Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๕. สจฺจยมกํ
5. Saccayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา
1. Paṇṇattivāravaṇṇanā
๑-๙. อิทานิ เตเยว มูลยมเก เทสิเต กุสลาทิธเมฺม สจฺจวเสน สงฺคณฺหิตฺวา ธาตุยมกานนฺตรํ เทสิตสฺส สจฺจยมกสฺส วณฺณนา โหติฯ ตตฺถาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปณฺณตฺติวาราทโย ตโย มหาวารา อนฺตรวาราทโย จ อวเสสปฺปเภทา เวทิตพฺพาฯ ปณฺณตฺติวาเร ปเนตฺถ จตุนฺนํ สจฺจานํ วเสน ปทโสธนวาโร, ปทโสธนมูลจกฺกวาโร, สุทฺธสจฺจวาโร, สุทฺธสจฺจมูลจกฺกวาโรติ อิเมสุ จตูสุ วาเรสุ ยมกคณนา เวทิตพฺพาฯ
1-9. Idāni teyeva mūlayamake desite kusalādidhamme saccavasena saṅgaṇhitvā dhātuyamakānantaraṃ desitassa saccayamakassa vaṇṇanā hoti. Tatthāpi heṭṭhā vuttanayeneva paṇṇattivārādayo tayo mahāvārā antaravārādayo ca avasesappabhedā veditabbā. Paṇṇattivāre panettha catunnaṃ saccānaṃ vasena padasodhanavāro, padasodhanamūlacakkavāro, suddhasaccavāro, suddhasaccamūlacakkavāroti imesu catūsu vāresu yamakagaṇanā veditabbā.
๑๐-๒๖. ปณฺณตฺติวารนิเทฺทเส ปน อวเสสํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ทุกฺขเวทนาย เจว ตณฺหาย จ วินิมุตฺตา เตภูมกธมฺมา เวทิตพฺพาฯ อวเสโส สมุทโยติ สจฺจวิภเงฺค นิทฺทิฎฺฐกามาวจรกุสลาทิเภโท ทุกฺขสจฺจสฺส ปจฺจโยฯ อวเสโส นิโรโธติ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปสฺสทฺธินิโรโธ เจว ขณภงฺคนิโรโธ จฯ อวเสโส มโคฺคติ ‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหติ, อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, มิจฺฉามโคฺค, ชงฺฆมโคฺค, สกฎมโคฺค’’ติ เอวมาทิโกฯ
10-26. Paṇṇattivāraniddese pana avasesaṃ dukkhasaccanti dukkhavedanāya ceva taṇhāya ca vinimuttā tebhūmakadhammā veditabbā. Avaseso samudayoti saccavibhaṅge niddiṭṭhakāmāvacarakusalādibhedo dukkhasaccassa paccayo. Avaseso nirodhoti tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭipassaddhinirodho ceva khaṇabhaṅganirodho ca. Avaseso maggoti ‘‘tasmiṃ kho pana samaye pañcaṅgiko maggo hoti, aṭṭhaṅgiko maggo, micchāmaggo, jaṅghamaggo, sakaṭamaggo’’ti evamādiko.
ปณฺณตฺติวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattivāravaṇṇanā.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
2. Pavattivāravaṇṇanā
๒๗-๑๖๔. ปวตฺติวาเร ปเนตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ปุคฺคลวารสฺส อนุโลมนเย ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชติ; ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ ทุกฺขสจฺจมูลเกหิ ตีหิ, สมุทยสจฺจมูลเกหิ ทฺวีหิ, นิโรธสจฺจมูลเกน เอเกนาติ ลพฺภมานญฺจ อลพฺภมานญฺจ คเหตฺวา ปาฬิวเสน ฉหิ ยมเกหิ ภวิตพฺพํฯ เตสุ ยสฺมา นิโรธสฺส เนว อุปฺปาโท, น นิโรโธ ยุชฺชติ, ตสฺมา ทุกฺขสจฺจมูลกานิ สมุทยสจฺจมคฺคสเจฺจหิ สทฺธิํ เทฺว, สมุทยสจฺจมูลกํ มคฺคสเจฺจน สทฺธิํ เอกนฺติ ตีณิ ยมกานิ อาคตานิฯ ตสฺส ปฎิโลมนเยปิ โอกาสวาราทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวเมตฺถ สพฺพวาเรสุ ติณฺณํ ติณฺณํ ยมกานํ วเสน ยมกคณนา เวทิตพฺพาฯ อตฺถวินิจฺฉเย ปเนตฺถ อิทํ ลกฺขณํ – อิมสฺส หิ สจฺจยมกสฺส ปวตฺติวาเร นิโรธสจฺจํ ตาว น ลพฺภเตวฯ เสเสสุ ปน ตีสุ สมุทยสจฺจมคฺคสจฺจานิ เอกเนฺตน ปวตฺติยํเยว ลพฺภนฺติฯ ทุกฺขสจฺจํ จุติปฎิสนฺธีสุปิ ปวเตฺตปิ ลพฺภติฯ ปจฺจุปฺปนฺนาทโย ปน ตโย กาลา จุติปฎิสนฺธีนมฺปิ ปวตฺติยาปิ วเสน ลพฺภนฺติฯ เอวเมตฺถ ยํ ยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
27-164. Pavattivāre panettha paccuppannakāle puggalavārassa anulomanaye ‘‘yassa dukkhasaccaṃ uppajjati, tassa samudayasaccaṃ uppajjati; yassa vā pana samudayasaccaṃ uppajjati, tassa dukkhasaccaṃ uppajjatī’’ti dukkhasaccamūlakehi tīhi, samudayasaccamūlakehi dvīhi, nirodhasaccamūlakena ekenāti labbhamānañca alabbhamānañca gahetvā pāḷivasena chahi yamakehi bhavitabbaṃ. Tesu yasmā nirodhassa neva uppādo, na nirodho yujjati, tasmā dukkhasaccamūlakāni samudayasaccamaggasaccehi saddhiṃ dve, samudayasaccamūlakaṃ maggasaccena saddhiṃ ekanti tīṇi yamakāni āgatāni. Tassa paṭilomanayepi okāsavārādīsupi eseva nayo. Evamettha sabbavāresu tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ yamakānaṃ vasena yamakagaṇanā veditabbā. Atthavinicchaye panettha idaṃ lakkhaṇaṃ – imassa hi saccayamakassa pavattivāre nirodhasaccaṃ tāva na labbhateva. Sesesu pana tīsu samudayasaccamaggasaccāni ekantena pavattiyaṃyeva labbhanti. Dukkhasaccaṃ cutipaṭisandhīsupi pavattepi labbhati. Paccuppannādayo pana tayo kālā cutipaṭisandhīnampi pavattiyāpi vasena labbhanti. Evamettha yaṃ yaṃ labbhati, tassa tassa vasena atthavinicchayo veditabbo.
ตตฺริทํ นยมุขํ – สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ อนฺตมโส สุทฺธาวาสานมฺปิฯ เตปิ หิ ทุกฺขสเจฺจเนว อุปปชฺชนฺติฯ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อิทํ ทุกฺขสจฺจสมุทยสเจฺจสุ เอกโกฎฺฐาสสฺส อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺมา ปญฺจโวการวเสเนว คเหตพฺพํฯ จตุโวกาเร ปน ตณฺหาวิปฺปยุตฺตสฺส ผลสมาปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เอกมฺปิ สจฺจํ นุปฺปชฺชติฯ อิทํ อิธ น คเหตพฺพํฯ เตสํ ทุกฺขสจฺจญฺจาติ ตสฺมิญฺหิ ขเณ ตณฺหํ ฐเปตฺวา เสสํ ทุกฺขสจฺจํ นาม โหตีติ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ มคฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ปน รูปเมว ทุกฺขสจฺจํ นามฯ เสสา มคฺคสมฺปยุตฺตกา ธมฺมา สจฺจวินิมุตฺตาฯ เตเนว การเณน ‘‘อรูเป มคฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ มคฺคสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานํ ปวเตฺต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถาติ เตสํ ตสฺมิํ อุปปตฺติกฺขเณ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จาติ เอวเมตฺถ ขณวเสน โอกาโส เวทิตโพฺพฯ อเญฺญสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโยฯ อนภิสเมตาวีนนฺติ จตุสจฺจปฎิเวธสงฺขาตํ อภิสมยํ อปฺปตฺตสตฺตานํฯ อภิสเมตาวีนนฺติ อภิสมิตสจฺจานนฺติฯ อิมินา นยมุเขน สพฺพตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Tatridaṃ nayamukhaṃ – sabbesaṃ upapajjantānanti antamaso suddhāvāsānampi. Tepi hi dukkhasacceneva upapajjanti. Taṇhāvippayuttacittassāti idaṃ dukkhasaccasamudayasaccesu ekakoṭṭhāsassa uppattidassanatthaṃ vuttaṃ. Tasmā pañcavokāravaseneva gahetabbaṃ. Catuvokāre pana taṇhāvippayuttassa phalasamāpatticittassa uppādakkhaṇe ekampi saccaṃ nuppajjati. Idaṃ idha na gahetabbaṃ. Tesaṃ dukkhasaccañcāti tasmiñhi khaṇe taṇhaṃ ṭhapetvā sesaṃ dukkhasaccaṃ nāma hotīti sandhāyetaṃ vuttaṃ. Maggassa uppādakkhaṇepi eseva nayo. Tattha pana rūpameva dukkhasaccaṃ nāma. Sesā maggasampayuttakā dhammā saccavinimuttā. Teneva kāraṇena ‘‘arūpe maggassa uppādakkhaṇe tesaṃ maggasaccaṃ uppajjati, no ca tesaṃ dukkhasaccaṃ uppajjatī’’ti vuttaṃ. Sabbesaṃ upapajjantānaṃ pavatte taṇhāvippayuttacittassa uppādakkhaṇe tesaṃ tatthāti tesaṃ tasmiṃ upapattikkhaṇe taṇhāvippayuttacittuppattikkhaṇe cāti evamettha khaṇavasena okāso veditabbo. Aññesupi evarūpesu eseva nayo. Anabhisametāvīnanti catusaccapaṭivedhasaṅkhātaṃ abhisamayaṃ appattasattānaṃ. Abhisametāvīnanti abhisamitasaccānanti. Iminā nayamukhena sabbattha atthavinicchayo veditabbo.
ปวตฺติวารวณฺณนาฯ
Pavattivāravaṇṇanā.
๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา
3. Pariññāvāravaṇṇanā
๑๖๕-๑๗๐. ปริญฺญาวาเร ปน ญาตปริญฺญา, ตีรณปริญฺญา, ปหานปริญฺญาติ ติโสฺสเปตฺถ ปริญฺญาโย ลพฺภนฺติฯ ยสฺมา จ โลกุตฺตรธเมฺมสุ ปริญฺญา นาม นตฺถิ; ตสฺมา อิธ เทฺว สจฺจานิ คหิตานิฯ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจํ ปริชานาตีติ ญาตตีรณปริญฺญาวเสเนว วุตฺตํฯ สมุทยสจฺจํ ปชหตีติ ญาตปหานปริญฺญาวเสนฯ อิติ อิมาสํ ปริญฺญานํ วเสน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพติฯ
165-170. Pariññāvāre pana ñātapariññā, tīraṇapariññā, pahānapariññāti tissopettha pariññāyo labbhanti. Yasmā ca lokuttaradhammesu pariññā nāma natthi; tasmā idha dve saccāni gahitāni. Tattha dukkhasaccaṃ parijānātīti ñātatīraṇapariññāvaseneva vuttaṃ. Samudayasaccaṃ pajahatīti ñātapahānapariññāvasena. Iti imāsaṃ pariññānaṃ vasena sabbapadesu attho veditabboti.
ปริญฺญาวารวณฺณนาฯ
Pariññāvāravaṇṇanā.
สจฺจยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