Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
๔๙-๕๐. ปญฺจเม วิกูชมานาติ นิตฺถุนนฺตาฯ กากจฺฉมานาติ โรทนฺตาฯ ตตฺริทํ วตฺถุนิทสฺสนํ วาฯ เตน นุ โข ปาติตนฺติ ปุจฺฉาวเสน กถิตตฺตา นตฺถิ มุสาวาโทฯ เกจิ ปน ‘‘สเนฺทหวเสน วจนํ มุสา นาม น โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ สนฺติกํ อคนฺตฺวาติ ‘‘ยํ เอเตสํ น กปฺปติ, ตํ เตสมฺปิ น กปฺปตี’’ติ อธิปฺปาเยน อคนฺตฺวาฯ
49-50. Pañcame vikūjamānāti nitthunantā. Kākacchamānāti rodantā. Tatridaṃ vatthunidassanaṃ vā. Tena nu kho pātitanti pucchāvasena kathitattā natthi musāvādo. Keci pana ‘‘sandehavasena vacanaṃ musā nāma na hoti, tasmā evaṃ vutta’’nti vadanti. Santikaṃ agantvāti ‘‘yaṃ etesaṃ na kappati, taṃ tesampi na kappatī’’ti adhippāyena agantvā.
๕๑. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ วจนสิลิฎฺฐตามเตฺตน ทิรตฺต-คฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ติรตฺตญฺหิ สหวาเส ลพฺภมาเน ทิรเตฺต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทิรตฺตคฺคหณํ วิสุํ น โยเชติฯ เตเนวาห ‘‘อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตนฺติ ภควา สามเณรานํ สงฺคหกรณตฺถาย ติรตฺตปริหารํ อทาสี’’ติฯ นิรนฺตรํ ติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา ทิรตฺตคฺคหณํ กตํฯ เกวลญฺหิ ติรตฺตนฺติ วุเตฺต อญฺญตฺถ วาเสน อนฺตริกมฺปิ ติรตฺตํ คเณฺหยฺย, ทิรตฺตวิสิฎฺฐํ ปน ติรตฺตํ วุจฺจมานํ เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปติฯ สยนํ เสยฺยา, สยนฺติ เอตฺถาติปิ เสยฺยาติ อาห ‘‘กายปฺปสารณสงฺขาต’’นฺติอาทิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อุภยมฺปิ ปริคฺคหิตํ, ตสฺมาฯ ปญฺจหิ ฉทเนหีติ อิฎฺฐกสิลาสุธาติณปณฺณสงฺขอาเตหิ ปญฺจหิ ฉทเนหิฯ วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสนฯ ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพโธ วฑฺฒกีหเตฺถน คเหตโพฺพฯ เอกูปจาโรติ วฬญฺชนทฺวารสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สตคพฺภํ วา จตุสฺสาลํ เอกูปจารํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ
51.Dirattatirattanti ettha vacanasiliṭṭhatāmattena diratta-ggahaṇaṃ katanti veditabbaṃ. Tirattañhi sahavāse labbhamāne diratte vattabbameva natthīti dirattaggahaṇaṃ visuṃ na yojeti. Tenevāha ‘‘uttaridirattatirattanti bhagavā sāmaṇerānaṃ saṅgahakaraṇatthāya tirattaparihāraṃ adāsī’’ti. Nirantaraṃ tirattadassanatthaṃ vā dirattaggahaṇaṃ kataṃ. Kevalañhi tirattanti vutte aññattha vāsena antarikampi tirattaṃ gaṇheyya, dirattavisiṭṭhaṃ pana tirattaṃ vuccamānaṃ tena anantarikameva tirattaṃ dīpeti. Sayanaṃ seyyā, sayanti etthātipi seyyāti āha ‘‘kāyappasāraṇasaṅkhāta’’ntiādi. Tasmāti yasmā ubhayampi pariggahitaṃ, tasmā. Pañcahi chadanehīti iṭṭhakasilāsudhātiṇapaṇṇasaṅkhaātehi pañcahi chadanehi. Vācuggatavasenāti paguṇavasena. Diyaḍḍhahatthubbedho vaḍḍhakīhatthena gahetabbo. Ekūpacāroti vaḷañjanadvārassa ekattaṃ sandhāya vuttaṃ. Satagabbhaṃ vā catussālaṃ ekūpacāraṃ hotīti sambandho.
อุปริมตเลน สทฺธิํ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสาติ อิทํ ตุลาย อพฺภนฺตเร สยิตฺวา ปุน เตเนว สุสิเรน นิกฺขมิตฺวา ภิตฺติอนฺตเรน เหฎฺฐิมตลํ ปวิสิตุํ โยเคฺคปิ อุปริมตเลน อสมฺพทฺธภิตฺติเก เสนาสเน อนาปตฺติยา วุตฺตาย ตถา ปวิสิตุํ อสกฺกุเณเยฺย สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน สมฺพทฺธภิตฺติเก อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เหฎฺฐาปาสาเท สยิตภิกฺขุสฺส อนาปตฺตีติ อิทมฺปิ ตาทิเส เสนาสเน เหฎฺฐิมตเล สยิตเสฺสว อาปตฺติปฺปสงฺกา สิยาติ ตํนิวารณตฺถํ วุตฺตํ, น ปน อุปริมตเล สยิตสฺส อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํฯ นานูปจาเรติ ยตฺถ พหิ นิเสฺสณิํ กตฺวา อุปริมตลํ อาโรหนฺติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อุปริมตเลปิ อากาสงฺคเณ นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติยา อภาวโต ‘‘ฉทนพฺภนฺตเร’’ติ วุตฺตํฯ
Uparimatalena saddhiṃ asambaddhabhittikassāti idaṃ tulāya abbhantare sayitvā puna teneva susirena nikkhamitvā bhittiantarena heṭṭhimatalaṃ pavisituṃ yoggepi uparimatalena asambaddhabhittike senāsane anāpattiyā vuttāya tathā pavisituṃ asakkuṇeyye sambaddhabhittike vattabbameva natthīti dassanatthaṃ vuttaṃ, na pana sambaddhabhittike āpattīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Heṭṭhāpāsāde sayitabhikkhussa anāpattīti idampi tādise senāsane heṭṭhimatale sayitasseva āpattippasaṅkā siyāti taṃnivāraṇatthaṃ vuttaṃ, na pana uparimatale sayitassa āpattīti dassanatthaṃ. Nānūpacāreti yattha bahi nisseṇiṃ katvā uparimatalaṃ ārohanti, tādisaṃ sandhāya vuttaṃ. Uparimatalepi ākāsaṅgaṇe nipajjantassa āpattiyā abhāvato ‘‘chadanabbhantare’’ti vuttaṃ.
สภาสเงฺขเปนาติ สภากาเรนฯ อฑฺฒกุฎฺฎเก เสนาสเนติ เอตฺถ ‘‘อฑฺฒกุฎฺฎกํ นาม ยตฺถ เอกํ ปสฺสํ มุญฺจิตฺวา ตีสุ ปเสฺสสุ ภิตฺติโย พทฺธา โหนฺติ, ยตฺถ วา เอกสฺมิํ ปเสฺส ภิตฺติํ อุฎฺฐาเปตฺวา อุโภสุ ปเสฺสสุ อุปฑฺฒํ อุปฑฺฒํ กตฺวา ภิตฺติโย อุฎฺฐาเปนฺติ, ตาทิสํ เสนาสน’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘อฑฺฒกุฎฺฎเกติ ฉทนํ อเฑฺฒน อสมฺปตฺตกุฎฺฎเก’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โน น ยุตฺตํฯ ‘‘วาฬสงฺฆาโฎ นาม ถมฺภานํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฎ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติฯ ปริเกฺขปสฺส พหิคเตติ เอตฺถ ยสฺมิํ ปเสฺส ปริเกฺขโป นตฺถิ, ตตฺถาปิ ปริเกฺขปารหปฺปเทสโต พหิคเต อนาปตฺติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอตฺถ มเชฺฌ วิวฎงฺคณวนฺตาสุ ปมุขมหาจตุสฺสาลาสุ ยถา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา สพฺพคเพฺภ ปวิสิตุํ น สกฺกา โหติ, เอวํ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปเสฺสสุ กุฎฺฎํ นีหริตฺวา กตํ ปริจฺฉินฺนคพฺภูปจารํ นาม, อิทํ ปน ตาทิสํ น โหตีติ ‘‘อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพคเพฺภ ปวิสนฺตีติ คพฺภูปจารสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา ตํ ตํ คพฺภํ ปวิสนฺติฯ อถ กุโต ตสฺส ปริเกฺขโปเยว สพฺพปริจฺฉนฺนตฺตาติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คพฺภปริเกฺขโปเยว หิสฺส ปริเกฺขโป’’ติฯ อิทญฺจ สมนฺตา คพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํฯ จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิเฎฺฐปิ เสนาสเน คพฺภปมุขํ วิสุํ อปริกฺขิตฺตมฺปิ สมนฺตา ฐิตคพฺภภิตฺตีนํ วเสน ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติฯ
Sabhāsaṅkhepenāti sabhākārena. Aḍḍhakuṭṭake senāsaneti ettha ‘‘aḍḍhakuṭṭakaṃ nāma yattha ekaṃ passaṃ muñcitvā tīsu passesu bhittiyo baddhā honti, yattha vā ekasmiṃ passe bhittiṃ uṭṭhāpetvā ubhosu passesu upaḍḍhaṃ upaḍḍhaṃ katvā bhittiyo uṭṭhāpenti, tādisaṃ senāsana’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Gaṇṭhipade pana ‘‘aḍḍhakuṭṭaketi chadanaṃ aḍḍhena asampattakuṭṭake’’ti vuttaṃ, tampi no na yuttaṃ. ‘‘Vāḷasaṅghāṭo nāma thambhānaṃ upari vāḷarūpehi katasaṅghāṭo vuccatī’’ti vadanti. Parikkhepassa bahigateti ettha yasmiṃ passe parikkhepo natthi, tatthāpi parikkhepārahappadesato bahigate anāpattiyevāti daṭṭhabbaṃ. Aparicchinnagabbhūpacāreti ettha majjhe vivaṭaṅgaṇavantāsu pamukhamahācatussālāsu yathā ākāsaṅgaṇaṃ anotaritvā pamukheneva gantvā sabbagabbhe pavisituṃ na sakkā hoti, evaṃ ekekagabbhassa dvīsu passesu kuṭṭaṃ nīharitvā kataṃ paricchinnagabbhūpacāraṃ nāma, idaṃ pana tādisaṃ na hotīti ‘‘aparicchinnagabbhūpacāre’’ti vuttaṃ. Sabbagabbhe pavisantīti gabbhūpacārassa aparicchinnattā ākāsaṅgaṇaṃ anotaritvā pamukheneva gantvā taṃ taṃ gabbhaṃ pavisanti. Atha kuto tassa parikkhepoyeva sabbaparicchannattāti vuttanti āha ‘‘gabbhaparikkhepoyeva hissa parikkhepo’’ti. Idañca samantā gabbhabhittiyo sandhāya vuttaṃ. Catussālavasena sanniviṭṭhepi senāsane gabbhapamukhaṃ visuṃ aparikkhittampi samantā ṭhitagabbhabhittīnaṃ vasena parikkhittaṃ nāma hoti.
‘‘นนุ จ ‘อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺตี’ติ อนฺธกฎฺฐกถายํ อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิเฎฺฐปิ เสนาสเน วิสุํ อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺติเยวา’’ติ โย วเทยฺย, ตสฺส วาทปริโมจนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ยํ ปน…เป.… ปาเฎกฺกสนฺนิเวสา เอกจฺฉทนา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺตีติ ยํ วุตฺตํ, ตํ น จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฎฺฐา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺตํ, กิญฺจรหิ วิสุํ สนฺนิวิฎฺฐํ เอกเมว คพฺภปาฬิํ สนฺธายฯ ตาทิสาย หิ คพฺภปาฬิยา อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺติ, น จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฎฺฐายา’’ติฯ เอกาย จ คพฺภปาฬิยา ตสฺส ตสฺส คพฺภสฺส อุปจารํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนฺตมโส อุโภสุ ปเสฺสสุ ขุทฺทกภิตฺตีนํ อุฎฺฐาปนมเตฺตนปิ ปมุขํ ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ, จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฎฺฐาสุ ปน คพฺภปาฬีสุ อุโภสุ ปเสฺสสุ คพฺภภิตฺตีนํ วเสนปิ ปมุขํ ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติฯ ตสฺมา ยํ อิมินา ลกฺขเณน ปริกฺขิตฺตํ ปมุขํ, ตตฺถ อาปตฺติ, อิตรตฺถ อนาปตฺตีติ อิทเมตฺถ สนฺนิฎฺฐานํฯ
‘‘Nanu ca ‘aparikkhitte pamukhe anāpattī’ti andhakaṭṭhakathāyaṃ avisesena vuttaṃ, tasmā catussālavasena sanniviṭṭhepi senāsane visuṃ aparikkhitte pamukhe anāpattiyevā’’ti yo vadeyya, tassa vādaparimocanatthaṃ idaṃ vuttaṃ ‘‘yaṃ pana…pe… pāṭekkasannivesā ekacchadanā gabbhapāḷiyo sandhāya vutta’’nti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘aparikkhitte pamukhe anāpattīti yaṃ vuttaṃ, taṃ na catussālavasena sanniviṭṭhā gabbhapāḷiyo sandhāya vuttaṃ, kiñcarahi visuṃ sanniviṭṭhaṃ ekameva gabbhapāḷiṃ sandhāya. Tādisāya hi gabbhapāḷiyā aparikkhitte pamukhe anāpatti, na catussālavasena sanniviṭṭhāyā’’ti. Ekāya ca gabbhapāḷiyā tassa tassa gabbhassa upacāraṃ paricchinditvā antamaso ubhosu passesu khuddakabhittīnaṃ uṭṭhāpanamattenapi pamukhaṃ parikkhittaṃ nāma hoti, catussālavasena sanniviṭṭhāsu pana gabbhapāḷīsu ubhosu passesu gabbhabhittīnaṃ vasenapi pamukhaṃ parikkhittaṃ nāma hoti. Tasmā yaṃ iminā lakkhaṇena parikkhittaṃ pamukhaṃ, tattha āpatti, itarattha anāpattīti idamettha sanniṭṭhānaṃ.
อิทานิ ‘‘อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา ตเสฺสว วจนสฺส อธิปฺปายํ ปกาเสเนฺตน ยํ วุตฺตํ ‘‘ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิต’’นฺติ, ตสฺส อยุตฺตตาวิภาวนตฺถํ ‘‘ยญฺจ ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิตนฺติ หิ อิมสฺส วจนสฺส อยมธิปฺปาโย – ‘‘อปริกฺขิเตฺต ปมุเข อนาปตฺตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ วินา วตฺถุํ ภูมิยํ กตเคหสฺส ปมุขํ สนฺธาย กถิตํฯ สเจ ปน อุจฺจวตฺถุกํ ปมุขํ โหติ, ปริกฺขิตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉตีติฯ เตเนวาห ‘‘ทสหตฺถุเพฺพธาปิ หิ ชคติ ปริเกฺขปสงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติฯ เหฎฺฐาปิ อิทเมว มนสิ สนฺนิธาย วุตฺตํ ‘‘อุจฺจวตฺถุกํ เจปิ โหติ, ปมุเข สยิโต คเพฺภ สยิตานํ อาปตฺติํ น กโรตี’’ติฯ ตตฺถาติ อนฺธกฎฺฐกถายํฯ ชคติยา ปมาณํ วตฺวาติ ‘‘สเจ ชคติยา โอตริตฺวา ภูมิยํ สยิโต, ชคติยา อุปริ สยิตํ น ปสฺสตี’’ติ เอวํ ชคติยา อุเพฺพเธน ปมาณํ วตฺวาฯ เอกสาลาทีสุ อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโสฯ ทฺวิสาลสนฺนิเวสาทโยปิ วุตฺตานุสารโต เวทิตพฺพาฯ สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตโต วิเสโสฯ
Idāni ‘‘aparikkhitte pamukhe anāpattī’’ti vatvā tasseva vacanassa adhippāyaṃ pakāsentena yaṃ vuttaṃ ‘‘bhūmiyaṃ vinā jagatiyā pamukhaṃ sandhāya kathita’’nti, tassa ayuttatāvibhāvanatthaṃ ‘‘yañca tatthā’’tiādi āraddhaṃ. Bhūmiyaṃ vinā jagatiyā pamukhaṃ sandhāya kathitanti hi imassa vacanassa ayamadhippāyo – ‘‘aparikkhitte pamukhe anāpattī’’ti yaṃ vuttaṃ, taṃ vinā vatthuṃ bhūmiyaṃ katagehassa pamukhaṃ sandhāya kathitaṃ. Sace pana uccavatthukaṃ pamukhaṃ hoti, parikkhittasaṅkhyaṃ na gacchatīti. Tenevāha ‘‘dasahatthubbedhāpi hi jagati parikkhepasaṅkhyaṃ na gacchatī’’ti. Heṭṭhāpi idameva manasi sannidhāya vuttaṃ ‘‘uccavatthukaṃ cepi hoti, pamukhe sayito gabbhe sayitānaṃ āpattiṃ na karotī’’ti. Tatthāti andhakaṭṭhakathāyaṃ. Jagatiyā pamāṇaṃ vatvāti ‘‘sace jagatiyā otaritvā bhūmiyaṃ sayito, jagatiyā upari sayitaṃ na passatī’’ti evaṃ jagatiyā ubbedhena pamāṇaṃ vatvā. Ekasālādīsu ujukameva dīghaṃ katvā sannivesito pāsādo ekasālasanniveso. Dvisālasannivesādayopi vuttānusārato veditabbā. Sālappabhedadīpanameva cettha heṭṭhā vuttato viseso.
มเชฺฌปาการํ กโรนฺตีติ เอตฺถาปิ ปริเกฺขปสฺส เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพธตฺตา ทิยฑฺฒหตฺถํ เจปิ มเชฺฌ ปาการํ กโรนฺติ, นานูปจารเมว โหตีติ เวทิตพฺพํฯ น หิ ฉิเทฺทน เคหํ เอกูปจารํ นาม โหตีติ เอตฺถ สเจ อุเพฺพเธน ทิยฑฺฒหตฺถพฺภนฺตเร มนุสฺสานํ สญฺจารปฺปโหนกํ ฉิทฺทํ โหติ, ตมฺปิ ทฺวารเมวาติ เอกูปจารํ โหติฯ กิํ ปริเกฺขโปวิทฺธโสฺตติ ปมุขสฺส ปริเกฺขปํ สนฺธาย วทติฯ สพฺพตฺถ ปญฺจนฺนํเยว ฉทนานํ อาคตตฺตา วทติ ‘‘ปญฺจนฺนํ อญฺญตเรน ฉทเนน ฉนฺนา’’ติฯ
Majjhepākāraṃ karontīti etthāpi parikkhepassa heṭṭhimaparicchedena diyaḍḍhahatthubbedhattā diyaḍḍhahatthaṃ cepi majjhe pākāraṃ karonti, nānūpacārameva hotīti veditabbaṃ. Na hi chiddena gehaṃ ekūpacāraṃ nāma hotīti ettha sace ubbedhena diyaḍḍhahatthabbhantare manussānaṃ sañcārappahonakaṃ chiddaṃ hoti, tampi dvāramevāti ekūpacāraṃ hoti. Kiṃ parikkhepoviddhastoti pamukhassa parikkhepaṃ sandhāya vadati. Sabbattha pañcannaṃyeva chadanānaṃ āgatattā vadati ‘‘pañcannaṃ aññatarena chadanena channā’’ti.
๕๓. ปาฬิยํ ‘‘เสยฺยา นาม สพฺพจฺฉนฺนา สพฺพปริจฺฉนฺนา เยภุเยฺยนจฺฉนฺนา เยภุเยฺยนปริจฺฉนฺนา’’ติ วทเนฺตน เยภุเยฺยนจฺฉนฺนเยภุเยฺยนปริจฺฉนฺนเสนาสนํ ปาจิตฺติยสฺส อวสานํ วิย กตฺวา ทสฺสิตํ, ‘‘อุปฑฺฒจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วทเนฺตน จ อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนเสนาสนํ ทุกฺกฎสฺส อาทิํ กตฺวา ทสฺสิตํ, อุภินฺนมนฺตรา เกน ภวิตพฺพํ ปาจิตฺติเยน, อุทาหุ ทุกฺกเฎนาติ? โลกวชฺชสิกฺขาปทเสฺสว อนวเสสํ กตฺวา ปญฺญาปนโต อิมสฺส จ ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา เยภุเยฺยนจฺฉนฺนเยภุเยฺยนปริจฺฉนฺนสฺส อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนสฺส จ อนฺตรา ปาจิตฺติยํ อนิวาริตเมว, ตสฺมา วินยวินิจฺฉเย จ ครุเกเยว ฐาตพฺพตฺตา อฎฺฐกถายมฺปิ ปาจิตฺติยเมว ทสฺสิตํฯ สตฺต ปาจิตฺติยานีติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยํ สามญฺญโต เอกเตฺตน คเหตฺวา วุตฺตํฯ วิสุํ ปน คยฺหมาเน ‘‘สพฺพจฺฉเนฺน สพฺพปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติย’’นฺติ อเฎฺฐว ปาจิตฺติยานิ โหนฺติฯ
53. Pāḷiyaṃ ‘‘seyyā nāma sabbacchannā sabbaparicchannā yebhuyyenacchannā yebhuyyenaparicchannā’’ti vadantena yebhuyyenacchannayebhuyyenaparicchannasenāsanaṃ pācittiyassa avasānaṃ viya katvā dassitaṃ, ‘‘upaḍḍhacchanne upaḍḍhaparicchanne āpatti dukkaṭassā’’ti vadantena ca upaḍḍhacchannaupaḍḍhaparicchannasenāsanaṃ dukkaṭassa ādiṃ katvā dassitaṃ, ubhinnamantarā kena bhavitabbaṃ pācittiyena, udāhu dukkaṭenāti? Lokavajjasikkhāpadasseva anavasesaṃ katvā paññāpanato imassa ca paṇṇattivajjattā yebhuyyenacchannayebhuyyenaparicchannassa upaḍḍhacchannaupaḍḍhaparicchannassa ca antarā pācittiyaṃ anivāritameva, tasmā vinayavinicchaye ca garukeyeva ṭhātabbattā aṭṭhakathāyampi pācittiyameva dassitaṃ. Satta pācittiyānīti pāḷiyaṃ vuttapācittiyaṃ sāmaññato ekattena gahetvā vuttaṃ. Visuṃ pana gayhamāne ‘‘sabbacchanne sabbaparicchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenacchanne yebhuyyenaparicchanne pācittiya’’nti aṭṭheva pācittiyāni honti.
เสนมฺพมณฺฑปวณฺณํ โหตีติ สีหฬทีเป กิร อุจฺจวตฺถุโก สพฺพจฺฉโนฺน สพฺพอปริจฺฉโนฺน เอวํนามโก สนฺนิปาตมณฺฑโป อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ยทิ ชคติปริเกฺขปสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุจฺจวตฺถุกตฺตา มณฺฑปสฺส สพฺพอปริจฺฉนฺนตา น ยุชฺชตีติ อาห ‘‘อิมินาเปตํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ จูฬกจฺฉนฺนาทีนิ เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺพานิ – ยสฺส จตูสุ ภาเคสุ เอโก ฉโนฺน, เสสา อจฺฉนฺนา, อิทํ จูฬกจฺฉนฺนํฯ ยสฺส ตีสุ ภาเคสุ เทฺว ฉนฺนา, เอโก อจฺฉโนฺน, อิทํ เยภุเยฺยนจฺฉนฺนํฯ ยสฺส ทฺวีสุ ภาเคสุ เอโก ฉโนฺน, เอโก อจฺฉโนฺน, อิทํ อุปฑฺฒจฺฉนฺนํ นาม เสนาสนํฯ จูฬกปริจฺฉนฺนาทีนิปิ อิมินาว นเยน เวทิตพฺพานิฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ ตตฺถ อนุปสมฺปเนฺนน สห นิปชฺชนํ, จตุตฺถทิวเส สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ
Senambamaṇḍapavaṇṇaṃ hotīti sīhaḷadīpe kira uccavatthuko sabbacchanno sabbaaparicchanno evaṃnāmako sannipātamaṇḍapo atthi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Yadi jagatiparikkhepasaṅkhyaṃ gacchati, uccavatthukattā maṇḍapassa sabbaaparicchannatā na yujjatīti āha ‘‘imināpetaṃ veditabba’’ntiādi. Cūḷakacchannādīni cettha evaṃ veditabbāni – yassa catūsu bhāgesu eko channo, sesā acchannā, idaṃ cūḷakacchannaṃ. Yassa tīsu bhāgesu dve channā, eko acchanno, idaṃ yebhuyyenacchannaṃ. Yassa dvīsu bhāgesu eko channo, eko acchanno, idaṃ upaḍḍhacchannaṃ nāma senāsanaṃ. Cūḷakaparicchannādīnipi imināva nayena veditabbāni. Sesaṃ uttānameva. Pācittiyavatthukasenāsanaṃ, tattha tattha anupasampannena saha nipajjanaṃ, catutthadivase sūriyatthaṅgamananti imānettha tīṇi aṅgāni.
สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. มุสาวาทวโคฺค • 1. Musāvādavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. ปฐมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamasahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทํ • 5. Sahaseyyasikkhāpadaṃ