Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา

    8. Sakalikasuttavaṇṇanā

    ๓๘. อฎฺฐเม มทฺทกุจฺฉิสฺมินฺติ เอวํนามเก อุยฺยาเนฯ ตญฺหิ อชาตสตฺตุมฺหิ กุจฺฉิคเต ตสฺส มาตรา – ‘‘อยํ มยฺหํ กุจฺฉิคโต คโพฺภ รโญฺญ สตฺตุ ภวิสฺสติฯ กิํ เม อิมินา’’ติ? คพฺภปาตนตฺถํ กุจฺฉิ มทฺทาปิตาฯ ตสฺมา ‘‘มทฺทกุจฺฉี’’ติ สงฺขํ คตํฯ มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติฯ

    38. Aṭṭhame maddakucchisminti evaṃnāmake uyyāne. Tañhi ajātasattumhi kucchigate tassa mātarā – ‘‘ayaṃ mayhaṃ kucchigato gabbho rañño sattu bhavissati. Kiṃ me iminā’’ti? Gabbhapātanatthaṃ kucchi maddāpitā. Tasmā ‘‘maddakucchī’’ti saṅkhaṃ gataṃ. Migānaṃ pana abhayavāsatthāya dinnattā migadāyoti vuccati.

    เตน โข ปน สมเยนาติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพิกถา – เทวทโตฺต หิ อชาตสตฺตุํ นิสฺสาย ธนุคฺคเห จ ธนปาลกญฺจ ปโยเชตฺวาปิ ตถาคตสฺส ชีวิตนฺตรายํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘สหเตฺถเนว มาเรสฺสามี’’ติ คิชฺฌกูฎปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา มหนฺตํ กูฎาคารปฺปมาณํ สิลํ อุกฺขิปิตฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม จุณฺณวิจุโณฺณ โหตู’’ติ ปวิชฺฌิฯ มหาถามวา กิเรส ปญฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติฯ อฎฺฐานํ โข ปเนตํ, ยํ พุทฺธานํ ปรูปกฺกเมน ชีวิตนฺตราโย ภเวยฺยาติ ตํ ตถาคตสฺส สรีราภิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ อากาเส อญฺญา สิลา อุฎฺฐหิตฺวา สมฺปฎิจฺฉิฯ ทฺวินฺนํ สิลานํ สมฺปหาเรน มหโนฺต ปาสาณสฺส สกลิกา อุฎฺฐหิตฺวา ภควโต ปิฎฺฐิปาทปริยนฺตํ อภิหนิ, ปาโท มหาผรสุนา ปหโต วิย สมุคฺคตโลหิเตน ลาขารสมกฺขิโต วิย อโหสิฯ ภควา อุทฺธํ อุโลฺลเกตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พหุ ตยา โมฆปุริส, อปุญฺญํ ปสุตํ, โย ตฺวํ ปทุฎฺฐจิโตฺต วธกจิโตฺต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทสี’’ติฯ ตโต ปฎฺฐาย ภควโต อผาสุ ชาตํฯ ภิกฺขู จินฺตยิํสุ – ‘‘อยํ วิหาโร อุชฺชงฺคโล วิสโม, พหูนํ ขตฺติยาทีนเญฺจว ปพฺพชิตานญฺจ อโนกาโส’’ติฯ เต ตถาคตํ มญฺจสิวิกาย อาทาย มทฺทกุจฺฉิํ นยิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต โหตี’’ติฯ

