Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
สจฺฉิกาตพฺพนิเทฺทสวณฺณนา
Sacchikātabbaniddesavaṇṇanā
๒๙. สจฺฉิกาตพฺพนิเทฺทเส ทส เอกุตฺตรวิสฺสชฺชนานิ ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาวเสน วุตฺตานิฯ ตตฺถ อกุปฺปา เจโตวิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติฯ สา หิ น กุปฺปติ น จลติ น ปริหายตีติ อกุปฺปา, สพฺพกิเลเสหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺตีติ วุจฺจติฯ วิชฺชาติ ติโสฺส วิชฺชาฯ วิมุตฺตีติ ทสุตฺตรปริยาเยน อรหตฺตผลํ วุตฺตํ, สงฺคีติปริยาเยน ปน ‘‘วิมุตฺตีติ เทฺว วิมุตฺติโย จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺติ นิพฺพานญฺจา’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๔) วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อฎฺฐ สมาปตฺติโย นีวรณาทีหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติ นาม, นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตโต วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติ นามฯ ติโสฺส วิชฺชาติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ วิชฺชา สตฺตานํ จุตูปปาเต ญาณํ วิชฺชา อาสวานํ ขเย ญาณํ วิชฺชาฯ ตมวิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชา, วิทิตกรณเฎฺฐนาปิ วิชฺชาฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณญฺหิ อุปฺปชฺชมานํ ปุเพฺพนิวาสํ ฉาเทตฺวา ฐิตํ ตมํ วิชฺฌติ, ปุเพฺพนิวาสญฺจ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ จุตูปปาเต ญาณํ จุติปฎิสนฺธิจฺฉาทกํ ตมํ วิชฺฌติ, จุตูปปาตญฺจ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ อาสวานํ ขเย ญาณํ จตุสจฺจจฺฉาทกํ ตมํ วิชฺฌติ, จตุสจฺจธเมฺม จ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ จตฺตาริ สามญฺญผลานีติ โสตาปตฺติผลํ, สกทาคามิผลํ, อนาคามิผลํ, อรหตฺตผลํฯ ปาปธเมฺม สเมติ วินาเสตีติ สมโณ, สมณสฺส ภาโว สามญฺญํฯ จตุนฺนํ อริยมคฺคานเมตํ นามํฯ สามญฺญสฺส ผลานิ สามญฺญผลานิฯ
29. Sacchikātabbaniddese dasa ekuttaravissajjanāni paṭilābhasacchikiriyāvasena vuttāni. Tattha akuppā cetovimuttīti arahattaphalavimutti. Sā hi na kuppati na calati na parihāyatīti akuppā, sabbakilesehi cittassa vimuttattā cetovimuttīti vuccati. Vijjāti tisso vijjā. Vimuttīti dasuttarapariyāyena arahattaphalaṃ vuttaṃ, saṅgītipariyāyena pana ‘‘vimuttīti dve vimuttiyo cittassa ca adhimutti nibbānañcā’’ti (dī. ni. aṭṭha. 3.304) vuttaṃ. Ettha ca aṭṭha samāpattiyo nīvaraṇādīhi suṭṭhu vimuttattā vimutti nāma, nibbānaṃ sabbasaṅkhatato vimuttattā vimutti nāma. Tisso vijjāti pubbenivāsānussatiñāṇaṃ vijjā sattānaṃ cutūpapāte ñāṇaṃ vijjā āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ vijjā. Tamavijjhanaṭṭhena vijjā, viditakaraṇaṭṭhenāpi vijjā. Pubbenivāsānussatiñāṇañhi uppajjamānaṃ pubbenivāsaṃ chādetvā ṭhitaṃ tamaṃ vijjhati, pubbenivāsañca viditaṃ karotīti vijjā. Cutūpapāte ñāṇaṃ cutipaṭisandhicchādakaṃ tamaṃ vijjhati, cutūpapātañca viditaṃ karotīti vijjā. Āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ catusaccacchādakaṃ tamaṃ vijjhati, catusaccadhamme ca viditaṃ karotīti vijjā. Cattāri sāmaññaphalānīti sotāpattiphalaṃ, sakadāgāmiphalaṃ, anāgāmiphalaṃ, arahattaphalaṃ. Pāpadhamme sameti vināsetīti samaṇo, samaṇassa bhāvo sāmaññaṃ. Catunnaṃ ariyamaggānametaṃ nāmaṃ. Sāmaññassa phalāni sāmaññaphalāni.
ปญฺจ ธมฺมกฺขนฺธาติ สีลกฺขโนฺธ, สมาธิกฺขโนฺธ, ปญฺญากฺขโนฺธ, วิมุตฺติกฺขโนฺธ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขโนฺธฯ ธมฺมกฺขนฺธาติ ธมฺมวิภาคา ธมฺมโกฎฺฐาสาฯ สีลกฺขนฺธาทีสุปิ เอเสว นโยฯ โลกิยโลกุตฺตรา สีลสมาธิปญฺญา เอว สีลสมาธิปญฺญากฺขนฺธา ฯ สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติโย เอว วิมุตฺติกฺขโนฺธฯ ติวิธา วิมุตฺติปจฺจเวกฺขณา เอว วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขโนฺธฯ โส โลกิโย เอวฯ ชานนเฎฺฐน ญาณเมว ทสฺสนเฎฺฐน ทสฺสนนฺติ ญาณทสฺสนํ, วิมุตฺตีนํ ญาณทสฺสนํ วิมุตฺติญาณทสฺสนนฺติ วุจฺจติฯ วิกฺขมฺภนตทงฺควิมุตฺติโย ปน สมาธิปญฺญากฺขเนฺธเหว สงฺคหิตาฯ อิเม ปญฺจ ธมฺมกฺขนฺธา เสกฺขานํ เสกฺขา, อเสกฺขานํ อเสกฺขาติ วุตฺตาฯ เอเตสุ หิ โลกิยา จ นิสฺสรณวิมุตฺติ จ เนวเสกฺขานาเสกฺขาฯ เสกฺขา โหนฺตาปิ เสกฺขานํ อิเม อิติ เสกฺขา, อเสกฺขานํ อิเม อิติ อเสกฺขาติ วุจฺจนฺติฯ ‘‘เสเกฺขน วิมุตฺติกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ เอตฺถ ปน นิสฺสรณวิมุตฺติยา อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคโตติ เวทิตโพฺพฯ ฉ อภิญฺญาติ ฉ อธิกานิ ญาณานิฯ กตมา ฉ? อิทฺธิวิธญาณํ , ทิพฺพโสตธาตุญาณํ, ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ, เจโตปริยญาณํ, ทิพฺพจกฺขุญาณํ, อาสวานํ ขเย ญาณนฺติ อิมา ฉฯ
Pañca dhammakkhandhāti sīlakkhandho, samādhikkhandho, paññākkhandho, vimuttikkhandho, vimuttiñāṇadassanakkhandho. Dhammakkhandhāti dhammavibhāgā dhammakoṭṭhāsā. Sīlakkhandhādīsupi eseva nayo. Lokiyalokuttarā sīlasamādhipaññā eva sīlasamādhipaññākkhandhā . Samucchedapaṭippassaddhinissaraṇavimuttiyo eva vimuttikkhandho. Tividhā vimuttipaccavekkhaṇā eva vimuttiñāṇadassanakkhandho. So lokiyo eva. Jānanaṭṭhena ñāṇameva dassanaṭṭhena dassananti ñāṇadassanaṃ, vimuttīnaṃ ñāṇadassanaṃ vimuttiñāṇadassananti vuccati. Vikkhambhanatadaṅgavimuttiyo pana samādhipaññākkhandheheva saṅgahitā. Ime pañca dhammakkhandhā sekkhānaṃ sekkhā, asekkhānaṃ asekkhāti vuttā. Etesu hi lokiyā ca nissaraṇavimutti ca nevasekkhānāsekkhā. Sekkhā hontāpi sekkhānaṃ ime iti sekkhā, asekkhānaṃ ime iti asekkhāti vuccanti. ‘‘Sekkhena vimuttikkhandhena samannāgato hotī’’ti ettha pana nissaraṇavimuttiyā ārammaṇakaraṇavasena samannāgatoti veditabbo. Cha abhiññāti cha adhikāni ñāṇāni. Katamā cha? Iddhividhañāṇaṃ , dibbasotadhātuñāṇaṃ, pubbenivāsānussatiñāṇaṃ, cetopariyañāṇaṃ, dibbacakkhuñāṇaṃ, āsavānaṃ khaye ñāṇanti imā cha.
สตฺต ขีณาสวพลานีติ ขีณา อาสวา อสฺสาติ ขีณาสโว, ขีณาสวสฺส พลานิ ขีณาสวพลานิฯ กตมานิ สตฺต? วุตฺตานิ ภควตา –
Satta khīṇāsavabalānīti khīṇā āsavā assāti khīṇāsavo, khīṇāsavassa balāni khīṇāsavabalāni. Katamāni satta? Vuttāni bhagavatā –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สเพฺพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อนิจฺจโต สเพฺพ สงฺขารา ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติ, อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฎิชานาติ ‘ขีณา เม อาสวา’ติฯ
‘‘Idha, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno aniccato sabbe saṅkhārā yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti. Yampi, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno aniccato sabbe saṅkhārā yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti, idampi, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma khīṇāsavo bhikkhu āsavānaṃ khayaṃ paṭijānāti ‘khīṇā me āsavā’ti.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน องฺคารกาสูปมา กามาติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ ยมฺปิ, ภิกฺขเว…เป.… อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ…เป.…ฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno aṅgārakāsūpamā kāmāti yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhā honti. Yampi, bhikkhave…pe… idampi khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti…pe….
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภารํ วิเวกฎฺฐํ เนกฺขมฺมาภิรตํ พฺยนฺตีภูตํ สพฺพโส อาสวฎฺฐานิเยหิ ธเมฺมหิฯ ยมฺปิ, ภิกฺขเว…เป.… อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ…เป.…ฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno vivekaninnaṃ cittaṃ hoti vivekapoṇaṃ vivekapabbhāraṃ vivekaṭṭhaṃ nekkhammābhirataṃ byantībhūtaṃ sabbaso āsavaṭṭhāniyehi dhammehi. Yampi, bhikkhave…pe… idampi khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti…pe….
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตาฯ ปญฺจินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ โหนฺติ สุภาวิตานิฯ สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา โหนฺติ สุภาวิตาฯ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวิโต โหติ สุภาวิโตฯ ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวิโต โหติ สุภาวิโต, อิทมฺปิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน พลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ขีณาสโว ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปฎิชานาติ ‘ขีณา เม อาสวา’’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๙๐; ที. นิ. ๓.๓๕๗; ปฎิ. ม. ๒.๔๔)ฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā honti subhāvitā. Pañcindriyāni bhāvitāni honti subhāvitāni. Satta bojjhaṅgā bhāvitā honti subhāvitā. Ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvito hoti subhāvito. Yampi, bhikkhave, khīṇāsavassa bhikkhuno ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvito hoti subhāvito, idampi khīṇāsavassa bhikkhuno balaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma khīṇāsavo bhikkhu āsavānaṃ khayaṃ paṭijānāti ‘khīṇā me āsavā’’’ti (a. ni. 10.90; dī. ni. 3.357; paṭi. ma. 2.44).
ตตฺถ ปฐเมน พเลน ทุกฺขสจฺจปฎิเวโธ, ทุติเยน สมุทยสจฺจปฎิเวโธ, ตติเยน นิโรธสจฺจปฎิเวโธ, จตูหิ มคฺคสจฺจปฎิเวโธ ปกาสิโต โหติฯ
Tattha paṭhamena balena dukkhasaccapaṭivedho, dutiyena samudayasaccapaṭivedho, tatiyena nirodhasaccapaṭivedho, catūhi maggasaccapaṭivedho pakāsito hoti.
อฎฺฐ วิโมกฺขาติ อารมฺมเณ อธิมุจฺจนเฎฺฐน ปจฺจนีกธเมฺมหิ จ สุฎฺฐุ มุจฺจนเฎฺฐน วิโมกฺขาฯ ‘‘กตเม อฎฺฐ? รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ปฐโม วิโมโกฺขฯ อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ทุติโย วิโมโกฺขฯ ‘สุภ’เนฺตว อธิมุโตฺต โหติ, อยํ ตติโย วิโมโกฺขฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ จตุโตฺถ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ปญฺจโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ฉโฎฺฐ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ สตฺตโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฎฺฐโม วิโมโกฺข’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๔; ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๖๖)ฯ
Aṭṭha vimokkhāti ārammaṇe adhimuccanaṭṭhena paccanīkadhammehi ca suṭṭhu muccanaṭṭhena vimokkhā. ‘‘Katame aṭṭha? Rūpī rūpāni passati, ayaṃ paṭhamo vimokkho. Ajjhattaṃ arūpasaññī bahiddhā rūpāni passati, ayaṃ dutiyo vimokkho. ‘Subha’nteva adhimutto hoti, ayaṃ tatiyo vimokkho. Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ catuttho vimokkho. Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ pañcamo vimokkho. Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ chaṭṭho vimokkho. Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ sattamo vimokkho. Sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati, ayaṃ aṭṭhamo vimokkho’’ti (dī. ni. 2.174; 3.358; a. ni. 8.66).
นว อนุปุพฺพนิโรธาติ นว อนุปฎิปาฎิยา นิโรธาฯ ‘‘กตเม นว? ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส กามสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา นิรุทฺธา โหนฺติ, ตติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปีติ นิรุทฺธา โหติ, จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสา นิรุทฺธา โหนฺติ, อากาสานญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส รูปสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส อากาสานญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติ, สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สญฺญา จ เวทนา จ นิรุทฺธา โหนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๑; ที. นิ. ๓.๓๔๔, ๓๕๙)ฯ
Nava anupubbanirodhāti nava anupaṭipāṭiyā nirodhā. ‘‘Katame nava? Paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassa kāmasaññā niruddhā hoti, dutiyaṃ jhānaṃ samāpannassa vitakkavicārā niruddhā honti, tatiyaṃ jhānaṃ samāpannassa pīti niruddhā hoti, catutthaṃ jhānaṃ samāpannassa assāsapassāsā niruddhā honti, ākāsānañcāyatanaṃ samāpannassa rūpasaññā niruddhā hoti, viññāṇañcāyatanaṃ samāpannassa ākāsānañcāyatanasaññā niruddhā hoti, ākiñcaññāyatanaṃ samāpannassa viññāṇañcāyatanasaññā niruddhā hoti, nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpannassa ākiñcaññāyatanasaññā niruddhā hoti, saññāvedayitanirodhaṃ samāpannassa saññā ca vedanā ca niruddhā hontī’’ti (a. ni. 9.31; dī. ni. 3.344, 359).
ทส อเสกฺขา ธมฺมาติ อุปริ สิกฺขิตพฺพาภาวโต น สิกฺขนฺตีติ อเสกฺขาฯ อถ วา ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขนฺตีติ เสกฺขา, วุทฺธิปฺปตฺตา เสกฺขาติ อเสกฺขา, อรหโนฺตฯ อเสกฺขานํ อิเม อิติ อเสกฺขาฯ ‘‘กตเม ทส? อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐิ, อเสโกฺข สมฺมาสงฺกโปฺป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสโกฺข สมฺมากมฺมโนฺต, อเสโกฺข สมฺมาอาชีโว, อเสโกฺข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสโกฺข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาญาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐)ฯ อเสกฺขํ สมฺมาญาณนฺติ อรหตฺตผลปญฺญํ ฐเปตฺวา เสสโลกิยปญฺญาฯ สมฺมาวิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติฯ อฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๔๘) ปน วุตฺตํ –
Dasa asekkhā dhammāti upari sikkhitabbābhāvato na sikkhantīti asekkhā. Atha vā tīsu sikkhāsu sikkhantīti sekkhā, vuddhippattā sekkhāti asekkhā, arahanto. Asekkhānaṃ ime iti asekkhā. ‘‘Katame dasa? Asekkhā sammādiṭṭhi, asekkho sammāsaṅkappo, asekkhā sammāvācā, asekkho sammākammanto, asekkho sammāājīvo, asekkho sammāvāyāmo, asekkhā sammāsati, asekkho sammāsamādhi, asekkhaṃ sammāñāṇaṃ, asekkhā sammāvimuttī’’ti (dī. ni. 3.348, 360). Asekkhaṃ sammāñāṇanti arahattaphalapaññaṃ ṭhapetvā sesalokiyapaññā. Sammāvimuttīti arahattaphalavimutti. Aṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.348) pana vuttaṃ –
‘‘อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐีติอาทโย สเพฺพปิ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา เอวฯ เอตฺถ จ สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาญาณนฺติ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปญฺญาว กถิตาฯ สมฺมาวิมุตฺตีติ อิมินา ปน ปเทน วุตฺตาวเสสา ผลสมาปตฺติธมฺมา สงฺคหิตา’’ติฯ
‘‘Asekkhā sammādiṭṭhītiādayo sabbepi phalasampayuttadhammā eva. Ettha ca sammādiṭṭhi sammāñāṇanti dvīsu ṭhānesu paññāva kathitā. Sammāvimuttīti iminā pana padena vuttāvasesā phalasamāpattidhammā saṅgahitā’’ti.
สพฺพํ, ภิกฺขเว, สจฺฉิกาตพฺพนฺติอาทีสุ อารมฺมณสจฺฉิกิริยา เวทิตพฺพาฯ รูปํ ปสฺสโนฺต สจฺฉิกโรตีติอาทีสุ รูปาทีนิ โลกิยานิ ปสฺสิตพฺพากาเรน ปสฺสโนฺต ตาเนว รูปาทีนิ อารมฺมณสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกโรติ, รูปาทีนิ วา ปสฺสิตพฺพากาเรน ปสฺสโนฺต เตน เหตุนา สจฺฉิกาตพฺพํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติฯ ปสฺสโนฺตติ หิ ปทํ เหตุอเตฺถปิ อกฺขรจินฺตกา อิจฺฉนฺติฯ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยาทีนิ ปน โลกุตฺตรานิ ปจฺจเวกฺขณวเสน ปสฺสโนฺต ตาเนว อารมฺมณสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกโรติฯ ‘‘อมโตคธํ นิพฺพานํ ปริโยสานเฎฺฐน สจฺฉิกโรตี’’ติ อิทํ ปริเญฺญยฺยปหาตพฺพสจฺฉิกาตพฺพภาเวตเพฺพสุ สจฺฉิกาตพฺพตฺตา อุชุกเมวฯ เย เย ธมฺมา สจฺฉิกตา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา ผสฺสิตา โหนฺตีติ อารมฺมณสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกตา อารมฺมณผเสฺสน ผุฎฺฐา โหนฺติ, ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกตา ปฎิลาภผเสฺสน ผุฎฺฐา โหนฺตีติฯ
Sabbaṃ, bhikkhave, sacchikātabbantiādīsu ārammaṇasacchikiriyā veditabbā. Rūpaṃ passanto sacchikarotītiādīsu rūpādīni lokiyāni passitabbākārena passanto tāneva rūpādīni ārammaṇasacchikiriyāya sacchikaroti, rūpādīni vā passitabbākārena passanto tena hetunā sacchikātabbaṃ nibbānaṃ sacchikaroti. Passantoti hi padaṃ hetuatthepi akkharacintakā icchanti. Anaññātaññassāmītindriyādīni pana lokuttarāni paccavekkhaṇavasena passanto tāneva ārammaṇasacchikiriyāya sacchikaroti. ‘‘Amatogadhaṃ nibbānaṃ pariyosānaṭṭhena sacchikarotī’’ti idaṃ pariññeyyapahātabbasacchikātabbabhāvetabbesu sacchikātabbattā ujukameva. Ye ye dhammā sacchikatā honti, te te dhammā phassitā hontīti ārammaṇasacchikiriyāya sacchikatā ārammaṇaphassena phuṭṭhā honti, paṭilābhasacchikiriyāya sacchikatā paṭilābhaphassena phuṭṭhā hontīti.
สจฺฉิกาตพฺพนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sacchikātabbaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso