Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga |
๘. สหธมฺมิกวโคฺค
8. Sahadhammikavaggo
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทํ
1. Sahadhammikasikkhāpadaṃ
๔๓๓. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ฉโนฺน อนาจารํ อาจรติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘มาวุโส ฉนฺน, เอวรูปํ อกาสิฯ เนตํ กปฺปตี’’ติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา ฉโนฺน ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน เอวํ วกฺขติ – น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ฉนฺน, ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน เอวํ วเทสิ – ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน เอวํ วกฺขสิ – ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติฯ เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
433. Tena samayena buddho bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme. Tena kho pana samayena āyasmā channo anācāraṃ ācarati. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘māvuso channa, evarūpaṃ akāsi. Netaṃ kappatī’’ti. So evaṃ vadeti – ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā channo bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno evaṃ vakkhati – na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, channa, bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno evaṃ vadesi – ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno evaṃ vakkhasi – ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti. Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๓๔. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’ติ, ปาจิตฺติยํฯ สิกฺขมาเนน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อญฺญาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปญฺหิตพฺพํฯ อยํ ตตฺถ สามีจี’’ติฯ
434.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno evaṃ vadeyya – ‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’ti, pācittiyaṃ. Sikkhamānena, bhikkhave, bhikkhunā aññātabbaṃ paripucchitabbaṃ paripañhitabbaṃ. Ayaṃ tattha sāmīcī’’ti.
๔๓๕. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
435.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขูหีติ อเญฺญหิ ภิกฺขูหิฯ
Bhikkhūhīti aññehi bhikkhūhi.
สหธมฺมิกํ นาม ยํ ภควตา ปญฺญตฺตํ สิกฺขาปทํ เอตํ สหธมฺมิกํ นามฯ เตน วุจฺจมาโน เอวํ วเทติ 1 – ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติ 2ฯ ปณฺฑิตํ พฺยตฺตํ 3 เมธาวิํ พหุสฺสุตํ ธมฺมกถิกํ ปริปุจฺฉามีติ ภณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Sahadhammikaṃ nāma yaṃ bhagavatā paññattaṃ sikkhāpadaṃ etaṃ sahadhammikaṃ nāma. Tena vuccamāno evaṃ vadeti 4 – ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti 5. Paṇḍitaṃ byattaṃ 6 medhāviṃ bahussutaṃ dhammakathikaṃ paripucchāmīti bhaṇati, āpatti pācittiyassa.
๔๓๖. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี เอวํ วเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก เอวํ วเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี เอวํ วเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
436. Upasampanne upasampannasaññī evaṃ vadeti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko evaṃ vadeti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī evaṃ vadeti, āpatti pācittiyassa.
อปญฺญเตฺตน วุจฺจมาโน – ‘‘อิทํ น สเลฺลขาย น ธุตตฺถาย น ปาสาทิกตาย น อปจยาย น วีริยารมฺภาย สํวตฺตตี’’ติ เอวํ วเทติ, ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปณฺฑิตํ เมธาวิํ พหุสฺสุตํ ธมฺมกถิกํ ปริปุจฺฉามี’’ติ ภณติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Apaññattena vuccamāno – ‘‘idaṃ na sallekhāya na dhutatthāya na pāsādikatāya na apacayāya na vīriyārambhāya saṃvattatī’’ti evaṃ vadeti, ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paṇḍitaṃ medhāviṃ bahussutaṃ dhammakathikaṃ paripucchāmī’’ti bhaṇati, āpatti dukkaṭassa.
อนุปสมฺปเนฺนน ปญฺญเตฺตน วา อปญฺญเตฺตน วา วุจฺจมาโน – ‘‘อิทํ น สเลฺลขาย น ธุตตฺถาย น ปาสาทิกตาย น อปจยาย น วีริยารมฺภาย สํวตฺตตี’’ติ เอวํ วเทติ, ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปณฺฑิตํ เมธาวิํ พหุสฺสุตํ ธมฺมกถิกํ ปริปุจฺฉามี’’ติ ภณติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannena paññattena vā apaññattena vā vuccamāno – ‘‘idaṃ na sallekhāya na dhutatthāya na pāsādikatāya na apacayāya na vīriyārambhāya saṃvattatī’’ti evaṃ vadeti, ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paṇḍitaṃ medhāviṃ bahussutaṃ dhammakathikaṃ paripucchāmī’’ti bhaṇati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
สิกฺขมาเนนาติ สิกฺขิตุกาเมนฯ
Sikkhamānenāti sikkhitukāmena.
อญฺญาตพฺพนฺติ ชานิตพฺพํฯ
Aññātabbanti jānitabbaṃ.
ปริปุจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ; อิมสฺส วา กฺวโตฺถ’’ติ?
Paripucchitabbanti ‘‘idaṃ, bhante, kathaṃ; imassa vā kvattho’’ti?
ปริปญฺหิตพฺพนฺติ จิเนฺตตพฺพํ ตุลยิตพฺพํฯ
Paripañhitabbanti cintetabbaṃ tulayitabbaṃ.
อยํ ตตฺถ สามีจีติ อยํ ตตฺถ อนุธมฺมตาฯ
Ayaṃ tattha sāmīcīti ayaṃ tattha anudhammatā.
๔๓๗. อนาปตฺติ ‘‘ชานิสฺสามิ สิกฺขิสฺสามี’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
437. Anāpatti ‘‘jānissāmi sikkhissāmī’’ti bhaṇati, ummattakassa, ādikammikassāti.
สหธมฺมิกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ
Sahadhammikasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.
๒. วิเลขนสิกฺขาปทํ
2. Vilekhanasikkhāpadaṃ
๔๓๘. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ 7 เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน วินยกถํ กเถติ, วินยสฺส วณฺณํ ภาสติ, วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อายสฺมโต อุปาลิสฺส วณฺณํ ภาสติฯ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ 8 – ‘‘ภควา โข อเนกปริยาเยน วินยกถํ กเถติ, วินยสฺส วณฺณํ ภาสติ, วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อายสฺมโต อุปาลิสฺส วณฺณํ ภาสติฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณามา’’ติ, เต จ พหู ภิกฺขู เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณนฺติฯ
438. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. 9 Tena kho pana samayena bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena vinayakathaṃ katheti, vinayassa vaṇṇaṃ bhāsati, vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa āyasmato upālissa vaṇṇaṃ bhāsati. Bhikkhūnaṃ etadahosi 10 – ‘‘bhagavā kho anekapariyāyena vinayakathaṃ katheti, vinayassa vaṇṇaṃ bhāsati, vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa āyasmato upālissa vaṇṇaṃ bhāsati. Handa mayaṃ, āvuso, āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇāmā’’ti, te ca bahū bhikkhū therā ca navā ca majjhimā ca āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇanti.
อถ โข ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข, อาวุโส, พหู ภิกฺขู เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณนฺติฯ สเจ อิเม วินเย ปกตญฺญุโน ภวิสฺสนฺติ อเมฺห เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกํ อากฑฺฒิสฺสนฺติ ปริกฑฺฒิสฺสนฺติฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, วินยํ วิวเณฺณมา’’ติฯ อถ โข ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘กิํ ปนิเมหิ ขุทฺทานุขุทฺทเกหิ สิกฺขาปเทหิ อุทฺทิเฎฺฐหิ, ยาวเทว กุกฺกุจฺจาย วิเหสาย วิเลขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ! เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู วินยํ วิวเณฺณสฺสนฺตีติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วินยํ วิวเณฺณถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, วินยํ วิวเณฺณสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
Atha kho chabbaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘etarahi kho, āvuso, bahū bhikkhū therā ca navā ca majjhimā ca āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇanti. Sace ime vinaye pakataññuno bhavissanti amhe yenicchakaṃ yadicchakaṃ yāvadicchakaṃ ākaḍḍhissanti parikaḍḍhissanti. Handa mayaṃ, āvuso, vinayaṃ vivaṇṇemā’’ti. Atha kho chabbaggiyā bhikkhū bhikkhū upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘‘kiṃ panimehi khuddānukhuddakehi sikkhāpadehi uddiṭṭhehi, yāvadeva kukkuccāya vihesāya vilekhāya saṃvattantī’’ti! Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū vinayaṃ vivaṇṇessantīti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, vinayaṃ vivaṇṇethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, vinayaṃ vivaṇṇessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๓๙. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทยฺย – ‘กิํ ปนิเมหิ ขุทฺทานุขุทฺทเกหิ สิกฺขาปเทหิ อุทฺทิเฎฺฐหิ, ยาวเทว กุกฺกุจฺจาย วิเหสาย วิเลขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, สิกฺขาปทวิวณฺณเก ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
439.‘‘Yo pana bhikkhu pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadeyya – ‘kiṃ panimehi khuddānukhuddakehi sikkhāpadehi uddiṭṭhehi, yāvadeva kukkuccāya vihesāya vilekhāya saṃvattantī’ti, sikkhāpadavivaṇṇake pācittiya’’nti.
๔๔๐. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
440.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเนติ อุทฺทิสเนฺต วา อุทฺทิสาเปเนฺต วา สชฺฌายํ วา กโรเนฺตฯ
Pātimokkhe uddissamāneti uddisante vā uddisāpente vā sajjhāyaṃ vā karonte.
เอวํ วเทยฺยาติ – ‘‘กิํ ปนิเมหิ ขุทฺทานุขุทฺทเกหิ สิกฺขาปเทหิ อุทฺทิเฎฺฐหิ, ยาวเทว กุกฺกุจฺจาย วิเหสาย วิเลขาย สํวตฺตนฺตีติฯ ‘‘เย อิมํ ปริยาปุณนฺติ เตสํ กุกฺกุจฺจํ โหติ, วิเหสา โหติ, วิเลขา โหติ, เย อิมํ น ปริยาปุณนฺติ เตสํ กุกฺกุจฺจํ น โหติ วิเหสา น โหติ วิเลขา น โหติฯ อนุทฺทิฎฺฐํ อิทํ วรํ, อนุคฺคหิตํ อิทํ วรํ, อปริยาปุฎํ อิทํ วรํ, อธาริตํ อิทํ วรํ, วินโย วา อนฺตรธายตุ, อิเม วา ภิกฺขู อปกตญฺญุโน โหนฺตู’’ติ อุปสมฺปนฺนสฺส วินยํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Evaṃvadeyyāti – ‘‘kiṃ panimehi khuddānukhuddakehi sikkhāpadehi uddiṭṭhehi, yāvadeva kukkuccāya vihesāya vilekhāya saṃvattantīti. ‘‘Ye imaṃ pariyāpuṇanti tesaṃ kukkuccaṃ hoti, vihesā hoti, vilekhā hoti, ye imaṃ na pariyāpuṇanti tesaṃ kukkuccaṃ na hoti vihesā na hoti vilekhā na hoti. Anuddiṭṭhaṃ idaṃ varaṃ, anuggahitaṃ idaṃ varaṃ, apariyāpuṭaṃ idaṃ varaṃ, adhāritaṃ idaṃ varaṃ, vinayo vā antaradhāyatu, ime vā bhikkhū apakataññuno hontū’’ti upasampannassa vinayaṃ vivaṇṇeti, āpatti pācittiyassa.
๔๔๑. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี วินยํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส ฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก วินยํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี วินยํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
441. Upasampanne upasampannasaññī vinayaṃ vivaṇṇeti, āpatti pācittiyassa . Upasampanne vematiko vinayaṃ vivaṇṇeti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī vinayaṃ vivaṇṇeti, āpatti pācittiyassa.
อญฺญํ ธมฺมํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส วินยํ วา อญฺญํ วา ธมฺมํ วิวเณฺณติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Aññaṃ dhammaṃ vivaṇṇeti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannassa vinayaṃ vā aññaṃ vā dhammaṃ vivaṇṇeti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๔๒. อนาปตฺติ น วิวเณฺณตุกาโม, ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ สุตฺตเนฺต วา คาถาโย วา อภิธมฺมํ วา ปริยาปุณสฺสุ, ปจฺฉา วินยํ ปริยาปุณิสฺสสี’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
442. Anāpatti na vivaṇṇetukāmo, ‘‘iṅgha tvaṃ suttante vā gāthāyo vā abhidhammaṃ vā pariyāpuṇassu, pacchā vinayaṃ pariyāpuṇissasī’’ti bhaṇati, ummattakassa, ādikammikassāti.
วิเลขนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Vilekhanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
๓. โมหนสิกฺขาปทํ
3. Mohanasikkhāpadaṃ
๔๔๓. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อนาจารํ อาจริตฺวา ‘‘อญฺญาณเกน อาปนฺนาติ ชานนฺตู’’ติ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วทนฺติ – ‘‘อิทาเนว โข มยํ ชานาม, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วกฺขนฺติ – อิทาเนว โข มยํ ชานาม , อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทถ – ‘‘อิทาเนว โข มยํ ชานาม, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วกฺขถ – ‘‘อิทาเนว โข มยํ ชานาม, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
443. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū anācāraṃ ācaritvā ‘‘aññāṇakena āpannāti jānantū’’ti pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadanti – ‘‘idāneva kho mayaṃ jānāma, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū pātimokkhe uddissamāne evaṃ vakkhanti – idāneva kho mayaṃ jānāma , ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadetha – ‘‘idāneva kho mayaṃ jānāma, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, pātimokkhe uddissamāne evaṃ vakkhatha – ‘‘idāneva kho mayaṃ jānāma, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๔๔. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนฺวทฺธมาสํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทยฺย – ‘อิทาเนว โข อหํ ชานามิ, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’ติฯ ตเญฺจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ นิสินฺนปุพฺพํ อิมินา ภิกฺขุนา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน, โก ปน วาโท ภิโยฺย 11, น จ ตสฺส ภิกฺขุโน อญฺญาณเกน มุตฺติ อตฺถิ, ยญฺจ ตตฺถ อาปตฺติํ อาปโนฺน ตญฺจ ยถาธโมฺม กาเรตโพฺพ, อุตฺตริ จสฺส โมโห อาโรเปตโพฺพ – ‘ตสฺส เต, อาวุโส, อลาภา, ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, ยํ ตฺวํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน น สาธุกํ อฎฺฐิํ กตฺวา 12 มนสิ กโรสี’ติฯ อิทํ ตสฺมิํ โมหนเก ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
444.‘‘Yo pana bhikkhu anvaddhamāsaṃpātimokkhe uddissamāne evaṃ vadeyya – ‘idāneva kho ahaṃ jānāmi, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’ti. Tañce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jāneyyuṃ nisinnapubbaṃ iminā bhikkhunā dvattikkhattuṃ pātimokkhe uddissamāne, ko pana vādo bhiyyo 13, na ca tassa bhikkhuno aññāṇakena mutti atthi, yañca tattha āpattiṃ āpanno tañca yathādhammo kāretabbo, uttari cassa moho āropetabbo – ‘tassa te, āvuso, alābhā, tassa te dulladdhaṃ, yaṃ tvaṃ pātimokkhe uddissamāne na sādhukaṃ aṭṭhiṃ katvā 14 manasi karosī’ti. Idaṃ tasmiṃ mohanake pācittiya’’nti.
๔๔๕. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
445.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
อนฺวทฺธมาสนฺติ อนุโปสถิกํฯ
Anvaddhamāsanti anuposathikaṃ.
ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเนติ อุทฺทิสเนฺตฯ
Pātimokkhe uddissamāneti uddisante.
เอวํ วเทยฺยาติ อนาจารํ อาจริตฺวา – ‘‘อญฺญาณเกน อาปโนฺนติ ชานนฺตู’’ติ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทติ – ‘‘อิทาเนว โข อหํ ชานามิ, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Evaṃvadeyyāti anācāraṃ ācaritvā – ‘‘aññāṇakena āpannoti jānantū’’ti pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadeti – ‘‘idāneva kho ahaṃ jānāmi, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa.
ตเญฺจ โมเหตุกามํ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ นิสินฺนปุพฺพํ อิมินา ภิกฺขุนา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน, โก ปน วาโท ภิโยฺย, น จ ตสฺส ภิกฺขุโน อญฺญาณเกน มุตฺติ อตฺถิ, ยญฺจ ตตฺถ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตญฺจ ยถาธโมฺม กาเรตโพฺพ, อุตฺตริ จสฺส โมโห อาโรเปตโพฺพฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อาโรเปตโพฺพฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Tañce mohetukāmaṃ bhikkhuṃ aññe bhikkhū jāneyyuṃ nisinnapubbaṃ iminā bhikkhunā dvattikkhattuṃ pātimokkhe uddissamāne, ko pana vādo bhiyyo, na ca tassa bhikkhuno aññāṇakena mutti atthi, yañca tattha āpattiṃ āpanno, tañca yathādhammo kāretabbo, uttari cassa moho āropetabbo. Evañca pana, bhikkhave, āropetabbo. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๔๔๖. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน น สาธุกํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กโรติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน โมหํ อาโรเปยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ
446. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu pātimokkhe uddissamāne na sādhukaṃ aṭṭhiṃ katvā manasi karoti. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmassa bhikkhuno mohaṃ āropeyya. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน น สาธุกํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กโรติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน โมหํ อาโรเปติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน โมหสฺส อาโรปนา, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu pātimokkhe uddissamāne na sādhukaṃ aṭṭhiṃ katvā manasi karoti. Saṅgho itthannāmassa bhikkhuno mohaṃ āropeti. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno mohassa āropanā, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘อาโรปิโต สเงฺฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน โมโหฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Āropito saṅghena itthannāmassa bhikkhuno moho. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
อนาโรปิเต โมเห โมเหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อาโรปิเต โมเห โมเหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Anāropite mohe moheti, āpatti dukkaṭassa. Āropite mohe moheti, āpatti pācittiyassa.
๔๔๗. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี โมเหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
447. Dhammakamme dhammakammasaññī, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme adhammakammasaññī moheti, āpatti pācittiyassa.
อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko , āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๔๘. อนาปตฺติ น วิตฺถาเรน สุตํ โหติ, อูนกทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วิตฺถาเรน สุตํ โหติ, น โมเหตุกามสฺส, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
448. Anāpatti na vitthārena sutaṃ hoti, ūnakadvattikkhattuṃ vitthārena sutaṃ hoti, na mohetukāmassa, ummattakassa, ādikammikassāti.
โมหนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Mohanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
๔. ปหารสิกฺขาปทํ
4. Pahārasikkhāpadaṃ
๔๔๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปหารํ เทนฺติฯ เต โรทนฺติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, โรทถา’’ติ? ‘‘อิเม, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา อมฺหากํ ปหารํ เทนฺตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา ภิกฺขูนํ ปหารํ ทสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, กุปิตา อนตฺตมนา ภิกฺขูนํ ปหารํ เทถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, กุปิตา อนตฺตมนา ภิกฺขูนํ ปหารํ ทสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
449. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ pahāraṃ denti. Te rodanti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kissa tumhe, āvuso, rodathā’’ti? ‘‘Ime, āvuso, chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā amhākaṃ pahāraṃ dentī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā bhikkhūnaṃ pahāraṃ dassantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, kupitā anattamanā bhikkhūnaṃ pahāraṃ dethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, kupitā anattamanā bhikkhūnaṃ pahāraṃ dassatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๕๐. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ ทเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
450.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhussa kupito anattamano pahāraṃ dadeyya, pācittiya’’nti.
๔๕๑. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
451.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.
กุปิโต อนตฺตมโนติ อนภิรโทฺธ อาหตจิโตฺต ขิลชาโตฯ
Kupito anattamanoti anabhiraddho āhatacitto khilajāto.
ปหารํ ทเทยฺยาติ กาเยน วา กายปฎิพเทฺธน วา นิสฺสคฺคิเยน วา อนฺตมโส อุปฺปลปเตฺตนปิ ปหารํ เทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Pahāraṃ dadeyyāti kāyena vā kāyapaṭibaddhena vā nissaggiyena vā antamaso uppalapattenapi pahāraṃ deti, āpatti pācittiyassa.
๔๕๒. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ เทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ เทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ เทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
452. Upasampanne upasampannasaññī kupito anattamano pahāraṃ deti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko kupito anattamano pahāraṃ deti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī kupito anattamano pahāraṃ deti, āpatti pācittiyassa.
อนุปสมฺปนฺนสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ เทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannassa kupito anattamano pahāraṃ deti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko , āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๕๓. อนาปตฺติ เกนจิ วิเหฐียมาโน โมกฺขาธิปฺปาโย ปหารํ เทติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
453. Anāpatti kenaci viheṭhīyamāno mokkhādhippāyo pahāraṃ deti, ummattakassa, ādikammikassāti.
ปหารสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Pahārasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ
5. Talasattikasikkhāpadaṃ
๔๕๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรนฺติฯ เต ปหารสมุจฺจิตา โรทนฺติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, โรทถา’’ติ? ‘‘อิเม, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา อมฺหากํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรนฺตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุปิตา อนตฺตมนา สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิริสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, กุปิตา อนตฺตมนา สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, กุปิตา อนตฺตมนา สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิริสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
454. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ talasattikaṃ uggiranti. Te pahārasamuccitā rodanti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kissa tumhe, āvuso, rodathā’’ti? ‘‘Ime, āvuso, chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā amhākaṃ talasattikaṃ uggirantī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū kupitā anattamanā sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ talasattikaṃ uggirissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, kupitā anattamanā sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ talasattikaṃ uggirathāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, kupitā anattamanā sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ talasattikaṃ uggirissatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๕๕. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิเรยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
455.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhussa kupito anattamano talasattikaṃ uggireyya, pācittiya’’nti.
๔๕๖. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
456.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.
กุปิโต อนตฺตมโนติ อนภิรโทฺธ อาหตจิโตฺต ขิลชาโตฯ
Kupito anattamanoti anabhiraddho āhatacitto khilajāto.
ตลสตฺติกํ อุคฺคิเรยฺยาติ กายํ วา กายปฎิพทฺธํ วา อนฺตมโส อุปฺปลปตฺตมฺปิ อุจฺจาเรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Talasattikaṃuggireyyāti kāyaṃ vā kāyapaṭibaddhaṃ vā antamaso uppalapattampi uccāreti, āpatti pācittiyassa.
๔๕๗. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
457. Upasampanne upasampannasaññī kupito anattamano talasattikaṃ uggirati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko kupito anattamano talasattikaṃ uggirati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī kupito anattamano talasattikaṃ uggirati, āpatti pācittiyassa.
อนุปสมฺปนฺนสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannassa kupito anattamano talasattikaṃ uggirati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๕๘. อนาปตฺติ เกนจิ วิเหฐียมาโน โมกฺขาธิปฺปาโย ตลสตฺติกํ อุคฺคิรติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
458. Anāpatti kenaci viheṭhīyamāno mokkhādhippāyo talasattikaṃ uggirati, ummattakassa, ādikammikassāti.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
Talasattikasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.
๖. อมูลกสิกฺขาปทํ
6. Amūlakasikkhāpadaṃ
๔๕๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสถาติ ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
459. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃsenti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃsessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃsethāti ? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃsessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๖๐. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
460.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃseyya, pācittiya’’nti.
๔๖๑. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
461.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุนฺติ อญฺญํ ภิกฺขุํฯ
Bhikkhunti aññaṃ bhikkhuṃ.
อมูลกํ นาม อทิฎฺฐํ อสฺสุตํ อปริสงฺกิตํฯ
Amūlakaṃ nāma adiṭṭhaṃ assutaṃ aparisaṅkitaṃ.
สงฺฆาทิเสเสนาติ เตรสนฺนํ อญฺญตเรนฯ
Saṅghādisesenāti terasannaṃ aññatarena.
อนุทฺธํเสยฺยาติ โจเทติ วา โจทาเปติ วา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Anuddhaṃseyyāti codeti vā codāpeti vā, āpatti pācittiyassa.
๔๖๒. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสติ , อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
462. Upasampanne upasampannasaññī amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃseti , āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃseti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃseti, āpatti pācittiyassa.
อาจารวิปตฺติยา วา ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา อนุทฺธํเสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปนฺนํ อนุทฺธํเสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Ācāravipattiyā vā diṭṭhivipattiyā vā anuddhaṃseti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannaṃ anuddhaṃseti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๖๓. อนาปตฺติ ตถาสญฺญี โจเทติ, วา โจทาเปติ วา, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
463. Anāpatti tathāsaññī codeti, vā codāpeti vā, ummattakassa, ādikammikassāti.
อมูลกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Amūlakasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
๗. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ
7. Sañciccasikkhāpadaṃ
๔๖๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหนฺติ – ‘‘ภควตา, อาวุโส, สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ – ‘น อูนวีสติวโสฺส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตโพฺพ’ติฯ ตุเมฺห จ อูนวีสติวสฺสา อุปสมฺปนฺนาฯ กจฺจิ โน ตุเมฺห อนุปสมฺปนฺนา’’ติ? เต โรทนฺติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, โรทถา’’ติ? ‘‘อิเม , อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อมฺหากํ สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหนฺตี’’ติ ฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขูนํ สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขูนํ สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหิสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
464. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ sañcicca kukkuccaṃ upadahanti – ‘‘bhagavatā, āvuso, sikkhāpadaṃ paññattaṃ – ‘na ūnavīsativasso puggalo upasampādetabbo’ti. Tumhe ca ūnavīsativassā upasampannā. Kacci no tumhe anupasampannā’’ti? Te rodanti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kissa tumhe, āvuso, rodathā’’ti? ‘‘Ime , āvuso, chabbaggiyā bhikkhū amhākaṃ sañcicca kukkuccaṃ upadahantī’’ti . Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhūnaṃ sañcicca kukkuccaṃ upadahissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhūnaṃ sañcicca kukkuccaṃ upadahathāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhūnaṃ sañcicca kukkuccaṃ upadahissatha! Netaṃ, moghapurisā appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๖๕. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทเหยฺย 15 – ‘อิติสฺส มุหุตฺตมฺปิ อผาสุ ภวิสฺสตี’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
465.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhussa sañcicca kukkuccaṃ upadaheyya 16 – ‘itissa muhuttampi aphāsu bhavissatī’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiya’’nti.
๔๖๖. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
466.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.
สญฺจิจฺจาติ ชานโนฺต สญฺชานโนฺต เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโมฯ
Sañciccāti jānanto sañjānanto cecca abhivitaritvā vītikkamo.
กุกฺกุจฺจํ อุปทเหยฺยาติ ‘‘อูนวีสติวโสฺส มเญฺญ ตฺวํ อุปสมฺปโนฺน, วิกาเล มเญฺญ ตยา ภุตฺตํ, มชฺชํ มเญฺญ ตยา ปีตํ, มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห มเญฺญ ตยา นิสินฺน’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อุปทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Kukkuccaṃ upadaheyyāti ‘‘ūnavīsativasso maññe tvaṃ upasampanno, vikāle maññe tayā bhuttaṃ, majjaṃ maññe tayā pītaṃ, mātugāmena saddhiṃ raho maññe tayā nisinna’’nti kukkuccaṃ upadahati, āpatti pācittiyassa.
เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา, อนญฺญนฺติ น อโญฺญ โกจิ ปจฺจโย โหติ กุกฺกุจฺจํ อุปทหิตุํฯ
Etadevapaccayaṃ karitvā, anaññanti na añño koci paccayo hoti kukkuccaṃ upadahituṃ.
๔๖๗. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
467. Upasampanne upasampannasaññī sañcicca kukkuccaṃ upadahati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko sañcicca kukkuccaṃ upadahati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī sañcicca kukkuccaṃ upadahati, āpatti pācittiyassa.
อนุปสมฺปนฺนสฺส สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannassa sañcicca kukkuccaṃ upadahati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๖๘. อนาปตฺติ น กุกฺกุจฺจํ อุปทหิตุกาโม ‘‘อูนวีสติวโสฺส มเญฺญ ตฺวํ อุปสมฺปโนฺน, วิกาเล มเญฺญ ตยา ภุตฺตํ, มชฺชํ มเญฺญ ตยา ปีตํ, มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห มเญฺญ ตยา นิสินฺนํ, อิงฺฆ ชานาหิ, มา เต ปจฺฉา กุกฺกุจฺจํ อโหสี’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
468. Anāpatti na kukkuccaṃ upadahitukāmo ‘‘ūnavīsativasso maññe tvaṃ upasampanno, vikāle maññe tayā bhuttaṃ, majjaṃ maññe tayā pītaṃ, mātugāmena saddhiṃ raho maññe tayā nisinnaṃ, iṅgha jānāhi, mā te pacchā kukkuccaṃ ahosī’’ti bhaṇati, ummattakassa, ādikammikassāti.
สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Sañciccasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทํ
8. Upassutisikkhāpadaṃ
๔๖๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เปสเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ภณฺฑนฺติฯ เปสลา ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ‘‘อลชฺชิโน อิเม, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขูฯ น สกฺกา อิเมหิ สห ภณฺฑิตุ’’นฺติฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, อเมฺห อลชฺชิวาเทน ปาเปถา’’ติ? ‘‘กหํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส, อสฺสุตฺถา’’ติ? ‘‘มยํ อายสฺมนฺตานํ อุปสฺสุติํ 17 ติฎฺฐมฺหา’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติํ 18 ติฎฺฐิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติํ 19 ติฎฺฐถาติ? ‘‘สจฺจ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติํ 20 ติฎฺฐิสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
469. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū pesalehi bhikkhūhi saddhiṃ bhaṇḍanti. Pesalā bhikkhū evaṃ vadanti – ‘‘alajjino ime, āvuso, chabbaggiyā bhikkhū. Na sakkā imehi saha bhaṇḍitu’’nti. Chabbaggiyā bhikkhū evaṃ vadanti – ‘‘kissa tumhe, āvuso, amhe alajjivādena pāpethā’’ti? ‘‘Kahaṃ pana tumhe, āvuso, assutthā’’ti? ‘‘Mayaṃ āyasmantānaṃ upassutiṃ 21 tiṭṭhamhā’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ upassutiṃ 22 tiṭṭhissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ upassutiṃ 23 tiṭṭhathāti? ‘‘Sacca, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ upassutiṃ 24 tiṭṭhissatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๗๐. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติํ ติเฎฺฐยฺย – ‘ยํ อิเม ภณิสฺสนฺติ ตํ โสสฺสามี’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
470.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ upassutiṃ tiṭṭheyya – ‘yaṃ ime bhaṇissanti taṃ sossāmī’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiya’’nti.
๔๗๑. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
471.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขูนนฺติ อเญฺญสํ ภิกฺขูนํฯ
Bhikkhūnanti aññesaṃ bhikkhūnaṃ.
ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานนฺติ อธิกรณชาตานํฯ
Bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānanti adhikaraṇajātānaṃ.
อุปสฺสุติํ ติเฎฺฐยฺยาติ ‘‘อิเมสํ สุตฺวา โจเทสฺสามิ สาเรสฺสามิ ปฎิโจเทสฺสามิ ปฎิสาเรสฺสามิ มงฺกู กริสฺสามี’’ติ คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ยตฺถ ฐิโต สุณาติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปจฺฉโต คจฺฉโนฺต ตุริโต คจฺฉติ โสสฺสามีติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ยตฺถ ฐิโต สุณาติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปุรโต คจฺฉโนฺต โอหิยฺยติ โสสฺสามีติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ยตฺถ ฐิโต สุณาติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุสฺส ฐิโตกาสํ วา นิสิโนฺนกาสํ วา นิปโนฺนกาสํ วา อาคนฺตฺวา มเนฺตนฺตํ อุกฺกาสิตพฺพํ , วิชานาเปตพฺพํ, โน เจ อุกฺกาเสยฺย วา วิชานาเปยฺย วา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Upassutiṃ tiṭṭheyyāti ‘‘imesaṃ sutvā codessāmi sāressāmi paṭicodessāmi paṭisāressāmi maṅkū karissāmī’’ti gacchati, āpatti dukkaṭassa. Yattha ṭhito suṇāti, āpatti pācittiyassa. Pacchato gacchanto turito gacchati sossāmīti, āpatti dukkaṭassa. Yattha ṭhito suṇāti, āpatti pācittiyassa. Purato gacchanto ohiyyati sossāmīti, āpatti dukkaṭassa. Yattha ṭhito suṇāti, āpatti pācittiyassa. Bhikkhussa ṭhitokāsaṃ vā nisinnokāsaṃ vā nipannokāsaṃ vā āgantvā mantentaṃ ukkāsitabbaṃ , vijānāpetabbaṃ, no ce ukkāseyya vā vijānāpeyya vā, āpatti pācittiyassa.
เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญนฺติ น อโญฺญ โกจิ ปจฺจโย โหติ อุปสฺสุติํ ติฎฺฐิตุํฯ
Etadeva paccayaṃ karitvā anaññanti na añño koci paccayo hoti upassutiṃ tiṭṭhituṃ.
๔๗๒. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี อุปสฺสุติํ ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก อุปสฺสุติํ ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี อุปสฺสุติํ ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
472. Upasampanne upasampannasaññī upassutiṃ tiṭṭhati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko upassutiṃ tiṭṭhati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī upassutiṃ tiṭṭhati, āpatti pācittiyassa.
อนุปสมฺปนฺนสฺส อุปสฺสุติํ ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannassa upassutiṃ tiṭṭhati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๔๗๓. อนาปตฺติ – ‘‘อิเมสํ สุตฺวา โอรมิสฺสามิ วิรมิสฺสามิ วูปสมิสฺสามิ 25 อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามี’’ติ คจฺฉติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
473. Anāpatti – ‘‘imesaṃ sutvā oramissāmi viramissāmi vūpasamissāmi 26 attānaṃ parimocessāmī’’ti gacchati, ummattakassa, ādikammikassāti.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Upassutisikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
๙. กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทํ
9. Kammapaṭibāhanasikkhāpadaṃ
๔๗๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อนาจารํ อาจริตฺวา เอกเมกสฺส กเมฺม กยิรมาเน ปฎิโกฺกสนฺติฯ เตน โข ปน สมเยน สโงฺฆ สนฺนิปติโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺตา เอกสฺส ฉนฺทํ อทํสุฯ อถ โข สโงฺฆ – ‘‘อยํ, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิโย ภิกฺขุ เอกโก อาคโต, หนฺทสฺส มยํ กมฺมํ กโรมา’’ติ ตสฺส กมฺมํ อกาสิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ เยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิํ, อาวุโส, สโงฺฆ อกาสี’’ติ? ‘‘สโงฺฆ เม, อาวุโส, กมฺมํ อกาสี’’ติฯ ‘‘น มยํ, อาวุโส, เอตทตฺถาย ฉนฺทํ อทมฺหา – ‘‘ตุยฺหํ กมฺมํ กริสฺสตี’’ติฯ สเจ จ มยํ ชาเนยฺยาม ‘‘ตุยฺหํ กมฺมํ กริสฺสตี’’ติ, น มยํ ฉนฺทํ ทเทยฺยามา’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ 27 อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ 28 อาปชฺชถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ 29 อาปชฺชิสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
474. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū anācāraṃ ācaritvā ekamekassa kamme kayiramāne paṭikkosanti. Tena kho pana samayena saṅgho sannipatito hoti kenacideva karaṇīyena. Chabbaggiyā bhikkhū cīvarakammaṃ karontā ekassa chandaṃ adaṃsu. Atha kho saṅgho – ‘‘ayaṃ, āvuso, chabbaggiyo bhikkhu ekako āgato, handassa mayaṃ kammaṃ karomā’’ti tassa kammaṃ akāsi. Atha kho so bhikkhu yena chabbaggiyā bhikkhū tenupasaṅkami. Chabbaggiyā bhikkhū taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘‘kiṃ, āvuso, saṅgho akāsī’’ti? ‘‘Saṅgho me, āvuso, kammaṃ akāsī’’ti. ‘‘Na mayaṃ, āvuso, etadatthāya chandaṃ adamhā – ‘‘tuyhaṃ kammaṃ karissatī’’ti. Sace ca mayaṃ jāneyyāma ‘‘tuyhaṃ kammaṃ karissatī’’ti, na mayaṃ chandaṃ dadeyyāmā’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ 30 āpajjissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ 31 āpajjathāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ 32 āpajjissatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๗๕. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปเชฺชยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
475.‘‘Yo pana bhikkhu dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjeyya, pācittiya’’nti.
๔๗๖. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
476.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ธมฺมิกํ นาม กมฺมํ อปโลกนกมฺมํ ญตฺติกมฺมํ ญตฺติทุติยกมฺมํ ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน กตํ, เอตํ ธมฺมิกํ นาม กมฺมํฯ ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยติ อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Dhammikaṃ nāma kammaṃ apalokanakammaṃ ñattikammaṃ ñattidutiyakammaṃ ñatticatutthakammaṃ dhammena vinayena satthusāsanena kataṃ, etaṃ dhammikaṃ nāma kammaṃ. Chandaṃ datvā khiyyati āpatti pācittiyassa.
๔๗๗. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยติ, อนาปตฺติฯ อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อนาปตฺติฯ
477. Dhammakamme dhammakammasaññī chandaṃ datvā khiyyati, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko chandaṃ datvā khiyyati, āpatti dukkaṭassa. Dhammakamme adhammakammasaññī chandaṃ datvā khiyyati, anāpatti. Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, anāpatti.
๔๗๘. อนาปตฺติ – ‘‘อธเมฺมน วา วเคฺคน วา น กมฺมารหสฺส วา กมฺมํ กต’’นฺติ ชานโนฺต ขิยฺยติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
478. Anāpatti – ‘‘adhammena vā vaggena vā na kammārahassa vā kammaṃ kata’’nti jānanto khiyyati, ummattakassa, ādikammikassāti.
กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Kammapaṭibāhanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทํ
10. Chandaṃadatvāgamanasikkhāpadaṃ
๔๗๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สโงฺฆ สนฺนิปติโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺตา เอกสฺส ฉนฺทํ อทํสุฯ อถ โข สโงฺฆ ‘‘ยสฺสตฺถาย สนฺนิปติโต ตํ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ ญตฺติํ ฐเปสิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ – ‘‘เอวเมวิเม เอกเมกสฺส กมฺมํ กโรนฺติ, กสฺส ตุเมฺห กมฺมํ กริสฺสถา’’ติ ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิสฺสสิ ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
479. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena saṅgho sannipatito hoti kenacideva karaṇīyena. Chabbaggiyā bhikkhū cīvarakammaṃ karontā ekassa chandaṃ adaṃsu. Atha kho saṅgho ‘‘yassatthāya sannipatito taṃ kammaṃ karissāmī’’ti ñattiṃ ṭhapesi. Atha kho so bhikkhu – ‘‘evamevime ekamekassa kammaṃ karonti, kassa tumhe kammaṃ karissathā’’ti chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhu saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamasīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamissasi ! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๘๐. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกเมยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
480.‘‘Yo pana bhikkhu saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkameyya, pācittiya’’nti.
๔๘๑. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
481.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
สเงฺฆ วินิจฺฉยกถา นาม วตฺถุ วา อาโรจิตํ โหติ อวินิจฺฉิตํ, ญตฺติ วา ฐปิตา โหติ, กมฺมวาจา วา วิปฺปกตา โหติฯ
Saṅghe vinicchayakathā nāma vatthu vā ārocitaṃ hoti avinicchitaṃ, ñatti vā ṭhapitā hoti, kammavācā vā vippakatā hoti.
ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกเมยฺยาติ – ‘‘กถํ อิทํ กมฺมํ กุปฺปํ อสฺส วคฺคํ อสฺส น กเรยฺยา’’ติ คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปริสาย หตฺถปาสํ วิชหนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ วิชหิเต อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkameyyāti – ‘‘kathaṃ idaṃ kammaṃ kuppaṃ assa vaggaṃ assa na kareyyā’’ti gacchati, āpatti dukkaṭassa. Parisāya hatthapāsaṃ vijahantassa āpatti dukkaṭassa. Vijahite āpatti pācittiyassa.
๔๘๒. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมติ, อนาปตฺติฯ อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อนาปตฺติฯ
482. Dhammakamme dhammakammasaññī chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamati, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamati, āpatti dukkaṭassa. Dhammakamme adhammakammasaññī chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkamati, anāpatti. Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, anāpatti.
๔๘๓. อนาปตฺติ – ‘‘สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ วา กลโห วา วิคฺคโห วา วิวาโท วา ภวิสฺสตี’’ติ คจฺฉติ, ‘‘สงฺฆเภโท วา สงฺฆราชิ วา ภวิสฺสตี’’ติ คจฺฉติ, ‘‘อธเมฺมน วา วเคฺคน วา น กมฺมารหสฺส วา กมฺมํ กริสฺสตี’’ติ คจฺฉติ, คิลาโน คจฺฉติ, คิลานสฺส กรณีเยน คจฺฉติ, อุจฺจาเรน วา ปสฺสาเวน วา ปีฬิโต คจฺฉติ, ‘‘น กมฺมํ โกเปตุกาโม ปุน ปจฺจาคมิสฺสามี’’ติ คจฺฉติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
483. Anāpatti – ‘‘saṅghassa bhaṇḍanaṃ vā kalaho vā viggaho vā vivādo vā bhavissatī’’ti gacchati, ‘‘saṅghabhedo vā saṅgharāji vā bhavissatī’’ti gacchati, ‘‘adhammena vā vaggena vā na kammārahassa vā kammaṃ karissatī’’ti gacchati, gilāno gacchati, gilānassa karaṇīyena gacchati, uccārena vā passāvena vā pīḷito gacchati, ‘‘na kammaṃ kopetukāmo puna paccāgamissāmī’’ti gacchati, ummattakassa, ādikammikassāti.
ฉนฺทํ อทตฺวา คมนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ
Chandaṃ adatvā gamanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทํ
11. Dubbalasikkhāpadaṃ
๔๘๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญเปติ ภตฺตานิ จ อุทฺทิสติฯ โส จายสฺมา ทุพฺพลจีวโร โหติฯ เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส เอกํ จีวรํ อุปฺปนฺนํ โหติฯ อถ โข สโงฺฆ ตํ จีวรํ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส อทาสิ ฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ยถาสนฺถุตํ ภิกฺขู สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณาเมนฺตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปชฺชถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปชฺชิสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ, วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
484. Tena samayena buddho bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena āyasmā dabbo mallaputto saṅghassa senāsanañca paññapeti bhattāni ca uddisati. So cāyasmā dubbalacīvaro hoti. Tena kho pana samayena saṅghassa ekaṃ cīvaraṃ uppannaṃ hoti. Atha kho saṅgho taṃ cīvaraṃ āyasmato dabbassa mallaputtassa adāsi . Chabbaggiyā bhikkhū ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘yathāsanthutaṃ bhikkhū saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇāmentī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjathāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjissatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ, vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๘๕. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปเชฺชยฺย ‘ยถาสนฺถุตํ ภิกฺขู สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณาเมนฺตี’ติ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
485.‘‘Yo pana bhikkhu samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjeyya ‘yathāsanthutaṃ bhikkhū saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇāmentī’ti, pācittiya’’nti.
๔๘๖. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
486.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
สมโคฺค นาม สโงฺฆ สมานสํวาสโก สมานสีมายํ ฐิโตฯ
Samaggo nāma saṅgho samānasaṃvāsako samānasīmāyaṃ ṭhito.
จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํฯ
Cīvaraṃ nāma channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ vikappanupagaṃ pacchimaṃ.
ทตฺวาติ สยํ ทตฺวาฯ
Datvāti sayaṃ datvā.
ยถาสนฺถุตํ นาม ยถามิตฺตตา ยถาสนฺทิฎฺฐตา ยถาสมฺภตฺตตา ยถาสมานุปชฺฌายกตา ยถาสมานาจริยกตาฯ
Yathāsanthutaṃ nāma yathāmittatā yathāsandiṭṭhatā yathāsambhattatā yathāsamānupajjhāyakatā yathāsamānācariyakatā.
สงฺฆิกํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหติ ปริจฺจตฺตํฯ
Saṅghikaṃ nāma saṅghassa dinnaṃ hoti pariccattaṃ.
ลาโภ นาม จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, อนฺตมโส จุณฺณปิโณฺฑปิ, ทนฺตกฎฺฐมฺปิ, ทสิกสุตฺตมฺปิฯ
Lābho nāma cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā, antamaso cuṇṇapiṇḍopi, dantakaṭṭhampi, dasikasuttampi.
ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปเชฺชยฺยาติ อุปสมฺปนฺนสฺส สเงฺฆน สมฺมตสฺส เสนาสนปญฺญาปกสฺส วา ภตฺตุเทฺทสกสฺส วา ยาคุภาชกสฺส วา ผลภาชกสฺส วา ขชฺชภาชกสฺส วา อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสฺส วา จีวรํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Pacchākhīyanadhammaṃ āpajjeyyāti upasampannassa saṅghena sammatassa senāsanapaññāpakassa vā bhattuddesakassa vā yāgubhājakassa vā phalabhājakassa vā khajjabhājakassa vā appamattakavissajjakassa vā cīvaraṃ dinne khiyyati, āpatti pācittiyassa.
๔๘๗. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี จีวรํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก จีวรํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี จีวรํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
487. Dhammakamme dhammakammasaññī cīvaraṃ dinne khiyyati, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko cīvaraṃ dinne khiyyati, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme adhammakammasaññī cīvaraṃ dinne khiyyati, āpatti pācittiyassa.
อญฺญํ ปริกฺขารํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อุปสมฺปนฺนสฺส สเงฺฆน อสมฺมตสฺส เสนาสนปญฺญาปกสฺส วา ภตฺตุเทฺทสกสฺส วา ยาคุภาชกสฺส วา ผลภาชกสฺส วา ขชฺชภาชกสฺส วา อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสฺส วา จีวรํ วา อญฺญํ วา ปริกฺขารํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส สเงฺฆน สมฺมตสฺส วา อสมฺมตสฺส วา เสนาสนปญฺญาปกสฺส วา ภตฺตุเทฺทสกสฺส วา ยาคุภาชกสฺส วา ผลภาชกสฺส วา ขชฺชภาชกสฺส วา อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสฺส วา จีวรํ วา อญฺญํ วา ปริกฺขารํ ทิเนฺน ขิยฺยติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Aññaṃ parikkhāraṃ dinne khiyyati, āpatti dukkaṭassa. Upasampannassa saṅghena asammatassa senāsanapaññāpakassa vā bhattuddesakassa vā yāgubhājakassa vā phalabhājakassa vā khajjabhājakassa vā appamattakavissajjakassa vā cīvaraṃ vā aññaṃ vā parikkhāraṃ dinne khiyyati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannassa saṅghena sammatassa vā asammatassa vā senāsanapaññāpakassa vā bhattuddesakassa vā yāgubhājakassa vā phalabhājakassa vā khajjabhājakassa vā appamattakavissajjakassa vā cīvaraṃ vā aññaṃ vā parikkhāraṃ dinne khiyyati, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, anāpatti.
๔๘๘. อนาปตฺติ – ปกติยา ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา กโรนฺตํ ‘‘กฺวโตฺถ ตสฺส ทิเนฺนน ลทฺธาปิ วินิปาเตสฺสติ น สมฺมา อุปเนสฺสตี’’ติ ขิยฺยติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
488. Anāpatti – pakatiyā chandā dosā mohā bhayā karontaṃ ‘‘kvattho tassa dinnena laddhāpi vinipātessati na sammā upanessatī’’ti khiyyati, ummattakassa, ādikammikassāti.
ทุพฺพลสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ เอกาทสมํฯ
Dubbalasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ ekādasamaṃ.
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทํ
12. Pariṇāmanasikkhāpadaṃ
๔๘๙. 33 เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺส ปูคสฺส สงฺฆสฺส สจีวรภตฺตํ ปฎิยตฺตํ โหติ – ‘‘โภเชตฺวา จีวเรน อจฺฉาเทสฺสามา’’ติฯ อถ โข ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เยน โส ปูโค เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปูคํ เอตทโวจุํ – ‘‘เทถาวุโส, อิมานิ จีวรานิ อิเมสํ ภิกฺขูน’’นฺติฯ ‘‘น มยํ, ภเนฺต, ทสฺสามฯ อมฺหากํ สงฺฆสฺส อนุวสฺสํ สจีวรภิกฺขา ปญฺญตฺตา’’ติฯ ‘‘พหู, อาวุโส, สงฺฆสฺส ทายกา, พหู สงฺฆสฺส ภตฺตา 34ฯ อิเม ตุเมฺห นิสฺสาย ตุเมฺห สมฺปสฺสนฺตา อิธ วิหรนฺติฯ ตุเมฺห เจ อิเมสํ น ทสฺสถ, อถ โก จรหิ อิเมสํ ทสฺสติ? เทถาวุโส, อิมานิ จีวรานิ อิเมสํ ภิกฺขูน’’นฺติฯ อถ โข โส ปูโค ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ นิปฺปีฬิยมาโน ยถาปฎิยตฺตํ จีวรํ ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ทตฺวา สงฺฆํ ภเตฺตน ปริวิสิฯ เย เต ภิกฺขู ชานนฺติ สงฺฆสฺส สจีวรภตฺตํ ปฎิยตฺตํ ‘‘น จ ชานนฺติ ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ทินฺน’’นฺติ เต เอวมาหํสุ – ‘‘โอโณเชถาวุโส, สงฺฆสฺส จีวร’’นฺติฯ ‘‘นตฺถิ, ภเนฺตฯ ยถาปฎิยตฺตํ จีวรํ อยฺยา ฉพฺพคฺคิยา อยฺยานํ ฉพฺพคฺคิยานํ ปริณาเมสุ’’นฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
489.35 Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sāvatthiyaṃ aññatarassa pūgassa saṅghassa sacīvarabhattaṃ paṭiyattaṃ hoti – ‘‘bhojetvā cīvarena acchādessāmā’’ti. Atha kho chabbaggiyā bhikkhū yena so pūgo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā taṃ pūgaṃ etadavocuṃ – ‘‘dethāvuso, imāni cīvarāni imesaṃ bhikkhūna’’nti. ‘‘Na mayaṃ, bhante, dassāma. Amhākaṃ saṅghassa anuvassaṃ sacīvarabhikkhā paññattā’’ti. ‘‘Bahū, āvuso, saṅghassa dāyakā, bahū saṅghassa bhattā 36. Ime tumhe nissāya tumhe sampassantā idha viharanti. Tumhe ce imesaṃ na dassatha, atha ko carahi imesaṃ dassati? Dethāvuso, imāni cīvarāni imesaṃ bhikkhūna’’nti. Atha kho so pūgo chabbaggiyehi bhikkhūhi nippīḷiyamāno yathāpaṭiyattaṃ cīvaraṃ chabbaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ datvā saṅghaṃ bhattena parivisi. Ye te bhikkhū jānanti saṅghassa sacīvarabhattaṃ paṭiyattaṃ ‘‘na ca jānanti chabbaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ dinna’’nti te evamāhaṃsu – ‘‘oṇojethāvuso, saṅghassa cīvara’’nti. ‘‘Natthi, bhante. Yathāpaṭiyattaṃ cīvaraṃ ayyā chabbaggiyā ayyānaṃ chabbaggiyānaṃ pariṇāmesu’’nti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ puggalassa pariṇāmessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ puggalassa pariṇāmethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ puggalassa pariṇāmessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๔๙๐. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
490.‘‘Yo pana bhikkhu jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ puggalassa pariṇāmeyya, pācittiya’’nti.
๔๙๑. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
491.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ
Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.
สงฺฆิกํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหติ ปริจฺจตฺตํฯ
Saṅghikaṃ nāma saṅghassa dinnaṃ hoti pariccattaṃ.
ลาโภ นาม จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, อนฺตมโส จุณฺณปิโณฺฑปิ, ทนฺตกฎฺฐมฺปิ, ทสิกสุตฺตมฺปิฯ
Lābho nāma cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā, antamaso cuṇṇapiṇḍopi, dantakaṭṭhampi, dasikasuttampi.
ปริณตํ นาม ‘‘ทสฺสาม กริสฺสามา’’ติ วาจา ภินฺนา โหติ, ตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Pariṇataṃ nāma ‘‘dassāma karissāmā’’ti vācā bhinnā hoti, taṃ puggalassa pariṇāmeti, āpatti pācittiyassa.
๔๙๒. ปริณเต ปริณตสญฺญี ปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปริณเต เวมติโก ปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปริณเต อปริณตสญฺญี ปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, อนาปตฺติฯ สงฺฆสฺส ปริณตํ อญฺญสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เจติยสฺส ปริณตํ อญฺญเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อญฺญปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ อปริณเต ปริณตสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปริณเต เวมติโก , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปริณเต อปริณตสญฺญี, อนาปตฺติฯ
492. Pariṇate pariṇatasaññī puggalassa pariṇāmeti, āpatti pācittiyassa. Pariṇate vematiko puggalassa pariṇāmeti, āpatti dukkaṭassa. Pariṇate apariṇatasaññī puggalassa pariṇāmeti, anāpatti. Saṅghassa pariṇataṃ aññasaṅghassa vā cetiyassa vā pariṇāmeti, āpatti dukkaṭassa. Cetiyassa pariṇataṃ aññacetiyassa vā saṅghassa vā puggalassa vā pariṇāmeti, āpatti dukkaṭassa. Puggalassa pariṇataṃ aññapuggalassa vā saṅghassa vā cetiyassa vā pariṇāmeti, āpatti dukkaṭassa . Apariṇate pariṇatasaññī, āpatti dukkaṭassa. Apariṇate vematiko , āpatti dukkaṭassa. Apariṇate apariṇatasaññī, anāpatti.
๔๙๓. อนาปตฺติ – ‘‘กตฺถ เทมา’’ติ ปุจฺฉียมาโน – ‘‘ยตฺถ ตุมฺหากํ เทยฺยธโมฺม ปริโภคํ วา ลเภยฺย ปฎิสงฺขารํ วา ลเภยฺย จิรฎฺฐิติโก วา อสฺส ยตฺถ วา ปน ตุมฺหากํ จิตฺตํ ปสีทติ ตตฺถ เทถา’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
493. Anāpatti – ‘‘kattha demā’’ti pucchīyamāno – ‘‘yattha tumhākaṃ deyyadhammo paribhogaṃ vā labheyya paṭisaṅkhāraṃ vā labheyya ciraṭṭhitiko vā assa yattha vā pana tumhākaṃ cittaṃ pasīdati tattha dethā’’ti bhaṇati, ummattakassa, ādikammikassāti.
ปริณามนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทฺวาทสมํฯ
Pariṇāmanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dvādasamaṃ.
สหธมฺมิกวโคฺค อฎฺฐโมฯ
Sahadhammikavaggo aṭṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สหธมฺม-วิวณฺณญฺจ, โมหาปนํ ปหารกํ;
Sahadhamma-vivaṇṇañca, mohāpanaṃ pahārakaṃ;
ตลสตฺติ อมูลญฺจ, สญฺจิจฺจ จ อุปสฺสุติ;
Talasatti amūlañca, sañcicca ca upassuti;
ปฎิพาหนฉนฺทญฺจ, ทพฺพญฺจ ปริณามนนฺติฯ
Paṭibāhanachandañca, dabbañca pariṇāmananti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sahadhammikasikkhāpadavaṇṇanā
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Mohanasikkhāpadavaṇṇanā
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Pahārasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Talasattikasikkhāpadavaṇṇanā
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Amūlakasikkhāpadavaṇṇanā
๗. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Sañciccasikkhāpadavaṇṇanā
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Upassutisikkhāpadavaṇṇanā
๙. กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Kammapaṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Chandaṃadatvāgamanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา • 11. Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Pariṇāmanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sahadhammikasikkhāpadavaṇṇanā
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Mohanasikkhāpadavaṇṇanā
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Pahārasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Talasattikasikkhāpadavaṇṇanā
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Amūlakasikkhāpadavaṇṇanā
๗. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Sañciccasikkhāpadavaṇṇanā
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Upassutisikkhāpadavaṇṇanā
๙. กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Kammapaṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. ฉนฺทํ อทตฺวา คมนสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Chandaṃ adatvā gamanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา • 11. Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sahadhammikasikkhāpadavaṇṇanā
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Mohanasikkhāpadavaṇṇanā
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Pahārasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Talasattikasikkhāpadavaṇṇanā
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Amūlakasikkhāpadavaṇṇanā
๗. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Sañciccasikkhāpadavaṇṇanā
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Upassutisikkhāpadavaṇṇanā
๙. กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Kammapaṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Chandaṃadatvāgamanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา • 11. Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Pariṇāmanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sahadhammikasikkhāpadavaṇṇanā
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Mohanasikkhāpadavaṇṇanā
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Pahārasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Talasattikasikkhāpadavaṇṇanā
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Amūlakasikkhāpadavaṇṇanā
๗. กุกฺกุจฺจุปฺปาทนสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Kukkuccuppādanasikkhāpadavaṇṇanā
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Upassutisikkhāpadavaṇṇanā
๙. ขิยฺยนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Khiyyanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. ปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Pakkamanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา • 11. Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Sahadhammikasikkhāpada-atthayojanā
๒. วิเลขนสิกฺขาปทํ • 2. Vilekhanasikkhāpadaṃ
๓. โมหนสิกฺขาปทํ • 3. Mohanasikkhāpadaṃ
๔. ปหารสิกฺขาปทํ • 4. Pahārasikkhāpadaṃ
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ • 5. Talasattikasikkhāpadaṃ
๖. อมูลกสิกฺขาปทํ • 6. Amūlakasikkhāpadaṃ
๗. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ • 7. Sañciccasikkhāpadaṃ
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทํ • 8. Upassutisikkhāpadaṃ
๙. กมฺมปฎิพาหนสิกฺขาปทํ • 9. Kammapaṭibāhanasikkhāpadaṃ
๑๐. ฉนฺทํ อทตฺวาคมนสิกฺขาปทํ • 10. Chandaṃ adatvāgamanasikkhāpadaṃ
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทํ • 11. Dubbalasikkhāpadaṃ
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทํ • 12. Pariṇāmanasikkhāpadaṃ