    Tena kho pana samayenāti ettha ayaṃ anupubbikathā – devadatto hi ajātasattuṃ nissāya dhanuggahe ca dhanapālakañca payojetvāpi tathāgatassa jīvitantarāyaṃ kātuṃ asakkonto ‘‘sahattheneva māressāmī’’ti gijjhakūṭapabbataṃ abhiruhitvā mahantaṃ kūṭāgārappamāṇaṃ silaṃ ukkhipitvā, ‘‘samaṇo gotamo cuṇṇavicuṇṇo hotū’’ti pavijjhi. Mahāthāmavā kiresa pañcannaṃ hatthīnaṃ balaṃ dhāreti. Aṭṭhānaṃ kho panetaṃ, yaṃ buddhānaṃ parūpakkamena jīvitantarāyo bhaveyyāti taṃ tathāgatassa sarīrābhimukhaṃ āgacchantaṃ ākāse aññā silā uṭṭhahitvā sampaṭicchi. Dvinnaṃ silānaṃ sampahārena mahanto pāsāṇassa sakalikā uṭṭhahitvā bhagavato piṭṭhipādapariyantaṃ abhihani, pādo mahāpharasunā pahato viya samuggatalohitena lākhārasamakkhito viya ahosi. Bhagavā uddhaṃ ulloketvā devadattaṃ etadavoca – ‘‘bahu tayā moghapurisa, apuññaṃ pasutaṃ, yo tvaṃ paduṭṭhacitto vadhakacitto tathāgatassa lohitaṃ uppādesī’’ti. Tato paṭṭhāya bhagavato aphāsu jātaṃ. Bhikkhū cintayiṃsu – ‘‘ayaṃ vihāro ujjaṅgalo visamo, bahūnaṃ khattiyādīnañceva pabbajitānañca anokāso’’ti. Te tathāgataṃ mañcasivikāya ādāya maddakucchiṃ nayiṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena bhagavato pādo sakalikāya khato hotī’’ti.

    ภุสาติ พลวติโยฯ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ทุกฺขนฺติ สุขปฎิเกฺขโปฯ ติพฺพาติ พหลาฯ ขราติ ผรุสาฯ กฎุกาติ ติขิณาฯ อสาตาติ อมธุราฯ น ตาสุ มโน อเปฺปติ, น ตา มนํ อปฺปายนฺติ วเฑฺฒนฺตีติ อมนาปาฯ สโต สมฺปชาโนติ เวทนาธิวาสนสติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต หุตฺวาฯ อวิหญฺญมาโนติ อปีฬิยมาโน, สมฺปริวตฺตสายิตาย เวทนานํ วสํ อคจฺฉโนฺตฯ

    Bhusāti balavatiyo. Sudanti nipātamattaṃ. Dukkhanti sukhapaṭikkhepo. Tibbāti bahalā. Kharāti pharusā. Kaṭukāti tikhiṇā. Asātāti amadhurā. Na tāsu mano appeti, na tā manaṃ appāyanti vaḍḍhentīti amanāpā. Sato sampajānoti vedanādhivāsanasatisampajaññena samannāgato hutvā. Avihaññamānoti apīḷiyamāno, samparivattasāyitāya vedanānaṃ vasaṃ agacchanto.

    สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคิเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตโสฺส เสยฺยาฯ ตตฺถ ‘‘เยภุเยฺยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปเสฺสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคิเสยฺยาฯ เตสุ หิ เยภุเยฺยน ทกฺขิณปเสฺสน สยาโน นาม นตฺถิฯ ‘‘เยภุเยฺยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยาฯ อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ อฎฺฐิสงฺฆาฎชฎิตา เอเกน ปเสฺสน สยิตุํ น สโกฺกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติฯ ‘‘เยภุเยฺยน, ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา นงฺคุฎฺฐํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ อนุปกฺขิปิตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน เสตี’’ติ อยํ สีหเสยฺยาฯ เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา เทฺว ปุริมปาเท เอกสฺมิํ, ‘ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมิํ ฐาเน ฐเปตฺวา นงฺคุฎฺฐํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฎฺฐานํ ฐิโตกาสํ สลฺลเกฺขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ ฐเปตฺวา สยติ, ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสโนฺต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ฐิโตกาสํ สลฺลเกฺขติ’ฯ สเจ กิญฺจิ ฐานํ วิชหิตฺวา ฐิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา, น สูรภาวสฺส อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตเตฺถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติฯ อวิชหิตฺวา ฐิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฎฺฐตุโฎฺฐ อุฎฺฐาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติฯ จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ วุจฺจติฯ ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตาฯ อยญฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นามฯ

    Sīhaseyyanti ettha kāmabhogiseyyā, petaseyyā, sīhaseyyā, tathāgataseyyāti catasso seyyā. Tattha ‘‘yebhuyyena, bhikkhave, kāmabhogī sattā vāmena passena sentī’’ti ayaṃ kāmabhogiseyyā. Tesu hi yebhuyyena dakkhiṇapassena sayāno nāma natthi. ‘‘Yebhuyyena, bhikkhave, petā uttānā sentī’’ti ayaṃ petaseyyā. Appamaṃsalohitattā hi aṭṭhisaṅghāṭajaṭitā ekena passena sayituṃ na sakkonti, uttānāva senti. ‘‘Yebhuyyena, bhikkhave, sīho migarājā naṅguṭṭhaṃ antarasatthimhi anupakkhipitvā dakkhiṇena passena setī’’ti ayaṃ sīhaseyyā. Tejussadattā hi sīho migarājā dve purimapāde ekasmiṃ, ‘pacchimapāde ekasmiṃ ṭhāne ṭhapetvā naṅguṭṭhaṃ antarasatthimhi pakkhipitvā purimapādapacchimapādanaṅguṭṭhānaṃ ṭhitokāsaṃ sallakkhetvā dvinnaṃ purimapādānaṃ matthake sīsaṃ ṭhapetvā sayati, divasampi sayitvā pabujjhamāno na utrasanto pabujjhati, sīsaṃ pana ukkhipitvā purimapādādīnaṃ ṭhitokāsaṃ sallakkheti’. Sace kiñci ṭhānaṃ vijahitvā ṭhitaṃ hoti, ‘‘nayidaṃ tuyhaṃ jātiyā, na sūrabhāvassa anurūpa’’nti anattamano hutvā tattheva sayati, na gocarāya pakkamati. Avijahitvā ṭhite pana ‘‘tuyhaṃ jātiyā ca sūrabhāvassa ca anurūpamida’’nti haṭṭhatuṭṭho uṭṭhāya sīhavijambhitaṃ vijambhitvā kesarabhāraṃ vidhunitvā tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā gocarāya pakkamati. Catutthajjhānaseyyā pana ‘‘tathāgataseyyā’’ti vuccati. Tāsu idha sīhaseyyā āgatā. Ayañhi tejussadairiyāpathattā uttamaseyyā nāma.

    ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํฯ อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม ฐเปตฺวา ฯ โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฎฺฎิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติฯ ยถา น สงฺฆเฎฺฎติ, เอวํ อติกฺกมฺม ฐปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุ โหติฯ ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิฯ สโต สมฺปชาโนติ สยนปริคฺคาหกสติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโตฯ ‘‘อุฎฺฐานสญฺญ’’นฺติ ปเนตฺถ น วุตฺตํ, คิลานเสยฺยา เหสา ตถาคตสฺสฯ

    Pāde pādanti dakkhiṇapāde vāmapādaṃ. Accādhāyāti atiādhāya, īsakaṃ atikkamma ṭhapetvā . Gopphakena hi gopphake jāṇunā vā jāṇumhi saṅghaṭṭiyamāne abhiṇhaṃ vedanā uppajjati, cittaṃ ekaggaṃ na hoti, seyyā aphāsukā hoti. Yathā na saṅghaṭṭeti, evaṃ atikkamma ṭhapite vedanā nuppajjati, cittaṃ ekaggaṃ hoti, seyyā phāsu hoti. Tasmā evaṃ nipajji. Sato sampajānoti sayanapariggāhakasatisampajaññena samannāgato. ‘‘Uṭṭhānasañña’’nti panettha na vuttaṃ, gilānaseyyā hesā tathāgatassa.

    สตฺตสตาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต สพฺพาปิ ตา เทวตา คิลานเสยฺยฎฺฐานํ อาคตาฯ อุทานํ อุทาเนสีติ คิลานเสยฺยํ อาคตานํ โทมนเสฺสน ภวิตพฺพํ สิยาฯ อิมาสํ ปน ตถาคตสฺส เวทนาธิวาสนํ ทิสฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา! เอวรูปาสุ นาม เวทนาสุ วตฺตมานาสุ วิการมตฺตมฺปิ นตฺถิ, สิรีสยเน อลงฺกริตฺวา ฐปิตสุวณฺณรูปกํ วิย อนิญฺชมาเนน กาเยน นิปโนฺน, อิทานิสฺส อธิกตรํ มุขวโณฺณ วิโรจติ, อาภาสมฺปโนฺน ปุณฺณจโนฺท วิย สมฺปติ วิกสิตํ วิย จ อรวินฺทํ อสฺส มุขํ โสภติ, กาเยปิ วณฺณายตนํ อิทานิ สุสมฺมฎฺฐกญฺจนํ วิย วิปฺปสีทตี’’ติ อุทานํ อุทปาทิฯ

    Sattasatāti imasmiṃ sutte sabbāpi tā devatā gilānaseyyaṭṭhānaṃ āgatā. Udānaṃ udānesīti gilānaseyyaṃ āgatānaṃ domanassena bhavitabbaṃ siyā. Imāsaṃ pana tathāgatassa vedanādhivāsanaṃ disvā, ‘‘aho buddhānaṃ mahānubhāvatā! Evarūpāsu nāma vedanāsu vattamānāsu vikāramattampi natthi, sirīsayane alaṅkaritvā ṭhapitasuvaṇṇarūpakaṃ viya aniñjamānena kāyena nipanno, idānissa adhikataraṃ mukhavaṇṇo virocati, ābhāsampanno puṇṇacando viya sampati vikasitaṃ viya ca aravindaṃ assa mukhaṃ sobhati, kāyepi vaṇṇāyatanaṃ idāni susammaṭṭhakañcanaṃ viya vippasīdatī’’ti udānaṃ udapādi.

    นาโค วต โภติ, เอตฺถ โภติ ธมฺมาลปนํฯ พลวนฺตเฎฺฐน นาโคฯ นาควตาติ นาคภาเวนฯ สีโห วตาติอาทีสุ อสนฺตาสนเฎฺฐน สีโหฯ พฺยตฺตปริจยเฎฺฐน การณาการณชานเนน วา อาชานีโยฯ อปฺปฎิสมเฎฺฐน นิสโภฯ ควสตเชฎฺฐโก หิ อุสโภ, ควสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภ, ควสตสหสฺสเชฎฺฐโก นิสโภติ วุจฺจติฯ ภควา ปน อปฺปฎิสมเฎฺฐน อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติฯ เตเนวเตฺถน อิธ ‘‘นิสโภ’’ติ วุโตฺตฯ ธุรวาหเฎฺฐน โธรโยฺหฯ นิพฺพิเสวนเฎฺฐน ทโนฺต

    Nāgovata bhoti, ettha bhoti dhammālapanaṃ. Balavantaṭṭhena nāgo. Nāgavatāti nāgabhāvena. Sīho vatātiādīsu asantāsanaṭṭhena sīho. Byattaparicayaṭṭhena kāraṇākāraṇajānanena vā ājānīyo. Appaṭisamaṭṭhena nisabho. Gavasatajeṭṭhako hi usabho, gavasahassajeṭṭhako vasabho, gavasatasahassajeṭṭhako nisabhoti vuccati. Bhagavā pana appaṭisamaṭṭhena āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti. Tenevatthena idha ‘‘nisabho’’ti vutto. Dhuravāhaṭṭhena dhorayho. Nibbisevanaṭṭhena danto.

    ปสฺสาติ อนิยมิตาณตฺติฯ สมาธินฺติ อรหตฺตผลสมาธิํฯ สุวิมุตฺตนฺติ ผลวิมุตฺติยา สุวิมุตฺตํฯ ราคานุคตํ ปน จิตฺตํ อภินตํ นาม โหติ, โทสานุคตํ อปนตํฯ ตทุภยปฎิเกฺขเปน น จาภินตํ น จาปนตนฺติ อาหฯ น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคตนฺติ น สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิเลเส นิคฺคเหตฺวา วาริตวตํ, กิเลสานํ ปน ฉินฺนตฺตา วตํ ผลสมาธินา สมาหิตนฺติ อโตฺถฯ อติกฺกมิตพฺพนฺติ วิเหเฐตพฺพํ ฆเฎฺฎตพฺพํฯ อทสฺสนาติ อญฺญาณาฯ อญฺญาณี หิ อนฺธพาโลว เอวรูเป สตฺถริ อปรเชฺฌยฺยาติ เทวทตฺตํ ฆฎฺฎยมานา วทนฺติฯ

    Passāti aniyamitāṇatti. Samādhinti arahattaphalasamādhiṃ. Suvimuttanti phalavimuttiyā suvimuttaṃ. Rāgānugataṃ pana cittaṃ abhinataṃ nāma hoti, dosānugataṃ apanataṃ. Tadubhayapaṭikkhepena na cābhinataṃ na cāpanatanti āha. Na ca sasaṅkhāraniggayhavāritagatanti na sasaṅkhārena sappayogena kilese niggahetvā vāritavataṃ, kilesānaṃ pana chinnattā vataṃ phalasamādhinā samāhitanti attho. Atikkamitabbanti viheṭhetabbaṃ ghaṭṭetabbaṃ. Adassanāti aññāṇā. Aññāṇī hi andhabālova evarūpe satthari aparajjheyyāti devadattaṃ ghaṭṭayamānā vadanti.

    ปญฺจเวทาติ อิติหาสปญฺจมานํ เวทานํ ธารกาฯ สตํ สมนฺติ วสฺสสตํฯ ตปสฺสีติ ตปนิสฺสิตกา หุตฺวาฯ จรนฺติ จรนฺตาฯ น สมฺมาวิมุตฺตนฺติ สเจปิ เอวรูปา พฺราหฺมณา วสฺสสตํ จรนฺติ, จิตฺตญฺจ เนสํ สมฺมา วิมุตฺตํ น โหติฯ หีนตฺตรูปา น ปารํ คมา เตติ หีนตฺตสภาวา เต นิพฺพานงฺคมา น โหนฺติฯ ‘‘หีนตฺถรูปา’’ติปิ ปาโฐ, หีนตฺถชาติกา ปริหีนตฺถาติ อโตฺถฯ ตณฺหาธิปนฺนาติ ตณฺหาย อโชฺฌตฺถฎาฯ วตสีลพทฺธาติ อชวตกุกฺกุรวตาทีหิ จ วเตหิ ตาทิเสเหว จ สีเลหิ พทฺธาฯ ลูขํ ตปนฺติ ปญฺจาตปตาปนํ กณฺฎกเสยฺยาทิกํ ตปํฯ อิทานิ สา เทวตา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ กเถนฺตี น มานกามสฺสาติอาทิมาหฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวาติฯ อฎฺฐมํฯ

    Pañcavedāti itihāsapañcamānaṃ vedānaṃ dhārakā. Sataṃ samanti vassasataṃ. Tapassīti tapanissitakā hutvā. Caranti carantā. Na sammāvimuttanti sacepi evarūpā brāhmaṇā vassasataṃ caranti, cittañca nesaṃ sammā vimuttaṃ na hoti. Hīnattarūpā na pāraṃ gamā teti hīnattasabhāvā te nibbānaṅgamā na honti. ‘‘Hīnattharūpā’’tipi pāṭho, hīnatthajātikā parihīnatthāti attho. Taṇhādhipannāti taṇhāya ajjhotthaṭā. Vatasīlabaddhāti ajavatakukkuravatādīhi ca vatehi tādiseheva ca sīlehi baddhā. Lūkhaṃ tapanti pañcātapatāpanaṃ kaṇṭakaseyyādikaṃ tapaṃ. Idāni sā devatā sāsanassa niyyānikabhāvaṃ kathentī na mānakāmassātiādimāha. Taṃ vuttatthamevāti. Aṭṭhamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. สกลิกสุตฺตํ • 8. Sakalikasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakalikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact