Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    ๕. สจฺจยมกํ

    5. Saccayamakaṃ

    ๑. ปณฺณตฺติวาโร

    1. Paṇṇattivāro

    นิเทฺทสวารวณฺณนา

    Niddesavāravaṇṇanā

    ๑๐-๒๖. ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ทุกฺขทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขนฺติ ตีสุปิ ทุกฺขสโทฺท ปวตฺตติ, ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔; วิภ. ๑๙๐) ชาติอาทีสุ จ, โส ปน ทุกฺขทุกฺขโต อญฺญตฺถ ปวตฺตมาโน อญฺญนิรเปโกฺข นปฺปวตฺตติฯ สุทฺธเญฺจตฺถ ทุกฺขปทํ อญฺญนิรเปกฺขํ คเหตฺวา ปณฺณตฺติโสธนํ กโรติ, เตน นิปฺปริยายโต ทุกฺขสภาวตฺตา เอว ยํ ทุกฺขทุกฺขํ, ตสฺมิํ ทุกฺขทุเกฺข เอส ทุกฺขสโทฺท, ตญฺจ เอกเนฺตน ทุกฺขสจฺจเมวาติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ สุทฺธสจฺจวาเร สจฺจวิภเงฺค วุเตฺตสุ สมุทเยสุ โกจิ ผลธเมฺมสุ นตฺถิ, น จ ผลธเมฺมสุ โกจิ นิโรโธติ วุจฺจมาโน อตฺถิ, มคฺคสโทฺท จ ผลผลเงฺคสุ มคฺคผลตฺตา ปวตฺตติ, น มคฺคกิจฺจสพฺภาวาฯ ปรินิฎฺฐิตนิยฺยานกิจฺจานิ หิ ตานิฯ นิยฺยานวาจโก เจตฺถ มคฺคสโทฺท, น นิยฺยานผลวาจโก, ตสฺมา สมุทโย สจฺจํ, นิโรโธ สจฺจํ, มโคฺค สจฺจนฺติ เอเตสุปิ ‘‘อามนฺตา’’อิเจฺจว วิสฺสชฺชนํ กตํฯ

    10-26. ‘‘Dukkhaṃdukkhasaccanti? Āmantā’’ti ettha kiñcāpi dukkhadukkhaṃ saṅkhāradukkhaṃ vipariṇāmadukkhanti tīsupi dukkhasaddo pavattati, ‘‘jātipi dukkhā’’tiādinā (mahāva. 14; vibha. 190) jātiādīsu ca, so pana dukkhadukkhato aññattha pavattamāno aññanirapekkho nappavattati. Suddhañcettha dukkhapadaṃ aññanirapekkhaṃ gahetvā paṇṇattisodhanaṃ karoti, tena nippariyāyato dukkhasabhāvattā eva yaṃ dukkhadukkhaṃ, tasmiṃ dukkhadukkhe esa dukkhasaddo, tañca ekantena dukkhasaccamevāti ‘‘āmantā’’ti vuttaṃ. Suddhasaccavāre saccavibhaṅge vuttesu samudayesu koci phaladhammesu natthi, na ca phaladhammesu koci nirodhoti vuccamāno atthi, maggasaddo ca phalaphalaṅgesu maggaphalattā pavattati, na maggakiccasabbhāvā. Pariniṭṭhitaniyyānakiccāni hi tāni. Niyyānavācako cettha maggasaddo, na niyyānaphalavācako, tasmā samudayo saccaṃ, nirodho saccaṃ, maggo saccanti etesupi ‘‘āmantā’’icceva vissajjanaṃ kataṃ.

    อถ วา ปทโสธเนน ปเทสุ โสธิเตสุ สจฺจวิเสสนภูตา เอว ทุกฺขาทิสทฺทา อิธ คหิตาติ วิญฺญายนฺติฯ เตสํ ปน เอกเนฺตน สจฺจวิเสสนภาวํ, สจฺจานญฺจ ตพฺพิเสสนโยควิเสสํ ทีเปตุํ สุทฺธสจฺจวาโร วุโตฺตติ สจฺจวิเสสนานํ ทุกฺขาทีนํ เอกนฺตสจฺจตฺตา ‘‘ทุกฺขํ สจฺจํ…เป.… มโคฺค สจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ ขนฺธยมกาทีสุปิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุ ขนฺธาทิวิเสสนภูตานเมว รูปาทีนํ คหณํ ยุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ (ยม. อฎฺฐ. ขนฺธยมก ๓๘) ปน ‘‘ยสฺมา ปิยรูปสาตรูปสงฺขาตํ วา รูปํ โหตุ ภูตุปาทารูปํ วา, สพฺพํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ สงฺคหํ คจฺฉเตว, ตสฺมา อามนฺตาติ ปฎิชานาตี’’ติ วจเนน รูปาทิจกฺขาทิทุกฺขาทิคฺคหเณหิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุปิ ขนฺธาทิวิเสสนโต อเญฺญปิ คหิตาติ อยมโตฺถ ทีปิโต โหติ, เตน ตทนุรูปตาวเสน อิตโร อโตฺถ วุโตฺตฯ

    Atha vā padasodhanena padesu sodhitesu saccavisesanabhūtā eva dukkhādisaddā idha gahitāti viññāyanti. Tesaṃ pana ekantena saccavisesanabhāvaṃ, saccānañca tabbisesanayogavisesaṃ dīpetuṃ suddhasaccavāro vuttoti saccavisesanānaṃ dukkhādīnaṃ ekantasaccattā ‘‘dukkhaṃ saccaṃ…pe… maggo saccanti? Āmantā’’ti vuttanti. Yathā cettha, evaṃ khandhayamakādīsupi suddhakhandhādivāresu khandhādivisesanabhūtānameva rūpādīnaṃ gahaṇaṃ yuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ (yama. aṭṭha. khandhayamaka 38) pana ‘‘yasmā piyarūpasātarūpasaṅkhātaṃ vā rūpaṃ hotu bhūtupādārūpaṃ vā, sabbaṃ pañcasu khandhesu saṅgahaṃ gacchateva, tasmā āmantāti paṭijānātī’’ti vacanena rūpādicakkhādidukkhādiggahaṇehi suddhakhandhādivāresupi khandhādivisesanato aññepi gahitāti ayamattho dīpito hoti, tena tadanurūpatāvasena itaro attho vutto.

    นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปวตฺติวารวณฺณนา

    2. Pavattivāravaṇṇanā

    ๒๗-๑๖๔. อนฺตมโส สุทฺธาวาสานมฺปีติ อิทํ เตสํ อริยตฺตา ทุกฺขสเจฺจน อุปปชฺชเน อาสงฺกา สิยาติ กตฺวา วุตฺตํฯ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อิทํ ปญฺจโวการวเสเนว คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ เอเตน ปน สนฺนิฎฺฐาเนน สเพฺพ อุปปชฺชนฺตา ปวตฺติยํ จตุโวกาเร มคฺคผลโต อญฺญจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ปญฺจโวกาเร จ สพฺพจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน สงฺคหิตาติ เตเสฺวว สนฺนิฎฺฐาเนน นิจฺฉิเตสุ เกจิ ‘‘ปวเตฺต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ เอเตน ทุกฺขสมุทเยสุ เอกโกฎฺฐาสปฺปวตฺติสมงฺคิโน ทสฺสียนฺติ สนฺนิฎฺฐาเนน คหิตเสฺสว วิภาคทสฺสนโต, เตน จตุโวการานมฺปิ คหณํ อุปปนฺนเมวฯ น หิ เตสุ มคฺคผลุปฺปาทสมงฺคีสุ ปสงฺคตา อตฺถิ ตํสมงฺคีนํ เตสํ สนฺนิฎฺฐาเนน อคฺคหิตตฺตาติฯ อิทํ อิธ น คเหตพฺพนฺติ อิทํ จตุโวกาเร ผลสมาปตฺติจิตฺตํ อิธ สจฺจานํ อุปฺปาทวจเน น คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    27-164. Antamasosuddhāvāsānampīti idaṃ tesaṃ ariyattā dukkhasaccena upapajjane āsaṅkā siyāti katvā vuttaṃ. Taṇhāvippayuttacittassāti idaṃ pañcavokāravaseneva gahetabbanti vuttaṃ. Yassa dukkhasaccaṃ uppajjatīti etena pana sanniṭṭhānena sabbe upapajjantā pavattiyaṃ catuvokāre maggaphalato aññacittānaṃ uppādakkhaṇasamaṅgino pañcavokāre ca sabbacittānaṃ uppādakkhaṇasamaṅgino saṅgahitāti tesveva sanniṭṭhānena nicchitesu keci ‘‘pavatte taṇhāvippayuttacittassa uppādakkhaṇe’’ti etena dukkhasamudayesu ekakoṭṭhāsappavattisamaṅgino dassīyanti sanniṭṭhānena gahitasseva vibhāgadassanato, tena catuvokārānampi gahaṇaṃ upapannameva. Na hi tesu maggaphaluppādasamaṅgīsu pasaṅgatā atthi taṃsamaṅgīnaṃ tesaṃ sanniṭṭhānena aggahitattāti. Idaṃ idha na gahetabbanti idaṃ catuvokāre phalasamāpatticittaṃ idha saccānaṃ uppādavacane na gahetabbanti vuttaṃ hoti.

    เอตฺถ จ สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ อิทํ กมฺมชปวตฺตสฺส ปฐมุปฺปาททสฺสเนน วุตฺตํ, อสญฺญสตฺตาเปตฺถ สงฺคหิตาฯ ปวเตฺต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อิทํ ปน สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺส ตํรหิตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ ตณฺหาย อุปฺปาทกฺขเณติ ตํสหิตสฺส สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺสฯ เตสํ ปน อสญฺญสตฺตานํ ปวตฺติยํ ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาโท สพฺพตฺถ น คหิโต, ตถา นิโรโธ จาติฯ มคฺคสจฺจยมเกปิ เอเสว นโยฯ เตสํ ตสฺมิํ อุปปตฺติกฺขเณ จ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จาติ เอวเมตฺถ ขณวเสน โอกาโส เวทิตโพฺพติ วุตฺตํ, เอวญฺจ สติ ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๗๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ปจฺฉิมโกฎฺฐาเส ‘‘อิตเรสํ จตุโวการํ ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวเตฺต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจญฺจ อุปฺปชฺชติ สมุทยสจฺจญฺจ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อิทํ น ยุเชฺชยฺยฯ น หิ อุปปตฺติกฺขเณ จิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติฯ ตสฺมา อุปปตฺติกฺขณตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขณสมงฺคีนํ ปุคฺคลานํ ยสฺมิํ กามาวจราทิโอกาเส สา อุปปตฺติ จิตฺตุปฺปตฺติ จ ปวตฺตมานา, ตตฺถ เตสนฺติ โอกาสวเสเนเวตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส อโตฺถ ยุชฺชติฯ ปุคฺคโลกาสวาโร เหสฯ ตตฺถ ปุคฺคลวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, โอกาโส ปน ยตฺถ เต, โส เอวาติฯ

    Ettha ca sabbesaṃ upapajjantānanti idaṃ kammajapavattassa paṭhamuppādadassanena vuttaṃ, asaññasattāpettha saṅgahitā. Pavatte taṇhāvippayuttacittassa uppādakkhaṇeti idaṃ pana samudayasaccuppādavomissassa dukkhasaccuppādassa taṃrahitassa dassanavasena vuttaṃ. Taṇhāya uppādakkhaṇeti taṃsahitassa samudayasaccuppādavomissassa. Tesaṃ pana asaññasattānaṃ pavattiyaṃ dukkhasaccassa uppādo sabbattha na gahito, tathā nirodho cāti. Maggasaccayamakepi eseva nayo. Tesaṃ tasmiṃ upapattikkhaṇe ca taṇhāvippayuttacittuppattikkhaṇe cāti evamettha khaṇavasena okāso veditabboti vuttaṃ, evañca sati ‘‘yassa yattha dukkhasaccaṃ uppajjati, tassa tattha samudayasaccaṃ uppajjissatī’’ti (yama. 1.saccayamaka.71) etassa vissajjane pacchimakoṭṭhāse ‘‘itaresaṃ catuvokāraṃ pañcavokāraṃ upapajjantānaṃ, pavatte cittassa uppādakkhaṇe tesaṃ tattha dukkhasaccañca uppajjati samudayasaccañca uppajjissatī’’ti idaṃ na yujjeyya. Na hi upapattikkhaṇe cittuppattikkhaṇe ca samudayasaccaṃ uppajjissatīti. Tasmā upapattikkhaṇataṇhāvippayuttacittuppattikkhaṇasamaṅgīnaṃ puggalānaṃ yasmiṃ kāmāvacarādiokāse sā upapatti cittuppatti ca pavattamānā, tattha tesanti okāsavasenevettha tattha-saddassa attho yujjati. Puggalokāsavāro hesa. Tattha puggalavisesadassanatthaṃ ‘‘sabbesaṃ upapajjantāna’’ntiādi vuttaṃ, okāso pana yattha te, so evāti.

    ‘‘สเพฺพสํ จวนฺตานํ ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อารุเปฺป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สมุทยสจฺจญฺจ นุปฺปชฺชติ ทุกฺขสจฺจญฺจ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ปน ‘‘ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตฺตา จิตฺตชรูปเมว อิธาธิเปฺปตํ, น กมฺมชาทิรูปํ จิตฺตํ อนเปกฺขิตฺวาว อุปฺปชฺชนโตติ เกจิ วทนฺติฯ ‘‘ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน ปน สนฺนิฎฺฐาเนน คหิโต ปุคฺคโล น จิตฺตํ อเปกฺขิตฺวาว คหิโต, อถ โข โย โกจิ เอวํปกาโร, ตสฺมา ‘‘ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน จ น จิตฺตาเปกฺขเมว ทุกฺขสจฺจํ วุตฺตํ, อถ โข ยํ กิญฺจีติ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ยํ กิญฺจิ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตีติ อยมโตฺถ วิญฺญายตีติฯ น หิ ยมเก วิภชิตเพฺพ อวิภตฺตา นาม ปุจฺฉา อตฺถีติฯ

    ‘‘Sabbesaṃ cavantānaṃ pavatte cittassa bhaṅgakkhaṇe āruppe maggassa ca phalassa ca uppādakkhaṇe tesaṃ samudayasaccañca nuppajjati dukkhasaccañca nuppajjatī’’ti ettha pana ‘‘pavatte cittassa bhaṅgakkhaṇe dukkhasaccaṃ nuppajjatī’’ti cittapaṭibaddhavuttittā cittajarūpameva idhādhippetaṃ, na kammajādirūpaṃ cittaṃ anapekkhitvāva uppajjanatoti keci vadanti. ‘‘Yassa vāpana samudayasaccaṃ nuppajjatī’’ti etena pana sanniṭṭhānena gahito puggalo na cittaṃ apekkhitvāva gahito, atha kho yo koci evaṃpakāro, tasmā ‘‘tassa dukkhasaccaṃ nuppajjatī’’ti etena ca na cittāpekkhameva dukkhasaccaṃ vuttaṃ, atha kho yaṃ kiñcīti cittassa bhaṅgakkhaṇe yaṃ kiñci dukkhasaccaṃ nuppajjatīti ayamattho viññāyatīti. Na hi yamake vibhajitabbe avibhattā nāma pucchā atthīti.

    ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺตวตฺตมาเน’’ติ อิทํ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ สมุทยสจฺจํ, ตํทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ ตสฺมิํ ปน ทสฺสิเต เตน สมานคติกตฺตา ทุติยากุสลจิตฺตโต ปุริมสพฺพจิตฺตสมงฺคิโน เตเนว ทสฺสิตา โหนฺติฯ เตสมฺปิ หิ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ โน จ เตสํ ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถาติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘อิตเรสํ จตุโวการปญฺจโวการาน’’นฺติ เอตฺถ ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสา อคฺคหิตา โหนฺติฯ ยถา ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอเตเนว อุปปตฺติจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิสมานคติกา ทุติยากุสลโต ปุริมสพฺพจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ทสฺสิตา โหนฺตีติ น เต ‘‘อิตเรส’’นฺติ เอเตน คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ ทฎฺฐพฺพนฺติฯ ‘‘อิตเรส’’นฺติ วจนํ ปญฺจโวการานํ วิเสสนตฺถํ, น จตุโวการานํฯ น หิ เต ปุเพฺพ วุตฺตา วเชฺชตพฺพา สนฺติ ปญฺจโวการา วิย ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสาติฯ ‘‘อภิสเมตาวีนํ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจญฺจ อุปฺปชฺชิตฺถ มคฺคสจฺจญฺจ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๑) เอเตน สนฺนิฎฺฐาเนน ปุคฺคโลกาสา อญฺญมญฺญปริจฺฉินฺนา คหิตาติ ยสฺมิํ โอกาเส อภิสเมตาวิโน, เต เอวํ ‘‘อภิสเมตาวีน’’นฺติ เอเตน คหิตาติ ทฎฺฐพฺพา ฯ เตน เย กามาวจเร รูปาวจเร อรูปาวจเร วา อภิสเมตาวิโน รูปาวจรํ อรูปาวจรํ วา อุปปนฺนา, ยาว ตตฺถาภิสมโย อุปฺปโนฺน ภวิสฺสติ, ตาว เต เอตฺถ น คยฺหนฺติ, เต ปน ปุริมโกฎฺฐาเส ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเน’’ติ เอวํ ทสฺสิเตหิ สุทฺธาวาเส อนุปฺปนฺนาภิสมเยหิ สมานคติกาติ วิสุํ น ทสฺสิตาฯ ‘‘อนภิสเมตาวีน’’นฺติ คหิตา เย สพฺพตฺถ ตตฺถ จ อนภิสเมตาวิโน, เตสุ สุทฺธาวาสานํ คหณกาลวิเสสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเน’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๒) วุตฺตนฺติฯ

    ‘‘Suddhāvāsānaṃ dutiye cittevattamāne’’ti idaṃ sabbantimena paricchedena yassa yattha dukkhasaccaṃ uppajjittha, no ca samudayasaccaṃ, taṃdassanavasena vuttaṃ. Tasmiṃ pana dassite tena samānagatikattā dutiyākusalacittato purimasabbacittasamaṅgino teneva dassitā honti. Tesampi hi tattha dukkhasaccaṃ uppajjittha no ca tesaṃ tattha samudayasaccaṃ uppajjitthāti. Evañca katvā ‘‘itaresaṃ catuvokārapañcavokārāna’’nti ettha yathāvuttā suddhāvāsā aggahitā honti. Yathā ‘‘yassa yattha dukkhasaccaṃ uppajjati, tassa tattha samudayasaccaṃ uppajjitthā’’ti (yama. 1.saccayamaka.61) etassa vissajjane ‘‘suddhāvāsānaṃ upapatticittassa uppādakkhaṇe’’ti (yama. 1.saccayamaka.61) eteneva upapatticittuppādakkhaṇasamaṅgisamānagatikā dutiyākusalato purimasabbacittuppādakkhaṇasamaṅgino dassitā hontīti na te ‘‘itaresa’’nti etena gayhanti, evamidhāpi daṭṭhabbanti. ‘‘Itaresa’’nti vacanaṃ pañcavokārānaṃ visesanatthaṃ, na catuvokārānaṃ. Na hi te pubbe vuttā vajjetabbā santi pañcavokārā viya yathāvuttā suddhāvāsāti. ‘‘Abhisametāvīnaṃ tesaṃ tattha dukkhasaccañca uppajjittha maggasaccañca uppajjitthā’’ti (yama. 1.saccayamaka.41) etena sanniṭṭhānena puggalokāsā aññamaññaparicchinnā gahitāti yasmiṃ okāse abhisametāvino, te evaṃ ‘‘abhisametāvīna’’nti etena gahitāti daṭṭhabbā . Tena ye kāmāvacare rūpāvacare arūpāvacare vā abhisametāvino rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ vā upapannā, yāva tatthābhisamayo uppanno bhavissati, tāva te ettha na gayhanti, te pana purimakoṭṭhāse ‘‘suddhāvāsānaṃ dutiye citte vattamāne’’ti evaṃ dassitehi suddhāvāse anuppannābhisamayehi samānagatikāti visuṃ na dassitā. ‘‘Anabhisametāvīna’’nti gahitā ye sabbattha tattha ca anabhisametāvino, tesu suddhāvāsānaṃ gahaṇakālavisesanatthaṃ ‘‘suddhāvāsānaṃ dutiye citte vattamāne’’ti (yama. 1.saccayamaka.42) vuttanti.

    ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฎิลภิสฺสนฺตีติ เอเตน โวทานจิตฺตสมงฺคินา สมานคติกา ตโต ปุริมตรจิตฺตสมงฺคิโนปิ ยาว สพฺพนฺติมตณฺหาสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี, ตาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ เอส นโย อเญฺญสุ เอวรูเปสูติฯ

    Yassa cittassa anantarā aggamaggaṃ paṭilabhissantīti etena vodānacittasamaṅginā samānagatikā tato purimataracittasamaṅginopi yāva sabbantimataṇhāsampayuttacittasamaṅgī, tāva dassitāti veditabbā. Esa nayo aññesu evarūpesūti.

    ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ อาคตฎฺฐาเน ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺสปิ ภงฺคกฺขณคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํ, ตถา ‘‘ปวเตฺต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ อาคตฎฺฐาเน จ จุติจิตฺตสฺสปิ อุปฺปาทกฺขณสฺสาติฯ ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ทฺวีสุปิ โกฎฺฐาเสสุ ‘‘อรูเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขเณ’’อิเจฺจว (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) วุตฺตํ, น วิเสสิตํฯ กสฺมา? เอกสฺสปิ มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขณสมงฺคิโน อุภยโกฎฺฐาสภชนโตฯ ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌตีติ เอเตน สนฺนิฎฺฐาเนน คหิเตสุ หิ อรุเป มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีสุ เกสญฺจิ ติณฺณํ ผลานํ ทฺวินฺนญฺจ มคฺคานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ นิรนฺตรํ อนุปฺปาเทตฺวา อนฺตรนฺตรา วิปสฺสนานิกนฺติํ ภวนิกนฺติํ อุปฺปาเทตฺวา เย อุปริมเคฺค อุปฺปาเทสฺสนฺติ, เตสํ สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ เตสํเยว ปน เกสญฺจิ อนฺตรา ตณฺหํ อนุปฺปาเทตฺวา อุปริมคฺคอุปฺปาเทนฺตานํ มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติฯ สามญฺญวจเนนปิ จ ปุริมโกฎฺฐาเส วุจฺจมาเนน ปจฺฉิมโกฎฺฐาเส วกฺขมาเน วเชฺชตฺวาว คหณํ โหตีติ ทสฺสิโตยํ นโยติฯ

    Pavatte cittassa bhaṅgakkhaṇeti āgataṭṭhāne paṭisandhicittassapi bhaṅgakkhaṇaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ, tathā ‘‘pavatte cittassa uppādakkhaṇe’’ti āgataṭṭhāne ca cuticittassapi uppādakkhaṇassāti. ‘‘Yassa dukkhasaccaṃ na nirujjhati, tassa samudayasaccaṃ na nirujjhissatī’’ti (yama. 1.saccayamaka.116) etassa vissajjane dvīsupi koṭṭhāsesu ‘‘arūpe maggassa ca phalassa ca bhaṅgakkhaṇe’’icceva (yama. 1.saccayamaka.116) vuttaṃ, na visesitaṃ. Kasmā? Ekassapi maggassa ca phalassa ca bhaṅgakkhaṇasamaṅgino ubhayakoṭṭhāsabhajanato. Yassa dukkhasaccaṃ na nirujjhatīti etena sanniṭṭhānena gahitesu hi arupe maggaphalabhaṅgakkhaṇasamaṅgīsu kesañci tiṇṇaṃ phalānaṃ dvinnañca maggānaṃ bhaṅgakkhaṇasamaṅgīnaṃ nirantaraṃ anuppādetvā antarantarā vipassanānikantiṃ bhavanikantiṃ uppādetvā ye uparimagge uppādessanti, tesaṃ samudayasaccaṃ nirujjhissatīti tesaṃyeva pana kesañci antarā taṇhaṃ anuppādetvā uparimaggauppādentānaṃ maggaphalabhaṅgakkhaṇasamaṅgīnaṃ samudayasaccaṃ na nirujjhissatīti. Sāmaññavacanenapi ca purimakoṭṭhāse vuccamānena pacchimakoṭṭhāse vakkhamāne vajjetvāva gahaṇaṃ hotīti dassitoyaṃ nayoti.

    ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา

    3. Pariññāvāravaṇṇanā

    ๑๖๕-๑๗๐. ปริญฺญาวาเร …เป.… ติโสฺสเปตฺถ ปริญฺญา ลพฺภนฺตีติ เอเตฺถว วิเสสนํ ขนฺธยมกาทีสุ สพฺพขนฺธาทีนํ วิย สพฺพสจฺจานํ อปริเญฺญยฺยตาทสฺสนตฺถํ สจฺฉิกรณภาวนาวเสน อิมสฺส วารสฺส อปฺปวตฺติทสฺสนตฺถญฺจฯ ทุกฺขสฺส ปริญฺญตฺถํ สมุทยสฺส จ ปหานตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ปริญฺญาปหานํ สเจฺจสุ ทเสฺสตุํ ทุเกฺข ตีรณปริญฺญา วุตฺตา, น ปหานปริญฺญาฯ สมุทเย จ ปหานปริญฺญา, น ตีรณปริญฺญาฯ ญาตปริญฺญา ปน สาธารณาติ อุภยตฺถ วุตฺตาฯ มคฺคญาณญฺหิ ทุกฺขสมุทยานิ วิภาเวตีติ ญาตปริญฺญา จ โหติ , ทุกฺขตีรณกิจฺจานํ นิปฺผาทนโต ตีรณปริญฺญา จ, สมุทยสฺส อปฺปวตฺติกรณโตว ปหานปริญฺญา จาติ ติโสฺสปิ ปริญฺญา มคฺคกฺขเณ เอว โยเชตพฺพาติฯ

    165-170. Pariññāvāre…pe… tissopettha pariññā labbhantīti ettheva visesanaṃ khandhayamakādīsu sabbakhandhādīnaṃ viya sabbasaccānaṃ apariññeyyatādassanatthaṃ sacchikaraṇabhāvanāvasena imassa vārassa appavattidassanatthañca. Dukkhassa pariññatthaṃ samudayassa ca pahānatthaṃ bhagavati brahmacariyaṃ vussatīti pariññāpahānaṃ saccesu dassetuṃ dukkhe tīraṇapariññā vuttā, na pahānapariññā. Samudaye ca pahānapariññā, na tīraṇapariññā. Ñātapariññā pana sādhāraṇāti ubhayattha vuttā. Maggañāṇañhi dukkhasamudayāni vibhāvetīti ñātapariññā ca hoti , dukkhatīraṇakiccānaṃ nipphādanato tīraṇapariññā ca, samudayassa appavattikaraṇatova pahānapariññā cāti tissopi pariññā maggakkhaṇe eva yojetabbāti.

    ปริญฺญาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariññāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สจฺจยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact