Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๗. สทฺธมฺมนฺตรธานปโญฺห
7. Saddhammantaradhānapañho
๗. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ 1 สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติฯ ปุน จ ปรินิพฺพานสมเย สุภเทฺทน ปริพฺพาชเกน ปญฺหํ ปุเฎฺฐน ภควตา ภณิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท 2, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติ, อเสสวจนเมตํ, นิเสฺสสวจนเมตํ, นิปฺปริยายวจนเมตํฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติ, เตน หิ ‘อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติ, เตน หิ ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห คหนโตปิ คหนตโร พลวโตปิ พลวตโร คณฺฐิโตปิ คณฺฐิตโร, โส ตวานุปฺปโตฺต, ตตฺถ เต ญาณพลวิปฺผารํ ทเสฺสหิ มกโร วิย สาครพฺภนฺตรคโต’’ติฯ
7. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni 3 saddhammo ṭhassatī’ti. Puna ca parinibbānasamaye subhaddena paribbājakena pañhaṃ puṭṭhena bhagavatā bhaṇitaṃ ‘ime ca, subhadda 4, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti, asesavacanametaṃ, nissesavacanametaṃ, nippariyāyavacanametaṃ. Yadi, bhante nāgasena, tathāgatena bhaṇitaṃ ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti, tena hi ‘asuñño loko arahantehi assā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘asuñño loko arahantehi assā’ti, tena hi ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho gahanatopi gahanataro balavatopi balavataro gaṇṭhitopi gaṇṭhitaro, so tavānuppatto, tattha te ñāṇabalavipphāraṃ dassehi makaro viya sāgarabbhantaragato’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติฯ ปรินิพฺพานสมเย จ สุภทฺทสฺส ปริพฺพาชกสฺส ภณิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติฯ ตญฺจ ปน, มหาราช, ภควโต วจนํ นานตฺถเญฺจว โหติ นานาพฺยญฺชนญฺจ, อยํ สาสนปริเจฺฉโท, อยํ ปฎิปตฺติ ปริทีปนาติ ทูรํ วิวชฺชิตา เต อุโภ อญฺญมญฺญํฯ ยถา, มหาราช, นภํ ปถวิโต ทูรํ วิวชฺชิตํ , นิรยํ สคฺคโต ทูรํ วิวชฺชิตํ, กุสลํ อกุสลโต ทูรํ วิวชฺชิตํ, สุขํ ทุกฺขโต ทูรํ วิวชฺชิตํฯ เอวเมว โข, มหาราช, เต อุโภ อญฺญมญฺญํ ทูรํ วิวชฺชิตาฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti. Parinibbānasamaye ca subhaddassa paribbājakassa bhaṇitaṃ ‘ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti. Tañca pana, mahārāja, bhagavato vacanaṃ nānatthañceva hoti nānābyañjanañca, ayaṃ sāsanaparicchedo, ayaṃ paṭipatti paridīpanāti dūraṃ vivajjitā te ubho aññamaññaṃ. Yathā, mahārāja, nabhaṃ pathavito dūraṃ vivajjitaṃ , nirayaṃ saggato dūraṃ vivajjitaṃ, kusalaṃ akusalato dūraṃ vivajjitaṃ, sukhaṃ dukkhato dūraṃ vivajjitaṃ. Evameva kho, mahārāja, te ubho aññamaññaṃ dūraṃ vivajjitā.
‘‘อปิ จ, มหาราช, มา เต ปุจฺฉา โมฆา อสฺส 5, รสโต เต สํสนฺทิตฺวา กถยิสฺสามิ ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติ ยํ ภควา อาห, ตํ ขยํ ปริทีปยโนฺต เสสกํ ปริจฺฉินฺทิ, วสฺสสหสฺสํ, อานนฺท, สทฺธโมฺม ติเฎฺฐยฺย, สเจ ภิกฺขุนิโย น ปพฺพาเชยฺยุํฯ ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตีติฯ อปิ นุ โข, มหาราช, ภควา เอวํ วทโนฺต สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ วา วเทติ อภิสมยํ วา ปฎิโกฺกสตี’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘นฎฺฐํ, มหาราช, ปริกิตฺตยโนฺต เสสกํ ปริทีปยโนฺต ปริจฺฉินฺทิฯ ยถา, มหาราช, ปุริโส นฎฺฐายิโก สพฺพเสสกํ คเหตฺวา ชนสฺส ปริทีเปยฺย ‘เอตฺตกํ เม ภณฺฑํ นฎฺฐํ, อิทํ เสสก’นฺติ ฯ เอวเมว โข, มหาราช, ภควา นฎฺฐํ ปริทีปยโนฺต เสสกํ เทวมนุสฺสานํ กเถสิ ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติฯ ยํ ปน, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสตี’ติ, สาสนปริเจฺฉโท เอโสฯ
‘‘Api ca, mahārāja, mā te pucchā moghā assa 6, rasato te saṃsanditvā kathayissāmi ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti yaṃ bhagavā āha, taṃ khayaṃ paridīpayanto sesakaṃ paricchindi, vassasahassaṃ, ānanda, saddhammo tiṭṭheyya, sace bhikkhuniyo na pabbājeyyuṃ. Pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatīti. Api nu kho, mahārāja, bhagavā evaṃ vadanto saddhammassa antaradhānaṃ vā vadeti abhisamayaṃ vā paṭikkosatī’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Naṭṭhaṃ, mahārāja, parikittayanto sesakaṃ paridīpayanto paricchindi. Yathā, mahārāja, puriso naṭṭhāyiko sabbasesakaṃ gahetvā janassa paridīpeyya ‘ettakaṃ me bhaṇḍaṃ naṭṭhaṃ, idaṃ sesaka’nti . Evameva kho, mahārāja, bhagavā naṭṭhaṃ paridīpayanto sesakaṃ devamanussānaṃ kathesi ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti. Yaṃ pana, mahārāja, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassatī’ti, sāsanaparicchedo eso.
‘‘ยํ ปน ปรินิพฺพานสมเย สุภทฺทสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมเณ ปริกิตฺตยโนฺต อาห ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติ, ปฎิปตฺติปริทีปนา เอสา, ตฺวํ ปน ตํ ปริเจฺฉทญฺจ ปริทีปนญฺจ เอกรสํ กโรสิฯ ยทิ ปน เต ฉโนฺท, เอกรสํ กตฺวา กถยิสฺสามิ, สาธุกํ สุโณหิ มนสิกโรหิ อวิกฺขิตฺตมานโส 7ฯ
‘‘Yaṃ pana parinibbānasamaye subhaddassa paribbājakassa samaṇe parikittayanto āha ‘ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti, paṭipattiparidīpanā esā, tvaṃ pana taṃ paricchedañca paridīpanañca ekarasaṃ karosi. Yadi pana te chando, ekarasaṃ katvā kathayissāmi, sādhukaṃ suṇohi manasikarohi avikkhittamānaso 8.
‘‘อิธ, มหาราช, ตฬาโก ภเวยฺย นวสลิลสมฺปุโณฺณ สมฺมุขมุตฺตริยมาโน ปริจฺฉิโนฺน ปริวฎุมกโต, อปริยาทิเณฺณ เยว ตสฺมิํ ตฬาเก อุทกูปริ มหาเมโฆ อปราปรํ อนุปฺปพโนฺธ อภิวเสฺสยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺมิํ ตฬาเก อุทกํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘เมฆสฺส, ภเนฺต, อนุปฺปพนฺธตายา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ชินสาสนวรสทฺธมฺมตฬาโก อาจารสีลคุณวตฺตปฎิปตฺติวิมลนวสลิลสมฺปุโณฺณ อุตฺตริยมาโน ภวคฺคมภิภวิตฺวา ฐิโตฯ ยทิ ตตฺถ พุทฺธปุตฺตา อาจารสีลคุณวตฺตปฎิปตฺติเมฆวสฺสํ อปราปรํ อนุปฺปพนฺธาเปยฺยุํ อภิวสฺสาเปยฺยุํฯ เอวมิทํ ชินสาสนวรสทฺธมฺมตฬาโก จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติเฎฺฐยฺย, อรหเนฺตหิ โลโก อสุโญฺญ ภเวยฺย, อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติฯ
‘‘Idha, mahārāja, taḷāko bhaveyya navasalilasampuṇṇo sammukhamuttariyamāno paricchinno parivaṭumakato, apariyādiṇṇe yeva tasmiṃ taḷāke udakūpari mahāmegho aparāparaṃ anuppabandho abhivasseyya, api nu kho, mahārāja, tasmiṃ taḷāke udakaṃ parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyyā’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Kena kāraṇena mahārājā’’ti? ‘‘Meghassa, bhante, anuppabandhatāyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, jinasāsanavarasaddhammataḷāko ācārasīlaguṇavattapaṭipattivimalanavasalilasampuṇṇo uttariyamāno bhavaggamabhibhavitvā ṭhito. Yadi tattha buddhaputtā ācārasīlaguṇavattapaṭipattimeghavassaṃ aparāparaṃ anuppabandhāpeyyuṃ abhivassāpeyyuṃ. Evamidaṃ jinasāsanavarasaddhammataḷāko ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭheyya, arahantehi loko asuñño bhaveyya, imamatthaṃ bhagavatā sandhāya bhāsitaṃ ‘ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti.
‘‘อิธ ปน, มหาราช, มหติ มหาอคฺคิกฺขเนฺธ ชลมาเน อปราปรํ สุกฺขติณกฎฺฐโคมยานิ อุปสํหเรยฺยุํ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อคฺคิกฺขโนฺธ นิพฺพาเยยฺยา’’ติ ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ภิโยฺย ภิโยฺย โส อคฺคิกฺขโนฺธ ชเลยฺย, ภิโยฺย ภิโยฺย ปภาเสยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ทสสหสฺสิยา 9 โลกธาตุยา ชินสาสนวรมฺปิ อาจารสีลคุณวตฺตปฎิปตฺติยา ชลติ ปภาสติฯ ยทิ ปน, มหาราช, ตทุตฺตริํ พุทฺธปุตฺตา ปญฺจหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคตา สตตมปฺปมตฺตา ปทเหยฺยุํ, ตีสุ สิกฺขาสุ ฉนฺทชาตา สิเกฺขยฺยุํ, จาริตฺตญฺจ สีลํ สมตฺตํ ปริปูเรยฺยุํ, เอวมิทํ ชินสาสนวรํ ภิโยฺย ภิโยฺย จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติเฎฺฐยฺย, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสาติ อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติฯ
‘‘Idha pana, mahārāja, mahati mahāaggikkhandhe jalamāne aparāparaṃ sukkhatiṇakaṭṭhagomayāni upasaṃhareyyuṃ, api nu kho so, mahārāja, aggikkhandho nibbāyeyyā’’ti ? ‘‘Na hi, bhante, bhiyyo bhiyyo so aggikkhandho jaleyya, bhiyyo bhiyyo pabhāseyyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, dasasahassiyā 10 lokadhātuyā jinasāsanavarampi ācārasīlaguṇavattapaṭipattiyā jalati pabhāsati. Yadi pana, mahārāja, taduttariṃ buddhaputtā pañcahi padhāniyaṅgehi samannāgatā satatamappamattā padaheyyuṃ, tīsu sikkhāsu chandajātā sikkheyyuṃ, cārittañca sīlaṃ samattaṃ paripūreyyuṃ, evamidaṃ jinasāsanavaraṃ bhiyyo bhiyyo ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭheyya, asuñño loko arahantehi assāti imamatthaṃ bhagavatā sandhāya bhāsitaṃ ‘ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti.
‘‘อิธ ปน, มหาราช, สินิทฺธสมสุมชฺชิตสปฺปภาสวิมลาทาสํ 11 สณฺหสุขุมเครุกจุเณฺณน อปราปรํ มเชฺชยฺยุํ, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺมิํ อาทาเส มลกทฺทมรโชชลฺลํ ชาเยยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, อญฺญทตฺถุ วิมลตรํ เยว ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ชินสาสนวรํ ปกตินิมฺมลํ พฺยปคตกิเลสมลรโชชลฺลํ, ยทิ ตํ พุทฺธปุตฺตา อาจารสีลคุณวตฺตปฎิปตฺติสเลฺลขธุตคุเณน ชินสาสนวรํ สลฺลเกฺขยฺยุํ 12, เอวมิทํ ชินสาสนวรํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติเฎฺฐยฺย, อสุโญฺญ จ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสาติ อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’ติฯ ปฎิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ปฎิปตฺติการณํ ปฎิปตฺติยา อนนฺตรหิตาย ติฎฺฐตี’’ติฯ
‘‘Idha pana, mahārāja, siniddhasamasumajjitasappabhāsavimalādāsaṃ 13 saṇhasukhumagerukacuṇṇena aparāparaṃ majjeyyuṃ, api nu kho, mahārāja, tasmiṃ ādāse malakaddamarajojallaṃ jāyeyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, aññadatthu vimalataraṃ yeva bhaveyyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, jinasāsanavaraṃ pakatinimmalaṃ byapagatakilesamalarajojallaṃ, yadi taṃ buddhaputtā ācārasīlaguṇavattapaṭipattisallekhadhutaguṇena jinasāsanavaraṃ sallakkheyyuṃ 14, evamidaṃ jinasāsanavaraṃ ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭheyya, asuñño ca loko arahantehi assāti imamatthaṃ bhagavatā sandhāya bhāsitaṃ ‘ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’ti. Paṭipattimūlakaṃ, mahārāja, satthusāsanaṃ paṭipattikāraṇaṃ paṭipattiyā anantarahitāya tiṭṭhatī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ‘สทฺธมฺมนฺตรธาน’นฺติ ยํ วเทสิ, กตมํ ตํ สทฺธมฺมนฺตรธาน’’นฺติ? ‘‘ตีณิมานิ, มหาราช, สาสนนฺตรธานานิฯ กตมานิ ตีณิ? อธิคมนฺตรธานํ ปฎิปตฺตนฺตรธานํ ลิงฺคนฺตรธานํ , อธิคเม, มหาราช, อนฺตรหิเต สุปฺปฎิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติ, ปฎิปตฺติยา อนฺตรหิตาย สิกฺขาปทปญฺญตฺติ อนฺตรธายติ, ลิงฺคํเยว ติฎฺฐติ, ลิเงฺค อนฺตรหิเต ปเวณุปเจฺฉโท โหติ, อิมานิ โข, มหาราช, ตีณิ อนฺตรธานานี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, ‘saddhammantaradhāna’nti yaṃ vadesi, katamaṃ taṃ saddhammantaradhāna’’nti? ‘‘Tīṇimāni, mahārāja, sāsanantaradhānāni. Katamāni tīṇi? Adhigamantaradhānaṃ paṭipattantaradhānaṃ liṅgantaradhānaṃ , adhigame, mahārāja, antarahite suppaṭipannassāpi dhammābhisamayo na hoti, paṭipattiyā antarahitāya sikkhāpadapaññatti antaradhāyati, liṅgaṃyeva tiṭṭhati, liṅge antarahite paveṇupacchedo hoti, imāni kho, mahārāja, tīṇi antaradhānānī’’ti.
‘‘สุวิญฺญาปิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห, คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คณฺฐิ ภิโนฺน, นฎฺฐา ปรวาทา ภคฺคา นิปฺปภา กตา, ตฺวํ คณิวรวสภมาสชฺชาติฯ
‘‘Suviññāpito, bhante nāgasena, pañho, gambhīro uttānīkato, gaṇṭhi bhinno, naṭṭhā paravādā bhaggā nippabhā katā, tvaṃ gaṇivaravasabhamāsajjāti.
สทฺธมฺมนฺตรธานปโญฺห สตฺตโมฯ
Saddhammantaradhānapañho sattamo.
Footnotes: