Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
๔๙. ปญฺจมสิกฺขาปเท – มุฎฺฐสฺสตี อสมฺปชานาติ ปุพฺพภาเค สติสมฺปชญฺญสฺส อกรณวเสเนตํ วุตฺตํ, ภวโงฺคติณฺณกาเล ปน กุโต สติสมฺปชญฺญนฺติ! วิกูชมานาติ วิปฺปลปมานา ฯ กากจฺฉมานาติ นาสาย กากสทฺทํ วิย นิรตฺถกสทฺทํ มุญฺจมานาฯ อุปาสกาติ ปฐมตรํ อุฎฺฐิตอุปาสกาฯ
49. Pañcamasikkhāpade – muṭṭhassatī asampajānāti pubbabhāge satisampajaññassa akaraṇavasenetaṃ vuttaṃ, bhavaṅgotiṇṇakāle pana kuto satisampajaññanti! Vikūjamānāti vippalapamānā . Kākacchamānāti nāsāya kākasaddaṃ viya niratthakasaddaṃ muñcamānā. Upāsakāti paṭhamataraṃ uṭṭhitaupāsakā.
๕๐. เอตทโวจุนฺติ ‘‘ภควตา อาวุโส ราหุล สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺต’’นฺติ ภิกฺขู สิกฺขาปทคารเวเนว เอตํ อโวจุํฯ ปกติยา ปน เต ภควติ จ คารเวน อายสฺมโต จ ราหุลสฺส สิกฺขากามตาย ตสฺส อายสฺมโต วสนฎฺฐานํ อาคตสฺส จูฬมญฺจกํ วา อปเสฺสนํ วา ยํ อตฺถิ ตํ ปญฺญเปตฺวา จีวรํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา อุสฺสีสกรณตฺถาย เทนฺติ ฯ ตตฺริทํ ตสฺสายสฺมโต สิกฺขากามตาย – ภิกฺขู กิร ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มุฎฺฐิสมฺมุญฺชนิญฺจ กจวรฉฑฺฑนกญฺจ พหิ ขิปนฺติฯ อถเญฺญหิ ‘‘อาวุโส เกนิทํ ปาติต’’นฺติ วุเตฺต อเญฺญ เอวํ วทนฺติ – ‘‘ภเนฺต, ราหุโล อิมสฺมิํ ปเทเส สญฺจริ, เตน นุ โข ปาติต’’นฺติฯ โส ปนายสฺมา ‘‘น มยฺหํ ภเนฺต อิทํ กมฺม’’นฺติ เอกทิวสมฺปิ อวตฺวา ตํ ปฎิสาเมตฺวา ภิกฺขู ขมาเปตฺวา คจฺฉติฯ วจฺจกุฎิยา เสยฺยํ กเปฺปสีติ ตํเยว สิกฺขากามตํ อนุพฺรูหโนฺต ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานอานนฺทเตฺถราทีนํ สนฺติกํ อคนฺตฺวา ภควโต วฬญฺชนกวจฺจกุฎิยํ เสยฺยํ กเปฺปสิฯ สา กิร กุฎิ กวาฎพทฺธา คนฺธปริภณฺฑกตา สโมสริตปุปฺผทามา เจติยฎฺฐานมิว ติฎฺฐติ, อปริโภคา อเญฺญสํฯ
50.Etadavocunti ‘‘bhagavatā āvuso rāhula sikkhāpadaṃ paññatta’’nti bhikkhū sikkhāpadagāraveneva etaṃ avocuṃ. Pakatiyā pana te bhagavati ca gāravena āyasmato ca rāhulassa sikkhākāmatāya tassa āyasmato vasanaṭṭhānaṃ āgatassa cūḷamañcakaṃ vā apassenaṃ vā yaṃ atthi taṃ paññapetvā cīvaraṃ vā uttarāsaṅgaṃ vā ussīsakaraṇatthāya denti . Tatridaṃ tassāyasmato sikkhākāmatāya – bhikkhū kira taṃ dūratova āgacchantaṃ disvā muṭṭhisammuñjaniñca kacavarachaḍḍanakañca bahi khipanti. Athaññehi ‘‘āvuso kenidaṃ pātita’’nti vutte aññe evaṃ vadanti – ‘‘bhante, rāhulo imasmiṃ padese sañcari, tena nu kho pātita’’nti. So panāyasmā ‘‘na mayhaṃ bhante idaṃ kamma’’nti ekadivasampi avatvā taṃ paṭisāmetvā bhikkhū khamāpetvā gacchati. Vaccakuṭiyā seyyaṃ kappesīti taṃyeva sikkhākāmataṃ anubrūhanto dhammasenāpatimahāmoggallānaānandattherādīnaṃ santikaṃ agantvā bhagavato vaḷañjanakavaccakuṭiyaṃ seyyaṃ kappesi. Sā kira kuṭi kavāṭabaddhā gandhaparibhaṇḍakatā samosaritapupphadāmā cetiyaṭṭhānamiva tiṭṭhati, aparibhogā aññesaṃ.
๕๑. อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตนฺติ ภควา สามเณรานํ สงฺคหกรณตฺถาย ติรตฺตํ ปริหารํ อทาสิฯ น หิ ยุตฺตํ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา นานุคฺคเหตุนฺติฯ สหเสยฺยนฺติ เอกโต เสยฺยํฯ เสยฺยาติ กายปฺปสารณสงฺขาตํ สยนมฺปิ วุจฺจติ, ยสฺมิํ เสนาสเน สยนฺติ, ตมฺปิฯ ตตฺถ เสนาสนํ ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘เสยฺยา นาม สพฺพจฺฉนฺนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กายปฺปสารณํ ทเสฺสตุํ อนุปสมฺปเนฺน นิปเนฺน ภิกฺขุ นิปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺมา อยเมตฺถ อโตฺถ – ‘‘เสนาสนสงฺขาตํ เสยฺยํ ปวิสิตฺวา กายปฺปสารณสงฺขาตํ เสยฺยํ กเปฺปยฺย วิทเหยฺย สมฺปาเทยฺยา’’ติฯ สพฺพจฺฉนฺนาติอาทินา ปน ตสฺสา เสนาสนสงฺขาตาย เสยฺยาย ลกฺขณํ วุตฺตํฯ ตสฺมา ยํ เสนาสนํ อุปริ ปญฺจหิ ฉทเนหิ อเญฺญน วา เกนจิ สพฺพเมว ปฎิจฺฉนฺนํ, อยํ สพฺพจฺฉนฺนา นาม เสยฺยาฯ อฎฺฐกถาสุ ปน ปากฎโวหารํ คเหตฺวา วาจุคฺคตวเสน ‘‘สพฺพจฺฉนฺนา นาม ปญฺจหิ ฉทเนหิ ฉนฺนา’’ติ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ วุตฺตํ? อถ โข ทุสฺสกุฎิยํ วสนฺตสฺสาปิ น สกฺกา อนาปตฺติ กาตุํ, ตสฺมา ยํ กิญฺจิ ปฎิจฺฉาทนสมตฺถํ อิธ ฉทนญฺจ ปริจฺฉนฺนญฺจ เวทิตพฺพํฯ ปญฺจวิธจฺฉทเนเยว หิ คยฺหมาเน ปทรจฺฉเนฺนปิ สหเสยฺยา น ภเวยฺยฯ ยํ ปน เสนาสนํ ภูมิโต ปฎฺฐาย ยาว ฉทนํ อาหจฺจ ปากาเรน วา อเญฺญน วา เกนจิ อนฺตมโส วเตฺถนาปิ ปริกฺขิตฺตํ, อยํ สพฺพปริจฺฉนฺนา นาม เสยฺยาฯ ฉทนํ อนาหจฺจ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพเธน ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตาปิ สพฺพปริจฺฉนฺนาเยวาติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ยสฺสา ปน อุปริ พหุตรํ ฐานํ ฉนฺนํ, อปฺปํ อจฺฉนฺนํ, สมนฺตโต วา พหุตรํ ปริกฺขิตฺตํ, อปฺปํ อปริกฺขิตฺตํ, อยํ เยภุเยฺยน ฉนฺนา เยภุเยฺยน ปริจฺฉนฺนา นามฯ อิมินา หิ ลกฺขเณน สมนฺนาคโต สเจปิ สตฺตภูมโก ปาสาโท เอกูปจาโร โหติ, สตคพฺภํ วา จตุสฺสาลํ วา, เอกเสยฺยาอิเจฺจว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตุเตฺถ ทิวเส อตฺถงฺคเต สูริเย อนุปสมฺปเนฺน นิปเนฺน ภิกฺขุ นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิฯ
51.Uttaridirattatirattanti bhagavā sāmaṇerānaṃ saṅgahakaraṇatthāya tirattaṃ parihāraṃ adāsi. Na hi yuttaṃ kuladārake pabbājetvā nānuggahetunti. Sahaseyyanti ekato seyyaṃ. Seyyāti kāyappasāraṇasaṅkhātaṃ sayanampi vuccati, yasmiṃ senāsane sayanti, tampi. Tattha senāsanaṃ tāva dassetuṃ ‘‘seyyā nāma sabbacchannā’’tiādi vuttaṃ. Kāyappasāraṇaṃ dassetuṃ anupasampanne nipanne bhikkhu nipajjatī’’tiādi vuttaṃ. Tasmā ayamettha attho – ‘‘senāsanasaṅkhātaṃ seyyaṃ pavisitvā kāyappasāraṇasaṅkhātaṃ seyyaṃ kappeyya vidaheyya sampādeyyā’’ti. Sabbacchannātiādinā pana tassā senāsanasaṅkhātāya seyyāya lakkhaṇaṃ vuttaṃ. Tasmā yaṃ senāsanaṃ upari pañcahi chadanehi aññena vā kenaci sabbameva paṭicchannaṃ, ayaṃ sabbacchannā nāma seyyā. Aṭṭhakathāsu pana pākaṭavohāraṃ gahetvā vācuggatavasena ‘‘sabbacchannā nāma pañcahi chadanehi channā’’ti vuttaṃ. Kiñcāpi vuttaṃ? Atha kho dussakuṭiyaṃ vasantassāpi na sakkā anāpatti kātuṃ, tasmā yaṃ kiñci paṭicchādanasamatthaṃ idha chadanañca paricchannañca veditabbaṃ. Pañcavidhacchadaneyeva hi gayhamāne padaracchannepi sahaseyyā na bhaveyya. Yaṃ pana senāsanaṃ bhūmito paṭṭhāya yāva chadanaṃ āhacca pākārena vā aññena vā kenaci antamaso vatthenāpi parikkhittaṃ, ayaṃ sabbaparicchannā nāma seyyā. Chadanaṃ anāhacca sabbantimena pariyāyena diyaḍḍhahatthubbedhena pākārādinā parikkhittāpi sabbaparicchannāyevāti kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Yassā pana upari bahutaraṃ ṭhānaṃ channaṃ, appaṃ acchannaṃ, samantato vā bahutaraṃ parikkhittaṃ, appaṃ aparikkhittaṃ, ayaṃ yebhuyyena channā yebhuyyena paricchannā nāma. Iminā hi lakkhaṇena samannāgato sacepi sattabhūmako pāsādo ekūpacāro hoti, satagabbhaṃ vā catussālaṃ vā, ekaseyyāicceva saṅkhyaṃ gacchati. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘catutthe divase atthaṅgate sūriye anupasampanne nipanne bhikkhu nipajjati, āpatti pācittiyassā’’tiādi.
ตตฺถ จ นิปชฺชนมเตฺตเนว ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน สมฺพหุลา สามเณรา, เอโก ภิกฺขุ, สามเณรคณนาย ปาจิตฺติยาฯ เต เจ อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชนฺติ, เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺติฯ ภิกฺขุสฺส อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชเน ปน ภิกฺขุเสฺสว ปโยเคน ภิกฺขุสฺส อาปตฺติฯ สเจ ปน สมฺพหุลา ภิกฺขู เอโก สามเณโร สเพฺพสํ อาปตฺติํ กโรติ, ตสฺส อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชเนนปิ ภิกฺขูนํ อาปตฺติเยวฯ อุภเยสํ สมฺพหุลภาเวปิ เอเสว นโยฯ
Tattha ca nipajjanamatteneva pācittiyaṃ. Sace pana sambahulā sāmaṇerā, eko bhikkhu, sāmaṇeragaṇanāya pācittiyā. Te ce uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjanti, tesaṃ payoge payoge bhikkhussa āpatti. Bhikkhussa uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjane pana bhikkhusseva payogena bhikkhussa āpatti. Sace pana sambahulā bhikkhū eko sāmaṇero sabbesaṃ āpattiṃ karoti, tassa uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjanenapi bhikkhūnaṃ āpattiyeva. Ubhayesaṃ sambahulabhāvepi eseva nayo.
อปิเจตฺถ เอกาวาสาทิกมฺปิ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ โย หิ เอกสฺมิํ อาวาเส เอเกเนว อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺส จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย เทวสิกา อาปตฺติฯ โยปิ เอกสฺมิํเยว อาวาเส นานาอนุปสมฺปเนฺนหิ สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิฯ โยปิ นานาอาวาเสสุ เอเกเนว อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิฯ โยปิ นานาอาวาเสสุ นานาอนุปสมฺปเนฺนหิ สทฺธิํ โยชนสตมฺปิ คนฺตฺวา สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิ จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย เทวสิกา อาปตฺติฯ
Apicettha ekāvāsādikampi catukkaṃ veditabbaṃ. Yo hi ekasmiṃ āvāse ekeneva anupasampannena saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassa catutthadivasato paṭṭhāya devasikā āpatti. Yopi ekasmiṃyeva āvāse nānāanupasampannehi saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassapi. Yopi nānāāvāsesu ekeneva anupasampannena saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassapi. Yopi nānāāvāsesu nānāanupasampannehi saddhiṃ yojanasatampi gantvā sahaseyyaṃ kappeti, tassapi catutthadivasato paṭṭhāya devasikā āpatti.
อยญฺจ สหเสยฺยาปตฺติ นาม ‘‘ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา อวเสโส อนุปสมฺปโนฺน นามา’’ติ วจนโต ติรจฺฉานคเตนปิ สทฺธิํ โหติ, ตตฺร ติรจฺฉานคตสฺส ปริเจฺฉโท เมถุนธมฺมาปตฺติยา วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ตสฺมา สเจปิ โคธาพิฬาลมงฺคุสาทีสุ โกจิ ปวิสิตฺวา ภิกฺขุโน วสนเสนาสเน เอกูปจารฎฺฐาเน สยติ, สหเสยฺยาว โหติฯ
Ayañca sahaseyyāpatti nāma ‘‘bhikkhuṃ ṭhapetvā avaseso anupasampanno nāmā’’ti vacanato tiracchānagatenapi saddhiṃ hoti, tatra tiracchānagatassa paricchedo methunadhammāpattiyā vuttanayeneva veditabbo. Tasmā sacepi godhābiḷālamaṅgusādīsu koci pavisitvā bhikkhuno vasanasenāsane ekūpacāraṭṭhāne sayati, sahaseyyāva hoti.
ยทิ ปน ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทสฺส อุปริมตเลน สทฺธิํ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺส ภิตฺติยา อุปริ ฐิตสุสิรตุลาสีสสฺส สุสิเรน ปวิสิตฺวา ตุลาย อพฺภนฺตเร สยิตฺวา เตเนว สุสิเรน นิกฺขมิตฺวา คจฺฉติ , เหฎฺฐาปาสาเท สยิตภิกฺขุสฺส อนาปตฺติฯ สเจ ฉทเน ฉิทฺทํ โหติ, เตน ปวิสิตฺวา อโนฺตฉทเน วสิตฺวา เตเนว ปกฺกมติ, นานูปจาเร อุปริมตเล ฉทนพฺภนฺตเร สยิตสฺส อาปตฺติ, เหฎฺฐิมตเล สยิตสฺส อนาปตฺติฯ สเจ อโนฺตปาสาเทเนว อาโรหิตฺวา สพฺพตลานิ ปริภุญฺชนฺติ, เอกูปจารานิ โหนฺติ, เตสุ ยตฺถ กตฺถจิ สยิตสฺส อาปตฺติฯ
Yadi pana thambhānaṃ upari katapāsādassa uparimatalena saddhiṃ asambaddhabhittikassa bhittiyā upari ṭhitasusiratulāsīsassa susirena pavisitvā tulāya abbhantare sayitvā teneva susirena nikkhamitvā gacchati , heṭṭhāpāsāde sayitabhikkhussa anāpatti. Sace chadane chiddaṃ hoti, tena pavisitvā antochadane vasitvā teneva pakkamati, nānūpacāre uparimatale chadanabbhantare sayitassa āpatti, heṭṭhimatale sayitassa anāpatti. Sace antopāsādeneva ārohitvā sabbatalāni paribhuñjanti, ekūpacārāni honti, tesu yattha katthaci sayitassa āpatti.
สภาสเงฺขเปน กเต อฑฺฒกุฎฺฎกเสนาสเน สยิตสฺส วาฬสงฺฆาฎาทีสุ กโปตาทโย ปวิสิตฺวา สยนฺติ, อาปตฺติเยวฯ ปริเกฺขปสฺส พหิคเต นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สยนฺติ, อนาปตฺติฯ ปริมณฺฑลํ วา จตุรสฺสํ วา เอกจฺฉทนาย คพฺภมาลาย สตคพฺภํ เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตตฺร เจ เอเกน สาธารณทฺวาเรน ปวิสิตฺวา วิสุํ ปากาเรน อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร สพฺพคเพฺภ ปวิสนฺติ, เอกคเพฺภปิ อนุปสมฺปเนฺน นิปเนฺน สพฺพคเพฺภสุ นิปนฺนานํ อาปตฺติฯ สเจ สปมุขา คพฺภา โหนฺติ, ปมุขสฺส อุปริ อจฺฉนฺนํ อุจฺจวตฺถุกํ เจปิ โหติ, ปมุเข สยิโต คเพฺภ สยิตานํ อาปตฺติํ น กโรติฯ สเจ ปน คพฺภจฺฉทเนเนว สทฺธิํ สมฺพทฺธจฺฉทนํ โหติ, ตตฺร สยิโต สเพฺพสํ อาปตฺติํ กโรติฯ กสฺมา? สพฺพจฺฉนฺนตฺตา สพฺพปริจฺฉนฺนตฺตา จ, คพฺภปริเกฺขโปเยว หิสฺส ปริเกฺขโปติฯ เอเตเนว หิ นเยน อฎฺฐกถาสุ โลหปาสาทปริเกฺขปสฺส จตูสุ ทฺวารโกฎฺฐเกสุ อาปตฺติ วุตฺตาฯ
Sabhāsaṅkhepena kate aḍḍhakuṭṭakasenāsane sayitassa vāḷasaṅghāṭādīsu kapotādayo pavisitvā sayanti, āpattiyeva. Parikkhepassa bahigate nibbakosabbhantare sayanti, anāpatti. Parimaṇḍalaṃ vā caturassaṃ vā ekacchadanāya gabbhamālāya satagabbhaṃ cepi senāsanaṃ hoti, tatra ce ekena sādhāraṇadvārena pavisitvā visuṃ pākārena aparicchinnagabbhūpacāre sabbagabbhe pavisanti, ekagabbhepi anupasampanne nipanne sabbagabbhesu nipannānaṃ āpatti. Sace sapamukhā gabbhā honti, pamukhassa upari acchannaṃ uccavatthukaṃ cepi hoti, pamukhe sayito gabbhe sayitānaṃ āpattiṃ na karoti. Sace pana gabbhacchadaneneva saddhiṃ sambaddhacchadanaṃ hoti, tatra sayito sabbesaṃ āpattiṃ karoti. Kasmā? Sabbacchannattā sabbaparicchannattā ca, gabbhaparikkhepoyeva hissa parikkhepoti. Eteneva hi nayena aṭṭhakathāsu lohapāsādaparikkhepassa catūsu dvārakoṭṭhakesu āpatti vuttā.
ยํ ปน อนฺธกฎฺฐกถายํ ‘‘อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺตีติ ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อนฺธกรเฎฺฐ ปาเฎกฺกสนฺนิเวสา เอกจฺฉทนา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺตํฯ ยญฺจ ตตฺถ ‘‘ภูมิยํ วินา ชคติยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ เนว อฎฺฐกถาสุ อตฺถิ; น ปาฬิยา สเมติฯ ทสหตฺถุเพฺพธาปิ หิ ชคติ ปริเกฺขปสงฺขฺยํ น คจฺฉติฯ ตสฺมา ยมฺปิ ตตฺถ ทุติยสิกฺขาปเท ชคติยา ปมาณํ วตฺวา ‘‘เอตํ เอกูปจารํ ปริจฺฉนฺนํ นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํฯ เยปิ เอกสาลทฺวิสาลติสาลจตุสฺสาลสนฺนิเวสา มหาปาสาทา เอกสฺมิํ โอกาเส ปาเท โธวิตฺวา ปวิเฎฺฐน สกฺกา โหนฺติ สพฺพตฺถ อนุปริคนฺตุํ , เตสุปิ สหเสยฺยาปตฺติยา น มุจฺจติฯ สเจ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน อุปจารํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตา โหนฺติ, เอกูปจารฎฺฐาเนเยว อาปตฺติฯ
Yaṃ pana andhakaṭṭhakathāyaṃ ‘‘aparikkhitte pamukhe anāpattīti bhūmiyaṃ vinā jagatiyā pamukhaṃ sandhāya kathina’’nti vuttaṃ, taṃ andhakaraṭṭhe pāṭekkasannivesā ekacchadanā gabbhapāḷiyo sandhāya vuttaṃ. Yañca tattha ‘‘bhūmiyaṃ vinā jagatiyā’’ti vuttaṃ, taṃ neva aṭṭhakathāsu atthi; na pāḷiyā sameti. Dasahatthubbedhāpi hi jagati parikkhepasaṅkhyaṃ na gacchati. Tasmā yampi tattha dutiyasikkhāpade jagatiyā pamāṇaṃ vatvā ‘‘etaṃ ekūpacāraṃ paricchannaṃ nāma hotī’’ti vuttaṃ, taṃ na gahetabbaṃ. Yepi ekasāladvisālatisālacatussālasannivesā mahāpāsādā ekasmiṃ okāse pāde dhovitvā paviṭṭhena sakkā honti sabbattha anuparigantuṃ , tesupi sahaseyyāpattiyā na muccati. Sace tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne upacāraṃ paricchinditvā katā honti, ekūpacāraṭṭhāneyeva āpatti.
ทฺวีหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตสฺส สุธาฉทนมณฺฑปสฺส มเชฺฌ ปาการํ กโรนฺติ, เอเกน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เอกสฺมิํ ปริเจฺฉเท อนุปสมฺปโนฺน สยติ, เอกสฺมิํ ภิกฺขุ, อนาปตฺติฯ ปากาเร โคธาทีนํ ปวิสนมตฺตมฺปิ ฉิทฺทํ โหติ, เอกสฺมิญฺจ ปริเจฺฉเท โคธา สยนฺติ, อนาปตฺติเยวฯ น หิ ฉิเทฺทน เคหํ เอกูปจารํ นาม โหติฯ สเจ ปาการมเชฺฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวารํ โยเชนฺติ, เอกูปจารตาย อาปตฺติฯ ตํ ทฺวารํ กวาเฎน ปิทหิตฺวา สยนฺติ, อาปตฺติเยวฯ น หิ ทฺวารปิทหเนน เคหํ นานูปจารํ นาม โหติ, ทฺวารํ วา อทฺวารํฯ กวาฎญฺหิ สํวรณวิวรเณหิ ยถาสุขํ วฬญฺชนตฺถาย กตํ, น วฬญฺชนูปเจฺฉทนตฺถายฯ สเจ ปน ตํ ทฺวารํ ปุน อิฎฺฐกาหิ ปิทหนฺติ, อทฺวารํ โหติ, ปุริเม นานูปจารภาเวเยว ติฎฺฐติฯ ทีฆปมุขํ เจติยฆรํ โหติฯ เอกํ กวาฎํ อโนฺต, เอกํ พหิ, ทฺวินฺนํ กวาฎานํ อนฺตเร อนุปสมฺปโนฺน อโนฺตเจติยฆเร สยนฺตสฺส อาปตฺติํ กโรติ, เอกูปจารตฺตาฯ
Dvīhi dvārehi yuttassa sudhāchadanamaṇḍapassa majjhe pākāraṃ karonti, ekena dvārena pavisitvā ekasmiṃ paricchede anupasampanno sayati, ekasmiṃ bhikkhu, anāpatti. Pākāre godhādīnaṃ pavisanamattampi chiddaṃ hoti, ekasmiñca paricchede godhā sayanti, anāpattiyeva. Na hi chiddena gehaṃ ekūpacāraṃ nāma hoti. Sace pākāramajjhe chinditvā dvāraṃ yojenti, ekūpacāratāya āpatti. Taṃ dvāraṃ kavāṭena pidahitvā sayanti, āpattiyeva. Na hi dvārapidahanena gehaṃ nānūpacāraṃ nāma hoti, dvāraṃ vā advāraṃ. Kavāṭañhi saṃvaraṇavivaraṇehi yathāsukhaṃ vaḷañjanatthāya kataṃ, na vaḷañjanūpacchedanatthāya. Sace pana taṃ dvāraṃ puna iṭṭhakāhi pidahanti, advāraṃ hoti, purime nānūpacārabhāveyeva tiṭṭhati. Dīghapamukhaṃ cetiyagharaṃ hoti. Ekaṃ kavāṭaṃ anto, ekaṃ bahi, dvinnaṃ kavāṭānaṃ antare anupasampanno antocetiyaghare sayantassa āpattiṃ karoti, ekūpacārattā.
ตตฺร ยสฺส ‘‘สิยา อยํ เอกูปจารนานูปจารตา นาม อุโทสิตสิกฺขาปเท วุตฺตา, อิธ ปน ‘เสยฺยา นาม สพฺพจฺฉนฺนา สพฺพปริจฺฉนฺนา เยภุเยฺยน ฉนฺนา เยภุเยฺยน ปริจฺฉนฺนา’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ปิหิตทฺวาโร จ คโพฺภ สพฺพปริจฺฉโนฺนว โหติฯ ตสฺมา ตตฺถ อโนฺต สยิเตเนว สทฺธิํ อาปตฺติ, พหิ สยิเตน อนาปตฺตี’’ติฯ โส เอวํ วตฺตโพฺพ – ‘‘อปิหิตทฺวาเร ปน กสฺมา พหิ สยิเตน อาปตฺตี’’ติ? ปมุขสฺส คเพฺภน สทฺธิํ สพฺพจฺฉนฺนตฺตาฯ ‘‘กิํ ปน คเพฺภ ปิหิเต ฉทนํ วิทฺธสฺตํ โหตี’’ติ? น วิทฺธสฺตํ, คเพฺภน สทฺธิํ ปมุขสฺส สพฺพปริจฺฉนฺนตา น โหติฯ ‘‘กิํ ปริเกฺขโป วิทฺธโสฺต’’ติ? อทฺธา วกฺขติ ‘‘น วิทฺธโสฺต, กวาเฎน อุปจาโร ปริจฺฉโนฺน’’ติฯ เอวํ ทูรมฺปิ คนฺตฺวา ปุน เอกูปจารนานูปจารตํเยว ปจฺจาคมิสฺสติฯ
Tatra yassa ‘‘siyā ayaṃ ekūpacāranānūpacāratā nāma udositasikkhāpade vuttā, idha pana ‘seyyā nāma sabbacchannā sabbaparicchannā yebhuyyena channā yebhuyyena paricchannā’ti ettakameva vuttaṃ, pihitadvāro ca gabbho sabbaparicchannova hoti. Tasmā tattha anto sayiteneva saddhiṃ āpatti, bahi sayitena anāpattī’’ti. So evaṃ vattabbo – ‘‘apihitadvāre pana kasmā bahi sayitena āpattī’’ti? Pamukhassa gabbhena saddhiṃ sabbacchannattā. ‘‘Kiṃ pana gabbhe pihite chadanaṃ viddhastaṃ hotī’’ti? Na viddhastaṃ, gabbhena saddhiṃ pamukhassa sabbaparicchannatā na hoti. ‘‘Kiṃ parikkhepo viddhasto’’ti? Addhā vakkhati ‘‘na viddhasto, kavāṭena upacāro paricchanno’’ti. Evaṃ dūrampi gantvā puna ekūpacāranānūpacārataṃyeva paccāgamissati.
อปิจ ยทิ พฺยญฺชนมเตฺตเยว อโตฺถ สุวิเญฺญโยฺย สิยา, สพฺพจฺฉนฺนาติ วจนโต ปญฺจนฺนํ อญฺญตเรน ฉทเนน ฉนฺนา เอว เสยฺยา สิยา, น อเญฺญนฯ เอวญฺจ สติ ปทรจฺฉนฺนาทีสุ อนาปตฺติ สิยาฯ ตโต ยทตฺถํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, เสฺวว อโตฺถ ปริหาเยยฺย ฯ ปริหายตุ วา มา วา, กถํ อวุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ; โก วา วทติ ‘‘อวุตฺตํ คเหตพฺพ’’นฺติ? วุตฺตเญฺหตํ อนิยเตสุ – ‘‘ปฎิจฺฉนฺนํ นาม อาสนํ กุเฎฺฎน วา กวาเฎน วา กิลเญฺชน วา สาณิปากาเรน วา รุเกฺขน วา ถเมฺภน วา โกฎฺฐลิกาย วา เยน เกนจิ ปฎิจฺฉนฺนํ โหตี’’ติฯ ตสฺมา ยถา ตตฺถ เยน เกนจิ ปฎิจฺฉนฺนํ ปฎิจฺฉนฺนเมว, เอวมิธาปิ คเหตพฺพํฯ ตสฺมา เสนาสนํ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา อเญฺญน สทฺธิํ สมฺพทฺธํ วา อสมฺพทฺธํ วา ทีฆํ วา วฎฺฎํ วา จตุรสฺสํ วา เอกภูมกํ วา, อเนกภูมกํ วา, ยํ ยํ เอกูปจารํ สพฺพตฺถ เยน เกนจิ ปฎิจฺฉาทเนน สพฺพจฺฉเนฺน สพฺพปริจฺฉเนฺน เยภุเยฺยน วา ฉเนฺน เยภุเยฺยน วา ปริจฺฉเนฺน สหเสยฺยาปตฺติ โหตีติฯ
Apica yadi byañjanamatteyeva attho suviññeyyo siyā, sabbacchannāti vacanato pañcannaṃ aññatarena chadanena channā eva seyyā siyā, na aññena. Evañca sati padaracchannādīsu anāpatti siyā. Tato yadatthaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ, sveva attho parihāyeyya . Parihāyatu vā mā vā, kathaṃ avuttaṃ gahetabbanti; ko vā vadati ‘‘avuttaṃ gahetabba’’nti? Vuttañhetaṃ aniyatesu – ‘‘paṭicchannaṃ nāma āsanaṃ kuṭṭena vā kavāṭena vā kilañjena vā sāṇipākārena vā rukkhena vā thambhena vā koṭṭhalikāya vā yena kenaci paṭicchannaṃ hotī’’ti. Tasmā yathā tattha yena kenaci paṭicchannaṃ paṭicchannameva, evamidhāpi gahetabbaṃ. Tasmā senāsanaṃ khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā aññena saddhiṃ sambaddhaṃ vā asambaddhaṃ vā dīghaṃ vā vaṭṭaṃ vā caturassaṃ vā ekabhūmakaṃ vā, anekabhūmakaṃ vā, yaṃ yaṃ ekūpacāraṃ sabbattha yena kenaci paṭicchādanena sabbacchanne sabbaparicchanne yebhuyyena vā channe yebhuyyena vā paricchanne sahaseyyāpatti hotīti.
๕๓. อุปฑฺฒจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอตฺถ สพฺพจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺนติ เอวมาทีสุปิ มหาปจฺจริยํ ทุกฺกฎเมวาติ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สพฺพจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพปริจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพปริฉเนฺน อุปฑฺฒจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน อุปฑฺฒจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติเยน สทฺธิํ สตฺต ปาจิตฺติยานี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สพฺพจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, เยภุเยฺยนฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, สพฺพปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, ปาฬิยํ ทุกฺกเฎน สห ปญฺจ ทุกฺกฎานี’’ติ วุตฺตํฯ
53.Upaḍḍhacchanne upaḍḍhaparicchanne āpatti dukkaṭassāti ettha sabbacchanne upaḍḍhaparicchanneti evamādīsupi mahāpaccariyaṃ dukkaṭamevāti vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sabbacchanne yebhuyyenaparicchanne pācittiyaṃ, sabbacchanne upaḍḍhaparicchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenachanne upaḍḍhaparicchanne pācittiyaṃ, sabbaparicchanne yebhuyyenachanne pācittiyaṃ, sabbaparichanne upaḍḍhacchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenaparicchanne upaḍḍhacchanne pācittiyaṃ, pāḷiyaṃ vuttapācittiyena saddhiṃ satta pācittiyānī’’ti vuttaṃ. ‘‘Sabbacchanne cūḷakaparicchanne dukkaṭaṃ, yebhuyyenachanne cūḷakaparicchanne dukkaṭaṃ, sabbaparicchanne cūḷakacchanne dukkaṭaṃ, yebhuyyenaparicchanne cūḷakacchanne dukkaṭaṃ, pāḷiyaṃ dukkaṭena saha pañca dukkaṭānī’’ti vuttaṃ.
‘‘อุปฑฺฒจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน อนาปตฺติ, อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน อนาปตฺติ, จูฬกจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน อนาปตฺติ, สพฺพจฺฉเนฺน สพฺพอปริจฺฉเนฺนติ จ เอตฺถ เสนมฺพมณฺฑปวณฺณํ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ อิมินาเปตํ เวทิตพฺพํ – ‘‘ยถา ชคติ ปริเกฺขปสงฺขย น คจฺฉตี’’ติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
‘‘Upaḍḍhacchanne cūḷakaparicchanne anāpatti, upaḍḍhaparicchanne cūḷakacchanne anāpatti, cūḷakacchanne cūḷakaparicchanne anāpatti, sabbacchanne sabbaaparicchanneti ca ettha senambamaṇḍapavaṇṇaṃ hotī’’ti vuttaṃ. Imināpetaṃ veditabbaṃ – ‘‘yathā jagati parikkhepasaṅkhaya na gacchatī’’ti. Sesaṃ uttānatthameva.
เอฬกโลมสมุฎฺฐานํ – กายโต จ กายจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Eḷakalomasamuṭṭhānaṃ – kāyato ca kāyacittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
สหเสยฺยสิกฺขาปทํ ปญฺจมํฯ
Sahaseyyasikkhāpadaṃ pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. มุสาวาทวโคฺค • 1. Musāvādavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. ปฐมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamasahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทํ • 5. Sahaseyyasikkhāpadaṃ