Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
สาชีวปทภาชนียวณฺณนา
Sājīvapadabhājanīyavaṇṇanā
‘‘มหาโพธิสตฺตา นิยตา’’ติ วุตฺตํ อนุคณฺฐิปเทฯ ยตฺถ ‘‘อนุคณฺฐิปเท’’ติ, ตตฺถ ‘‘วชิรพุทฺธิเตฺถรสฺสา’’ติ คเหตพฺพํฯ สาวกโพธิปเจฺจกโพธิสมฺมาสโมฺพธีติ วา ตีสุ โพธีสุ สมฺมาสโมฺพธิยํ สตฺตา โพธิสตฺตา มหาโพธิสตฺตา นามฯ ปาติโมกฺขสีลพหุกตฺตา, ภิกฺขุสีลตฺตา, กิเลสปิทหนวเสน วตฺตนโต, อุตฺตเมน ภควตา ปญฺญตฺตตฺตา จ อธิกํ, พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตนโต อุตฺตมนฺติ อญฺญตรสฺมิํ คณฺฐิปเทฯ กิญฺจาปิ ปเจฺจกพุทฺธาปิ ธมฺมตาวเสน ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สมนฺนาคตาว โหนฺติ, ตถาปิ ‘‘พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตี’’ติ นิยมิตํ เตน ปริยาเยนาติฯ เตนาห ‘‘น หิ ตํ ปญฺญตฺติํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิฯ ปาติโมกฺขสํวรโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ อนธิเปฺปตํฯ น หิ ตํ ปาติโมกฺขุเทฺทเสน สงฺคหิตนฺติฯ สมนฺตภทฺรกํ การณวจนํ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณลกฺขณตฺตา อิมิสฺสา อนุปญฺญตฺติยา อริยปุคฺคลา จ เอกจฺจํ อาปตฺติํ อาปชฺชนฺตีติ สาธิตเมตํ, ตสฺมา ‘‘น หิ ตํ สมาปโนฺน เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวตี’’ติ อฎฺฐกถาวจนํ อสมตฺถํ วิย ทิสฺสตีติ? นาสมตฺถํ, สมตฺถเมว ยสฺมิํ ยสฺมิํ สิกฺขาปเท สาสา วิจารณา, ตสฺส ตเสฺสว วเสน อฎฺฐกถาย ปวตฺติโตฯ ตถา หิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา) อุทกุเกฺขปสีมาธิกาเร ‘‘ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ ภิกฺขุนิวิภเงฺค อาคตตฺตาฯ เอเสว นโย อเญฺญปิ เอวรูเปสุฯ กิมตฺถนฺติ เจ ตํ? ปาฬิกฺกมานุวตฺตเนน ปาฬิกฺกมทสฺสนตฺถํฯ ตตฺริทํ สมาสโต อธิปฺปายทีปนํ – ปทโสธมฺมสิกฺขาปทสฺส ติกปริเจฺฉเท อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อนาปตฺติ, อกฎานุธมฺมสิกฺขาปทวเสน อุปสมฺปเนฺน อุกฺขิตฺตเก สิยา อาปตฺติ, ตถา สหเสยฺยสิกฺขาปเทติ เอวมาทิฯ อโตฺถ ปเนตฺถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ
‘‘Mahābodhisattā niyatā’’ti vuttaṃ anugaṇṭhipade. Yattha ‘‘anugaṇṭhipade’’ti, tattha ‘‘vajirabuddhittherassā’’ti gahetabbaṃ. Sāvakabodhipaccekabodhisammāsambodhīti vā tīsu bodhīsu sammāsambodhiyaṃ sattā bodhisattā mahābodhisattā nāma. Pātimokkhasīlabahukattā, bhikkhusīlattā, kilesapidahanavasena vattanato, uttamena bhagavatā paññattattā ca adhikaṃ, buddhuppādeyeva pavattanato uttamanti aññatarasmiṃ gaṇṭhipade. Kiñcāpi paccekabuddhāpi dhammatāvasena pātimokkhasaṃvarasīlena samannāgatāva honti, tathāpi ‘‘buddhuppādeyeva pavattatī’’ti niyamitaṃ tena pariyāyenāti. Tenāha ‘‘na hi taṃ paññattiṃ uddharitvā’’tiādi. Pātimokkhasaṃvaratopi ca maggaphalasampayuttameva sīlaṃ adhisīlaṃ, taṃ pana idha anadhippetaṃ. Na hi taṃ pātimokkhuddesena saṅgahitanti. Samantabhadrakaṃ kāraṇavacanaṃ sabbasikkhāpadānaṃ sādhāraṇalakkhaṇattā imissā anupaññattiyā ariyapuggalā ca ekaccaṃ āpattiṃ āpajjantīti sādhitametaṃ, tasmā ‘‘na hi taṃ samāpanno methunaṃ dhammaṃ paṭisevatī’’ti aṭṭhakathāvacanaṃ asamatthaṃ viya dissatīti? Nāsamatthaṃ, samatthameva yasmiṃ yasmiṃ sikkhāpade sāsā vicāraṇā, tassa tasseva vasena aṭṭhakathāya pavattito. Tathā hi kaṅkhāvitaraṇiyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā) udakukkhepasīmādhikāre ‘‘timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā antaravāsakaṃ anukkhipitvā uttarantiyā bhikkhuniyā’’ti vuttaṃ bhikkhunivibhaṅge āgatattā. Eseva nayo aññepi evarūpesu. Kimatthanti ce taṃ? Pāḷikkamānuvattanena pāḷikkamadassanatthaṃ. Tatridaṃ samāsato adhippāyadīpanaṃ – padasodhammasikkhāpadassa tikaparicchede upasampanne upasampannasaññī, anāpatti, akaṭānudhammasikkhāpadavasena upasampanne ukkhittake siyā āpatti, tathā sahaseyyasikkhāpadeti evamādi. Attho panettha parato āvi bhavissati.
ยํ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตํ ปน อิธ อนธิเปฺปต’’นฺติ จ, ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลปญฺญาว อธิปญฺญา, สา ปน อิธ อนธิเปฺปตาฯ น หิ ตํสมาปโนฺน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวตี’’ติฯ ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตา สิกฺขา’’ติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติฯ อยญฺหิ ปาฬิ อธิสีลสิกฺขาว อิธ อธิเปฺปตา, น อิตราติ ทีเปติฯ อฎฺฐกถาวจนํ ตาสมฺปิ ติณฺณํ โลกิยานํ อธิเปฺปตตํ ทีเปติฯ อยํ ปเนตฺถ อฎฺฐกถาธิปฺปาโย – ติโสฺสปิ โลกิยา สิกฺขา อิมสฺมิํ ปฐมปาราชิเก สมฺภวนฺติ, กาเลนาปิ อธิจิตฺตปญฺญาลาภี ภิกฺขุ ตถารูปํ อสปฺปายํ ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตโต ตโต อธิจิตฺตโต, อธิปญฺญาโต จ อาวตฺติตฺวา สีลเภทํ ปาปุเณยฺยาติ ฐานเมตํ วิชฺชติ, น โลกุตฺตรจิตฺตปญฺญาลาภี, อยํ นโย อิตเรสุปิ สเพฺพสุ อทินฺนาทานาทีสุ สจิตฺตเกสุ ลพฺภติ, อจิตฺตเกสุ ปน อิตโรปิฯ ตถาปิ เกวลํ วินยปิฎกสฺส, ปาติโมกฺขสีลสฺส จ สงฺคาหกตฺตา ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ อิมสฺมิํ อุตฺตรปเท ปจฺจกฺขานารหา อธิสีลสิกฺขาว โลกิยาติ ทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Yaṃ vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘tatopi ca maggaphalacittameva adhicittaṃ, taṃ pana idha anadhippeta’’nti ca, ‘‘tatopi ca maggaphalapaññāva adhipaññā, sā pana idha anadhippetā. Na hi taṃsamāpanno bhikkhu methunaṃ dhammaṃ paṭisevatī’’ti. ‘‘Tatra yāyaṃ adhisīlasikkhā, ayaṃ imasmiṃ atthe adhippetā sikkhā’’ti imāya pāḷiyā virujjhati. Ayañhi pāḷi adhisīlasikkhāva idha adhippetā, na itarāti dīpeti. Aṭṭhakathāvacanaṃ tāsampi tiṇṇaṃ lokiyānaṃ adhippetataṃ dīpeti. Ayaṃ panettha aṭṭhakathādhippāyo – tissopi lokiyā sikkhā imasmiṃ paṭhamapārājike sambhavanti, kālenāpi adhicittapaññālābhī bhikkhu tathārūpaṃ asappāyaṃ paccayaṃ paṭicca tato tato adhicittato, adhipaññāto ca āvattitvā sīlabhedaṃ pāpuṇeyyāti ṭhānametaṃ vijjati, na lokuttaracittapaññālābhī, ayaṃ nayo itaresupi sabbesu adinnādānādīsu sacittakesu labbhati, acittakesu pana itaropi. Tathāpi kevalaṃ vinayapiṭakassa, pātimokkhasīlassa ca saṅgāhakattā ‘‘sikkhaṃ appaccakkhāyā’’ti imasmiṃ uttarapade paccakkhānārahā adhisīlasikkhāva lokiyāti dassanatthaṃ pāḷiyaṃ ‘‘tatra yāyaṃ adhisīlasikkhā, ayaṃ imasmiṃ atthe adhippetā sikkhā’’ti vuttanti veditabbaṃ.
เอตฺถ สิกฺขาติ กายวจีทุจฺจริตโต วิรตี จ เจตนา จ, อญฺญตฺร เจตนาเยว เวทิตพฺพาฯ สิกฺขาปทนฺติ สอุเทฺทสสิกฺขาปทํ, เอกจฺจํ อนุเทฺทสสิกฺขาปทญฺจ ลพฺภติฯ จิตฺตสฺส อธิกรณํ กตฺวาติ ตสฺมิํ สิกฺขตีติ อธิกรณเตฺถ ภุมฺมนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ยถาสิกฺขาปทนฺติ ปจฺจเวกฺขณวเสน วุตฺตํฯ สีลปจฺจเวกฺขณาปิ หิ สีลเมว, ตสฺมา สุปฺปฎิจฺฉนฺนาทิจาริเตฺตสุ วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนํ ปวเตฺตโนฺตปิ สิกฺขํ ปริปูเรโนฺตเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตมริยาทํ อวีติกฺกมโนฺต ‘‘ตสฺมิญฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตี’’ติ วุจฺจติฯ อญฺญตรสฺมิํ ปน คณฺฐิปเท วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาติ ตํ สิกฺขาปทํ สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโทฯ สาชีวนฺติ ปญฺญตฺติฯ ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุเพฺพ เมถุนสํวรเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปุญฺญสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติฯ ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยญฺจ สาชีวํ สมาปโนฺน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อายสฺมา อุปติโสฺสฯ
Ettha sikkhāti kāyavacīduccaritato viratī ca cetanā ca, aññatra cetanāyeva veditabbā. Sikkhāpadanti sauddesasikkhāpadaṃ, ekaccaṃ anuddesasikkhāpadañca labbhati. Cittassa adhikaraṇaṃ katvāti tasmiṃ sikkhatīti adhikaraṇatthe bhummanti dassanatthaṃ vuttaṃ. Yathāsikkhāpadanti paccavekkhaṇavasena vuttaṃ. Sīlapaccavekkhaṇāpi hi sīlameva, tasmā suppaṭicchannādicārittesu virativippayuttacetanaṃ pavattentopi sikkhaṃ paripūrentotveva saṅkhyaṃ gacchati. ‘‘Sampajānamusāvāde pācittiya’’nti (pāci. 2) vuttamariyādaṃ avītikkamanto ‘‘tasmiñca sikkhāpade sikkhatī’’ti vuccati. Aññatarasmiṃ pana gaṇṭhipade vuttaṃ ‘‘sikkhāti taṃ sikkhāpadaṃ sikkhanabhāvena pavattacittuppādo. Sājīvanti paññatti. Tadatthadassanatthaṃ pubbe methunasaṃvarassetaṃ adhivacana’’nti. Yasmā sikkhāya guṇasammatāya puññasammatāya tantiyā abhāvato lokassa dubbalyāvikammaṃ tattha na sambhavati. Patthanīyā hi sā, tasmā ‘‘yañca sājīvaṃ samāpanno, tattha dubbalyaṃ anāvikatvā’’ti vuttaṃ. Āṇāya hi dubbalyaṃ sambhavatīti āyasmā upatisso.