ฯ
198. Tattha katamo upāyāso? Ñātibyasanena vā phuṭṭhassa bhogabyasanena vā phuṭṭhassa rogabyasanena vā phuṭṭhassa sīlabyasanena vā phuṭṭhassa diṭṭhibyasanena vā phuṭṭhassa aññataraññatarena byasanena samannāgatassa aññataraññatarena dukkhadhammena phuṭṭhassa āyāso upāyāso āyāsitattaṃ upāyāsitattaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘upāyāso’’.
๑๙๙. ตตฺถ กตโม อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุโกฺข? อิธ ยสฺส เต โหนฺติ อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา รูปา สทฺทา คนฺธา รสา โผฎฺฐพฺพา, เย วา ปนสฺส เต โหนฺติ อนตฺถกามา อหิตกามา อผาสุกกามา อโยคเกฺขมกามา; ยา เตหิ สงฺคติ สมาคโม สโมธานํ มิสฺสีภาโว – อยํ วุจฺจติ ‘‘อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุโกฺข’’ฯ
199. Tattha katamo appiyehi sampayogo dukkho? Idha yassa te honti aniṭṭhā akantā amanāpā rūpā saddā gandhā rasā phoṭṭhabbā, ye vā panassa te honti anatthakāmā ahitakāmā aphāsukakāmā ayogakkhemakāmā; yā tehi saṅgati samāgamo samodhānaṃ missībhāvo – ayaṃ vuccati ‘‘appiyehi sampayogo dukkho’’.
๒๐๐. ตตฺถ กตโม ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุโกฺข? อิธ ยสฺส เต โหนฺติ อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา รูปา สทฺทา คนฺธา รสา โผฎฺฐพฺพา, เย วา ปนสฺส เต โหนฺติ อตฺถกามา หิตกามา ผาสุกกามา โยคเกฺขมกามา มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา ภคินี วา มิตฺตา วา อมจฺจา วา ญาตี วา สาโลหิตา วา; ยา เตหิ อสงฺคติ อสมาคโม อสโมธานํ อมิสฺสีภาโว – อยํ วุจฺจติ ‘‘ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุโกฺข’’ฯ
200. Tattha katamo piyehi vippayogo dukkho? Idha yassa te honti iṭṭhā kantā manāpā rūpā saddā gandhā rasā phoṭṭhabbā, ye vā panassa te honti atthakāmā hitakāmā phāsukakāmā yogakkhemakāmā mātā vā pitā vā bhātā vā bhaginī vā mittā vā amaccā vā ñātī vā sālohitā vā; yā tehi asaṅgati asamāgamo asamodhānaṃ amissībhāvo – ayaṃ vuccati ‘‘piyehi vippayogo dukkho’’.
๒๐๑. ตตฺถ กตมํ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ? ชาติธมฺมานํ สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘‘อโห วต, มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสาม; น จ, วต, โน ชาติ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ! น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํฯ อิทมฺปิ ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ’’ฯ
201. Tattha katamaṃ yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ? Jātidhammānaṃ sattānaṃ evaṃ icchā uppajjati – ‘‘aho vata, mayaṃ na jātidhammā assāma; na ca, vata, no jāti āgaccheyyā’’ti! Na kho panetaṃ icchāya pattabbaṃ. Idampi ‘‘yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ’’.
ชราธมฺมานํ สตฺตานํ…เป.… พฺยาธิธมฺมานํ สตฺตานํ…เป.… มรณธมฺมานํ สตฺตานํ…เป.… โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมานํ สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘‘อโห วต, มยํ น โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา อสฺสาม; น จ, วต, โน โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา อาคเจฺฉยฺยุ’’นฺติ! น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํฯ อิทมฺปิ ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ’’ฯ
Jarādhammānaṃ sattānaṃ…pe… byādhidhammānaṃ sattānaṃ…pe… maraṇadhammānaṃ sattānaṃ…pe… sokaparidevadukkhadomanassupāyāsadhammānaṃ sattānaṃ evaṃ icchā uppajjati – ‘‘aho vata, mayaṃ na sokaparidevadukkhadomanassupāyāsadhammā assāma; na ca, vata, no sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā āgaccheyyu’’nti! Na kho panetaṃ icchāya pattabbaṃ. Idampi ‘‘yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ’’.
๒๐๒. ตตฺถ กตเม สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา? เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม วุจฺจนฺติ ‘‘สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ฯ
202. Tattha katame saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā? Seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho. Ime vuccanti ‘‘saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’.
อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ’’ฯ
Idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ ariyasaccaṃ’’.
๒. สมุทยสจฺจํ
2. Samudayasaccaṃ
๒๐๓. ตตฺถ กตมํ ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ? ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา 7 นนฺทิราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาฯ
203. Tattha katamaṃ dukkhasamudayaṃ ariyasaccaṃ? Yāyaṃ taṇhā ponobhavikā 8 nandirāgasahagatā tatratatrābhinandinī, seyyathidaṃ – kāmataṇhā, bhavataṇhā, vibhavataṇhā.
สา โข ปเนสา ตณฺหา กตฺถ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, กตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ? ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Sā kho panesā taṇhā kattha uppajjamānā uppajjati, kattha nivisamānā nivisati? Yaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
กิญฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ? จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ โสตํ โลเก…เป.… ฆานํ โลเก… ชิวฺหา โลเก… กาโย โลเก… มโน โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Kiñca loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ? Cakkhuṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Sotaṃ loke…pe… ghānaṃ loke… jivhā loke… kāyo loke… mano loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ สทฺทา โลเก…เป.… คนฺธา โลเก… รสา โลเก… โผฎฺฐพฺพา โลเก… ธมฺมา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Saddā loke…pe… gandhā loke… rasā loke… phoṭṭhabbā loke… dhammā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
จกฺขุวิญฺญาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ โสตวิญฺญาณํ โลเก…เป.… ฆานวิญฺญาณํ โลเก… ชิวฺหาวิญฺญาณํ โลเก… กายวิญฺญาณํ โลเก… มโนวิญฺญาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Cakkhuviññāṇaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Sotaviññāṇaṃ loke…pe… ghānaviññāṇaṃ loke… jivhāviññāṇaṃ loke… kāyaviññāṇaṃ loke… manoviññāṇaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
จกฺขุสมฺผโสฺส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ โสตสมฺผโสฺส โลเก…เป.… ฆานสมฺผโสฺส โลเก… ชิวฺหาสมฺผโสฺส โลเก… กายสมฺผโสฺส โลเก… มโนสมฺผโสฺส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Cakkhusamphasso loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Sotasamphasso loke…pe… ghānasamphasso loke… jivhāsamphasso loke… kāyasamphasso loke… manosamphasso loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ โสตสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก…เป.… ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… กายสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Cakkhusamphassajā vedanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Sotasamphassajā vedanā loke…pe… ghānasamphassajā vedanā loke… jivhāsamphassajā vedanā loke… kāyasamphassajā vedanā loke… manosamphassajā vedanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปสญฺญา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ สทฺทสญฺญา โลเก…เป.… คนฺธสญฺญา โลเก… รสสญฺญา โลเก… โผฎฺฐพฺพสญฺญา โลเก… ธมฺมสญฺญา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpasaññā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Saddasaññā loke…pe… gandhasaññā loke… rasasaññā loke… phoṭṭhabbasaññā loke… dhammasaññā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปสเญฺจตนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ สทฺทสเญฺจตนา โลเก…เป.… คนฺธสเญฺจตนา โลเก… รสสเญฺจตนา โลเก… โผฎฺฐพฺพสเญฺจตนา โลเก… ธมฺมสเญฺจตนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpasañcetanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Saddasañcetanā loke…pe… gandhasañcetanā loke… rasasañcetanā loke… phoṭṭhabbasañcetanā loke… dhammasañcetanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ สทฺทตณฺหา โลเก…เป.… คนฺธตณฺหา โลเก… รสตณฺหา โลเก… โผฎฺฐพฺพตณฺหา โลเก… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Saddataṇhā loke…pe… gandhataṇhā loke… rasataṇhā loke… phoṭṭhabbataṇhā loke… dhammataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปวิตโกฺก โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ ฯ สทฺทวิตโกฺก โลเก…เป.… คนฺธวิตโกฺก โลเก… รสวิตโกฺก โลเก… โผฎฺฐพฺพวิตโกฺก โลเก… ธมฺมวิตโกฺก โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpavitakko loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati . Saddavitakko loke…pe… gandhavitakko loke… rasavitakko loke… phoṭṭhabbavitakko loke… dhammavitakko loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
รูปวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ สทฺทวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ , เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ คนฺธวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ รสวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ โผฎฺฐพฺพวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ ธมฺมวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติฯ
Rūpavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Saddavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati , ettha nivisamānā nivisati. Gandhavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Rasavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Phoṭṭhabbavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati. Dhammavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisati.
อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ’’ฯ
Idaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayaṃ ariyasaccaṃ’’.
๓. นิโรธสจฺจํ
3. Nirodhasaccaṃ
๒๐๔. ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ? โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฎินิสฺสโคฺค มุตฺติ อนาลโยฯ
204. Tattha katamaṃ dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ? Yo tassāyeva taṇhāya asesavirāganirodho cāgo paṭinissaggo mutti anālayo.
สา โข ปเนสา ตณฺหา กตฺถ ปหียมานา ปหียติ, กตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ? ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Sā kho panesā taṇhā kattha pahīyamānā pahīyati, kattha nirujjhamānā nirujjhati? Yaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
กิญฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ? จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ โสตํ โลเก…เป.… ฆานํ โลเก… ชิวฺหา โลเก… กาโย โลเก… มโน โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Kiñca loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ? Cakkhuṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati. Sotaṃ loke…pe… ghānaṃ loke… jivhā loke… kāyo loke… mano loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ สทฺทา โลเก…เป.… คนฺธา โลเก… รสา โลเก… โผฎฺฐพฺพา โลเก… ธมฺมา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati. Saddā loke…pe… gandhā loke… rasā loke… phoṭṭhabbā loke… dhammā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
จกฺขุวิญฺญาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ โสตวิญฺญาณํ โลเก…เป.… ฆานวิญฺญาณํ โลเก… ชิวฺหาวิญฺญาณํ โลเก… กายวิญฺญาณํ โลเก… มโนวิญฺญาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Cakkhuviññāṇaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati. Sotaviññāṇaṃ loke…pe… ghānaviññāṇaṃ loke… jivhāviññāṇaṃ loke… kāyaviññāṇaṃ loke… manoviññāṇaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
จกฺขุสมฺผโสฺส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ โสตสมฺผโสฺส โลเก…เป.… ฆานสมฺผโสฺส โลเก… ชิวฺหาสมฺผโสฺส โลเก… กายสมฺผโสฺส โลเก… มโนสมฺผโสฺส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Cakkhusamphasso loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati. Sotasamphasso loke…pe… ghānasamphasso loke… jivhāsamphasso loke… kāyasamphasso loke… manosamphasso loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ โสตสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก…เป.… ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… กายสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Cakkhusamphassajā vedanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati. Sotasamphassajā vedanā loke…pe… ghānasamphassajā vedanā loke… jivhāsamphassajā vedanā loke… kāyasamphassajā vedanā loke… manosamphassajā vedanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปสญฺญา โลเก… สทฺทสญฺญา โลเก… คนฺธสญฺญา โลเก… รสสญฺญา โลเก… โผฎฺฐพฺพสญฺญา โลเก… ธมฺมสญฺญา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpasaññā loke… saddasaññā loke… gandhasaññā loke… rasasaññā loke… phoṭṭhabbasaññā loke… dhammasaññā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปสเญฺจตนา โลเก… สทฺทสเญฺจตนา โลเก… คนฺธสเญฺจตนา โลเก… รสสเญฺจตนา โลเก… โผฎฺฐพฺพสเญฺจตนา โลเก… ธมฺมสเญฺจตนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpasañcetanā loke… saddasañcetanā loke… gandhasañcetanā loke… rasasañcetanā loke… phoṭṭhabbasañcetanā loke… dhammasañcetanā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปตณฺหา โลเก… สทฺทตณฺหา โลเก… คนฺธตณฺหา โลเก… รสตณฺหา โลเก… โผฎฺฐพฺพตณฺหา โลเก… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpataṇhā loke… saddataṇhā loke… gandhataṇhā loke… rasataṇhā loke… phoṭṭhabbataṇhā loke… dhammataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปวิตโกฺก โลเก… สทฺทวิตโกฺก โลเก… คนฺธวิตโกฺก โลเก… รสวิตโกฺก โลเก… โผฎฺฐพฺพวิตโกฺก โลเก… ธมฺมวิตโกฺก โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpavitakko loke… saddavitakko loke… gandhavitakko loke… rasavitakko loke… phoṭṭhabbavitakko loke… dhammavitakko loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
รูปวิจาโร โลเก… สทฺทวิจาโร โลเก… คนฺธวิจาโร โลเก… รสวิจาโร โลเก… โผฎฺฐพฺพวิจาโร โลเก… ธมฺมวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํฯ เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติฯ
Rūpavicāro loke… saddavicāro loke… gandhavicāro loke… rasavicāro loke… phoṭṭhabbavicāro loke… dhammavicāro loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ. Etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhati.
อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ’’ฯ
Idaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ’’.
๔. มคฺคสจฺจํ
4. Maggasaccaṃ
๒๐๕. ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ
205. Tattha katamaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi.
ตตฺถ กตมา สมฺมาทิฎฺฐิ? ทุเกฺข ญาณํ, ทุกฺขสมุทเย ญาณํ, ทุกฺขนิโรเธ ญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ’’ฯ
Tattha katamā sammādiṭṭhi? Dukkhe ñāṇaṃ, dukkhasamudaye ñāṇaṃ, dukkhanirodhe ñāṇaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammādiṭṭhi’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสงฺกโปฺป? เนกฺขมฺมสงฺกโปฺป, อพฺยาปาทสงฺกโปฺป, อวิหิํสาสงฺกโปฺป – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสงฺกโปฺป’’ฯ
Tattha katamo sammāsaṅkappo? Nekkhammasaṅkappo, abyāpādasaṅkappo, avihiṃsāsaṅkappo – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsaṅkappo’’.
ตตฺถ กตมา สมฺมาวาจา? มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาวาจา’’ฯ
Tattha katamā sammāvācā? Musāvādā veramaṇī, pisuṇāya vācāya veramaṇī, pharusāya vācāya veramaṇī, samphappalāpā veramaṇī – ayaṃ vuccati ‘‘sammāvācā’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมากมฺมโนฺต? ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมากมฺมโนฺต’’ฯ
Tattha katamo sammākammanto? Pāṇātipātā veramaṇī, adinnādānā veramaṇī, kāmesumicchācārā veramaṇī – ayaṃ vuccati ‘‘sammākammanto’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาอาชีโว? อิธ อริยสาวโก มิจฺฉาอาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาอาชีโว’’ฯ
Tattha katamo sammāājīvo? Idha ariyasāvako micchāājīvaṃ pahāya sammāājīvena jīvikaṃ kappeti – ayaṃ vuccati ‘‘sammāājīvo’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาวายาโม? อิธ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติฯ อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติฯ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติฯ อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา อสโมฺมสาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาวายาโม’’ฯ
Tattha katamo sammāvāyāmo? Idha bhikkhu anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janeti, vāyamati, vīriyaṃ ārabhati, cittaṃ paggaṇhāti, padahati. Uppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya chandaṃ janeti, vāyamati, vīriyaṃ ārabhati, cittaṃ paggaṇhāti, padahati. Anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya chandaṃ janeti, vāyamati, vīriyaṃ ārabhati, cittaṃ paggaṇhāti, padahati. Uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ṭhitiyā asammosāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā chandaṃ janeti, vāyamati, vīriyaṃ ārabhati, cittaṃ paggaṇhāti, padahati. Ayaṃ vuccati ‘‘sammāvāyāmo’’.
ตตฺถ กตมา สมฺมาสติ? อิธ ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ…เป.… จิเตฺต…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสติ’’ฯ
Tattha katamā sammāsati? Idha bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu…pe… citte…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Ayaṃ vuccati ‘‘sammāsati’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสมาธิ? อิธ ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา, อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ, เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา, อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา, ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสมาธิ’’ฯ
Tattha katamo sammāsamādhi? Idha bhikkhu vivicceva kāmehi, vivicca akusalehi dhammehi, savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā, ajjhattaṃ sampasādanaṃ, cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Pītiyā ca virāgā, upekkhako ca viharati, sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti, tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Sukhassa ca pahānā, dukkhassa ca pahānā, pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā, adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati ‘‘sammāsamādhi’’.
อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ’’ฯ
Idaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ’’.
สุตฺตนฺตภาชนียํฯ
Suttantabhājanīyaṃ.
๒. อภิธมฺมภาชนียํ
2. Abhidhammabhājanīyaṃ
๒๐๖. จตฺตาริ สจฺจานิ – ทุกฺขํ, ทุกฺขสมุทโย, ทุกฺขนิโรโธ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาฯ
206. Cattāri saccāni – dukkhaṃ, dukkhasamudayo, dukkhanirodho, dukkhanirodhagāminī paṭipadā.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา, วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā, vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi.
ตตฺถ กตมา สมฺมาทิฎฺฐิ? ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ’’ฯ
Tattha katamā sammādiṭṭhi? Yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi dhammavicayasambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammādiṭṭhi’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสงฺกโปฺป? โย ตโกฺก วิตโกฺก…เป.… สมฺมาสงฺกโปฺป มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสงฺกโปฺป’’ฯ
Tattha katamo sammāsaṅkappo? Yo takko vitakko…pe… sammāsaṅkappo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsaṅkappo’’.
ตตฺถ กตมา สมฺมาวาจา? ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี 9 อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต สมฺมาวาจา มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาวาจา’’ฯ
Tattha katamā sammāvācā? Yā catūhi vacīduccaritehi ārati virati paṭivirati veramaṇī 10 akiriyā akaraṇaṃ anajjhāpatti velāanatikkamo setughāto sammāvācā maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāvācā’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมากมฺมโนฺต? ยา ตีหิ กายทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต สมฺมากมฺมโนฺต มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมากมฺมโนฺต’’ฯ
Tattha katamo sammākammanto? Yā tīhi kāyaduccaritehi ārati virati paṭivirati veramaṇī akiriyā akaraṇaṃ anajjhāpatti velāanatikkamo setughāto sammākammanto maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammākammanto’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาอาชีโว? ยา มิจฺฉา อาชีวา อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต สมฺมาอาชีโว มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาอาชีโว’’ฯ
Tattha katamo sammāājīvo? Yā micchā ājīvā ārati virati paṭivirati veramaṇī akiriyā akaraṇaṃ anajjhāpatti velāanatikkamo setughāto sammāājīvo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāājīvo’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาวายาโม? โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ 11 …เป.… สมฺมาวายาโม วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาวายาโม’’ฯ
Tattha katamo sammāvāyāmo? Yo cetasiko vīriyārambho 12 …pe… sammāvāyāmo vīriyasambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāvāyāmo’’.
ตตฺถ กตมา สมฺมาสติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ สติสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสติ’’ฯ
Tattha katamā sammāsati? Yā sati anussati…pe… sammāsati satisambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsati’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสมาธิ? ยา จิตฺตสฺส ฐิติ สณฺฐิติ…เป.… สมฺมาสมาธิ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสมาธิ’’ฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamo sammāsamādhi? Yā cittassa ṭhiti saṇṭhiti…pe… sammāsamādhi samādhisambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsamādhi’’. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๐๗. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
207. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca avasesā ca kilesā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา, วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ อยํ วุจฺจติ – ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā, vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi. Ayaṃ vuccati – ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๐๘. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
208. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ, อวเสสานญฺจ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ, avasesānañca akusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๐๙. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
209. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ, อวเสสานญฺจ อกุสลานํ ธมฺมานํ, ติณฺณญฺจ กุสลมูลานํ สาสวานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ, avasesānañca akusalānaṃ dhammānaṃ, tiṇṇañca kusalamūlānaṃ sāsavānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๑๐. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ, อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
210. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca, avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? สาสวา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Sāsavā kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ, อวเสสานญฺจ อกุสลานํ ธมฺมานํ, ติณฺณญฺจ กุสลมูลานํ สาสวานํ, อวเสสานญฺจ สาสวานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ, avasesānañca akusalānaṃ dhammānaṃ, tiṇṇañca kusalamūlānaṃ sāsavānaṃ, avasesānañca sāsavānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา, วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā, vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๑๑. จตฺตาริ สจฺจานิ – ทุกฺขํ, ทุกฺขสมุทโย, ทุกฺขนิโรโธ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาฯ
211. Cattāri saccāni – dukkhaṃ, dukkhasamudayo, dukkhanirodho, dukkhanirodhagāminī paṭipadā.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา, วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā, vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi.
ตตฺถ กตมา สมฺมาทิฎฺฐิ? ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ’’ฯ
Tattha katamā sammādiṭṭhi? Yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi dhammavicayasambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammādiṭṭhi’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสงฺกโปฺป? โย ตโกฺก วิตโกฺก…เป.… สมฺมาสงฺกโปฺป มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสงฺกโปฺป’’ฯ
Tattha katamo sammāsaṅkappo? Yo takko vitakko…pe… sammāsaṅkappo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsaṅkappo’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาวายาโม? โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ…เป.… สมฺมาวายาโม วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาวายาโม’’ฯ
Tattha katamo sammāvāyāmo? Yo cetasiko vīriyārambho…pe… sammāvāyāmo vīriyasambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāvāyāmo’’.
ตตฺถ กตมา สมฺมาสติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ สติสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสติ’’ฯ
Tattha katamā sammāsati? Yā sati anussati…pe… sammāsati satisambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsati’’.
ตตฺถ กตโม สมฺมาสมาธิ? ยา จิตฺตสฺส ฐิติ…เป.… สมฺมาสมาธิ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สมฺมาสมาธิ’’ฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamo sammāsamādhi? Yā cittassa ṭhiti…pe… sammāsamādhi samādhisambojjhaṅgo maggaṅgaṃ maggapariyāpannaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘sammāsamādhi’’. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๑๒. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ, อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ , อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
212. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca, avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni , avasesā ca sāsavā kusalā dhammā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? สาสวา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Sāsavā kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ, อวเสสานญฺจ อกุสลานํ ธมฺมานํ, ติณฺณญฺจ กุสลมูลานํ สาสวานํ, อวเสสานญฺจ สาสวานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ, avasesānañca akusalānaṃ dhammānaṃ, tiṇṇañca kusalamūlānaṃ sāsavānaṃ, avasesānañca sāsavānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา, วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหติ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตาฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā, vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgiko maggo hoti – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’. Avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā.
๒๑๓. จตฺตาริ สจฺจานิ – ทุกฺขํ, ทุกฺขสมุทโย, ทุกฺขนิโรโธ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาฯ
213. Cattāri saccāni – dukkhaṃ, dukkhasamudayo, dukkhanirodho, dukkhanirodhagāminī paṭipadā.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา, สาสวา จ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā, sāsavā ca kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’.
๒๑๔. ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา จ, อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ฯ
214. Tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā ca, avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhasamudayo’’.
ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? สาสวา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา, สพฺพญฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ
Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Sāsavā kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākā, ye ca dhammā kiriyā neva kusalā nākusalā na ca kammavipākā, sabbañca rūpaṃ – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’.
ตตฺถ กตโม ทุกฺขนิโรโธ? ตณฺหาย จ, อวเสสานญฺจ กิเลสานํ, อวเสสานญฺจ อกุสลานํ ธมฺมานํ, ติณฺณญฺจ กุสลมูลานํ สาสวานํ, อวเสสานญฺจ สาสวานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรโธ’’ฯ
Tattha katamo dukkhanirodho? Taṇhāya ca, avasesānañca kilesānaṃ, avasesānañca akusalānaṃ dhammānaṃ, tiṇṇañca kusalamūlānaṃ sāsavānaṃ, avasesānañca sāsavānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodho’’.
ตตฺถ กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ฯ
Tattha katamā dukkhanirodhagāminī paṭipadā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ayaṃ vuccati ‘‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’.
อภิธมฺมภาชนียํฯ
Abhidhammabhājanīyaṃ.
๓. ปญฺหาปุจฺฉกํ
3. Pañhāpucchakaṃ
๒๑๕. จตฺตาริ อริยสจฺจานิ – ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํฯ
215. Cattāri ariyasaccāni – dukkhaṃ ariyasaccaṃ, dukkhasamudayaṃ ariyasaccaṃ, dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ.
๒๑๖. จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ กติ กุสลา, กติ อกุสลา, กติ อพฺยากตา…เป.… กติ สรณา, กติ อรณา?
216. Catunnaṃ ariyasaccānaṃ kati kusalā, kati akusalā, kati abyākatā…pe… kati saraṇā, kati araṇā?
๑. ติกํ
1. Tikaṃ
๒๑๗. สมุทยสจฺจํ อกุสลํฯ มคฺคสจฺจํ กุสลํฯ นิโรธสจฺจํ อพฺยากตํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํฯ เทฺว สจฺจา สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตาฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา วิปากธมฺมธมฺมาฯ นิโรธสจฺจํ เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา วิปากํ, สิยา วิปากธมฺมธมฺมํ, สิยา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํฯ สมุทยสจฺจํ อนุปาทินฺนุปาทานิยํฯ เทฺว สจฺจา อนุปาทินฺนอนุปาทานิยาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทินฺนุปาทานิยํ, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยํฯ
217. Samudayasaccaṃ akusalaṃ. Maggasaccaṃ kusalaṃ. Nirodhasaccaṃ abyākataṃ. Dukkhasaccaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ. Dve saccā siyā sukhāya vedanāya sampayuttā, siyā adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttā. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘sukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘dukkhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā sukhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā dukkhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘sukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘dukkhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi. Dve saccā vipākadhammadhammā. Nirodhasaccaṃ nevavipākanavipākadhammadhammaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā vipākaṃ, siyā vipākadhammadhammaṃ, siyā nevavipākanavipākadhammadhammaṃ. Samudayasaccaṃ anupādinnupādāniyaṃ. Dve saccā anupādinnaanupādāniyā. Dukkhasaccaṃ siyā upādinnupādāniyaṃ, siyā anupādinnupādāniyaṃ.
สมุทยสจฺจํ สํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกํฯ เทฺว สจฺจา อสํกิลิฎฺฐอสํกิเลสิกาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกํ, สิยา อสํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกํฯ สมุทยสจฺจํ สวิตกฺกสวิจารํฯ นิโรธสจฺจํ อวิตกฺกอวิจารํฯ มคฺคสจฺจํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สวิตกฺกสวิจาร’’นฺติปิ, ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺต’’นฺติปิ, ‘‘อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา สิยา ปีติสหคตา, สิยา สุขสหคตา, สิยา อุเปกฺขาสหคตาฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปีติสหคต’’นฺติปิ, ‘‘สุขสหคต’’นฺติปิ, ‘‘อุเปกฺขาสหคต’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปีติสหคตํ, สิยา สุขสหคตํ, สิยา อุเปกฺขาสหคตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปีติสหคต’’นฺติปิ, ‘‘สุขสหคต’’นฺติปิ, ‘‘อุเปกฺขาสหคต’’นฺติปิฯ
Samudayasaccaṃ saṃkiliṭṭhasaṃkilesikaṃ. Dve saccā asaṃkiliṭṭhaasaṃkilesikā. Dukkhasaccaṃ siyā saṃkiliṭṭhasaṃkilesikaṃ, siyā asaṃkiliṭṭhasaṃkilesikaṃ. Samudayasaccaṃ savitakkasavicāraṃ. Nirodhasaccaṃ avitakkaavicāraṃ. Maggasaccaṃ siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāraṃ. Dukkhasaccaṃ siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāraṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘savitakkasavicāra’’ntipi, ‘‘avitakkavicāramatta’’ntipi, ‘‘avitakkaavicāra’’ntipi. Dve saccā siyā pītisahagatā, siyā sukhasahagatā, siyā upekkhāsahagatā. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘pītisahagata’’ntipi, ‘‘sukhasahagata’’ntipi, ‘‘upekkhāsahagata’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā pītisahagataṃ, siyā sukhasahagataṃ, siyā upekkhāsahagataṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘pītisahagata’’ntipi, ‘‘sukhasahagata’’ntipi, ‘‘upekkhāsahagata’’ntipi.
เทฺว สจฺจา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ สมุทยสจฺจํ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพํ, สิยา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพํฯ เทฺว สจฺจา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ สมุทยสจฺจํ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกํ, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกํ ฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกํ, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกํ, สิยา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกํฯ สมุทยสจฺจํ อาจยคามิฯ มคฺคสจฺจํ อปจยคามิฯ นิโรธสจฺจํ เนวาจยคามินาปจยคามิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาจยคามิ, สิยา เนวาจยคามินาปจยคามิฯ มคฺคสจฺจํ เสกฺขํฯ ตีณิ สจฺจานิ เนวเสกฺขนาเสกฺขาฯ สมุทยสจฺจํ ปริตฺตํ ฯ เทฺว สจฺจา อปฺปมาณาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปริตฺตํ, สิยา มหคฺคตํฯ นิโรธสจฺจํ อนารมฺมณํฯ มคฺคสจฺจํ อปฺปมาณารมฺมณํฯ สมุทยสจฺจํ สิยา ปริตฺตารมฺมณํ, สิยา มหคฺคตารมฺมณํ น อปฺปมาณารมฺมณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปริตฺตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘มหคฺคตารมฺมณ’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปริตฺตารมฺมณํ, สิยา มหคฺคตารมฺมณํ, สิยา อปฺปมาณารมฺมณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปริตฺตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘มหคฺคตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติปิฯ
Dve saccā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbā. Samudayasaccaṃ siyā dassanena pahātabbaṃ, siyā bhāvanāya pahātabbaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā dassanena pahātabbaṃ, siyā bhāvanāya pahātabbaṃ, siyā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbaṃ. Dve saccā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbahetukā. Samudayasaccaṃ siyā dassanena pahātabbahetukaṃ, siyā bhāvanāya pahātabbahetukaṃ . Dukkhasaccaṃ siyā dassanena pahātabbahetukaṃ, siyā bhāvanāya pahātabbahetukaṃ, siyā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbahetukaṃ. Samudayasaccaṃ ācayagāmi. Maggasaccaṃ apacayagāmi. Nirodhasaccaṃ nevācayagāmināpacayagāmi. Dukkhasaccaṃ siyā ācayagāmi, siyā nevācayagāmināpacayagāmi. Maggasaccaṃ sekkhaṃ. Tīṇi saccāni nevasekkhanāsekkhā. Samudayasaccaṃ parittaṃ . Dve saccā appamāṇā. Dukkhasaccaṃ siyā parittaṃ, siyā mahaggataṃ. Nirodhasaccaṃ anārammaṇaṃ. Maggasaccaṃ appamāṇārammaṇaṃ. Samudayasaccaṃ siyā parittārammaṇaṃ, siyā mahaggatārammaṇaṃ na appamāṇārammaṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parittārammaṇa’’ntipi, ‘‘mahaggatārammaṇa’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā parittārammaṇaṃ, siyā mahaggatārammaṇaṃ, siyā appamāṇārammaṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parittārammaṇa’’ntipi, ‘‘mahaggatārammaṇa’’ntipi, ‘‘appamāṇārammaṇa’’ntipi.
สมุทยสจฺจํ หีนํฯ เทฺว สจฺจา ปณีตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา หีนํ, สิยา มชฺฌิมํฯ นิโรธสจฺจํ อนิยตํฯ มคฺคสจฺจํ สมฺมตฺตนิยตํฯ เทฺว สจฺจา สิยา มิจฺฉตฺตนิยตา, สิยา อนิยตาฯ นิโรธสจฺจํ อนารมฺมณํฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘มคฺคารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘มคฺคเหตุก’’นฺติปิ, ‘‘มคฺคาธิปตี’’ติปิฯ มคฺคสจฺจํ น มคฺคารมฺมณํ มคฺคเหตุกํ, สิยา มคฺคาธิปติ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘มคฺคาธิปตี’’ติฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา มคฺคารมฺมณํ น มคฺคเหตุกํ, สิยา มคฺคาธิปติ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘มคฺคารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘มคฺคาธิปตี’’ติปิฯ เทฺว สจฺจา สิยา อุปฺปนฺนา, สิยา อนุปฺปนฺนา, น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปฺปาทิโน’’ติฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติปิ, ‘‘อนุปฺปนฺน’’นฺติปิ, ‘‘อุปฺปาที’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปฺปนฺนํ, สิยา อนุปฺปนฺนํ, สิยา อุปฺปาทิฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา อตีตา, สิยา อนาคตา, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนาฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อตีต’’นฺติปิ, ‘‘อนาคต’’นฺติปิ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติปิฯ นิโรธสจฺจํ อนารมฺมณํฯ มคฺคสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อตีตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘อนาคตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณ’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา สิยา อตีตารมฺมณา, สิยา อนาคตารมฺมณา, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อตีตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘อนาคตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติปิฯ นิโรธสจฺจํ พหิทฺธาฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา อชฺฌตฺตา, สิยา พหิทฺธา, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธาฯ นิโรธสจฺจํ อนารมฺมณํฯ มคฺคสจฺจํ พหิทฺธารมฺมณํฯ สมุทยสจฺจํ สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณํ, สิยา พหิทฺธารมฺมณํ, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณํ, สิยา พหิทฺธารมฺมณํ, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ , สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘พหิทฺธารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณ’’นฺติปิฯ ตีณิ สจฺจานิ อนิทสฺสนอปฺปฎิฆาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สนิทสฺสนสปฺปฎิฆํ, สิยา อนิทสฺสนสปฺปฎิฆํ, สิยา อนิทสฺสนอปฺปฎิฆํฯ
Samudayasaccaṃ hīnaṃ. Dve saccā paṇītā. Dukkhasaccaṃ siyā hīnaṃ, siyā majjhimaṃ. Nirodhasaccaṃ aniyataṃ. Maggasaccaṃ sammattaniyataṃ. Dve saccā siyā micchattaniyatā, siyā aniyatā. Nirodhasaccaṃ anārammaṇaṃ. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘maggārammaṇa’’ntipi, ‘‘maggahetuka’’ntipi, ‘‘maggādhipatī’’tipi. Maggasaccaṃ na maggārammaṇaṃ maggahetukaṃ, siyā maggādhipati, siyā na vattabbaṃ – ‘‘maggādhipatī’’ti. Dukkhasaccaṃ siyā maggārammaṇaṃ na maggahetukaṃ, siyā maggādhipati, siyā na vattabbaṃ – ‘‘maggārammaṇa’’ntipi, ‘‘maggādhipatī’’tipi. Dve saccā siyā uppannā, siyā anuppannā, na vattabbā – ‘‘uppādino’’ti. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘uppanna’’ntipi, ‘‘anuppanna’’ntipi, ‘‘uppādī’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā uppannaṃ, siyā anuppannaṃ, siyā uppādi. Tīṇi saccāni siyā atītā, siyā anāgatā, siyā paccuppannā. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘atīta’’ntipi, ‘‘anāgata’’ntipi, ‘‘paccuppanna’’ntipi. Nirodhasaccaṃ anārammaṇaṃ. Maggasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘atītārammaṇa’’ntipi, ‘‘anāgatārammaṇa’’ntipi, ‘‘paccuppannārammaṇa’’ntipi. Dve saccā siyā atītārammaṇā, siyā anāgatārammaṇā, siyā paccuppannārammaṇā, siyā na vattabbā – ‘‘atītārammaṇā’’tipi, ‘‘anāgatārammaṇā’’tipi, ‘‘paccuppannārammaṇā’’tipi. Nirodhasaccaṃ bahiddhā. Tīṇi saccāni siyā ajjhattā, siyā bahiddhā, siyā ajjhattabahiddhā. Nirodhasaccaṃ anārammaṇaṃ. Maggasaccaṃ bahiddhārammaṇaṃ. Samudayasaccaṃ siyā ajjhattārammaṇaṃ, siyā bahiddhārammaṇaṃ, siyā ajjhattabahiddhārammaṇaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā ajjhattārammaṇaṃ, siyā bahiddhārammaṇaṃ, siyā ajjhattabahiddhārammaṇaṃ , siyā na vattabbaṃ – ‘‘ajjhattārammaṇa’’ntipi, ‘‘bahiddhārammaṇa’’ntipi, ‘‘ajjhattabahiddhārammaṇa’’ntipi. Tīṇi saccāni anidassanaappaṭighā. Dukkhasaccaṃ siyā sanidassanasappaṭighaṃ, siyā anidassanasappaṭighaṃ, siyā anidassanaappaṭighaṃ.
๒. ทุกํ
2. Dukaṃ
๒๑๘. สมุทยสจฺจํ เหตุฯ นิโรธสจฺจํ น เหตุฯ เทฺว สจฺจา สิยา เหตู, สิยา น เหตูฯ เทฺว สจฺจา สเหตุกาฯ นิโรธสจฺจํ อเหตุกํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สเหตุกํ, สิยา อเหตุกํฯ เทฺว สจฺจา เหตุสมฺปยุตฺตาฯ นิโรธสจฺจํ เหตุวิปฺปยุตฺตํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา เหตุสมฺปยุตฺตํ, สิยา เหตุวิปฺปยุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ เหตุ เจว สเหตุกญฺจฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว สเหตุกญฺจา’’ติปิ, ‘‘สเหตุกเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ มคฺคสจฺจํ สิยา เหตุ เจว สเหตุกญฺจ, สิยา สเหตุกเญฺจว น จ เหตุฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา เหตุ เจว สเหตุกญฺจ, สิยา สเหตุกเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว สเหตุกญฺจา’’ติปิ, ‘‘สเหตุกเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ สมุทยสจฺจํ เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจฯ นิโรธสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ มคฺคสจฺจํ สิยา เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตุฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ นิโรธสจฺจํ น เหตุอเหตุกํฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘น เหตุสเหตุก’’นฺติปิ, ‘‘น เหตุอเหตุก’’นฺติปิฯ มคฺคสจฺจํ สิยา น เหตุสเหตุกํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘น เหตุสเหตุก’’นฺติปิ, ‘‘น เหตุอเหตุก’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา น เหตุสเหตุกํ, สิยา น เหตุอเหตุกํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘น เหตุสเหตุก’’นฺติปิ, ‘‘น เหตุอเหตุก’’นฺติปิฯ
218. Samudayasaccaṃ hetu. Nirodhasaccaṃ na hetu. Dve saccā siyā hetū, siyā na hetū. Dve saccā sahetukā. Nirodhasaccaṃ ahetukaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā sahetukaṃ, siyā ahetukaṃ. Dve saccā hetusampayuttā. Nirodhasaccaṃ hetuvippayuttaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā hetusampayuttaṃ, siyā hetuvippayuttaṃ. Samudayasaccaṃ hetu ceva sahetukañca. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva sahetukañcā’’tipi, ‘‘sahetukañceva na ca hetū’’tipi. Maggasaccaṃ siyā hetu ceva sahetukañca, siyā sahetukañceva na ca hetu. Dukkhasaccaṃ siyā hetu ceva sahetukañca, siyā sahetukañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva sahetukañcā’’tipi, ‘‘sahetukañceva na ca hetū’’tipi. Samudayasaccaṃ hetu ceva hetusampayuttañca. Nirodhasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva hetusampayuttañcā’’tipi, ‘‘hetusampayuttañceva na ca hetū’’tipi. Maggasaccaṃ siyā hetu ceva hetusampayuttañca, siyā hetusampayuttañceva na ca hetu. Dukkhasaccaṃ siyā hetu ceva hetusampayuttañca, siyā hetusampayuttañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva hetusampayuttañcā’’tipi, ‘‘hetusampayuttañceva na ca hetū’’tipi. Nirodhasaccaṃ na hetuahetukaṃ. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘na hetusahetuka’’ntipi, ‘‘na hetuahetuka’’ntipi. Maggasaccaṃ siyā na hetusahetukaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘na hetusahetuka’’ntipi, ‘‘na hetuahetuka’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā na hetusahetukaṃ, siyā na hetuahetukaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘na hetusahetuka’’ntipi, ‘‘na hetuahetuka’’ntipi.
ตีณิ สจฺจานิ สปฺปจฺจยาฯ นิโรธสจฺจํ อปฺปจฺจยํฯ ตีณิ สจฺจานิ สงฺขตาฯ นิโรธสจฺจํ อสงฺขตํฯ ตีณิ สจฺจานิ อนิทสฺสนาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สนิทสฺสนํ, สิยา อนิทสฺสนํฯ ตีณิ สจฺจานิ อปฺปฎิฆาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สปฺปฎิฆํ, สิยา อปฺปฎิฆํฯ ตีณิ สจฺจานิ อรูปานิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา รูปํ, สิยา อรูปํฯ เทฺว สจฺจา โลกิยาฯ เทฺว สจฺจา โลกุตฺตรา; เกนจิ วิเญฺญยฺยา, เกนจิ น วิเญฺญยฺยาฯ
Tīṇi saccāni sappaccayā. Nirodhasaccaṃ appaccayaṃ. Tīṇi saccāni saṅkhatā. Nirodhasaccaṃ asaṅkhataṃ. Tīṇi saccāni anidassanā. Dukkhasaccaṃ siyā sanidassanaṃ, siyā anidassanaṃ. Tīṇi saccāni appaṭighā. Dukkhasaccaṃ siyā sappaṭighaṃ, siyā appaṭighaṃ. Tīṇi saccāni arūpāni. Dukkhasaccaṃ siyā rūpaṃ, siyā arūpaṃ. Dve saccā lokiyā. Dve saccā lokuttarā; kenaci viññeyyā, kenaci na viññeyyā.
สมุทยสจฺจํ อาสโวฯ เทฺว สจฺจา โน อาสวาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาสโว, สิยา โน อาสโวฯ เทฺว สจฺจา สาสวาฯ เทฺว สจฺจา อนาสวา ฯ สมุทยสจฺจํ อาสวสมฺปยุตฺตํฯ เทฺว สจฺจา อาสววิปฺปยุตฺตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาสวสมฺปยุตฺตํ, สิยา อาสววิปฺปยุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ อาสโว เจว สาสวญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘อาสวา เจว สาสวา จา’’ติปิ, ‘‘สาสวา เจว โน จ อาสวา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาสโว เจว สาสวญฺจ, สิยา สาสวเญฺจว โน จ อาสโวฯ สมุทยสจฺจํ อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘อาสวสมฺปยุตฺตา เจว โน จ อาสวา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจ , สิยา อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว’’ติปิฯ เทฺว สจฺจา อาสววิปฺปยุตฺตอนาสวาฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตสาสว’’นฺติปิ, ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตอนาสว’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อาสววิปฺปยุตฺตสาสวํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตสาสว’’นฺติปิ, ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตอนาสว’’นฺติปิฯ
Samudayasaccaṃ āsavo. Dve saccā no āsavā. Dukkhasaccaṃ siyā āsavo, siyā no āsavo. Dve saccā sāsavā. Dve saccā anāsavā . Samudayasaccaṃ āsavasampayuttaṃ. Dve saccā āsavavippayuttā. Dukkhasaccaṃ siyā āsavasampayuttaṃ, siyā āsavavippayuttaṃ. Samudayasaccaṃ āsavo ceva sāsavañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘āsavā ceva sāsavā cā’’tipi, ‘‘sāsavā ceva no ca āsavā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā āsavo ceva sāsavañca, siyā sāsavañceva no ca āsavo. Samudayasaccaṃ āsavo ceva āsavasampayuttañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘āsavā ceva āsavasampayuttā cā’’tipi, ‘‘āsavasampayuttā ceva no ca āsavā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā āsavo ceva āsavasampayuttañca , siyā āsavasampayuttañceva no ca āsavo, siyā na vattabbaṃ – ‘‘āsavo ceva āsavasampayuttañcā’’tipi, ‘‘āsavasampayuttañceva no ca āsavo’’tipi. Dve saccā āsavavippayuttaanāsavā. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘āsavavippayuttasāsava’’ntipi, ‘‘āsavavippayuttaanāsava’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā āsavavippayuttasāsavaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘āsavavippayuttasāsava’’ntipi, ‘‘āsavavippayuttaanāsava’’ntipi.
สมุทยสจฺจํ สํโยชนํฯ เทฺว สจฺจา โน สํโยชนาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํโยชนํ, สิยา โน สํโยชนํฯ เทฺว สจฺจา สํโยชนิยาฯ เทฺว สจฺจา อสํโยชนิยาฯ สมุทยสจฺจํ สํโยชนสมฺปยุตฺตํฯ เทฺว สจฺจา สํโยชนวิปฺปยุตฺตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํโยชนสมฺปยุตฺตํ, สิยา สํโยชนวิปฺปยุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ สํโยชนเญฺจว สํโยชนิยญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘สํโยชนา เจว สํโยชนิยา จา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนิยา เจว โน จ สํโยชนา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํโยชนเญฺจว สํโยชนิยญฺจ, สิยา สํโยชนิยเญฺจว โน จ สํโยชนํฯ สมุทยสจฺจํ สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘สํโยชนา เจว สํโยชนสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนสมฺปยุตฺตา เจว โน จ สํโยชนา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชน’’นฺติปิ ฯ เทฺว สจฺจา สํโยชนวิปฺปยุตฺตอสํโยชนิยาฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิย’’นฺติปิ, ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตอสํโยชนิย’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิยํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิย’’นฺติปิ, ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตอสํโยชนิย’’นฺติปิฯ
Samudayasaccaṃ saṃyojanaṃ. Dve saccā no saṃyojanā. Dukkhasaccaṃ siyā saṃyojanaṃ, siyā no saṃyojanaṃ. Dve saccā saṃyojaniyā. Dve saccā asaṃyojaniyā. Samudayasaccaṃ saṃyojanasampayuttaṃ. Dve saccā saṃyojanavippayuttā. Dukkhasaccaṃ siyā saṃyojanasampayuttaṃ, siyā saṃyojanavippayuttaṃ. Samudayasaccaṃ saṃyojanañceva saṃyojaniyañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘saṃyojanā ceva saṃyojaniyā cā’’tipi, ‘‘saṃyojaniyā ceva no ca saṃyojanā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā saṃyojanañceva saṃyojaniyañca, siyā saṃyojaniyañceva no ca saṃyojanaṃ. Samudayasaccaṃ saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘saṃyojanā ceva saṃyojanasampayuttā cā’’tipi, ‘‘saṃyojanasampayuttā ceva no ca saṃyojanā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañca, siyā saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojanaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañcā’’tipi, ‘‘saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojana’’ntipi . Dve saccā saṃyojanavippayuttaasaṃyojaniyā. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanavippayuttasaṃyojaniya’’ntipi, ‘‘saṃyojanavippayuttaasaṃyojaniya’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā saṃyojanavippayuttasaṃyojaniyaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanavippayuttasaṃyojaniya’’ntipi, ‘‘saṃyojanavippayuttaasaṃyojaniya’’ntipi.
สมุทยสจฺจํ คโนฺถฯ เทฺว สจฺจา โน คนฺถาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา คโนฺถ, สิยา โน คโนฺถฯ เทฺว สจฺจา คนฺถนิยาฯ เทฺว สจฺจา อคนฺถนิยาฯ เทฺว สจฺจา คนฺถวิปฺปยุตฺตาฯ เทฺว สจฺจา สิยา คนฺถสมฺปยุตฺตา, สิยา คนฺถวิปฺปยุตฺตาฯ สมุทยสจฺจํ คโนฺถ เจว คนฺถนิยญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถา เจว คนฺถนิยา จา’’ติปิ, ‘‘คนฺถนิยา เจว โน จ คนฺถา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา คโนฺถ เจว คนฺถนิยญฺจ, สิยา คนฺถนิยเญฺจว โน จ คโนฺถฯ สมุทยสจฺจํ คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจ , สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติปิฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตา เจว โน จ คนฺถา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติปิฯ เทฺว สจฺจา คนฺถวิปฺปยุตฺตอคนฺถนิยาฯ เทฺว สจฺจา สิยา คนฺถวิปฺปยุตฺตคนฺถนิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถวิปฺปยุตฺตคนฺถนิยา’’ติปิ, ‘‘คนฺถวิปฺปยุตฺตอคนฺถนิยา’’ติปิฯ
Samudayasaccaṃ gantho. Dve saccā no ganthā. Dukkhasaccaṃ siyā gantho, siyā no gantho. Dve saccā ganthaniyā. Dve saccā aganthaniyā. Dve saccā ganthavippayuttā. Dve saccā siyā ganthasampayuttā, siyā ganthavippayuttā. Samudayasaccaṃ gantho ceva ganthaniyañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘ganthā ceva ganthaniyā cā’’tipi, ‘‘ganthaniyā ceva no ca ganthā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā gantho ceva ganthaniyañca, siyā ganthaniyañceva no ca gantho. Samudayasaccaṃ gantho ceva ganthasampayuttañca , siyā na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthasampayuttañcā’’tipi, ‘‘ganthasampayuttañceva no ca gantho’’tipi. Dve saccā na vattabbā – ‘‘ganthā ceva ganthasampayuttā cā’’tipi, ‘‘ganthasampayuttā ceva no ca ganthā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā gantho ceva ganthasampayuttañca, siyā ganthasampayuttañceva no ca gantho, siyā na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthasampayuttañcā’’tipi, ‘‘ganthasampayuttañceva no ca gantho’’tipi. Dve saccā ganthavippayuttaaganthaniyā. Dve saccā siyā ganthavippayuttaganthaniyā, siyā na vattabbā – ‘‘ganthavippayuttaganthaniyā’’tipi, ‘‘ganthavippayuttaaganthaniyā’’tipi.
สมุทยสจฺจํ โอโฆ…เป.… โยโค…เป.… นีวรณํฯ เทฺว สจฺจา โน นีวรณาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา นีวรณํ, สิยา โน นีวรณํฯ เทฺว สจฺจา นีวรณิยา เทฺว สจฺจา อนีวรณิยาฯ สมุทยสจฺจํ นีวรณสมฺปยุตฺตํฯ เทฺว สจฺจา นีวรณวิปฺปยุตฺตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา นีวรณสมฺปยุตฺตํ, สิยา นีวรณวิปฺปยุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ นีวรณเญฺจว นีวรณิยญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘นีวรณา เจว นีวรณิยา จา’’ติปิ, ‘‘นีวรณิยา เจว โน จ นีวรณา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา นีวรณเญฺจว นีวรณิยญฺจ, สิยา นีวรณิยเญฺจว โน จ นีวรณํฯ สมุทยสจฺจํ นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘นีวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘นีวรณสมฺปยุตฺตา เจว โน จ นีวรณา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ , ‘‘นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณ’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา นีวรณวิปฺปยุตฺตอนีวรณิยาฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิย’’นฺติปิ, ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตอนีวรณิย’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิยํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิย’’นฺติปิ, ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตอนีวรณิย’’นฺติปิฯ
Samudayasaccaṃ ogho…pe… yogo…pe… nīvaraṇaṃ. Dve saccā no nīvaraṇā. Dukkhasaccaṃ siyā nīvaraṇaṃ, siyā no nīvaraṇaṃ. Dve saccā nīvaraṇiyā dve saccā anīvaraṇiyā. Samudayasaccaṃ nīvaraṇasampayuttaṃ. Dve saccā nīvaraṇavippayuttā. Dukkhasaccaṃ siyā nīvaraṇasampayuttaṃ, siyā nīvaraṇavippayuttaṃ. Samudayasaccaṃ nīvaraṇañceva nīvaraṇiyañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘nīvaraṇā ceva nīvaraṇiyā cā’’tipi, ‘‘nīvaraṇiyā ceva no ca nīvaraṇā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā nīvaraṇañceva nīvaraṇiyañca, siyā nīvaraṇiyañceva no ca nīvaraṇaṃ. Samudayasaccaṃ nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘nīvaraṇā ceva nīvaraṇasampayuttā cā’’tipi, ‘‘nīvaraṇasampayuttā ceva no ca nīvaraṇā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañca, siyā nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañcā’’tipi , ‘‘nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇa’’ntipi. Dve saccā nīvaraṇavippayuttaanīvaraṇiyā. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiya’’ntipi, ‘‘nīvaraṇavippayuttaanīvaraṇiya’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiyaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiya’’ntipi, ‘‘nīvaraṇavippayuttaanīvaraṇiya’’ntipi.
ตีณิ สจฺจานิ โน ปรามาสาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปรามาโส, สิยา โน ปรามาโสฯ เทฺว สจฺจา ปรามฎฺฐาฯ เทฺว สจฺจา อปรามฎฺฐาฯ เทฺว สจฺจา ปรามาสวิปฺปยุตฺตาฯ สมุทยสจฺจํ สิยา ปรามาสสมฺปยุตฺตํ, สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปรามาสสมฺปยุตฺตํ, สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามาสสมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามาโส เจว ปรามฎฺฐญฺจา’’ติ, ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโสฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปรามาสา เจว ปรามฎฺฐา จา’’ติปิ , ‘‘ปรามฎฺฐา เจว โน จ ปรามาสา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา ปรามาโส เจว ปรามฎฺฐญฺจ, สิยา ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโสฯ เทฺว สจฺจา ปรามาสวิปฺปยุตฺตอปรามฎฺฐาฯ เทฺว สจฺจา สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตปรามฎฺฐา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺตปรามฎฺฐา’’ติปิ, ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺตอปรามฎฺฐา’’ติปิฯ
Tīṇi saccāni no parāmāsā. Dukkhasaccaṃ siyā parāmāso, siyā no parāmāso. Dve saccā parāmaṭṭhā. Dve saccā aparāmaṭṭhā. Dve saccā parāmāsavippayuttā. Samudayasaccaṃ siyā parāmāsasampayuttaṃ, siyā parāmāsavippayuttaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā parāmāsasampayuttaṃ, siyā parāmāsavippayuttaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parāmāsasampayutta’’ntipi, ‘‘parāmāsavippayutta’’ntipi. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘parāmāso ceva parāmaṭṭhañcā’’ti, parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso. Dve saccā na vattabbā – ‘‘parāmāsā ceva parāmaṭṭhā cā’’tipi , ‘‘parāmaṭṭhā ceva no ca parāmāsā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā parāmāso ceva parāmaṭṭhañca, siyā parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso. Dve saccā parāmāsavippayuttaaparāmaṭṭhā. Dve saccā siyā parāmāsavippayuttaparāmaṭṭhā, siyā na vattabbā – ‘‘parāmāsavippayuttaparāmaṭṭhā’’tipi, ‘‘parāmāsavippayuttaaparāmaṭṭhā’’tipi.
เทฺว สจฺจา สารมฺมณาฯ นิโรธสจฺจํ อนารมฺมณํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สารมฺมณํ, สิยา อนารมฺมณํฯ ตีณิ สจฺจานิ โน จิตฺตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตํ, สิยา โน จิตฺตํฯ เทฺว สจฺจา เจตสิกาฯ นิโรธสจฺจํ อเจตสิกํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา เจตสิกํ, สิยา อเจตสิกํฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสมฺปยุตฺตา ฯ นิโรธสจฺจํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสมฺปยุตฺตํ, สิยา จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘จิเตฺตน สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘จิเตฺตน วิปฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสํสฎฺฐาฯ นิโรธสจฺจํ จิตฺตวิสํสฎฺฐํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐํ, สิยา จิตฺตวิสํสฎฺฐํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘จิเตฺตน สํสฎฺฐ’’นฺติปิ, ‘‘จิเตฺตน วิสํสฎฺฐ’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสมุฎฺฐานาฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตสมุฎฺฐานํฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสมุฎฺฐานํ, สิยา โน จิตฺตสมุฎฺฐานํฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสหภุโนฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตสหภูฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสหภู, สิยา โน จิตฺตสหภูฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตานุปริวตฺติโนฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตานุปริวตฺติฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตานุปริวตฺติ, สิยา โน จิตฺตานุปริวตฺติฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานาฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานํ ฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานํ, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานํฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภุโนฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภูฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภู, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภูฯ เทฺว สจฺจา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติโนฯ นิโรธสจฺจํ โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติ ฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติ, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติฯ ตีณิ สจฺจานิ พาหิราฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อชฺฌตฺตํ, สิยา พาหิรํฯ
Dve saccā sārammaṇā. Nirodhasaccaṃ anārammaṇaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā sārammaṇaṃ, siyā anārammaṇaṃ. Tīṇi saccāni no cittā. Dukkhasaccaṃ siyā cittaṃ, siyā no cittaṃ. Dve saccā cetasikā. Nirodhasaccaṃ acetasikaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā cetasikaṃ, siyā acetasikaṃ. Dve saccā cittasampayuttā . Nirodhasaccaṃ cittavippayuttaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā cittasampayuttaṃ, siyā cittavippayuttaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘cittena sampayutta’’ntipi, ‘‘cittena vippayutta’’ntipi. Dve saccā cittasaṃsaṭṭhā. Nirodhasaccaṃ cittavisaṃsaṭṭhaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhaṃ, siyā cittavisaṃsaṭṭhaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘cittena saṃsaṭṭha’’ntipi, ‘‘cittena visaṃsaṭṭha’’ntipi. Dve saccā cittasamuṭṭhānā. Nirodhasaccaṃ no cittasamuṭṭhānaṃ. Dukkhasaccaṃ siyā cittasamuṭṭhānaṃ, siyā no cittasamuṭṭhānaṃ. Dve saccā cittasahabhuno. Nirodhasaccaṃ no cittasahabhū. Dukkhasaccaṃ siyā cittasahabhū, siyā no cittasahabhū. Dve saccā cittānuparivattino. Nirodhasaccaṃ no cittānuparivatti. Dukkhasaccaṃ siyā cittānuparivatti, siyā no cittānuparivatti. Dve saccā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānā. Nirodhasaccaṃ no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānaṃ . Dukkhasaccaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānaṃ, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānaṃ. Dve saccā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhuno. Nirodhasaccaṃ no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhū. Dukkhasaccaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhū, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhū. Dve saccā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivattino. Nirodhasaccaṃ no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivatti . Dukkhasaccaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivatti, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivatti. Tīṇi saccāni bāhirā. Dukkhasaccaṃ siyā ajjhattaṃ, siyā bāhiraṃ.
ตีณิ สจฺจานิ โน อุปาทาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทา, สิยา โน อุปาทาฯ ตีณิ สจฺจานิ อนุปาทินฺนาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทินฺนํ, สิยา อนุปาทินฺนํฯ สมุทยสจฺจํ อุปาทานํฯ เทฺว สจฺจา โน อุปาทานาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทานํ, สิยา โน อุปาทานํฯ เทฺว สจฺจา อุปาทานิยาฯ เทฺว สจฺจา อนุปาทานิยาฯ เทฺว สจฺจา อุปาทานวิปฺปยุตฺตาฯ เทฺว สจฺจา สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตา, สิยา อุปาทานวิปฺปยุตฺตาฯ สมุทยสจฺจํ อุปาทานเญฺจว อุปาทานิยญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานา เจว อุปาทานิยา จา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานิยา เจว โน จ อุปาทานา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทานเญฺจว อุปาทานิยญฺจ, สิยา อุปาทานิยเญฺจว โน จ อุปาทานํฯ สมุทยสจฺจํ สิยา อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานา เจว อุปาทานสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตา เจว โน จ อุปาทานา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทานํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจา’’ ติปิ, ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติปิฯ เทฺว สจฺจา อุปาทานวิปฺปยุตฺตอนุปาทานิยาฯ เทฺว สจฺจา สิยา อุปาทานวิปฺปยุตฺตอุปาทานิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานวิปฺปยุตฺตอุปาทานิยา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานวิปฺปยุตฺตอนุปาทานิยา’’ติปิฯ
Tīṇi saccāni no upādā. Dukkhasaccaṃ siyā upādā, siyā no upādā. Tīṇi saccāni anupādinnā. Dukkhasaccaṃ siyā upādinnaṃ, siyā anupādinnaṃ. Samudayasaccaṃ upādānaṃ. Dve saccā no upādānā. Dukkhasaccaṃ siyā upādānaṃ, siyā no upādānaṃ. Dve saccā upādāniyā. Dve saccā anupādāniyā. Dve saccā upādānavippayuttā. Dve saccā siyā upādānasampayuttā, siyā upādānavippayuttā. Samudayasaccaṃ upādānañceva upādāniyañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘upādānā ceva upādāniyā cā’’tipi, ‘‘upādāniyā ceva no ca upādānā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā upādānañceva upādāniyañca, siyā upādāniyañceva no ca upādānaṃ. Samudayasaccaṃ siyā upādānañceva upādānasampayuttañca, siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādānañceva upādānasampayuttañcā’’tipi, ‘‘upādānasampayuttañceva no ca upādāna’’ntipi. Dve saccā na vattabbā – ‘‘upādānā ceva upādānasampayuttā cā’’tipi, ‘‘upādānasampayuttā ceva no ca upādānā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā upādānañceva upādānasampayuttañca, siyā upādānasampayuttañceva no ca upādānaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādānañceva upādānasampayuttañcā’’ tipi, ‘‘upādānasampayuttañceva no ca upādāna’’ntipi. Dve saccā upādānavippayuttaanupādāniyā. Dve saccā siyā upādānavippayuttaupādāniyā, siyā na vattabbā – ‘‘upādānavippayuttaupādāniyā’’tipi, ‘‘upādānavippayuttaanupādāniyā’’tipi.
สมุทยสจฺจํ กิเลโสฯ เทฺว สจฺจา โน กิเลสาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลโส, สิยา โน กิเลโสฯ เทฺว สจฺจา สํกิเลสิกาฯ เทฺว สจฺจา อสํกิเลสิกาฯ สมุทยสจฺจํ สํกิลิฎฺฐํฯ เทฺว สจฺจา อสํกิลิฎฺฐาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สํกิลิฎฺฐํ, สิยา อสํกิลิฎฺฐํฯ สมุทยสจฺจํ กิเลสสมฺปยุตฺตํฯ เทฺว สจฺจา กิเลสวิปฺปยุตฺตาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลสสมฺปยุตฺตํ, สิยา กิเลสวิปฺปยุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ กิเลโส เจว สํกิเลสิกญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว สํกิเลสิกา จา’’ติปิ, ‘‘สํกิเลสิกา เจว โน จ กิเลสา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลโส เจว สํกิเลสิกญฺจ, สิยา สํกิเลสิกเญฺจว โน จ กิเลโสฯ สมุทยสจฺจํ กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว สํกิลิฎฺฐา จา’’ติปิ, ‘‘สํกิลิฎฺฐา เจว โน จ กิเลสา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจ, สิยา สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจา’’ติปิ, ‘‘สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติปิฯ สมุทยสจฺจํ กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจฯ เทฺว สจฺจา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว กิเลสสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตา เจว โน จ กิเลสา’’ติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจ , สิยา กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจา’’ ติปิ, ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติปิฯ เทฺว สจฺจา กิเลสวิปฺปยุตฺตอสํกิเลสิกาฯ สมุทยสจฺจํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิก’’นฺติปิ, ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตอสํกิเลสิก’’นฺติปิฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิกํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิก’’นฺติปิ, ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตอสํกิเลสิก’’นฺติปิฯ
Samudayasaccaṃ kileso. Dve saccā no kilesā. Dukkhasaccaṃ siyā kileso, siyā no kileso. Dve saccā saṃkilesikā. Dve saccā asaṃkilesikā. Samudayasaccaṃ saṃkiliṭṭhaṃ. Dve saccā asaṃkiliṭṭhā. Dukkhasaccaṃ siyā saṃkiliṭṭhaṃ, siyā asaṃkiliṭṭhaṃ. Samudayasaccaṃ kilesasampayuttaṃ. Dve saccā kilesavippayuttā. Dukkhasaccaṃ siyā kilesasampayuttaṃ, siyā kilesavippayuttaṃ. Samudayasaccaṃ kileso ceva saṃkilesikañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva saṃkilesikā cā’’tipi, ‘‘saṃkilesikā ceva no ca kilesā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā kileso ceva saṃkilesikañca, siyā saṃkilesikañceva no ca kileso. Samudayasaccaṃ kileso ceva saṃkiliṭṭhañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva saṃkiliṭṭhā cā’’tipi, ‘‘saṃkiliṭṭhā ceva no ca kilesā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā kileso ceva saṃkiliṭṭhañca, siyā saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva saṃkiliṭṭhañcā’’tipi, ‘‘saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso’’tipi. Samudayasaccaṃ kileso ceva kilesasampayuttañca. Dve saccā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva kilesasampayuttā cā’’tipi, ‘‘kilesasampayuttā ceva no ca kilesā’’tipi. Dukkhasaccaṃ siyā kileso ceva kilesasampayuttañca , siyā kilesasampayuttañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva kilesasampayuttañcā’’ tipi, ‘‘kilesasampayuttañceva no ca kileso’’tipi. Dve saccā kilesavippayuttaasaṃkilesikā. Samudayasaccaṃ na vattabbaṃ – ‘‘kilesavippayuttasaṃkilesika’’ntipi, ‘‘kilesavippayuttaasaṃkilesika’’ntipi. Dukkhasaccaṃ siyā kilesavippayuttasaṃkilesikaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kilesavippayuttasaṃkilesika’’ntipi, ‘‘kilesavippayuttaasaṃkilesika’’ntipi.
เทฺว สจฺจา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพาฯ เทฺว สจฺจา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, สิยา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพาฯ เทฺว สจฺจา น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ เทฺว สจฺจา สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพา, สิยา น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ เทฺว สจฺจา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกาฯ เทฺว สจฺจา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกาฯ เทฺว สจฺจา น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ เทฺว สจฺจา สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ สมุทยสจฺจํ สวิตกฺกํฯ นิโรธสจฺจํ อวิตกฺกํฯ เทฺว สจฺจา สิยา สวิตกฺกา, สิยา อวิตกฺกาฯ สมุทยสจฺจํ สวิจารํฯ นิโรธสจฺจํ อวิจารํฯ เทฺว สจฺจา สิยา สวิจารา, สิยา อวิจาราฯ นิโรธสจฺจํ อปฺปีติกํฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา สปฺปีติกา, สิยา อปฺปีติกาฯ นิโรธสจฺจํ น ปีติสหคตํฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา ปีติสหคตา, สิยา น ปีติสหคตาฯ นิโรธสจฺจํ น สุขสหคตํฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา สุขสหคตา, สิยา น สุขสหคตาฯ นิโรธสจฺจํ น อุเปกฺขาสหคตํฯ ตีณิ สจฺจานิ สิยา อุเปกฺขาสหคตา, สิยา น อุเปกฺขาสหคตาฯ
Dve saccā na dassanena pahātabbā. Dve saccā siyā dassanena pahātabbā, siyā na dassanena pahātabbā. Dve saccā na bhāvanāya pahātabbā. Dve saccā siyā bhāvanāya pahātabbā, siyā na bhāvanāya pahātabbā. Dve saccā na dassanena pahātabbahetukā. Dve saccā siyā dassanena pahātabbahetukā, siyā na dassanena pahātabbahetukā. Dve saccā na bhāvanāya pahātabbahetukā. Dve saccā siyā bhāvanāya pahātabbahetukā, siyā na bhāvanāya pahātabbahetukā. Samudayasaccaṃ savitakkaṃ. Nirodhasaccaṃ avitakkaṃ. Dve saccā siyā savitakkā, siyā avitakkā. Samudayasaccaṃ savicāraṃ. Nirodhasaccaṃ avicāraṃ. Dve saccā siyā savicārā, siyā avicārā. Nirodhasaccaṃ appītikaṃ. Tīṇi saccāni siyā sappītikā, siyā appītikā. Nirodhasaccaṃ na pītisahagataṃ. Tīṇi saccāni siyā pītisahagatā, siyā na pītisahagatā. Nirodhasaccaṃ na sukhasahagataṃ. Tīṇi saccāni siyā sukhasahagatā, siyā na sukhasahagatā. Nirodhasaccaṃ na upekkhāsahagataṃ. Tīṇi saccāni siyā upekkhāsahagatā, siyā na upekkhāsahagatā.
สมุทยสจฺจํ กามาวจรํฯ เทฺว สจฺจา น กามาวจราฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา กามาวจรํ, สิยา น กามาวจรํฯ ตีณิ สจฺจานิ น รูปาวจราฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา รูปาวจรํ, สิยา น รูปาวจรํฯ ตีณิ สจฺจานิ น อรูปาวจราฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา อรูปาวจรํ, สิยา น อรูปาวจรํฯ เทฺว สจฺจา ปริยาปนฺนาฯ เทฺว สจฺจา อปริยาปนฺนาฯ มคฺคสจฺจํ นิยฺยานิกํฯ ตีณิ สจฺจานิ อนิยฺยานิกาฯ มคฺคสจฺจํ นิยตํฯ นิโรธสจฺจํ อนิยตํฯ เทฺว สจฺจา สิยา นิยตา, สิยา อนิยตาฯ เทฺว สจฺจา สอุตฺตราฯ เทฺว สจฺจา อนุตฺตราฯ สมุทยสจฺจํ สรณํฯ เทฺว สจฺจา อรณาฯ ทุกฺขสจฺจํ สิยา สรณํ, สิยา อรณนฺติฯ
Samudayasaccaṃ kāmāvacaraṃ. Dve saccā na kāmāvacarā. Dukkhasaccaṃ siyā kāmāvacaraṃ, siyā na kāmāvacaraṃ. Tīṇi saccāni na rūpāvacarā. Dukkhasaccaṃ siyā rūpāvacaraṃ, siyā na rūpāvacaraṃ. Tīṇi saccāni na arūpāvacarā. Dukkhasaccaṃ siyā arūpāvacaraṃ, siyā na arūpāvacaraṃ. Dve saccā pariyāpannā. Dve saccā apariyāpannā. Maggasaccaṃ niyyānikaṃ. Tīṇi saccāni aniyyānikā. Maggasaccaṃ niyataṃ. Nirodhasaccaṃ aniyataṃ. Dve saccā siyā niyatā, siyā aniyatā. Dve saccā sauttarā. Dve saccā anuttarā. Samudayasaccaṃ saraṇaṃ. Dve saccā araṇā. Dukkhasaccaṃ siyā saraṇaṃ, siyā araṇanti.
ปญฺหาปุจฺฉกํฯ
Pañhāpucchakaṃ.
สจฺจวิภโงฺค นิฎฺฐิโตฯ
Saccavibhaṅgo niṭṭhito.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo