Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๕. สเจตนสุตฺตํ

    5. Sacetanasuttaṃ

    ๑๕. เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    15. Ekaṃ samayaṃ bhagavā bārāṇasiyaṃ viharati isipatane migadāye. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ สเจตโน 1 นามฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามเนฺตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติฯ สกฺขิสฺสสิ 2 เม, สมฺม รถการ, นวํ จกฺกยุคํ กาตุ’นฺติ? ‘สโกฺกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร รโญฺญ สเจตนสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฎฺฐาเปสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามเนฺตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ, นิฎฺฐิตํ นวํ จกฺกยุค’นฺติ? ‘อิเมหิ โข, เทว, ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฎฺฐิต’นฺติฯ ‘สกฺขิสฺสสิ ปน เม, สมฺม รถการ, อิเมหิ ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฎฺฐาเปตุ’นฺติ? ‘สโกฺกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฎฺฐาเปตฺวา นวํ จกฺกยุคํ อาทาย เยน ราชา สเจตโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ สเจตนํ เอตทโวจ – ‘อิทํ เต, เทว, นวํ จกฺกยุคํ นิฎฺฐิต’นฺติฯ ‘ยญฺจ เต อิทํ, สมฺม รถการ, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ยญฺจ เต อิทํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฎฺฐิตํ, อิเมสํ กิํ นานากรณํ? เนสาหํ กิญฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’ติฯ ‘อเตฺถสํ, เทว, นานากรณํฯ ปสฺสตุ เทโว นานากรณ’’’นฺติฯ

    ‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā ahosi sacetano 3 nāma. Atha kho, bhikkhave, rājā sacetano rathakāraṃ āmantesi – ‘ito me, samma rathakāra, channaṃ māsānaṃ accayena saṅgāmo bhavissati. Sakkhissasi 4 me, samma rathakāra, navaṃ cakkayugaṃ kātu’nti? ‘Sakkomi devā’ti kho, bhikkhave, rathakāro rañño sacetanassa paccassosi. Atha kho, bhikkhave, rathakāro chahi māsehi chārattūnehi ekaṃ cakkaṃ niṭṭhāpesi. Atha kho, bhikkhave, rājā sacetano rathakāraṃ āmantesi – ‘ito me, samma rathakāra, channaṃ divasānaṃ accayena saṅgāmo bhavissati, niṭṭhitaṃ navaṃ cakkayuga’nti? ‘Imehi kho, deva, chahi māsehi chārattūnehi ekaṃ cakkaṃ niṭṭhita’nti. ‘Sakkhissasi pana me, samma rathakāra, imehi chahi divasehi dutiyaṃ cakkaṃ niṭṭhāpetu’nti? ‘Sakkomi devā’ti kho, bhikkhave, rathakāro chahi divasehi dutiyaṃ cakkaṃ niṭṭhāpetvā navaṃ cakkayugaṃ ādāya yena rājā sacetano tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ sacetanaṃ etadavoca – ‘idaṃ te, deva, navaṃ cakkayugaṃ niṭṭhita’nti. ‘Yañca te idaṃ, samma rathakāra, cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehi yañca te idaṃ cakkaṃ chahi divasehi niṭṭhitaṃ, imesaṃ kiṃ nānākaraṇaṃ? Nesāhaṃ kiñci nānākaraṇaṃ passāmī’ti. ‘Atthesaṃ, deva, nānākaraṇaṃ. Passatu devo nānākaraṇa’’’nti.

    ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฎฺฐิตํ ตํ ปวเตฺตสิฯ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติฯ ยํ ปน ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวเตฺตสิฯ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสิฯ

    ‘‘Atha kho, bhikkhave, rathakāro yaṃ taṃ cakkaṃ chahi divasehi niṭṭhitaṃ taṃ pavattesi. Taṃ pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā ciṅgulāyitvā bhūmiyaṃ papati. Yaṃ pana taṃ cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehi taṃ pavattesi. Taṃ pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsi.

    ‘‘‘โก นุ โข, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ 5 จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฎฺฐิตํ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ? โก ปน, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสี’ติ? ‘ยมิทํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฎฺฐิตํ ตสฺส เนมิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, อราปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, นาภิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวาฯ ตํ เนมิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, อรานมฺปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, นาภิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติฯ ยํ ปน ตํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตสฺส เนมิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, อราปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, นาภิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวาฯ ตํ เนมิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, อรานมฺปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, นาภิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko nu kho, samma rathakāra, hetu ko paccayo yamidaṃ 6 cakkaṃ chahi divasehi niṭṭhitaṃ taṃ pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā ciṅgulāyitvā bhūmiyaṃ papati? Ko pana, samma rathakāra, hetu ko paccayo yamidaṃ cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehi taṃ pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsī’ti? ‘Yamidaṃ, deva, cakkaṃ chahi divasehi niṭṭhitaṃ tassa nemipi savaṅkā sadosā sakasāvā, arāpi savaṅkā sadosā sakasāvā, nābhipi savaṅkā sadosā sakasāvā. Taṃ nemiyāpi savaṅkattā sadosattā sakasāvattā, arānampi savaṅkattā sadosattā sakasāvattā, nābhiyāpi savaṅkattā sadosattā sakasāvattā pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā ciṅgulāyitvā bhūmiyaṃ papati. Yaṃ pana taṃ, deva, cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehi tassa nemipi avaṅkā adosā akasāvā, arāpi avaṅkā adosā akasāvā, nābhipi avaṅkā adosā akasāvā. Taṃ nemiyāpi avaṅkattā adosattā akasāvattā, arānampi avaṅkattā adosattā akasāvattā, nābhiyāpi avaṅkattā adosattā akasāvattā pavattitaṃ samānaṃ yāvatikā abhisaṅkhārassa gati tāvatikaṃ gantvā akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsī’’’ti.

    ‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อโญฺญ นูน เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสี’ติ! น โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ อหํ เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสิํฯ ตทาหํ, ภิกฺขเว, กุสโล ทารุวงฺกานํ ทารุโทสานํ ทารุกสาวานํฯ เอตรหิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กุสโล กายวงฺกานํ กายโทสานํ กายกสาวานํ, กุสโล วจีวงฺกานํ วจีโทสานํ วจีกสาวานํ, กุสโล มโนวงฺกานํ มโนโทสานํ มโนกสาวานํฯ ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวโงฺก อปฺปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวโงฺก อปฺปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวโงฺก อปฺปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว, เอวํ ปปติตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมา ธมฺมวินยา, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฎฺฐิตํฯ

    ‘‘Siyā kho pana, bhikkhave, tumhākaṃ evamassa – ‘añño nūna tena samayena so rathakāro ahosī’ti! Na kho panetaṃ, bhikkhave, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Ahaṃ tena samayena so rathakāro ahosiṃ. Tadāhaṃ, bhikkhave, kusalo dāruvaṅkānaṃ dārudosānaṃ dārukasāvānaṃ. Etarahi kho panāhaṃ, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho kusalo kāyavaṅkānaṃ kāyadosānaṃ kāyakasāvānaṃ, kusalo vacīvaṅkānaṃ vacīdosānaṃ vacīkasāvānaṃ, kusalo manovaṅkānaṃ manodosānaṃ manokasāvānaṃ. Yassa kassaci, bhikkhave, bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā kāyavaṅko appahīno kāyadoso kāyakasāvo, vacīvaṅko appahīno vacīdoso vacīkasāvo, manovaṅko appahīno manodoso manokasāvo, evaṃ papatitā te, bhikkhave, imasmā dhammavinayā, seyyathāpi taṃ cakkaṃ chahi divasehi niṭṭhitaṃ.

    ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวโงฺก ปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวโงฺก ปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวโงฺก ปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว , เอวํ ปติฎฺฐิตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิฯ

    ‘‘Yassa kassaci, bhikkhave, bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā kāyavaṅko pahīno kāyadoso kāyakasāvo, vacīvaṅko pahīno vacīdoso vacīkasāvo, manovaṅko pahīno manodoso manokasāvo , evaṃ patiṭṭhitā te, bhikkhave, imasmiṃ dhammavinaye, seyyathāpi taṃ cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehi.

    ‘‘ตสฺมาติห , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กายวงฺกํ ปชหิสฺสาม กายโทสํ กายกสาวํ, วจีวงฺกํ ปชหิสฺสาม วจีโทสํ วจีกสาวํ, มโนวงฺกํ ปชหิสฺสาม มโนโทสํ มโนกสาว’นฺติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ปญฺจมํฯ

    ‘‘Tasmātiha , bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘kāyavaṅkaṃ pajahissāma kāyadosaṃ kāyakasāvaṃ, vacīvaṅkaṃ pajahissāma vacīdosaṃ vacīkasāvaṃ, manovaṅkaṃ pajahissāma manodosaṃ manokasāva’nti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabba’’nti. Pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. ปเจตโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. สกฺขสิ (สฺยา. กํ. ปี.)
    3. pacetano (sī. syā. kaṃ. pī.)
    4. sakkhasi (syā. kaṃ. pī.)
    5. ยทิทํ (ก.)
    6. yadidaṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕. สเจตนสุตฺตวณฺณนา • 5. Sacetanasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. สเจตนสุตฺตวณฺณนา • 5. Sacetanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact