Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā

    ๑๖. สหเสยฺยวินิจฺฉยกถา

    16. Sahaseyyavinicchayakathā

    ๗๙. ทุวิธํ สหเสยฺยกนฺติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปเนฺนน อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํ (ปาจิ. ๔๙)ฯ โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สหเสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๕๖) เอวํ วุตฺตํ สหเสยฺยสิกฺขาปททฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๐-๕๑) – อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ติณฺณํ รตฺตีนํ อุปริ จตุตฺถทิวเส อตฺถงฺคเต สูริเย สพฺพจฺฉนฺนสพฺพปริจฺฉเนฺน เยภุยฺยจฺฉนฺนเยภุยฺยปริจฺฉเนฺน วา เสนาสเน ปุพฺพาปริเยน วา เอกกฺขเณ วา นิปชฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถ ฉทนํ อนาหจฺจ ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพเธน ปาการาทินา เยน เกนจิ ปริจฺฉนฺนมฺปิ สพฺพปริจฺฉนฺนมิเจฺจว เวทิตพฺพํฯ ยํ เสนาสนํ อุปริ ปญฺจหิ ฉทเนหิ อเญฺญน วา เกนจิ สพฺพเมว ปริจฺฉนฺนํ, อิทํ สพฺพจฺฉนฺนํ นาม เสนาสนํฯ อฎฺฐกถาสุ ปน ปากฎโวหารํ คเหตฺวา วาจุคฺคตวเสน ‘‘สพฺพจฺฉนฺนํ นาม ปญฺจหิ ฉทเนหิ ฉนฺน’’นฺติ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ทุสฺสกุฎิยํ สยนฺตสฺสปิ น สกฺกา อนาปตฺติ กาตุํ, ตสฺมา ยํ กิญฺจิ ปฎิจฺฉาทนสมตฺถํ อิธ ฉทนญฺจ ปริจฺฉนฺนญฺจ เวทิตพฺพํฯ ปญฺจวิธจฺฉทเนเยว หิ คยฺหมาเน ปทรจฺฉเนฺนปิ สหเสยฺยา น ภเวยฺย, ตสฺมา ยํ เสนาสนํ ภูมิโต ปฎฺฐาย ยาวฉทนํ อาหจฺจ ปากาเรน วา อเญฺญน วา เกนจิ อนฺตมโส วเตฺถนปิ ปริกฺขิตฺตํ, อิทํ สพฺพปริจฺฉนฺนํ นาม เสนาสนํฯ ฉทนํ อนาหจฺจ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพเธน ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตมฺปิ สพฺพปริจฺฉนฺนเมวฯ ยสฺส ปน อุปริ พหุตรํ ฐานํ ฉนฺนํ, อปฺปํ อจฺฉนฺนํ, สมนฺตโต วา พหุตรํ ปริกฺขิตฺตํ, อปฺปํ อปริกฺขิตฺตํ, อิทํ เยภุเยฺยนฉนฺนํ เยภุเยฺยนปริจฺฉนฺนํ นามฯ

    79. Duvidhaṃ sahaseyyakanti ‘‘yo pana bhikkhu anupasampannena uttaridirattatirattaṃ sahaseyyaṃ kappeyya, pācittiyaṃ (pāci. 49). Yo pana bhikkhu mātugāmena sahaseyyaṃ kappeyya, pācittiya’’nti (pāci. 56) evaṃ vuttaṃ sahaseyyasikkhāpadadvayaṃ sandhāya vuttaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo (pāci. aṭṭha. 50-51) – anupasampannena saddhiṃ tiṇṇaṃ rattīnaṃ upari catutthadivase atthaṅgate sūriye sabbacchannasabbaparicchanne yebhuyyacchannayebhuyyaparicchanne vā senāsane pubbāpariyena vā ekakkhaṇe vā nipajjantassa pācittiyaṃ. Tattha chadanaṃ anāhacca diyaḍḍhahatthubbedhena pākārādinā yena kenaci paricchannampi sabbaparicchannamicceva veditabbaṃ. Yaṃ senāsanaṃ upari pañcahi chadanehi aññena vā kenaci sabbameva paricchannaṃ, idaṃ sabbacchannaṃ nāma senāsanaṃ. Aṭṭhakathāsu pana pākaṭavohāraṃ gahetvā vācuggatavasena ‘‘sabbacchannaṃ nāma pañcahi chadanehi channa’’nti vuttaṃ. Kiñcāpi vuttaṃ, atha kho dussakuṭiyaṃ sayantassapi na sakkā anāpatti kātuṃ, tasmā yaṃ kiñci paṭicchādanasamatthaṃ idha chadanañca paricchannañca veditabbaṃ. Pañcavidhacchadaneyeva hi gayhamāne padaracchannepi sahaseyyā na bhaveyya, tasmā yaṃ senāsanaṃ bhūmito paṭṭhāya yāvachadanaṃ āhacca pākārena vā aññena vā kenaci antamaso vatthenapi parikkhittaṃ, idaṃ sabbaparicchannaṃ nāma senāsanaṃ. Chadanaṃ anāhacca sabbantimena pariyāyena diyaḍḍhahatthubbedhena pākārādinā parikkhittampi sabbaparicchannameva. Yassa pana upari bahutaraṃ ṭhānaṃ channaṃ, appaṃ acchannaṃ, samantato vā bahutaraṃ parikkhittaṃ, appaṃ aparikkhittaṃ, idaṃ yebhuyyenachannaṃ yebhuyyenaparicchannaṃ nāma.

    อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคโต สเจปิ สตฺตภูมิโก ปาสาโท เอกูปจาโร โหติ, สตคพฺภํ วา จตุสาลํ, เอกํ เสนาสนมิเจฺจว สงฺขํ คจฺฉติฯ เอวรูเป เสนาสเน อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ จตุตฺถทิวเส อตฺถงฺคเต สูริเย นิปชฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ สเจ ปน สมฺพหุลา สามเณรา, เอโก ภิกฺขุ, สามเณรคณนาย ปาจิตฺติยาฯ เต เจ อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชนฺติ, เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺติ, ภิกฺขุสฺส อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชเน ปน ภิกฺขุเสฺสว ปโยเคน ภิกฺขุสฺส อาปตฺติฯ สเจ สมฺพหุลา ภิกฺขู, เอโก สามเณโร, เอโกปิ สเพฺพสํ อาปตฺติํ กโรติฯ ตสฺส อุฎฺฐายุฎฺฐาย นิปชฺชเนนปิ ภิกฺขูนํ อาปตฺติเยวฯ อุภเยสํ สมฺพหุลภาเวปิ เอเสว นโยฯ

    Iminā lakkhaṇena samannāgato sacepi sattabhūmiko pāsādo ekūpacāro hoti, satagabbhaṃ vā catusālaṃ, ekaṃ senāsanamicceva saṅkhaṃ gacchati. Evarūpe senāsane anupasampannena saddhiṃ catutthadivase atthaṅgate sūriye nipajjantassa pācittiyaṃ vuttaṃ. Sace pana sambahulā sāmaṇerā, eko bhikkhu, sāmaṇeragaṇanāya pācittiyā. Te ce uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjanti, tesaṃ payoge payoge bhikkhussa āpatti, bhikkhussa uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjane pana bhikkhusseva payogena bhikkhussa āpatti. Sace sambahulā bhikkhū, eko sāmaṇero, ekopi sabbesaṃ āpattiṃ karoti. Tassa uṭṭhāyuṭṭhāya nipajjanenapi bhikkhūnaṃ āpattiyeva. Ubhayesaṃ sambahulabhāvepi eseva nayo.

    ๘๐. อปิเจตฺถ เอกาวาสาทิกมฺปิ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ โย หิ เอกสฺมิํ อาวาเส เอเกเนว อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺส จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย เทวสิกา อาปตฺติฯ โยปิ เอกสฺมิํเยว อาวาเส นานาอนุปสมฺปเนฺนหิ สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิฯ โยปิ นานาอาวาเสสุ เอเกเนว อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิฯ โยปิ นานาอาวาเสสุ นานาอนุปสมฺปเนฺนหิ สทฺธิํ โยชนสตมฺปิ คนฺตฺวา สหเสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺสปิ จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย เทวสิกา อาปตฺติฯ

    80. Apicettha ekāvāsādikampi catukkaṃ veditabbaṃ. Yo hi ekasmiṃ āvāse ekeneva anupasampannena saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassa catutthadivasato paṭṭhāya devasikā āpatti. Yopi ekasmiṃyeva āvāse nānāanupasampannehi saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassapi. Yopi nānāāvāsesu ekeneva anupasampannena saddhiṃ tirattaṃ sahaseyyaṃ kappeti, tassapi. Yopi nānāāvāsesu nānāanupasampannehi saddhiṃ yojanasatampi gantvā sahaseyyaṃ kappeti, tassapi catutthadivasato paṭṭhāya devasikā āpatti.

    อยญฺจ สหเสยฺยาปตฺติ นาม ‘‘ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา อวเสโส อนุปสมฺปโนฺน นามา’’ติ วจนโต อนฺตมโส ปาราชิกวตฺถุภูเตน ติรจฺฉานคเตนปิ สทฺธิํ โหติ, ตสฺมา สเจปิ โคธาพิฬาลมงฺคุสาทีสุ โกจิ ปวิสิตฺวา ภิกฺขุโน วสนเสนาสเน เอกูปจารฎฺฐาเน สยติ, สหเสยฺยาว โหติฯ ยทิ ปน ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทสฺส อุปริมตเลน สทฺธิํ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺส ภิตฺติยา อุปริฐิตสุสิรตุลาสีสสฺส สุสิเรน ปวิสิตฺวา ตุลาย อพฺภนฺตเร สยิตฺวา เตเนว สุสิเรน นิกฺขมิตฺวา คจฺฉติ, เหฎฺฐาปาสาเท สยิตภิกฺขุสฺส อนาปตฺติฯ สเจ ฉทเน ฉิทฺทํ โหติ, เตน ปวิสิตฺวา อโนฺตฉทเน วสิตฺวา เตเนว ปกฺกมติ, นานูปจาเร อุปริมตเล ฉทนพฺภนฺตเร สยิตสฺส อาปตฺติ, เหฎฺฐิมตเล สยิตสฺส อนาปตฺติฯ สเจ อโนฺตปาสาเทเนว อาโรหิตฺวา สพฺพตลานิ ปริภุญฺชนฺติ, เอกูปจารานิ โหนฺติ, เตสุ ยตฺถ กตฺถจิ สยิตสฺส อาปตฺติ, สภาสเงฺขเปน กเต อฑฺฒกุฎฺฎเก เสนาสเน สยิตสฺส ตุลาวาฬสฆาฎาทีสุ กโปตาทโย สยนฺติ, อาปตฺติเยวฯ ปริเกฺขปสฺส พหิคเต นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สยนฺติ, อนาปตฺติฯ ปริมณฺฑลํ วา จตุรสฺสํ วา เอกจฺฉทนาย คพฺภมาลาย สตคพฺภํ เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตตฺร เจ เอเกน สาธารณทฺวาเรน ปวิสิตฺวา วิสุํ ปากาเรน อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร สพฺพคเพฺภปิ ปวิสนฺติ, เอกคเพฺภปิ อนุปสมฺปเนฺน นิปเนฺน สพฺพคเพฺภสุ นิปนฺนานํ อาปตฺติฯ สเจ สปมุขา คพฺภา โหนฺติ, ปมุขญฺจ อุปริ อจฺฉนฺนํ, ปมุเข สยิโต คเพฺภ สยิตานํ อาปตฺติํ น กโรติฯ สเจ ปน คพฺภจฺฉทเนเนว สทฺธิํ สมฺพนฺธฉทนํ, ตตฺร สยิโต สเพฺพสํ อาปตฺติํ กโรติฯ กสฺมา? สพฺพจฺฉนฺนตฺตา จ สพฺพปริจฺฉนฺนตฺตา จฯ คพฺภปริเกฺขโปเยว หิสฺส ปริเกฺขโปฯ

    Ayañca sahaseyyāpatti nāma ‘‘bhikkhuṃ ṭhapetvā avaseso anupasampanno nāmā’’ti vacanato antamaso pārājikavatthubhūtena tiracchānagatenapi saddhiṃ hoti, tasmā sacepi godhābiḷālamaṅgusādīsu koci pavisitvā bhikkhuno vasanasenāsane ekūpacāraṭṭhāne sayati, sahaseyyāva hoti. Yadi pana thambhānaṃ upari katapāsādassa uparimatalena saddhiṃ asambaddhabhittikassa bhittiyā upariṭhitasusiratulāsīsassa susirena pavisitvā tulāya abbhantare sayitvā teneva susirena nikkhamitvā gacchati, heṭṭhāpāsāde sayitabhikkhussa anāpatti. Sace chadane chiddaṃ hoti, tena pavisitvā antochadane vasitvā teneva pakkamati, nānūpacāre uparimatale chadanabbhantare sayitassa āpatti, heṭṭhimatale sayitassa anāpatti. Sace antopāsādeneva ārohitvā sabbatalāni paribhuñjanti, ekūpacārāni honti, tesu yattha katthaci sayitassa āpatti, sabhāsaṅkhepena kate aḍḍhakuṭṭake senāsane sayitassa tulāvāḷasaghāṭādīsu kapotādayo sayanti, āpattiyeva. Parikkhepassa bahigate nibbakosabbhantare sayanti, anāpatti. Parimaṇḍalaṃ vā caturassaṃ vā ekacchadanāya gabbhamālāya satagabbhaṃ cepi senāsanaṃ hoti, tatra ce ekena sādhāraṇadvārena pavisitvā visuṃ pākārena aparicchinnagabbhūpacāre sabbagabbhepi pavisanti, ekagabbhepi anupasampanne nipanne sabbagabbhesu nipannānaṃ āpatti. Sace sapamukhā gabbhā honti, pamukhañca upari acchannaṃ, pamukhe sayito gabbhe sayitānaṃ āpattiṃ na karoti. Sace pana gabbhacchadaneneva saddhiṃ sambandhachadanaṃ, tatra sayito sabbesaṃ āpattiṃ karoti. Kasmā? Sabbacchannattā ca sabbaparicchannattā ca. Gabbhaparikkhepoyeva hissa parikkhepo.

    ๘๑. เยปิ เอกสาลทฺวิสาลติสาลจตุสาลสนฺนิเวสา มหาปาสาทา เอกสฺมิํ โอกาเส ปาเท โธวิตฺวา ปวิเฎฺฐน สกฺกา โหนฺติ สพฺพตฺถ อนุปริคนฺตุํ, เตสุปิ สหเสยฺยาปตฺติยา น มุจฺจติฯ สเจ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน อุปจารํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตา โหนฺติ, เอกูปจารฎฺฐาเนเยว อาปตฺติฯ ทฺวีหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตสฺส สุธาฉทนมณฺฑปสฺส มเชฺฌ ปาการํ กโรนฺติ, เอเกน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เอกสฺมิํ ปริเจฺฉเท อนุปสมฺปโนฺน สยติ, เอกสฺมิํ ภิกฺขุ, อนาปตฺติฯ ปากาเร โคธาทีนํ ปวิสนมตฺตํ ฉิทฺทํ โหติ, เอกสฺมิญฺจ ปริเจฺฉเท โคธา สยนฺติ, อนาปตฺติเยวฯ น หิ ฉิเทฺทน เคหํ เอกูปจารํ นาม โหติฯ สเจ ปาการมเชฺฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวารํ โยเชนฺติ, เอกูปจารตาย อาปตฺติฯ ตํ ทฺวารํ กวาเฎน ปิทหิตฺวา สยนฺติ, อาปตฺติเยวฯ น หิ ทฺวารปิทหเนน เคหํ นานูปจารํ นาม โหติ, ทฺวารํ วา อทฺวารํฯ กวาฎญฺหิ สํวรณวิวรเณหิ ยถาสุขํ วฬญฺชนตฺถาย กตํ, น วฬญฺชุปเจฺฉทนตฺถายฯ สเจ ตํ ทฺวารํ ปุน อิฎฺฐกาหิ ปิทหนฺติ, อทฺวารํ โหติ, ปุริเม นานูปจารภาเวเยว ติฎฺฐติฯ ทีฆปมุขํ เจติยฆรํ โหติ, เอกํ กวาฎํ อโนฺต, เอกํ พหิ, ทฺวินฺนํ กวาฎานํ อนฺตเร อนุปสมฺปโนฺน อโนฺตเจติยฆเร สยนฺตสฺส อาปตฺติํ กโรติ เอกูปจารตฺตาฯ

    81. Yepi ekasāladvisālatisālacatusālasannivesā mahāpāsādā ekasmiṃ okāse pāde dhovitvā paviṭṭhena sakkā honti sabbattha anuparigantuṃ, tesupi sahaseyyāpattiyā na muccati. Sace tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne upacāraṃ paricchinditvā katā honti, ekūpacāraṭṭhāneyeva āpatti. Dvīhi dvārehi yuttassa sudhāchadanamaṇḍapassa majjhe pākāraṃ karonti, ekena dvārena pavisitvā ekasmiṃ paricchede anupasampanno sayati, ekasmiṃ bhikkhu, anāpatti. Pākāre godhādīnaṃ pavisanamattaṃ chiddaṃ hoti, ekasmiñca paricchede godhā sayanti, anāpattiyeva. Na hi chiddena gehaṃ ekūpacāraṃ nāma hoti. Sace pākāramajjhe chinditvā dvāraṃ yojenti, ekūpacāratāya āpatti. Taṃ dvāraṃ kavāṭena pidahitvā sayanti, āpattiyeva. Na hi dvārapidahanena gehaṃ nānūpacāraṃ nāma hoti, dvāraṃ vā advāraṃ. Kavāṭañhi saṃvaraṇavivaraṇehi yathāsukhaṃ vaḷañjanatthāya kataṃ, na vaḷañjupacchedanatthāya. Sace taṃ dvāraṃ puna iṭṭhakāhi pidahanti, advāraṃ hoti, purime nānūpacārabhāveyeva tiṭṭhati. Dīghapamukhaṃ cetiyagharaṃ hoti, ekaṃ kavāṭaṃ anto, ekaṃ bahi, dvinnaṃ kavāṭānaṃ antare anupasampanno antocetiyaghare sayantassa āpattiṃ karoti ekūpacārattā.

    อยเญฺหตฺถ สเงฺขโป – เสนาสนํ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา, อเญฺญน สทฺธิํ สมฺพนฺธํ วา อสมฺพนฺธํ วา, ทีฆํ วา วฎฺฎํ วา จตุรสฺสํ วา, เอกภูมิกํ วา อเนกภูมิกํ วา, ยํ ยํ เอกูปจารํ, สพฺพตฺถ สหเสยฺยาปตฺติ โหตีติฯ เอตฺถ จ เยน เกนจิ ปฎิจฺฉทเนน สพฺพจฺฉเนฺน สพฺพปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนฉเนฺน เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพปริจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, สพฺพปริจฺฉเนฺน อุปฑฺฒจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยํ, เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน อุปฑฺฒจฺฉเนฺน ปาจิตฺติยนฺติ อฎฺฐ ปาจิตฺติยานิฯ อุปฑฺฒจฺฉเนฺน อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, สพฺพจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, เยภุเยฺยนฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, สพฺพปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน ทุกฺกฎํ, เยภุเยฺยนปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน ทุกฺกฎนฺติ ปญฺจ ทุกฺกฎานิ เวทิตพฺพานิฯ สพฺพจฺฉเนฺน สพฺพอปริจฺฉเนฺน, สพฺพปริจฺฉเนฺน สพฺพอจฺฉเนฺน, เยภุเยฺยนอจฺฉเนฺน เยภุเยฺยนอปริจฺฉเนฺน, อุปฑฺฒจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน, อุปฑฺฒปริจฺฉเนฺน จูฬกจฺฉเนฺน จูฬกปริจฺฉเนฺน จ อนาปตฺติฯ มาตุคาเมน สห นิปชฺชนฺตสฺสปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ อยเญฺหตฺถ วิเสโส – อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ นิปชฺชนฺตสฺส จตุตฺถทิวเส อาปตฺติ, มาตุคาเมน สทฺธิํ ปฐมทิวเสติฯ ยกฺขิเปตีหิ ปน ทิสฺสมานกรูปาหิ ติรจฺฉานคติตฺถิยา จ เมถุนธมฺมวตฺถุภูตาย เอว ทุกฺกฎํ, เสสาหิ อนาปตฺติฯ

    Ayañhettha saṅkhepo – senāsanaṃ khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā, aññena saddhiṃ sambandhaṃ vā asambandhaṃ vā, dīghaṃ vā vaṭṭaṃ vā caturassaṃ vā, ekabhūmikaṃ vā anekabhūmikaṃ vā, yaṃ yaṃ ekūpacāraṃ, sabbattha sahaseyyāpatti hotīti. Ettha ca yena kenaci paṭicchadanena sabbacchanne sabbaparicchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenachanne yebhuyyenaparicchanne pācittiyaṃ, sabbacchanne yebhuyyenaparicchanne pācittiyaṃ, sabbacchanne upaḍḍhaparicchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenachanne upaḍḍhaparicchanne pācittiyaṃ, sabbaparicchanne yebhuyyenachanne pācittiyaṃ, sabbaparicchanne upaḍḍhacchanne pācittiyaṃ, yebhuyyenaparicchanne upaḍḍhacchanne pācittiyanti aṭṭha pācittiyāni. Upaḍḍhacchanne upaḍḍhaparicchanne dukkaṭaṃ, sabbacchanne cūḷakaparicchanne dukkaṭaṃ, yebhuyyenachanne cūḷakaparicchanne dukkaṭaṃ, sabbaparicchanne cūḷakacchanne dukkaṭaṃ, yebhuyyenaparicchanne cūḷakacchanne dukkaṭanti pañca dukkaṭāni veditabbāni. Sabbacchanne sabbaaparicchanne, sabbaparicchanne sabbaacchanne, yebhuyyenaacchanne yebhuyyenaaparicchanne, upaḍḍhacchanne cūḷakaparicchanne, upaḍḍhaparicchanne cūḷakacchanne cūḷakaparicchanne ca anāpatti. Mātugāmena saha nipajjantassapi ayameva vinicchayo. Ayañhettha viseso – anupasampannena saddhiṃ nipajjantassa catutthadivase āpatti, mātugāmena saddhiṃ paṭhamadivaseti. Yakkhipetīhi pana dissamānakarūpāhi tiracchānagatitthiyā ca methunadhammavatthubhūtāya eva dukkaṭaṃ, sesāhi anāpatti.

    อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

    Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe

    สหเสยฺยวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ

    Sahaseyyavinicchayakathā samattā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact