Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
2. Dutiyapaṇṇāsakaṃ
(๖) ๑. สจิตฺตวโคฺค
(6) 1. Sacittavaggo
๑. สจิตฺตสุตฺตํ
1. Sacittasuttaṃ
๕๑. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
51. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ 1 – เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘No ce, bhikkhave, bhikkhu paracittapariyāyakusalo hoti, atha ‘sacittapariyāyakusalo bhavissāmī’ti 2 – evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อเจฺฉ วา อุทกปเตฺต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติฯ โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา 3 โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ – ‘อภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิโทฺธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ , อุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิโจฺฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิโจฺฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, โกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อโกฺกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฎฺฐจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ , สารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามี’ติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu sacittapariyāyakusalo hoti? Seyyathāpi, bhikkhave, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko ādāse vā parisuddhe pariyodāte acche vā udakapatte sakaṃ mukhanimittaṃ paccavekkhamāno sace tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamati. No ce tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tenevattamano hoti paripuṇṇasaṅkappo – ‘lābhā vata me, parisuddhaṃ vata me’ti. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno paccavekkhaṇā bahukārā 4 hoti kusalesu dhammesu – ‘abhijjhālu nu kho bahulaṃ viharāmi, anabhijjhālu nu kho bahulaṃ viharāmi, byāpannacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, abyāpannacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, thinamiddhapariyuṭṭhito nu kho bahulaṃ viharāmi, vigatathinamiddho nu kho bahulaṃ viharāmi , uddhato nu kho bahulaṃ viharāmi, anuddhato nu kho bahulaṃ viharāmi, vicikiccho nu kho bahulaṃ viharāmi, tiṇṇavicikiccho nu kho bahulaṃ viharāmi, kodhano nu kho bahulaṃ viharāmi, akkodhano nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃkiliṭṭhacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, asaṃkiliṭṭhacitto nu kho bahulaṃ viharāmi , sāraddhakāyo nu kho bahulaṃ viharāmi, asāraddhakāyo nu kho bahulaṃ viharāmi, kusīto nu kho bahulaṃ viharāmi, āraddhavīriyo nu kho bahulaṃ viharāmi, asamāhito nu kho bahulaṃ viharāmi, samāhito nu kho bahulaṃ viharāmī’ti.
‘‘สเจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิโตฺต พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิโต พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิโจฺฉ พหุลํ วิหรามิ, โกธโน พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฎฺฐจิโตฺต พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วาฯ ตเสฺสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทญฺจ วายามญฺจ อุสฺสาหญฺจ อุโสฺสฬฺหิญฺจ อปฺปฎิวานิญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ กเรยฺยฯ เอวเมวํ โข เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ
‘‘Sace , bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘abhijjhālu bahulaṃ viharāmi, byāpannacitto bahulaṃ viharāmi, thinamiddhapariyuṭṭhito bahulaṃ viharāmi, uddhato bahulaṃ viharāmi, vicikiccho bahulaṃ viharāmi, kodhano bahulaṃ viharāmi, saṃkiliṭṭhacitto bahulaṃ viharāmi, sāraddhakāyo bahulaṃ viharāmi, kusīto bahulaṃ viharāmi, asamāhito bahulaṃ viharāmī’ti, tena, bhikkhave, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. Seyyathāpi, bhikkhave, ādittacelo vā ādittasīso vā. Tasseva celassa vā sīsassa vā nibbāpanāya adhimattaṃ chandañca vāyāmañca ussāhañca ussoḷhiñca appaṭivāniñca satiñca sampajaññañca kareyya. Evamevaṃ kho tena, bhikkhave, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิโทฺธ พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิโจฺฉ พหุลํ วิหรามิ, อโกฺกธโน พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘anabhijjhālu bahulaṃ viharāmi, abyāpannacitto bahulaṃ viharāmi, vigatathinamiddho bahulaṃ viharāmi, anuddhato bahulaṃ viharāmi, tiṇṇavicikiccho bahulaṃ viharāmi, akkodhano bahulaṃ viharāmi, asaṃkiliṭṭhacitto bahulaṃ viharāmi, asāraddhakāyo bahulaṃ viharāmi, āraddhavīriyo bahulaṃ viharāmi, samāhito bahulaṃ viharāmī’ti, tena, bhikkhave, bhikkhunā tesuyeva kusalesu dhammesu patiṭṭhāya uttari āsavānaṃ khayāya yogo karaṇīyo’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๔. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Sacittasuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Sacittasuttādivaṇṇanā