Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๙. สทฺธสุตฺตํ
9. Saddhasuttaṃ
๙. เอกํ สมยํ ภควา นาติเก วิหรติ คิญฺชกาวสเถ ฯ อถ โข อายสฺมา สโทฺธ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สทฺธํ ภควา เอตทโวจ –
9. Ekaṃ samayaṃ bhagavā nātike viharati giñjakāvasathe . Atha kho āyasmā saddho yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ saddhaṃ bhagavā etadavoca –
‘‘อาชานียฌายิตํ โข, สทฺธ, ฌาย; มา ขฬุงฺกฌายิตํ 1ฯ กถญฺจ, ขฬุงฺกฌายิตํ โหติ? อสฺสขฬุโงฺก หิ , สทฺธ, โทณิยา พโทฺธ 2 ‘ยวสํ ยวส’นฺติ ฌายติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ, สทฺธ, อสฺสขฬุงฺกสฺส โทณิยา พทฺธสฺส เอวํ โหติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ 3 ปฎิกโรมี’ติฯ โส โทณิยา พโทฺธ ‘ยวสํ ยวส’นฺติ ฌายติฯ เอวเมวํ โข, สทฺธ, อิเธกโจฺจ ปุริสขฬุโงฺก อรญฺญคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุญฺญาคารคโตปิ กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ โส กามราคํเยว อนฺตรํ กตฺวา ฌายติ ปชฺฌายติ นิชฺฌายติ อวชฺฌายติ, พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ โส วิจิกิจฺฉํเยว อนฺตรํ กตฺวา ฌายติ ปชฺฌายติ นิชฺฌายติ อวชฺฌายติฯ โส ปถวิมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, อาปมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, เตชมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, วายมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, อากาสานญฺจายตนมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, วิญฺญาณญฺจายตนมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, อากิญฺจญฺญายตนมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, อิธโลกมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, ปรโลกมฺปิ นิสฺสาย ฌายติ, ยมฺปิทํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ นิสฺสาย ฌายติฯ เอวํ โข, สทฺธ, ปุริสขฬุงฺกฌายิตํ โหติฯ
‘‘Ājānīyajhāyitaṃ kho, saddha, jhāya; mā khaḷuṅkajhāyitaṃ 4. Kathañca, khaḷuṅkajhāyitaṃ hoti? Assakhaḷuṅko hi , saddha, doṇiyā baddho 5 ‘yavasaṃ yavasa’nti jhāyati. Taṃ kissa hetu? Na hi, saddha, assakhaḷuṅkassa doṇiyā baddhassa evaṃ hoti – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ 6 paṭikaromī’ti. So doṇiyā baddho ‘yavasaṃ yavasa’nti jhāyati. Evamevaṃ kho, saddha, idhekacco purisakhaḷuṅko araññagatopi rukkhamūlagatopi suññāgāragatopi kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati kāmarāgaparetena uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. So kāmarāgaṃyeva antaraṃ katvā jhāyati pajjhāyati nijjhāyati avajjhāyati, byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati… thinamiddhapariyuṭṭhitena cetasā viharati… uddhaccakukkuccapariyuṭṭhitena cetasā viharati… vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati vicikicchāparetena, uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. So vicikicchaṃyeva antaraṃ katvā jhāyati pajjhāyati nijjhāyati avajjhāyati. So pathavimpi nissāya jhāyati, āpampi nissāya jhāyati, tejampi nissāya jhāyati, vāyampi nissāya jhāyati, ākāsānañcāyatanampi nissāya jhāyati, viññāṇañcāyatanampi nissāya jhāyati, ākiñcaññāyatanampi nissāya jhāyati, nevasaññānāsaññāyatanampi nissāya jhāyati, idhalokampi nissāya jhāyati, paralokampi nissāya jhāyati, yampidaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tampi nissāya jhāyati. Evaṃ kho, saddha, purisakhaḷuṅkajhāyitaṃ hoti.
‘‘กถญฺจ , สทฺธ , อาชานียฌายิตํ โหติ? ภโทฺร หิ, สทฺธ, อสฺสาชานีโย โทณิยา พโทฺธ น ‘ยวสํ ยวส’นฺติ ฌายติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ภทฺรสฺส หิ, สทฺธ, อสฺสาชานียสฺส โทณิยา พทฺธสฺส เอวํ โหติ – ‘กิํ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฎิกโรมี’ติฯ โส โทณิยา พโทฺธ น ‘ยวสํ ยวส’นฺติ ฌายติฯ ภโทฺร หิ, สทฺธ, อสฺสาชานีโย ยถา อิณํ ยถา พนฺธํ ยถา ชานิํ ยถา กลิํ เอวํ ปโตทสฺส อโชฺฌหรณํ สมนุปสฺสติฯ เอวเมวํ โข, สทฺธ, ภโทฺร ปุริสาชานีโย อรญฺญคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุญฺญาคารคโตปิ น กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ, น พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… น ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… น อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ… น วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ โส เนว ปถวิํ นิสฺสาย ฌายติ, น อาปํ นิสฺสาย ฌายติ, น เตชํ นิสฺสาย ฌายติ, น วายํ นิสฺสาย ฌายติ, น อากาสานญฺจายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น วิญฺญาณญฺจายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น อากิญฺจญฺญายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น อิธโลกํ นิสฺสาย ฌายติ, น ปรโลกํ นิสฺสาย ฌายติ, ยมฺปิทํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ นิสฺสาย น ฌายติ; ฌายติ จ ปนฯ เอวํ ฌายิญฺจ ปน, สทฺธ, ภทฺรํ ปุริสาชานียํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อารกาว นมสฺสนฺติ –
‘‘Kathañca , saddha , ājānīyajhāyitaṃ hoti? Bhadro hi, saddha, assājānīyo doṇiyā baddho na ‘yavasaṃ yavasa’nti jhāyati. Taṃ kissa hetu? Bhadrassa hi, saddha, assājānīyassa doṇiyā baddhassa evaṃ hoti – ‘kiṃ nu kho maṃ ajja assadammasārathi kāraṇaṃ kāressati, kimassāhaṃ paṭikaromī’ti. So doṇiyā baddho na ‘yavasaṃ yavasa’nti jhāyati. Bhadro hi, saddha, assājānīyo yathā iṇaṃ yathā bandhaṃ yathā jāniṃ yathā kaliṃ evaṃ patodassa ajjhoharaṇaṃ samanupassati. Evamevaṃ kho, saddha, bhadro purisājānīyo araññagatopi rukkhamūlagatopi suññāgāragatopi na kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati na kāmarāgaparetena, uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti, na byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati… na thinamiddhapariyuṭṭhitena cetasā viharati… na uddhaccakukkuccapariyuṭṭhitena cetasā viharati… na vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati na vicikicchāparetena, uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. So neva pathaviṃ nissāya jhāyati, na āpaṃ nissāya jhāyati, na tejaṃ nissāya jhāyati, na vāyaṃ nissāya jhāyati, na ākāsānañcāyatanaṃ nissāya jhāyati, na viññāṇañcāyatanaṃ nissāya jhāyati, na ākiñcaññāyatanaṃ nissāya jhāyati, na nevasaññānāsaññāyatanaṃ nissāya jhāyati, na idhalokaṃ nissāya jhāyati, na paralokaṃ nissāya jhāyati, yampidaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tampi nissāya na jhāyati; jhāyati ca pana. Evaṃ jhāyiñca pana, saddha, bhadraṃ purisājānīyaṃ saindā devā sabrahmakā sapajāpatikā ārakāva namassanti –
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ยสฺส เต นาภิชานาม, ยมฺปิ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ
Yassa te nābhijānāma, yampi nissāya jhāyasī’’ti.
เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สโทฺธ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กถํ ฌายี ปน, ภเนฺต, ภโทฺร ปุริสาชานีโย 7 เนว ปถวิํ นิสฺสาย ฌายติ, น อาปํ นิสฺสาย ฌายติ, น เตชํ นิสฺสาย ฌายติ, น วายํ นิสฺสาย ฌายติ, น อากาสานญฺจายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น วิญฺญาณญฺจายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น อากิญฺจญฺญายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิสฺสาย ฌายติ, น อิธโลกํ นิสฺสาย ฌายติ , น ปรโลกํ นิสฺสาย ฌายติ, ยมฺปิทํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ นิสฺสาย น ฌายติ; ฌายติ จ ปน? กถํ ฌายิญฺจ ปน, ภเนฺต, ภทฺรํ ปุริสาชานียํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อารกาว นมสฺสนฺติ –
Evaṃ vutte āyasmā saddho bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kathaṃ jhāyī pana, bhante, bhadro purisājānīyo 8 neva pathaviṃ nissāya jhāyati, na āpaṃ nissāya jhāyati, na tejaṃ nissāya jhāyati, na vāyaṃ nissāya jhāyati, na ākāsānañcāyatanaṃ nissāya jhāyati, na viññāṇañcāyatanaṃ nissāya jhāyati, na ākiñcaññāyatanaṃ nissāya jhāyati, na nevasaññānāsaññāyatanaṃ nissāya jhāyati, na idhalokaṃ nissāya jhāyati , na paralokaṃ nissāya jhāyati, yampidaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tampi nissāya na jhāyati; jhāyati ca pana? Kathaṃ jhāyiñca pana, bhante, bhadraṃ purisājānīyaṃ saindā devā sabrahmakā sapajāpatikā ārakāva namassanti –
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ยสฺส เต นาภิชานาม, ยมฺปิ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ
Yassa te nābhijānāma, yampi nissāya jhāyasī’’ti.
‘‘อิธ, สทฺธ, ภทฺรสฺส ปุริสาชานียสฺส ปถวิยํ ปถวิสญฺญา วิภูตา โหติ, อาปสฺมิํ อาโปสญฺญา วิภูตา โหติ, เตชสฺมิํ เตโชสญฺญา วิภูตา โหติ, วายสฺมิํ วาโยสญฺญา วิภูตา โหติ, อากาสานญฺจายตเน อากาสานญฺจายตนสญฺญา วิภูตา โหติ, วิญฺญาณญฺจายตเน วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญา วิภูตา โหติ, อากิญฺจญฺญายตเน อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา วิภูตา โหติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตเน เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญา วิภูตา โหติ, อิธโลเก อิธโลกสญฺญา วิภูตา โหติ, ปรโลเก ปรโลกสญฺญา วิภูตา โหติ, ยมฺปิทํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตตฺราปิ สญฺญา วิภูตา โหติฯ เอวํ ฌายี โข, สทฺธ, ภโทฺร ปุริสาชานีโย เนว ปถวิํ นิสฺสาย ฌายติ…เป.… ยมฺปิทํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ นิสฺสาย น ฌายติ; ฌายติ จ ปนฯ เอวํ ฌายิญฺจ ปน, สทฺธ, ภทฺรํ ปุริสาชานียํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อารกาว นมสฺสนฺติ –
‘‘Idha, saddha, bhadrassa purisājānīyassa pathaviyaṃ pathavisaññā vibhūtā hoti, āpasmiṃ āposaññā vibhūtā hoti, tejasmiṃ tejosaññā vibhūtā hoti, vāyasmiṃ vāyosaññā vibhūtā hoti, ākāsānañcāyatane ākāsānañcāyatanasaññā vibhūtā hoti, viññāṇañcāyatane viññāṇañcāyatanasaññā vibhūtā hoti, ākiñcaññāyatane ākiñcaññāyatanasaññā vibhūtā hoti, nevasaññānāsaññāyatane nevasaññānāsaññāyatanasaññā vibhūtā hoti, idhaloke idhalokasaññā vibhūtā hoti, paraloke paralokasaññā vibhūtā hoti, yampidaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tatrāpi saññā vibhūtā hoti. Evaṃ jhāyī kho, saddha, bhadro purisājānīyo neva pathaviṃ nissāya jhāyati…pe… yampidaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tampi nissāya na jhāyati; jhāyati ca pana. Evaṃ jhāyiñca pana, saddha, bhadraṃ purisājānīyaṃ saindā devā sabrahmakā sapajāpatikā ārakāva namassanti –
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ยสฺส เต นาภิชานาม, ยมฺปิ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ นวมํ;
Yassa te nābhijānāma, yampi nissāya jhāyasī’’ti. navamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. สทฺธสุตฺตวณฺณนา • 9. Saddhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. กิมตฺถิยสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Kimatthiyasuttādivaṇṇanā