Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
๕๐-๕๑. ปญฺจเม ตตฺริทํ นิทสฺสนนฺติ เสโสฯ ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ ทิรตฺตคฺคหณํ วจนาลงฺการตฺถํ, นิรนฺตรํ ติโสฺสว รตฺติโย วสิตฺวา จตุตฺถทิวสาทีสุ สยนฺตเสฺสว อาปตฺติ, น เอกนฺตริกาทิวเสน สยนฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถมฺปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทิรตฺตวิสิฎฺฐญฺหิ ติรตฺตํ วุจฺจมานํ, เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปตีติฯ ปญฺจหิ ฉทเนหีติ อิฎฺฐกสิลาสุธาติณปเณฺณหิฯ วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสนฯ ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพโธ วฑฺฒกีหเตฺถน คเหตโพฺพฯ เอกูปจาโร เอเกน มเคฺคน ปวิสิตฺวา อโพฺภกาสํ อนุกฺกมิตฺวา สพฺพตฺถ อนุปริคมนโยโคฺค, เอตํ พหุทฺวารมฺปิ เอกูปจาโรวฯ ตตฺถ ปน กุฎฺฎาทีหิ รุนฺธิตฺวา วิสุํ ทฺวารํ โยเชนฺติ, นานูปจาโร โหติฯ สเจ ปน รุนฺธติ เอว, วิสุํ ทฺวารํ น โยเชนฺติ, ‘‘เอตมฺปิ เอกูปจารเมว มตฺติกาทีหิ ปิหิตทฺวาโร วิย คโพฺภ’’ติ คเหตพฺพํฯ อญฺญถา คเพฺภ ปวิสิตฺวา ปมุขาทีสุ นิปนฺนานุปสมฺปเนฺนหิ สหเสยฺยาปริมุตฺติยา คพฺภทฺวารํ มตฺติกาทีหิ ปิทหาเปตฺวา อุฎฺฐิเต อรุเณ วิวราเปนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ ภเวยฺยาติฯ
50-51. Pañcame tatridaṃ nidassananti seso. Dirattatirattanti ettha dirattaggahaṇaṃ vacanālaṅkāratthaṃ, nirantaraṃ tissova rattiyo vasitvā catutthadivasādīsu sayantasseva āpatti, na ekantarikādivasena sayantassāti dassanatthampīti daṭṭhabbaṃ. Dirattavisiṭṭhañhi tirattaṃ vuccamānaṃ, tena anantarikameva tirattaṃ dīpetīti. Pañcahi chadanehīti iṭṭhakasilāsudhātiṇapaṇṇehi. Vācuggatavasenāti paguṇavasena. Diyaḍḍhahatthubbedho vaḍḍhakīhatthena gahetabbo. Ekūpacāro ekena maggena pavisitvā abbhokāsaṃ anukkamitvā sabbattha anuparigamanayoggo, etaṃ bahudvārampi ekūpacārova. Tattha pana kuṭṭādīhi rundhitvā visuṃ dvāraṃ yojenti, nānūpacāro hoti. Sace pana rundhati eva, visuṃ dvāraṃ na yojenti, ‘‘etampi ekūpacārameva mattikādīhi pihitadvāro viya gabbho’’ti gahetabbaṃ. Aññathā gabbhe pavisitvā pamukhādīsu nipannānupasampannehi sahaseyyāparimuttiyā gabbhadvāraṃ mattikādīhi pidahāpetvā uṭṭhite aruṇe vivarāpentassapi anāpatti bhaveyyāti.
เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺตีติ เอตฺถ เกจิ ‘‘อนุฎฺฐหเนน อกิริยสมุฎฺฐานา อาปตฺติ วุตฺตา ตสฺมิํ ขเณ สยนฺตสฺส กิริยาภาวาฯ อิทญฺหิ สิกฺขาปทํ สิยา กิริยาย สมุฎฺฐาติ, สิยา อกิริยาย สมุฎฺฐาติฯ กิริยาสมุฎฺฐานตา จสฺส ตพฺพหุลวเสน วุตฺตาติ วทติฯ ยถา เจตํ, เอวํ ทิวาสยนมฺปิฯ อนุฎฺฐหเนน, หิ ทฺวาราสํวรเณน เจตํ อกิริยสมอุฎฺฐานมฺปิ โหตี’’ติ วทนฺติฯ อิทญฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ
Tesaṃ payoge payoge bhikkhussa āpattīti ettha keci ‘‘anuṭṭhahanena akiriyasamuṭṭhānā āpatti vuttā tasmiṃ khaṇe sayantassa kiriyābhāvā. Idañhi sikkhāpadaṃ siyā kiriyāya samuṭṭhāti, siyā akiriyāya samuṭṭhāti. Kiriyāsamuṭṭhānatā cassa tabbahulavasena vuttāti vadati. Yathā cetaṃ, evaṃ divāsayanampi. Anuṭṭhahanena, hi dvārāsaṃvaraṇena cetaṃ akiriyasamauṭṭhānampi hotī’’ti vadanti. Idañca yuttaṃ viya dissati, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.
‘‘อุปริมตเลน สทฺธิํ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสา’’ติ อิทํ สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อุปริมตเล สยิตสฺส สงฺกา เอว นตฺถีติ ‘‘เหฎฺฐาปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นานูปจาเรติ พหิ นิเสฺสณิยา อาโรหณีเยฯ
‘‘Uparimatalenasaddhiṃ asambaddhabhittikassā’’ti idaṃ sambaddhabhittike vattabbameva natthīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Uparimatale sayitassa saṅkā eva natthīti ‘‘heṭṭhāpāsāde’’tiādi vuttaṃ. Nānūpacāreti bahi nisseṇiyā ārohaṇīye.
สภาสเงฺขเปนาติ สภากาเรนฯ ‘‘อฑฺฒกุฎฺฎเก’’ติ อิมินา สณฺฐานํ ทเสฺสติฯ ยตฺถ ตีสุ ทฺวีสุ วา ปเสฺสสุ ภิตฺติโย พทฺธา, ฉทนํ วา อสมฺปตฺตา อฑฺฒภิตฺติ, อิทํ อฑฺฒกุฎฺฎกํ นามฯ วาฬสงฺฆาโฎ นาม ปริเกฺขปสฺส อโนฺต ถมฺภาทีนํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฎฯ ปริเกฺขปสฺส พหิคเตติ เอตฺถ ยสฺมิํ ปเสฺส ปริเกฺขโป นตฺถิ, ตตฺถ สเจ ภูมิโต วตฺถุ อุจฺจํ โหติ, อุภโต อุจฺจวตฺถุโต เหฎฺฐา ภูมิยํ นิพฺพโกสพฺภนฺตเรปิ อนาปตฺติ เอว ตตฺถ เสนาสนโวหาราภาวโตฯ อถ วตฺถุ นีจํ ภูมิสมเมว เสนาสนสฺส เหฎฺฐิมตเล ติฎฺฐติ, ตตฺถ ปริเกฺขปรหิตทิสาย นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ อาปตฺติ โหติ, ปริเจฺฉทาภาวโต ปริเกฺขปสฺส พหิ เอว อนาปตฺตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปริมณฺฑลํ วาติอาทิ มเชฺฌ อุทกปตนตฺถาย อากาสงฺคณวนฺตํ เสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปเสฺสสุ ปมุเขน คมนํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพธโต อนูนํ กุฎฺฎํ กตฺวา อากาสงฺคเณน ปเวสํ กโรนฺติ, เอวํ อกโตติ อโตฺถฯ คพฺภปริเกฺขโปติ จตุรสฺสปาสาทาทีสุ สมนฺตา ฐิตคพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํฯ
Sabhāsaṅkhepenāti sabhākārena. ‘‘Aḍḍhakuṭṭake’’ti iminā saṇṭhānaṃ dasseti. Yattha tīsu dvīsu vā passesu bhittiyo baddhā, chadanaṃ vā asampattā aḍḍhabhitti, idaṃ aḍḍhakuṭṭakaṃ nāma. Vāḷasaṅghāṭo nāma parikkhepassa anto thambhādīnaṃ upari vāḷarūpehi katasaṅghāṭo. Parikkhepassa bahigateti ettha yasmiṃ passe parikkhepo natthi, tattha sace bhūmito vatthu uccaṃ hoti, ubhato uccavatthuto heṭṭhā bhūmiyaṃ nibbakosabbhantarepi anāpatti eva tattha senāsanavohārābhāvato. Atha vatthu nīcaṃ bhūmisamameva senāsanassa heṭṭhimatale tiṭṭhati, tattha parikkheparahitadisāya nibbakosabbhantare sabbattha āpatti hoti, paricchedābhāvato parikkhepassa bahi eva anāpattīti daṭṭhabbaṃ. Parimaṇḍalaṃ vātiādi majjhe udakapatanatthāya ākāsaṅgaṇavantaṃ senāsanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha aparicchinnagabbhūpacāreti ekekagabbhassa dvīsu passesu pamukhena gamanaṃ paricchinditvā diyaḍḍhahatthubbedhato anūnaṃ kuṭṭaṃ katvā ākāsaṅgaṇena pavesaṃ karonti, evaṃ akatoti attho. Gabbhaparikkhepoti caturassapāsādādīsu samantā ṭhitagabbhabhittiyo sandhāya vuttaṃ.
ปาเฎกฺกสนฺนิเวสาติ เอเกกทิสาย คพฺภปาฬิโย อิตรทิสาสุ คพฺภปาฬีนํ อภาเวน, ภาเวปิ วา อญฺญมญฺญภิตฺติจฺฉทเนหิ อสมฺพนฺธตาย ปาเฎกฺกสนฺนิเวสา นาม วุจฺจติฯ ตํ…เป.… สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตตฺถ ปาจิตฺติเยน อนาปตฺตีติ วุตฺตํ, น ทุกฺกเฎนฯ ตาทิสาย หิ คพฺภปาฬิยา ปมุขํ ตีสุ ทิสาสุ ภิตฺตีนํ อภาเวน เอกทิสาย คพฺภภิตฺติมเตฺตน สพฺพจฺฉนฺนํ จูฬปริจฺฉนฺนํ นาม โหติฯ ตสฺมา ทุกฺกฎเมวฯ ยทิ ปน ตสฺส ปมุขสฺส อิตรทิสาสุปิ เอกิสฺสํ, สพฺพาสุ วา ภิตฺติํ กโรนฺติ, ตทา สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิภาวโต ปาจิตฺติยเมว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธายาติ เอตฺถ อุจฺจวตฺถุํ อกตฺวา ภูมิยํ กตเคหสฺส ปมุขํ สนฺธาย อปริกฺขิเตฺต ปาจิตฺติเยน อนาปตฺตีติ อิทํ กถิตํ ฯ อุจฺจวตฺถุกํ เจ ปมุขํ โหติ, เตน วตฺถุนา ปริกฺขิตฺตสงฺขฺยเมว ปมุขํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถาติ อนฺธกฎฺฐกถายํฯ ชคติยา ปมาณํ วตฺวาติ ปกติภูมิยา นิปโนฺน ยถา ชคติยา อุปริ สยิตํ น ปสฺสติ, เอวํ อุจฺจาติอุจฺจวตฺถุสฺส อุเพฺพธปฺปมาณํ วตฺวาฯ เอกทิสาย อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโสฯ ทฺวีสุ, ตีสุ วา จตูสุปิ วา ทิสาสุ สิงฺฆาฎกสณฺฐานาทิวเสน กตา ทฺวิสาลาทิสนฺนิเวสา เวทิตพฺพาฯ สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ ปุริมโต วิเสโสติฯ ปริเกฺขโป วิทฺธโสฺตติ ปมุขสฺส ปริเกฺขปํ สนฺธาย วทติฯ
Pāṭekkasannivesāti ekekadisāya gabbhapāḷiyo itaradisāsu gabbhapāḷīnaṃ abhāvena, bhāvepi vā aññamaññabhitticchadanehi asambandhatāya pāṭekkasannivesā nāma vuccati. Taṃ…pe… sandhāya vuttanti tattha pācittiyena anāpattīti vuttaṃ, na dukkaṭena. Tādisāya hi gabbhapāḷiyā pamukhaṃ tīsu disāsu bhittīnaṃ abhāvena ekadisāya gabbhabhittimattena sabbacchannaṃ cūḷaparicchannaṃ nāma hoti. Tasmā dukkaṭameva. Yadi pana tassa pamukhassa itaradisāsupi ekissaṃ, sabbāsu vā bhittiṃ karonti, tadā sabbacchannaupaḍḍhaparicchannādibhāvato pācittiyameva hotīti daṭṭhabbaṃ. Bhūmiyaṃ vinā jagatiyā pamukhaṃ sandhāyāti ettha uccavatthuṃ akatvā bhūmiyaṃ katagehassa pamukhaṃ sandhāya aparikkhitte pācittiyena anāpattīti idaṃ kathitaṃ . Uccavatthukaṃ ce pamukhaṃ hoti, tena vatthunā parikkhittasaṅkhyameva pamukhaṃ gacchatīti adhippāyo. Tatthāti andhakaṭṭhakathāyaṃ. Jagatiyā pamāṇaṃ vatvāti pakatibhūmiyā nipanno yathā jagatiyā upari sayitaṃ na passati, evaṃ uccātiuccavatthussa ubbedhappamāṇaṃ vatvā. Ekadisāya ujukameva dīghaṃ katvā sannivesito pāsādo ekasālasanniveso. Dvīsu, tīsu vā catūsupi vā disāsu siṅghāṭakasaṇṭhānādivasena katā dvisālādisannivesā veditabbā. Sālappabhedadīpanameva cettha purimato visesoti. Parikkhepo viddhastoti pamukhassa parikkhepaṃ sandhāya vadati.
๕๓. อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนํ เสนาสนํ ทุกฺกฎสฺส อาทิํ วตฺวา ปาฬิยํ ทสฺสิตตฺตา ตโต อธิกํ สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิกมฺปิ สพฺพํ ปาฬิยํ อวุตฺตมฺปิ ปาจิตฺติยเสฺสว วตฺถุภาเวน ทสฺสิตํ สิกฺขาปทสฺส ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา, ครุเก ฐาตพฺพโต จาติ เวทิตพฺพํฯ สตฺต ปาจิตฺติยานีติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยทฺวยํ สามญฺญโต เอกเตฺตน คเหตฺวา วุตฺตํฯ
53. Upaḍḍhacchannaupaḍḍhaparicchannaṃ senāsanaṃ dukkaṭassa ādiṃ vatvā pāḷiyaṃ dassitattā tato adhikaṃ sabbacchannaupaḍḍhaparicchannādikampi sabbaṃ pāḷiyaṃ avuttampi pācittiyasseva vatthubhāvena dassitaṃ sikkhāpadassa paṇṇattivajjattā, garuke ṭhātabbato cāti veditabbaṃ. Satta pācittiyānīti pāḷiyaṃ vuttapācittiyadvayaṃ sāmaññato ekattena gahetvā vuttaṃ.
๕๔. ปาฬิยํ ‘‘ตติยาย รตฺติยา ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา ปุน วสตี’’ติ อิทํ อุกฺกฎฺฐวเสน วุตฺตํ, อนิกฺขมิตฺวา ปน ปุรารุณา อุฎฺฐหิตฺวา อโนฺตฉทเน นิสินฺนสฺสาปิ ปุนทิวเส สหเสเยฺยน อนาปตฺติ เอวฯ เสนมฺพมณฺฑปวณฺณํ โหตีติ สีหฬทีเป กิร อุจฺจวตฺถุโก สพฺพจฺฉโนฺน สพฺพอปริจฺฉโนฺน เอวํนามโก สนฺนิปาตมณฺฑโป อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จตุตฺถภาโค จูฬกํ, เทฺว ภาคา อุปฑฺฒํ, ตีสุ ภาเคสุ เทฺว ภาคา เยภุยฺยนฺติ อิมินา นเยน จูฬกจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนตาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ อนุปสมฺปเนฺนน สห นิปชฺชนํ, จตุตฺถทิวเส สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ
54. Pāḷiyaṃ ‘‘tatiyāya rattiyā purāruṇā nikkhamitvā puna vasatī’’ti idaṃ ukkaṭṭhavasena vuttaṃ, anikkhamitvā pana purāruṇā uṭṭhahitvā antochadane nisinnassāpi punadivase sahaseyyena anāpatti eva. Senambamaṇḍapavaṇṇaṃ hotīti sīhaḷadīpe kira uccavatthuko sabbacchanno sabbaaparicchanno evaṃnāmako sannipātamaṇḍapo atthi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Ettha catutthabhāgo cūḷakaṃ, dve bhāgā upaḍḍhaṃ, tīsu bhāgesu dve bhāgā yebhuyyanti iminā nayena cūḷakacchannaparicchannatādīni veditabbāni. Pācittiyavatthukasenāsanaṃ, tattha anupasampannena saha nipajjanaṃ, catutthadivase sūriyatthaṅgamananti imānettha tīṇi aṅgāni.
สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. มุสาวาทวโคฺค • 1. Musāvādavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. ปฐมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Paṭhamasahaseyyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทํ • 5. Sahaseyyasikkhāpadaṃ