Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๕. สจฺจยมกํ

    5. Saccayamakaṃ

    ๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา

    1. Paṇṇattivāravaṇṇanā

    ๑๐-๒๖. โสติ ทุกฺขสโทฺทฯ อญฺญตฺถาติ สงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขทุกฺขาธิฎฺฐาเนสุฯ อญฺญนิรเปโกฺขติ สงฺขาราทิปทนฺตรานเปโกฺขฯ เตนาติ อญฺญนิรเปกฺขทุกฺขปทคฺคหณโตฯ ตสฺมิํ ทุกฺขทุเกฺข วิสยภูเตฯ เอส ทุกฺขสโทฺท ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ เอตฺถ ปฐโม ทุกฺขสโทฺทฯ ตญฺจ ทุกฺขทุกฺขํฯ ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ เอตฺถ ทุกฺขเมว ทุกฺขสจฺจนฺติ นยิทํ อวธารณํ อิจฺฉิตพฺพํ, ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจเมวาติ ปน อิจฺฉิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอกเนฺตน ทุกฺขสจฺจเมวา’’ติฯ สจฺจวิภเงฺค วุเตฺตสุ สมุทเยสุ โกจิ ผลธเมฺมสุ นตฺถีติ สจฺจวิภเงฺค ปญฺจธา วุเตฺตสุ สมุทเยสุ เอโกปิ ผลสภาเวสุ นตฺถิ, ผลสภาโว นตฺถีติ อโตฺถฯ ‘‘ผลธโมฺม นตฺถี’’ติ จ ปาโฐฯ มคฺคสโทฺท จ ผลเงฺคสูติ สามญฺญผลเงฺคสุ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีสุ ‘‘มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺน’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๙๒, ๔๙๕) อาคโต มคฺคสโทฺท มคฺคผลตฺตา ปวตฺตติ การณูปจาเรนาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘น มคฺคกิจฺจสพฺภาวา’’ติอาทิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สจฺจเทสนาย ปภวาทิสภาวา เอว ธมฺมา สมุทยาทิปริยาเยน วุตฺตา, น อปฺปภวาทิสภาวา, ตสฺมา ฯ เอตฺถ จ เตภูมกธมฺมานํ ยถารหํ ทุกฺขสมุทยสจฺจโนฺตคธตฺตา อสจฺจสภาเว สภาวธเมฺม จ อุทฺธรโนฺต ผลธเมฺม เอว อุทฺธริฯ นนุ จ มคฺคสมฺปยุตฺตาปิ ธมฺมา อสจฺจสภาวาติ เตปิ อุทฺธริตพฺพาติ? น, เตสํ มคฺคคติกตฺตาฯ ‘‘ผลธเมฺมสู’’ติ เอตฺถ ธมฺมคฺคหเณน วา ผลสมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิย เตสมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    10-26. Soti dukkhasaddo. Aññatthāti saṅkhāradukkhavipariṇāmadukkhadukkhādhiṭṭhānesu. Aññanirapekkhoti saṅkhārādipadantarānapekkho. Tenāti aññanirapekkhadukkhapadaggahaṇato. Tasmiṃ dukkhadukkhe visayabhūte. Esa dukkhasaddo ‘‘dukkhaṃ dukkhasacca’’nti ettha paṭhamo dukkhasaddo. Tañca dukkhadukkhaṃ. ‘‘Dukkhaṃ dukkhasacca’’nti ettha dukkhameva dukkhasaccanti nayidaṃ avadhāraṇaṃ icchitabbaṃ, dukkhaṃ dukkhasaccamevāti pana icchitabbanti āha ‘‘ekantena dukkhasaccamevā’’ti. Saccavibhaṅge vuttesu samudayesu koci phaladhammesu natthīti saccavibhaṅge pañcadhā vuttesu samudayesu ekopi phalasabhāvesu natthi, phalasabhāvo natthīti attho. ‘‘Phaladhammo natthī’’ti ca pāṭho. Maggasaddo ca phalaṅgesūti sāmaññaphalaṅgesu sammādiṭṭhiādīsu ‘‘maggaṅgaṃ maggapariyāpanna’’ntiādinā (vibha. 492, 495) āgato maggasaddo maggaphalattā pavattati kāraṇūpacārenāti adhippāyo. Tenāha ‘‘na maggakiccasabbhāvā’’tiādi. Tasmāti yasmā saccadesanāya pabhavādisabhāvā eva dhammā samudayādipariyāyena vuttā, na appabhavādisabhāvā, tasmā . Ettha ca tebhūmakadhammānaṃ yathārahaṃ dukkhasamudayasaccantogadhattā asaccasabhāve sabhāvadhamme ca uddharanto phaladhamme eva uddhari. Nanu ca maggasampayuttāpi dhammā asaccasabhāvāti tepi uddharitabbāti? Na, tesaṃ maggagatikattā. ‘‘Phaladhammesū’’ti ettha dhammaggahaṇena vā phalasampayuttadhammānaṃ viya tesampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ปทโสธเนน…เป.… อิธ คหิตาติ เอเตน อสจฺจสภาวานํ ธมฺมานํ ปกรเณน นิวตฺติตตํ อาหฯ เตสนฺติ ทุกฺขาทีนํฯ ตพฺพิเสสนโยควิเสสนฺติ เตน ทุกฺขาทิวิเสสนโยเคน วิสิฎฺฐตํฯ สจฺจวิเสสนภาเวเนว ทุกฺขาทีนํ ปริเญฺญยฺยตาทิภาโว สิโทฺธติ อาห ‘‘เอกนฺตสจฺจตฺตา’’ติฯ ยถา เจตฺถาติ ยถา เอตสฺมิํ สจฺจยมเก สุทฺธสจฺจวาเร สจฺจวิเสสนภูตา เอว ทุกฺขาทโย คหิตาฯ เอวํ ขนฺธยมกาทีสุปีติ น สุทฺธสจฺจวาเร เอว อยํ นโย ทสฺสิโตติ อโตฺถฯ ปทโสธนวาเร ตํมูลจกฺกวาเร จ ‘‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทินา สมุทายปทานํเยว วุตฺตตฺตา วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ‘‘สุทฺธกฺขนฺธาทิวาเรสู’’ติ วุตฺตํฯ ตถา เจตฺถาปิ สุทฺธวาเร เอว อยํ นโย ทสฺสิโตฯ ยทิ สุทฺธกฺขนฺธาทิวาเรสุ ขนฺธาทิวิเสสนภูตานเมว รูปาทีนํ คหเณน ภวิตพฺพํ, อถ กสฺมา ขนฺธาทิวิเสสนโต อเญฺญสมฺปิ รูปาทีนํ วเสน อโตฺถ ทสฺสิโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อฎฺฐกถายํ ปนา’’ติอาทิฯ ปุริโม เอว อโตฺถ ยุโตฺต, ยุตฺติโต ปาโฐว พลวาติฯ

    Padasodhanena…pe… idha gahitāti etena asaccasabhāvānaṃ dhammānaṃ pakaraṇena nivattitataṃ āha. Tesanti dukkhādīnaṃ. Tabbisesanayogavisesanti tena dukkhādivisesanayogena visiṭṭhataṃ. Saccavisesanabhāveneva dukkhādīnaṃ pariññeyyatādibhāvo siddhoti āha ‘‘ekantasaccattā’’ti. Yathā cetthāti yathā etasmiṃ saccayamake suddhasaccavāre saccavisesanabhūtā eva dukkhādayo gahitā. Evaṃ khandhayamakādīsupīti na suddhasaccavāre eva ayaṃ nayo dassitoti attho. Padasodhanavāre taṃmūlacakkavāre ca ‘‘rūpaṃ rūpakkhandho’’tiādinā samudāyapadānaṃyeva vuttattā vattabbameva natthīti ‘‘suddhakkhandhādivāresū’’ti vuttaṃ. Tathā cetthāpi suddhavāre eva ayaṃ nayo dassito. Yadi suddhakkhandhādivāresu khandhādivisesanabhūtānameva rūpādīnaṃ gahaṇena bhavitabbaṃ, atha kasmā khandhādivisesanato aññesampi rūpādīnaṃ vasena attho dassitoti codanaṃ sandhāyāha ‘‘aṭṭhakathāyaṃ panā’’tiādi. Purimo eva attho yutto, yuttito pāṭhova balavāti.

    ปณฺณตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṇṇattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปวตฺติวารวณฺณนา

    2. Pavattivāravaṇṇanā

    ๒๗-๑๖๔. ทุกฺขปริญฺญา ยาว ทุกฺขสมติกฺกมนตฺถาติ สปฺปเทสํ ปวตฺตาปิ สา ตทตฺถาวหา ภเวยฺยาติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อริยตฺตา…เป.… กตฺวา วุตฺต’’นฺติฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อนฺติมภเว ฐิตตฺตา’’ติ การณํ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ อุปปตฺติยา ทุกฺขวิจารตฺตา, น จ สเพฺพ สุทฺธาวาสา อนฺติมภวิกา อุทฺธํโสตวจนโตฯ ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อุปฺปาทาวตฺถาฯ อวิเสเสน ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา ธมฺมา สมฺพนฺธีภาเวเนว ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล วุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สเพฺพ อุปปชฺชนฺตา’’ติอาทิํ วตฺวา สฺวายมโตฺถ ยสฺมา นิจฺฉยรูเปน คหิโต, นิจฺฉิตเสฺสว จ อตฺถสฺส วิภาคทสฺสเนน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘เตเสฺวว…เป.… อุปปนฺนเมวา’’ติ อาหฯ ตตฺถ เตเสฺวว เกจิ ทสฺสียนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เอกโกฎฺฐาสุปฺปตฺติสมงฺคิโนติ ทุกฺขโกฎฺฐาสุปฺปตฺติสมงฺคิโนฯ เตสูติ สนฺนิฎฺฐาเนน คหิเตสุฯ มคฺคผลุปฺปาทสมงฺคีสูติ มคฺคผลุปฺปาทสมงฺคีนํ, อยเมว วา ปาโฐฯ

