Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā |
๔. สจฺจวิภโงฺค
4. Saccavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
อุเทฺทสวณฺณนา
Uddesavaṇṇanā
๑๘๙. สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุสนฺทสฺสนวเสน ปวตฺตนโตฯ สเจฺจสุ กมตีติ สเจฺจสุ วิสยภูเตสุ ปวตฺตติฯ เทเสตพฺพตฺถวิสยา หิ เทสนาติฯ เอเตสุ กมตีติ เอเตสุ อริยสเจฺจสุ ปริญฺญาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตติฯ ‘‘สีลสมาธิปญฺญาสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตํ อตฺถสภาวํ กมนกิริยาย กตฺตุภาเวน คหิตนฺติ ปากฎตรํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กิํ กมตี’’ติ ปุจฺฉติฯ ตโพฺพหาเรนาติ ตทุปจาเรนฯ เอเตน นิปฺปริยาเยน อตฺถสภาวํ สาสนํ, ปริยาเยน วจนสภาวนฺติ ทเสฺสติฯ
189. Saccavinimuttaṃnatthi pavattinivattitadubhayahetusandassanavasena pavattanato. Saccesu kamatīti saccesu visayabhūtesu pavattati. Desetabbatthavisayā hi desanāti. Etesu kamatīti etesu ariyasaccesu pariññādikiccasādhanavasena pavattati. ‘‘Sīlasamādhipaññāsaṅkhāta’’nti vuttaṃ atthasabhāvaṃ kamanakiriyāya kattubhāvena gahitanti pākaṭataraṃ katvā dassetuṃ ‘‘kiṃ kamatī’’ti pucchati. Tabbohārenāti tadupacārena. Etena nippariyāyena atthasabhāvaṃ sāsanaṃ, pariyāyena vacanasabhāvanti dasseti.
ตํสภาวาติ ทุกฺขาทิสภาวาฯ อมุสาสภาวาติ พาธนาทิภาเวน ภูตสภาวาฯ อญฺญาการรหิตาติ อพาธนาทิอาการวิวิตฺตาฯ ทฺวิธาติ ทุกฺขทุกฺขตาตนฺนิมิตฺตตาหิฯ ราคาทิกิเลสปริฬาโห กิเลสทาโหฯ สนฺตานสฺส อวิปฺผาริกตากรณํ ปุคฺคลหิํสนํฯ อตฺตโน เอว ติขิณภาโวติ สงฺขตธมฺมสฺส อตฺตโน สภาเวเนว รุชาวหติกฺขภาโวฯ สรเสเนวาติ สภาเวเนวฯ สมฺปิณฺฑกสฺส สมุทยสฺส, กิเลสสนฺตาปรหิตสฺส มคฺคสฺส, อวิปริณามสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน ยถาสงฺขฺยํ ทุกฺขสฺส สงฺขตสนฺตาปวิปริณามฎฺฐา อาวิ ภวนฺตีติ อาห ‘‘อิตเร ยถากฺกมํ สมุทยมคฺคนิโรธทสฺสเนหิ อาวิภวนาการา’’ติฯ พฺยาเปตฺวาติ ภวาทีสุ นานารมฺมเณสุ จ วิสฎา หุตฺวาฯ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ ‘‘อูหนํ ราสิกรณ’’นฺติ วตฺวา ปุน ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘ทุกฺขนิพฺพตฺตน’’นฺติฯ เอกโวการภเวปิ หิ ราสิภูตเมว ทุกฺขํ นิพฺพตฺตติ อเนกธมฺมสมูหโต , ปเคว จตุปญฺจโวการภเวสุฯ เอตฺถ จ พฺยาปนตฺถํ อาการํ, ตสฺส จ ย-การาคมํ กตฺวา สมฺปิณฺฑนตฺถํ อายูหนนฺติ ปทํ เวทิตพฺพํฯ นิททาตีติ ทุกฺขสฺส เอกนฺตการณตฺตา ตํ นิทเสฺสนฺตํ วิย ชเนตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติอาทิมาหฯ ทุกฺข…เป.… อาวิ ภวติ โรคทสฺสเนน วิย โรคนิทานํฯ สํโยค…เป.… ทสฺสเนหีติ สํโยคโฎฺฐ วิสํโยคสภาวสฺส นิโรธสฺส, ปลิโพธโฎฺฐ นิยฺยานสภาวสฺส มคฺคสฺส ทสฺสเนน อาวิ ภวตีติ อโตฺถฯ เตติ สํโยคปลิโพธฎฺฐาฯ
Taṃsabhāvāti dukkhādisabhāvā. Amusāsabhāvāti bādhanādibhāvena bhūtasabhāvā. Aññākārarahitāti abādhanādiākāravivittā. Dvidhāti dukkhadukkhatātannimittatāhi. Rāgādikilesapariḷāho kilesadāho. Santānassa avipphārikatākaraṇaṃ puggalahiṃsanaṃ. Attano eva tikhiṇabhāvoti saṅkhatadhammassa attano sabhāveneva rujāvahatikkhabhāvo. Sarasenevāti sabhāveneva. Sampiṇḍakassa samudayassa, kilesasantāparahitassa maggassa, avipariṇāmassa nirodhassa dassanena yathāsaṅkhyaṃ dukkhassa saṅkhatasantāpavipariṇāmaṭṭhā āvi bhavantīti āha ‘‘itare yathākkamaṃ samudayamagganirodhadassanehi āvibhavanākārā’’ti. Byāpetvāti bhavādīsu nānārammaṇesu ca visaṭā hutvā. Anekatthattā dhātūnaṃ ‘‘ūhanaṃ rāsikaraṇa’’nti vatvā puna tadatthaṃ vivarati ‘‘dukkhanibbattana’’nti. Ekavokārabhavepi hi rāsibhūtameva dukkhaṃ nibbattati anekadhammasamūhato , pageva catupañcavokārabhavesu. Ettha ca byāpanatthaṃ ākāraṃ, tassa ca ya-kārāgamaṃ katvā sampiṇḍanatthaṃ āyūhananti padaṃ veditabbaṃ. Nidadātīti dukkhassa ekantakāraṇattā taṃ nidassentaṃ viya janetīti dassento ‘‘idaṃ taṃ dukkha’’ntiādimāha. Dukkha…pe… āvi bhavati rogadassanena viya roganidānaṃ. Saṃyoga…pe… dassanehīti saṃyogaṭṭho visaṃyogasabhāvassa nirodhassa, palibodhaṭṭho niyyānasabhāvassa maggassa dassanena āvi bhavatīti attho. Teti saṃyogapalibodhaṭṭhā.
เอตฺถาติ เอตสฺมิํ อารมฺมณภูเต สติฯ สมุทยโต วิเวโก วิเวกโฎฺฐฯ นิโรโธ จ ตณฺหากฺขยภาวโต สมุทยโต วิวิโตฺต, ตสฺมา อวิเวกภูตสฺส สมุทยสฺส ทสฺสเนน นิโรธสฺส วิเวกโฎฺฐ อาวิ ภวติ, นิพฺพานาธิคมเหตุภูตสฺสาปิ มคฺคสฺส สปฺปจฺจยตาย สงฺขตภาวํ ปสฺสโต อปฺปจฺจยสฺส นิโรธสฺส อสงฺขตโฎฺฐ อาวิ ภวติ, ตถา มรณธมฺมตาย ทุกฺขํ วินสฺสนฺตํ ปสฺสโต อมรณธมฺมสฺส นิโรธสฺส อมตโฎฺฐ อาวิ ภวตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘วิเวกา’’ติอาทินาฯ อิตเร สมุทยนิโรธทุกฺขทสฺสเนหีติ เอตฺถ สมุทยทสฺสเนน ‘‘นายํ เหตุ นิพฺพานาธิคมาย, อยํ ปน เหตู’’ติ เหตุโฎฺฐ อาวิ ภวติฯ ตถา ปรมคมฺภีรสฺส นิปุณตรสฺส ทุทฺทสสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน ทสฺสนโฎฺฐ สุขุมรูปทสฺสเนน จกฺขุโน วิย, ทุกฺขทสฺสเนน ปน อเนกโรคาตุรกปณชนทสฺสเนน อิสฺสรชนสฺส อุฬารภาโว วิย มคฺคสฺส อาธิปเตยฺยโฎฺฐ อาวิ ภวติฯ
Etthāti etasmiṃ ārammaṇabhūte sati. Samudayato viveko vivekaṭṭho. Nirodho ca taṇhākkhayabhāvato samudayato vivitto, tasmā avivekabhūtassa samudayassa dassanena nirodhassa vivekaṭṭho āvi bhavati, nibbānādhigamahetubhūtassāpi maggassa sappaccayatāya saṅkhatabhāvaṃ passato appaccayassa nirodhassa asaṅkhataṭṭho āvi bhavati, tathā maraṇadhammatāya dukkhaṃ vinassantaṃ passato amaraṇadhammassa nirodhassa amataṭṭho āvi bhavatīti imamatthaṃ dasseti ‘‘vivekā’’tiādinā. Itare samudayanirodhadukkhadassanehīti ettha samudayadassanena ‘‘nāyaṃ hetu nibbānādhigamāya, ayaṃ pana hetū’’ti hetuṭṭho āvi bhavati. Tathā paramagambhīrassa nipuṇatarassa duddasassa nirodhassa dassanena dassanaṭṭho sukhumarūpadassanena cakkhuno viya, dukkhadassanena pana anekarogāturakapaṇajanadassanena issarajanassa uḷārabhāvo viya maggassa ādhipateyyaṭṭho āvi bhavati.
เต ปเนเต เหตุฎฺฐาทิเก สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ปลิโพธุปเจฺฉทวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปลิโพธุปเจฺฉทวเสนาติ สมุทยปฺปหานวเสนฯ ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ติ วจนโตติ ยสฺมา สติปิ ฌานาทีนํ อารมฺมณาธิปติภาเว ‘‘ฌานาธิปติโน ธมฺมา’’ติ เอวมาทิ น วุตฺตํ, ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ อิเจฺจว ปน วุตฺตํฯ ตสฺมา สาติสโย มคฺคงฺคธมฺมานํ อารมฺมณาธิปติภาโวฯ เตนาห ‘‘วิเสสโต วา อารมฺมณาธิปติภูตา มคฺคงฺคธมฺมา โหนฺตี’’ติฯ โส เตสํ อากาโรติ โย มคฺคงฺคานํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณวเสน ปวตฺตธมฺมานํ อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาสงฺขาโต อากาโร, โส มคฺคสฺส อาธิปเตยฺยโฎฺฐฯ ปุริโม ปน อาธิปเตยฺยโฎฺฐ สหชาตาธิปติวเสน วุโตฺตฯ อภิสเมตพฺพโฎฺฐติ ยถาวุตฺตปีฬนาทิอตฺถเมว ปฎิวิชฺฌิตพฺพตาย เอกชฺฌํ กตฺวา วทติฯ เตน อภิสมยสทฺทํ กมฺมตฺถํ ทเสฺสติฯ อภิสมยสฺสาติ ญาณสฺสฯ ปวตฺติอากาโรติ ปริชานนาทิวิเสสากาโรฯ โส หิ มคฺคกฺขเณ อสโมฺมหโต สิโทฺธ, ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณาทินา ปากโฎ โหติฯ อากาโรปิ ญาเณน อรณียโต อโตฺถติ วุจฺจตีติ กตฺวา ตติยนโย ทสฺสิโตฯ ปีฬนาทินา ทสฺสิโต วิสยวิภาเคนปิ วิสยิวิภาโค โหติ ยถา ‘‘รูปสญฺญา, สทฺทสญฺญา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๗)ฯ
Te panete hetuṭṭhādike sarūpato dassetuṃ ‘‘tattha palibodhupacchedavasenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha palibodhupacchedavasenāti samudayappahānavasena. ‘‘Maggādhipatino dhammā’’ti vacanatoti yasmā satipi jhānādīnaṃ ārammaṇādhipatibhāve ‘‘jhānādhipatino dhammā’’ti evamādi na vuttaṃ, ‘‘maggādhipatino dhammā’’ icceva pana vuttaṃ. Tasmā sātisayo maggaṅgadhammānaṃ ārammaṇādhipatibhāvo. Tenāha ‘‘visesato vā ārammaṇādhipatibhūtā maggaṅgadhammā hontī’’ti. So tesaṃ ākāroti yo maggaṅgānaṃ garuṃ katvā paccavekkhaṇavasena pavattadhammānaṃ ārammaṇādhipatipaccayatāsaṅkhāto ākāro, so maggassa ādhipateyyaṭṭho. Purimo pana ādhipateyyaṭṭho sahajātādhipativasena vutto. Abhisametabbaṭṭhoti yathāvuttapīḷanādiatthameva paṭivijjhitabbatāya ekajjhaṃ katvā vadati. Tena abhisamayasaddaṃ kammatthaṃ dasseti. Abhisamayassāti ñāṇassa. Pavattiākāroti parijānanādivisesākāro. So hi maggakkhaṇe asammohato siddho, pacchā paccavekkhaṇādinā pākaṭo hoti. Ākāropi ñāṇena araṇīyato atthoti vuccatīti katvā tatiyanayo dassito. Pīḷanādinā dassito visayavibhāgenapi visayivibhāgo hoti yathā ‘‘rūpasaññā, saddasaññā’’ti (saṃ. ni. 3.57).
กุจฺฉิตํ ขนฺติ ครหิตํ หุตฺวา อสารํฯ ‘‘สมาคโม’’ติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สํ-สทฺทสฺส สํโยคตฺถโชตกตฺตมาหฯ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติอาทีสุ เกวลสฺส ปนฺน-สทฺทสฺส, อิต-สทฺทสฺส จ ปโยเค อุปฺปตฺติอตฺถสฺส อนุปลพฺภนโต, อุ-สทฺทสฺส จ ปโยเค อุปลพฺภนโต โส อุปฺปตฺติอตฺถํ ทีเปตีติ อาห ‘‘เอวํ อุปฺปนฺนํ อุทิตนฺติ เอตฺถาปี’’ติฯ วิสุํ ปยุชฺชมานาติ อาคม-อิต-ปเทหิ วินา ปยุชฺชมานาฯ สธาตุกนฺติ อโนฺตนีเตน ธาตุนา สธาตุกํฯ เตเนว เต ‘‘อุปสคฺคา’’ติ จ วุตฺตาฯ
Kucchitaṃkhanti garahitaṃ hutvā asāraṃ. ‘‘Samāgamo’’tiādinā anvayato byatirekato ca saṃ-saddassa saṃyogatthajotakattamāha. ‘‘Uppannaṃ udita’’ntiādīsu kevalassa panna-saddassa, ita-saddassa ca payoge uppattiatthassa anupalabbhanato, u-saddassa ca payoge upalabbhanato so uppattiatthaṃ dīpetīti āha ‘‘evaṃ uppannaṃ uditanti etthāpī’’ti. Visuṃ payujjamānāti āgama-ita-padehi vinā payujjamānā. Sadhātukanti antonītena dhātunā sadhātukaṃ. Teneva te ‘‘upasaggā’’ti ca vuttā.
ทุกฺขวิเวกภาวนฺติ ทุกฺขวิวิตฺตตํฯ นิวตฺติยาติ นิพฺพานสฺสฯ นิวเตฺตตฺวาติ อนุปฺปาทสเทฺทน วิเสสนวเสน นิวเตฺตตฺวาฯ นิโรธปจฺจยตา นิโรธสฺส มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยตาฯ ปุคฺคลสจฺฉิกิริยาธมฺมภาเวหีติ ปุคฺคลธมฺมภาเวน สจฺฉิกรณธมฺมภาเวน จฯ ผลนฺติ อริยผลํฯ ตสฺสาติ นิฎฺฐานภูตาย ผลสงฺขาตาย ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา อภิสมยภูตาย ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา ปฎิปทตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Dukkhavivekabhāvanti dukkhavivittataṃ. Nivattiyāti nibbānassa. Nivattetvāti anuppādasaddena visesanavasena nivattetvā. Nirodhapaccayatā nirodhassa maggassa ārammaṇapaccayatā. Puggalasacchikiriyādhammabhāvehīti puggaladhammabhāvena sacchikaraṇadhammabhāvena ca. Phalanti ariyaphalaṃ. Tassāti niṭṭhānabhūtāya phalasaṅkhātāya dukkhanirodhappattiyā abhisamayabhūtāya dukkhanirodhappattiyā paṭipadatā daṭṭhabbā.
ปฎิวิชฺฌนกาเล นิปฺปริยาเยน พุทฺธาทิสมญฺญาติ อาห ‘‘ปฎิวิทฺธกาเล ปวตฺต’’นฺติฯ ตโต เอวาติ เตน ปกาสิตตฺตา เอวฯ
Paṭivijjhanakāle nippariyāyena buddhādisamaññāti āha ‘‘paṭividdhakāle pavatta’’nti. Tato evāti tena pakāsitattā eva.
ตนฺนิมิตฺตภาโวติ ชาติอาทิ วิย อธิฎฺฐานภาเวน ทุกฺขสฺส การณภาโว, น สมุทยสจฺจํ วิย ปภวภาเวนฯ อุทยพฺพยปีฬิตภาโว สงฺขารทุกฺขตาฯ ปวตฺตนเมวาติ ปวตฺติ เอวฯ กิจฺจํ รโสติ รสสฺส กิจฺจตฺถตํ ทเสฺสติฯ ปวตฺตินิวตฺตีสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ อวิการตา วิการาภาโว นิจฺจตาฯ
Tannimittabhāvoti jātiādi viya adhiṭṭhānabhāvena dukkhassa kāraṇabhāvo, na samudayasaccaṃ viya pabhavabhāvena. Udayabbayapīḷitabhāvo saṅkhāradukkhatā. Pavattanamevāti pavatti eva. Kiccaṃ rasoti rasassa kiccatthataṃ dasseti. Pavattinivattīsūti niddhāraṇe bhummaṃ. Avikāratā vikārābhāvo niccatā.
มรีจิมายาอตฺตานนฺติ มรีจิยา มายาย อตฺตโน จ อริยญาณสฺสาติ อริยานํ ญาณสฺสฯ เตน อริยานํ มคฺคญาณานุสาเรน ปวตฺตนกญาณมฺปิ สงฺคหิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อวิตถคาหกสฺสา’’ติอาทิ ฯ เตสนฺติ ปฎิเวธปจฺจเวกฺขณญาณานํฯ ตตฺถ ปฎิเวธญาณสฺส ปฎิวิชฺฌิตพฺพตา โคจรภาโว, อิตรสฺส อารมฺมณภาโวฯ ปฎิวิชฺฌิตพฺพตา, อารมฺมณภาโว วา ปฎิเวธญาณสฺส โคจรภาโว, อิตรสฺส อารมฺมณภาโววฯ
Marīcimāyāattānanti marīciyā māyāya attano ca ariyañāṇassāti ariyānaṃ ñāṇassa. Tena ariyānaṃ maggañāṇānusārena pavattanakañāṇampi saṅgahitaṃ hoti. Tenāha ‘‘avitathagāhakassā’’tiādi . Tesanti paṭivedhapaccavekkhaṇañāṇānaṃ. Tattha paṭivedhañāṇassa paṭivijjhitabbatā gocarabhāvo, itarassa ārammaṇabhāvo. Paṭivijjhitabbatā, ārammaṇabhāvo vā paṭivedhañāṇassa gocarabhāvo, itarassa ārammaṇabhāvova.
พาธกปฺปภวภาเวนาติ พาธกสฺส อุปฺปาทกภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา น ตณฺหา พาธกภาเวน คหิตา ปวตฺติปวตฺติเหตูนํ อสงฺกรวเสน โพธนโตฯ เอวญฺจ กตฺวา อภิธมฺมภาชนีเยปิ อยมตฺถวณฺณนา ยุชฺชเตว ฯ ยทิปิ เอวํ ‘‘ทุกฺขเมว พาธก’’นฺติ นิยมานุปปตฺติ, สมุทยภาวปฺปสโงฺค จาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ชาติอาทีนํ วิย วา’’ติอาทิฯ พาธกตฺตสฺส พาธกเตฺต จ นิยโมติ อาห ‘‘ทฺวิธาปิ พาธกตฺถาวธารเณนา’’ติฯ ยถา หิ พาธกตฺตสฺส ทุเกฺข นิยตตา, เอวํ ทุกฺขสฺส จ พาธกเตฺต นิยตตาติฯ สุตฺตนฺตภาชนีเย ตณฺหาย เอว สมุทยภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา ตณฺหาวเสน นิยมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น ตณฺหาย วินา’’ติอาทิมาหฯ สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา เหสาติฯ ‘‘กุสเลหิ วินา’’ติอาทินา ทุกฺขเหตุตาย ตณฺหาย ปธานภาวมาหฯ ตถา หิ สา กมฺมวิจิตฺตตาย เหตุภาวํ คจฺฉนฺตี วิเสเสน กมฺมสฺส สหการิการณํ โหตีติฯ ทฺวิธาปิ นิยเมนาติ มโคฺคว นิยฺยานํ, นิยฺยานเมว จ มโคฺคติ ทฺวิปฺปกาเรน นิยเมนฯ
Bādhakappabhavabhāvenāti bādhakassa uppādakabhāvena visuṃ gahitattā na taṇhā bādhakabhāvena gahitā pavattipavattihetūnaṃ asaṅkaravasena bodhanato. Evañca katvā abhidhammabhājanīyepi ayamatthavaṇṇanā yujjateva . Yadipi evaṃ ‘‘dukkhameva bādhaka’’nti niyamānupapatti, samudayabhāvappasaṅgo cāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘jātiādīnaṃ viya vā’’tiādi. Bādhakattassa bādhakatte ca niyamoti āha ‘‘dvidhāpi bādhakatthāvadhāraṇenā’’ti. Yathā hi bādhakattassa dukkhe niyatatā, evaṃ dukkhassa ca bādhakatte niyatatāti. Suttantabhājanīye taṇhāya eva samudayabhāvassa dassitattā taṇhāvasena niyamaṃ dassento ‘‘na taṇhāya vinā’’tiādimāha. Suttantabhājanīyavaṇṇanā hesāti. ‘‘Kusalehi vinā’’tiādinā dukkhahetutāya taṇhāya padhānabhāvamāha. Tathā hi sā kammavicittatāya hetubhāvaṃ gacchantī visesena kammassa sahakārikāraṇaṃ hotīti. Dvidhāpi niyamenāti maggova niyyānaṃ, niyyānameva ca maggoti dvippakārena niyamena.
วจีสจฺจํ สจฺจวาจา, ตํสมุฎฺฐาปิกา เจตนา จาติ อาห ‘‘วิรติสเจฺจติ มุสาวาทวิรติย’’นฺติฯ เกจิ ปน ‘‘วิรติสจฺจํ สมาทานวิรตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ น สมาทานมตฺตํ วิรติสจฺจํ, อถ โข สมาทานาวิสํวาทนํฯ ตํ ปน ปฎิญฺญาสจฺจตฺตา มุสาวาทวิรติเยว โหติฯ เตนาห ‘‘น หิ อญฺญวิรตีสุ สจฺจสโทฺท นิรุโฬฺห’’ติฯ สติปิ ทุกฺขสมุทยาวโพเธ ยาวเทว นิโรธมคฺคาธิคมตฺถา ปญฺญาภาวนาติ ปจฺฉิมทฺวยเสฺสว สจฺจตฺถํ สาติสยํ, ตทธิคมสฺส จ อวิวาทเหตุกํ สุเตฺต วิภาวิตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิมาหฯ
Vacīsaccaṃ saccavācā, taṃsamuṭṭhāpikā cetanā cāti āha ‘‘viratisacceti musāvādaviratiya’’nti. Keci pana ‘‘viratisaccaṃ samādānaviratī’’ti vadanti, tesampi na samādānamattaṃ viratisaccaṃ, atha kho samādānāvisaṃvādanaṃ. Taṃ pana paṭiññāsaccattā musāvādaviratiyeva hoti. Tenāha ‘‘na hi aññaviratīsu saccasaddo niruḷho’’ti. Satipi dukkhasamudayāvabodhe yāvadeva nirodhamaggādhigamatthā paññābhāvanāti pacchimadvayasseva saccatthaṃ sātisayaṃ, tadadhigamassa ca avivādahetukaṃ sutte vibhāvitaṃ dassento ‘‘tassa panā’’tiādimāha.
ฐานํ นตฺถีติ อตฺตโน วาทปติฎฺฐาปนการณํ นตฺถีติ อโตฺถฯ อตฺตภาวปฎิลาเภเนว สตฺตานํ ชาติอาทีนํ ปตฺติ สมฺมุขีภาโว จ ชายตีติ อาห ‘‘สมฺปตฺตตา, ปจฺจกฺขตา จ ปฐมตา’’ติฯ ภควโต เทสนากฺกเมเนว วา ปฐมาทิตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Ṭhānaṃ natthīti attano vādapatiṭṭhāpanakāraṇaṃ natthīti attho. Attabhāvapaṭilābheneva sattānaṃ jātiādīnaṃ patti sammukhībhāvo ca jāyatīti āha ‘‘sampattatā, paccakkhatā ca paṭhamatā’’ti. Bhagavato desanākkameneva vā paṭhamāditā daṭṭhabbā.
ปริชนนาทีหีติ ปริญฺญาปฺปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาหิ, นิสฺสกฺกวจนเญฺจตํ อญฺญสทฺทเปกฺขายฯ ธมฺมญาณกิจฺจนฺติ สภาวธมฺมาวโพธกิจฺจํฯ ปริเญฺญยฺยาทีนิ เอตปฺปรมาเนวาติ อิโต ปรํ เนยฺยํ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ
Parijananādīhīti pariññāppahānasacchikiriyābhāvanāhi, nissakkavacanañcetaṃ aññasaddapekkhāya. Dhammañāṇakiccanti sabhāvadhammāvabodhakiccaṃ. Pariññeyyādīni etapparamānevāti ito paraṃ neyyaṃ natthīti dasseti.
ทุกฺขาทีนํ อริยสจฺจภาวสฺส อนุรูปํ ยุตฺตํ, อาจริยปรมฺปราคตํ วา สวนํ อนุสฺสโวฯ สุตานุสาเรน, อญฺญถา วา กกฺขฬผุสนาทิอนิจฺจาทิสภาวสามญฺญาการปริคฺคณฺหนํ อาการปริวิตโกฺกฯ ยถาวิตกฺกิตาการสฺส ทิฎฺฐิสงฺขาตาย ทสฺสนภูตาย ปญฺญาย นิชฺฌานกฺขมนํ โรจนํ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ ฯ อาทิโจฺจ วิย ปภาย นิโรธํ ผุสติ สจฺฉิกโรติ กิเลสนฺธการํ วิทฺธํเสติฯ จตฺตาริปิ สจฺจานิ ปสฺสตีติ วุตฺตํ ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสตี’’ติอาทินาฯ
Dukkhādīnaṃ ariyasaccabhāvassa anurūpaṃ yuttaṃ, ācariyaparamparāgataṃ vā savanaṃ anussavo. Sutānusārena, aññathā vā kakkhaḷaphusanādianiccādisabhāvasāmaññākārapariggaṇhanaṃ ākāraparivitakko. Yathāvitakkitākārassa diṭṭhisaṅkhātāya dassanabhūtāya paññāya nijjhānakkhamanaṃ rocanaṃ diṭṭhinijjhānakkhanti. Ādicco viya pabhāya nirodhaṃ phusati sacchikaroti kilesandhakāraṃ viddhaṃseti. Cattāripi saccāni passatīti vuttaṃ ‘‘yo, bhikkhave, dukkhaṃ passatī’’tiādinā.
กาลนฺตรทสฺสนนฺติ นานาภิสมยํ วทติฯ เอกทสฺสิโนติ เอกสจฺจทสฺสิโนฯ น โยเชตพฺพา สิยาติ โยชนายญฺจ สพฺพทสฺสนํ ทสฺสนนฺตรปรมนฺติ ทสฺสนานุปรโม อาปเชฺชยฺย, สจฺจานญฺจ นานาภิสมเย ทุกฺขทสฺสนาทีหิ ปฐมมคฺคาทิปฺปเหยฺยานํ สํโยชนตฺตยาทีนํ เอกเทสปฺปหานํ อาปชฺชติฯ ตถา จ สติ เอกเทสโสตาปตฺติมคฺคฎฺฐตา, ตทนนฺตรญฺจ ปตฺตเพฺพน ผเลน เอกเทสโสตาปนฺนตา จ อาปชฺชติ, ตสฺมา น สจฺจานํ นานาภิสมโย ยุโตฺตฯ ยถา จ นานาภิสมโย น ยุโตฺต, เอวํ อารมฺมณาภิสมโยปิฯ ยทิ หิ อารมฺมณกรเณน จตุสจฺจาภิสมโย อิจฺฉิโต, น มโคฺค สยเมว อตฺตานํ อารมฺมณํ กโรตีติ อปริปุโณฺณ สจฺจาภิสมโย สิยาฯ อเญฺญน มเคฺคน มโคฺค อาลมฺพียตีติ ปริปุโณฺณวาติ เจ? เอวํ สติ เยน มเคฺคน มโคฺค อาลมฺพิโต, โสปิ อเญฺญน, โสปิ อเญฺญนาติ อนวฎฺฐานํ สิยา, ตสฺมา น อารมฺมณปฎิเวธโต จตุสจฺจาภิสมโย ยุโตฺต, วุตฺตนเยเนว ปน ยุโตฺตฯ กิญฺจ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ สมุจฺฉินฺทิตพฺพญฺจ อาลมฺพิตฺวา ปริเจฺฉทสมุเจฺฉทภาวนา มคฺคญาณสฺส น ยุตฺตา ตโต อนิสฺสฎภาวโต, สพฺพสงฺขตวินิสฺสฎํ นิพฺพานเมว ปน อารมฺมณตา ยุตฺตาฯ อเหตุกทิฎฺฐิ อกิริยทิฎฺฐิคฺคหเณน คหิตา เหตุพฺยาปาโรว ปรมตฺถโต กิริยาติ กตฺวาฯ
Kālantaradassananti nānābhisamayaṃ vadati. Ekadassinoti ekasaccadassino. Na yojetabbā siyāti yojanāyañca sabbadassanaṃ dassanantaraparamanti dassanānuparamo āpajjeyya, saccānañca nānābhisamaye dukkhadassanādīhi paṭhamamaggādippaheyyānaṃ saṃyojanattayādīnaṃ ekadesappahānaṃ āpajjati. Tathā ca sati ekadesasotāpattimaggaṭṭhatā, tadanantarañca pattabbena phalena ekadesasotāpannatā ca āpajjati, tasmā na saccānaṃ nānābhisamayo yutto. Yathā ca nānābhisamayo na yutto, evaṃ ārammaṇābhisamayopi. Yadi hi ārammaṇakaraṇena catusaccābhisamayo icchito, na maggo sayameva attānaṃ ārammaṇaṃ karotīti aparipuṇṇo saccābhisamayo siyā. Aññena maggena maggo ālambīyatīti paripuṇṇovāti ce? Evaṃ sati yena maggena maggo ālambito, sopi aññena, sopi aññenāti anavaṭṭhānaṃ siyā, tasmā na ārammaṇapaṭivedhato catusaccābhisamayo yutto, vuttanayeneva pana yutto. Kiñca paricchinditabbaṃ samucchinditabbañca ālambitvā paricchedasamucchedabhāvanā maggañāṇassa na yuttā tato anissaṭabhāvato, sabbasaṅkhatavinissaṭaṃ nibbānameva pana ārammaṇatā yuttā. Ahetukadiṭṭhi akiriyadiṭṭhiggahaṇena gahitā hetubyāpārova paramatthato kiriyāti katvā.
ปวเตฺตตีติ สชฺชติ, ปวตฺติยา วา เหตุ โหติฯ นิวเตฺตตีติ สํหรติ ปลยํ คเมติ, ปโลกตาทิวเสน วา โมกฺขเหตุ โหติฯ ปธานโตติ ปกติโต, ยํ ‘‘อพฺยตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติฯ
Pavattetīti sajjati, pavattiyā vā hetu hoti. Nivattetīti saṃharati palayaṃ gameti, palokatādivasena vā mokkhahetu hoti. Padhānatoti pakatito, yaṃ ‘‘abyatta’’ntipi vuccati.
‘‘กาโล กโรติ ภูตานิ, กาโล สํหรตี ปชา;
‘‘Kālo karoti bhūtāni, kālo saṃharatī pajā;
กาโล สุเตฺต ชาครติ, กาโล หิ ทุรติกฺกโม’’ติฯ –
Kālo sutte jāgarati, kālo hi duratikkamo’’ti. –
เอวํวาทา กาลวาทิโนฯ ‘‘กณฺฎกสฺส ติขิณตา, กปิฎฺฐผลาทีนํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขิสรีสปาทีนํ วิจิตฺตภาโวติ เอวมาทโย เกน การิตา? สภาเวเนว สิทฺธา, เอวํ สพฺพมฺปิ, น เอตฺถ กสฺสจิ กามกาโร’’ติ เอวํวาทา สภาววาทิโนฯ ‘‘โลโก นิยโต อเจฺฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิสทิโส , น เอตฺถ กสฺสจิ ปุริสกาโร’’ติ เอวํปวตฺตวาทา นิยติวาทิโน, –
Evaṃvādā kālavādino. ‘‘Kaṇṭakassa tikhiṇatā, kapiṭṭhaphalādīnaṃ parimaṇḍalatā, migapakkhisarīsapādīnaṃ vicittabhāvoti evamādayo kena kāritā? Sabhāveneva siddhā, evaṃ sabbampi, na ettha kassaci kāmakāro’’ti evaṃvādā sabhāvavādino. ‘‘Loko niyato acchejjasuttāvutābhejjamaṇisadiso , na ettha kassaci purisakāro’’ti evaṃpavattavādā niyativādino, –
‘‘ยทิจฺฉาย ปวตฺตนฺติ, ยทิจฺฉาย นิวตฺตเร;
‘‘Yadicchāya pavattanti, yadicchāya nivattare;
ยทิจฺฉาย สุขทุกฺขํ, ตสฺมา ยทิจฺฉตี ปชา’’ติฯ –
Yadicchāya sukhadukkhaṃ, tasmā yadicchatī pajā’’ti. –
เอวํปวตฺตวาทา ยทิจฺฉาวาทิสงฺขาตา อธิจฺจสมุปฺปตฺติวาทิโน จ เอตฺถ สภาววาเท เอว อโนฺตคธาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อณูหิ โลโก ปวตฺตตีติ อาชีวกวาทํ สนฺธายาหฯ โส หิ อการณปริคฺคโหฯ กณาทวาโท ปน อิสฺสริจฺฉาวเสน อณูนํ สํโยควิโยคโต โลกสฺส ปวตฺตินิวตฺติํ วทติฯ ปธานสฺส อปฺปวตฺตีติ มหตาทิภาเวน อปริณาโม, อนภิพฺยตฺติ วาฯ ‘‘อหมโญฺญ, ปกติ อญฺญา’’ติ เอวํ ปวตฺตปกติปุริสนฺตรชานเนน อตฺตสุขทุกฺขโมเหสุ อวิภาคคฺคหเณ นิวตฺติเต กิร วุตฺตนเยน ปธานํ นปฺปวตฺตติ, โส วิโมโกฺขติ กาปิลาฯ เอวมาทีติ อาทิ-สเทฺทน มหาพฺรหฺมุโน สมีปตา, สํโยโคติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ
Evaṃpavattavādā yadicchāvādisaṅkhātā adhiccasamuppattivādino ca ettha sabhāvavāde eva antogadhāti daṭṭhabbā. Aṇūhi loko pavattatīti ājīvakavādaṃ sandhāyāha. So hi akāraṇapariggaho. Kaṇādavādo pana issaricchāvasena aṇūnaṃ saṃyogaviyogato lokassa pavattinivattiṃ vadati. Padhānassa appavattīti mahatādibhāvena apariṇāmo, anabhibyatti vā. ‘‘Ahamañño, pakati aññā’’ti evaṃ pavattapakatipurisantarajānanena attasukhadukkhamohesu avibhāgaggahaṇe nivattite kira vuttanayena padhānaṃ nappavattati, so vimokkhoti kāpilā. Evamādīti ādi-saddena mahābrahmuno samīpatā, saṃyogoti evamādīnampi saṅgaho veditabbo.
เอกตฺตาติ เอกภาวโต เอโกปิ วุโตฺตฯ ตโยติ กิจฺจวิภาเคนฯ ตานีติ สมฺมาวาจาทิสีลานิฯ ฉนฺทสฺส สทฺทหนานุกูลาปิ ฉนฺทนวเสน ปวตฺติ โหตีติ สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพเลหิ สทฺธิํ ฉนฺทิทฺธิปาโท วุโตฺตฯ ตาทิเส กาเล อุเปกฺขานิมิตฺตานุพฺรูหเนน อุปการา สมาธิสฺส สมวาหิตาวเสน ตาทิสกิจฺจาว อุเปกฺขา เวทิตพฺพาฯ
Ekattāti ekabhāvato ekopi vutto. Tayoti kiccavibhāgena. Tānīti sammāvācādisīlāni. Chandassa saddahanānukūlāpi chandanavasena pavatti hotīti saddhindriyasaddhābalehi saddhiṃ chandiddhipādo vutto. Tādise kāle upekkhānimittānubrūhanena upakārā samādhissa samavāhitāvasena tādisakiccāva upekkhā veditabbā.
วิฆาตกตฺตาติ สํหรณียวเสน วิหนฺตภาวโตฯ
Vighātakattāti saṃharaṇīyavasena vihantabhāvato.
อริยสจฺจทฺวยนฺติ สมุทยมคฺคสจฺจทฺวยํฯ เตเนวาติ ยถาวุตฺตทุกฺขาทิสทฺทานํ ปริเญฺญยฺยาทิวาจกตฺตา เอวฯ อาทิปทสงฺคโหติ ‘‘ทุกฺขํ, น อริยสจฺจ’’นฺติ อิมินา จตุเกฺก อาทิปเท สงฺคโหฯ ตทเปกฺขนฺติ อริยสจฺจสทฺทาเปกฺขํ ทุกฺขสทฺทํฯ จตุตฺถปทสงฺคโหติ ‘‘เนว ทุกฺขํ, น อริยสจฺจ’’นฺติ อิมินา ปเทน สงฺคโหฯ อวเสสกิเลสาทโยติ ตณฺหาวชฺชกิเลสา อวเสสากุสลา, สาสวานิ กุสลมูลานิ, สาสวา จ กุสลธมฺมาฯ เต หิ อภิธมฺมภาชนีเย สมุทยภาเวน วุตฺตา, น อริยสจฺจภาเวนาติ อาห ‘‘สมุทโย, น อริยสจฺจ’’นฺติฯ อญฺญานิ มคฺคงฺคานีติ ผลสมฺมาทิฎฺฐิอาทโยฯ อิมินา นเยนาติ เอตฺถายํ โยชนา – อตฺถิ สมุทโย, น อริยสจฺจํ, อตฺถิ อริยสจฺจํ, น สมุทโย, อตฺถิ สมุทโย เจว อริยสจฺจญฺจ, อตฺถิ เนว สมุทโย, น อริยสจฺจํฯ ตตฺถ ปฐมปทํ วุตฺตตฺถํฯ นิโรโธ อริยสจฺจํ, น สมุทโย, ตณฺหา สมุทโย เจว อริยสจฺจญฺจ, มคฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา สามญฺญผลานิ จ ยสฺส ปหานาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, ตทภาวโต เนว สมุทโย, น อริยสจฺจํฯ อิตรสจฺจทฺวยํ อริยสจฺจํ ตสฺส ตสฺส ปภาวกเฎฺฐน สิยา สมุทโย, น ปน ยสฺส ปหานาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถเตฺถนฯ อิตรจตุกฺกทฺวเยปิ อาทิปทํ วุตฺตตฺถเมวฯ เสเสสุ สมุทโย อริยสจฺจํ, น นิโรโธ, อสงฺขตธาตุ นิโรโธ เจว อริยสจฺจญฺจ, มคฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา, สามญฺญผลานิ จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถเตฺถน เนว นิโรโธ, น อริยสจฺจํฯ อิตรสจฺจทฺวยํ อริยสจฺจํ, นิโรธธมฺมตาย สิยา นิโรโธ, น ปน ยสฺส สจฺฉิกิริยาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถเตฺถนฯ ตถา นิโรโธ อริยสจฺจํ, น มโคฺค, อริยมโคฺค มโคฺค เจว อริยสจฺจญฺจ, มคฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา, สามญฺญผลานิ จ ยสฺส ภาวนาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถเตฺถน เนว มโคฺค, น อริยสจฺจํฯ อิตรสจฺจทฺวยํ สิยา มโคฺค อุปปตฺติมคฺคภาวโต, น ปน ยสฺส ภาวนาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถเตฺถนฯ
Ariyasaccadvayanti samudayamaggasaccadvayaṃ. Tenevāti yathāvuttadukkhādisaddānaṃ pariññeyyādivācakattā eva. Ādipadasaṅgahoti ‘‘dukkhaṃ, na ariyasacca’’nti iminā catukke ādipade saṅgaho. Tadapekkhanti ariyasaccasaddāpekkhaṃ dukkhasaddaṃ. Catutthapadasaṅgahoti ‘‘neva dukkhaṃ, na ariyasacca’’nti iminā padena saṅgaho. Avasesakilesādayoti taṇhāvajjakilesā avasesākusalā, sāsavāni kusalamūlāni, sāsavā ca kusaladhammā. Te hi abhidhammabhājanīye samudayabhāvena vuttā, na ariyasaccabhāvenāti āha ‘‘samudayo, na ariyasacca’’nti. Aññāni maggaṅgānīti phalasammādiṭṭhiādayo. Iminā nayenāti etthāyaṃ yojanā – atthi samudayo, na ariyasaccaṃ, atthi ariyasaccaṃ, na samudayo, atthi samudayo ceva ariyasaccañca, atthi neva samudayo, na ariyasaccaṃ. Tattha paṭhamapadaṃ vuttatthaṃ. Nirodho ariyasaccaṃ, na samudayo, taṇhā samudayo ceva ariyasaccañca, maggasampayuttā dhammā sāmaññaphalāni ca yassa pahānāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati, tadabhāvato neva samudayo, na ariyasaccaṃ. Itarasaccadvayaṃ ariyasaccaṃ tassa tassa pabhāvakaṭṭhena siyā samudayo, na pana yassa pahānāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati tathatthena. Itaracatukkadvayepi ādipadaṃ vuttatthameva. Sesesu samudayo ariyasaccaṃ, na nirodho, asaṅkhatadhātu nirodho ceva ariyasaccañca, maggasampayuttā dhammā, sāmaññaphalāni ca yassa sacchikiriyāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati tathatthena neva nirodho, na ariyasaccaṃ. Itarasaccadvayaṃ ariyasaccaṃ, nirodhadhammatāya siyā nirodho, na pana yassa sacchikiriyāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati tathatthena. Tathā nirodho ariyasaccaṃ, na maggo, ariyamaggo maggo ceva ariyasaccañca, maggasampayuttā dhammā, sāmaññaphalāni ca yassa bhāvanāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati tathatthena neva maggo, na ariyasaccaṃ. Itarasaccadvayaṃ siyā maggo upapattimaggabhāvato, na pana yassa bhāvanāya bhagavati brahmacariyaṃ vussati tathatthena.
สนฺตนฺติ สมานํฯ เอวํ อิตเรสุปีติ กาตพฺพาปิ กิริยา การกรหิตา เกวลํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ตาย ปวตฺตมานาย ปจฺจยสามคฺคี กิริยํ กโรตีติ โวหารมตฺตํ โหติฯ นิพฺพุติคมเกสุปิ เอเสว นโยฯ
Santanti samānaṃ. Evaṃ itaresupīti kātabbāpi kiriyā kārakarahitā kevalaṃ attano paccayehi tāya pavattamānāya paccayasāmaggī kiriyaṃ karotīti vohāramattaṃ hoti. Nibbutigamakesupi eseva nayo.
สาสวตา อสุภตา กิเลสาสุจิปคฺฆรณโตฯ ทุกฺขาทีนนฺติ ทุกฺขสมุทยมคฺคานํฯ สมุทยาทิภาโวติ ทุกฺขสฺส สมุทยมคฺคภาโว, สมุทยสฺส มคฺคทุกฺขภาโว, มคฺคสฺส ทุกฺขสมุทยภาโว จ, น ปน นิโรธภาโว ทุกฺขาทีนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อญฺญมญฺญสมงฺคิตาติ ทุกฺขาทีนํ อิตรีตรสภาวโยโคฯ ตณฺหายาติ อาธาเร ภุมฺมํฯ ปุนพฺภวสฺสาติ ปุนภวสงฺขาตสฺส อายติทุกฺขสฺสฯ ปกติวาทีนนฺติ กาปิลานํฯ วิการาติ มหตาทโย พฺยตฺตาฯ วิภาวโตติ อภิพฺยตฺติโต, ปริณามโต วา ปุเพฺพฯ ปฎิปฺปลีนา จาติ ปจฺฉา ปกติยํ ปลยํ คตา เวสมฺมํ มุญฺจิตฺวา สตฺตาทิสมภาเวน อโนฺต สโมรุทฺธาฯ เตนาห ‘‘ปกติภาเวเนว ติฎฺฐนฺตี’’ติฯ ปกติภาเวเนวาติ อพฺยตฺตภาเวเนว ฯ สมุทยภาเวนาติ ตณฺหาสงฺขาตปภวภาเวนฯ อญฺญถา ตํสมฺปยุตฺตอวิชฺชาทีนมฺปิ สมุทยภาโว ลพฺภเตวาติฯ อวิภเตฺตหีติ เวสมฺมวิรเหน ปกติภาวํ คเตหิฯ ‘‘วิกาเรหี’’ติ สามญฺญโต วุเตฺต ‘‘มหนฺตา’’ติอาทินา สรูปโต ทเสฺสติฯ ตตฺถ มหโนฺตติ มหาพุทฺธิฯ ตญฺหิ กาปิลา ‘‘มหาอชฺฌาสโย’’ติ จ โวหรนฺติฯ รูปตมฺมตฺตาทโย ปญฺจ ตมฺมตฺตา, อหํกาโร จาติ ฉ อวิเสสาฯ จกฺขุ โสตํ ฆานํ ชิวฺหา กาโย วาจา ปาณิ ปาโท ปายุ อุปตฺถํ มโนติ เอกาทสินฺทฺริยานิฯ ปถวี อาโป เตโช วาโย อากาสนฺติ ปญฺจ ภูตวิเสสา, เตหิฯ ‘‘ปกติภาเวเนว ฐิเตหี’’ติ อิมินา ‘‘อวิภเตฺตหี’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วทติฯ สคพฺภาติ สพีชา อสุญฺญตาฯ ตนฺตูสูติ สุเตฺตสุ สมวายิการณภูเตสุฯ ตถา กปาเลสุฯ ติวิธญฺหิ เต การณํ วทนฺติ อุปาทานการณํ นิมิตฺตการณํ สมวายิการณนฺติฯ ตตฺถ ตุริเวมสลากาทโย อุปาทานการณํฯ ตนฺตวาโย นิมิตฺตการณํฯ ตนฺตโว สมวายิการณนฺติฯ ทฺวีสุ อณูสูติ ปถวีภูเตสุ วา อาโปเตโชวาโยภูเตสุ วา ทฺวีสุ ปรมาณูสุฯ อิธพุทฺธิโวหารชนโกติ ‘‘อิธ ตนฺตูสุ ปโฎ, อิธ กปาเลสุ ฆโฎ, อิธ พีรเณสุ ฆโฎ’’ติอาทินา นเยน เหตุผลานํ สมฺพนฺธภูเตน สตฺตานํ อิธพุทฺธิโวหารา ชายนฺติฯ โส โควิสาณานํ วิย อวิสุํ สหสิทฺธานํ สมฺพโนฺธ สมวาโยฯ ขาณุเสนานํ วิย ปน วิสุํสิทฺธานํ สมฺพโนฺธ สํโยโคฯ ตีสุ อณูสุ ติอณุกํ ผลํ สมเวตํ เอกีภูตมิว สมฺพนฺธนฺติ โยชนาฯ ‘‘สมเวต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘เอกีภูตมิว สมฺพนฺธ’’นฺติ อิทํ อตฺถวิวรณํฯ มหาปริมาณนฺติ มหนฺตปริมาณํ มหาปถวีอาทิกํ เอกํ ผลํ, ยํ เต ‘‘การิยํ ทฺรพฺย’’นฺติ วทนฺติฯ เยหิ การเณหิ อารทฺธํ การิยทฺรพฺยํ, ตทโนฺตคธานิ เอว ตานิ การณานิ มญฺญนฺตีติ อาห ‘‘อตฺตโน อโนฺตคเธหิ การเณหี’’ติฯ สติ สมวาเย เหตุมฺหิ ผลํ สมเวตนฺติ ผเล เหตุ สิยา, ตํ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมวายาภาวา ผเล เหตุ นตฺถีติ เหตุสุญฺญํ ผล’’นฺติฯ
Sāsavatā asubhatā kilesāsucipaggharaṇato. Dukkhādīnanti dukkhasamudayamaggānaṃ. Samudayādibhāvoti dukkhassa samudayamaggabhāvo, samudayassa maggadukkhabhāvo, maggassa dukkhasamudayabhāvo ca, na pana nirodhabhāvo dukkhādīnanti sambandho. Aññamaññasamaṅgitāti dukkhādīnaṃ itarītarasabhāvayogo. Taṇhāyāti ādhāre bhummaṃ. Punabbhavassāti punabhavasaṅkhātassa āyatidukkhassa. Pakativādīnanti kāpilānaṃ. Vikārāti mahatādayo byattā. Vibhāvatoti abhibyattito, pariṇāmato vā pubbe. Paṭippalīnā cāti pacchā pakatiyaṃ palayaṃ gatā vesammaṃ muñcitvā sattādisamabhāvena anto samoruddhā. Tenāha ‘‘pakatibhāveneva tiṭṭhantī’’ti. Pakatibhāvenevāti abyattabhāveneva . Samudayabhāvenāti taṇhāsaṅkhātapabhavabhāvena. Aññathā taṃsampayuttaavijjādīnampi samudayabhāvo labbhatevāti. Avibhattehīti vesammavirahena pakatibhāvaṃ gatehi. ‘‘Vikārehī’’ti sāmaññato vutte ‘‘mahantā’’tiādinā sarūpato dasseti. Tattha mahantoti mahābuddhi. Tañhi kāpilā ‘‘mahāajjhāsayo’’ti ca voharanti. Rūpatammattādayo pañca tammattā, ahaṃkāro cāti cha avisesā. Cakkhu sotaṃ ghānaṃ jivhā kāyo vācā pāṇi pādo pāyu upatthaṃ manoti ekādasindriyāni. Pathavī āpo tejo vāyo ākāsanti pañca bhūtavisesā, tehi. ‘‘Pakatibhāveneva ṭhitehī’’ti iminā ‘‘avibhattehī’’ti padassa atthaṃ vadati. Sagabbhāti sabījā asuññatā. Tantūsūti suttesu samavāyikāraṇabhūtesu. Tathā kapālesu. Tividhañhi te kāraṇaṃ vadanti upādānakāraṇaṃ nimittakāraṇaṃ samavāyikāraṇanti. Tattha turivemasalākādayo upādānakāraṇaṃ. Tantavāyo nimittakāraṇaṃ. Tantavo samavāyikāraṇanti. Dvīsu aṇūsūti pathavībhūtesu vā āpotejovāyobhūtesu vā dvīsu paramāṇūsu. Idhabuddhivohārajanakoti ‘‘idha tantūsu paṭo, idha kapālesu ghaṭo, idha bīraṇesu ghaṭo’’tiādinā nayena hetuphalānaṃ sambandhabhūtena sattānaṃ idhabuddhivohārā jāyanti. So govisāṇānaṃ viya avisuṃ sahasiddhānaṃ sambandho samavāyo. Khāṇusenānaṃ viya pana visuṃsiddhānaṃ sambandho saṃyogo. Tīsu aṇūsu tiaṇukaṃ phalaṃ samavetaṃ ekībhūtamiva sambandhanti yojanā. ‘‘Samaveta’’nti etassa ‘‘ekībhūtamiva sambandha’’nti idaṃ atthavivaraṇaṃ. Mahāparimāṇanti mahantaparimāṇaṃ mahāpathavīādikaṃ ekaṃ phalaṃ, yaṃ te ‘‘kāriyaṃ drabya’’nti vadanti. Yehi kāraṇehi āraddhaṃ kāriyadrabyaṃ, tadantogadhāni eva tāni kāraṇāni maññantīti āha ‘‘attano antogadhehi kāraṇehī’’ti. Sati samavāye hetumhi phalaṃ samavetanti phale hetu siyā, taṃ natthīti dassento āha ‘‘samavāyābhāvā phale hetu natthīti hetusuññaṃ phala’’nti.
อาหารเภเทติ กพฬีการาทิอาหารวิเสเสฯ ตปฺปจฺจยธมฺมเภเทติ อโชฺฌหรณียวตฺถุสฬายตนอวิชฺชาอภิสงฺขารสงฺขาเต เตสํ ปจฺจยภูตธมฺมวิเสเส, โอชฎฺฐมกรูปเวทนาปฎิสนฺธิวิญฺญาณนามรูปสงฺขาเต วา ตนฺนิพฺพตฺตธมฺมวิเสเส, เต ปจฺจยา เอเตสํ ธมฺมวิเสสานนฺติ ตปฺปจฺจยธมฺมเภทา ฯ รูปาทิอารมฺมณวเสน วาติ โยชนาฯ ยานทฺวยวเสนาติ สมถวิปสฺสนายานทฺวยวเสนฯ กิญฺจาปิ มคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนา ยุคนทฺธาว, ยถา ปน สุญฺญตาทิสมญฺญา, เอวํ สมถวิปสฺสนาสมญฺญาปิ อาคมนโต มคฺคสฺส สิยุนฺติ อาห ‘‘อาคมนวเสน วุโตฺต’’ติฯ ยสฺส วา ปญฺญินฺทฺริยํ อธิกํ, ตสฺส มโคฺค วิปสฺสนา, อิตรสฺส สมโถติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Āhārabhedeti kabaḷīkārādiāhāravisese. Tappaccayadhammabhedeti ajjhoharaṇīyavatthusaḷāyatanaavijjāabhisaṅkhārasaṅkhāte tesaṃ paccayabhūtadhammavisese, ojaṭṭhamakarūpavedanāpaṭisandhiviññāṇanāmarūpasaṅkhāte vā tannibbattadhammavisese, te paccayā etesaṃ dhammavisesānanti tappaccayadhammabhedā. Rūpādiārammaṇavasena vāti yojanā. Yānadvayavasenāti samathavipassanāyānadvayavasena. Kiñcāpi maggakkhaṇe samathavipassanā yuganaddhāva, yathā pana suññatādisamaññā, evaṃ samathavipassanāsamaññāpi āgamanato maggassa siyunti āha ‘‘āgamanavasena vutto’’ti. Yassa vā paññindriyaṃ adhikaṃ, tassa maggo vipassanā, itarassa samathoti evamettha attho daṭṭhabbo.
สมาธิชาติ สมาธานโฎฺฐวฯ ตโต เอวาติ สมาธิอนุคุณกิริยตฺตาวฯ
Samādhijāti samādhānaṭṭhova. Tato evāti samādhianuguṇakiriyattāva.
อาทาย อูหิตฺวาติ คเหตฺวา วิย ตเกฺกตฺวา วิตเกฺกตฺวาฯ ทฺวินฺนนฺติ สมฺมาทิฎฺฐิสมฺมาสงฺกปฺปานํฯ ปุริมกาลสฺส วิย นิเทฺทโส ยถา ‘‘เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติ, ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจ ตโย มหาภูตา’’ติ จฯ
Ādāya ūhitvāti gahetvā viya takketvā vitakketvā. Dvinnanti sammādiṭṭhisammāsaṅkappānaṃ. Purimakālassa viya niddeso yathā ‘‘ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā’’ti, ‘‘ekaṃ mahābhūtaṃ paṭicca tayo mahābhūtā’’ti ca.
โอคาหิตุนฺติ ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตุํฯ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สณฺหตฺตํฯ สุขุมาย ปญฺญาย คเหตพฺพตาย สุขุมตฺตํฯ อิตีติ อิมินา กเมนาติ อยมโตฺถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิติสเทฺทน วิชานนกฺกมํ ทเสฺสตี’’ติฯ เอวํ ปกาเรหีติ เอวํ-สเทฺทน โชติยมาโน เอว อโตฺถ ปการ-สเทฺทน วุจฺจตีติ ‘‘เอวํ-สเทฺทน วิชานนการณภูเต นเย ทเสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ อิตีติ วา นิทสฺสนโตฺถฯ เตน วุตฺตปฺปเภเท ปจฺจามสนวเสน นิทเสฺสติฯ เอวํ-สโทฺท อิทมโตฺถฯ เตน เอวํ ปกาเรหีติ อิทํปกาเรหิ, อีทิเสหีติ อโตฺถฯ
Ogāhitunti ñāṇena paṭivijjhituṃ. Gahetuṃ asakkuṇeyyatāya saṇhattaṃ. Sukhumāya paññāya gahetabbatāya sukhumattaṃ. Itīti iminā kamenāti ayamatthoti adhippāyenāha ‘‘itisaddena vijānanakkamaṃ dassetī’’ti. Evaṃ pakārehīti evaṃ-saddena jotiyamāno eva attho pakāra-saddena vuccatīti ‘‘evaṃ-saddena vijānanakāraṇabhūte naye dassetī’’ti vuttaṃ. Itīti vā nidassanattho. Tena vuttappabhede paccāmasanavasena nidasseti. Evaṃ-saddo idamattho. Tena evaṃ pakārehīti idaṃpakārehi, īdisehīti attho.
อุเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑. ทุกฺขสจฺจนิเทฺทโส
1. Dukkhasaccaniddeso
ชาตินิเทฺทสวณฺณนา
Jātiniddesavaṇṇanā
๑๙๐. ‘‘ชาติอาทินิเทฺทเส’’ติ อิมินา ‘‘ตตฺถา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วทติฯ ทุกฺขมาติกาติ ทุกฺขทุกฺขาทีนํ ทุกฺขวิเสสานํ อุเทฺทโสฯ ปททฺวเยติ ‘‘ปริยายทุกฺขํ, นิปฺปริยายทุกฺข’’นฺติ เอตสฺมิํ ปททฺวเยฯ
190. ‘‘Jātiādiniddese’’ti iminā ‘‘tatthā’’ti padassa atthaṃ vadati. Dukkhamātikāti dukkhadukkhādīnaṃ dukkhavisesānaṃ uddeso. Padadvayeti ‘‘pariyāyadukkhaṃ, nippariyāyadukkha’’nti etasmiṃ padadvaye.
ทุกฺขตฺตาเยวาติ นิปฺปริยายทุกฺขตํ วทติฯ สภาเวน นามํ วิเสเสตีติ อนฺวตฺถสญฺญตํ ทเสฺสติฯ ปุริเมน สภาวทุกฺขวาจเกน ทุกฺขสเทฺทนฯ โส หิ วิเสสนํ อวเจฺฉทกภาวโต ปจฺฉิมํ สงฺขารทุกฺขฎฺฐํ วิเสเสติฯ โส หิ นิวเตฺตตพฺพคเหตพฺพสาธารณตฺตา อวจฺฉินฺทิตโพฺพฯ เตนาติ วิปริณามอธิฎฺฐานาทิปการวิเสเสนฯ
Dukkhattāyevāti nippariyāyadukkhataṃ vadati. Sabhāvena nāmaṃ visesetīti anvatthasaññataṃ dasseti. Purimena sabhāvadukkhavācakena dukkhasaddena. So hi visesanaṃ avacchedakabhāvato pacchimaṃ saṅkhāradukkhaṭṭhaṃ viseseti. So hi nivattetabbagahetabbasādhāraṇattā avacchinditabbo. Tenāti vipariṇāmaadhiṭṭhānādipakāravisesena.
เทเสตพฺพสฺส อตฺถสฺส สงฺขิปนํ อิธ สเงฺขโป, โส จ ตพฺพิภาคานํ สาธารณภาโวติ อาห ‘‘สเงฺขโป สามญฺญ’’นฺติฯ อโนฺตกริตฺวาติ อโนฺตคเธ กตฺวา, สงฺคเหตฺวา วาฯ อุภยถาปีติ สเงฺขปโตปิ วิตฺถารโตปิฯ สาธารณภาคานํ วิภชนํ วิภาโค, วิตฺถาโรติ อาห ‘‘วิตฺถาโร ปน วิเสโส’’ติฯ วิเสสนฺตรนิวตฺตโกติ วิภาคนฺตราสงฺคาหโกฯ
Desetabbassa atthassa saṅkhipanaṃ idha saṅkhepo, so ca tabbibhāgānaṃ sādhāraṇabhāvoti āha ‘‘saṅkhepo sāmañña’’nti. Antokaritvāti antogadhe katvā, saṅgahetvā vā. Ubhayathāpīti saṅkhepatopi vitthāratopi. Sādhāraṇabhāgānaṃ vibhajanaṃ vibhāgo, vitthāroti āha ‘‘vitthāro pana viseso’’ti. Visesantaranivattakoti vibhāgantarāsaṅgāhako.
๑๙๑. อปรตฺถาติ ภุมฺมวจนํ สามิอเตฺถ ยถา ‘‘สพฺพตฺถ ปาทก’’นฺติ อาห ‘‘สามิอเตฺถปิ หิ อปรตฺถสโทฺท สิชฺฌตี’’ติฯ สิทฺธิ ปน ‘‘อิตราหิปิ ทิสฺสตี’’ติ อิมินา เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา จ เอวํ สโทฺท สมฺภวติ, ตสฺมา ปาฬิยํ สามิวเสน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ภุมฺมวเสน ทสฺสิตนฺติ ทีเปโนฺต ‘‘เตสํ เตสนฺติ วา’’ติอาทิมาหฯ อปรสฺสาติ อปรสฺส สตฺตสฺสฯ มนุสฺสาทิเภโท อุปปตฺติภโว คติ, ตพฺพิเสสภูตา ขตฺติยาทิสามญฺญาธิฎฺฐานา ขนฺธา ชาตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจคติวเสนา’’ติอาทิมาหฯ
191. Aparatthāti bhummavacanaṃ sāmiatthe yathā ‘‘sabbattha pādaka’’nti āha ‘‘sāmiatthepi hi aparatthasaddo sijjhatī’’ti. Siddhi pana ‘‘itarāhipi dissatī’’ti iminā veditabbā. Yasmā ca evaṃ saddo sambhavati, tasmā pāḷiyaṃ sāmivasena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ bhummavasena dassitanti dīpento ‘‘tesaṃ tesanti vā’’tiādimāha. Aparassāti aparassa sattassa. Manussādibhedo upapattibhavo gati, tabbisesabhūtā khattiyādisāmaññādhiṭṭhānā khandhā jātīti dassento ‘‘pañcagativasenā’’tiādimāha.
ติณากาโรติ ติณวิกโปฺป, ติณวิเสโสติ อโตฺถฯ เอวนฺติ นิทสฺสเนฯ เตน วุตฺตปฺปการํ ปฐมํ วิญฺญาณปาตุภาวํ ปจฺจามสติฯ ตทุปาทายาติ ตโต ปฎฺฐายฯ อริยภาวกรณตฺตาติ อริยภาวการณตฺตาฯ กโรตีติ หิ กรณํฯ อริยสทิสตฺตา วา อริยสีลํฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกานมฺปิ หิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ อริยสีลสทิสํฯ อาการวิการาติ อุปฺปชฺชนาทิอาการวิกติโยฯ สหุปฺปาทกาติ อุปฺปาทสหิตา อุปฺปาทาวตฺถา ขนฺธาฯ อายตนวเสนาติ ปริปุณฺณาปริปุณฺณายตนวเสนฯ โยนิวเสนาติ อณฺฑชาทิโยนิวเสนฯ เอเกเกเนว ปเทนาติ ยถา ทุติยนเย ชาติอาทิปเทสุ ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ปริปุณฺณาปริปุณฺณายตนโยนิวิภาเคน สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติ ทสฺสิตา, น เอวมิธฯ อิธ ปเนเตสุ เอเกเกเนว ปเทน อวิภาคโต สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวาฯ อุภยตฺถาติ ปุริมปจฺฉิมนเยสุ ภาวนิเทฺทโสว ยุโตฺตฯ อนภิหิเต วิภตฺติวิธานํ, นาภิหิเตติฯ ปากฎา นิพฺพตฺตีติ อภิพฺยตฺตา นิพฺพตฺติฯ
Tiṇākāroti tiṇavikappo, tiṇavisesoti attho. Evanti nidassane. Tena vuttappakāraṃ paṭhamaṃ viññāṇapātubhāvaṃ paccāmasati. Tadupādāyāti tato paṭṭhāya. Ariyabhāvakaraṇattāti ariyabhāvakāraṇattā. Karotīti hi karaṇaṃ. Ariyasadisattā vā ariyasīlaṃ. Puthujjanakalyāṇakānampi hi catupārisuddhisīlaṃ ariyasīlasadisaṃ. Ākāravikārāti uppajjanādiākāravikatiyo. Sahuppādakāti uppādasahitā uppādāvatthā khandhā. Āyatanavasenāti paripuṇṇāparipuṇṇāyatanavasena. Yonivasenāti aṇḍajādiyonivasena. Ekekeneva padenāti yathā dutiyanaye jātiādipadesu dvīhi dvīhi padehi paripuṇṇāparipuṇṇāyatanayonivibhāgena sabbasatte pariyādiyitvā jāti dassitā, na evamidha. Idha panetesu ekekeneva padena avibhāgato sabbasatte pariyādiyitvā. Ubhayatthāti purimapacchimanayesu bhāvaniddesova yutto. Anabhihite vibhattividhānaṃ, nābhihiteti. Pākaṭā nibbattīti abhibyattā nibbatti.
ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนนฺติ เอกโวการภเว รูปายตนธมฺมายตนวเสน ทฺวินฺนํ, จตุโวการภเว มนายตนธมฺมายตนวเสน ทฺวินฺนํฯ เสเสติ ปญฺจโวการภเวฯ ปญฺจนฺนนฺติ จกฺขุโสตมโนรูปธมฺมายตนวเสน ปญฺจนฺนํฯ ตานิ หิ รูปภเว ปญฺจโวกาเร อุปปตฺติกฺขเณ อุปฺปชฺชนฺติฯ กามธาตุยํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานนฺติ โยชนาฯ วิกลาวิกลินฺทฺริยานนฺติ อปริปุณฺณปริปุณฺณายตนานํ สตฺตานํฯ อินฺทฺริยวเสเนว หิ อายตนานํ เวกลฺลํ อิจฺฉิตพฺพํฯ ตตฺถ วิกลินฺทฺริยสฺส สตฺตนฺนํ นวนฺนํ ทสนฺนํ ปุนปิ ทสนฺนํ, อิตรสฺส เอกาทสนฺนํ อายตนานํ วเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ สตฺตนฺนนฺติ กายมโนรูปคนฺธรสโผฎฺฐพฺพธมฺมายตนวเสน สตฺตนฺนํฯ คพฺภเสยฺยกญฺหิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ นวนฺนนฺติ จกฺขุโสตสทฺทายตนวชฺชานํ นวนฺนํฯ อนฺธพธิรวเสน หิทํ วุตฺตํฯ ทสนฺนนฺติ จกฺขุสทฺทวชฺชานํฯ ปุน ทสนฺนนฺติ โสตสทฺทวชฺชานํฯ อนฺธวเสน, พธิรวเสน เจตํ ทฺวยํ วุตฺตํฯ เอกาทสนฺนนฺติ สทฺทวชฺชานํฯ
Dvinnaṃ dvinnanti ekavokārabhave rūpāyatanadhammāyatanavasena dvinnaṃ, catuvokārabhave manāyatanadhammāyatanavasena dvinnaṃ. Seseti pañcavokārabhave. Pañcannanti cakkhusotamanorūpadhammāyatanavasena pañcannaṃ. Tāni hi rūpabhave pañcavokāre upapattikkhaṇe uppajjanti. Kāmadhātuyaṃ paṭisandhikkhaṇe uppajjamānānanti yojanā. Vikalāvikalindriyānanti aparipuṇṇaparipuṇṇāyatanānaṃ sattānaṃ. Indriyavaseneva hi āyatanānaṃ vekallaṃ icchitabbaṃ. Tattha vikalindriyassa sattannaṃ navannaṃ dasannaṃ punapi dasannaṃ, itarassa ekādasannaṃ āyatanānaṃ vasena saṅgaho veditabbo. Sattannanti kāyamanorūpagandharasaphoṭṭhabbadhammāyatanavasena sattannaṃ. Gabbhaseyyakañhi sandhāyetaṃ vuttaṃ. Navannanti cakkhusotasaddāyatanavajjānaṃ navannaṃ. Andhabadhiravasena hidaṃ vuttaṃ. Dasannanti cakkhusaddavajjānaṃ. Puna dasannanti sotasaddavajjānaṃ. Andhavasena, badhiravasena cetaṃ dvayaṃ vuttaṃ. Ekādasannanti saddavajjānaṃ.
ตํทุกฺขภาโวติ ปริยายทุกฺขภาโวฯ ตตฺถ นิพฺพตฺตินิวารเณนาติ อุปฺปลปทุมาทีสุ อุปฺปตฺติปฎิเกฺขเปน อภาวกถเนนฯ ทุกฺขุปฺปตฺติการเณติ ทุกฺขุปฺปตฺติยา เหตุภูเต ทุกฺขุปฺปตฺติฎฺฐาเนฯ
Taṃdukkhabhāvoti pariyāyadukkhabhāvo. Tattha nibbattinivāraṇenāti uppalapadumādīsu uppattipaṭikkhepena abhāvakathanena. Dukkhuppattikāraṇeti dukkhuppattiyā hetubhūte dukkhuppattiṭṭhāne.
มรณนิเทฺทสวณฺณนา
Maraṇaniddesavaṇṇanā
๑๙๓. ขนฺธเภทสฺสาติ ขนฺธวินาสสฺสฯ โสติ ขนฺธเภโทฯ ปพนฺธสมุเจฺฉโทติ ปพนฺธสฺส อจฺจนฺตสมุเจฺฉโทฯ ตพฺภาวโตติ สมฺมุติมรณภาวโตฯ ตเทกเทสภาวโตติ ตทวยวภาวโตฯ ตเสฺสว นามนฺติ อสโมฺมหตฺถํ วุตฺตํ สพฺพสฺสาปิ เอกกมฺมนิพฺพตฺตชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิเจฺฉทภาวโตฯ สมฺมุติมรณเมว หิ ชาติกฺขยมรณํ, ตํ ปน ชาติกฺขยมรณํ อุปกฺกมมรณํ, สรสมรณนฺติ ทุวิธํฯ ตตฺถ สรสมรณมฺปิ อายุกฺขยมรณํ, ปุญฺญกฺขยมรณนฺติ ทุวิธํฯ เอวเมเตสํ ตเทกเทสตา เวทิตพฺพาฯ ยเญฺจตฺถ อุปกฺกมมรณํ, ตํ อกาลมรณํฯ สรสมรณํ กาลมรณํฯ มรเณน สตฺตา ยถาลทฺธอตฺตภาเวน วิยุชฺชนฺตีติ อาห ‘‘สมฺปตฺติภวกฺขเนฺธหิ วิโยเชตี’’ติฯ
193. Khandhabhedassāti khandhavināsassa. Soti khandhabhedo. Pabandhasamucchedoti pabandhassa accantasamucchedo. Tabbhāvatoti sammutimaraṇabhāvato. Tadekadesabhāvatoti tadavayavabhāvato. Tasseva nāmanti asammohatthaṃ vuttaṃ sabbassāpi ekakammanibbattajīvitindriyappabandhavicchedabhāvato. Sammutimaraṇameva hi jātikkhayamaraṇaṃ, taṃ pana jātikkhayamaraṇaṃ upakkamamaraṇaṃ, sarasamaraṇanti duvidhaṃ. Tattha sarasamaraṇampi āyukkhayamaraṇaṃ, puññakkhayamaraṇanti duvidhaṃ. Evametesaṃ tadekadesatā veditabbā. Yañcettha upakkamamaraṇaṃ, taṃ akālamaraṇaṃ. Sarasamaraṇaṃ kālamaraṇaṃ. Maraṇena sattā yathāladdhaattabhāvena viyujjantīti āha ‘‘sampattibhavakkhandhehi viyojetī’’ti.
การณโตฺถติ มูลโตฺถฯ มูลญฺหิ ‘‘อาที’’ติ วุจฺจติ ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลญฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฎฺฐิ จ อุชุกา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙)ฯ เตนาห ‘‘สนฺธิพนฺธนเจฺฉทมูลกนฺติ อโตฺถ’’ติฯ
Kāraṇatthoti mūlattho. Mūlañhi ‘‘ādī’’ti vuccati ‘‘ko cādi kusalānaṃ dhammānaṃ? Sīlañca suvisuddhaṃ, diṭṭhi ca ujukā’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.369). Tenāha ‘‘sandhibandhanacchedamūlakanti attho’’ti.
ผลกิริยาคพฺภา อีทิสี เหตุกิริยาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อโนฺตคธา’’ติฯ พฺยสนสฺส หิ อาปาทเกหิ อาปาทนํ อาปาเทตพฺพอาปตฺติยา สเหว สิชฺฌตีติฯ
Phalakiriyāgabbhā īdisī hetukiriyāti katvā vuttaṃ ‘‘antogadhā’’ti. Byasanassa hi āpādakehi āpādanaṃ āpādetabbaāpattiyā saheva sijjhatīti.
โสกนิเทฺทสวณฺณนา
Sokaniddesavaṇṇanā
๑๙๔. สุขํ หิโนติ ปวตฺตติ เอเตนาติ สุขการณํ หิตํฯ โภคพฺยสนาทิปทตฺถวิเสสนฺติ โภคพฺยสนํ, สีลพฺยสนนฺติ เอวํ โภคสีลปทานํ วเสน อตฺถวิเสสํฯ สมาสวิเสสนฺติ ‘‘โรโคเยว พฺยสนํ, ทิฎฺฐิ เอว พฺยสน’’นฺติ สมานาธิกรณวเสน สมาสวิเสสํฯ อนฺนปานวตฺถยานาทิ ปริภุญฺชิตพฺพโต โภโคติ อธิเปฺปโต, โส จ ธมฺมสมูหภาเวนฯ ตพฺพินาสาติ ญาติโภคพฺยสนานิ วุตฺตานีติ เต วิการภาเวน ปญฺญาเปตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติมตฺตาฯ ปรินิปฺผนฺนํ นาม ขนฺธปญฺจกํฯ อตํสภาวตฺตา ปณฺณตฺติ อปรินิปฺผนฺนา, อนิปฺผนฺนา จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อปรินิปฺผนฺนตํ สนฺธาย อนิปฺผนฺนานีติ อาหา’’ติฯ น หิ ปณฺณตฺติ เกนจิ นิปฺผาทียติฯ อญฺญตฺถาปิ อปรินิปฺผเนฺน อนิปฺผนฺนโวหาโร อาคโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปรินิปฺผนฺนตํเยวา’’ติอาทิมาหฯ กามเญฺจตฺถ อปรินิปฺผนฺนํ ‘‘อนิปฺผนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘นิปฺผนฺน’’นฺติ ปน น ปรินิปฺผนฺนเมว วุจฺจติ, นาปิ สโพฺพ สภาวธโมฺมติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ขนฺธวิภเงฺค จา’’ติอาทิมาหฯ นิปฺผนฺนตา วุตฺตาติ สมฺพโนฺธฯ อนิปฺผนฺนตา สภาวธมฺมเตฺตปิ เกนจิ น นิปฺผาทียตีติ กตฺวาฯ
194. Sukhaṃ hinoti pavattati etenāti sukhakāraṇaṃ hitaṃ. Bhogabyasanādipadatthavisesanti bhogabyasanaṃ, sīlabyasananti evaṃ bhogasīlapadānaṃ vasena atthavisesaṃ. Samāsavisesanti ‘‘rogoyeva byasanaṃ, diṭṭhi eva byasana’’nti samānādhikaraṇavasena samāsavisesaṃ. Annapānavatthayānādi paribhuñjitabbato bhogoti adhippeto, so ca dhammasamūhabhāvena. Tabbināsāti ñātibhogabyasanāni vuttānīti te vikārabhāvena paññāpetabbattā paṇṇattimattā. Parinipphannaṃ nāma khandhapañcakaṃ. Ataṃsabhāvattā paṇṇatti aparinipphannā, anipphannā ca hotīti vuttaṃ ‘‘aparinipphannataṃ sandhāya anipphannānīti āhā’’ti. Na hi paṇṇatti kenaci nipphādīyati. Aññatthāpi aparinipphanne anipphannavohāro āgatoti dassetuṃ ‘‘aparinipphannataṃyevā’’tiādimāha. Kāmañcettha aparinipphannaṃ ‘‘anipphanna’’nti vuttaṃ, ‘‘nipphanna’’nti pana na parinipphannameva vuccati, nāpi sabbo sabhāvadhammoti dassento ‘‘khandhavibhaṅge cā’’tiādimāha. Nipphannatā vuttāti sambandho. Anipphannatā sabhāvadhammattepi kenaci na nipphādīyatīti katvā.
สงฺกุจิตํ จินฺตนนฺติ ปีติโสมนสฺสปฎิปกฺขโต, โทสสมฺปโยคโต จ อารมฺมเณ อนภิรติปฺปวตฺติมาหฯ อโนฺต อตฺตโน นิสฺสยสฺส นิทฺทหนวเสน วา ฌานํ จินฺตนํ อโนฺตนิชฺฌานํฯ สติปิ อนุโสจนภาเว อตฺตโน กตากตกุสลากุสลวิสโย มโนวิเลขภูโต วิปฺปฎิสาโร กุกฺกุจฺจํ, ยถาวุตฺตอโนฺตนิชฺฌานํ โสโกติ อุภินฺนํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ
Saṅkucitaṃ cintananti pītisomanassapaṭipakkhato, dosasampayogato ca ārammaṇe anabhiratippavattimāha. Anto attano nissayassa niddahanavasena vā jhānaṃ cintanaṃ antonijjhānaṃ. Satipi anusocanabhāve attano katākatakusalākusalavisayo manovilekhabhūto vippaṭisāro kukkuccaṃ, yathāvuttaantonijjhānaṃ sokoti ubhinnaṃ viseso veditabbo.
‘‘มโนทฺวารชวนกฺขเณ’’ติ ปริพฺยตฺตมโนฺตนิชฺฌานํ สนฺธายาห, อิตรํ ปน ปญฺจทฺวารชวเนสุปิ ลพฺภเตวฯ เตนาห ‘‘กายวิญฺญาณาที’’ติอาทิฯ โทมนสฺสสฺสาติ อโสจนาการสฺส โทมนสฺสสฺส, โสจนาการสฺสาปิ วา นานาวีถิกสฺสฯ ตมฺปิ หิ ทุกฺขเมวาติฯ อญฺญถาติ มโนทฺวารชวเน เอว คหิเตฯ ตตฺถาติ กายวตฺถุกมโนทฺวาริเกสุฯ
‘‘Manodvārajavanakkhaṇe’’ti paribyattamantonijjhānaṃ sandhāyāha, itaraṃ pana pañcadvārajavanesupi labbhateva. Tenāha ‘‘kāyaviññāṇādī’’tiādi. Domanassassāti asocanākārassa domanassassa, socanākārassāpi vā nānāvīthikassa. Tampi hi dukkhamevāti. Aññathāti manodvārajavane eva gahite. Tatthāti kāyavatthukamanodvārikesu.
ปริเทวนิเทฺทสวณฺณนา
Paridevaniddesavaṇṇanā
๑๙๕. อาเทวนสทฺทํ กตฺวาติ อาเทวิตฺวา, วิลปิตฺวาติ อโตฺถฯ ปุคฺคลสฺส สมฺภมภาโวติ ยสฺส สตฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อนวฎฺฐานภาโวฯ สมฺภมํ วา อพฺภนฺตรคตํ ตสฺส ปจฺจุปฎฺฐาเปติ ปากฎภาวกรเณนาติ สมฺภมปจฺจุปฎฺฐาโนฯ
195. Ādevanasaddaṃ katvāti ādevitvā, vilapitvāti attho. Puggalassa sambhamabhāvoti yassa sattassa uppajjati, tassa anavaṭṭhānabhāvo. Sambhamaṃ vā abbhantaragataṃ tassa paccupaṭṭhāpeti pākaṭabhāvakaraṇenāti sambhamapaccupaṭṭhāno.
มุฎฺฐีหิ โปถนาทีนิ มุฎฺฐิโปถนาทีนิฯ
Muṭṭhīhi pothanādīni muṭṭhipothanādīni.
เยน โทมนเสฺสนฯ ปุเพฺพ วุตฺตทุกฺขโตติ ‘‘อตฺตโน ขนฺธํ มุฎฺฐีหิ โปเถตี’’ติอาทินา วุตฺตทุกฺขโตฯ ตํนิทานนฺติ ปริเทวนิทานํฯ
Yena domanassena. Pubbe vuttadukkhatoti ‘‘attano khandhaṃ muṭṭhīhi pothetī’’tiādinā vuttadukkhato. Taṃnidānanti paridevanidānaṃ.
ทุกฺขโทมนสฺสนิเทฺทสวณฺณนา
Dukkhadomanassaniddesavaṇṇanā
๑๙๖-๗. กายทุกฺขาภิภูตสฺส ปติการาภิลาสาย ตาทิสทุกฺขาวหปโยคกาลาทีสุ กายิกทุกฺขสฺส ตทุปนิสฺสยตา เวทิตพฺพาฯ เอเตน ทุเกฺขนาติ อนาถตาหตฺถปาทเจฺฉทนาทิทุเกฺขนฯ
196-7. Kāyadukkhābhibhūtassa patikārābhilāsāya tādisadukkhāvahapayogakālādīsu kāyikadukkhassa tadupanissayatā veditabbā. Etena dukkhenāti anāthatāhatthapādacchedanādidukkhena.
อุปายาสนิเทฺทสวณฺณนา
Upāyāsaniddesavaṇṇanā
๑๙๘. ทุกฺขฎฺฐานนิสชฺชาทีนิ ทุกฺขฎฺฐานาทีนิฯ โทมนสฺสสฺส วตฺถุ โหติ อุปายาโสติ สมฺพโนฺธฯ
198. Dukkhaṭṭhānanisajjādīni dukkhaṭṭhānādīni. Domanassassa vatthu hoti upāyāsoti sambandho.
อปฺปิยสมฺปโยคนิเทฺทสวณฺณนา
Appiyasampayoganiddesavaṇṇanā
๑๙๙. อญฺญสาเปกฺขสโทฺท อสมตฺถสมาโสติ ตํ ทเสฺสติ ‘‘เยน สมาโส, น ตสฺสายํ ปฎิเสธโก อ-กาโร’’ติฯ
199. Aññasāpekkhasaddo asamatthasamāsoti taṃ dasseti ‘‘yena samāso, na tassāyaṃ paṭisedhako a-kāro’’ti.
ปจฺฉิมทฺวยนฺติ ‘‘สโมธานํ มิสฺสีภาโว’’ติ อิทํ ปททฺวยํฯ ตทตฺถวเสนาติ สโมธานตฺถสฺส, มิสฺสีภาวตฺถสฺส จ วเสน สงฺขาเรสุ ลพฺภติฯ อาคเตหิ จ เตหิ สงฺขาเรหิ ปุคฺคลสฺส สํโยโค โหตีติ โยชนาฯ
Pacchimadvayanti ‘‘samodhānaṃ missībhāvo’’ti idaṃ padadvayaṃ. Tadatthavasenāti samodhānatthassa, missībhāvatthassa ca vasena saṅkhāresu labbhati. Āgatehi ca tehi saṅkhārehi puggalassa saṃyogo hotīti yojanā.
ตํคหณมตฺตนฺติ อาปาถคตารมฺมณคฺคหณมตฺตํฯ
Taṃgahaṇamattanti āpāthagatārammaṇaggahaṇamattaṃ.
อิจฺฉานิเทฺทสวณฺณนา
Icchāniddesavaṇṇanā
๒๐๑. ตํ กาลนฺติ จุติจิตฺตนิโรธโต อุทฺธํ กาลํฯ ‘‘ยมฺปี’’ติ ยํ-สโทฺท กรณเตฺถ ปจฺจตฺตนฺติ เยนปีติ อโตฺถ วุโตฺตฯ ‘‘ยํ อิจฺฉ’’นฺติ ยํ-สโทฺท ยทา อิจฺฉาเปโกฺข, ตทา ‘‘น ลภตี’’ติ เอตฺถ อลาภปธานาภาวโต อิจฺฉา วิเสสียตีติ อาห ‘‘อลาภวิสิฎฺฐา อิจฺฉา วุตฺตา โหตี’’ติฯ ‘‘อิจฺฉํ น ลภติ ย’’นฺติ เอวํ กิริยาปรามสนภูโต ยํ-สโทฺท ยทา ‘‘น ลภตี’’ติ เอตํ อเปกฺขติ, ตตฺถ คุณภูตา อิจฺฉา, ปธานภูโต อลาโภติ อาห ‘‘ตทา อิจฺฉาวิสิโฎฺฐ อลาโภ วุโตฺต โหตี’’ติฯ
201. Taṃkālanti cuticittanirodhato uddhaṃ kālaṃ. ‘‘Yampī’’ti yaṃ-saddo karaṇatthe paccattanti yenapīti attho vutto. ‘‘Yaṃ iccha’’nti yaṃ-saddo yadā icchāpekkho, tadā ‘‘na labhatī’’ti ettha alābhapadhānābhāvato icchā visesīyatīti āha ‘‘alābhavisiṭṭhā icchā vuttā hotī’’ti. ‘‘Icchaṃ na labhati ya’’nti evaṃ kiriyāparāmasanabhūto yaṃ-saddo yadā ‘‘na labhatī’’ti etaṃ apekkhati, tattha guṇabhūtā icchā, padhānabhūto alābhoti āha ‘‘tadā icchāvisiṭṭho alābho vutto hotī’’ti.
หิโรตฺตปฺปรหิตา ฉินฺนิกา, ธุตฺติกาติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ฉินฺนภินฺนคเณนาติ นิลฺลเชฺชน ธุตฺตคเณนา’’ติฯ กปฺปฎิกา สิพฺพิตปิโลติกธาริโนฯ
Hirottapparahitā chinnikā, dhuttikāti vuccantīti āha ‘‘chinnabhinnagaṇenāti nillajjena dhuttagaṇenā’’ti. Kappaṭikā sibbitapilotikadhārino.
อลพฺภเนยฺยอิจฺฉนฺติ อลพฺภเนยฺยวตฺถุสฺมิํ อิจฺฉํฯ
Alabbhaneyyaicchanti alabbhaneyyavatthusmiṃ icchaṃ.
อุปาทานกฺขนฺธนิเทฺทสวณฺณนา
Upādānakkhandhaniddesavaṇṇanā
๒๐๒. ตาทิสสฺส วตฺถุโน สพฺภาวาติ สามญฺญโต อนวเสสคฺคหณํ สนฺธายาหฯ
202. Tādisassa vatthuno sabbhāvāti sāmaññato anavasesaggahaṇaṃ sandhāyāha.
อติปากเฎน อติ วิย ปกาเสน ทุเกฺขนาติ อโตฺถฯ
Atipākaṭena ati viya pakāsena dukkhenāti attho.
ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dukkhasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. สมุทยสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
2. Samudayasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๓. มโน วิยาติ มโน-สทฺทสฺส วิยฯ อิก-สเทฺทนาติ ‘‘โปโนภวิกา’’ติ เอตฺถ อิก-สเทฺทนฯ คมิยตฺถตฺตาติ ญาปิตตฺถตฺตาฯ กรณสีลตา หิ อิธ สีลโตฺถ, โส จ อิก-สเทฺทน วุจฺจตีติ กิริยาวาจกสฺส กรณสทฺทสฺส อทสฺสนํ อปฺปโยโคฯ วุตฺตตฺถานญฺหิ อปฺปโยโคฯ สติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย ปุนพฺภวสฺส ทายิกา, ตทภาเว อทายิกาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อทายิกาปิ ปุนพฺภวํ เทติเจฺจวา’’ติ ตํสภาวานติวตฺตนโตฯ เตเนวาห ‘‘สมานสภาวตฺตา, ตทานุภาวตฺตา จา’’ติฯ ตตฺถ สภาโว ตณฺหายนํฯ อานุภาโว ปจฺจยสมวาเย ผลนิปฺผาทนสมตฺถตาฯ อิตเรสูติ อวสิฎฺฐกิเลสาทีสุฯ ปวตฺติวิปากทายิโน กมฺมสฺส สหายภูตา ตณฺหา ‘‘อุปธิเวปกฺกา’’ติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘อุปธิมฺหิ ยถานิพฺพเตฺต’’ติอาทิฯ ยถานิพฺพเตฺตติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตปฺปกาเรฯ นนฺทนํ สํอุปฺปิลาวนํ อภิตสฺสนํฯ รญฺชนํ วตฺถสฺส วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามนํ, รมาปนํ วาฯ ราคสมฺพเนฺธนาติ ราคปทสมฺพเนฺธน ‘‘อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํฯ รูปารูปภวราโค วิสุํ วกฺขตีติ เอตฺถ วกฺขติ-กิริยาปทํ กมฺมเตฺถ เวทิตพฺพํฯ
203. Mano viyāti mano-saddassa viya. Ika-saddenāti ‘‘ponobhavikā’’ti ettha ika-saddena. Gamiyatthattāti ñāpitatthattā. Karaṇasīlatā hi idha sīlattho, so ca ika-saddena vuccatīti kiriyāvācakassa karaṇasaddassa adassanaṃ appayogo. Vuttatthānañhi appayogo. Sati paccayantarasamavāye punabbhavassa dāyikā, tadabhāve adāyikāti vuttāti āha ‘‘adāyikāpi punabbhavaṃ deticcevā’’ti taṃsabhāvānativattanato. Tenevāha ‘‘samānasabhāvattā, tadānubhāvattā cā’’ti. Tattha sabhāvo taṇhāyanaṃ. Ānubhāvo paccayasamavāye phalanipphādanasamatthatā. Itaresūti avasiṭṭhakilesādīsu. Pavattivipākadāyino kammassa sahāyabhūtā taṇhā ‘‘upadhivepakkā’’ti adhippetāti āha ‘‘upadhimhi yathānibbatte’’tiādi. Yathānibbatteti attano paccayehi nibbattappakāre. Nandanaṃ saṃuppilāvanaṃ abhitassanaṃ. Rañjanaṃ vatthassa viya raṅgajātena cittassa vipariṇāmanaṃ, ramāpanaṃ vā. Rāgasambandhenāti rāgapadasambandhena ‘‘uppannassā’’ti pulliṅgavasena vuttaṃ. Rūpārūpabhavarāgo visuṃ vakkhatīti ettha vakkhati-kiriyāpadaṃ kammatthe veditabbaṃ.
‘‘สวตฺถุกํ จกฺขุ’’นฺติ อิมินา สกลํ จกฺขุทสกมาห, ทุติเยน สสมฺภารจกฺขุํฯ ฉิทฺทนฺติ กณฺณสฺส ฉิทฺทปเทสํฯ กณฺณพทฺธนฺติ กณฺณปาฬิฯ วณฺณสณฺฐานโต รตฺตกมฺพลปฎลํ วิย, กิจฺจโต มุทุสินิทฺธมธุรรสทํ มญฺญนฺติฯ สามเญฺญน คหิตาติ วิสเยน อวิเสเสตฺวา คหิตาฯ วิสยวิสิฎฺฐาติ จกฺขาทิวิสยวิสิฎฺฐาฯ เอตฺถ อุปฺปชฺชตีติ สมุทายาวยเวหิ วิย สามญฺญวิเสเสหิ น นานตฺตโวหาโร น โหติ ยถา ‘‘รุโกฺข สิํสปา’’ติฯ น หิ สโพฺพ รุโกฺข สิํสปาฯ ตสฺมา กิริยาเภทสพฺภาวโต ‘‘สยานา ภุญฺชนฺติ สธนา’’ติอาทีสุ วิย ‘‘อุปฺปชฺชมานา’’ติ เอตฺถ กิริยาย ลกฺขณตา, อิตรตฺถ ลกฺขิตพฺพตา จ วุตฺตาฯ ยทิ อุปฺปชฺชมานา โหตีติ อนิจฺฉิตตฺตา สาสงฺกํ อุปฺปาทกิริยาย อตฺถิภาวมาหฯ เตน อุปฺปาเท สตีติ อยเมตสฺส อโตฺถติ ‘‘อุปฺปชฺชมานา’’ติ เอตฺถ อุปฺปาโท เหตุภาเวน วุโตฺต, อิตโร จ ตสฺส ผลภาเวนาติ อาห ‘‘โส หิ เตน อุปโยชิโต วิย โหตี’’ติฯ อุปฺปชฺชมานาติ วา ตณฺหาย ตตฺถ อุปฺปชฺชนสีลตา อุปฺปชฺชนสภาโว, อุปฺปชฺชนสมตฺถตา วา วุตฺตาฯ ตเตฺถว จสฺสา อุปฺปชฺชนสีลตา สกฺกายโต อญฺญสฺมิํ วิสเย ปวตฺติยา อภาวโต, สมตฺถตา ปจฺจยสมวาเยน, อญฺญถา อสมตฺถตา, ยโต กทาจิ น อุปฺปชฺชติฯ นิวิสมานา นิวิสตีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพติฯ
‘‘Savatthukaṃ cakkhu’’nti iminā sakalaṃ cakkhudasakamāha, dutiyena sasambhāracakkhuṃ. Chiddanti kaṇṇassa chiddapadesaṃ. Kaṇṇabaddhanti kaṇṇapāḷi. Vaṇṇasaṇṭhānato rattakambalapaṭalaṃ viya, kiccato mudusiniddhamadhurarasadaṃ maññanti. Sāmaññena gahitāti visayena avisesetvā gahitā. Visayavisiṭṭhāti cakkhādivisayavisiṭṭhā. Ettha uppajjatīti samudāyāvayavehi viya sāmaññavisesehi na nānattavohāro na hoti yathā ‘‘rukkho siṃsapā’’ti. Na hi sabbo rukkho siṃsapā. Tasmā kiriyābhedasabbhāvato ‘‘sayānā bhuñjanti sadhanā’’tiādīsu viya ‘‘uppajjamānā’’ti ettha kiriyāya lakkhaṇatā, itarattha lakkhitabbatā ca vuttā. Yadi uppajjamānāhotīti anicchitattā sāsaṅkaṃ uppādakiriyāya atthibhāvamāha. Tena uppāde satīti ayametassa atthoti ‘‘uppajjamānā’’ti ettha uppādo hetubhāvena vutto, itaro ca tassa phalabhāvenāti āha ‘‘so hi tena upayojito viya hotī’’ti. Uppajjamānāti vā taṇhāya tattha uppajjanasīlatā uppajjanasabhāvo, uppajjanasamatthatā vā vuttā. Tattheva cassā uppajjanasīlatā sakkāyato aññasmiṃ visaye pavattiyā abhāvato, samatthatā paccayasamavāyena, aññathā asamatthatā, yato kadāci na uppajjati. Nivisamānā nivisatīti etthāpi iminā nayena attho veditabboti.
สมุทยสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samudayasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. นิโรธสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
3. Nirodhasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๔. ตณฺหาย วิรชฺชนํ หลิทฺทิราคสฺส วิย ปลุชฺชนนฺติ กตฺวา อาห ‘‘ขยคมนวเสนา’’ติฯ วิจฺฉินฺนํ นิรุชฺฌนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปวตฺติคมนวเสนา’’ติฯ จชนํ ฉฑฺฑนํ, หาปนํ วาติ อาห ‘‘อนเปกฺขตาย จชนวเสน, หานิวเสน จา’’ติฯ
204. Taṇhāya virajjanaṃ haliddirāgassa viya palujjananti katvā āha ‘‘khayagamanavasenā’’ti. Vicchinnaṃ nirujjhananti vuttaṃ ‘‘appavattigamanavasenā’’ti. Cajanaṃ chaḍḍanaṃ, hāpanaṃ vāti āha ‘‘anapekkhatāya cajanavasena, hānivasena cā’’ti.
ตทปฺปวตฺติ วิยาติ ตสฺสา ติตฺตอลาพุวลฺลิยา อปฺปวตฺติ วิยฯ อปฺปวตฺติเหตุภูตมฺปิ นิพฺพานํ ตณฺหาย อปฺปวตฺติ วิย คยฺหตีติ อาห ‘‘ตทปฺปวตฺติ วิยา’’ติ ยถา ‘‘ราคกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕, ๓๓๐)ฯ อปฺปวตฺติภูตนฺติ ตณฺหาย อปฺปวตฺติยา ปตฺตํ, ปตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธายปิ ตณฺหาย ปิยรูปสาตรูเปสุ นิรุทฺธาติ วตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ โยชนาฯ เอตฺถ จ ยสฺมา มโคฺค, นิพฺพานญฺจ ตณฺหาย สมุเจฺฉทสาธนํ, ตสฺมา ‘‘ปุริมา วา อุปมา’’ติอาทินา อุปมาทฺวยํ อุภยตฺถ ยถากฺกมํ โยชิตํ, อุภยฎฺฐานิยํ ปน อุภยตฺถาปิ ลพฺภเตวฯ
Tadappavatti viyāti tassā tittaalābuvalliyā appavatti viya. Appavattihetubhūtampi nibbānaṃ taṇhāya appavatti viya gayhatīti āha ‘‘tadappavatti viyā’’ti yathā ‘‘rāgakkhayo’’ti (saṃ. ni. 4.315, 330). Appavattibhūtanti taṇhāya appavattiyā pattaṃ, pattabbanti attho. Nibbānaṃ āgamma niruddhāyapi taṇhāya piyarūpasātarūpesu niruddhāti vattabbatādassanatthaṃ vuttāti yojanā. Ettha ca yasmā maggo, nibbānañca taṇhāya samucchedasādhanaṃ, tasmā ‘‘purimā vā upamā’’tiādinā upamādvayaṃ ubhayattha yathākkamaṃ yojitaṃ, ubhayaṭṭhāniyaṃ pana ubhayatthāpi labbhateva.
นิโรธสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nirodhasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
4. Maggasaccaniddesavaṇṇanā
๒๐๕. ติตฺถิเยหิ กปฺปิตสฺส มคฺคสฺส ปกติปุริสนฺตรญาณาทิกสฺสฯ อริยํ ลภาเปตีติ อริยํ สามญฺญผลํ ลภาเปติฯ
205. Titthiyehikappitassa maggassa pakatipurisantarañāṇādikassa. Ariyaṃ labhāpetīti ariyaṃ sāmaññaphalaṃ labhāpeti.
ตพฺพิปกฺขวิรติสภาวาติ ตสฺสา สมฺมาวาจาย วิปกฺขโต มิจฺฉาวาจาย วิรติสภาวาฯ เภทกรมิจฺฉาวาจา ปิสุณวาจา, สพฺพาปิ วา มิจฺฉาวาจา วิสํวาทนาทิวเสน เภทกรีติ อาห ‘‘เภทกรมิจฺฉาวาจาปหาเนนา’’ติฯ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย หิ ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ มุสาวาทาทีนํ ปฎิปกฺขภูตา สินิทฺธภาเวน ปริคฺคาหกสภาวา สมฺมาวาจา ตปฺปจฺจยสุภาสิตสมฺปฎิคฺคาหเก ชเน, สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ปริคฺคณฺหนฺตี ปวตฺตตีติ ปริคฺคหลกฺขณาฯ เตนาห ‘‘ชเน, สมฺปยุเตฺต จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี’’ติฯ จีวรกมฺมาทิโก ตาทิโส ปโยโคฯ กาตพฺพํ จีวรรชนาทิกํฯ นิรวชฺชสมุฎฺฐาปนกิจฺจวาติ นิรวชฺชสฺส กตฺตพฺพสฺส, นิรวชฺชากาเรน วา สมุฎฺฐาปนกิจฺจวาฯ สมฺปยุตฺตธเมฺม จ สมุฎฺฐาเปโนฺตติ เอตฺถ สมุฎฺฐาปนํ มิจฺฉากมฺมนฺตปฎิปกฺขภูตสฺส อตฺตโน กิจฺจสฺส อนุคุณภาเวน สมฺปยุตฺตานํ ปวตฺตนเมว, อุกฺขิปนํ วา เนสํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิยฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ, อาชีวเสฺสว วา วิโสธนํ โวทาปนํฯ
Tabbipakkhaviratisabhāvāti tassā sammāvācāya vipakkhato micchāvācāya viratisabhāvā. Bhedakaramicchāvācā pisuṇavācā, sabbāpi vā micchāvācā visaṃvādanādivasena bhedakarīti āha ‘‘bhedakaramicchāvācāpahānenā’’ti. Visaṃvādanādikiccatāya hi lūkhānaṃ apariggāhakānaṃ musāvādādīnaṃ paṭipakkhabhūtā siniddhabhāvena pariggāhakasabhāvā sammāvācā tappaccayasubhāsitasampaṭiggāhake jane, sampayuttadhamme ca pariggaṇhantī pavattatīti pariggahalakkhaṇā. Tenāha ‘‘jane, sampayutte ca pariggaṇhanakiccavatī’’ti. Cīvarakammādiko tādiso payogo. Kātabbaṃ cīvararajanādikaṃ. Niravajjasamuṭṭhāpanakiccavāti niravajjassa kattabbassa, niravajjākārena vā samuṭṭhāpanakiccavā. Sampayuttadhamme ca samuṭṭhāpentoti ettha samuṭṭhāpanaṃ micchākammantapaṭipakkhabhūtassa attano kiccassa anuguṇabhāvena sampayuttānaṃ pavattanameva, ukkhipanaṃ vā nesaṃ kāyikakiriyāya bhārukkhipanaṃ viya. Sampayuttadhammānaṃ, ājīvasseva vā visodhanaṃ vodāpanaṃ.
ทิเฎฺฐกฎฺฐาติ ทิฎฺฐิยา สหชปหาเนกฎฺฐา, ปฐมมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิวเสเนว ตํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ทิเฎฺฐกฎฺฐอวิชฺชาทโย’’ติปิ ปาโฐฯ เอตสฺมิํ ปเกฺข จตุมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา สงฺคโห กโต โหติฯ อุปริมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา ปน ทิฎฺฐิฎฺฐาเน ตํตํมคฺควโชฺฌ มาโน คเหตโพฺพฯ โส หิ ‘‘อห’’นฺติ ปวตฺติอาการโต ทิฎฺฐิฎฺฐานิโยฯ ปกาเสตีติ กิจฺจปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติฯ เตเนว หิ อเงฺคนาติ เตเนว สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาเตน มคฺคเงฺคนฯ ตถาปวตฺติเตน กรณภูเตน, เตน วา การเณนฯ องฺค-สโทฺท หิ การณโตฺถปิ โหตีติฯ ตตฺถาติ มเคฺค, มคฺคจิตฺตุปฺปาเท วาฯ
Diṭṭhekaṭṭhāti diṭṭhiyā sahajapahānekaṭṭhā, paṭhamamaggasammādiṭṭhivaseneva taṃ veditabbaṃ. ‘‘Diṭṭhekaṭṭhaavijjādayo’’tipi pāṭho. Etasmiṃ pakkhe catumaggasammādiṭṭhiyā saṅgaho kato hoti. Uparimaggasammādiṭṭhiyā pana diṭṭhiṭṭhāne taṃtaṃmaggavajjho māno gahetabbo. So hi ‘‘aha’’nti pavattiākārato diṭṭhiṭṭhāniyo. Pakāsetīti kiccapaṭivedhena paṭivijjhati. Teneva hi aṅgenāti teneva sammādiṭṭhisaṅkhātena maggaṅgena. Tathāpavattitena karaṇabhūtena, tena vā kāraṇena. Aṅga-saddo hi kāraṇatthopi hotīti. Tatthāti magge, maggacittuppāde vā.
อิมเสฺสวาติ อริยมคฺคปริยาปนฺนเสฺสวฯ ยทิปิ วิรมิตพฺพโต วิรมนฺตสฺส เจตนาปิ ลพฺภเตว, วิรติยา เอว ปน ตทา ปธานภาโวติ อาห ‘‘วิรมณกาเล วา วิรติโย’’ติฯ สุภาสิตาทีติ อสมฺผปฺปลาปาทิฯ อาทิ-สเทฺทน อปิสุณาทิ สงฺคหิตาฯ ภาสนาทีติ เอตฺถ ปน กายสุจริตาทิฯ อมคฺคงฺคตฺตาติ อมคฺคสภาวตฺตาฯ ตเมว เจตนาย อมคฺคสภาวตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกสฺส ญาณสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยํ นาม มิจฺฉาวาจาทีนํ ติณฺณํ ปาปธมฺมานํ สมุจฺฉินฺทนํ, มคฺคเจตนา จ ตํสภาวา น โหตีติ น ตสฺสา มคฺคกฺขเณ สมฺมาวาจาทิภาวสิทฺธิฯ ตํสิทฺธิยนฺติ กิจฺจตฺตยสิทฺธิยํฯ ยถา ปนสฺสา ปุพฺพภาเค สุภาสิตวาจาทิภาโว, เอวํ มคฺคกฺขเณปิ สิยาฯ เอวํ สเนฺต ยถา ตตฺถ เอกสฺส สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ติกิจฺจตา, สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนญฺจ เอเกกานํ จตุกิจฺจตา, เอวํ เอกา มคฺคเจตนา สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสฺส สาธิกา ภเวยฺย, ตถา จ สติ มเคฺค สมฺมาวาจาทีนิ ตีณิ องฺคานิ น ภเวยฺยุํ, ฉฬงฺคิโก จ อริยมโคฺค สิยาติ ตยิทมาห ‘‘เอกาย เจตนายา’’ติอาทินาฯ ยสฺมา ปเนตํ นตฺถิ, ตสฺมา มคฺคปจฺจยตาวจนโต จ น เจตนาย มคฺคภาโวติ มคฺคกฺขเณ วิรติโยว สมฺมาวาจาทโยฯ
Imassevāti ariyamaggapariyāpannasseva. Yadipi viramitabbato viramantassa cetanāpi labbhateva, viratiyā eva pana tadā padhānabhāvoti āha ‘‘viramaṇakāle vā viratiyo’’ti. Subhāsitādīti asamphappalāpādi. Ādi-saddena apisuṇādi saṅgahitā. Bhāsanādīti ettha pana kāyasucaritādi. Amaggaṅgattāti amaggasabhāvattā. Tameva cetanāya amaggasabhāvataṃ dassetuṃ ‘‘ekassañāṇassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sammāvācādikiccattayaṃ nāma micchāvācādīnaṃ tiṇṇaṃ pāpadhammānaṃ samucchindanaṃ, maggacetanā ca taṃsabhāvā na hotīti na tassā maggakkhaṇe sammāvācādibhāvasiddhi. Taṃsiddhiyanti kiccattayasiddhiyaṃ. Yathā panassā pubbabhāge subhāsitavācādibhāvo, evaṃ maggakkhaṇepi siyā. Evaṃ sante yathā tattha ekassa sammāsaṅkappassa tikiccatā, sammādiṭṭhiādīnañca ekekānaṃ catukiccatā, evaṃ ekā maggacetanā sammāvācādikiccattayassa sādhikā bhaveyya, tathā ca sati magge sammāvācādīni tīṇi aṅgāni na bhaveyyuṃ, chaḷaṅgiko ca ariyamaggo siyāti tayidamāha ‘‘ekāya cetanāyā’’tiādinā. Yasmā panetaṃ natthi, tasmā maggapaccayatāvacanato ca na cetanāya maggabhāvoti maggakkhaṇe viratiyova sammāvācādayo.
พฺรูหนํ สุขํฯ สนฺตสุขํ อุเปกฺขาฯ สา หิ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิเจฺจว ภาสิตา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; วิภ. อฎฺฐ. ๒๓๒) วุตฺตาฯ วิตกฺกาทีนนฺติ เตเยว อภินิโรปนาทโย ปากฎปริยาเยน วุตฺตาฯ
Brūhanaṃ sukhaṃ. Santasukhaṃ upekkhā. Sā hi ‘‘upekkhā pana santattā, sukhamicceva bhāsitā’’ti (visuddhi. 2.644; vibha. aṭṭha. 232) vuttā. Vitakkādīnanti teyeva abhiniropanādayo pākaṭapariyāyena vuttā.
วจีสงฺขารภาวโต วจีเภทสฺส อุปการโก วิตโกฺกฯ ‘‘สาวชฺชา…เป.… อุปการโก เอวา’’ติ อิมินา วจีเภทตํ สมุฎฺฐาปกเจตนานํ วิย วิรติยาปิ วิเสสปจฺจโย วิตโกฺกติ ทเสฺสติฯ วจีเภทนิยามิกา วาจาติ วจีทุจฺจริตวิรติมาหฯ สา หิ สมฺมาวาจาภูตา มิจฺฉาวาจาสุ สํยมินีฯ ตตฺถ ยถา วิสํวาทนาทิมิจฺฉาวาจโต อวิรโต มิจฺฉากมฺมนฺตโตปิ น วิรมเตวฯ ยถาห – ‘‘เอกํ ธมฺมํ…เป.… อการิย’’นฺติ (ธ. ป. ๑๗๖)ฯ ตถา อวิสํวาทนาทินา สมฺมาวาจาย ฐิโต สมฺมากมฺมนฺตมฺปิ ปูเรติเยวาติ อาห ‘‘วจีเภท…เป.… อุปการิกา’’ติฯ ธมฺมานํ ปวตฺตินิฎฺฐาภาวโต ยถา คตีติ นิพฺพตฺติ วุจฺจติ, เอวํ ปวตฺติภาวโต รสลกฺขณานิปีติ อาห ‘‘กิจฺจาทิสภาเว วา’’ติฯ
Vacīsaṅkhārabhāvato vacībhedassa upakārako vitakko. ‘‘Sāvajjā…pe… upakārako evā’’ti iminā vacībhedataṃ samuṭṭhāpakacetanānaṃ viya viratiyāpi visesapaccayo vitakkoti dasseti. Vacībhedaniyāmikā vācāti vacīduccaritaviratimāha. Sā hi sammāvācābhūtā micchāvācāsu saṃyaminī. Tattha yathā visaṃvādanādimicchāvācato avirato micchākammantatopi na viramateva. Yathāha – ‘‘ekaṃ dhammaṃ…pe… akāriya’’nti (dha. pa. 176). Tathā avisaṃvādanādinā sammāvācāya ṭhito sammākammantampi pūretiyevāti āha ‘‘vacībheda…pe… upakārikā’’ti. Dhammānaṃ pavattiniṭṭhābhāvato yathā gatīti nibbatti vuccati, evaṃ pavattibhāvato rasalakkhaṇānipīti āha ‘‘kiccādisabhāve vā’’ti.
อภินนฺทนนฺติ ตณฺหาทิวเสน อภินนฺทนํฯ
Abhinandananti taṇhādivasena abhinandanaṃ.
วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห, อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉาติ ตทุภยํ สวนาธีนนฺติ อาห ‘‘สวนญาเณ เอว อวโรธํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา คหณํ ปริคฺคณฺหนํฯ
Vācuggatakaraṇaṃ uggaho, atthaparipucchanaṃ paripucchāti tadubhayaṃ savanādhīnanti āha ‘‘savanañāṇe eva avarodhaṃ gacchantī’’ti. Ñāṇena paricchinditvā gahaṇaṃ pariggaṇhanaṃ.
ตสฺสาติ ปโยคสฺสฯ
Tassāti payogassa.
โสติ กามวิตกฺกปฺปวตฺติยา การณภูโต สุภนิมิเตฺต อโยนิโสมนสิกาโรฯ ตสฺสาติ กามวิตกฺกสฺสฯ คตํ คมนํ ปวตฺติ, ตสฺส อุปาโยติ คตมโคฺคฯ
Soti kāmavitakkappavattiyā kāraṇabhūto subhanimitte ayonisomanasikāro. Tassāti kāmavitakkassa. Gataṃ gamanaṃ pavatti, tassa upāyoti gatamaggo.
ปหาตพฺพเอกตฺตนฺติ ปหาตพฺพตาสามญฺญํฯ
Pahātabbaekattanti pahātabbatāsāmaññaṃ.
มคฺคภาเวน จตุพฺพิธมฺปิ เอกเตฺตนาติ โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน จตุพฺพิธมฺปิ มคฺคภาเวน เอกเตฺตน สามญฺญโต คเหตฺวา ‘‘อสฺสา’’ติ เอกวจเนน วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ สพฺพสฺส มคฺคสฺส อญฺญมญฺญํ สทิสตา, ตถา อสทิสตา จ เอกจฺจสทิสตา จ ฌานงฺควเสน สพฺพสทิสสพฺพาสทิสเอกจฺจสทิสตา, โส เอว วิเสโสติ โยเชตพฺพํฯ วิปสฺสนานิยามํ ธุรํ กตฺวา อาหาติ สมฺพโนฺธฯ อิธ ปนาติ อิมิสฺสา สโมฺมหวิโนทนิยํฯ สมฺมสิ…เป.… นิวตฺตนโตติ ปฐมเตฺถรวาทํ วทโนฺต ตทชฺฌาสยํ ปุรกฺขตฺวา วทตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ อิตรถา อิตรวาทาเปตฺถ ทสฺสิตา เอวาติฯ ปาทกชฺฌานนิยามนฺติ ปาทกชฺฌานนิยามํ ธุรํ กตฺวา อาหาติ โยชนาฯ ‘‘วิปสฺสนา …เป.… ทฎฺฐโพฺพ’’ติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ ตสฺสา อิธ ปฎิเกฺขปตา อตฺถิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เกจิ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา นิยาเมตีติ วทนฺตี’’ติ? นยิทเมวํฯ อิธาปีติ อิธ ปาทกชฺฌานนิยาเมปิ วิปสฺสนานิยาโม น ปฎิกฺขิโตฺตติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘สาธารณตฺตา’’ติฯ ‘‘อิธ ปนา’’ติ อิมินาปิ ปฐมเตฺถรวาโท สงฺคหิโตติ เวทิตโพฺพฯ ยทิ เอวํ กสฺมา วิปสฺสนานิยาโม วิสุํ คหิโตติ? วาทตฺตยาวิธุรตาทสฺสนตฺถํฯ อเญฺญ จาจริยวาทาติ สมฺมสิตชฺฌานปุคฺคลชฺฌาสยวาทาฯ
Maggabhāvena catubbidhampi ekattenāti sotāpattimaggādivasena catubbidhampi maggabhāvena ekattena sāmaññato gahetvā ‘‘assā’’ti ekavacanena vuttanti attho. Sabbassa maggassa aññamaññaṃ sadisatā, tathā asadisatā ca ekaccasadisatā ca jhānaṅgavasena sabbasadisasabbāsadisaekaccasadisatā, so eva visesoti yojetabbaṃ. Vipassanāniyāmaṃ dhuraṃ katvā āhāti sambandho. Idha panāti imissā sammohavinodaniyaṃ. Sammasi…pe… nivattanatoti paṭhamattheravādaṃ vadanto tadajjhāsayaṃ purakkhatvā vadatīti adhippāyena vuttaṃ. Itarathā itaravādāpettha dassitā evāti. Pādakajjhānaniyāmanti pādakajjhānaniyāmaṃ dhuraṃ katvā āhāti yojanā. ‘‘Vipassanā …pe… daṭṭhabbo’’ti kasmā vuttaṃ. Na hi tassā idha paṭikkhepatā atthi. Tathā hi vuttaṃ ‘‘keci vuṭṭhānagāminivipassanā niyāmetīti vadantī’’ti? Nayidamevaṃ. Idhāpīti idha pādakajjhānaniyāmepi vipassanāniyāmo na paṭikkhittoti ayañhettha attho. Tenevāha ‘‘sādhāraṇattā’’ti. ‘‘Idha panā’’ti imināpi paṭhamattheravādo saṅgahitoti veditabbo. Yadi evaṃ kasmā vipassanāniyāmo visuṃ gahitoti? Vādattayāvidhuratādassanatthaṃ. Aññe cācariyavādāti sammasitajjhānapuggalajjhāsayavādā.
‘‘อารุเปฺป ติกจตุกฺกชฺฌานํ…เป.… น โลกิย’’นฺติ อิทํ เถรวาเท อาคตํ โปราณฎฺฐกถายํ ตนฺติํ กตฺวา ฐปิตนฺติ อฎฺฐสาลินิยํ สงฺคเหตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วุตฺตํ อฎฺฐสาลินิยนฺติ อธิปฺปาโย’’ติฯ เยสูติ ปจฺฉิมชฺฌานวชฺชานิ สนฺธาย วทติฯ ตตฺถ หิ อรูปุปฺปตฺติยํ สํสโย, น อิตรสฺมิํฯ ‘‘จตุกฺกปญฺจกชฺฌาน’’นฺติ วุเตฺต อวิเสสโต สาสวานาสวํ อเปกฺขียติ, นิวเตฺตตพฺพคเหตพฺพสาธารณวจเนเนตฺถ สาสวโต อวจฺฉินฺทนตฺถํ ‘‘ตญฺจ โลกุตฺตร’’นฺติ วตฺวา นิวตฺติตธมฺมทสฺสนตฺถํ ‘‘น โลกิย’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมุทายญฺจ…เป.… อาหา’’ติฯ อิตรถา พฺยภิจาราภาวโต ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติ วิเสสนํ นิรตฺถกํ สิยาฯ ตโย มคฺคาติ ทุติยมคฺคาทโยฯ ตชฺฌานิกนฺติ ติกจตุกฺกชฺฌานิกํ โสตาปตฺติผลาทิํฯ อญฺญฌานิกาปีติ ติกจตุกฺกชฺฌานโต อญฺญฌานิกาปิ จตุกฺกชฺฌานิกาปิ มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติฯ ปิ-สเทฺทน ตชฺฌานิกาปิ ติกจตุกฺกชฺฌานิกาติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ จตุโวการภเวปิ ปญฺจโวการภเว วิย มคฺคสฺส ติกจตุกฺกชฺฌานิกภาเว เกนสฺส ฌานงฺคาทินิยาโมติ อาห ‘‘ฌานงฺคาทินิยามิกา ปุพฺพาภิสงฺขารสมาปตฺตี’’ติฯ ปุพฺพาภิสงฺขารสมาปตฺตีติ จ ปาทกภูตา อตฺตนา อติกฺกนฺตธมฺมวิราคภาเวน วิปสฺสนาย ปุพฺพาภิสงฺขารการี อรูปสมาปตฺติ, ผลสมาปตฺติ วาฯ เตนาห ‘‘ปาทก’’นฺติฯ น สมฺมสิตพฺพาติ น สมฺมสิตพฺพา สมาปตฺติ ฌานงฺคาทินิยามิกา สมฺมสิตพฺพานํ ติกจตุกฺกชฺฌานานํ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต, อิตรตฺถ จ วิเสสาภาวโตฯ ผลสฺสปีติ จตุตฺถปญฺจมชฺฌานิกผลสฺสปิฯ
‘‘Āruppe tikacatukkajjhānaṃ…pe… na lokiya’’nti idaṃ theravāde āgataṃ porāṇaṭṭhakathāyaṃ tantiṃ katvā ṭhapitanti aṭṭhasāliniyaṃ saṅgahetvā vuttanti āha ‘‘vuttaṃ aṭṭhasāliniyanti adhippāyo’’ti. Yesūti pacchimajjhānavajjāni sandhāya vadati. Tattha hi arūpuppattiyaṃ saṃsayo, na itarasmiṃ. ‘‘Catukkapañcakajjhāna’’nti vutte avisesato sāsavānāsavaṃ apekkhīyati, nivattetabbagahetabbasādhāraṇavacanenettha sāsavato avacchindanatthaṃ ‘‘tañca lokuttara’’nti vatvā nivattitadhammadassanatthaṃ ‘‘na lokiya’’nti vuttanti dassento āha ‘‘samudāyañca…pe… āhā’’ti. Itarathā byabhicārābhāvato ‘‘lokuttara’’nti visesanaṃ niratthakaṃ siyā. Tayo maggāti dutiyamaggādayo. Tajjhānikanti tikacatukkajjhānikaṃ sotāpattiphalādiṃ. Aññajhānikāpīti tikacatukkajjhānato aññajhānikāpi catukkajjhānikāpi maggā uppajjanti. Pi-saddena tajjhānikāpi tikacatukkajjhānikāti attho. Yadi evaṃ catuvokārabhavepi pañcavokārabhave viya maggassa tikacatukkajjhānikabhāve kenassa jhānaṅgādiniyāmoti āha ‘‘jhānaṅgādiniyāmikā pubbābhisaṅkhārasamāpattī’’ti. Pubbābhisaṅkhārasamāpattīti ca pādakabhūtā attanā atikkantadhammavirāgabhāvena vipassanāya pubbābhisaṅkhārakārī arūpasamāpatti, phalasamāpatti vā. Tenāha ‘‘pādaka’’nti. Na sammasitabbāti na sammasitabbā samāpatti jhānaṅgādiniyāmikā sammasitabbānaṃ tikacatukkajjhānānaṃ tattha anuppajjanato, itarattha ca visesābhāvato. Phalassapīti catutthapañcamajjhānikaphalassapi.
ทุกฺขญาณาทีนนฺติ ทุกฺขสมุทยญาณานํฯ ตํตํกุสลารมฺมณารมฺมณตฺตาติ กามาวจราทีสุ เยน เยน กุสเลน สทฺธิํ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ตสฺส กุสลสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณํ เอเตสนฺติ ตํตํกุสลารมฺมณารมฺมณา , ตพฺภาวโตฯ ตํตํวิรมิตพฺพาทิอารมฺมณตฺตาติ วิสํวาทนวตฺถุอาทิอารมฺมณตฺตาฯ วีติกฺกมิตพฺพโต เอว หิ วิรตีติฯ ‘‘องฺคาน’’นฺติ อิทํ ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีน’’นฺติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ อวยเวน วินา สมุทายาภาวโตฯ วิเสสปจฺจโยติ ภินฺนสีลสฺส, อปริสุทฺธสีลสฺส วา สมฺมปฺปธานาสมฺภวโต สมาธานสฺส วิย วายามสฺส สีลํ วิเสสปจฺจโยฯ อยญฺจ อโตฺถ ยทิปิ ปุริมสิทฺธสีลวเสน ยุโตฺต, สหชาตวเสนาปิ ปน ลพฺภเตวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมฺปยุตฺตสฺสาปี’’ติ อาหฯ สหชเมว เจตฺถ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺตเสฺสว จา’’ติอาทิฯ สโมฺมโส ปมาโท, ตปฺปฎิปโกฺข อสโมฺมโส อปฺปมาโท, โส จิตฺตสฺส อารกฺขาติ อาห ‘‘เจตโส รกฺขิตตา’’ติฯ
Dukkhañāṇādīnanti dukkhasamudayañāṇānaṃ. Taṃtaṃkusalārammaṇārammaṇattāti kāmāvacarādīsu yena yena kusalena saddhiṃ nekkhammasaṅkappādayo uppajjanti, tassa tassa kusalassa ārammaṇaṃ ārammaṇaṃ etesanti taṃtaṃkusalārammaṇārammaṇā , tabbhāvato. Taṃtaṃviramitabbādiārammaṇattāti visaṃvādanavatthuādiārammaṇattā. Vītikkamitabbato eva hi viratīti. ‘‘Aṅgāna’’nti idaṃ ‘‘nekkhammasaṅkappādīna’’nti etthāpi yojetabbaṃ avayavena vinā samudāyābhāvato. Visesapaccayoti bhinnasīlassa, aparisuddhasīlassa vā sammappadhānāsambhavato samādhānassa viya vāyāmassa sīlaṃ visesapaccayo. Ayañca attho yadipi purimasiddhasīlavasena yutto, sahajātavasenāpi pana labbhatevāti dassento ‘‘sampayuttassāpī’’ti āha. Sahajameva cettha adhippetanti āha ‘‘sampayuttasseva cā’’tiādi. Sammoso pamādo, tappaṭipakkho asammoso appamādo, so cittassa ārakkhāti āha ‘‘cetaso rakkhitatā’’ti.
สีลกฺขโนฺธ จาติ จ-สเทฺทน สมาธิกฺขโนฺธ จฯ ขนฺติปฺปธานตฺตา สีลสฺส อโทสสาธนตา, นีวรณเชฎฺฐกสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุชุวิปจฺจนีกภาวโต สมาธิสฺส อโลภสาธนตา ทฎฺฐพฺพาฯ สาสนนฺติ ปฎิเวธสาสนํ, ‘‘สาสนพฺรหฺมจริย’’นฺติ จ วทนฺติฯ
Sīlakkhandho cāti ca-saddena samādhikkhandho ca. Khantippadhānattā sīlassa adosasādhanatā, nīvaraṇajeṭṭhakassa kāmacchandassa ujuvipaccanīkabhāvato samādhissa alobhasādhanatā daṭṭhabbā. Sāsananti paṭivedhasāsanaṃ, ‘‘sāsanabrahmacariya’’nti ca vadanti.
มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Maggasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๐๖-๒๑๔. ‘‘ปริเญฺญยฺยภาวรหิเต เอกนฺตปหาตเพฺพ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตณฺหายปิ จกฺขาทีนํ วิย ตณฺหาวตฺถุตาวจเนน ปริเญฺญยฺยตา วุตฺตาฯ ยถาห ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓)ฯ ตปฺปฎิพทฺธสํกิเลสปฺปหานวเสน สมติกฺกมิตพฺพตา หิ ปริเญฺญยฺยตาฯ เอกนฺตปหาตพฺพตา จ น ตณฺหาย เอว, อถ โข อวเสสานํ สํกิเลสธมฺมานมฺปิฯ ตถา หิ เตสํ สพฺพโส อจฺจนฺตปฺปหายิกา ทสฺสนภาวนาติ? สจฺจเมตํ, ตถาปิ ยถา ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริเญฺญยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๙) ตณฺหาวเชฺช อุปาทานกฺขนฺธปญฺจเก ปริเญฺญยฺยภาโว นิรุโฬฺห, น ตถา ตณฺหาย, ตณฺหาย ปน ‘‘ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๐๓; ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๑, ๔๖๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔; ปฎิ. ม. ๑.๓๔) สมุทยภาโว วิย สาติสยํ ปหาตพฺพภาโว นิรุโฬฺหติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริเญฺญยฺยภาวรหิเต เอกนฺตปฺปหาตเพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺส อสงฺคหิโต ปเทโส อตฺถิ, โส สปฺปเทโส, เอกเทโสติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ อริยสจฺจสเทฺทฯ สมุทโยติ สมุทยโตฺถฯ ‘‘นิปฺปเทสโต สมุทยํ ทเสฺสตุ’’นฺติ สมุทยเสฺสเวตฺถ คหเณ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺขนิโรธา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทุกฺขนิโรธาติ ทุกฺขํ, นิโรโธ จฯ อริยสจฺจเทสนายนฺติ อริยสจฺจเทสนายมฺปิ สจฺจเทสนายํ วิยฯ ธมฺมโตติ เทเสตพฺพธมฺมโต นิปฺปเทสา เอวฯ ‘‘อวเสสา จ กิเลสา’’ติอาทินา เทสนาเภโท เอว หิ ตตฺถ วิเสโสฯ เตนาห ‘‘น หิ ตโต อโญฺญ’’ติอาทิฯ อปุโพฺพ นตฺถีติ ธมฺมโต อปุโพฺพ นตฺถีติ อโตฺถฯ ตสฺสาติ สมุทยสฺสฯ สพฺพตฺถ ตีสุปิ วาเรสูติ อฎฺฐงฺคิกปญฺจงฺคิกสพฺพสงฺคาหิกเภเทสุ มหาวาเรสุ, ตทโนฺตคเธสุ จ ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุฯ อปุพฺพสฺสาติ ‘‘อวเสสา จ กิเลสา’’ติอาทินา ตณฺหาย อปุพฺพสฺสฯ อวสิฎฺฐกิเลสาทีนญฺหิ สมุทยตาวจนํ อิธ อปุพฺพทสฺสนํฯ ตสฺส ยทิปิ ทุติยตติยวาเรสุ วิเสโส นตฺถิ, ปญฺจสุ ปน โกฎฺฐาเสสุ อุปรูปริ อปุพฺพํ ทสฺสิตนฺติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํฯ ตญฺหิ สมุทยวิเสสทสฺสนํ, อิตรํ ปน มคฺควิเสสทสฺสนํฯ ตสฺส จ ธมฺมโต อปุพฺพาภาโว ทสฺสิโตเยวฯ ยทิ เอวํ ทุติยาทิโกฎฺฐาเสสุ, ปฐมโกฎฺฐาเสปิ วา กสฺมา ตณฺหา คหิตาติ อาห ‘‘อปุพฺพสมุทยทสฺสนตฺถายปิ หี’’ติอาทิฯ เกวลายาติ ตทญฺญกิเลสาทินิรเปกฺขายฯ เทสนาวเสน น วุโตฺตติ น ธมฺมวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมา ทุกฺขาทีนิ ตตฺถ อริยสจฺจเทสนายํ สปฺปเทสานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ ปริยาเยนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อภิธมฺมเทสนา ปน นิปฺปริยายกถาติ กตฺวา อฎฺฐกถายํ ‘‘นิปฺปเทสโต สมุทยํ ทเสฺสตุํ’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ ปจฺจยสงฺขาตนฺติ ปจฺจยาภิมตํ ปจฺจยภูตํ, ปจฺจยโกฎฺฐาสํ วาฯ
206-214. ‘‘Pariññeyyabhāvarahite ekantapahātabbe’’ti kasmā vuttaṃ, nanu taṇhāyapi cakkhādīnaṃ viya taṇhāvatthutāvacanena pariññeyyatā vuttā. Yathāha ‘‘rūpataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisatī’’tiādi (dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.133; vibha. 203). Tappaṭibaddhasaṃkilesappahānavasena samatikkamitabbatā hi pariññeyyatā. Ekantapahātabbatā ca na taṇhāya eva, atha kho avasesānaṃ saṃkilesadhammānampi. Tathā hi tesaṃ sabbaso accantappahāyikā dassanabhāvanāti? Saccametaṃ, tathāpi yathā ‘‘dukkhaṃ ariyasaccaṃ pariññeyya’’nti (saṃ. ni. 5.1099) taṇhāvajje upādānakkhandhapañcake pariññeyyabhāvo niruḷho, na tathā taṇhāya, taṇhāya pana ‘‘yāyaṃ taṇhā ponobhavikā’’tiādinā (vibha. 203; dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.91, 460; saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 14; paṭi. ma. 1.34) samudayabhāvo viya sātisayaṃ pahātabbabhāvo niruḷhoti dassetuṃ ‘‘pariññeyyabhāvarahite ekantappahātabbe’’ti vuttaṃ. Yassa asaṅgahito padeso atthi, so sappadeso, ekadesoti attho. Tatthāti ariyasaccasadde. Samudayoti samudayattho. ‘‘Nippadesato samudayaṃ dassetu’’nti samudayassevettha gahaṇe kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘dukkhanirodhā panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dukkhanirodhāti dukkhaṃ, nirodho ca. Ariyasaccadesanāyanti ariyasaccadesanāyampi saccadesanāyaṃ viya. Dhammatoti desetabbadhammato nippadesā eva. ‘‘Avasesā ca kilesā’’tiādinā desanābhedo eva hi tattha viseso. Tenāha ‘‘na hi tato añño’’tiādi. Apubbo natthīti dhammato apubbo natthīti attho. Tassāti samudayassa. Sabbattha tīsupi vāresūti aṭṭhaṅgikapañcaṅgikasabbasaṅgāhikabhedesu mahāvāresu, tadantogadhesu ca pañcasu koṭṭhāsesu. Apubbassāti ‘‘avasesā ca kilesā’’tiādinā taṇhāya apubbassa. Avasiṭṭhakilesādīnañhi samudayatāvacanaṃ idha apubbadassanaṃ. Tassa yadipi dutiyatatiyavāresu viseso natthi, pañcasu pana koṭṭhāsesu uparūpari apubbaṃ dassitanti katvā evaṃ vuttaṃ. Tañhi samudayavisesadassanaṃ, itaraṃ pana maggavisesadassanaṃ. Tassa ca dhammato apubbābhāvo dassitoyeva. Yadi evaṃ dutiyādikoṭṭhāsesu, paṭhamakoṭṭhāsepi vā kasmā taṇhā gahitāti āha ‘‘apubbasamudayadassanatthāyapi hī’’tiādi. Kevalāyāti tadaññakilesādinirapekkhāya. Desanāvasena na vuttoti na dhammavasenāti adhippāyo. Tasmā dukkhādīni tattha ariyasaccadesanāyaṃ sappadesāni dassitāni honti pariyāyenāti daṭṭhabbaṃ. Abhidhammadesanā pana nippariyāyakathāti katvā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘nippadesato samudayaṃ dassetuṃ’’icceva vuttaṃ. Paccayasaṅkhātanti paccayābhimataṃ paccayabhūtaṃ, paccayakoṭṭhāsaṃ vā.
เตสนฺติ กุสลธมฺมานํฯ ปจฺจยานํ ปหานวเสนาติ เหตุนิโรเธน ผลนิโรธํ ทเสฺสติ, ตปฺปฎิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน วา กุสลานํ ปหานํ วุตฺตํฯ ยถา ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐)ฯ อิติ ปริยายโต กุสลานํ ปหานํ วุตฺตํ, น นิปฺปริยายโต ตทภาวโตติ อาห ‘‘น หิ กุสลา ปหาตพฺพา’’ติฯ ยถา จ กุสลธเมฺมสุ, อพฺยากตธเมฺมสุปิ เอเสว นโยฯ นิโรธนฺติ อสงฺขตธาตุํฯ อปฺปวตฺติภาโวติ โย นิโรธสฺส นิพฺพานสฺส ตณฺหาทิอปฺปวตฺติเหตุภาโว, ตํ ปหานนฺติ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ
Tesanti kusaladhammānaṃ. Paccayānaṃ pahānavasenāti hetunirodhena phalanirodhaṃ dasseti, tappaṭibaddhakilesappahānena vā kusalānaṃ pahānaṃ vuttaṃ. Yathā ‘‘dhammāpi vo, bhikkhave, pahātabbā’’ti (ma. ni. 1.240). Iti pariyāyato kusalānaṃ pahānaṃ vuttaṃ, na nippariyāyato tadabhāvatoti āha ‘‘na hi kusalā pahātabbā’’ti. Yathā ca kusaladhammesu, abyākatadhammesupi eseva nayo. Nirodhanti asaṅkhatadhātuṃ. Appavattibhāvoti yo nirodhassa nibbānassa taṇhādiappavattihetubhāvo, taṃ pahānanti vuttanti attho.
กายกมฺมาทิสุทฺธิยาติ ปุพฺพภาคกายกมฺมวจีกมฺมอาชีวสุทฺธิยา ทูรตรูปนิสฺสยตํ อริยมคฺคสฺส ทเสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ ปญฺจงฺคิกํ…เป.… ปวตฺตตํ ทีเปติ, น ปน อริยมคฺคสฺส ปญฺจงฺคิกตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ญาปกนิทสฺสนนฺติ ญาปกภาวนิทสฺสนํ, เอเตน ‘‘วจนโต’’ติ อิทํ เหตุอเตฺถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทเสฺสติฯ วจนโตติ วา อีทิสสฺส วจนสฺส สพฺภาวโตฯ ปฎิปทาย เอกเทโสปิ ปฎิปทา เอวาติ อโตฺถฯ นิทฺทิโฎฺฐ ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคายนวเสนฯ
Kāyakammādisuddhiyāti pubbabhāgakāyakammavacīkammaājīvasuddhiyā dūratarūpanissayataṃ ariyamaggassa dassetīti sambandho. Pañcaṅgikaṃ…pe… pavattataṃ dīpeti, na pana ariyamaggassa pañcaṅgikattāti adhippāyo. Ñāpakanidassananti ñāpakabhāvanidassanaṃ, etena ‘‘vacanato’’ti idaṃ hetuatthe nissakkavacananti dasseti. Vacanatoti vā īdisassa vacanassa sabbhāvato. Paṭipadāya ekadesopi paṭipadā evāti attho. Niddiṭṭho dhammasaṅgāhakehi saṅgāyanavasena.
ฌาเนหิ เทสนาปเวโส ‘‘โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๒๗๗) ฌานสีเสน เทสนาวฯ ตถา ภาวนาปเวโสฯ ปาฬิคมนนฺติ ปาฬิปวตฺติ ปาฐเทสนาฯ ยถาวิชฺชมานธมฺมวเสนาติ ตสฺมิํ จิตฺตุปฺปาเท ลพฺภมานวิตกฺกาทิธมฺมวเสนฯ
Jhānehi desanāpaveso ‘‘lokuttaraṃ jhānaṃ bhāvetī’’ti (dha. sa. 277) jhānasīsena desanāva. Tathā bhāvanāpaveso. Pāḷigamananti pāḷipavatti pāṭhadesanā. Yathāvijjamānadhammavasenāti tasmiṃ cittuppāde labbhamānavitakkādidhammavasena.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhapucchakavaṇṇanā
๒๑๕. ตสฺสาติ สุตฺตนฺตภาชนียสฺสฯ เอวํ ปนาติ ‘‘อปิเจสา สมฺมาทิฎฺฐิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา’’ติอาทิปฺปกาเรนฯ เอวญฺจ กตฺวาติ โลกุตฺตรมคฺคเสฺสว มคฺคสจฺจภาวสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตนาติ เตน การเณน, อริยมคฺคเสฺสว อุทฺทิสิตฺวา นิทฺทิฎฺฐตฺตาติ อโตฺถฯ
215. Tassāti suttantabhājanīyassa. Evaṃ panāti ‘‘apicesā sammādiṭṭhi nāma pubbabhāge nānākkhaṇā nānārammaṇā’’tiādippakārena. Evañca katvāti lokuttaramaggasseva maggasaccabhāvassa adhippetattā. Tenāti tena kāraṇena, ariyamaggasseva uddisitvā niddiṭṭhattāti attho.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
สจฺจวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo