Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๓. สทฺธมฺมปฺปติรูปกสุตฺตวณฺณนา
13. Saddhammappatirūpakasuttavaṇṇanā
๑๕๖. เตรสเม อญฺญาย สณฺฐหิํสูติ อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ สทฺธมฺมปฺปติรูปกนฺติ เทฺว สทฺธมฺมปฺปติรูปกานิ อธิคมสทฺธมฺมปฺปติรูปกญฺจ ปริยตฺติสทฺธมฺมปฺปติรูปกญฺจฯ ตตฺถ –
156. Terasame aññāya saṇṭhahiṃsūti arahatte patiṭṭhahiṃsu. Saddhammappatirūpakanti dve saddhammappatirūpakāni adhigamasaddhammappatirūpakañca pariyattisaddhammappatirūpakañca. Tattha –
‘‘โอภาเส เจว ญาเณ จ, ปีติยา จ วิกมฺปติ;
‘‘Obhāse ceva ñāṇe ca, pītiyā ca vikampati;
ปสฺสทฺธิยา สุเข เจว, เยหิ จิตฺตํ ปเวธติฯ
Passaddhiyā sukhe ceva, yehi cittaṃ pavedhati.
‘‘อธิโมเกฺข จ ปคฺคาเห, อุปฎฺฐาเน จ กมฺปติ;
‘‘Adhimokkhe ca paggāhe, upaṭṭhāne ca kampati;
อุเปกฺขาวชฺชนาย เจว, อุเปกฺขาย จ นิกนฺติยาฯ
Upekkhāvajjanāya ceva, upekkhāya ca nikantiyā.
‘‘อิมานิ ทส ฐานานิ, ปญฺญา ยสฺส ปริจิตา;
‘‘Imāni dasa ṭhānāni, paññā yassa paricitā;
ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ, น จ สโมฺมห คจฺฉตี’’ติฯ (ปฎิ. ม. ๒.๗); –
Dhammuddhaccakusalo hoti, na ca sammoha gacchatī’’ti. (paṭi. ma. 2.7); –
อิทํ วิปสฺสนาญาณสฺส อุปกฺกิเลสชาตํ อธิคมสทฺธมฺมปฺปติรูปกํ นามฯ ติโสฺส ปน สงฺคีติโย อนารุฬฺหํ ธาตุกถา อารมฺมณกถา อสุภกถา ญาณวตฺถุกถา วิชฺชากรณฺฑโกติ อิเมหิ ปญฺจหิ กถาวตฺถูหิ ปริพาหิรํ คุฬฺหวินยํ คุฬฺหเวสฺสนฺตรํ คุฬฺหมโหสธํ วณฺณปิฎกํ องฺคุลิมาลปิฎกํ รฎฺฐปาลคชฺชิตํ อาฬวกคชฺชิตํ เวทลฺลปิฎกนฺติ อพุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธมฺมปฺปติรูปกํ นามฯ
Idaṃ vipassanāñāṇassa upakkilesajātaṃ adhigamasaddhammappatirūpakaṃ nāma. Tisso pana saṅgītiyo anāruḷhaṃ dhātukathā ārammaṇakathā asubhakathā ñāṇavatthukathā vijjākaraṇḍakoti imehi pañcahi kathāvatthūhi paribāhiraṃ guḷhavinayaṃ guḷhavessantaraṃ guḷhamahosadhaṃ vaṇṇapiṭakaṃ aṅgulimālapiṭakaṃ raṭṭhapālagajjitaṃ āḷavakagajjitaṃ vedallapiṭakanti abuddhavacanaṃ pariyattisaddhammappatirūpakaṃ nāma.
ชาตรูปปฺปติรูปกนฺติ สุวณฺณรสวิธานํ อารกูฎมยํ สุวณฺณวณฺณํ อาภรณชาตํฯ ฉณกาเลสุ หิ มนุสฺสา ‘‘อาภรณภณฺฑกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ อาปณํ คจฺฉนฺติฯ อถ เน อาปณิกา เอวํ วทนฺติ, ‘‘สเจ ตุเมฺห อาภรณตฺถิกา, อิมานิ คณฺหถฯ อิมานิ หิ ฆนานิ เจว วณฺณวนฺตานิ จ อปฺปคฺฆานิ จา’’ติฯ เต เตสํ สุตฺวา, ‘‘การณํ อิเม วทนฺติ, อิมานิ ปิฬนฺธิตฺวา สกฺกา นกฺขตฺตํ กีฬิตุํ, โสภนฺติ เจว อปฺปคฺฆานิ จา’’ติ ตานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ สุวณฺณภณฺฑํ อวิกฺกิยมานํ นิทหิตฺวา ฐเปตพฺพํ โหติฯ เอวํ ตํ ชาตรูปปฺปติรูปเก อุปฺปเนฺน อนฺตรธายติ นามฯ
Jātarūpappatirūpakanti suvaṇṇarasavidhānaṃ ārakūṭamayaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ ābharaṇajātaṃ. Chaṇakālesu hi manussā ‘‘ābharaṇabhaṇḍakaṃ gaṇhissāmā’’ti āpaṇaṃ gacchanti. Atha ne āpaṇikā evaṃ vadanti, ‘‘sace tumhe ābharaṇatthikā, imāni gaṇhatha. Imāni hi ghanāni ceva vaṇṇavantāni ca appagghāni cā’’ti. Te tesaṃ sutvā, ‘‘kāraṇaṃ ime vadanti, imāni piḷandhitvā sakkā nakkhattaṃ kīḷituṃ, sobhanti ceva appagghāni cā’’ti tāni gahetvā gacchanti. Suvaṇṇabhaṇḍaṃ avikkiyamānaṃ nidahitvā ṭhapetabbaṃ hoti. Evaṃ taṃ jātarūpappatirūpake uppanne antaradhāyati nāma.
อถ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหตีติ อธิคมสทฺธมฺมสฺส ปฎิปตฺติสทฺธมฺมสฺส ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสาติ ติวิธสฺสาปิ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติฯ ปฐมโพธิยญฺหิ ภิกฺขู ปฎิสมฺภิทปฺปตฺตา อเหสุํฯ อถ กาเล คจฺฉเนฺต ปฎิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขิํสุ, ฉฬภิญฺญา อเหสุํฯ ตโต ฉ อภิญฺญา ปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตา ติโสฺส วิชฺชา ปาปุณิํสุฯ อิทานิ กาเล คจฺฉเนฺต ติโสฺส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติฯ ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา โสตาปตฺติผลํฯ คจฺฉเนฺต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ อถ เนสํ ยทา วิปสฺสนา อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐา อารทฺธมตฺตาว ฐสฺสติ, ตทา อธิคมสทฺธโมฺม อนฺตรหิโต นาม ภวิสฺสติฯ
Atha saddhammassa antaradhānaṃ hotīti adhigamasaddhammassa paṭipattisaddhammassa pariyattisaddhammassāti tividhassāpi saddhammassa antaradhānaṃ hoti. Paṭhamabodhiyañhi bhikkhū paṭisambhidappattā ahesuṃ. Atha kāle gacchante paṭisambhidā pāpuṇituṃ na sakkhiṃsu, chaḷabhiññā ahesuṃ. Tato cha abhiññā pāpuṇituṃ asakkontā tisso vijjā pāpuṇiṃsu. Idāni kāle gacchante tisso vijjā pāpuṇituṃ asakkontā āsavakkhayamattaṃ pāpuṇissanti. Tampi asakkontā anāgāmiphalaṃ, tampi asakkontā sakadāgāmiphalaṃ, tampi asakkontā sotāpattiphalaṃ. Gacchante kāle sotāpattiphalampi pattuṃ na sakkhissanti. Atha nesaṃ yadā vipassanā imehi upakkilesehi upakkiliṭṭhā āraddhamattāva ṭhassati, tadā adhigamasaddhammo antarahito nāma bhavissati.
ปฐมโพธิยญฺหิ ภิกฺขู จตุนฺนํ ปฎิสมฺภิทานํ อนุจฺฉวิกํ ปฎิปตฺติํ ปูรยิํสุฯ คจฺฉเนฺต กาเล ตํ อสโกฺกนฺตา ฉนฺนํ อภิญฺญานํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา อรหตฺตผลมตฺตสฺสฯ คจฺฉเนฺต ปน กาเล อรหตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฎิปตฺติํ ปูเรตุํ อสโกฺกนฺตา อนาคามิผลสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฎิปตฺติํ ปูเรสฺสนฺติ , ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา สกทาคามิผลสฺส, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา โสตาปตฺติผลสฺสฯ ยทา ปน โสตาปตฺติผลสฺสปิ อนุจฺฉวิกํ ปฎิปทํ ปูเรตุํ อสโกฺกนฺตา สีลปาริสุทฺธิมเตฺตว ฐสฺสนฺติ, ตทา ปฎิปตฺติสทฺธโมฺม อนฺตรหิโต นาม ภวิสฺสติฯ
Paṭhamabodhiyañhi bhikkhū catunnaṃ paṭisambhidānaṃ anucchavikaṃ paṭipattiṃ pūrayiṃsu. Gacchante kāle taṃ asakkontā channaṃ abhiññānaṃ, tampi asakkontā tissannaṃ vijjānaṃ, tampi asakkontā arahattaphalamattassa. Gacchante pana kāle arahattassa anucchavikaṃ paṭipattiṃ pūretuṃ asakkontā anāgāmiphalassa anucchavikaṃ paṭipattiṃ pūressanti , tampi asakkontā sakadāgāmiphalassa, tampi asakkontā sotāpattiphalassa. Yadā pana sotāpattiphalassapi anucchavikaṃ paṭipadaṃ pūretuṃ asakkontā sīlapārisuddhimatteva ṭhassanti, tadā paṭipattisaddhammo antarahito nāma bhavissati.
ยาว ปน เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ วตฺตติ, น ตาว สาสนํ อนฺตรหิตนฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ติฎฺฐนฺตุ ตีณิ วา, อภิธมฺมปิฎเก อนฺตรหิเต อิตเรสุ ทฺวีสุ ติฎฺฐเนฺตสุปิ อนฺตรหิตนฺติ น วตฺตพฺพเมวฯ ทฺวีสุ อนฺตรหิเตสุ วินยปิฎกมเตฺต ฐิเตปิ, ตตฺราปิ ขนฺธกปริวาเรสุ อนฺตรหิเตสุ อุภโตวิภงฺคมเตฺต, มหาวินเย อนฺตรหิเต ทฺวีสุ ปาติโมเกฺขสุ วตฺตมาเนสุปิ สาสนํ อนนฺตรหิตเมวฯ ยทา ปน เทฺว ปาติโมกฺขา อนฺตรธายิสฺสนฺติ, อถ ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ ภวิสฺสติฯ ตสฺมิํ อนฺตรหิเต สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม โหติฯ ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฎิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปฎิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติฯ กิํ การณา? อยญฺหิ ปริยตฺติ ปฎิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฎิปตฺติ อธิคมสฺสฯ อิติ ปฎิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเมว ปมาณํฯ
Yāva pana tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ vattati, na tāva sāsanaṃ antarahitanti vattuṃ vaṭṭati. Tiṭṭhantu tīṇi vā, abhidhammapiṭake antarahite itaresu dvīsu tiṭṭhantesupi antarahitanti na vattabbameva. Dvīsu antarahitesu vinayapiṭakamatte ṭhitepi, tatrāpi khandhakaparivāresu antarahitesu ubhatovibhaṅgamatte, mahāvinaye antarahite dvīsu pātimokkhesu vattamānesupi sāsanaṃ anantarahitameva. Yadā pana dve pātimokkhā antaradhāyissanti, atha pariyattisaddhammassa antaradhānaṃ bhavissati. Tasmiṃ antarahite sāsanaṃ antarahitaṃ nāma hoti. Pariyattiyā hi antarahitāya paṭipatti antaradhāyati, paṭipattiyā antarahitāya adhigamo antaradhāyati. Kiṃ kāraṇā? Ayañhi pariyatti paṭipattiyā paccayo hoti, paṭipatti adhigamassa. Iti paṭipattitopi pariyattimeva pamāṇaṃ.
นนุ จ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กปิโล นาม อนาราธกภิกฺขุ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ พีชนิํ คเหตฺวา อาสเน นิสิโนฺน ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ วตฺตนฺตา’’ติ ปุจฺฉิ, อถ ตสฺส ภเยน เยสมฺปิ ปาติโมโกฺข วตฺตติ, เตปิ ‘‘มยํ วตฺตามา’’ติ อวตฺวา ‘‘น วตฺตามา’’ติ วทิํสุ, โส พีชนิํ ฐเปตฺวา อุฎฺฐายาสนา คโต, ตทา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ โอสกฺกิตนฺติ? กิญฺจาปิ โอสกฺกิตํ, ปริยตฺติ ปน เอกเนฺตเนว ปมาณํฯ ยถา หิ มหโต ตฬากสฺส ปาฬิยา ถิราย อุทกํ น ฐสฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, อุทเก สติ ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ น ปุปฺผิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพํ, เอวเมว มหาตฬากสฺส ถิรปาฬิสทิเส เตปิฎเก พุทฺธวจเน สติ มหาตฬาเก อุทกสทิสา ปฎิปตฺติปูรกา กุลปุตฺตา นตฺถีติ น วตฺตพฺพา, เตสุ สติ มหาตฬาเก ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ วิย โสตาปนฺนาทโย อริยปุคฺคลา นตฺถีติ น วตฺตพฺพาติ เอวํ เอกนฺตโต ปริยตฺติเยว ปมาณํฯ
Nanu ca kassapasammāsambuddhakāle kapilo nāma anārādhakabhikkhu ‘‘pātimokkhaṃ uddisissāmī’’ti bījaniṃ gahetvā āsane nisinno ‘‘atthi imasmiṃ vattantā’’ti pucchi, atha tassa bhayena yesampi pātimokkho vattati, tepi ‘‘mayaṃ vattāmā’’ti avatvā ‘‘na vattāmā’’ti vadiṃsu, so bījaniṃ ṭhapetvā uṭṭhāyāsanā gato, tadā sammāsambuddhassa sāsanaṃ osakkitanti? Kiñcāpi osakkitaṃ, pariyatti pana ekanteneva pamāṇaṃ. Yathā hi mahato taḷākassa pāḷiyā thirāya udakaṃ na ṭhassatīti na vattabbaṃ, udake sati padumādīni pupphāni na pupphissantīti na vattabbaṃ, evameva mahātaḷākassa thirapāḷisadise tepiṭake buddhavacane sati mahātaḷāke udakasadisā paṭipattipūrakā kulaputtā natthīti na vattabbā, tesu sati mahātaḷāke padumādīni pupphāni viya sotāpannādayo ariyapuggalā natthīti na vattabbāti evaṃ ekantato pariyattiyeva pamāṇaṃ.
ปถวีธาตูติ เทฺว สตสหสฺสานิ จตฺตาริ จ นหุตานิ พหลา มหาปถวีฯ อาโปธาตูติ ปถวิโต ปฎฺฐาย ยาว สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกา อุคฺคตํ กปฺปวินาสกํ อุทกํฯ เตโชธาตูติ ปถวิโต ปฎฺฐาย ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา อุคฺคโต กปฺปวินาสโก อคฺคิฯ วาโยธาตูติ ปถวิโต ปฎฺฐาย ยาว เวหปฺผลพฺรหฺมโลกา อุคฺคโต กปฺปวินาสโก วายุฯ เอเตสุ หิ เอกธโมฺมปิ สตฺถุ สาสนํ อนฺตรธาเปตุํ น สโกฺกติ, ตสฺมา เอวมาหฯ อิเธว เต อุปฺปชฺชนฺตีติ โลหโต โลหขาทกํ มลํ วิย อิมสฺมิํ มยฺหํเยว สาสเน เต อุปฺปชฺชนฺติฯ โมฆปุริสาติ ตุจฺฉปุริสาฯ
Pathavīdhātūti dve satasahassāni cattāri ca nahutāni bahalā mahāpathavī. Āpodhātūti pathavito paṭṭhāya yāva subhakiṇhabrahmalokā uggataṃ kappavināsakaṃ udakaṃ. Tejodhātūti pathavito paṭṭhāya yāva ābhassarabrahmalokā uggato kappavināsako aggi. Vāyodhātūti pathavito paṭṭhāya yāva vehapphalabrahmalokā uggato kappavināsako vāyu. Etesu hi ekadhammopi satthu sāsanaṃ antaradhāpetuṃ na sakkoti, tasmā evamāha. Idheva te uppajjantīti lohato lohakhādakaṃ malaṃ viya imasmiṃ mayhaṃyeva sāsane te uppajjanti. Moghapurisāti tucchapurisā.
อาทิเกเนว โอปิลวตีติ เอตฺถ อาทิเกนาติ อาทาเนน คหเณนฯ โอปิลวตีติ นิมุชฺชติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อุทกจรา นาวา ภณฺฑํ คณฺหนฺตี นิมุชฺชติ, เอวํ ปริยตฺติอาทีนํ ปูรเณน สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ น โหติฯ ปริยตฺติยา หิ หายมานาย ปฎิปตฺติ หายติ, ปฎิปตฺติยา หายมานาย อธิคโม หายติฯ ปริยตฺติยา ปูรยมานาย ปริยตฺติธรา ปุคฺคลา ปฎิปตฺติํ ปูเรนฺติ, ปฎิปตฺติปูรกา อธิคมํ ปูเรนฺติฯ อิติ นวจโนฺท วิย ปริยตฺติยาทีสุ วฑฺฒมานาสุ มยฺหํ สาสนํ วฑฺฒติ เยวาติ ทเสฺสติฯ
Ādikeneva opilavatīti ettha ādikenāti ādānena gahaṇena. Opilavatīti nimujjati. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā udakacarā nāvā bhaṇḍaṃ gaṇhantī nimujjati, evaṃ pariyattiādīnaṃ pūraṇena saddhammassa antaradhānaṃ na hoti. Pariyattiyā hi hāyamānāya paṭipatti hāyati, paṭipattiyā hāyamānāya adhigamo hāyati. Pariyattiyā pūrayamānāya pariyattidharā puggalā paṭipattiṃ pūrenti, paṭipattipūrakā adhigamaṃ pūrenti. Iti navacando viya pariyattiyādīsu vaḍḍhamānāsu mayhaṃ sāsanaṃ vaḍḍhati yevāti dasseti.
อิทานิ เยหิ ธเมฺมหิ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานเญฺจว ฐิติ จ โหติ, เต ทเสฺสโนฺต ปญฺจ โขติอาทิมาหฯ ตตฺถ โอกฺกมนียาติ อวกฺกมนียา, เหฎฺฐาคมนียาติ อโตฺถฯ สตฺถริ อคารวาติอาทีสุ อคารวาติ คารวรหิตาฯ อปฺปติสฺสาติ อปฺปติสฺสยา อนีจวุตฺติกาฯ ตตฺถ โย เจติยงฺคณํ อาโรหโนฺต ฉตฺตํ ธาเรติ, อุปาหนํ ธาเรติ, อญฺญโต โอโลเกตฺวา กถํ กเถโนฺต คจฺฉติ, อยํ สตฺถริ อคารโว นามฯ
Idāni yehi dhammehi saddhammassa antaradhānañceva ṭhiti ca hoti, te dassento pañca khotiādimāha. Tattha okkamanīyāti avakkamanīyā, heṭṭhāgamanīyāti attho. Satthari agāravātiādīsu agāravāti gāravarahitā. Appatissāti appatissayā anīcavuttikā. Tattha yo cetiyaṅgaṇaṃ ārohanto chattaṃ dhāreti, upāhanaṃ dhāreti, aññato oloketvā kathaṃ kathento gacchati, ayaṃ satthari agāravo nāma.
โย ธมฺมสฺสวนสฺส กาเล สงฺฆุเฎฺฐ ทหรสามเณเรหิ ปริวาริโต นิสีทติ, อญฺญานิ วา นวกมฺมาทีนิ กโรติ, ธมฺมสฺสวนเคฺค นิสิโนฺน นิทฺทายติ, วิกฺขิโตฺต วา อญฺญํ กเถโนฺต นิสีทติ, อยํ ธเมฺม อคารโว นามฯ
Yo dhammassavanassa kāle saṅghuṭṭhe daharasāmaṇerehi parivārito nisīdati, aññāni vā navakammādīni karoti, dhammassavanagge nisinno niddāyati, vikkhitto vā aññaṃ kathento nisīdati, ayaṃ dhamme agāravo nāma.
โย เถรุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา, อวนฺทิตฺวา นิสีทติ, หตฺถปลฺลตฺถิกํ ทุสฺสปลฺลตฺถิกํ กโรติ, อญฺญํ วา ปน หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ กโรติ, วุฑฺฒานํ สนฺติเก อนชฺฌิโฎฺฐ กเถติ, อยํ สเงฺฆ อคารโว นามฯ
Yo therupaṭṭhānaṃ gantvā, avanditvā nisīdati, hatthapallatthikaṃ dussapallatthikaṃ karoti, aññaṃ vā pana hatthapādakukkuccaṃ karoti, vuḍḍhānaṃ santike anajjhiṭṭho katheti, ayaṃ saṅghe agāravo nāma.
ติโสฺส ปน สิกฺขา อปูเรโนฺตว สิกฺขาย อคารโว นาม โหติฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย อนิพฺพเตฺตโนฺต ตาสํ วา ปน นิพฺพตฺตนตฺถาย ปโยคํ อกโรโนฺต สมาธิสฺมิํ อคารโว นามฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตวิปลฺลาเสเนว เวทิตโพฺพติฯ เตรสมํฯ
Tisso pana sikkhā apūrentova sikkhāya agāravo nāma hoti. Aṭṭha samāpattiyo anibbattento tāsaṃ vā pana nibbattanatthāya payogaṃ akaronto samādhismiṃ agāravo nāma. Sukkapakkho vuttavipallāseneva veditabboti. Terasamaṃ.
กสฺสปสํยุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kassapasaṃyuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๓. สทฺธมฺมปฺปติรูปกสุตฺตํ • 13. Saddhammappatirūpakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๓. สทฺธมฺมปฺปติรูปกสุตฺตวณฺณนา • 13. Saddhammappatirūpakasuttavaṇṇanā