    27-164. Dukkhapariññā yāva dukkhasamatikkamanatthāti sappadesaṃ pavattāpi sā tadatthāvahā bhaveyyāti kassaci āsaṅkā siyāti dassento āha ‘‘ariyattā…pe… katvā vutta’’nti. Keci panettha ‘‘antimabhave ṭhitattā’’ti kāraṇaṃ vadanti, taṃ na yujjati upapattiyā dukkhavicārattā, na ca sabbe suddhāvāsā antimabhavikā uddhaṃsotavacanato. ‘‘Yassa dukkhasaccaṃ uppajjatī’’ti uppādāvatthā. Avisesena dukkhasaccapariyāpannā dhammā sambandhībhāveneva taṃsamaṅgī ca puggalo vuttoti dassento ‘‘sabbe upapajjantā’’tiādiṃ vatvā svāyamattho yasmā nicchayarūpena gahito, nicchitasseva ca atthassa vibhāgadassanena bhavitabbaṃ, tasmā ‘‘tesveva…pe… upapannamevā’’ti āha. Tattha tesveva keci dassīyantīti sambandho. Ekakoṭṭhāsuppattisamaṅginoti dukkhakoṭṭhāsuppattisamaṅgino. Tesūti sanniṭṭhānena gahitesu. Maggaphaluppādasamaṅgīsūti maggaphaluppādasamaṅgīnaṃ, ayameva vā pāṭho.

    เอตฺถ จาติอาทินา ‘‘สเพฺพส’’นฺติอาทิปาฬิยา ปิณฺฑตฺถํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺสาติ อิทํ อนาทเร สามิวจนํฯ กตฺถจิ สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิเสฺสปิ ทุกฺขสเจฺจ ตํรหิตสฺส สมุทยสจฺจุปฺปาทรหิตสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ โยชนาฯ เกจิ ปน ‘‘สมุทยสจฺจาโวมิสฺสสฺสา’’ติ ปฐนฺติ, เตสํ ‘‘ตํรหิตสฺสา’’ติ อิทํ ปุริมปทสฺส อตฺถวิวรณํ เวทิตพฺพํฯ ตํสหิตสฺสาติ สมุทยสจฺจุปฺปาทสหิตสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ โยชนาฯ เตสนฺติ อสญฺญสตฺตานํ, ปวตฺติยํ ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาโท ‘‘ปวเตฺต’’ติอาทินา วุเตฺตสุ ทฺวีสุปิ โกฎฺฐาเสสุ น คหิโตติ อโตฺถฯ ปฎิสนฺธิยํ ปน เตสํ อุปฺปาทสฺส ปฐมโกฎฺฐาเสน คหิตตา ทสฺสิตา เอวฯ ตถา นิโรโธ จาติ ยถา อสญฺญสตฺตานํ ปฎิสนฺธิยํ ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาโท ปฐมโกฎฺฐาเสน คหิโต, ปวตฺติยํ ปน โส ทฺวีหิ โกฎฺฐาเสหิ น คหิโต, ตถา เตสํ ทุกฺขสจฺจสฺส นิโรโธปีติ อโตฺถฯ ตถา หิ ‘‘สเพฺพสํ จวนฺตานํ ปวเตฺต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติอาทินา (ยม. ๑.สจฺจยมก.๘๘) นิโรธวาเร ปาฬิ ปวตฺตาฯ เอเสว นโยติ ยฺวายํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา สมุทยสจฺจยมเก ปาฬิยา อตฺถนโย วุโตฺต, มคฺคสจฺจยมเกปิ เอเสว นโย, เอวเมว ตตฺถาปิ อโตฺถ เนตโพฺพติ อโตฺถฯ ตถา หิ ‘‘สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินา ตตฺถ ปาฬิ ปวตฺตาฯ

    Ettha cātiādinā ‘‘sabbesa’’ntiādipāḷiyā piṇḍatthaṃ dasseti. Tattha samudayasaccuppādavomissassa dukkhasaccuppādassāti idaṃ anādare sāmivacanaṃ. Katthaci samudayasaccuppādavomissepi dukkhasacce taṃrahitassa samudayasaccuppādarahitassa dukkhasaccuppādassa dassanavasena vuttanti yojanā. Keci pana ‘‘samudayasaccāvomissassā’’ti paṭhanti, tesaṃ ‘‘taṃrahitassā’’ti idaṃ purimapadassa atthavivaraṇaṃ veditabbaṃ. Taṃsahitassāti samudayasaccuppādasahitassa dukkhasaccuppādassa dassanavasena vuttanti yojanā. Tesanti asaññasattānaṃ, pavattiyaṃ dukkhasaccassa uppādo ‘‘pavatte’’tiādinā vuttesu dvīsupi koṭṭhāsesu na gahitoti attho. Paṭisandhiyaṃ pana tesaṃ uppādassa paṭhamakoṭṭhāsena gahitatā dassitā eva. Tathā nirodho cāti yathā asaññasattānaṃ paṭisandhiyaṃ dukkhasaccassa uppādo paṭhamakoṭṭhāsena gahito, pavattiyaṃ pana so dvīhi koṭṭhāsehi na gahito, tathā tesaṃ dukkhasaccassa nirodhopīti attho. Tathā hi ‘‘sabbesaṃ cavantānaṃ pavatte taṇhāvippayuttacittassa bhaṅgakkhaṇe’’tiādinā (yama. 1.saccayamaka.88) nirodhavāre pāḷi pavattā. Eseva nayoti yvāyaṃ ‘‘ettha cā’’tiādinā samudayasaccayamake pāḷiyā atthanayo vutto, maggasaccayamakepi eseva nayo, evameva tatthāpi attho netabboti attho. Tathā hi ‘‘sabbesaṃ upapajjantāna’’ntiādinā tattha pāḷi pavattā.

    เอวญฺจ สตีติ เอวํ ขณวเสน โอกาสคฺคหเณ สตีติ ยถาวุตฺตมตฺถํ อนนุชานนวเสน ปจฺจามสติฯ เอตสฺส วิสฺสชฺชเนติ เอตสฺส ยมกปทสฺส วิสฺสชฺชเนฯ ‘‘อคฺคมคฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, อรหนฺตานํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฎิลภิสฺสนฺติ, ตสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๗๑) ปุริมโกฎฺฐาสสฺส อาคตตฺตา วิโรโธ นตฺถีติ ‘‘ปจฺฉิมโกฎฺฐาเส’’ติอาทิ วุตฺตํ ฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา น อุปปตฺติจิตฺตุปฺปาทกฺขโณ ภาวิโน สมุทยปจฺจุปฺปาทสฺส อาธาโร, อถ โข กามาวจราทิโอกาโส, ตสฺมาฯ ปุคฺคโลกาสวาโร เหสาติ ยสฺมา ปุคฺคโลกาสวาโร เอส, ตสฺมา ‘‘เตสํ ตตฺถา’’ติ เอตฺถ โอกาสวเสน ตตฺถ-สทฺทสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยทิ ปุคฺคโลกาสวาเร กามาวจราทิโอกาสวเสเนว อโตฺถ คเหตโพฺพ, น ขณวเสน, อถ กสฺมา ‘‘สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินา โอกาสํ อนามสิตฺวา ตตฺถ วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ…เป.… โส เอวา’’ติฯ ตตฺถ ตตฺถาติ โอกาสวาเรฯ ปุคฺคลวิเสสทสฺสนตฺถนฺติ ปุคฺคลสงฺขาตวิเสสทสฺสนตฺถํฯ ยตฺถ เตติ ยสฺมิํ กามาวจราทิโอกาเส เต ปุคฺคลาฯ

    Evañca satīti evaṃ khaṇavasena okāsaggahaṇe satīti yathāvuttamatthaṃ ananujānanavasena paccāmasati. Etassa vissajjaneti etassa yamakapadassa vissajjane. ‘‘Aggamaggassa uppādakkhaṇe, arahantānaṃ cittassa uppādakkhaṇe, yassa cittassa anantarā aggamaggaṃ paṭilabhissanti, tassa cittassa uppādakkhaṇe, asaññasattaṃ upapajjantānaṃ tesaṃ tattha dukkhasaccaṃ uppajjati, no ca tesaṃ tattha samudayasaccaṃ uppajjissatī’’ti (yama. 1.saccayamaka.71) purimakoṭṭhāsassa āgatattā virodho natthīti ‘‘pacchimakoṭṭhāse’’tiādi vuttaṃ . Tattha tasmāti yasmā na upapatticittuppādakkhaṇo bhāvino samudayapaccuppādassa ādhāro, atha kho kāmāvacarādiokāso, tasmā. Puggalokāsavāro hesāti yasmā puggalokāsavāro esa, tasmā ‘‘tesaṃ tatthā’’ti ettha okāsavasena tattha-saddassa attho veditabbo. Yadi puggalokāsavāre kāmāvacarādiokāsavaseneva attho gahetabbo, na khaṇavasena, atha kasmā ‘‘sabbesaṃ upapajjantāna’’ntiādinā okāsaṃ anāmasitvā tattha vissajjanaṃ pavattanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tattha…pe… so evā’’ti. Tattha tatthāti okāsavāre. Puggalavisesadassanatthanti puggalasaṅkhātavisesadassanatthaṃ. Yattha teti yasmiṃ kāmāvacarādiokāse te puggalā.

    เกจีติ ธมฺมสิริเตฺถรํ สนฺธายาหฯ โส หิ ‘‘ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ จิตฺตชรูปเมว อธิเปฺปตํ จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตฺตาติ การณํ วทติฯ อปเร ‘‘อรูเปติ อิมํ ปุริมาเปกฺขมฺปิ โหตีติ เตน ปวตฺตํ วิเสเสตฺวา อรูปภววเสน อยมโตฺถ วุโตฺต , ตสฺมา ‘ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’ติอาทีสุปิ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ ปุคฺคโล น จิตฺตํ อเปกฺขิตฺวาว คหิโตติ อิทํ จิตฺตสฺส อนธิกตตฺตา วุตฺตํฯ ยตฺถ ปน สมุทยสจฺจสฺส อุปฺปาทนิจฺฉโย, ตเตฺถว ตสฺส อนุปฺปาทนิจฺฉเยนปิ ภวิตพฺพํ จิเตฺตน จ วินา ปุคฺคลเสฺสว อนุปลพฺภนโตติ ‘‘ยสฺส สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ สมุทยสจฺจาธารํ จิตฺตํ อตฺถโต คหิตเมวาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ อปิจ อินฺทฺริยพเทฺธปิ น สโพฺพ รูปุปฺปาโท เอกเนฺตน จิตฺตุปฺปาทาธีโนติ สกฺกา วตฺตุํ จิตฺตุปฺปตฺติยา วินาปิ ตตฺถ รูปุปฺปตฺติทสฺสนโต, ตสฺมา จิตฺตชรูปเมว จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปชฺชติ, น อิตรํ, อิตรํ ปน ตสฺส ตีสุปิ ขเณสุ อุปฺปชฺชตีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ วิภชิตพฺพา อวิภตฺตา นาม นตฺถีติ สิยายํ ปสโงฺค ปฐมวาเร, ทุติยวาเร ปน วิภชนา เอว สาติ นายํ ปสโงฺค ลพฺภติ, ปฐมวาเรปิ วา นายํ ปสโงฺคฯ กสฺมา? เอสา หิ ยมกสฺส ปกติ, ยทิทํ ยถาลาภวเสน โยชนาฯ

    Kecīti dhammasirittheraṃ sandhāyāha. So hi ‘‘pavatte cittassa bhaṅgakkhaṇe dukkhasaccaṃ nuppajjatī’’ti ettha cittajarūpameva adhippetaṃ cittapaṭibaddhavuttittāti kāraṇaṃ vadati. Apare ‘‘arūpeti imaṃ purimāpekkhampi hotīti tena pavattaṃ visesetvā arūpabhavavasena ayamattho vutto , tasmā ‘yassa vā pana samudayasaccaṃ nirujjhati, tassa dukkhasaccaṃ uppajjatīti? No’tiādīsupi evamattho veditabbo’’ti vadanti. Puggalo na cittaṃ apekkhitvāva gahitoti idaṃ cittassa anadhikatattā vuttaṃ. Yattha pana samudayasaccassa uppādanicchayo, tattheva tassa anuppādanicchayenapi bhavitabbaṃ cittena ca vinā puggalasseva anupalabbhanatoti ‘‘yassa samudayasaccaṃ nuppajjatī’’ti ettha samudayasaccādhāraṃ cittaṃ atthato gahitamevāti sakkā viññātuṃ. Apica indriyabaddhepi na sabbo rūpuppādo ekantena cittuppādādhīnoti sakkā vattuṃ cittuppattiyā vināpi tattha rūpuppattidassanato, tasmā cittajarūpameva cittassa uppādakkhaṇe uppajjati, na itaraṃ, itaraṃ pana tassa tīsupi khaṇesu uppajjatīti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Vibhajitabbā avibhattā nāma natthīti siyāyaṃ pasaṅgo paṭhamavāre, dutiyavāre pana vibhajanā eva sāti nāyaṃ pasaṅgo labbhati, paṭhamavārepi vā nāyaṃ pasaṅgo. Kasmā? Esā hi yamakassa pakati, yadidaṃ yathālābhavasena yojanā.

    ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเนติ เอตฺถ ‘‘ปฐมํ ภวงฺคํ, ทุติยํ จิตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ภวนิกนฺติยา อาวชฺชนมฺปิ วิปากปฺปวตฺติโต วิสทิสตฺตา ‘‘ทุติย’’นฺติ วตฺตุํ สกฺกา, ตโต ปฎฺฐาย ปุเพฺพ ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชิตฺถาติ วตฺตพฺพาติ อปเรฯ ภวนิกนฺติยา ปน สหชาตํ ปฐมํ จิตฺตํ อิธ ทุติยํ จิตฺตนฺติ อธิเปฺปตํฯ ตโต ปุเพฺพ ปวตฺตํ สพฺพํ อพฺยากตภาเวน สมานชาติกตฺตา เอกนฺติ กตฺวา ตโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐา ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชิเตฺถวาติ ฯ เตนาห ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทนา’’ติอาทิฯ ตสฺมินฺติ ทุติเย จิเตฺตฯ เตน สมานคติกตฺตาติ เตน ยถาวุตฺตทุติยจิเตฺตน จ ตํสมงฺคิโน วา ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ สมุทยสจฺจนฺติ วตฺตพฺพภาเวน สมานคติกตฺตาฯ เอวญฺจ กตฺวาติ เตน สมานคติกตาย ทสฺสิตตฺตา เอวฯ ยถาวุตฺตาติ ทุติยากุสลจิตฺตโต ปุริมสพฺพจิตฺตสมงฺคิโน อคฺคหิตา โหนฺติ อิตรภาวาภาวโตฯ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฐนฺตเรน สมเตฺถตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตติ จตุโวการาฯ วเชฺชตพฺพาติ ‘‘อิตเรส’’นฺติ วิเสสเนน นิวเตฺตตพฺพาฯ ปญฺจโวการา วิย ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสาติ ทุติยจิตฺตกฺขณสมงฺคิภาเวน วุตฺตปฺปการา ยถา สุทฺธาวาสสงฺขาตา ปญฺจโวการา ปุเพฺพ วุตฺตา สนฺติ, เอวํ จตุโวการา ปุเพฺพ วุตฺตา น หิ สนฺตีติ โยชนาฯ

    Dutiye citte vattamāneti ettha ‘‘paṭhamaṃ bhavaṅgaṃ, dutiyaṃ citta’’nti vadanti. Bhavanikantiyā āvajjanampi vipākappavattito visadisattā ‘‘dutiya’’nti vattuṃ sakkā, tato paṭṭhāya pubbe tassa tattha samudayasaccaṃ nuppajjitthāti vattabbāti apare. Bhavanikantiyā pana sahajātaṃ paṭhamaṃ cittaṃ idha dutiyaṃ cittanti adhippetaṃ. Tato pubbe pavattaṃ sabbaṃ abyākatabhāvena samānajātikattā ekanti katvā tato paṭṭhāya heṭṭhā tassa tattha samudayasaccaṃ nuppajjitthevāti . Tenāha ‘‘sabbantimena paricchedenā’’tiādi. Tasminti dutiye citte. Tena samānagatikattāti tena yathāvuttadutiyacittena ca taṃsamaṅgino vā dukkhasaccaṃ uppajjittha, no ca samudayasaccanti vattabbabhāvena samānagatikattā. Evañca katvāti tena samānagatikatāya dassitattā eva. Yathāvuttāti dutiyākusalacittato purimasabbacittasamaṅgino aggahitā honti itarabhāvābhāvato. Vuttamevatthaṃ pāṭhantarena samatthetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Teti catuvokārā. Vajjetabbāti ‘‘itaresa’’nti visesanena nivattetabbā. Pañcavokārā viya yathāvuttā suddhāvāsāti dutiyacittakkhaṇasamaṅgibhāvena vuttappakārā yathā suddhāvāsasaṅkhātā pañcavokārā pubbe vuttā santi, evaṃ catuvokārā pubbe vuttā na hi santīti yojanā.

    ‘‘ยสฺส ยตฺถา’’ติ ปุคฺคโลกาสา อาเธยฺยาธารภาเวน อเปกฺขิตาติ อาห ‘‘ปุคฺคโลกาสา อญฺญมญฺญปริจฺฉินฺนา คหิตา’’ติฯ กามาวจเร…เป.… อุปปนฺนาติ เอตฺถ กามาวจเร อภิสเมตาวิโน รูปาวจรํ อุปปนฺนา, รูปาวจเร อภิสเมตาวิโน อรูปาวจรํ อุปปนฺนา, วา-สเทฺทน กามาวจเร อภิสเมตาวิโน อรูปาวจรํ อุปปนฺนาติ จ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถาติ อุปปโนฺนกาเสฯ อภิสมโยติ อุปริมคฺคาภิสมโย ยาว อุปปโนฺน น ภวิสฺสติ, ตาว เต ตตฺถ อุปปนฺนปุคฺคลา เอตฺถ เอตสฺมิํ ‘‘อภิสเมตาวีน’’นฺติอาทินา วุเตฺต ทุติยโกฎฺฐาเส น คยฺหนฺติ ปุคฺคโลกาสานํ อญฺญมญฺญํ ปริจฺฉินฺนตฺตาฯ ยทิ เอวํ กิํ เต อิมสฺมิํ ยมเก อสงฺคหิตาติ อาห ‘‘เต ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘สมานคติกาติ วิสุํ น ทสฺสิตา’’ติ, ตํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘อนภิสเมตาวีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘อนภิสเมตาวีน’’นฺติ อิมินา ปฐมปเทน คหิตา สพฺพตฺถ มคฺคุปฺปตฺติรเห สมฺปตฺติภเว ตตฺถ สุทฺธาวาเส เย อนภิสเมตาวิโน, เตสุ ทฺวิปฺปกาเรสุ สุทฺธาวาสา ยสฺมิํ กาเล ตตฺถ อนภิสเมตาวิโนติ คเหตพฺพา, ตตฺถ เนสํ ตถา คเหตพฺพกาลสฺส วิเสสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเน’’ติ วุตฺตนฺติฯ

    ‘‘Yassa yatthā’’ti puggalokāsā ādheyyādhārabhāvena apekkhitāti āha ‘‘puggalokāsā aññamaññaparicchinnā gahitā’’ti. Kāmāvacare…pe… upapannāti ettha kāmāvacare abhisametāvino rūpāvacaraṃ upapannā, rūpāvacare abhisametāvino arūpāvacaraṃ upapannā, vā-saddena kāmāvacare abhisametāvino arūpāvacaraṃ upapannāti ca yojetabbaṃ. Tatthāti upapannokāse. Abhisamayoti uparimaggābhisamayo yāva upapanno na bhavissati, tāva te tattha upapannapuggalā ettha etasmiṃ ‘‘abhisametāvīna’’ntiādinā vutte dutiyakoṭṭhāse na gayhanti puggalokāsānaṃ aññamaññaṃ paricchinnattā. Yadi evaṃ kiṃ te imasmiṃ yamake asaṅgahitāti āha ‘‘te panā’’tiādi. Tattha yaṃ vuttaṃ ‘‘samānagatikāti visuṃ na dassitā’’ti, taṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘anabhisametāvīna’’ntiādi vuttaṃ. Tassattho – ‘‘anabhisametāvīna’’nti iminā paṭhamapadena gahitā sabbattha magguppattirahe sampattibhave tattha suddhāvāse ye anabhisametāvino, tesu dvippakāresu suddhāvāsā yasmiṃ kāle tattha anabhisametāvinoti gahetabbā, tattha nesaṃ tathā gahetabbakālassa visesanatthaṃ ‘‘suddhāvāsānaṃ dutiye citte vattamāne’’ti vuttanti.

    เอเตนาติ เอเตน วจเนนฯ โวทานจิตฺตํ นาม มคฺคจิตฺตานํ อนนฺตรปจฺจยภูตํ จิตฺตํ, อิธ ปน อคฺคมคฺคจิตฺตสฺสฯ ตโตติ ยถาวุตฺตโวทานจิตฺตโต ปุริมตรจิตฺตสมงฺคิโน, อนุโลมญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคิโน, อวสิฎฺฐวุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาจิตฺตาทิสมงฺคิโนปิฯ เตนาห ‘‘ยาว สพฺพนฺติมตณฺหาสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี, ตาว ทสฺสิตา’’ติฯ

    Etenāti etena vacanena. Vodānacittaṃ nāma maggacittānaṃ anantarapaccayabhūtaṃ cittaṃ, idha pana aggamaggacittassa. Tatoti yathāvuttavodānacittato purimataracittasamaṅgino, anulomañāṇasampayuttacittasamaṅgino, avasiṭṭhavuṭṭhānagāminivipassanācittādisamaṅginopi. Tenāha ‘‘yāva sabbantimataṇhāsampayuttacittasamaṅgī, tāva dassitā’’ti.

    ปฎิสนฺธิจุติจิตฺตานํ ภงฺคุปฺปาทกฺขณา ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคุปฺปาทกฺขเณหิ ทุกฺขสจฺจาทีนํ นุปฺปาทาทีสุ สมานคติกาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปวเตฺต จิตฺตสฺสา’’ติอาทิฯ ตตฺถ จุติจิตฺตสฺสปิ อุปฺปาทกฺขณสฺส คหณํ ทฎฺฐพฺพนฺติ โยชนาฯ ทฺวีสุปิ โกฎฺฐาเสสูติ สมุทยสจฺจสฺส ภาวิโน นิโรธสฺส อปฺปฎิเกฺขปปฎิเกฺขปวเสน ปวเตฺตสุ ปุริมปจฺฉิมโกฎฺฐาเสสุฯ น วิเสสิตนฺติ ยถาวุเตฺต อปฺปฎิเกฺขเป จ สติปิ วิเสเสตฺวา น วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เอกสฺสปิ ปุคฺคลสฺส ตาทิสสฺส มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขณสมงฺคิโน ปุริมโกฎฺฐาสเสฺสว อภชนโต โกฎฺฐาสทฺวยสมฺภวาภาวโตติ อโตฺถฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เกสญฺจิ ปุคฺคลานํฯ นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ ‘‘มคฺคสฺส จ ผลสฺส จา’’ติ วุตฺตมคฺคผลานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘ติณฺณํ ผลานํ ทฺวินฺนญฺจ มคฺคาน’’นฺติ อาหฯ ตานิ ปน เหฎฺฐิมานิ ตีณิ ผลานิ มเชฺฌ จ เทฺว มคฺคา เวทิตพฺพาฯ นิรนฺตรํ อนุปฺปาเทตฺวาติ ปฎิปกฺขธเมฺมหิ อโวกิณฺณํ กตฺวา สห วิปสฺสนาย มคฺคํ อุปฺปาเทเนฺตน ยา สาตจฺจกิริยา กาตพฺพา, ตํ อกตฺวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนฺตรนฺตรา…เป.… อุปฺปาเทตฺวา’’ติฯ ‘‘อรูเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขเณ’’ติ อวิเสสโต วุเตฺต กถมยํ วิเสโส ลพฺภตีติ อาห ‘‘สามญฺญวจเนนปี’’ติอาทิฯ เตน อปวาทวิสยปริยาเยน อุปสคฺคา อภินิวิสนฺตีติ โลกสิโทฺธยํ ญาโยติ ทเสฺสติฯ

    Paṭisandhicuticittānaṃ bhaṅguppādakkhaṇā pavatte cittassa bhaṅguppādakkhaṇehi dukkhasaccādīnaṃ nuppādādīsu samānagatikāti katvā vuttaṃ ‘‘pavatte cittassā’’tiādi. Tattha cuticittassapi uppādakkhaṇassa gahaṇaṃ daṭṭhabbanti yojanā. Dvīsupi koṭṭhāsesūti samudayasaccassa bhāvino nirodhassa appaṭikkhepapaṭikkhepavasena pavattesu purimapacchimakoṭṭhāsesu. Na visesitanti yathāvutte appaṭikkhepe ca satipi visesetvā na vuttanti attho. Ekassapi puggalassa tādisassa maggassa ca phalassa ca bhaṅgakkhaṇasamaṅgino purimakoṭṭhāsasseva abhajanato koṭṭhāsadvayasambhavābhāvatoti attho. Idāni tamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘yassa dukkhasacca’’ntiādi vuttaṃ. Kesañci puggalānaṃ. Niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. ‘‘Maggassa ca phalassa cā’’ti vuttamaggaphalāni dassento ‘‘tiṇṇaṃ phalānaṃ dvinnañca maggāna’’nti āha. Tāni pana heṭṭhimāni tīṇi phalāni majjhe ca dve maggā veditabbā. Nirantaraṃ anuppādetvāti paṭipakkhadhammehi avokiṇṇaṃ katvā saha vipassanāya maggaṃ uppādentena yā sātaccakiriyā kātabbā, taṃ akatvāti attho. Tenāha ‘‘antarantarā…pe… uppādetvā’’ti. ‘‘Arūpe maggassa ca phalassa ca bhaṅgakkhaṇe’’ti avisesato vutte kathamayaṃ viseso labbhatīti āha ‘‘sāmaññavacanenapī’’tiādi. Tena apavādavisayapariyāyena upasaggā abhinivisantīti lokasiddhoyaṃ ñāyoti dasseti.

    ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา

    3. Pariññāvāravaṇṇanā

    ๑๖๕-๑๗๐. เอเตฺถวาติ อิมสฺมิํ สจฺจยมเก เอวฯ อปริเญฺญยฺยตาทสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ -กาโร น ปริเญฺญยฺยาภาววจโน, นาปิ ปริเญฺญยฺยปฎิปกฺขวจโน, อถ โข ตทญฺญวจโนติ ยถารหํ สเจฺจสุ ลพฺภมานานํ ปหาตพฺพตาทีนมฺปิ ทสฺสเน อาปเนฺนเยว สมยวาโร ทสฺสนปโร, เยสญฺจ น ทสฺสนปโร, เตสุ เกสุจิ สเจฺจสุ ลพฺภมานานมฺปิ เกสญฺจิ วิเสสานํ อยํ วาโร น ทสฺสนปโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สจฺฉิกรณ…เป.… ทสฺสนตฺถญฺจา’’ติ อาหฯ สมุทเย ปหานปริญฺญาว วุตฺตา, น ตีรณปริญฺญาติ ยุตฺตํ ตาเวตํ สมุทยสฺสปิ ตีเรตพฺพสภาวตฺตา, ‘‘ทุเกฺข ตีรณปริญฺญาว วุตฺตา, น ปหานปริญฺญา’’ติ อิทํ ปน กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ทุกฺขํ อปฺปหาตพฺพเมวาติ? สมุทยสจฺจวิภเงฺค วุตฺตานํ เกสญฺจิ สมุทยโกฎฺฐาสานํ ทุกฺขสเจฺจ สงฺคหณโต ทุกฺขสมุทเย วา อสงฺกรโตว คเหตฺวา ภูตกถนเมตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อุภยตฺถาติ ทุเกฺข สมุทเย จ วุตฺตาฯ กสฺมา? เตสํ สาธารณาติฯ เอวํ สาธารณาสาธารณเภทภินฺนํ ยถาวุตฺตํ ปริญฺญากิจฺจํ ปุพฺพภาเค นานกฺขเณ ลพฺภมานมฺปิ มคฺคกาเล เอกกฺขเณ เอว ลพฺภติ เอกญาณกิจฺจตฺตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคญาณญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    165-170. Etthevāti imasmiṃ saccayamake eva. Apariññeyyatādassanatthanti ettha a-kāro na pariññeyyābhāvavacano, nāpi pariññeyyapaṭipakkhavacano, atha kho tadaññavacanoti yathārahaṃ saccesu labbhamānānaṃ pahātabbatādīnampi dassane āpanneyeva samayavāro dassanaparo, yesañca na dassanaparo, tesu kesuci saccesu labbhamānānampi kesañci visesānaṃ ayaṃ vāro na dassanaparoti dassento ‘‘sacchikaraṇa…pe… dassanatthañcā’’ti āha. Samudaye pahānapariññāva vuttā, na tīraṇapariññāti yuttaṃ tāvetaṃ samudayassapi tīretabbasabhāvattā, ‘‘dukkhe tīraṇapariññāvavuttā, na pahānapariññā’’ti idaṃ pana kasmā vuttaṃ, nanu dukkhaṃ appahātabbamevāti? Samudayasaccavibhaṅge vuttānaṃ kesañci samudayakoṭṭhāsānaṃ dukkhasacce saṅgahaṇato dukkhasamudaye vā asaṅkaratova gahetvā bhūtakathanametaṃ daṭṭhabbaṃ. Ubhayatthāti dukkhe samudaye ca vuttā. Kasmā? Tesaṃ sādhāraṇāti. Evaṃ sādhāraṇāsādhāraṇabhedabhinnaṃ yathāvuttaṃ pariññākiccaṃ pubbabhāge nānakkhaṇe labbhamānampi maggakāle ekakkhaṇe eva labbhati ekañāṇakiccattāti dassetuṃ ‘‘maggañāṇañhī’’tiādi vuttaṃ.

    ปริญฺญาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariññāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สจฺจยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๕. สจฺจยมกํ • 5. Saccayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact