Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā |
๔. สจฺจวิภโงฺค
4. Saccavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
อุเทฺทสวณฺณนา
Uddesavaṇṇanā
๑๘๙. สาสนกฺกโมติ อริยสจฺจานิ วุจฺจนฺติ อริยสจฺจเทสนา วาฯ สกลญฺหิ สาสนํ ภควโต วจนํ สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถีติ สเจฺจสุ กมติ, สีลสมาธิปญฺญาสงฺขาตํ วา สาสนํ เอเตสุ กมติ, ตสฺมา กมติ เอตฺถาติ กโม, กิํ กมติ? สาสนํ, สาสนสฺส กโม สาสนกฺกโมติ สจฺจานิ สาสนปวตฺติฎฺฐานานิ วุจฺจนฺติ, ตํเทสนา จ ตโพฺพหาเรนาติฯ
189. Sāsanakkamoti ariyasaccāni vuccanti ariyasaccadesanā vā. Sakalañhi sāsanaṃ bhagavato vacanaṃ saccavinimuttaṃ natthīti saccesu kamati, sīlasamādhipaññāsaṅkhātaṃ vā sāsanaṃ etesu kamati, tasmā kamati etthāti kamo, kiṃ kamati? Sāsanaṃ, sāsanassa kamo sāsanakkamoti saccāni sāsanapavattiṭṭhānāni vuccanti, taṃdesanā ca tabbohārenāti.
ตถาติ ตํสภาวาวฯ อวิตถาติ อมุสาสภาวาฯ อนญฺญถาติ อญฺญาการรหิตาฯ ทุกฺขทุกฺขตาตํนิมิตฺตตาหิ อนิฎฺฐตา ปีฬนโฎฺฐ, ทฺวิธาปิ ปริทหนํ, กิเลสทาหสมาโยโค วา สนฺตาปโฎฺฐติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ ปุคฺคลหิํสนํ วา ปีฬนํ, อตฺตโน เอว ติขิณภาโว สนฺตาปนํ สนฺตาโปติฯ เอตฺถ จ ปีฬนโฎฺฐ ทุกฺขสฺส สรเสเนว อาวิภวนากาโร, อิตเร ยถากฺกมํ สมุทยมคฺคนิโรธทสฺสเนหิ อาวิภวนาการาติ อยํ จตุนฺนมฺปิ วิเสโสฯ ตตฺรตตฺราภินนฺทนวเสน พฺยาเปตฺวา อูหนํ ราสิกรณํ ทุกฺขนิพฺพตฺตนํ อายูหนํ, สมุทยโต อาคจฺฉตีติ วา อายํ, ทุกฺขํฯ ตสฺส อูหนํ ปวตฺตนํ อายูหนํ, สรสาวิภาวนากาโร เอโสฯ นิททาติ ทุกฺขนฺติ นิทานํ, ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ สมฺปฎิจฺฉาเปนฺตํ วิย สมุฎฺฐาเปตีติ อโตฺถฯ ทุกฺขทสฺสเนน จายํ นิทานโฎฺฐ อาวิ ภวติฯ สํโยคปลิโพธฎฺฐา นิโรธมคฺคทสฺสเนหิ, เต จ สํสารสํโยชนมคฺคนิวารณาการา ทฎฺฐพฺพาฯ
Tathāti taṃsabhāvāva. Avitathāti amusāsabhāvā. Anaññathāti aññākārarahitā. Dukkhadukkhatātaṃnimittatāhi aniṭṭhatā pīḷanaṭṭho, dvidhāpi paridahanaṃ, kilesadāhasamāyogo vā santāpaṭṭhoti ayametesaṃ viseso. Puggalahiṃsanaṃ vā pīḷanaṃ, attano eva tikhiṇabhāvo santāpanaṃ santāpoti. Ettha ca pīḷanaṭṭho dukkhassa saraseneva āvibhavanākāro, itare yathākkamaṃ samudayamagganirodhadassanehi āvibhavanākārāti ayaṃ catunnampi viseso. Tatratatrābhinandanavasena byāpetvā ūhanaṃ rāsikaraṇaṃ dukkhanibbattanaṃ āyūhanaṃ, samudayato āgacchatīti vā āyaṃ, dukkhaṃ. Tassa ūhanaṃ pavattanaṃ āyūhanaṃ, sarasāvibhāvanākāro eso. Nidadāti dukkhanti nidānaṃ, ‘‘idaṃ taṃ dukkha’’nti sampaṭicchāpentaṃ viya samuṭṭhāpetīti attho. Dukkhadassanena cāyaṃ nidānaṭṭho āvi bhavati. Saṃyogapalibodhaṭṭhā nirodhamaggadassanehi, te ca saṃsārasaṃyojanamagganivāraṇākārā daṭṭhabbā.
นิสฺสรนฺติ เอตฺถ สตฺตา, สยเมว วา นิสฺสฎํ วิสํยุตฺตํ สพฺพสงฺขเตหิ สพฺพุปธิปฎินิสฺสคฺคภาวโตติ นิสฺสรณํฯ อยมสฺส สภาเวน อาวิภวนากาโรฯ วิเวกาสงฺขตามตฎฺฐา สมุทยมคฺคทุกฺขทสฺสนาวิภวนาการา, สมุทยกฺขยอปฺปจฺจยอวินาสิตา วาฯ สํสารโต นิคฺคมนํ นิยฺยานํฯ อยมสฺส สรเสน ปกาสนากาโร, อิตเร สมุทยนิโรธทุกฺขทสฺสเนหิฯ ตตฺถ ปลิโพธุปเจฺฉทวเสน นิพฺพานาธิคโมว นิพฺพานนิมิตฺตตา เหตฺวโฎฺฐฯ ปญฺญาปธานตฺตา มคฺคสฺส นิพฺพานทสฺสนํ, จตุสจฺจทสฺสนํ วา ทสฺสนโฎฺฐฯ จตุสจฺจทสฺสเน กิเลสทุกฺขสนฺตาปวูปสมเน จ อาธิปจฺจํ กโรนฺติ มคฺคงฺคธมฺมา สมฺปยุตฺตธเมฺมสูติ โส มคฺคสฺส อธิปเตยฺยโฎฺฐติฯ วิเสสโต วา อารมฺมณาธิปติภูตา มคฺคงฺคธมฺมา โหนฺติ ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ติ วจนโตติ โส เตสํ อากาโร อธิปเตยฺยโฎฺฐฯ เอวมาทิ อาหาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อภิสมยโฎฺฐติ อภิสเมตพฺพโฎฺฐ, อภิสมยสฺส วา วิสยภูโต อโตฺถ อภิสมยโฎฺฐ, อภิสมยเสฺสว วา ปวตฺติอากาโร อภิสมยโฎฺฐ, โส เจตฺถ อภิสเมตเพฺพน ปีฬนาทินา ทสฺสิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Nissaranti ettha sattā, sayameva vā nissaṭaṃ visaṃyuttaṃ sabbasaṅkhatehi sabbupadhipaṭinissaggabhāvatoti nissaraṇaṃ. Ayamassa sabhāvena āvibhavanākāro. Vivekāsaṅkhatāmataṭṭhā samudayamaggadukkhadassanāvibhavanākārā, samudayakkhayaappaccayaavināsitā vā. Saṃsārato niggamanaṃ niyyānaṃ. Ayamassa sarasena pakāsanākāro, itare samudayanirodhadukkhadassanehi. Tattha palibodhupacchedavasena nibbānādhigamova nibbānanimittatā hetvaṭṭho. Paññāpadhānattā maggassa nibbānadassanaṃ, catusaccadassanaṃ vā dassanaṭṭho. Catusaccadassane kilesadukkhasantāpavūpasamane ca ādhipaccaṃ karonti maggaṅgadhammā sampayuttadhammesūti so maggassa adhipateyyaṭṭhoti. Visesato vā ārammaṇādhipatibhūtā maggaṅgadhammā honti ‘‘maggādhipatino dhammā’’ti vacanatoti so tesaṃ ākāro adhipateyyaṭṭho. Evamādi āhāti sambandho. Tattha abhisamayaṭṭhoti abhisametabbaṭṭho, abhisamayassa vā visayabhūto attho abhisamayaṭṭho, abhisamayasseva vā pavattiākāro abhisamayaṭṭho, so cettha abhisametabbena pīḷanādinā dassitoti daṭṭhabbo.
กุจฺฉิตํ ขํ ทุกฺขํฯ ‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ เกวลสฺส อาคม-สทฺทสฺส เอต-สทฺทสฺส จ ปโยเค สํโยคตฺถสฺส อนุปลพฺภนโต สํ-สทฺทสฺส จ ปโยเค อุปลพฺภนโต ‘‘สํโยคํ ทีเปตี’’ติ อาห, เอวํ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติ เอตฺถาปิฯ อย-สโทฺท คติอตฺถสิโทฺธ เหตุ-สโทฺท วิย การณํ ทีเปติ อตฺตโน ผลนิปฺผาทเนน อยติ ปวตฺตติ, เอติ วา เอตสฺมา ผลนฺติ อโยติ, สํโยเค อุปฺปตฺติการณํ สมุทโยติ เอตฺถ วิสุํ ปยุชฺชมานาปิ อุปสคฺค-สทฺทา สธาตุกํ สํโยคตฺถํ อุปฺปาทตฺถญฺจ ทีเปนฺติ กิริยาวิเสสกตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
Kucchitaṃ khaṃ dukkhaṃ. ‘‘Samāgamo sameta’’ntiādīsu kevalassa āgama-saddassa eta-saddassa ca payoge saṃyogatthassa anupalabbhanato saṃ-saddassa ca payoge upalabbhanato ‘‘saṃyogaṃ dīpetī’’ti āha, evaṃ ‘‘uppannaṃ udita’’nti etthāpi. Aya-saddo gatiatthasiddho hetu-saddo viya kāraṇaṃ dīpeti attano phalanipphādanena ayati pavattati, eti vā etasmā phalanti ayoti, saṃyoge uppattikāraṇaṃ samudayoti ettha visuṃ payujjamānāpi upasagga-saddā sadhātukaṃ saṃyogatthaṃ uppādatthañca dīpenti kiriyāvisesakattāti veditabbā.
อภาโว เอตฺถ โรธสฺสาติ นิโรโธติ เอเตน นิพฺพานสฺส ทุกฺขวิเวกภาวํ ทเสฺสติฯ สมธิคเต ตสฺมิํ ตทธิคมวโต ปุคฺคลสฺส โรธาภาโว ปวตฺติสงฺขาตสฺส โรธสฺส ปฎิปกฺขภูตาย นิวตฺติยา อธิคตตฺตาติ เอตสฺมิญฺจเตฺถ อภาโว เอตสฺมิํ โรธสฺสาติ นิโรโธอิเจฺจว ปทสมาโสฯ ทุกฺขาภาโว ปเนตฺถ ปุคฺคลสฺส, น นิพฺพานเสฺสวฯ อนุปฺปาโท เอว นิโรโธ อนุปฺปาทนิโรโธฯ อายติภวาทีสุ อปฺปวตฺติ, น ปน ภโงฺคติ ภงฺควาจกํ นิโรธ-สทฺทํ นิวเตฺตตฺวา อนุปฺปาทวาจกํ คณฺหาติฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ การเณ ผโลปจารํ กตฺวา นิโรธปจฺจโย นิโรโธติ วุโตฺตฯ ปฎิปทา จ โหติ ปุคฺคลสฺส ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยาฯ นนุ สา เอว ทุกฺขนิโรธปฺปตฺตีติ ตสฺสา เอว สา ปฎิปทาติ น ยุชฺชตีติ? น, ปุคฺคลาธิคมสฺส เยหิ โส อธิคจฺฉติ, เตสํ การณภูตธมฺมานญฺจ ปตฺติภาเวน ปฎิปทาภาเวน จ วุตฺตตฺตาฯ สจฺฉิกิริยาสจฺฉิกรณธมฺมานํ อญฺญตฺตาภาเวปิ หิ ปุคฺคลสจฺฉิกิริยธมฺมภาเวหิ นานตฺตํ กตฺวา นิเทฺทโส กโตฯ อถ วา ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา นิฎฺฐานํ ผลนฺติ ตสฺสา ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา ปฎิปทตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Abhāvo ettha rodhassāti nirodhoti etena nibbānassa dukkhavivekabhāvaṃ dasseti. Samadhigate tasmiṃ tadadhigamavato puggalassa rodhābhāvo pavattisaṅkhātassa rodhassa paṭipakkhabhūtāya nivattiyā adhigatattāti etasmiñcatthe abhāvo etasmiṃ rodhassāti nirodhoicceva padasamāso. Dukkhābhāvo panettha puggalassa, na nibbānasseva. Anuppādo eva nirodho anuppādanirodho. Āyatibhavādīsu appavatti, na pana bhaṅgoti bhaṅgavācakaṃ nirodha-saddaṃ nivattetvā anuppādavācakaṃ gaṇhāti. Etasmiṃ atthe kāraṇe phalopacāraṃ katvā nirodhapaccayo nirodhoti vutto. Paṭipadā ca hoti puggalassa dukkhanirodhappattiyā. Nanu sā eva dukkhanirodhappattīti tassā eva sā paṭipadāti na yujjatīti? Na, puggalādhigamassa yehi so adhigacchati, tesaṃ kāraṇabhūtadhammānañca pattibhāvena paṭipadābhāvena ca vuttattā. Sacchikiriyāsacchikaraṇadhammānaṃ aññattābhāvepi hi puggalasacchikiriyadhammabhāvehi nānattaṃ katvā niddeso kato. Atha vā dukkhanirodhappattiyā niṭṭhānaṃ phalanti tassā dukkhanirodhappattiyā paṭipadatā daṭṭhabbā.
พุทฺธาทโย อริยา ปฎิวิชฺฌนฺตีติ เอตฺถ ปฎิวิทฺธกาเล ปวตฺตํ พุทฺธาทิโวหารํ ‘‘อคมา ราชคหํ พุโทฺธ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๔๑๐) วิย ปุริมกาเลปิ อาโรเปตฺวา ‘‘พุทฺธาทโย’’ติ วุตฺตํฯ เต หิ พุทฺธาทโย จตูหิ มเคฺคหิ ปฎิวิชฺฌนฺตีติฯ อริยปฎิวิชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติ เจตฺถ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ อริยา อิมนฺติ ปฎิวิชฺฌิตพฺพเฎฺฐน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺมาติ ตถาคตสฺส อริยตฺตา ตสฺส สจฺจานีติ อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตีติ อโตฺถฯ ตถาคเตน หิ สยํ อธิคตตฺตา, เตเนว ปกาสิตตฺตา, ตโต เอว จ อเญฺญหิ อธิคมนียตฺตา ตานิ ตสฺส โหนฺตีติฯ อริยภาวสิทฺธิโตปีติ เอตฺถ อริยสาธกานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติ ปุเพฺพ วิย อุตฺตรปทโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ อริยานิ สจฺจานีติปีติ เอตฺถ อวิตถภาเวน อรณียตฺตา อธิคนฺตพฺพตฺตา อริยานิ, อริยโวหาโร วา อยํ อวิสํวาทโก อวิตถรูโป ทฎฺฐโพฺพฯ
Buddhādayo ariyā paṭivijjhantīti ettha paṭividdhakāle pavattaṃ buddhādivohāraṃ ‘‘agamā rājagahaṃ buddho’’tiādīsu (su. ni. 410) viya purimakālepi āropetvā ‘‘buddhādayo’’ti vuttaṃ. Te hi buddhādayo catūhi maggehi paṭivijjhantīti. Ariyapaṭivijjhitabbāni saccāni ariyasaccānīti cettha purimapade uttarapadalopo daṭṭhabbo. Ariyā imanti paṭivijjhitabbaṭṭhena ekattaṃ upanetvā ‘‘ima’’nti vuttaṃ. Tasmāti tathāgatassa ariyattā tassa saccānīti ariyasaccānīti vuccantīti attho. Tathāgatena hi sayaṃ adhigatattā, teneva pakāsitattā, tato eva ca aññehi adhigamanīyattā tāni tassa hontīti. Ariyabhāvasiddhitopīti ettha ariyasādhakāni saccāni ariyasaccānīti pubbe viya uttarapadalopo daṭṭhabbo. Ariyāni saccānītipīti ettha avitathabhāvena araṇīyattā adhigantabbattā ariyāni, ariyavohāro vā ayaṃ avisaṃvādako avitatharūpo daṭṭhabbo.
พาธนลกฺขณนฺติ เอตฺถ ทุกฺขทุกฺขตนฺนิมิตฺตภาโว พาธนา, อุทยพฺพยปีฬิตตา วาฯ ภวาทีสุ ชาติอาทิวเสน จกฺขุโรคาทิวเสน จ อเนกธา ทุกฺขสฺส ปวตฺตนเมว ปุคฺคลสฺส สนฺตาปนํ, ตทสฺส กิจฺจํ รโสฯ ปวตฺตินิวตฺตีสุ สํสารโมเกฺขสุ ปวตฺติ หุตฺวา คยฺหตีติ ปวตฺติปจฺจุปฎฺฐานํฯ ปภวติ เอตสฺมา ทุกฺขํ ปฎิสนฺธิยํ นิพฺพตฺตติ ปุริมภเวน ปจฺฉิมภโว ฆฎิโต สํยุโตฺต หุตฺวา ปวตฺตตีติ ปภโวฯ ‘‘เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติ (ธ. ป. ๓๓๘) เอวํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทนํ อนุปเจฺฉทกรณํฯ ภวนิสฺสรณนิวารณํ ปลิโพโธฯ ราคกฺขยาทิภาเวน สพฺพทุกฺขสนฺตตา สนฺติฯ อจฺจุติรสนฺติ อจฺจุติสมฺปตฺติกํฯ จวนํ วา กิจฺจนฺติ ตทภาวํ กิจฺจมิว โวหริตฺวา อจฺจุติกิจฺจนฺติ อโตฺถฯ อจวนญฺจ สภาวสฺสาปริจฺจชนํ อวิการตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปญฺจกฺขนฺธนิมิตฺตสุญฺญตาย อวิคฺคหํ หุตฺวา คยฺหตีติ อนิมิตฺตปจฺจุปฎฺฐานํฯ อนุสยุปเจฺฉทนวเสน สํสารจารกโต นิคฺคมนูปายภาโว นิยฺยานํฯ นิมิตฺตโต ปวตฺตโต จ จิตฺตสฺส วุฎฺฐานํ หุตฺวา คยฺหตีติ วุฎฺฐานปจฺจุปฎฺฐานํฯ
Bādhanalakkhaṇanti ettha dukkhadukkhatannimittabhāvo bādhanā, udayabbayapīḷitatā vā. Bhavādīsu jātiādivasena cakkhurogādivasena ca anekadhā dukkhassa pavattanameva puggalassa santāpanaṃ, tadassa kiccaṃ raso. Pavattinivattīsu saṃsāramokkhesu pavatti hutvā gayhatīti pavattipaccupaṭṭhānaṃ. Pabhavati etasmā dukkhaṃ paṭisandhiyaṃ nibbattati purimabhavena pacchimabhavo ghaṭito saṃyutto hutvā pavattatīti pabhavo. ‘‘Evampi taṇhānusaye anūhate nibbattatī dukkhamidaṃ punappuna’’nti (dha. pa. 338) evaṃ punappunaṃ uppādanaṃ anupacchedakaraṇaṃ. Bhavanissaraṇanivāraṇaṃ palibodho. Rāgakkhayādibhāvena sabbadukkhasantatā santi. Accutirasanti accutisampattikaṃ. Cavanaṃ vā kiccanti tadabhāvaṃ kiccamiva voharitvā accutikiccanti attho. Acavanañca sabhāvassāpariccajanaṃ avikāratā daṭṭhabbā. Pañcakkhandhanimittasuññatāya aviggahaṃ hutvā gayhatīti animittapaccupaṭṭhānaṃ. Anusayupacchedanavasena saṃsāracārakato niggamanūpāyabhāvo niyyānaṃ. Nimittato pavattato ca cittassa vuṭṭhānaṃ hutvā gayhatīti vuṭṭhānapaccupaṭṭhānaṃ.
อสุวณฺณาทิ สุวณฺณาทิ วิย ทิสฺสมานํ มายาติ วตฺถุสพฺภาวา ตสฺสา วิปรีตตา วุตฺตาฯ อุทกํ วิย ทิสฺสมานา ปน มรีจิ อุปคตานํ ตุจฺฉา โหติ, วตฺถุมตฺตมฺปิ ตสฺสา น ทิสฺสตีติ วิสํวาทิกา วุตฺตาฯ มรีจิมายาอตฺตานํ วิปโกฺข ภาโว ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโวฯ อริยญาณสฺสาติ อวิตถคาหกสฺส ญาณสฺส, เตน ปฎิเวธปจฺจเวกฺขณานิ คยฺหนฺติ, เตสญฺจ โคจรภาโว ปฎิวิชฺฌิตพฺพตาอารมฺมณภาโว จ ทฎฺฐโพฺพฯ อคฺคิลกฺขณํ อุณฺหตฺตํฯ ตญฺหิ กตฺถจิ กฎฺฐาทิอุปาทานเภเทปิ วิสํวาทกํ วิปรีตํ อภูตํ วา กทาจิ น โหติฯ ‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติ (อ. นิ. ๓.๓๙; ๕.๕๗) เอตฺถ วุตฺตา ชาติอาทิกา โลกปกติฯ มนุสฺสานํ อุทฺธํ ทีฆตา, เอกจฺจานํ ติรจฺฉานานํ ติริยํ ทีฆตา, วุทฺธินิฎฺฐํ ปตฺตานํ ปุน อวฑฺฒนํ เอวมาทิกา จาติ วทนฺติฯ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวสุ ปจฺฉิโม ตถตา, ปฐโม อวิตถตา, มชฺฌิโม อนญฺญถตาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
Asuvaṇṇādi suvaṇṇādi viya dissamānaṃ māyāti vatthusabbhāvā tassā viparītatā vuttā. Udakaṃ viya dissamānā pana marīci upagatānaṃ tucchā hoti, vatthumattampi tassā na dissatīti visaṃvādikā vuttā. Marīcimāyāattānaṃ vipakkho bhāvo tacchāviparītabhūtabhāvo. Ariyañāṇassāti avitathagāhakassa ñāṇassa, tena paṭivedhapaccavekkhaṇāni gayhanti, tesañca gocarabhāvo paṭivijjhitabbatāārammaṇabhāvo ca daṭṭhabbo. Aggilakkhaṇaṃ uṇhattaṃ. Tañhi katthaci kaṭṭhādiupādānabhedepi visaṃvādakaṃ viparītaṃ abhūtaṃ vā kadāci na hoti. ‘‘Byādhidhammā jarādhammā, atho maraṇadhammino’’ti (a. ni. 3.39; 5.57) ettha vuttā jātiādikā lokapakati. Manussānaṃ uddhaṃ dīghatā, ekaccānaṃ tiracchānānaṃ tiriyaṃ dīghatā, vuddhiniṭṭhaṃ pattānaṃ puna avaḍḍhanaṃ evamādikā cāti vadanti. Tacchāviparītabhūtabhāvesu pacchimo tathatā, paṭhamo avitathatā, majjhimo anaññathatāti ayametesaṃ viseso.
ทุกฺขา อญฺญํ น พาธกนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตณฺหาปิ ชาติ วิย ทุกฺขนิมิตฺตตาย พาธิกาติ? น, พาธกปภวภาเวน วิสุํ คหิตตฺตาฯ ชาติอาทีนํ วิย วา ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาโว ทุกฺขทุกฺขตา จ พาธกตา, น ทุกฺขสฺส ปภวกตาติ นตฺถิ ตณฺหาย ปภวกภาเวน คหิตาย พาธกตฺตปฺปสโงฺคฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขา อญฺญํ น พาธก’’นฺติฯ พาธกตฺตนิยาเมนาติ ทุกฺขํ พาธกเมว, ทุกฺขเมว พาธกนฺติ เอวํ ทฺวิธาปิ พาธกตฺตาวธารเณนาติ อโตฺถฯ ตํ วินา นาญฺญโตติ สติปิ อวเสสกิเลสอวเสสากุสลสาสวกุสลมูลาวเสสสาสวกุสลธมฺมานํ ทุกฺขเหตุภาเว น ตณฺหาย วินา เตสํ ทุกฺขเหตุภาโว อตฺถิ, เตหิ ปน วินาปิ ตณฺหาย ทุกฺขเหตุภาโว อตฺถิ กุสเลหิ วินา อกุสเลหิ, รูปาวจราทีหิ วินา กามาวจราทีหิ จ ตณฺหาย ทุกฺขนิพฺพตฺตกตฺตาฯ ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตาติ ทฺวิธาปิ นิยเมน ตโจฺฉ นิยฺยานภาโว เอตสฺส, น มิจฺฉามคฺคสฺส วิย วิปรีตตาย, โลกิยมคฺคสฺส วิย วา อเนกนฺติกตาย อตโจฺฉติ ตจฺฉนิยฺยานภาโว, มโคฺคฯ ตสฺส ภาโว ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตํ, ตสฺมา ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตาฯ สพฺพตฺถ ทฺวิธาปิ นิยเมน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว วุโตฺตติ อาห ‘‘อิติ ตจฺฉาวิปลฺลาสา’’ติอาทิฯ
Dukkhā aññaṃ na bādhakanti kasmā vuttaṃ, nanu taṇhāpi jāti viya dukkhanimittatāya bādhikāti? Na, bādhakapabhavabhāvena visuṃ gahitattā. Jātiādīnaṃ viya vā dukkhassa adhiṭṭhānabhāvo dukkhadukkhatā ca bādhakatā, na dukkhassa pabhavakatāti natthi taṇhāya pabhavakabhāvena gahitāya bādhakattappasaṅgo. Tenāha ‘‘dukkhā aññaṃ na bādhaka’’nti. Bādhakattaniyāmenāti dukkhaṃ bādhakameva, dukkhameva bādhakanti evaṃ dvidhāpi bādhakattāvadhāraṇenāti attho. Taṃ vinā nāññatoti satipi avasesakilesaavasesākusalasāsavakusalamūlāvasesasāsavakusaladhammānaṃ dukkhahetubhāve na taṇhāya vinā tesaṃ dukkhahetubhāvo atthi, tehi pana vināpi taṇhāya dukkhahetubhāvo atthi kusalehi vinā akusalehi, rūpāvacarādīhi vinā kāmāvacarādīhi ca taṇhāya dukkhanibbattakattā. Tacchaniyyānabhāvattāti dvidhāpi niyamena taccho niyyānabhāvo etassa, na micchāmaggassa viya viparītatāya, lokiyamaggassa viya vā anekantikatāya atacchoti tacchaniyyānabhāvo, maggo. Tassa bhāvo tacchaniyyānabhāvattaṃ, tasmā tacchaniyyānabhāvattā. Sabbattha dvidhāpi niyamena tacchāviparītabhūtabhāvo vuttoti āha ‘‘iti tacchāvipallāsā’’tiādi.
สจฺจ-สทฺทสฺส สมฺภวนฺตานํ อตฺถานํ อุทฺธรณํ, สมฺภวเนฺต วา อเตฺถ วตฺวา อธิเปฺปตตฺถสฺส อุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโรฯ วิรติสเจฺจติ มุสาวาทวิรติยํฯ น หิ อญฺญวิรตีสุ สจฺจ-สโทฺท นิรุโฬฺหติฯ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติ คหิตา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิสจฺจํฯ ‘‘อโมสธมฺมํ นิพฺพานํ , ตทริยา สจฺจโต วิทู’’ติ (สุ. นิ. ๗๖๓) อโมสธมฺมตฺตา นิพฺพานํ ปรมตฺถสจฺจํ วุตฺตํฯ ตสฺส ปน ตํสมฺปาปกสฺส จ มคฺคสฺส ปชานนา ปฎิเวโธ อวิวาทการณนฺติ ทฺวยมฺปิ ‘‘เอกญฺหิ สจฺจํ น ทุติยมตฺถิ, ยสฺมิํ ปชา โน วิวเท ปชาน’’นฺติ (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙) มิสฺสา คาถาย สจฺจนฺติ วุตฺตํฯ
Sacca-saddassa sambhavantānaṃ atthānaṃ uddharaṇaṃ, sambhavante vā atthe vatvā adhippetatthassa uddharaṇaṃ atthuddhāro. Viratisacceti musāvādaviratiyaṃ. Na hi aññaviratīsu sacca-saddo niruḷhoti. ‘‘Idameva saccaṃ, moghamañña’’nti gahitā diṭṭhi diṭṭhisaccaṃ. ‘‘Amosadhammaṃ nibbānaṃ , tadariyā saccato vidū’’ti (su. ni. 763) amosadhammattā nibbānaṃ paramatthasaccaṃ vuttaṃ. Tassa pana taṃsampāpakassa ca maggassa pajānanā paṭivedho avivādakāraṇanti dvayampi ‘‘ekañhi saccaṃ na dutiyamatthi, yasmiṃ pajā no vivade pajāna’’nti (su. ni. 890; mahāni. 119) missā gāthāya saccanti vuttaṃ.
เนตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ อาคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ เอเตน ชาติอาทีนํ ทุกฺขอริยสจฺจภาเว อวิปรีตตํ ทเสฺสติ, อญฺญํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ อาคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ อิมินา ทุกฺขอริยสจฺจภาวสฺส ชาติอาทีสุ นิยตตํฯ สเจปิ กถญฺจิ โกจิ เอวํจิโตฺต อาคเจฺฉยฺย, ปญฺญาปเน ปน สหธเมฺมน ปญฺญาปเน อตฺตโน วาทสฺส จ ปญฺญาปเน สมโตฺถ นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อหเมตํ…เป.… ปญฺญาเปสฺสามีติ อาคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ ชาติอาทีนํ อนญฺญถตา อญฺญสฺส จ ตถาภูตสฺส อภาโวเยเวตฺถ ฐานาภาโวฯ สเจปิ โกจิ อาคเจฺฉยฺย, อาคจฺฉตุ, ฐานํ ปน นตฺถีติ อยเมตฺถ สุตฺตโตฺถฯ เอส นโย ทุติยสุเตฺตปิฯ ตตฺถ ปน สมฺปตฺตตา ปจฺจกฺขตา จ ปฐมตา, ตํนิมิตฺตตา ทุติยตา, ตทุปสมตา ตติยตา, ตํสมฺปาปกตา จตุตฺถตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Netaṃ dukkhaṃ ariyasaccanti āgaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti etena jātiādīnaṃ dukkhaariyasaccabhāve aviparītataṃ dasseti, aññaṃ dukkhaṃ ariyasaccanti āgaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti iminā dukkhaariyasaccabhāvassa jātiādīsu niyatataṃ. Sacepi kathañci koci evaṃcitto āgaccheyya, paññāpane pana sahadhammena paññāpane attano vādassa ca paññāpane samattho natthīti dassetuṃ ‘‘ahametaṃ…pe… paññāpessāmīti āgaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti vuttaṃ. Jātiādīnaṃ anaññathatā aññassa ca tathābhūtassa abhāvoyevettha ṭhānābhāvo. Sacepi koci āgaccheyya, āgacchatu, ṭhānaṃ pana natthīti ayamettha suttattho. Esa nayo dutiyasuttepi. Tattha pana sampattatā paccakkhatā ca paṭhamatā, taṃnimittatā dutiyatā, tadupasamatā tatiyatā, taṃsampāpakatā catutthatāti daṭṭhabbā.
นิพฺพุติกาเมน ปริชานนาทีหิ อญฺญํ กิญฺจิ กิจฺจํ กาตพฺพํ นตฺถิ, ธมฺมญาณกิจฺจํ วา อิโต อญฺญํ นตฺถิ, ปริเญฺญยฺยาทีนิ จ เอตปฺปรมาเนวาติ จตฺตาเรว วุตฺตานิฯ ตณฺหาย อาทีนวทสฺสาวีนํ วเสน ‘‘ตณฺหาวตฺถุอาทีนํ เอตํปรมตายา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา อาลเย ปญฺจกามคุณสงฺขาเต, สกลวตฺถุกามสงฺขาเต, ภวตฺตยสงฺขาเต วา ทุเกฺข โทสทสฺสาวีนํ วเสน ‘‘อาลยาทีนํ เอตํปรมตายา’’ติ วุตฺตํฯ
Nibbutikāmena parijānanādīhi aññaṃ kiñci kiccaṃ kātabbaṃ natthi, dhammañāṇakiccaṃ vā ito aññaṃ natthi, pariññeyyādīni ca etapparamānevāti cattāreva vuttāni. Taṇhāya ādīnavadassāvīnaṃ vasena ‘‘taṇhāvatthuādīnaṃ etaṃparamatāyā’’ti vuttaṃ. Tathā ālaye pañcakāmaguṇasaṅkhāte, sakalavatthukāmasaṅkhāte, bhavattayasaṅkhāte vā dukkhe dosadassāvīnaṃ vasena ‘‘ālayādīnaṃ etaṃparamatāyā’’ti vuttaṃ.
สเหตุเกน ทุเกฺขนาติ เอเตน ทุกฺขสฺส อโพฺพจฺฉินฺนตาทสฺสเนน อติสํเวควตฺถุตํ ทเสฺสติฯ
Sahetukena dukkhenāti etena dukkhassa abbocchinnatādassanena atisaṃvegavatthutaṃ dasseti.
น ปฎิเวธญาณํ วิย สกิเทว พุชฺฌติ, อถ โข อนุ อนุ พุชฺฌนโต อนุโพโธ, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติอนุคโต วา โพโธ อนุโพโธฯ น หิ โส ปจฺจกฺขโต พุชฺฌติ, อนุสฺสวาทิวเสน ปน กเปฺปตฺวา คณฺหาตีติฯ กิจฺจโตติ ปริชานนาทิโตฯ ตํกิจฺจกรเณเนว หิ ตานิ ตสฺส ปากฎานิฯ วิวฎฺฎานุปสฺสนาย หิ สงฺขาเรหิ ปติลียมานมานสสฺส อุปฺปชฺชมานํ มคฺคญาณํ วิสงฺขารํ ทุกฺขนิสฺสรณํ อารมฺมณํ กตฺวา ทุกฺขํ ปริจฺฉินฺทติ, ทุกฺขคตญฺจ ตณฺหํ ปชหติ, นิโรธญฺจ ผุสติ อาทิโจฺจ วิย ปภาย, สมฺมาสงฺกปฺปาทีหิ สห อุปฺปนฺนํ ตํ มคฺคํ ภาเวติ, น จ สงฺขาเร อมุญฺจิตฺวา ปวตฺตมาเนน ญาเณน เอตํ สพฺพํ สกฺกา กาตุํ นิมิตฺตปวเตฺตหิ อวุฎฺฐิตตฺตา, ตสฺมา เอตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตํ ตํ ญาณํ ทุกฺขาทีนิ วิภาเวติ ตตฺถ สโมฺมหนิวตฺตเนนาติ ‘‘จตฺตาริปิ สจฺจานิ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ
Na paṭivedhañāṇaṃ viya sakideva bujjhati, atha kho anu anu bujjhanato anubodho, anussavākāraparivitakkadiṭṭhinijjhānakkhantianugato vā bodho anubodho. Na hi so paccakkhato bujjhati, anussavādivasena pana kappetvā gaṇhātīti. Kiccatoti parijānanādito. Taṃkiccakaraṇeneva hi tāni tassa pākaṭāni. Vivaṭṭānupassanāya hi saṅkhārehi patilīyamānamānasassa uppajjamānaṃ maggañāṇaṃ visaṅkhāraṃ dukkhanissaraṇaṃ ārammaṇaṃ katvā dukkhaṃ paricchindati, dukkhagatañca taṇhaṃ pajahati, nirodhañca phusati ādicco viya pabhāya, sammāsaṅkappādīhi saha uppannaṃ taṃ maggaṃ bhāveti, na ca saṅkhāre amuñcitvā pavattamānena ñāṇena etaṃ sabbaṃ sakkā kātuṃ nimittapavattehi avuṭṭhitattā, tasmā etāni kiccāni karontaṃ taṃ ñāṇaṃ dukkhādīni vibhāveti tattha sammohanivattanenāti ‘‘cattāripi saccāni passatī’’ti vuttaṃ.
ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตีติ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกทสฺสิโน อญฺญตฺตยทสฺสิตาวิจารณาย ตสฺสา สาธนตฺถํ ควํปติเตฺถเรน อิมสฺส สุตฺตสฺส อาหริตตฺตา ปเจฺจกญฺจ สเจฺจสุ ทิสฺสมาเนสุ อญฺญตฺตยทสฺสนสฺส โยชิตตฺตาฯ อญฺญถา อนุปุพฺพาภิสมเย ปุริมทิฎฺฐสฺส ปจฺฉา อทสฺสนโต สมุทยาทิทสฺสิโน ทุกฺขาทิทสฺสนตา น โยเชตพฺพา สิยาติฯ สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตทสฺสนโต สกฺกายทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานํ นิวาเรติฯ ‘‘โลกสมุทยํ โข, กจฺจาน, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต ยา โลเก นตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ วจนโต สมุทยทสฺสนํ เหตุผลปฺปพนฺธาวิเจฺฉททสฺสนวเสน อุเจฺฉททิฎฺฐิปริยุฎฺฐานํ นิวเตฺตติฯ ‘‘โลกนิโรธํ โข…เป.… ปสฺสโต ยา โลเก อตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕) วจนโต นิโรธทสฺสนํ เหตุนิโรธา ผลนิโรธทสฺสนวเสน สสฺสตทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานํ นิวาเรติฯ อตฺตการสฺส ปจฺจกฺขทสฺสนโต มคฺคทสฺสเนน ‘‘นตฺถิ อตฺตกาเร, นตฺถิ ปรกาเร, นตฺถิ ปุริสกาเร’’ติอาทิกํ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) อกิริยทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานํ ปชหติฯ ‘‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติฯ นตฺถิ เหตุ…เป.… วิสุทฺธิยา, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติอาทิกา อเหตุกทิฎฺฐิ จ อิธ อกิริยทิฎฺฐิคฺคหเณน คหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ สาปิ หิ วิสุทฺธิมคฺคทสฺสเนน ปหียตีติฯ
Dukkhasamudayampi so passatīti kālantaradassanaṃ sandhāya vuttanti ce? Na, ‘‘yo nu kho, āvuso, dukkhaṃ passati, dukkhasamudayampi so passatī’’tiādinā (saṃ. ni. 5.1100) ekadassino aññattayadassitāvicāraṇāya tassā sādhanatthaṃ gavaṃpatittherena imassa suttassa āharitattā paccekañca saccesu dissamānesu aññattayadassanassa yojitattā. Aññathā anupubbābhisamaye purimadiṭṭhassa pacchā adassanato samudayādidassino dukkhādidassanatā na yojetabbā siyāti. Suddhasaṅkhārapuñjamattadassanato sakkāyadiṭṭhipariyuṭṭhānaṃ nivāreti. ‘‘Lokasamudayaṃ kho, kaccāna, yathābhūtaṃ sammappaññāya passato yā loke natthitā, sā na hotī’’ti vacanato samudayadassanaṃ hetuphalappabandhāvicchedadassanavasena ucchedadiṭṭhipariyuṭṭhānaṃ nivatteti. ‘‘Lokanirodhaṃ kho…pe… passato yā loke atthitā, sā na hotī’’ti (saṃ. ni. 2.15) vacanato nirodhadassanaṃ hetunirodhā phalanirodhadassanavasena sassatadiṭṭhipariyuṭṭhānaṃ nivāreti. Attakārassa paccakkhadassanato maggadassanena ‘‘natthi attakāre, natthi parakāre, natthi purisakāre’’tiādikaṃ (dī. ni. 1.168) akiriyadiṭṭhipariyuṭṭhānaṃ pajahati. ‘‘Natthi hetu, natthi paccayo sattānaṃ saṃkilesāya, ahetū appaccayā sattā saṃkilissanti. Natthi hetu…pe… visuddhiyā, ahetū appaccayā sattā visujjhantī’’tiādikā ahetukadiṭṭhi ca idha akiriyadiṭṭhiggahaṇena gahitāti daṭṭhabbā. Sāpi hi visuddhimaggadassanena pahīyatīti.
ทุกฺขญาณํ สมุทยผลสฺส ทุกฺขสฺส อธุวาทิภาวํ ปสฺสตีติ ผเล วิปฺปฎิปตฺติํ นิวเตฺตติฯ ‘‘อิสฺสโร โลกํ ปวเตฺตติ นิวเตฺตติ จา’’ติ อิสฺสรการณิโน วทนฺติ, ปธานโต อาวิ ภวติ, ตเตฺถว จ ปติลียตีติ ปธานการณิโนฯ ‘‘กาลวเสเนว ปวตฺตติ นิวตฺตติ จา’’ติ กาลวาทิโนฯ ‘‘สภาเวเนว สโมฺภติ วิโภติ จา’’ติ สภาววาทิโนฯ อาทิ-สเทฺทน อณูหิ โลโก ปวตฺตติ, สพฺพํ ปุเพฺพกตเหตูติ เอวมาทิ อการณปริคฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ รามุทกาฬาราทีนํ วิย อรูปโลเก, นิคณฺฐาทีนํ วิย โลกถุปิกาย อปวโคฺค โมโกฺขติ คหณํ ฯ อาทิ-สเทฺทน ปธานสฺส อปฺปวตฺติ, คุณวิยุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฎฺฐานํ, พฺรหฺมุนา สโลกตา, ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอวมาทิคฺคหณญฺจ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ คุณวิยุตฺตสฺสาติ พุทฺธิสุขทุกฺขอิจฺฉาโทสปยตฺตธมฺมาธมฺมสงฺขาเรหิ นวหิ อตฺตคุเณหิ วิปฺปยุตฺตสฺสาติ กณาทภกฺขวาโทฯ อินฺทฺริยตปฺปนปุตฺตมุขทสฺสนาทีหิ วินา อปวโคฺค นตฺถีติ คเหตฺวา ตถาปวตฺตนํ กามสุขลฺลิกานุโยโคฯ
Dukkhañāṇaṃ samudayaphalassa dukkhassa adhuvādibhāvaṃ passatīti phale vippaṭipattiṃ nivatteti. ‘‘Issaro lokaṃ pavatteti nivatteti cā’’ti issarakāraṇino vadanti, padhānato āvi bhavati, tattheva ca patilīyatīti padhānakāraṇino. ‘‘Kālavaseneva pavattati nivattati cā’’ti kālavādino. ‘‘Sabhāveneva sambhoti vibhoti cā’’ti sabhāvavādino. Ādi-saddena aṇūhi loko pavattati, sabbaṃ pubbekatahetūti evamādi akāraṇapariggaho daṭṭhabbo. Rāmudakāḷārādīnaṃ viya arūpaloke, nigaṇṭhādīnaṃ viya lokathupikāya apavaggo mokkhoti gahaṇaṃ . Ādi-saddena padhānassa appavatti, guṇaviyuttassa attano sakattani avaṭṭhānaṃ, brahmunā salokatā, diṭṭhadhammanibbānavādāti evamādiggahaṇañca daṭṭhabbaṃ. Ettha guṇaviyuttassāti buddhisukhadukkhaicchādosapayattadhammādhammasaṅkhārehi navahi attaguṇehi vippayuttassāti kaṇādabhakkhavādo. Indriyatappanaputtamukhadassanādīhi vinā apavaggo natthīti gahetvā tathāpavattanaṃ kāmasukhallikānuyogo.
อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ กามภววิภวตณฺหาวเสน ทฺวาทส ติกา ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิฯ ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค วา อาคตนเยน กาลวิภาคํ อนามสิตฺวา วุตฺตานิฯ วีมํสิทฺธิปาทาทโย โพธิปกฺขิยา กิจฺจนานเตฺตน วุตฺตา, อตฺถโต เอกตฺตา สมฺมาทิฎฺฐิมุเขน ตตฺถ อโนฺตคธาฯ ตโย เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโยติ โลกิยกฺขเณ อโลภเมตฺตากรุณาสมฺปโยควเสน ภินฺนา มคฺคกฺขเณ โลภพฺยาปาทวิหิํสาสมุเจฺฉทวเสน ตโยติ เอโกปิ วุโตฺตฯ เอส นโย สมฺมาวาจาทีสุฯ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐิตานํ ปน ภาเว สมฺมาอาชีวสมฺภวโต เตน เตสํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ภวนฺตเรปิ ชีวิตเหตุปิ อริเยหิ อวีติกฺกมนียตฺตา อริยกนฺตานํ สมฺมาวาจาทิสีลานํ คหเณน เยน สทฺธาหเตฺถน ตานิ ปริคฺคเหตพฺพานิ, โส สทฺธาหโตฺถ คหิโตเยว โหตีติ ตโต อนญฺญานิ สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพลานิ ตตฺถ อโนฺตคธานิ โหนฺติฯ เตสํ อตฺถิตายาติ สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพลฉนฺทิทฺธิปาทานํ อตฺถิตาย สีลสฺส อตฺถิภาวโต ติวิเธนปิ สีเลน เต ตโยปิ คหิตาติ ตตฺถ อโนฺตคธาฯ จิตฺตสมาธีติ จิตฺติทฺธิปาทํ วทติฯ ‘‘จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒) หิ จิตฺตมุเขน สมาธิ วุโตฺตติ สมาธิมุเขน จิตฺตมฺปิ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ จิตฺติทฺธิปาทภาวนาย ปน สมาธิปิ อธิมโตฺต โหตีติ วีมํสิทฺธิปาทาทิวจนํ วิย จิตฺติทฺธิปาทวจนํ อวตฺวา อิธ ‘‘จิตฺตสมาธี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๓.๙๖; ๑๑.๑๒) วจนโต สมาธิอุปการา ปีติปสฺสทฺธิโย, ตสฺมา สมาธิคฺคหเณน คหิตา, อุเปกฺขา ปน สมาธิอุปการกโต ตํสทิสกิจฺจโต จ, ตสฺมา สมฺมาสมาธิวเสน เอเตสํ อโนฺตคธตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Ajjhattikabāhiresu dvādasasu āyatanesu kāmabhavavibhavataṇhāvasena dvādasa tikā chattiṃsa taṇhāvicaritāni. Khuddakavatthuvibhaṅge vā āgatanayena kālavibhāgaṃ anāmasitvā vuttāni. Vīmaṃsiddhipādādayo bodhipakkhiyā kiccanānattena vuttā, atthato ekattā sammādiṭṭhimukhena tattha antogadhā. Tayo nekkhammavitakkādayoti lokiyakkhaṇe alobhamettākaruṇāsampayogavasena bhinnā maggakkhaṇe lobhabyāpādavihiṃsāsamucchedavasena tayoti ekopi vutto. Esa nayo sammāvācādīsu. Appicchatāsantuṭṭhitānaṃ pana bhāve sammāājīvasambhavato tena tesaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Bhavantarepi jīvitahetupi ariyehi avītikkamanīyattā ariyakantānaṃ sammāvācādisīlānaṃ gahaṇena yena saddhāhatthena tāni pariggahetabbāni, so saddhāhattho gahitoyeva hotīti tato anaññāni saddhindriyasaddhābalāni tattha antogadhāni honti. Tesaṃ atthitāyāti saddhindriyasaddhābalachandiddhipādānaṃ atthitāya sīlassa atthibhāvato tividhenapi sīlena te tayopi gahitāti tattha antogadhā. Cittasamādhīti cittiddhipādaṃ vadati. ‘‘Cittaṃ paññañca bhāvaya’’nti (saṃ. ni. 1.23, 192) hi cittamukhena samādhi vuttoti samādhimukhena cittampi vattabbataṃ arahati. Cittiddhipādabhāvanāya pana samādhipi adhimatto hotīti vīmaṃsiddhipādādivacanaṃ viya cittiddhipādavacanaṃ avatvā idha ‘‘cittasamādhī’’ti vuttaṃ. ‘‘Pītimanassa kāyo passambhati, passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyatī’’ti (dī. ni. 3.359; saṃ. ni. 5.376; a. ni. 3.96; 11.12) vacanato samādhiupakārā pītipassaddhiyo, tasmā samādhiggahaṇena gahitā, upekkhā pana samādhiupakārakato taṃsadisakiccato ca, tasmā sammāsamādhivasena etesaṃ antogadhatā daṭṭhabbā.
ภาโร วิย วิฆาตกตฺตาฯ ทุพฺภิกฺขมิว พาธกตฺตาฯ ‘‘นิพฺพานปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๓, ๒๐๔) สุขภาวโต สุภิกฺขมิวฯ อนิฎฺฐภาวโต สาสงฺกสปฺปฎิภยโต จ ทุกฺขํ เวรีวิสรุกฺขภยโอริมตีรูปมํฯ
Bhāro viya vighātakattā. Dubbhikkhamiva bādhakattā. ‘‘Nibbānaparamaṃ sukha’’nti (ma. ni. 2.215, 217; dha. pa. 203, 204) sukhabhāvato subhikkhamiva. Aniṭṭhabhāvato sāsaṅkasappaṭibhayato ca dukkhaṃ verīvisarukkhabhayaorimatīrūpamaṃ.
ตถเตฺถนาติ ตถสภาเวน, ปริเญฺญยฺยภาเวนาติ อโตฺถฯ เอเตน อริยสจฺจทฺวยํ สิยา ทุกฺขํ, น อริยสจฺจํ, สิยา อริยสจฺจํ, น ทุกฺขนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ อริยสจฺจ-สทฺทปรา หิ ทุกฺขาทิสทฺทา ปริเญฺญยฺยาทิภาวํ วทนฺติฯ เตเนว อริยสจฺจ-สทฺทานเปกฺขํ ทุกฺข-สทฺทํ สนฺธาย มคฺคสมฺปยุตฺตสามญฺญผลธมฺมานํ อาทิปทสงฺคโห วุโตฺต, ตทเปกฺขํ สนฺธาย จตุตฺถปทสงฺคโหฯ สมุทยาทีสุ อวเสสกิเลสาทโย สมุทโย, น อริยสจฺจํ, สงฺขารนิโรโธ นิโรธสมาปตฺติ จ นิโรโธ, น อริยสจฺจํ, อริยมคฺคโต อญฺญานิ มคฺคงฺคานิ มโคฺค, น อริยสจฺจนฺติ อิมินา นเยน โยชนา กาตพฺพาฯ ทุกฺขํ เวทนียมฺปิ สนฺตํ เวทกรหิตํ, เกวลํ ปน ตสฺมิํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปวตฺตมาเน ทุกฺขํ เวเทตีติ โวหารมตฺตํ โหติฯ เอวํ อิตเรสุปิฯ
Tathatthenāti tathasabhāvena, pariññeyyabhāvenāti attho. Etena ariyasaccadvayaṃ siyā dukkhaṃ, na ariyasaccaṃ, siyā ariyasaccaṃ, na dukkhanti imamatthaṃ dasseti. Ariyasacca-saddaparā hi dukkhādisaddā pariññeyyādibhāvaṃ vadanti. Teneva ariyasacca-saddānapekkhaṃ dukkha-saddaṃ sandhāya maggasampayuttasāmaññaphaladhammānaṃ ādipadasaṅgaho vutto, tadapekkhaṃ sandhāya catutthapadasaṅgaho. Samudayādīsu avasesakilesādayo samudayo, na ariyasaccaṃ, saṅkhāranirodho nirodhasamāpatti ca nirodho, na ariyasaccaṃ, ariyamaggato aññāni maggaṅgāni maggo, na ariyasaccanti iminā nayena yojanā kātabbā. Dukkhaṃ vedanīyampi santaṃ vedakarahitaṃ, kevalaṃ pana tasmiṃ attano paccayehi pavattamāne dukkhaṃ vedetīti vohāramattaṃ hoti. Evaṃ itaresupi.
กิริยาว วิชฺชตีติ สมุทยเมว วทติ, ตสฺส วา ทุกฺขปจฺจยภาวํฯ มโคฺค อตฺถีติ วตฺตเพฺพ ‘‘มคฺคมตฺถี’’ติ โอการสฺส อภาโว กโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ คมโกติ คนฺตาฯ สาสวตา อสุภตาติ กตฺวา นิโรธมคฺคา สุภา เอวฯ ทุกฺขาทีนํ ปริยาเยน สมุทยาทิภาโว จ อตฺถิ, น ปน นิโรธภาโว, นิโรธสฺส วา ทุกฺขาทิภาโวติ น อญฺญมญฺญสมงฺคิตาติ อาห ‘‘นิโรธสุญฺญานิ วา’’ติอาทิฯ สมุทเย ทุกฺขสฺสาภาวโตติ โปโนพฺภวิกาย ตณฺหาย ปุนพฺภวสฺส อภาวโตฯ ยถา วา ปกติวาทีนํ วิการาวิภาวโต ปุเพฺพ ปฎิปฺปลีนา จ ปกติภาเวเนว ติฎฺฐนฺติ, น เอวํ สมุทยสมฺปยุตฺตมฺปิ ทุกฺขํ สมุทยภาเวน ติฎฺฐตีติ อาห ‘‘สมุทเย ทุกฺขสฺสาภาวโต’’ติฯ ยถา อวิภเตฺตหิ วิกาเรหิ มหนฺตา วิเสสินฺทฺริยภูตวิเสเสหิ ปกติภาเวเนว ฐิเตหิ ปกติ สคพฺภา ปกติวาทีนํ, เอวํ น ผเลน สคโพฺภ เหตูติ อโตฺถฯ ทุกฺขสมุทยานํ นิโรธมคฺคานญฺจ อสมวายาติ เอตํ วิวรโนฺต อาห ‘‘น เหตุสมเวตํ เหตุผล’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อิธ ตนฺตูสุ ปโฎ, กปาเลสุ ฆโฎ, พิรเณสุ กโฎ, ทฺวีสุ อณูสุ ทฺวิอณุกนฺติอาทินา อิธ พุทฺธิโวหารชนโก อวิสุํ สิทฺธานํ สมฺพโนฺธ สมวาโย, เตน สมวาเยน การเณสุ ทฺวีสุ อณูสุ ทฺวิอณุกํ ผลํ สมเวตํ เอกีภูตมิว สมฺพนฺธํ, ตีสุ อณูสุ ติอณุกนฺติ เอวํ มหาปถวิมหาอุทกมหาอคฺคิมหาวาตกฺขนฺธปริยนฺตํ ผลํ อตฺตโน การเณสุ สมเวตนฺติ สมวายวาทิโน วทนฺติฯ เอวํ ปน วทเนฺตหิ อปริมาเณสุ การเณสุ มหาปริมาณํ เอกํ ผลํ สมเวตํ อตฺตโน อโนฺตคเธหิ การเณหิ สคพฺภํ อสุญฺญนฺติ วุตฺตํ โหติ, เอวมิธ สมวายาภาวา ผเล เหตุ นตฺถีติ เหตุสุญฺญํ ผลนฺติ อโตฺถฯ
Kiriyāva vijjatīti samudayameva vadati, tassa vā dukkhapaccayabhāvaṃ. Maggo atthīti vattabbe ‘‘maggamatthī’’ti okārassa abhāvo katoti daṭṭhabbo. Gamakoti gantā. Sāsavatā asubhatāti katvā nirodhamaggā subhā eva. Dukkhādīnaṃ pariyāyena samudayādibhāvo ca atthi, na pana nirodhabhāvo, nirodhassa vā dukkhādibhāvoti na aññamaññasamaṅgitāti āha ‘‘nirodhasuññāni vā’’tiādi. Samudaye dukkhassābhāvatoti ponobbhavikāya taṇhāya punabbhavassa abhāvato. Yathā vā pakativādīnaṃ vikārāvibhāvato pubbe paṭippalīnā ca pakatibhāveneva tiṭṭhanti, na evaṃ samudayasampayuttampi dukkhaṃ samudayabhāvena tiṭṭhatīti āha ‘‘samudaye dukkhassābhāvato’’ti. Yathā avibhattehi vikārehi mahantā visesindriyabhūtavisesehi pakatibhāveneva ṭhitehi pakati sagabbhā pakativādīnaṃ, evaṃ na phalena sagabbho hetūti attho. Dukkhasamudayānaṃ nirodhamaggānañca asamavāyāti etaṃ vivaranto āha ‘‘na hetusamavetaṃ hetuphala’’ntiādi. Tattha idha tantūsu paṭo, kapālesu ghaṭo, biraṇesu kaṭo, dvīsu aṇūsu dviaṇukantiādinā idha buddhivohārajanako avisuṃ siddhānaṃ sambandho samavāyo, tena samavāyena kāraṇesu dvīsu aṇūsu dviaṇukaṃ phalaṃ samavetaṃ ekībhūtamiva sambandhaṃ, tīsu aṇūsu tiaṇukanti evaṃ mahāpathavimahāudakamahāaggimahāvātakkhandhapariyantaṃ phalaṃ attano kāraṇesu samavetanti samavāyavādino vadanti. Evaṃ pana vadantehi aparimāṇesu kāraṇesu mahāparimāṇaṃ ekaṃ phalaṃ samavetaṃ attano antogadhehi kāraṇehi sagabbhaṃ asuññanti vuttaṃ hoti, evamidha samavāyābhāvā phale hetu natthīti hetusuññaṃ phalanti attho.
ปวตฺติภาวโตติ สํสารสฺส ปวตฺติภาวโตฯ จตุอาหารเภทโตติ อิมินา จตฺตาโร อาหารเภเท เตหิ ภิเนฺน ตปฺปจฺจยธมฺมเภเท จ สงฺคณฺหาติฯ รูปาภินนฺทนาทิเภโท รูปาทิขนฺธวเสน, อารมฺมณวเสน วาฯ อุปาทาเนหิ อุปาทียตีติ อุปาทิ, อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกํฯ นิพฺพานญฺจ ตํนิสฺสรณภูตํ ตสฺส วูปสโม ตํสนฺตีติ กตฺวา ตสฺส ยาว ปจฺฉิมํ จิตฺตํ, ตาว เสสตํ, ตโต ปรญฺจ อนวเสสตํ อุปาทาย ‘‘สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตู’’ติ ทฺวิธา โวหรียตีติฯ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป วิปสฺสนา, อิตเร สมโถ’’ติ วทนฺติฯ สีลมฺปิ หิ สมถสฺส อุปการกตฺตา สมถคฺคหเณน คยฺหตีติ เตสํ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ยานทฺวยวเสน ลโทฺธ มโคฺค สมโถ วิปสฺสนาติ อาคมนวเสน วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ สปฺปเทสตฺตาติ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอกเทสตฺตาติ อโตฺถฯ สีลกฺขนฺธาทโย หิ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรสีลาทิสงฺคาหกา, อริยมโคฺค โลกุตฺตโรเยวาติ ตเทกเทโส โหติฯ
Pavattibhāvatoti saṃsārassa pavattibhāvato. Catuāhārabhedatoti iminā cattāro āhārabhede tehi bhinne tappaccayadhammabhede ca saṅgaṇhāti. Rūpābhinandanādibhedo rūpādikhandhavasena, ārammaṇavasena vā. Upādānehi upādīyatīti upādi, upādānakkhandhapañcakaṃ. Nibbānañca taṃnissaraṇabhūtaṃ tassa vūpasamo taṃsantīti katvā tassa yāva pacchimaṃ cittaṃ, tāva sesataṃ, tato parañca anavasesataṃ upādāya ‘‘saupādisesanibbānadhātu anupādisesanibbānadhātū’’ti dvidhā voharīyatīti. ‘‘Sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo vipassanā, itare samatho’’ti vadanti. Sīlampi hi samathassa upakārakattā samathaggahaṇena gayhatīti tesaṃ adhippāyo. Atha vā yānadvayavasena laddho maggo samatho vipassanāti āgamanavasena vuttoti daṭṭhabbo. Sappadesattāti sīlakkhandhādīnaṃ ekadesattāti attho. Sīlakkhandhādayo hi sabbalokiyalokuttarasīlādisaṅgāhakā, ariyamaggo lokuttaroyevāti tadekadeso hoti.
โอนตสหาโย วิย วายาโม ปคฺคหกิจฺจสามญฺญโตฯ อํสกูฎํ ทตฺวา ฐิตสหาโย วิย สติ อปิลาปนวเสน นิจฺจลภาวกรณสามญฺญโตฯ สชาติโตติ สวิตกฺกสวิจาราทิเภเทสุ สมานาย สมาธิชาติยาติ อโตฺถฯ กิริยโตติ สมาธิอนุรูปกิริยโตฯ ตโต เอว หิ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา สมาธินิมิตฺตา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา สมาธิปริกฺขารา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) สติวายามานํ สมาธิสฺส นิมิตฺตปริกฺขารภาโว วุโตฺตติฯ
Onatasahāyo viya vāyāmo paggahakiccasāmaññato. Aṃsakūṭaṃ datvā ṭhitasahāyo viya sati apilāpanavasena niccalabhāvakaraṇasāmaññato. Sajātitoti savitakkasavicārādibhedesu samānāya samādhijātiyāti attho. Kiriyatoti samādhianurūpakiriyato. Tato eva hi ‘‘cattāro satipaṭṭhānā samādhinimittā, cattāro sammappadhānā samādhiparikkhārā’’ti (ma. ni. 1.462) sativāyāmānaṃ samādhissa nimittaparikkhārabhāvo vuttoti.
อาโกเฎเนฺตน วิยาติ ‘‘อนิจฺจํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปญฺญาสทิเสน กิเจฺจน สมนฺตโต อาโกเฎเนฺตน วิย ‘‘อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐนา’’ติอาทินา ปริวตฺตเนฺตน วิย จ อาทาย อูหิตฺวา ทินฺนเมว ปญฺญา ปฎิวิชฺฌติฯ ทฺวินฺนํ สมานกาลเตฺตปิ ปจฺจยภาเวน สงฺกปฺปสฺส ปุริมกาลสฺส วิย นิเทฺทโส กโตฯ สชาติโตติ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทีสุ สมานาย ปญฺญาชาติยาฯ กิริยโตติ เอตฺถ ปญฺญาสทิสกิจฺจํ กิริยาติ วุตฺตํ, ปุเพฺพ ปน สมาธิอุปการกํ ตทนุรูปํ กิจฺจนฺติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิเญฺญยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖) วจนโต จตฺตาริปิ อภิมุขํ ปจฺจกฺขโต ญาตพฺพานิ, อภิวิสิเฎฺฐน วา ญาเณน ญาตพฺพานีติ อภิเญฺญยฺยานิฯ
Ākoṭentena viyāti ‘‘aniccaṃ anicca’’ntiādinā paññāsadisena kiccena samantato ākoṭentena viya ‘‘aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhenā’’tiādinā parivattantena viya ca ādāya ūhitvā dinnameva paññā paṭivijjhati. Dvinnaṃ samānakālattepi paccayabhāvena saṅkappassa purimakālassa viya niddeso kato. Sajātitoti ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādīsu samānāya paññājātiyā. Kiriyatoti ettha paññāsadisakiccaṃ kiriyāti vuttaṃ, pubbe pana samādhiupakārakaṃ tadanurūpaṃ kiccanti ayamettha viseso. ‘‘Sabbaṃ, bhikkhave, abhiññeyya’’nti (saṃ. ni. 4.46) vacanato cattāripi abhimukhaṃ paccakkhato ñātabbāni, abhivisiṭṭhena vā ñāṇena ñātabbānīti abhiññeyyāni.
ทุรภิสมฺภวตรนฺติ อภิสมฺภวิตุํ สาเธตุํ อสกฺกุเณยฺยตรํ, สตฺติวิฆาเตน ทุรธิคมนฺติ อโตฺถฯ พาธกปภวสนฺตินิยฺยานลกฺขเณหิ ววตฺถานํ สลกฺขณววตฺถานํฯ ทุรวคาหเตฺถน คมฺภีรตฺตาติ โอฬาริกา ทุกฺขสมุทยาฯ ติรจฺฉานคตานมฺปิ หิ ทุกฺขํ อาหาราทีสุ จ อภิลาโส ปากโฎ, ปีฬนาทิอายูหนาทิวเสน ปน ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อิทมสฺส การณ’’นฺติ ยาถาวโต โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา คมฺภีรา, สณฺหสุขุมธมฺมตฺตา นิโรธมคฺคา สภาวโต เอว คมฺภีรตฺตา ทุรวคาหา, เตเนว อุปฺปเนฺน มเคฺค นตฺถิ นิโรธมคฺคานํ ยาถาวโต อนวคาโหติฯ นิพฺพานมฺปิ มเคฺคน อธิคนฺตพฺพตฺตา ตสฺส ผลนฺติ อปทิสฺสตีติ อาห ‘‘ผลาปเทสโต’’ติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ทุกฺขนิโรเธ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙)ฯ มโคฺคปิ นิโรธสฺส สมฺปาปกภาวโต เหตูติ อปทิสฺสตีติ อาห ‘‘เหตุอปเทสโต’’ติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙)ฯ อิติ วิชญฺญาติ อิติ-สเทฺทน วิชานนกฺกมํ ทเสฺสติฯ เอวํ ปกาเรหีติ เอวํ-สเทฺทน วิชานนการณภูเต นเยฯ
Durabhisambhavataranti abhisambhavituṃ sādhetuṃ asakkuṇeyyataraṃ, sattivighātena duradhigamanti attho. Bādhakapabhavasantiniyyānalakkhaṇehi vavatthānaṃ salakkhaṇavavatthānaṃ. Duravagāhatthena gambhīrattāti oḷārikā dukkhasamudayā. Tiracchānagatānampi hi dukkhaṃ āhārādīsu ca abhilāso pākaṭo, pīḷanādiāyūhanādivasena pana ‘‘idaṃ dukkhaṃ, idamassa kāraṇa’’nti yāthāvato ogāhituṃ asakkuṇeyyattā gambhīrā, saṇhasukhumadhammattā nirodhamaggā sabhāvato eva gambhīrattā duravagāhā, teneva uppanne magge natthi nirodhamaggānaṃ yāthāvato anavagāhoti. Nibbānampi maggena adhigantabbattā tassa phalanti apadissatīti āha ‘‘phalāpadesato’’ti. Vuttañhi ‘‘dukkhanirodhe ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti (vibha. 719). Maggopi nirodhassa sampāpakabhāvato hetūti apadissatīti āha ‘‘hetuapadesato’’ti. Vuttampi cetaṃ ‘‘dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’ti (vibha. 719). Iti vijaññāti iti-saddena vijānanakkamaṃ dasseti. Evaṃ pakārehīti evaṃ-saddena vijānanakāraṇabhūte naye.
อุเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑. ทุกฺขสจฺจนิเทฺทโส
1. Dukkhasaccaniddeso
ชาตินิเทฺทสวณฺณนา
Jātiniddesavaṇṇanā
๑๙๐. ตตฺถ …เป.… อยํ มาติกาติ นิเทฺทสวารอาทิมฺหิ วุเตฺต ชาติอาทินิเทฺทเส เตสํ ชาติอาทีนํ นิเทฺทสวเสน ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส กถนตฺถาย, เตสุ วา ชาติอาทีสุ เตสญฺจ ทุกฺขเฎฺฐ เวทิตเพฺพ ชาติอาทีนํ นิเทฺทสวเสน ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส กถนตฺถาย ทุกฺขทุกฺขนฺติอาทิกา ทุกฺขมาติกา เวทิตพฺพาติ อโตฺถฯ อถ วา ตตฺถาติ ตสฺมิํ นิเทฺทสวาเรฯ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา…เป.… สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ อยํ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส กถนตฺถาย มาติกาติ ยถาทสฺสิตสฺส ชาติอาทินิเทฺทสสฺส มาติกาภาวํ ทีเปติฯ ตํ ทีเปตฺวา ปุน ยสฺมิํ ปททฺวเย ฐตฺวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ กเถตพฺพํ, ตสฺส นิทฺธารณตฺถํ สพฺพํ ทุกฺขํ สงฺกเฑฺฒโนฺต อาห ‘‘อิทญฺหิ ทุกฺขํ นามา’’ติอาทิฯ
190. Tattha…pe… ayaṃ mātikāti niddesavāraādimhi vutte jātiādiniddese tesaṃ jātiādīnaṃ niddesavasena dukkhassa ariyasaccassa kathanatthāya, tesu vā jātiādīsu tesañca dukkhaṭṭhe veditabbe jātiādīnaṃ niddesavasena dukkhassa ariyasaccassa kathanatthāya dukkhadukkhantiādikā dukkhamātikā veditabbāti attho. Atha vā tatthāti tasmiṃ niddesavāre. ‘‘Jātipi dukkhā…pe… saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’ti ayaṃ dukkhassa ariyasaccassa kathanatthāya mātikāti yathādassitassa jātiādiniddesassa mātikābhāvaṃ dīpeti. Taṃ dīpetvā puna yasmiṃ padadvaye ṭhatvā dukkhaṃ ariyasaccaṃ kathetabbaṃ, tassa niddhāraṇatthaṃ sabbaṃ dukkhaṃ saṅkaḍḍhento āha ‘‘idañhi dukkhaṃ nāmā’’tiādi.
สภาวโตติ ทุกฺขเวทยิตสภาวโตฯ นามโตติ เตเนว สภาเวน ลทฺธนามโตฯ เตน น อเญฺญน ปริยาเยน อิทํ ทุกฺขํ นาม, อถ โข ทุกฺขตฺตาเยวาติ สภาเวน นามํ วิเสเสติฯ อถ วา นามโตติ อุทยพฺพยวนฺตตาย ลทฺธนามโตฯ ยถา อเญฺญ อุทยพฺพยวโนฺต ธมฺมา น สภาวโต ทุกฺขา, น เอวํ อิทํ, อถ โข สภาวโต ทุกฺขา, ภูตเมเวทํ ทุกฺขนฺติ ปุริเมน ทุกฺข-สเทฺทน ปจฺฉิมํ วิเสเสติฯ วิปริณามวนฺตตาย สุขํ อนิฎฺฐเมว โหตีติ ทุกฺขํ นาม ชาตํฯ เตเนวาห ‘‘ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต’’ติฯ กณฺณสูลาทีหิ อภิภูตสฺส นิตฺถุนนาทีหิ ทุกฺขาภิภูตตาย วิญฺญายมานายปิ กิํ ตว รุชฺชตีติ ปุจฺฉิตฺวาว กณฺณสูลาทิทุกฺขํ ชานิตพฺพํ โหตีติ ปฎิจฺฉนฺนทุกฺขตา ตสฺส วุตฺตาฯ อุปกฺกมสฺส จ ปากฎภาวโตติ การณาวเสน ทุกฺขวิเสสสฺส ปากฎภาวํ ทเสฺสติฯ
Sabhāvatoti dukkhavedayitasabhāvato. Nāmatoti teneva sabhāvena laddhanāmato. Tena na aññena pariyāyena idaṃ dukkhaṃ nāma, atha kho dukkhattāyevāti sabhāvena nāmaṃ viseseti. Atha vā nāmatoti udayabbayavantatāya laddhanāmato. Yathā aññe udayabbayavanto dhammā na sabhāvato dukkhā, na evaṃ idaṃ, atha kho sabhāvato dukkhā, bhūtamevedaṃ dukkhanti purimena dukkha-saddena pacchimaṃ viseseti. Vipariṇāmavantatāya sukhaṃ aniṭṭhameva hotīti dukkhaṃ nāma jātaṃ. Tenevāha ‘‘dukkhuppattihetuto’’ti. Kaṇṇasūlādīhi abhibhūtassa nitthunanādīhi dukkhābhibhūtatāya viññāyamānāyapi kiṃ tava rujjatīti pucchitvāva kaṇṇasūlādidukkhaṃ jānitabbaṃ hotīti paṭicchannadukkhatā tassa vuttā. Upakkamassa ca pākaṭabhāvatoti kāraṇāvasena dukkhavisesassa pākaṭabhāvaṃ dasseti.
สภาวํ มุญฺจิตฺวา ปการนฺตเรน ทุกฺขนฺติ วุจฺจมานํ ปริยายทุกฺขํฯ กเถตพฺพตฺตา ปฎิญฺญาตํ ยถา กเถตพฺพํ, ตํปการทสฺสนตฺถํ ‘‘อริยสจฺจญฺจ นาเมต’’นฺติอาทิมาหฯ สเงฺขโป สามญฺญํ, สามญฺญญฺจ วิเสเส อโนฺตกริตฺวา ปวตฺตตีติ ตตฺถ อุภยถาปิ กเถตุํ วฎฺฎติฯ วิตฺถาโร ปน วิเสโส ชาติอาทิโก, วิเสโส จ วิเสสนฺตรนิวตฺตโกติ ชาติอาทีสุ ชราทีนํ สงฺขิปนํ น สกฺกา กาตุนฺติ ตตฺถ วิตฺถาเรเนว กเถตพฺพํฯ
Sabhāvaṃ muñcitvā pakārantarena dukkhanti vuccamānaṃ pariyāyadukkhaṃ. Kathetabbattā paṭiññātaṃ yathā kathetabbaṃ, taṃpakāradassanatthaṃ ‘‘ariyasaccañca nāmeta’’ntiādimāha. Saṅkhepo sāmaññaṃ, sāmaññañca visese antokaritvā pavattatīti tattha ubhayathāpi kathetuṃ vaṭṭati. Vitthāro pana viseso jātiādiko, viseso ca visesantaranivattakoti jātiādīsu jarādīnaṃ saṅkhipanaṃ na sakkā kātunti tattha vitthāreneva kathetabbaṃ.
๑๙๑. ‘‘อปรสฺส อปรสฺสา’’ติ ทีปนํ อปรตฺถทีปนํฯ สามิอเตฺถปิ หิ อปรตฺถ-สโทฺท สิชฺฌตีติฯ เตสํ เตสนฺติ วา สามิวเสน วุตฺตํ อตฺถํ ภุมฺมวเสน วตฺตุกามตาย อาห ‘‘อปรตฺถทีปน’’นฺติ, อปรสฺมิํ อปรสฺมิํ ทีปนนฺติ อโตฺถฯ อปรสฺส อปรสฺส วา ชาติสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปนํ อปรตฺถทีปนํฯ ปญฺจคติวเสน เอเกกายปิ คติยา ขตฺติยาทิภุมฺมเทวาทิหตฺถิอาทิชาติวเสน จาติ คติชาติวเสนฯ
191. ‘‘Aparassa aparassā’’ti dīpanaṃ aparatthadīpanaṃ. Sāmiatthepi hi aparattha-saddo sijjhatīti. Tesaṃ tesanti vā sāmivasena vuttaṃ atthaṃ bhummavasena vattukāmatāya āha ‘‘aparatthadīpana’’nti, aparasmiṃ aparasmiṃ dīpananti attho. Aparassa aparassa vā jātisaṅkhātassa atthassa dīpanaṃ aparatthadīpanaṃ. Pañcagativasena ekekāyapi gatiyā khattiyādibhummadevādihatthiādijātivasena cāti gatijātivasena.
ติณากาโร ติณชาติ, โส จ อุปาทาปญฺญตฺตีติ ‘‘ปญฺญตฺติย’’นฺติ อาหฯ ตทุปาทายาติ ตํ ปฐมํ วิญฺญาณํ อุปาทาย อยํ ชาติ, นาสฺส กุโตจิ นิคฺคมนํ อุปาทายฯ ยสฺมา จ เอวํ, ตสฺมา สาวสฺส ชาติ ปฐมวิญฺญาณสงฺขาตาติ อโตฺถฯ อถ วา ตทุปาทาย สชาโตติ วุจฺจตีติ สาวสฺส ชาติ ปฐมวิญฺญาณสงฺขาตาติ อโตฺถฯ วิญฺญาณมุเขน จ ปญฺจปิ ขนฺธา วุตฺตา โหนฺตีติ ‘‘ปฎิสนฺธิย’’นฺติ อาหฯ อริยภาวกรณตฺตา อริยสีลนฺติ ปาติโมกฺขสํวโร วุจฺจติฯ ชาติอาทีนิปิ ลกฺขณานิ ธมฺมานํ อาการวิการาติ กตฺวา สหุปฺปาทกา สหวิการกาติ วุตฺตาฯ ชายนเฎฺฐนาติอาทิ อายตนวเสน โยนิวเสน จ ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ปุริมนเย ปน เอเกเกเนว ปเทน สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติ ทสฺสิตาติ อยํ วิเสโสฯ เกจิ ปน ‘‘ปุริมนเย กตฺตุนิเทฺทโส, ปจฺฉิมนเย ภาวนิเทฺทโส กโต’’ติ วทนฺติ, ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ ชาตี’’ติ ปน กตฺตริ สามินิเทฺทสสฺส กตตฺตา อุภยตฺถาปิ ภาวนิเทฺทโสว ยุโตฺตฯ สมฺปุณฺณา ชาติ สญฺชาติฯ ปากฎา นิพฺพตฺติ อภินิพฺพตฺติฯ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ…เป.… อภินิพฺพตฺตี’’ติ สตฺตวเสน ปวตฺตตฺตา สมฺมุติกถาฯ
Tiṇākāro tiṇajāti, so ca upādāpaññattīti ‘‘paññattiya’’nti āha. Tadupādāyāti taṃ paṭhamaṃ viññāṇaṃ upādāya ayaṃ jāti, nāssa kutoci niggamanaṃ upādāya. Yasmā ca evaṃ, tasmā sāvassa jāti paṭhamaviññāṇasaṅkhātāti attho. Atha vā tadupādāya sajātoti vuccatīti sāvassa jāti paṭhamaviññāṇasaṅkhātāti attho. Viññāṇamukhena ca pañcapi khandhā vuttā hontīti ‘‘paṭisandhiya’’nti āha. Ariyabhāvakaraṇattā ariyasīlanti pātimokkhasaṃvaro vuccati. Jātiādīnipi lakkhaṇāni dhammānaṃ ākāravikārāti katvā sahuppādakā sahavikārakāti vuttā. Jāyanaṭṭhenātiādi āyatanavasena yonivasena ca dvīhi dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyitvā jātiṃ dassetuṃ vuttaṃ. Purimanaye pana ekekeneva padena sabbasatte pariyādiyitvā jāti dassitāti ayaṃ viseso. Keci pana ‘‘purimanaye kattuniddeso, pacchimanaye bhāvaniddeso kato’’ti vadanti, ‘‘tesaṃ tesaṃ sattānaṃ jātī’’ti pana kattari sāminiddesassa katattā ubhayatthāpi bhāvaniddesova yutto. Sampuṇṇā jāti sañjāti. Pākaṭā nibbatti abhinibbatti. ‘‘Tesaṃ tesaṃ sattānaṃ…pe… abhinibbattī’’ti sattavasena pavattattā sammutikathā.
ตตฺร ตตฺราติ เอกจตุโวการภเวสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ, เสเส รูปธาตุยํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ปญฺจนฺนํ, กามธาตุยํ วิกลาวิกลินฺทฺริยานํ วเสน สตฺตนฺนํ นวนฺนํ ทสนฺนํ ปุน ทสนฺนํ เอกาทสนฺนญฺจ อายตนานํ วเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ เอกภวปริยาปนฺนสฺส ขนฺธสนฺตานสฺส ปฐมาภินิพฺพตฺติภูตา ปฎิสนฺธิกฺขนฺธาติ อาห ‘‘ปฐมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา’’ติฯ ตเมว สนฺตานํ นิยฺยาเตนฺตํ วิย ‘‘หนฺท คณฺหถา’’ติ ปฎิจฺฉาเปนฺตํ วิย ปวตฺตตีติ นิยฺยาตนรสาฯ สนฺตติยา เอว อุมฺมุชฺชนํ หุตฺวา คยฺหตีติ อุมฺมุชฺชนปจฺจุปฎฺฐานาฯ ทุกฺขราสิสฺส วิจิตฺตตา ทุกฺขวิจิตฺตตา, ทุกฺขวิเสสา วา ตทวยวา, ตํ ปจฺจุปฎฺฐาเปติ ผลตีติ ทุกฺขวิจิตฺตตาปจฺจุปฎฺฐานาฯ
Tatra tatrāti ekacatuvokārabhavesu dvinnaṃ dvinnaṃ, sese rūpadhātuyaṃ paṭisandhikkhaṇe uppajjamānānaṃ pañcannaṃ, kāmadhātuyaṃ vikalāvikalindriyānaṃ vasena sattannaṃ navannaṃ dasannaṃ puna dasannaṃ ekādasannañca āyatanānaṃ vasena saṅgaho veditabbo. Ekabhavapariyāpannassa khandhasantānassa paṭhamābhinibbattibhūtā paṭisandhikkhandhāti āha ‘‘paṭhamābhinibbattilakkhaṇā’’ti. Tameva santānaṃ niyyātentaṃ viya ‘‘handa gaṇhathā’’ti paṭicchāpentaṃ viya pavattatīti niyyātanarasā. Santatiyā eva ummujjanaṃ hutvā gayhatīti ummujjanapaccupaṭṭhānā. Dukkharāsissa vicittatā dukkhavicittatā, dukkhavisesā vā tadavayavā, taṃ paccupaṭṭhāpeti phalatīti dukkhavicittatāpaccupaṭṭhānā.
ปริยายนิปฺปริยายทุเกฺขสุ ยํ ทุกฺขํ ชาติ โหติ, ตํ ทุกฺขภาโวเยว ตสฺสา ทุกฺขโฎฺฐฯ ยทิ อกฺขาเนน ปาปุณิตพฺพํ สิยา, ภควา อาจิเกฺขยฺยฯ ภควตาปิ –
Pariyāyanippariyāyadukkhesu yaṃ dukkhaṃ jāti hoti, taṃ dukkhabhāvoyeva tassā dukkhaṭṭho. Yadi akkhānena pāpuṇitabbaṃ siyā, bhagavā ācikkheyya. Bhagavatāpi –
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตโม นุ โข มหนฺตตโร? โย จายํ มยา ปริโตฺต ปาณิมโตฺต ปาสาโณ คหิโต, โย จ หิมวา ปพฺพตราชาติฯ อปฺปม…เป.… คหิโต, หิมวนฺตํ ปพฺพตราชานํ อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ, อุปนิธมฺปิ น อุเปติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ โส ปุริโส ตีหิ สตฺติสเตหิ หญฺญมาโน ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ, ตํ เนรยิกสฺส ทุกฺขสฺส อุปนิธาย สงฺขมฺปิ…เป.… อุปนิธมฺปิ น อุเปตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) –
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamo nu kho mahantataro? Yo cāyaṃ mayā paritto pāṇimatto pāsāṇo gahito, yo ca himavā pabbatarājāti. Appama…pe… gahito, himavantaṃ pabbatarājānaṃ upanidhāya saṅkhampi na upeti, kalabhāgampi na upeti, upanidhampi na upeti. Evameva kho, bhikkhave, yaṃ so puriso tīhi sattisatehi haññamāno tatonidānaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti, taṃ nerayikassa dukkhassa upanidhāya saṅkhampi…pe… upanidhampi na upetī’’ti (ma. ni. 3.250) –
อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกทุกฺขํฯ สุขุปฺปตฺติการณานิ สุจีนิ อุปฺปลาทีนีติ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตินิวารเณน ชาติยา ทุกฺขวตฺถุภาวํ ทเสฺสติ ‘‘อถ โข’’ติอาทินาฯ ทุกฺขุปฺปตฺติการเณ นิพฺพตฺตเนน คพฺภปริหรณูปกฺกเมน วินา มาตุกุจฺฉิสมฺภวเมว ทุกฺขํ คโพฺภกฺกนฺติมูลกํ อญฺญานเปกฺขตฺตา, อุปกฺกมนิพฺพตฺตํ ปน ปริหรณมูลกํ โอกฺกนฺติมตฺตานเปกฺขตฺตาฯ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
Upamāvasena pakāsitaṃ āpāyikadukkhaṃ. Sukhuppattikāraṇāni sucīni uppalādīnīti katvā tattha nibbattinivāraṇena jātiyā dukkhavatthubhāvaṃ dasseti ‘‘atha kho’’tiādinā. Dukkhuppattikāraṇe nibbattanena gabbhapariharaṇūpakkamena vinā mātukucchisambhavameva dukkhaṃ gabbhokkantimūlakaṃ aññānapekkhattā, upakkamanibbattaṃ pana pariharaṇamūlakaṃ okkantimattānapekkhattā. Ayametesaṃ viseso.
อตฺตโน อภิมุขํ กฑฺฒนํ อากฑฺฒนํ, ปริโต สพฺพโตภาเคน กฑฺฒนํ ปริกฑฺฒนํฯ อโธ ธุนนํ โอธุนนํ, ติริยํ, สพฺพโต วา ธุนนํ นิธุนนํฯ ตเจฺฉตฺวา ขารปกฺขิปนํ ขาราปฎิจฺฉกํฯ
Attano abhimukhaṃ kaḍḍhanaṃ ākaḍḍhanaṃ, parito sabbatobhāgena kaḍḍhanaṃ parikaḍḍhanaṃ. Adho dhunanaṃ odhunanaṃ, tiriyaṃ, sabbato vā dhunanaṃ nidhunanaṃ. Tacchetvā khārapakkhipanaṃ khārāpaṭicchakaṃ.
สกลสรีรนฺหาปนํ นฺหาปนํ, เอกเทสโธวนํ โธวนํ, สูริยาภิมุขปวตฺตเนน อาตาปนํ, ปญฺจคฺคิตาเปน ปริตาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สโพฺพเยว วา ตาโป ทฺวิธาปิ วุโตฺตฯ
Sakalasarīranhāpanaṃ nhāpanaṃ, ekadesadhovanaṃ dhovanaṃ, sūriyābhimukhapavattanena ātāpanaṃ, pañcaggitāpena paritāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sabboyeva vā tāpo dvidhāpi vutto.
กุหิํ นุ ปติฎฺฐํ ลเภถ, ชาติยา วินา น ตสฺส ทุกฺขสฺส ปติฎฺฐานํ อตฺถีติ อโตฺถ, ชาติยา วา วินา โส สโตฺต กุหิํ นุ ปติฎฺฐํ, กตฺถ นุ ปติฎฺฐโนฺต ตํ ทุกฺขํ ลเภถาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ติรจฺฉาเนสุ กถํ ทุกฺขํ ภเวยฺย ตหิํ ติรจฺฉาเนสุ ชาติํ วินาฯ น จสฺสาติ น เจ อสฺสฯ นนุ เนวตฺถีติ สมฺพโนฺธ กาตโพฺพ, นนุ อาหาติ วาฯ ยทโตติ ยสฺมา เนวตฺถิ, ตสฺมา อาหาติ อโตฺถฯ
Kuhiṃ nu patiṭṭhaṃ labhetha, jātiyā vinā na tassa dukkhassa patiṭṭhānaṃ atthīti attho, jātiyā vā vinā so satto kuhiṃ nu patiṭṭhaṃ, kattha nu patiṭṭhanto taṃ dukkhaṃ labhethāti attho. Tattha tiracchānesu kathaṃ dukkhaṃ bhaveyya tahiṃ tiracchānesu jātiṃ vinā. Na cassāti na ce assa. Nanu nevatthīti sambandho kātabbo, nanu āhāti vā. Yadatoti yasmā nevatthi, tasmā āhāti attho.
ชรานิเทฺทสวณฺณนา
Jarāniddesavaṇṇanā
๑๙๒. ชีรณเมว ชีรณตา, ชีรณสฺส วา อากาโร ตา-สเทฺทน วุโตฺตฯ
192. Jīraṇameva jīraṇatā, jīraṇassa vā ākāro tā-saddena vutto.
ยถาปุเร อสลฺลเกฺขเนฺตติ คารวกรณอุปฎฺฐานาทีนิ อสลฺลเกฺขเนฺต ตํนิมิตฺตํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ
Yathāpure asallakkhenteti gāravakaraṇaupaṭṭhānādīni asallakkhente taṃnimittaṃ domanassaṃ uppajjatīti attho.
สตาทีนนฺติ สติสุตวีริยปญฺญาทีนํ วิปฺปวาสนิมิตฺตํ อตฺตนา อปสาเทตเพฺพหิปิ อตฺตโน ปุตฺตทาเรหิ อปสาทนียโตฯ อวสวตฺตงฺคปจฺจงฺคตาย สุจิอสุจิอาทิวิจารณวิรเหน จ พาลกุมารกกาโล วิย ชิณฺณกาโล โหตีติ อาห ‘‘ภิโยฺย พาลตฺตปฺปตฺติยา’’ติฯ
Satādīnanti satisutavīriyapaññādīnaṃ vippavāsanimittaṃ attanā apasādetabbehipi attano puttadārehi apasādanīyato. Avasavattaṅgapaccaṅgatāya suciasuciādivicāraṇavirahena ca bālakumārakakālo viya jiṇṇakālo hotīti āha ‘‘bhiyyo bālattappattiyā’’ti.
มรณนิเทฺทสวณฺณนา
Maraṇaniddesavaṇṇanā
๑๙๓. ‘‘กาลสฺส อนฺตกสฺส กิริยา’’ติ ยา โลเก วุจฺจติ, สา จุติ, มรณนฺติ อโตฺถฯ จวนกาโลเยว วา อนติกฺกมนียตฺตา วิเสเสน กาโลติ วุโตฺต, ตสฺส กิริยา จุติกฺขนฺธานํ เภทปฺปตฺติเยวฯ มจฺจุ มรณนฺติ เอตฺถาปิ สมาสํ อกตฺวา โย มจฺจุ วุจฺจติ เภโท, ยญฺจ มรณํ ปาณจาโค, อิทํ วุจฺจติ มรณนฺติ วิสุํ สมฺพโนฺธ น น ยุชฺชติฯ
193. ‘‘Kālassa antakassa kiriyā’’ti yā loke vuccati, sā cuti, maraṇanti attho. Cavanakāloyeva vā anatikkamanīyattā visesena kāloti vutto, tassa kiriyā cutikkhandhānaṃ bhedappattiyeva. Maccu maraṇanti etthāpi samāsaṃ akatvā yo maccu vuccati bhedo, yañca maraṇaṃ pāṇacāgo, idaṃ vuccati maraṇanti visuṃ sambandho na na yujjati.
ยสฺส ขนฺธเภทสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘ติโสฺส มโต, ผุโสฺส มโต’’ติ โวหาโร โหติ, โส ขนฺธปฺปพนฺธสฺส อนุปจฺฉินฺนตาย ‘‘สมฺมุติมรณ’’นฺติ วุโตฺต, ปพนฺธสมุเจฺฉโท จ ‘‘สมุเจฺฉทมรณ’’นฺติฯ มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ทุกฺขสจฺจกถา วฎฺฎกถาติ กตฺวา ‘‘สมฺมุติมรณํ อธิเปฺปต’’นฺติ อาหฯ ตเสฺสว นามนฺติ ตพฺภาวโต ตเทกเทสภาวโต จ มรณ-สทฺทพหุเตฺต อสโมฺมหตฺถํ วุตฺตํฯ จุติลกฺขณนฺติ ‘‘จวนตา’’ติ นิทสฺสิตจวนลกฺขณเมว วทติฯ สมฺปตฺติภวขเนฺธหิ วิโยเชตีติ วิโยครสํ, วิโยคกิริยาภูตตาย วา ‘‘วิโยครส’’นฺติ วุตฺตํฯ สตฺตสฺส ปุริมภวโต วิปฺปวาโส หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ วิปฺปวาสปจฺจุปฎฺฐานํฯ
Yassa khandhabhedassa pavattattā ‘‘tisso mato, phusso mato’’ti vohāro hoti, so khandhappabandhassa anupacchinnatāya ‘‘sammutimaraṇa’’nti vutto, pabandhasamucchedo ca ‘‘samucchedamaraṇa’’nti. Maraṇampi dukkhanti imasmiṃ panatthe dukkhasaccakathā vaṭṭakathāti katvā ‘‘sammutimaraṇaṃ adhippeta’’nti āha. Tasseva nāmanti tabbhāvato tadekadesabhāvato ca maraṇa-saddabahutte asammohatthaṃ vuttaṃ. Cutilakkhaṇanti ‘‘cavanatā’’ti nidassitacavanalakkhaṇameva vadati. Sampattibhavakhandhehi viyojetīti viyogarasaṃ, viyogakiriyābhūtatāya vā ‘‘viyogarasa’’nti vuttaṃ. Sattassa purimabhavato vippavāso hutvā upaṭṭhātīti vippavāsapaccupaṭṭhānaṃ.
มรณนฺติกาติ มรณสฺส อาสนฺนาฯ ยทิ มรณํ น ภวิสฺสติ, ยถาวุตฺตํ กายิกํ เจตสิกญฺจ ทุกฺขํ น ภวิสฺสตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ ทุกฺขานํ วตฺถุภาเวนา’’ติฯ
Maraṇantikāti maraṇassa āsannā. Yadi maraṇaṃ na bhavissati, yathāvuttaṃ kāyikaṃ cetasikañca dukkhaṃ na bhavissatīti āha ‘‘dvinnampi dukkhānaṃ vatthubhāvenā’’ti.
ปาปกมฺมาทินิมิตฺตนฺติ ปาปกมฺมนิมิตฺตํ ปาปคตินิมิตฺตญฺจาติ อโตฺถ, กมฺมมฺปิ วา เอตฺถ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ อุปปตฺตินิมิตฺตภาเวน อุปฎฺฐานโตฯ ตทุปฎฺฐาเนปิ หิ ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา อนปฺปกํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติฯ ภทฺทสฺสาติ กลฺยาณกมฺมสฺสาติ อโตฺถฯ อวิเสสโตติ ‘‘สเพฺพส’’นฺติ เอเตน โยเชตพฺพํฯ สเพฺพสนฺติ จ เยสํ กายิกํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, เตเยว สเพฺพ คหิตา ‘‘วิตุชฺชมานมมฺมาน’’นฺติ วิเสสิตตฺตาฯ สนฺธีนํ พนฺธนานิ สนฺธิพนฺธนานิ , เตสํ เฉทเนน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขํ ‘‘สนฺธิพนฺธนเจฺฉทน’’นฺติ วุตฺตํฯ อาทิ-สโทฺท วา การณโตฺถ, สนฺธิพนฺธนเจฺฉทนมูลกนฺติ อโตฺถฯ
Pāpakammādinimittanti pāpakammanimittaṃ pāpagatinimittañcāti attho, kammampi vā ettha ‘‘nimitta’’nti vuttaṃ upapattinimittabhāvena upaṭṭhānato. Tadupaṭṭhānepi hi ‘‘akataṃ vata me kalyāṇa’’ntiādinā anappakaṃ domanassaṃ uppajjatīti. Bhaddassāti kalyāṇakammassāti attho. Avisesatoti ‘‘sabbesa’’nti etena yojetabbaṃ. Sabbesanti ca yesaṃ kāyikaṃ dukkhaṃ uppajjati, teyeva sabbe gahitā ‘‘vitujjamānamammāna’’nti visesitattā. Sandhīnaṃ bandhanāni sandhibandhanāni , tesaṃ chedanena nibbattaṃ dukkhaṃ ‘‘sandhibandhanacchedana’’nti vuttaṃ. Ādi-saddo vā kāraṇattho, sandhibandhanacchedanamūlakanti attho.
อนยพฺยสนาปาทนํ วิยาติ อนยพฺยสนาปตฺติ วิยาติ อโตฺถฯ วาฬาทีหิ กเต หิ อนยพฺยสนาปาทเน อโนฺตคธา อนยพฺยสนาปตฺติ เอตฺถ นิทสฺสนนฺติฯ
Anayabyasanāpādanaṃ viyāti anayabyasanāpatti viyāti attho. Vāḷādīhi kate hi anayabyasanāpādane antogadhā anayabyasanāpatti ettha nidassananti.
โสกนิเทฺทสวณฺณนา
Sokaniddesavaṇṇanā
๑๙๔. สุขการณํ หิตํ, ตสฺส ผลํ สุขํฯ ญาติกฺขโยติ โภคาทีหิ ญาตีนํ ปริหานิ มรณญฺจฯ อยํ ปน วิเสโสติ โภคพฺยสนาทิปทตฺถวิเสสํ โรคพฺยสนาทีสุ สมาสวิเสสญฺจ สนฺธายาหฯ ญาติโภคา ปญฺญตฺติมตฺตา ตพฺพินาสาวาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อปรินิปฺผนฺนตํ สนฺธาย ‘‘อนิปฺผนฺนานี’’ติ อาหฯ อปรินิปฺผนฺนตํเยว หิ สนฺธาย วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๗ อาทโย) จ ‘‘ทส รูปานิ อนิปฺผนฺนานี’’ติ วุตฺตํฯ รูปกณฺฑวณฺณนายญฺหิ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๙๗๕ ปกิณฺณกกถา) นิ ‘‘อปรินิปฺผนฺนานี’’ติ วุตฺตานิฯ ขนฺธวิภเงฺค จ นิปฺผาเทตพฺพสฺส นิโรธสมาปตฺติอาทิกสฺส นิปฺผนฺนตา วุตฺตาติ อสภาวธมฺมสฺส จ นิปฺผนฺนตา, นิพฺพานเสฺสว อนิปฺผนฺนตาติฯ
194. Sukhakāraṇaṃ hitaṃ, tassa phalaṃ sukhaṃ. Ñātikkhayoti bhogādīhi ñātīnaṃ parihāni maraṇañca. Ayaṃ pana visesoti bhogabyasanādipadatthavisesaṃ rogabyasanādīsu samāsavisesañca sandhāyāha. Ñātibhogā paññattimattā tabbināsāvāti iminā adhippāyena aparinipphannataṃ sandhāya ‘‘anipphannānī’’ti āha. Aparinipphannataṃyeva hi sandhāya visuddhimagge (visuddhi. 2.447 ādayo) ca ‘‘dasa rūpāni anipphannānī’’ti vuttaṃ. Rūpakaṇḍavaṇṇanāyañhi (dha. sa. aṭṭha. 975 pakiṇṇakakathā) ni ‘‘aparinipphannānī’’ti vuttāni. Khandhavibhaṅge ca nipphādetabbassa nirodhasamāpattiādikassa nipphannatā vuttāti asabhāvadhammassa ca nipphannatā, nibbānasseva anipphannatāti.
ธมฺม-สโทฺท เหตุอโตฺถติ อาห ‘‘ทุกฺขสฺส อุปฺปตฺติเหตุนา’’ติฯ ฌามนฺติ ทฑฺฒํฯ ปุเพฺพ วุตฺตลกฺขณาทิกา โทมนสฺสเวทนา โสโกติ ตสฺส ปุน ลกฺขณาทโย น วตฺตพฺพา สิยุํ, ตถาปิ โทมนสฺสวิเสสตฺตา โสกสฺส จ วิสิฎฺฐา ลกฺขณาทโย วตฺตพฺพาติ ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิมาหฯ วิสารรหิตํ อโนฺต เอว สงฺกุจิตํ จินฺตนํ, สุกฺขนํ วา อโนฺตนิชฺฌานํฯ ปรินิชฺฌายนํ ทหนํฯ ญาติพฺยสนาทิอนุรูปํ โสจนํ อนุโสจนํ, ตํ ตํ วา คุณํ โทสญฺจ อนุคนฺตฺวา โสจนํ ตปฺปนํ อนุโสจนํฯ
Dhamma-saddo hetuatthoti āha ‘‘dukkhassa uppattihetunā’’ti. Jhāmanti daḍḍhaṃ. Pubbe vuttalakkhaṇādikā domanassavedanā sokoti tassa puna lakkhaṇādayo na vattabbā siyuṃ, tathāpi domanassavisesattā sokassa ca visiṭṭhā lakkhaṇādayo vattabbāti ‘‘kiñcāpī’’tiādimāha. Visārarahitaṃ anto eva saṅkucitaṃ cintanaṃ, sukkhanaṃ vā antonijjhānaṃ. Parinijjhāyanaṃ dahanaṃ. Ñātibyasanādianurūpaṃ socanaṃ anusocanaṃ, taṃ taṃ vā guṇaṃ dosañca anugantvā socanaṃ tappanaṃ anusocanaṃ.
ชวนกฺขเณติ มโนทฺวารชวนกฺขเณฯ ตถา หิ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺตกา เม’’ติอาทิมาหฯ กายวิญฺญาณาทิวีถิยมฺปิ ปน ชวนกฺขเณ โทมนสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ เอวฯ เตเนว ‘‘ชวนกฺขเณ จา’’ติ อาหฯ อญฺญถา กายิกเจตสิกทุกฺขานํ กายวตฺถุกมโนทฺวารปฺปวตฺตานเมว ปจฺจโยติ คเณฺหยฺย ตตฺถ วิเสเสน กายิกเจตสิกสทฺทปฺปวตฺติโตฯ
Javanakkhaṇeti manodvārajavanakkhaṇe. Tathā hi taṃ dassento ‘‘ettakā me’’tiādimāha. Kāyaviññāṇādivīthiyampi pana javanakkhaṇe domanassassa paccayo hoti eva. Teneva ‘‘javanakkhaṇe cā’’ti āha. Aññathā kāyikacetasikadukkhānaṃ kāyavatthukamanodvārappavattānameva paccayoti gaṇheyya tattha visesena kāyikacetasikasaddappavattito.
ตุชฺชตีติ ‘‘ตุทตี’’ติ วตฺตเพฺพ พฺยตฺตยวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tujjatīti ‘‘tudatī’’ti vattabbe byattayavasena vuttanti veditabbaṃ.
ปริเทวนิเทฺทสวณฺณนา
Paridevaniddesavaṇṇanā
๑๙๕. อาเทวนฺติ เอเตนาติ อาเทโวติ อาเทวน-สทฺทํ กตฺวา อสฺสุวิโมจนาทิวิการํ อาปชฺชนฺตานํ ตพฺพิการาปตฺติยา โส สโทฺท กรณภาเวน วุโตฺตติฯ วีหิปลาปาทโย วิย ตุจฺฉํ วจนํ ปลาโปฯ คุณโทเส กิเตฺตติ โพเธตีติ คุณโทสกิตฺตนรโส ลาลปฺป-สโทฺทฯ อตฺถานเตฺถ หิริยิตพฺพชเน จ อวิจาเรตฺวา ปุคฺคลสฺส สมฺภมภาโว หุตฺวา ปริเทวน-สโทฺท อุปฎฺฐาตีติ ‘‘สมฺภมปจฺจุปฎฺฐาโน’’ติ วุโตฺต, โสกวตฺถุอวิฆาเตน วา สมฺภโม, น อุตฺตาสสมฺภโม, โส จ ปริเทวน-สเทฺทน ปากโฎ โหตีติ ปริเทโว ‘‘สมฺภมปจฺจุปฎฺฐาโน’’ติ วุโตฺตฯ
195. Ādevanti etenāti ādevoti ādevana-saddaṃ katvā assuvimocanādivikāraṃ āpajjantānaṃ tabbikārāpattiyā so saddo karaṇabhāvena vuttoti. Vīhipalāpādayo viya tucchaṃ vacanaṃ palāpo. Guṇadose kitteti bodhetīti guṇadosakittanaraso lālappa-saddo. Atthānatthe hiriyitabbajane ca avicāretvā puggalassa sambhamabhāvo hutvā paridevana-saddo upaṭṭhātīti ‘‘sambhamapaccupaṭṭhāno’’ti vutto, sokavatthuavighātena vā sambhamo, na uttāsasambhamo, so ca paridevana-saddena pākaṭo hotīti paridevo ‘‘sambhamapaccupaṭṭhāno’’ti vutto.
โสกาภิภูโต ปริเทวนนิมิตฺตํ มุฎฺฐิโปถนาทีนิ กโรติ, ปริเทวนนิมิตฺตเมว จ ญาติอพฺภตฺถงฺคมนาทีนิ จิเนฺตตีติ ปริเทวสฺส ทุกฺขโทมนสฺสานํ วตฺถุภาโว วุโตฺตฯ
Sokābhibhūto paridevananimittaṃ muṭṭhipothanādīni karoti, paridevananimittameva ca ñātiabbhatthaṅgamanādīni cintetīti paridevassa dukkhadomanassānaṃ vatthubhāvo vutto.
ภิโยฺยติ เยน วินา น โหติ, ตโต ปริเทวสมุฎฺฐาปกโทมนสฺสโต, ปุเพฺพ วุตฺตทุกฺขโต วา ภิโยฺย, กโณฺฐฎฺฐตาลุอาทิโสสชโตปิ วา ภิโยฺยติ อญฺญญฺจ กายิกํ เจตสิกํ ตํนิทานทุกฺขํ สงฺคณฺหาติฯ
Bhiyyoti yena vinā na hoti, tato paridevasamuṭṭhāpakadomanassato, pubbe vuttadukkhato vā bhiyyo, kaṇṭhoṭṭhatāluādisosajatopi vā bhiyyoti aññañca kāyikaṃ cetasikaṃ taṃnidānadukkhaṃ saṅgaṇhāti.
ทุกฺขโทมนสฺสนิเทฺทสวณฺณนา
Dukkhadomanassaniddesavaṇṇanā
๑๙๖-๗. กายิกํ ทุกฺขํ กายิกสฺส ทุกฺขสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโยติ ‘‘ทุกฺขิตสฺส ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ เอเตน ทุเกฺขน อภิภูตตฺตา นกฺขตฺตํ กีฬิตุํ น ลภามีติ พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ ทุกฺขสฺส โทมนสฺสวตฺถุตา โหติฯ
196-7. Kāyikaṃ dukkhaṃ kāyikassa dukkhassa upanissayapaccayoti ‘‘dukkhitassa dukkhaṃ uppajjatī’’ti vuttaṃ. Etena dukkhena abhibhūtattā nakkhattaṃ kīḷituṃ na labhāmīti balavadomanassaṃ uppajjatīti dukkhassa domanassavatthutā hoti.
อตฺตโน ปวตฺติกฺขณํ สนฺธาย ‘‘ปีเฬตี’’ติ วุตฺตํ กายิกทุกฺขํ, ตทุปนิสฺสยโต วาฯ
Attano pavattikkhaṇaṃ sandhāya ‘‘pīḷetī’’ti vuttaṃ kāyikadukkhaṃ, tadupanissayato vā.
อาวฎฺฎนฺตีติ ปริวฎฺฎนฺติฯ วิวฎฺฎนฺตีติ ปพฺภาเร ขิตฺตตฺถโมฺภ วิย ลุธนฺติฯ มูลจฺฉินฺนรุโกฺข วิย ฉินฺนปปาตํ ปปตนฺติ, ปริทยฺหมานจิตฺตา ปุริมโทมนสฺสุปนิสฺสยวเสน จิเนฺตนฺติ, วิคเต โทมนเสฺส ตถาจินฺตนํ นตฺถีติฯ
Āvaṭṭantīti parivaṭṭanti. Vivaṭṭantīti pabbhāre khittatthambho viya ludhanti. Mūlacchinnarukkho viya chinnapapātaṃ papatanti, paridayhamānacittā purimadomanassupanissayavasena cintenti, vigate domanasse tathācintanaṃ natthīti.
อุปายาสนิเทฺทสวณฺณนา
Upāyāsaniddesavaṇṇanā
๑๙๘. สพฺพวิสยปฺปฎิปตฺตินิวารณวเสน สมนฺตโต สีทนํ สํสีทนํ, อุเฎฺฐตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยตากรณวเสน อติพลวํ, วิรูปํ วา สีทนํ วิสีทนํฯ อญฺญํ วิสยํ อคนฺตฺวา ญาติพฺยสนาทีสุ วิรูโป อาสโงฺค ตเตฺถว อวพนฺธตา พฺยาสตฺติฯ นิตฺถุนนกรณโต นิตฺถุนนรโสฯ วิสีทนํ วิสาโทฯ
198. Sabbavisayappaṭipattinivāraṇavasena samantato sīdanaṃ saṃsīdanaṃ, uṭṭhetumpi asakkuṇeyyatākaraṇavasena atibalavaṃ, virūpaṃ vā sīdanaṃ visīdanaṃ. Aññaṃ visayaṃ agantvā ñātibyasanādīsu virūpo āsaṅgo tattheva avabandhatā byāsatti. Nitthunanakaraṇato nitthunanaraso. Visīdanaṃ visādo.
สยํ น ทุโกฺข โทสตฺตา สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนธมฺมนฺตรตฺตา วาฯ เย ปน โทมนสฺสเมว อุปายาโสติ วเทยฺยุํ, เต ‘‘อุปายาโส ตีหิ ขเนฺธหิ เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา สมฺปยุโตฺต, เอเกน ขเนฺธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๔๙) อิมาย ปาฬิยา ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ วิสาทปฺปตฺติยา สุขทุกฺขการณํ อคณยิตฺวา ทุกฺขฎฺฐานาทีนิ กโรนฺตานํ อุปายาโส กายิกทุกฺขสฺส วตฺถุ โหติ, วิสาทนวเสเนว ญาติวินาสาทีนิ จิเนฺตนฺตานํ โทมนสฺสสฺสฯ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเยว อุปายาโส โทมนสฺสสมฺปโยคโต จิตฺตํ ปริทหติ, อวิปฺผาริกตากรณวเสน กายํ วิสาเทติ, ตทุภยกรเณเนว ตโต ปรํ ตํนิมิตฺตํ กายิกํ เจตสิกญฺจ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ ชนยตีติ ทุโกฺข วุโตฺตฯ
Sayaṃ na dukkho dosattā saṅkhārakkhandhapariyāpannadhammantarattā vā. Ye pana domanassameva upāyāsoti vadeyyuṃ, te ‘‘upāyāso tīhi khandhehi ekenāyatanena ekāya dhātuyā sampayutto, ekena khandhena ekenāyatanena ekāya dhātuyā kehici sampayutto’’ti (dhātu. 249) imāya pāḷiyā paṭikkhipitabbā. Visādappattiyā sukhadukkhakāraṇaṃ agaṇayitvā dukkhaṭṭhānādīni karontānaṃ upāyāso kāyikadukkhassa vatthu hoti, visādanavaseneva ñātivināsādīni cintentānaṃ domanassassa. Attano pavattikkhaṇeyeva upāyāso domanassasampayogato cittaṃ paridahati, avipphārikatākaraṇavasena kāyaṃ visādeti, tadubhayakaraṇeneva tato paraṃ taṃnimittaṃ kāyikaṃ cetasikañca adhimattaṃ dukkhaṃ janayatīti dukkho vutto.
อปฺปิยสมฺปโยคนิเทฺทสวณฺณนา
Appiyasampayoganiddesavaṇṇanā
๑๙๙. น อปฺปิยนฺตีติ น คมิยนฺติ, น ปเวสียนฺตีติ อโตฺถฯ อนตฺถนฺติ พฺยสนํ, ทุกฺขํ วาฯ อหิตนฺติ ตสฺส เหตุํฯ ทุติเย อตฺถวิกเปฺป อตฺถํ น กาเมนฺตีติ อนตฺถกามาติอาทิ อสมตฺถสมาโสปิ โยชิโตฯ ‘‘อสูริยปสฺสานิ มุขานี’’ติอาทีสุ วิย หิ เยน สมาโส, น ตสฺสายํ ปฎิเสธโก อ-กาโรติฯ ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ นิพฺภเย โยคเกฺขม-สโทฺท นิรุโฬฺห ทุกฺขโยคโต เขมตฺตาฯ
199. Na appiyantīti na gamiyanti, na pavesīyantīti attho. Anatthanti byasanaṃ, dukkhaṃ vā. Ahitanti tassa hetuṃ. Dutiye atthavikappe atthaṃ na kāmentīti anatthakāmātiādi asamatthasamāsopi yojito. ‘‘Asūriyapassāni mukhānī’’tiādīsu viya hi yena samāso, na tassāyaṃ paṭisedhako a-kāroti. Yasmiṃ kismiñci nibbhaye yogakkhema-saddo niruḷho dukkhayogato khemattā.
สงฺคติอาทีสุ สงฺขารวเสน ยํ ลพฺภติ, ตํ คเหตพฺพํฯ น หิ สงฺขารานํ ฐานนิสชฺชาทโย โภชนาทิกิเจฺจสุ วา สหกรณํ วิชฺชตีติ ปจฺฉิมทฺวยํ ตทตฺถวเสน ลพฺภตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ ยํ ลพฺภตีติ วา ยํ อตฺถชาตํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ เตน ยถา ลพฺภติ สงฺคติอาทีสุ อโตฺถ, ตถา โยเชตโพฺพฯ ปุคฺคลสฺส หิ สงฺคติ คนฺตฺวา สงฺขาเรหิ สํโยโค โหติ, อาคเตหิ จ เตหิ, ปุคฺคลสฺส จ อตฺตโน ฐานาทีสุ สงฺขาเรหิ สหภาโว โหติ, สพฺพกิริยาสุ จ มิสฺสีภาโวติฯ อนตฺถภาโว อุปทฺทวภาโวฯ
Saṅgatiādīsu saṅkhāravasena yaṃ labbhati, taṃ gahetabbaṃ. Na hi saṅkhārānaṃ ṭhānanisajjādayo bhojanādikiccesu vā sahakaraṇaṃ vijjatīti pacchimadvayaṃ tadatthavasena labbhatīti na sakkā vattunti. Yaṃ labbhatīti vā yaṃ atthajātaṃ labbhatīti attho. Tena yathā labbhati saṅgatiādīsu attho, tathā yojetabbo. Puggalassa hi saṅgati gantvā saṅkhārehi saṃyogo hoti, āgatehi ca tehi, puggalassa ca attano ṭhānādīsu saṅkhārehi sahabhāvo hoti, sabbakiriyāsu ca missībhāvoti. Anatthabhāvo upaddavabhāvo.
อนิฎฺฐานํ อาปาถคมนมตฺตํ ตํคหณมตฺตญฺจ อปฺปิยสมฺปโยโค, น ปน ปถวิผสฺสาทโย วิย อปฺปิยสมฺปโยโค นาม เอโก ธโมฺม อตฺถีติ อาห ‘‘โส อตฺถโต เอโก ธโมฺม นาม นตฺถี’’ติฯ อนิฎฺฐานิ กณฺฎกาทีนิ อมิตฺตา จ อุสุอาทีหิ วิชฺฌนาทิทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺติฯ
Aniṭṭhānaṃ āpāthagamanamattaṃ taṃgahaṇamattañca appiyasampayogo, na pana pathaviphassādayo viya appiyasampayogo nāma eko dhammo atthīti āha ‘‘so atthato eko dhammo nāma natthī’’ti. Aniṭṭhāni kaṇṭakādīni amittā ca usuādīhi vijjhanādidukkhaṃ uppādenti.
อิธาติ อิมสฺมิํ โลเก ทุกฺขํ โหตีติ วา อิธ อิมสฺมิํ ทุกฺขสจฺจนิเทฺทเส ทุโกฺข วุโตฺตติ วา โยเชตพฺพํฯ
Idhāti imasmiṃ loke dukkhaṃ hotīti vā idha imasmiṃ dukkhasaccaniddese dukkho vuttoti vā yojetabbaṃ.
ปิยวิปฺปโยคนิเทฺทสวณฺณนา
Piyavippayoganiddesavaṇṇanā
๒๐๐. มินนฺตีติ นาฬิยาทีสุ ธญฺญํ วิย อโนฺต ปกฺขิปนฺติ, น พหิ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ อมา-สโทฺท สหภาวทีปโกฯ ญายนฺติ วา อชฺฌตฺติกาอิเจฺจวฯ ญาติพฺยสนาทิโก หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ พฺยสนปจฺจุปฎฺฐาโนฯ โสกุปฺปาทเนเนว สรีรํ โสเสนฺติ, กิสํ กโรนฺติ, อกิสมฺปิ นิโรชตากรเณน มิลาเปนฺติ, ตโต จ กายิกํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตีติ ตทุปฺปาทกตา วุตฺตาฯ
200. Minantīti nāḷiyādīsu dhaññaṃ viya anto pakkhipanti, na bahi karontīti attho. Amā-saddo sahabhāvadīpako. Ñāyanti vā ajjhattikāicceva. Ñātibyasanādiko hutvā upaṭṭhātīti byasanapaccupaṭṭhāno. Sokuppādaneneva sarīraṃ sosenti, kisaṃ karonti, akisampi nirojatākaraṇena milāpenti, tato ca kāyikaṃ dukkhaṃ uppajjatīti taduppādakatā vuttā.
โสกสรสมปฺปิตาติ เอเตน เจตสิกทุกฺขํ ทเสฺสติ, วิตุชฺชนฺตีติ เอเตน กายิกํ ทุกฺขํฯ
Sokasarasamappitāti etena cetasikadukkhaṃ dasseti, vitujjantīti etena kāyikaṃ dukkhaṃ.
อิจฺฉานิเทฺทสวณฺณนา
Icchāniddesavaṇṇanā
๒๐๑. ยสฺมิํ กาเล ชาติยา น อาคนฺตพฺพํ, ตํ กาลํ คเหตฺวา อาห ‘‘ปรินิพฺพุเตสุ จ วิชฺชมานํ ชาติยา อนาคมน’’นฺติฯ ยมฺปีติ เยนปีติ อโตฺถ วุโตฺตฯ ยทาปิ ปน ยํ-สโทฺท ‘‘อิจฺฉ’’นฺติ เอตํ อเปกฺขติ, ตทาปิ อลาภวิสิฎฺฐา อิจฺฉา วุตฺตา โหติฯ ยทา ‘‘น ลภตี’’ติ เอตํ อเปกฺขติ, ตทา อิจฺฉาวิสิโฎฺฐ อลาโภ วุโตฺต โหติฯ โส ปนตฺถโต อโญฺญ ธโมฺม นตฺถิ, ตถาปิ อลพฺภเนยฺยอิจฺฉาว วุตฺตา โหติฯ อปาปุณิตเพฺพสุ ปวตฺตตฺตา เอว ‘‘อปฺปตฺติปจฺจุปฎฺฐานา’’ติ วุตฺตาฯ ยตฺถ หิ สา อิจฺฉา ปวตฺตา, ตํ วตฺถุํ อปาปุณนฺตี หุตฺวา คยฺหตีติฯ
201. Yasmiṃ kāle jātiyā na āgantabbaṃ, taṃ kālaṃ gahetvā āha ‘‘parinibbutesu ca vijjamānaṃ jātiyā anāgamana’’nti. Yampīti yenapīti attho vutto. Yadāpi pana yaṃ-saddo ‘‘iccha’’nti etaṃ apekkhati, tadāpi alābhavisiṭṭhā icchā vuttā hoti. Yadā ‘‘na labhatī’’ti etaṃ apekkhati, tadā icchāvisiṭṭho alābho vutto hoti. So panatthato añño dhammo natthi, tathāpi alabbhaneyyaicchāva vuttā hoti. Apāpuṇitabbesu pavattattā eva ‘‘appattipaccupaṭṭhānā’’ti vuttā. Yattha hi sā icchā pavattā, taṃ vatthuṃ apāpuṇantī hutvā gayhatīti.
ฉินฺนภินฺนคเณนาติ นิลฺลเชฺชน ธุตฺตคเณน, กปฺปฎิกคเณน วาฯ
Chinnabhinnagaṇenāti nillajjena dhuttagaṇena, kappaṭikagaṇena vā.
วิฆาตมยนฺติ จิตฺตวิฆาตมยํ โทมนสฺสํ จิตฺตวิฆาตโต เอว อุปฺปนฺนํ อุพฺพนฺธนชราติสาราทิกายิกํ ทุกฺขญฺจฯ อิจฺฉิตาลาภนฺติ อลพฺภเนยฺยอิจฺฉเมว วทติฯ
Vighātamayanti cittavighātamayaṃ domanassaṃ cittavighātato eva uppannaṃ ubbandhanajarātisārādikāyikaṃ dukkhañca. Icchitālābhanti alabbhaneyyaicchameva vadati.
อุปาทานกฺขนฺธนิเทฺทสวณฺณนา
Upādānakkhandhaniddesavaṇṇanā
๒๐๒. วิตฺถิณฺณสฺส ทุกฺขสฺส เอตฺตกนฺติ ทสฺสนํ ทุกฺขสฺส สเงฺขโป, ตํ กาตุํ น สกฺกา วิตฺถารสฺส อนนฺตตฺตาฯ ทุกฺขวิตฺถารคตํ ปน เทสนาวิตฺถารํ ปหาย ยตฺถ สโพฺพ ทุกฺขวิตฺถาโร สโมธานํ คจฺฉติ, ตตฺถ เทสนาย ววตฺถานํ สเงฺขโป, ตํ กาตุํ สกฺกา ตาทิสสฺส วตฺถุโน สพฺภาวาฯ
202. Vitthiṇṇassa dukkhassa ettakanti dassanaṃ dukkhassa saṅkhepo, taṃ kātuṃ na sakkā vitthārassa anantattā. Dukkhavitthāragataṃ pana desanāvitthāraṃ pahāya yattha sabbo dukkhavitthāro samodhānaṃ gacchati, tattha desanāya vavatthānaṃ saṅkhepo, taṃ kātuṃ sakkā tādisassa vatthuno sabbhāvā.
เทสํ ชานโนฺต มคฺคกฺขายิกปุริโส เทสโกฯ ภควาปิ ทุกฺขสฺส เทสโกฯ ‘‘ทุกฺขนฺตเทสเกนา’’ติ วา ปาโฐ, ทุกฺขนฺตกฺขายิโกติ อโตฺถฯ
Desaṃ jānanto maggakkhāyikapuriso desako. Bhagavāpi dukkhassa desako. ‘‘Dukkhantadesakenā’’ti vā pāṭho, dukkhantakkhāyikoti attho.
ปาวกาทโย ยถา อินฺธนาทีนิ พาเธนฺติ, เอวํ พาธยมานาฯ มารณนฺติกทุกฺขาภิฆาเตนาติ อิมินา อติปากเฎน ชาติชราทุกฺขวิฆาตชโสกาทโย ทเสฺสติฯ ตโตติ ปริเทวโต อุทฺธํฯ กณฺฐ โสสาทิ สนฺธิ พนฺธเจฺฉทนาทิ ชนก ธาตุโกฺขภ สมาโยคโต กายสฺส อาพาธนทุกฺขํ ทุกฺขํฯ เยสุ เกสุจีติ ติสฺสสฺส วา ผุสฺสสฺส วา อุปาทานกฺขเนฺธสุ สพฺพมฺปิ จกฺขุโรคาทิทุกฺขํ สพฺพสตฺตคตํ เอวํปการเมวาติ สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสโนฺตติ อโตฺถฯ
Pāvakādayo yathā indhanādīni bādhenti, evaṃ bādhayamānā. Māraṇantikadukkhābhighātenāti iminā atipākaṭena jātijarādukkhavighātajasokādayo dasseti. Tatoti paridevato uddhaṃ. Kaṇṭha sosādi sandhi bandhacchedanādi janaka dhātukkhobha samāyogato kāyassa ābādhanadukkhaṃ dukkhaṃ. Yesu kesucīti tissassa vā phussassa vā upādānakkhandhesu sabbampi cakkhurogādidukkhaṃ sabbasattagataṃ evaṃpakāramevāti saṅkhipitvā dassentoti attho.
ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dukkhasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. สมุทยสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
2. Samudayasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๓. อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา ‘‘ปุนพฺภวกรณํ ปุโนพฺภโว’’ติอาหฯ ‘‘มโนสมฺผโสฺส’’ติ เอตฺถ มโน วิย จ ปุริมปทสฺส โอการนฺตตา ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา สีลเฎฺฐน อิก-สเทฺทน คมิยตฺถตฺตา กิริยาวาจกสฺส สทฺทสฺส อทสฺสนํ ทฎฺฐพฺพํ ยถา ‘‘อปูปภกฺขนสีโล อาปูปิโก’’ติฯ ‘‘ตทฺธิตา’’อิติ พหุวจนนิเทฺทสา วิจิตฺตตฺตา วา ตทฺธิตานํ อภิธานลกฺขณตฺตา วา ‘‘ปุนพฺภวํ เทตี’’ติอาทีสุ อเตฺถสุ โปโนพฺภวิกสทฺทสิทฺธิ ทฎฺฐพฺพาฯ ตตฺถ กมฺมสหชาตา ปุนพฺภวํ เทติ, กมฺมสหายภูตา ตทสหชาตา ปุนพฺภวาย สํวตฺตติ, ทุวิธาปิ ปุนปฺปุนํ ภเว นิพฺพเตฺตติฯ เตเนวาห ‘‘ปุนพฺภวสฺส ทายิกาปี’’ติอาทิฯ โปโนพฺภวิกาเยวาติ นามํ ลภตีติ ปุนพฺภวํ ทายิกาปิ อทายิกาปิ ปุนพฺภวํ เทติเจฺจว โปโนพฺภวิกาติ สมานวิปากาติ นามํ ลภติ สมานสภาวตฺตา ตทานุภาวตฺตา จฯ เอวํ อิตเรสุ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ อุปธิมฺหิ ยถานิพฺพเตฺต อตฺตภาเว วิปจฺจนกมฺมํ เอติสฺสาติ อุปธิเวปกฺกาฯ นนฺทนเฎฺฐน นนฺที, รญฺชนเฎฺฐน ราโคฯ โย จ นนฺทิราโค, ยา จ ตณฺหา, อุภยเมตํ เอกตฺถํ, พฺยญฺชนเมว นานนฺติ ตณฺหา ‘‘นนฺทิราเคน สทฺธิํ อตฺถโต เอกตฺตํ คตา’’ติ วุตฺตาฯ ราคสมฺพเนฺธน ‘‘อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ รูปารูปภวราโค วิสุํ วกฺขตีติ กามภเว เอว ภวปตฺถนาอุปฺปตฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
203. Uttarapadalopaṃ katvā ‘‘punabbhavakaraṇaṃ punobbhavo’’tiāha. ‘‘Manosamphasso’’ti ettha mano viya ca purimapadassa okārantatā daṭṭhabbā. Atha vā sīlaṭṭhena ika-saddena gamiyatthattā kiriyāvācakassa saddassa adassanaṃ daṭṭhabbaṃ yathā ‘‘apūpabhakkhanasīlo āpūpiko’’ti. ‘‘Taddhitā’’iti bahuvacananiddesā vicittattā vā taddhitānaṃ abhidhānalakkhaṇattā vā ‘‘punabbhavaṃ detī’’tiādīsu atthesu ponobbhavikasaddasiddhi daṭṭhabbā. Tattha kammasahajātā punabbhavaṃ deti, kammasahāyabhūtā tadasahajātā punabbhavāya saṃvattati, duvidhāpi punappunaṃ bhave nibbatteti. Tenevāha ‘‘punabbhavassa dāyikāpī’’tiādi. Ponobbhavikāyevāti nāmaṃ labhatīti punabbhavaṃ dāyikāpi adāyikāpi punabbhavaṃ deticceva ponobbhavikāti samānavipākāti nāmaṃ labhati samānasabhāvattā tadānubhāvattā ca. Evaṃ itaresu daṭṭhabbaṃ. Tattha upadhimhi yathānibbatte attabhāve vipaccanakammaṃ etissāti upadhivepakkā. Nandanaṭṭhena nandī, rañjanaṭṭhena rāgo. Yo ca nandirāgo, yā ca taṇhā, ubhayametaṃ ekatthaṃ, byañjanameva nānanti taṇhā ‘‘nandirāgena saddhiṃ atthato ekattaṃ gatā’’ti vuttā. Rāgasambandhena ‘‘uppannassā’’ti vuttaṃ. Rūpārūpabhavarāgo visuṃ vakkhatīti kāmabhave eva bhavapatthanāuppatti vuttāti veditabbā.
ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปิยรูเป ปฐมุปฺปตฺติวเสน ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตา, ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ‘‘นิวิสตี’’ติ, ปริยุฎฺฐานานุสยวเสน วา อุปฺปตฺตินิเวสา โยเชตพฺพาฯ สมฺปตฺติยนฺติ มนุสฺสโสภเคฺค เทวเตฺต จฯ อตฺตโน จกฺขุนฺติ สวตฺถุกํ จกฺขุมาห, สปสาทํ วา มํสปิณฺฑํฯ วิปฺปสนฺนปญฺจปสาทนฺติ ปริสุทฺธนีลปีตโลหิตกณฺหโอทาตวณฺณปสาทํฯ รชตปนาฬิกํ วิย ฉิทฺทํ อพฺภนฺตเร โอทาตตฺตาฯ ปามงฺคสุตฺตํ วิย ลมฺพกณฺณพทฺธํฯ ตุงฺคา อุจฺจา ทีฆา นาสิกา ตุงฺคนาสิกา, เอวํ ลทฺธโวหารํ อตฺตโน ฆานํฯ ‘‘ลทฺธโวหารา’’ติ วา ปาโฐฯ ตสฺมิํ สติ ตุงฺคา นาสิกา เยสํ, เต ตุงฺคนาสิกาฯ เอวํ ลทฺธโวหารา สตฺตา อตฺตโน ฆานนฺติ โยชนา กาตพฺพาฯ ชิวฺหํ…เป.… มญฺญนฺติ วณฺณา สณฺฐานโต กิจฺจโต จฯ มนํ…เป.… อุฬารํ มญฺญนฺติ อตีตาทิอตฺถวิจินนสมตฺถํฯ อตฺตนา ปฎิลทฺธานีติ อชฺฌตฺตญฺจ สรีรคนฺธาทีนิ พหิทฺธา จ วิเลปนคนฺธาทีนิฯ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตีติ ยทา อุปฺปชฺชมานา โหติ, ตทา เอตฺถ อุปฺปชฺชตีติ สามเญฺญน คหิตา อุปฺปาทกิริยา ลกฺขณภาเวน วุตฺตา, วิสยวิสิฎฺฐา ลกฺขิตพฺพภาเวนฯ น หิ สามญฺญวิเสเสหิ นานตฺตโวหาโร น โหตีติฯ อุปฺปชฺชมานาติ วา อนิจฺฉิโต อุปฺปาโท เหตุภาเวน วุโตฺตฯ อุปฺปชฺชตีติ นิจฺฉิโต ผลภาเวน ‘‘ยทิ อุปฺปชฺชมานา โหติ, เอตฺถ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ โส หิ เตน อุปโยชิโต วิย โหติฯ
Tasmiṃ tasmiṃ piyarūpe paṭhamuppattivasena ‘‘uppajjatī’’ti vuttā, punappunaṃ pavattivasena ‘‘nivisatī’’ti, pariyuṭṭhānānusayavasena vā uppattinivesā yojetabbā. Sampattiyanti manussasobhagge devatte ca. Attano cakkhunti savatthukaṃ cakkhumāha, sapasādaṃ vā maṃsapiṇḍaṃ. Vippasannapañcapasādanti parisuddhanīlapītalohitakaṇhaodātavaṇṇapasādaṃ. Rajatapanāḷikaṃ viya chiddaṃ abbhantare odātattā. Pāmaṅgasuttaṃ viya lambakaṇṇabaddhaṃ. Tuṅgā uccā dīghā nāsikā tuṅganāsikā, evaṃ laddhavohāraṃ attano ghānaṃ. ‘‘Laddhavohārā’’ti vā pāṭho. Tasmiṃ sati tuṅgā nāsikā yesaṃ, te tuṅganāsikā. Evaṃ laddhavohārā sattā attano ghānanti yojanā kātabbā. Jivhaṃ…pe… maññanti vaṇṇā saṇṭhānato kiccato ca. Manaṃ…pe… uḷāraṃ maññanti atītādiatthavicinanasamatthaṃ. Attanā paṭiladdhānīti ajjhattañca sarīragandhādīni bahiddhā ca vilepanagandhādīni. Uppajjamānā uppajjatīti yadā uppajjamānā hoti, tadā ettha uppajjatīti sāmaññena gahitā uppādakiriyā lakkhaṇabhāvena vuttā, visayavisiṭṭhā lakkhitabbabhāvena. Na hi sāmaññavisesehi nānattavohāro na hotīti. Uppajjamānāti vā anicchito uppādo hetubhāvena vutto. Uppajjatīti nicchito phalabhāvena ‘‘yadi uppajjamānā hoti, ettha uppajjatī’’ti. So hi tena upayojito viya hoti.
สมุทยสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samudayasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. นิโรธสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
3. Nirodhasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๔. อนูหเตติ อนุทฺธเต, อปฺปหีเนติ อโตฺถฯ
204. Anūhateti anuddhate, appahīneti attho.
สีโห เวธเก ปฎิปชฺชติ, น อุสุมฺหิ, สุวาโน เลฑฺฑุมฺหิ ปฎิปชฺชติ, น ปหารเกฯ ขยคมนวเสน วิรชฺชติ, อปฺปวตฺติคมนวเสน นิรุชฺฌติฯ อนเปกฺขตาย จชนวเสน หานิวเสน จ จชียติ, ปุน ยถา น ปวตฺตติ, ตถา ทูรขิปนวเสน ปฎินิสฺสชฺชียติ, พนฺธนภูตาย โมจนวเสน มุจฺจติ, อสํกิเลสวเสน น อลฺลียติฯ อายูหนํ สมุทโย, ตปฺปฎิปกฺขวเสน อนายูหนํฯ
Sīho vedhake paṭipajjati, na usumhi, suvāno leḍḍumhi paṭipajjati, na pahārake. Khayagamanavasena virajjati, appavattigamanavasena nirujjhati. Anapekkhatāya cajanavasena hānivasena ca cajīyati, puna yathā na pavattati, tathā dūrakhipanavasena paṭinissajjīyati, bandhanabhūtāya mocanavasena muccati, asaṃkilesavasena na allīyati. Āyūhanaṃ samudayo, tappaṭipakkhavasena anāyūhanaṃ.
อปญฺญตฺตินฺติ อปญฺญาปนํ, ‘‘ติตฺตอลาพุ อตฺถี’’ติ โวหาราภาวํ วาฯ ติตฺตอลาพุวลฺลิยา อปฺปวตฺติํ อิจฺฉโนฺต ปุริโส วิย มโคฺค ทฎฺฐโพฺพ, ตสฺส ตสฺสา อปฺปวตฺตินินฺนจิตฺตสฺส มูลเจฺฉทนํ วิย มคฺคสฺส นิพฺพานารมฺมณสฺส ตณฺหาปหานํฯ ตทาปฺปวตฺติ วิย ตณฺหาย อปฺปวตฺติภูตํ นิพฺพานํ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุติยูปมาย ทกฺขิณทฺวารํ วิย นิพฺพานํ, โจรฆาตกา วิย มโคฺค ทฎฺฐโพฺพ, ปุริมา วา อุปมา มเคฺคน นิรุทฺธาย ปิยรูปสาตรูเปสุ นิรุทฺธาติ วตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, ปจฺฉิมา นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธายปิฯ
Apaññattinti apaññāpanaṃ, ‘‘tittaalābu atthī’’ti vohārābhāvaṃ vā. Tittaalābuvalliyā appavattiṃ icchanto puriso viya maggo daṭṭhabbo, tassa tassā appavattininnacittassa mūlacchedanaṃ viya maggassa nibbānārammaṇassa taṇhāpahānaṃ. Tadāppavatti viya taṇhāya appavattibhūtaṃ nibbānaṃ daṭṭhabbaṃ. Dutiyūpamāya dakkhiṇadvāraṃ viya nibbānaṃ, coraghātakā viya maggo daṭṭhabbo, purimā vā upamā maggena niruddhāya piyarūpasātarūpesu niruddhāti vattabbatādassanatthaṃ vuttā, pacchimā nibbānaṃ āgamma niruddhāyapi.
นิโรธสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nirodhasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
4. Maggasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๕. อญฺญมคฺคปฎิเกฺขปนตฺถนฺติ ติตฺถิเยหิ กปฺปิตสฺส มคฺคสฺส ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทาภาวํ ปฎิเกฺขเปตุนฺติ อโตฺถ, อญฺญสฺส วา มคฺคภาวปฎิเกฺขโป อญฺญมคฺคปฎิเกฺขโปฯ ปุคฺคลสฺส อริยภาวกรตฺตา อริยํ กโรตีติ อริโย, อริยผลปฎิลาภกรตฺตา อริยํ ลภาเปติ ชเนตีติ อริโยฯ อตฺตโน กิจฺจวเสน ผลวเสน จ อริยนามลาโภ เอว วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐ องฺคานิ อสฺสาติ อญฺญปทตฺถสมาสํ อกตฺวา ‘‘อฎฺฐงฺคานิ อสฺส สนฺตีติ อฎฺฐงฺคิโก’’ติ ปทสิทฺธิ ทฎฺฐพฺพาฯ
205. Aññamaggapaṭikkhepanatthanti titthiyehi kappitassa maggassa dukkhanirodhagāminipaṭipadābhāvaṃ paṭikkhepetunti attho, aññassa vā maggabhāvapaṭikkhepo aññamaggapaṭikkhepo. Puggalassa ariyabhāvakarattā ariyaṃ karotīti ariyo, ariyaphalapaṭilābhakarattā ariyaṃ labhāpeti janetīti ariyo. Attano kiccavasena phalavasena ca ariyanāmalābho eva vuttoti daṭṭhabbo. Aṭṭha aṅgāni assāti aññapadatthasamāsaṃ akatvā ‘‘aṭṭhaṅgāni assa santīti aṭṭhaṅgiko’’ti padasiddhi daṭṭhabbā.
จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา ชนํ สงฺคณฺหาตีติ ตพฺพิปกฺขวิรติสภาวา สมฺมาวาจา เภทกรมิจฺฉาวาจาปหาเนน ชเน สมฺปยุเตฺต จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี โหตีติ ‘‘ปริคฺคหลกฺขณา’’ติ วุตฺตาฯ ยถา จีวรกมฺมาทิโก กมฺมโนฺต เอกํ กาตพฺพํ สมุฎฺฐาเปติ นิปฺผาเทติ, ตํตํกิริยานิปฺผาทโก วา เจตนาสงฺขาโต กมฺมโนฺต หตฺถปาทจลนาทิกํ กิริยํ สมุฎฺฐาเปติ, เอวํ สาวชฺชกตฺตพฺพกิริยาสมุฎฺฐาปกมิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหาเนน สมฺมากมฺมโนฺต นิรวชฺชสมุฎฺฐาปนกิจฺจวา โหติ, สมฺปยุตฺตธเมฺม จ สมุฎฺฐาเปโนฺต เอว ปวตฺตตีติ ‘‘สมุฎฺฐาปนลกฺขโณ’’ติ วุโตฺตฯ กายวาจานํ ขนฺธสนฺตานสฺส จ สํกิเลสภูตมิจฺฉาอาชีวปฺปหาเนน สมฺมาอาชีโว ‘‘โวทาปนลกฺขโณ’’ติ วุโตฺตฯ
Caturaṅgasamannāgatā vācā janaṃ saṅgaṇhātīti tabbipakkhaviratisabhāvā sammāvācā bhedakaramicchāvācāpahānena jane sampayutte ca pariggaṇhanakiccavatī hotīti ‘‘pariggahalakkhaṇā’’ti vuttā. Yathā cīvarakammādiko kammanto ekaṃ kātabbaṃ samuṭṭhāpeti nipphādeti, taṃtaṃkiriyānipphādako vā cetanāsaṅkhāto kammanto hatthapādacalanādikaṃ kiriyaṃ samuṭṭhāpeti, evaṃ sāvajjakattabbakiriyāsamuṭṭhāpakamicchākammantappahānena sammākammanto niravajjasamuṭṭhāpanakiccavā hoti, sampayuttadhamme ca samuṭṭhāpento eva pavattatīti ‘‘samuṭṭhāpanalakkhaṇo’’ti vutto. Kāyavācānaṃ khandhasantānassa ca saṃkilesabhūtamicchāājīvappahānena sammāājīvo ‘‘vodāpanalakkhaṇo’’ti vutto.
อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสา ทิเฎฺฐกฎฺฐา อวิชฺชาทโยฯ ปสฺสตีติ ปกาเสตีติ อโตฺถฯ เตเนว หิ อเงฺคน ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตตีติฯ ตเถวาติ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธินฺติ อโตฺถฯ
Attano paccanīkakilesā diṭṭhekaṭṭhā avijjādayo. Passatīti pakāsetīti attho. Teneva hi aṅgena tattha paccavekkhaṇā pavattatīti. Tathevāti attano paccanīkakilesehi saddhinti attho.
กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเคหิ ทุกฺขาทิญาเณหิ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส อิธ นิปฺผตฺติโต, อิมเสฺสว วา ญาณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺจโตฯ ตีณิ นามานิ ลภติ กามสงฺกปฺปาทิปฺปหานกิจฺจนิปฺผตฺติโตฯ สิกฺขาปทวิภเงฺค (วิภ. ๗๐๓ อาทโย) ‘‘วิรติเจตนา สเพฺพ สมฺปยุตฺตธมฺมา จ สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตาติ ตตฺถ ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปี’’ติ อาหฯ มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วา วิรติโย สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล จ เจตนาโย โยเชตพฺพา, มคฺคกฺขเณ วิรติโยว เจตนานํ อมคฺคงฺคตฺตา เอกสฺส ญาณสฺส ทุกฺขาทิญาณตา วิย เอกาย วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนสภาวาภาวา สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต, ตํสิทฺธิยญฺจ องฺคตฺตยตฺตาสิทฺธิโต จฯ
Kiccatoti pubbabhāgehi dukkhādiñāṇehi kattabbakiccassa idha nipphattito, imasseva vā ñāṇassa dukkhādippakāsanakiccato. Tīṇi nāmāni labhati kāmasaṅkappādippahānakiccanipphattito. Sikkhāpadavibhaṅge (vibha. 703 ādayo) ‘‘viraticetanā sabbe sampayuttadhammā ca sikkhāpadānī’’ti vuttāti tattha padhānānaṃ viraticetanānaṃ vasena ‘‘viratiyopi honti cetanāyopī’’ti āha. Musāvādādīhi viramaṇakāle vā viratiyo subhāsitādivācābhāsanādikāle ca cetanāyo yojetabbā, maggakkhaṇe viratiyova cetanānaṃ amaggaṅgattā ekassa ñāṇassa dukkhādiñāṇatā viya ekāya viratiyā musāvādādiviratibhāvo viya ca ekāya cetanāya sammāvācādikiccattayasādhanasabhāvābhāvā sammāvācādibhāvāsiddhito, taṃsiddhiyañca aṅgattayattāsiddhito ca.
ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิ เอวาติ ยทิปิ สมาธิอุปการกานํ อภินิโรปนานุมชฺชนสมฺปิยายนพฺรูหนสนฺตสุขานํ วิตกฺกาทีนํ วเสน จตูหิ ฌาเนหิ สมฺมาสมาธิ วิภโตฺต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานเตฺตสุ กายาทีสุ สุภาทิสญฺญาปหานจตุสติกิจฺจํ, เอโก สมาธิ จตุกฺกชฺฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธตีติ ปุพฺพภาเคปิ ปฐมชฺฌานสมาธิจิเตฺต ฌานสมาธิ ปฐมชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปิ, ตถา ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิจิเตฺต ฌานสมาธิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปีติ อโตฺถฯ
Pubbabhāgepi maggakkhaṇepi sammāsamādhi evāti yadipi samādhiupakārakānaṃ abhiniropanānumajjanasampiyāyanabrūhanasantasukhānaṃ vitakkādīnaṃ vasena catūhi jhānehi sammāsamādhi vibhatto, tathāpi vāyāmo viya anuppannākusalānuppādanādicatuvāyāmakiccaṃ, sati viya ca asubhāsukhāniccānattesu kāyādīsu subhādisaññāpahānacatusatikiccaṃ, eko samādhi catukkajjhānasamādhikiccaṃ na sādhetīti pubbabhāgepi paṭhamajjhānasamādhicitte jhānasamādhi paṭhamajjhānasamādhi eva maggakkhaṇepi, tathā pubbabhāgepi catutthajjhānasamādhicitte jhānasamādhi catutthajjhānasamādhi eva maggakkhaṇepīti attho.
วจีเภทสฺส อุปการโก วิตโกฺก สาวชฺชานวชฺชวจีเภทนิวตฺตนปวตฺตนกราย สมฺมาวาจายปิ อุปการโก เอวาติ ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิมาหฯ วจีเภทนิยามิกา วาจา กายิกกิริยานิยามกสฺส สมฺมากมฺมนฺตสฺส อุปการิกาฯ อิทํ วีริยนฺติ จตุสมฺมปฺปธานวีริยํฯ คติโยติ นิปฺผตฺติโย, กิจฺจาทิสภาเว วาฯ สมเนฺวสิตฺวาติ อุปธาเรตฺวาฯ
Vacībhedassa upakārako vitakko sāvajjānavajjavacībhedanivattanapavattanakarāya sammāvācāyapi upakārako evāti ‘‘svāya’’ntiādimāha. Vacībhedaniyāmikā vācā kāyikakiriyāniyāmakassa sammākammantassa upakārikā. Idaṃ vīriyanti catusammappadhānavīriyaṃ. Gatiyoti nipphattiyo, kiccādisabhāve vā. Samanvesitvāti upadhāretvā.
ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ อุคฺคณฺหิตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อิฎฺฐํ กนฺตนฺติ นิโรธมเคฺคสุ นินฺนภาวํ ทเสฺสติ, น อภินนฺทนํ, ตนฺนินฺนภาโวเยว จ ตตฺถ กมฺมกรณํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Purimāni dve saccāni uggaṇhitvāti sambandho. Iṭṭhaṃ kantanti nirodhamaggesu ninnabhāvaṃ dasseti, na abhinandanaṃ, tanninnabhāvoyeva ca tattha kammakaraṇaṃ daṭṭhabbaṃ.
กิจฺจโตติ ปริญฺญาทิโตฯ อารมฺมณปฎิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวธมาหฯ สพฺพมฺปิ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตรนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุคฺคหาทิปฎิเวโธ จ ปฎิเวโธว, น จ โส โลกุตฺตโรติ? น, เกวเลน ปฎิเวธ-สเทฺทน อุคฺคหาทิปฎิเวธานํ อวจนียตฺตา, ปฎิเวธนิมิตฺตตฺตา วา อุคฺคหาทิวเสน ปวตฺตํ ทุกฺขาทีสุ ปุพฺพภาเค ญาณํ ‘‘ปฎิเวโธ’’ติ วุตฺตํ, น ปฎิเวธตฺตา, ปฎิเวธภูตเมว ปน ญาณํ สนฺธายาห ‘‘สพฺพมฺปิ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตร’’นฺติฯ อุคฺคหปริปุจฺฉาญาณานิปิ สวนญาเณ เอว อวโรธํ คจฺฉนฺตีติ ‘‘สวนธารณสมฺมสนญาณํ โลกิย’’นฺติ ติวิธเมว ญาณมาหฯ อุคฺคหาทีหิ สจฺจปริคฺคณฺหนํ ปริคฺคโหฯ
Kiccatoti pariññādito. Ārammaṇapaṭivedhoti sacchikiriyāpaṭivedhamāha. Sabbampi paṭivedhañāṇaṃ lokuttaranti kasmā vuttaṃ, nanu uggahādipaṭivedho ca paṭivedhova, na ca so lokuttaroti? Na, kevalena paṭivedha-saddena uggahādipaṭivedhānaṃ avacanīyattā, paṭivedhanimittattā vā uggahādivasena pavattaṃ dukkhādīsu pubbabhāge ñāṇaṃ ‘‘paṭivedho’’ti vuttaṃ, na paṭivedhattā, paṭivedhabhūtameva pana ñāṇaṃ sandhāyāha ‘‘sabbampi paṭivedhañāṇaṃ lokuttara’’nti. Uggahaparipucchāñāṇānipi savanañāṇe eva avarodhaṃ gacchantīti ‘‘savanadhāraṇasammasanañāṇaṃ lokiya’’nti tividhameva ñāṇamāha. Uggahādīhi saccapariggaṇhanaṃ pariggaho.
ปโยโคติ กิริยา, วายาโม วาฯ ตสฺส มหนฺตตรสฺส อิจฺฉิตพฺพตํ ทุกฺกรตรตญฺจ อุปมาหิ ทเสฺสติ ‘‘ภวคฺคคหณตฺถ’’นฺติอาทินาฯ
Payogoti kiriyā, vāyāmo vā. Tassa mahantatarassa icchitabbataṃ dukkarataratañca upamāhi dasseti ‘‘bhavaggagahaṇattha’’ntiādinā.
ปทฆาตนฺติ เอตฺถ คตมโคฺค ‘‘ปท’’นฺติ วุจฺจติฯ เยน จุปาเยน การเณน กามวิตโกฺก อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส คตมโคฺคติ ตสฺส ฆาโต ปทฆาโตฯ อุสฺสุกฺกาเปตฺวาติ อุทฺธํ อุทฺธํ สนฺติวิเสสยุตฺตํ กตฺวา, วเฑฺฒตฺวาติ อโตฺถฯ
Padaghātanti ettha gatamaggo ‘‘pada’’nti vuccati. Yena cupāyena kāraṇena kāmavitakko uppajjati, so tassa gatamaggoti tassa ghāto padaghāto. Ussukkāpetvāti uddhaṃ uddhaṃ santivisesayuttaṃ katvā, vaḍḍhetvāti attho.
ปาฬิยํ วิภเตฺตสูติ กตรปาฬิยํ? ธมฺมสงฺคเห ตาว อฎฺฐ กสิณานิ ทส อสุภา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา จตฺตาริ อารุปฺปานิ วิภตฺตานิ, อาคเมสุ ทส อนุสฺสติโย อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา จตุธาตุววตฺถานนฺติ อิมานิ จาติ ตตฺถ ตตฺถ วิภตฺตํฯ อิเมสุ ตีสูติ กามาทีสุ ตีสุ ฐาเนสุฯ
Pāḷiyaṃ vibhattesūti katarapāḷiyaṃ? Dhammasaṅgahe tāva aṭṭha kasiṇāni dasa asubhā cattāro brahmavihārā cattāri āruppāni vibhattāni, āgamesu dasa anussatiyo āhāre paṭikūlasaññā catudhātuvavatthānanti imāni cāti tattha tattha vibhattaṃ. Imesu tīsūti kāmādīsu tīsu ṭhānesu.
มิจฺฉาวาจาสงฺขาตายาติ เอเตน เอกาย เจตนาย ปหาตพฺพเอกตฺตํ ทเสฺสติฯ อิธ อริยสาวโก สกลฺยาณปุถุชฺชนโก เสโกฺขฯ กายทฺวารวีติกฺกมาติ อาชีวเหตุกโต ปาณาติปาตาทิโต วิสุํ วิสุํ วิรมณํ โยเชตพฺพํฯ
Micchāvācāsaṅkhātāyāti etena ekāya cetanāya pahātabbaekattaṃ dasseti. Idha ariyasāvako sakalyāṇaputhujjanako sekkho. Kāyadvāravītikkamāti ājīvahetukato pāṇātipātādito visuṃ visuṃ viramaṇaṃ yojetabbaṃ.
อยํ ปนสฺสาติ มคฺคภาเวน จตุพฺพิธมฺปิ เอกเตฺตน คเหตฺวา อสฺส มคฺคสฺส อยํ ฌานวเสน สพฺพสทิสสพฺพาสทิสเอกจฺจสทิสตา วิเสโสฯ ปาทกชฺฌานนิยาเมน โหตีติ อิธ ปาทกชฺฌานนิยามํ ธุรํ กตฺวา อาห, อฎฺฐสาลินิยํ ปน วิปสฺสนานิยามํ ตตฺถ สพฺพวาทาวิโรธโต, อิธ ปน สมฺมสิตชฺฌานปุคฺคลชฺฌาสยวาทนิวตฺตนโต ปาทกชฺฌานนิยามํฯ วิปสฺสนานิยาโม ปน สาธารณตฺตา อิธาปิ น ปฎิกฺขิโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อเญฺญ จาจริยวาทา วกฺขมานา วิภชิตพฺพาติ ยถาวุตฺตเมว ตาว ปาทกชฺฌานนิยามํ วิภชโนฺต อาห ‘‘ปาทกชฺฌานนิยาเมน ตาวา’’ติฯ
Ayaṃ panassāti maggabhāvena catubbidhampi ekattena gahetvā assa maggassa ayaṃ jhānavasena sabbasadisasabbāsadisaekaccasadisatā viseso. Pādakajjhānaniyāmena hotīti idha pādakajjhānaniyāmaṃ dhuraṃ katvā āha, aṭṭhasāliniyaṃ pana vipassanāniyāmaṃ tattha sabbavādāvirodhato, idha pana sammasitajjhānapuggalajjhāsayavādanivattanato pādakajjhānaniyāmaṃ. Vipassanāniyāmo pana sādhāraṇattā idhāpi na paṭikkhittoti daṭṭhabbo. Aññe cācariyavādā vakkhamānā vibhajitabbāti yathāvuttameva tāva pādakajjhānaniyāmaṃ vibhajanto āha ‘‘pādakajjhānaniyāmena tāvā’’ti.
อารุเปฺป จตุกฺกปญฺจก…เป.… วุตฺตํ อฎฺฐสาลินิยนฺติ อธิปฺปาโยฯ นนุ ตตฺถ ‘‘อารุเปฺป ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘จตุกฺกปญฺจกชฺฌาน’’นฺติ? สจฺจํ, เยสุ ปน สํสโย อตฺถิ, เตสํ อุปฺปตฺติทสฺสเนน, เตนตฺถโต จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตเมว โหตีติ เอวมาหาติ เวทิตพฺพํฯ สมุทายญฺจ อเปกฺขิตฺวา ‘‘ตญฺจ โลกุตฺตรํ, น โลกิย’’นฺติ อาหฯ จตุตฺถชฺฌานเมว หิ โลกิยํ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, น จตุกฺกํ ปญฺจกญฺจาติฯ เอตฺถ กถนฺติ ปาทกชฺฌานสฺส อภาวา กถํ ทฎฺฐพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตํฌานิกาว ตสฺส ตตฺถ ตโย มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ ตชฺฌานิกํ ปฐมผลาทิํ ปาทกํ กตฺวา อุปริมคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโย, ติกจตุกฺกชฺฌานิกํ ปน มคฺคํ ภาเวตฺวา ตตฺถุปฺปนฺนสฺส อรูปชฺฌานํ ตชฺฌานิกํ ผลญฺจ ปาทกํ กตฺวา อุปริมคฺคภาวนาย อญฺญฌานิกาปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ฌานงฺคาทินิยามิกา ปุพฺพาภิสงฺขารสมาปตฺติ ปาทกํ, น สมฺมสิตพฺพาติ ผลสฺสปิ ปาทกตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Āruppe catukkapañcaka…pe… vuttaṃ aṭṭhasāliniyanti adhippāyo. Nanu tattha ‘‘āruppe tikacatukkajjhānaṃ uppajjatī’’ti vuttaṃ, na ‘‘catukkapañcakajjhāna’’nti? Saccaṃ, yesu pana saṃsayo atthi, tesaṃ uppattidassanena, tenatthato catukkapañcakajjhānaṃ uppajjatīti vuttameva hotīti evamāhāti veditabbaṃ. Samudāyañca apekkhitvā ‘‘tañca lokuttaraṃ, na lokiya’’nti āha. Catutthajjhānameva hi lokiyaṃ tattha uppajjati, na catukkaṃ pañcakañcāti. Etthakathanti pādakajjhānassa abhāvā kathaṃ daṭṭhabbanti attho. Taṃjhānikāva tassa tattha tayo maggā uppajjanti tajjhānikaṃ paṭhamaphalādiṃ pādakaṃ katvā uparimaggabhāvanāyāti adhippāyo, tikacatukkajjhānikaṃ pana maggaṃ bhāvetvā tatthuppannassa arūpajjhānaṃ tajjhānikaṃ phalañca pādakaṃ katvā uparimaggabhāvanāya aññajhānikāpi uppajjantīti jhānaṅgādiniyāmikā pubbābhisaṅkhārasamāpatti pādakaṃ, na sammasitabbāti phalassapi pādakatā daṭṭhabbā.
ทุกฺขญาณาทีนํ รูปาทิฉฬารมฺมณตฺตา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนํ กสิณาทิตํตํกุสลารมฺมณารมฺมณตฺตา สมฺมาวาจาทีนํ องฺคานํ ตํตํวิรมิตพฺพาทิอารมฺมณตฺตา ‘‘ยถานุรูป’’นฺติ อาหฯ ตทนุรูโปติ อวิปฺปฎิสารกรสีลํ วายามสฺส วิเสสปจฺจโยติ สีลานุรูปตา วายามสฺส วุตฺตา สมฺปยุตฺตสฺสปิ, สมฺปยุตฺตเสฺสว จ วจนโต ‘‘สีลภูมิยํ ปติฎฺฐิตสฺสา’’ติ อวตฺวา ‘‘ปติฎฺฐมานสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ เจตโส อสโมฺมโสติ ‘‘เอการโกฺข’’ติ เอตฺถ วุเตฺตน สตารเกฺขน เจตโส รกฺขิตตาฯ เตนาห ‘‘อิติ…เป.… สุวิหิตจิตฺตารกฺขสฺสา’’ติฯ
Dukkhañāṇādīnaṃ rūpādichaḷārammaṇattā nekkhammasaṅkappādīnaṃ kasiṇāditaṃtaṃkusalārammaṇārammaṇattā sammāvācādīnaṃ aṅgānaṃ taṃtaṃviramitabbādiārammaṇattā ‘‘yathānurūpa’’nti āha. Tadanurūpoti avippaṭisārakarasīlaṃ vāyāmassa visesapaccayoti sīlānurūpatā vāyāmassa vuttā sampayuttassapi, sampayuttasseva ca vacanato ‘‘sīlabhūmiyaṃ patiṭṭhitassā’’ti avatvā ‘‘patiṭṭhamānassā’’ti vuttaṃ. Cetaso asammosoti ‘‘ekārakkho’’ti ettha vuttena satārakkhena cetaso rakkhitatā. Tenāha ‘‘iti…pe… suvihitacittārakkhassā’’ti.
อาสวกฺขยญาณสฺส วิชฺชาภาโว วุโตฺตติ อาสวกฺขยสงฺขาเต มเคฺค ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิเต ปญฺญากฺขโนฺธ วิชฺชา, สีลสฺส จตุนฺนญฺจ ฌานานํ จรณภาโว วุโตฺตติ อิตเร เทฺว ขนฺธา จรณํฯ ยนฺติ เอเตน นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ ยานํ, วิปสฺสนาว ยานํ วิปสฺสนายานํฯ สีลํ สมาธิสฺส วิเสสปจฺจโย, สมาธิ วิปสฺสนายาติ สมถสฺส อุปการตฺตา สีลกฺขโนฺธ จ สมถยาเนน สงฺคหิโตฯ วิปสฺสนายาเนน กาเมสุ อาทีนวํ วิภาเวโนฺต สมถยาเนน นิรามิสํ ฌานสุขํ อปริจฺจชโนฺต อนฺตทฺวยกุมฺมคฺคํ วิวเชฺชติฯ ปญฺญา วิย โมหสฺส, สีลสมาธโย จ โทสโลภานํ อุชุวิปจฺจนีกา อโทสาโลเภหิ สาเธตพฺพตฺตาฯ สีลสมาธิปญฺญาโยคโต อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณํฯ สีลาทีนิ หิ สาสนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติฯ ยสฺมิํ ฐิโต มคฺคโฎฺฐ ผลโฎฺฐ จ อริโย โหติ, ตํ มคฺคผลสงฺขาตํ ขนฺธตฺตยสงฺคหิตํ สาสนํ อริยภูมิฯ
Āsavakkhayañāṇassa vijjābhāvo vuttoti āsavakkhayasaṅkhāte magge tīhi khandhehi saṅgahite paññākkhandho vijjā, sīlassa catunnañca jhānānaṃ caraṇabhāvo vuttoti itare dve khandhā caraṇaṃ. Yanti etena nibbānaṃ gacchantīti yānaṃ, vipassanāva yānaṃ vipassanāyānaṃ. Sīlaṃ samādhissa visesapaccayo, samādhi vipassanāyāti samathassa upakārattā sīlakkhandho ca samathayānena saṅgahito. Vipassanāyānena kāmesu ādīnavaṃ vibhāvento samathayānena nirāmisaṃ jhānasukhaṃ apariccajanto antadvayakummaggaṃ vivajjeti. Paññā viya mohassa, sīlasamādhayo ca dosalobhānaṃ ujuvipaccanīkā adosālobhehi sādhetabbattā. Sīlasamādhipaññāyogato ādimajjhapariyosānakalyāṇaṃ. Sīlādīni hi sāsanassa ādimajjhapariyosānanti. Yasmiṃ ṭhito maggaṭṭho phalaṭṭho ca ariyo hoti, taṃ maggaphalasaṅkhātaṃ khandhattayasaṅgahitaṃ sāsanaṃ ariyabhūmi.
มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Maggasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๐๖-๒๑๔. อริยสจฺจ-สโทฺท สมุทเย วตฺตมาโน ปริเญฺญยฺยภาวรหิเต เอกนฺตปหาตเพฺพ ตณฺหาสงฺขาเต สมุทเย ปวตฺตติ, น ปหาตพฺพปริเญฺญเยฺยสุ อวเสสกิเลสาวเสสากุสเลสุ อปฺปหาตเพฺพสุ จ สาสวกุสลมูลาวเสสสาสวกุสเลสูติ สปฺปเทโส ตตฺถ สมุทโย โหติ, เกวลํ สจฺจสเทฺท นิปฺปเทโสติ อาห ‘‘นิปฺปเทสโต สมุทยํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ ทุกฺขนิโรธา ปน อริยสจฺจเทสนายํ ธมฺมโต นิปฺปเทสา เอวฯ น หิ ตโต อโญฺญ ธโมฺม อตฺถิ, โย สจฺจเทสนายํ ทุกฺขํ นิโรโธติ จ วตฺตโพฺพ สิยา, มโคฺคปิ อฎฺฐงฺคิกปญฺจงฺคิกวาเรสุ อปุโพฺพ นตฺถิ, ตสฺมา สมุทยเมว ‘‘นิปฺปเทสโต ทเสฺสตุ’’นฺติ วทติ ตสฺส สพฺพตฺถ ตีสุปิ วาเรสุ อปุพฺพสฺส ทสฺสิตตฺตาฯ อปุพฺพสมุทยทสฺสนตฺถายปิ หิ สจฺจเทสนายํ ‘‘ตตฺถ กตโม ทุกฺขสมุทโย? ตณฺหา’’ติ วจนํ เกวลาย ตณฺหาย สจฺจ-สทฺทสฺส ปวตฺติทสฺสนตฺถนฺติฯ เทสนาวเสน ปน ตํ ตํ สมุทยํ ฐเปตฺวา ทุกฺขํ ตสฺส ตสฺส ปหานวเสน นิโรโธ อฎฺฐงฺคิกปญฺจงฺคิกสพฺพโลกุตฺตรกุสลวเสน มโคฺค จ อริยสจฺจเทสนายํ น วุโตฺตติ ทุกฺขาทีนิ จ ตตฺถ สปฺปเทสานิ ทสฺสิตานิ โหนฺตีติ ตานิ จ นิปฺปเทสานิ ทเสฺสตุํ สจฺจเทสนา วุตฺตาติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ปจฺจยสงฺขาตนฺติ กมฺมกิเลสวเสน ชาติอาทิทุกฺขสฺส มูลภูตนฺติ อโตฺถฯ
206-214. Ariyasacca-saddo samudaye vattamāno pariññeyyabhāvarahite ekantapahātabbe taṇhāsaṅkhāte samudaye pavattati, na pahātabbapariññeyyesu avasesakilesāvasesākusalesu appahātabbesu ca sāsavakusalamūlāvasesasāsavakusalesūti sappadeso tattha samudayo hoti, kevalaṃ saccasadde nippadesoti āha ‘‘nippadesato samudayaṃ dassetu’’nti. Dukkhanirodhā pana ariyasaccadesanāyaṃ dhammato nippadesā eva. Na hi tato añño dhammo atthi, yo saccadesanāyaṃ dukkhaṃ nirodhoti ca vattabbo siyā, maggopi aṭṭhaṅgikapañcaṅgikavāresu apubbo natthi, tasmā samudayameva ‘‘nippadesato dassetu’’nti vadati tassa sabbattha tīsupi vāresu apubbassa dassitattā. Apubbasamudayadassanatthāyapi hi saccadesanāyaṃ ‘‘tattha katamo dukkhasamudayo? Taṇhā’’ti vacanaṃ kevalāya taṇhāya sacca-saddassa pavattidassanatthanti. Desanāvasena pana taṃ taṃ samudayaṃ ṭhapetvā dukkhaṃ tassa tassa pahānavasena nirodho aṭṭhaṅgikapañcaṅgikasabbalokuttarakusalavasena maggo ca ariyasaccadesanāyaṃ na vuttoti dukkhādīni ca tattha sappadesāni dassitāni hontīti tāni ca nippadesāni dassetuṃ saccadesanā vuttāti vattuṃ vaṭṭati. Paccayasaṅkhātanti kammakilesavasena jātiādidukkhassa mūlabhūtanti attho.
นิโรธสจฺจํ…เป.… ปญฺจหากาเรหิ นิทฺทิฎฺฐนฺติ อริยสจฺจเทสนโต สจฺจเทสนาย วิเสสํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘ติณฺณนฺนญฺจ กุสลมูลานํ อวเสสานญฺจ สาสวกุสลานํ ปหาน’’นฺติ อิทํ เตสํ ปจฺจยานํ อวิชฺชาตณฺหาอุปาทานานํ ปหานวเสน, อวิชฺชาทีสุ วา ปหีเนสุ เตสํ อปฺปวตฺติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ น หิ กุสลา ปหาตพฺพาติฯ ปหานนฺติ จ มคฺคกิจฺจวเสน ตทธิคมนียํ นิโรธํ ทเสฺสติ, นิโรธเสฺสว วา ตณฺหาทีนํ อปฺปวตฺติภาโว ปหานนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Nirodhasaccaṃ…pe… pañcahākārehi niddiṭṭhanti ariyasaccadesanato saccadesanāya visesaṃ dasseti. Tattha ‘‘tiṇṇannañca kusalamūlānaṃ avasesānañca sāsavakusalānaṃ pahāna’’nti idaṃ tesaṃ paccayānaṃ avijjātaṇhāupādānānaṃ pahānavasena, avijjādīsu vā pahīnesu tesaṃ appavattivasena vuttanti veditabbaṃ. Na hi kusalā pahātabbāti. Pahānanti ca maggakiccavasena tadadhigamanīyaṃ nirodhaṃ dasseti, nirodhasseva vā taṇhādīnaṃ appavattibhāvo pahānanti daṭṭhabbaṃ.
ยทิปิ ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหติ, เอวมสฺสายํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑) โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อฎฺฐงฺคิกมคฺคปาริปูริยา อุปนิสฺสยทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘ปุเพฺพว โข ปนา’’ติ วจนํ กายกมฺมาทิสุทฺธิยา ทูรตรุปนิสฺสยตํ, จกฺขาทีสุ อสารชฺชนฺตสฺส อสํยุตฺตสฺส อสมฺมูฬฺหสฺส อาทีนวานุปสฺสิโน วิหรโต ตาเยว วุฎฺฐานคามินิยา วิปสฺสนาย อายติํ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ อปจยํ คจฺฉเนฺตสุ สพฺพสงฺขาเรสุ วิวฎฺฎนวเสน, โปโนพฺภวิกตณฺหาย ปหียมานาย กิเลสทูรีภาเวน, กายิกเจตสิกทรถสนฺตาปปริฬาเหสุ ปหียมาเนสุ ปสฺสทฺธกายจิตฺตวเสน กายิกเจตสิกสุเข ปฎิสํเวทิยมาเน ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฎฺฐิ, สาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๔๓๑) วุตฺตานํ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนากฺขเณ ปวตฺตานํ ปญฺจนฺนํ สมฺมาทิฎฺฐาทีนํ องฺคานํ อาสนฺนตรุปนิสฺสยตญฺจ ทเสฺสตีติ อาสนฺนตรุปนิสฺสยวเสน ปญฺจงฺคิกํ มคฺคํ สุขํ พุชฺฌนฺตานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน ปญฺจงฺคิกมคฺคเทสนาย ปวตฺตตํ ทีเปติฯ เตนาห ‘‘ปุเพฺพว โข…เป.… สุปริสุโทฺธ โหตีติ วจนโต’’ติอาทิฯ เอวมิทํ วจนโตติ นิสฺสกฺกวจนํ เทสนุปายสฺส ญาปกนิทสฺสนํ โหติ, วจนโตติ วา อตฺตโน วจนานุรูปํ ปญฺจงฺคิโกปิ มโคฺค ปฎิปทา เอวาติ ภควตา เทสิโตติ อโตฺถฯ กตฺถาติ? เทวปุเร, ตสฺมา ตํ เทสิตนยํ ทเสฺสตุํ ปญฺจงฺคิกวาโรปิ นิทฺทิโฎฺฐ ธมฺมสงฺคาหเกหิฯ อถ วา ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺสา’’ติ วจเนเนว อชฺฌาสยวิเสสการณนิทสฺสเกน ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปญฺจงฺคิโก มโคฺคปิ ปฎิปทา เอวาติ เทสิโต โหตีติ อาห ‘‘ปุเพฺพว โข ปน…เป.… วจนโต ปน…เป.… เทสิโต’’ติ, ตสฺมา ตํ สุตฺตเนฺต เทสิตนยํ ทเสฺสตุํ ปญฺจงฺคิกวาโรปิ นิทฺทิโฎฺฐ ภควตา เทวปุเรติ อโตฺถฯ
Yadipi ‘‘pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hoti, evamassāyaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’’ti (ma. ni. 3.431) lokuttaramaggakkhaṇe aṭṭhaṅgikamaggapāripūriyā upanissayadassanatthaṃ idaṃ vuttaṃ, tathāpi ‘‘pubbeva kho panā’’ti vacanaṃ kāyakammādisuddhiyā dūratarupanissayataṃ, cakkhādīsu asārajjantassa asaṃyuttassa asammūḷhassa ādīnavānupassino viharato tāyeva vuṭṭhānagāminiyā vipassanāya āyatiṃ pañcupādānakkhandhesu apacayaṃ gacchantesu sabbasaṅkhāresu vivaṭṭanavasena, ponobbhavikataṇhāya pahīyamānāya kilesadūrībhāvena, kāyikacetasikadarathasantāpapariḷāhesu pahīyamānesu passaddhakāyacittavasena kāyikacetasikasukhe paṭisaṃvediyamāne ‘‘yā tathābhūtassa diṭṭhi, sāssa hoti sammādiṭṭhī’’tiādinā (ma. ni. 3.431) vuttānaṃ vuṭṭhānagāminivipassanākkhaṇe pavattānaṃ pañcannaṃ sammādiṭṭhādīnaṃ aṅgānaṃ āsannatarupanissayatañca dassetīti āsannatarupanissayavasena pañcaṅgikaṃ maggaṃ sukhaṃ bujjhantānaṃ puggalānaṃ ajjhāsayavasena pañcaṅgikamaggadesanāya pavattataṃ dīpeti. Tenāha ‘‘pubbeva kho…pe… suparisuddho hotīti vacanato’’tiādi. Evamidaṃ vacanatoti nissakkavacanaṃ desanupāyassa ñāpakanidassanaṃ hoti, vacanatoti vā attano vacanānurūpaṃ pañcaṅgikopi maggo paṭipadā evāti bhagavatā desitoti attho. Katthāti? Devapure, tasmā taṃ desitanayaṃ dassetuṃ pañcaṅgikavāropi niddiṭṭho dhammasaṅgāhakehi. Atha vā ‘‘pubbeva kho panassā’’ti vacaneneva ajjhāsayavisesakāraṇanidassakena puggalajjhāsayavasena pañcaṅgiko maggopi paṭipadā evāti desito hotīti āha ‘‘pubbeva kho pana…pe… vacanato pana…pe… desito’’ti, tasmā taṃ suttante desitanayaṃ dassetuṃ pañcaṅgikavāropi niddiṭṭho bhagavatā devapureti attho.
ฌาเนหิ เทสนาปเวโส, ภาวนาปเวโส วา ฌานาภินิเวโสฯ เอเกกสฺมิํ โกฎฺฐาเส จตุนฺนํ จตุนฺนํ นยสหสฺสานํ ทสฺสนํ คณนาสุขตฺถนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยถา ปน ปาฬิ ฐิตา, ตถา เอเกกิสฺสา ปฎิปทาย สุญฺญตาทีสุ จ ปญฺจ ปญฺจ โกฎฺฐาเส โยเชตฺวา ปาฬิคมนํ กตนฺติ วิญฺญายติฯ ตตฺถ อฎฺฐงฺคิกวาเร ทุติยชฺฌานาทีสุ ตสฺมิํ สมเย สตฺตงฺคิโก มโคฺค โหตีติ โยชนา กาตพฺพา, สพฺพสงฺคาหิกวาเร จ ยถา วิชฺชมานธมฺมวเสนาติฯ
Jhānehi desanāpaveso, bhāvanāpaveso vā jhānābhiniveso. Ekekasmiṃ koṭṭhāse catunnaṃ catunnaṃ nayasahassānaṃ dassanaṃ gaṇanāsukhatthanti veditabbaṃ. Yathā pana pāḷi ṭhitā, tathā ekekissā paṭipadāya suññatādīsu ca pañca pañca koṭṭhāse yojetvā pāḷigamanaṃ katanti viññāyati. Tattha aṭṭhaṅgikavāre dutiyajjhānādīsu tasmiṃ samaye sattaṅgiko maggo hotīti yojanā kātabbā, sabbasaṅgāhikavāre ca yathā vijjamānadhammavasenāti.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhapucchakavaṇṇanā
๒๑๕. เอวํ ปุริเมสุปิ ทฺวีสูติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ สุตฺตนฺตภาชนีเย ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทานิเทฺทเส โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก มโคฺค วุโตฺตฯ ตสฺส หิ อฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๐๕) ‘‘จตูสุ สเจฺจสุ อุคฺคหาทิวเสน ปุพฺพภาคญาณุปฺปตฺติํ สนฺธาย อิทํ ‘ทุเกฺข ญาณ’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ปฎิเวธกฺขเณ ปน เอกเมว ญาณํ โหตี’’ติ สมฺมาทิฎฺฐิยา, ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทีนญฺจ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกตา ทสฺสิตา ‘‘อปิเจสา สมฺมาทิฎฺฐิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกฺขเณ เอกกฺขณา เอการมฺมณา’’ติอาทินา จาติ? สจฺจเมตํ, เอวํ ปน อาคมนวเสน ตตฺถาปิ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานทสฺสนาทิมุเขน อริโยว อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ทสฺสิโตฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ปฎิเวธกฺขเณ ปน เอกเมว ญาณํ โหตี’’ติ มคฺคญาณสฺส เอกเสฺสว ทุกฺขญาณาทิตา, ‘‘มคฺคกฺขเณ ปน…เป.… เอโกว กุสลสงฺกโปฺป อุปฺปชฺชติ, อยํ สมฺมาสงฺกโปฺป นามา’’ติอาทินา มคฺคสงฺกปฺปาทีนํ สมฺมาสงฺกปฺปาทิตา จ นิทฺธาริตา, ปาฬิยญฺจ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ อุทฺทิสิตฺวา ตเมว นิทฺทิสิตุํ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เตน สุตฺตนฺตภาชนีเยปิ ทฺวินฺนํ โลกิยตา, ทฺวินฺนํ โลกุตฺตรตา วุตฺตา ‘‘เอวํ ปุริเมสุปิ ทฺวีสูติ เอเตนาติฯ
215. Evaṃpurimesupi dvīsūti kasmā vuttaṃ, nanu suttantabhājanīye dukkhanirodhagāminipaṭipadāniddese lokiyalokuttaramissako maggo vutto. Tassa hi aṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 205) ‘‘catūsu saccesu uggahādivasena pubbabhāgañāṇuppattiṃ sandhāya idaṃ ‘dukkhe ñāṇa’ntiādi vuttaṃ, paṭivedhakkhaṇe pana ekameva ñāṇaṃ hotī’’ti sammādiṭṭhiyā, tathā sammāsaṅkappādīnañca lokiyalokuttaramissakatā dassitā ‘‘apicesā sammādiṭṭhi nāma pubbabhāge nānākkhaṇā nānārammaṇā hoti, maggakkhaṇe ekakkhaṇā ekārammaṇā’’tiādinā cāti? Saccametaṃ, evaṃ pana āgamanavasena tatthāpi catusaccakammaṭṭhānadassanādimukhena ariyova aṭṭhaṅgiko maggo dassito. Evañca katvā ‘‘paṭivedhakkhaṇe pana ekameva ñāṇaṃ hotī’’ti maggañāṇassa ekasseva dukkhañāṇāditā, ‘‘maggakkhaṇe pana…pe… ekova kusalasaṅkappo uppajjati, ayaṃ sammāsaṅkappo nāmā’’tiādinā maggasaṅkappādīnaṃ sammāsaṅkappāditā ca niddhāritā, pāḷiyañca aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ uddisitvā tameva niddisituṃ ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Tena suttantabhājanīyepi dvinnaṃ lokiyatā, dvinnaṃ lokuttaratā vuttā ‘‘evaṃ purimesupi dvīsūti etenāti.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
สจฺจวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo