Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา
8. Sakalikasuttavaṇṇanā
๓๘. ตนฺติ อุยฺยานํ สงฺขํ คตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ธนุนา สเรน คหนฺติ โปถยนฺติ พาเธนฺตีติ ธนุคฺคหาฯ ตํ สมฺปฎิจฺฉีติ ตสฺสา สิลาย เหฎฺฐาภาเคน อุคฺคนฺตฺวา สมฺปฎิจฺฉิฯ สตฺถุ ปุญฺญานุภาเวน อุปหตตฺตา สยมฺปิ ปริปตนฺตี วาตํ อุปตฺถเมฺภติฯ อภิหนิ สตฺถารา อนาวชฺชิตตฺตาฯ ตญฺจ โข กมฺมผลวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตโต เอว ตโต ปฎฺฐาย ภควโต อผาสุ ชาตนฺติ เอเตนปิ อุปาทิณฺณกสรีเร นาม อนิฎฺฐาปิ สมฺผสฺสกา ปตนฺติ เอว ตถารูเปน กมฺมุนา กโตกาเสติ ทเสฺสติฯ อยํ วิหาโรติ คิชฺฌกูฎวิหาโรฯ อุชฺชงฺคโล น กตฺตพฺพปโรฯ วิสโมติ ภูมิภาควเสน วิสโมฯ สิวิกากาเรน สชฺชิโต มโญฺจ เอว มญฺจสิวิกาฯ
38.Tanti uyyānaṃ saṅkhaṃ gatanti sambandho. Dhanunā sarena gahanti pothayanti bādhentīti dhanuggahā. Taṃ sampaṭicchīti tassā silāya heṭṭhābhāgena uggantvā sampaṭicchi. Satthu puññānubhāvena upahatattā sayampi paripatantī vātaṃ upatthambheti. Abhihani satthārā anāvajjitattā. Tañca kho kammaphalavasenāti daṭṭhabbaṃ. Tato eva tato paṭṭhāya bhagavato aphāsu jātanti etenapi upādiṇṇakasarīre nāma aniṭṭhāpi samphassakā patanti eva tathārūpena kammunā katokāseti dasseti. Ayaṃvihāroti gijjhakūṭavihāro. Ujjaṅgalo na kattabbaparo. Visamoti bhūmibhāgavasena visamo. Sivikākārena sajjito mañco eva mañcasivikā.
ภุสาติ ทฬฺหาฯ ทุกฺขาติ ทุกฺขมา ทุตฺติติกฺขาฯ ขราติ กกฺกสาฯ กฎุกาติ อนิฎฺฐาฯ อสาตาติ น สาตา อปฺปิยาฯ น อเปฺปตีติ น อุเปติฯ น อปฺปายนฺตีติ น ขมนฺติฯ เวทนาธิวาสนขนฺติยา สติสมฺปชญฺญยุตฺตตฺตา สพฺพสตฺตฎฺฐิตาหารสมุทยวตฺถุชาตสฺส อาทีนวนิสฺสรณานํ ปเคว สุปฺปฎิวิทิตตฺตา ยถา สมุทาจาโร จิตฺตํ นาภิภวติ, เอวํ สมฺมเทว อุปฎฺฐาปิตสติสมฺปชญฺญตฺตา วุตฺตํ ‘‘เวทนาธิวาสน…เป.… หุตฺวา’’ติฯ อปีฬิยมาโนติ อพาธิยมาโนฯ กามํ อนิฎฺฐาย เวทนาย ผุโฎฺฐ ตาย อปีฬิยมาโน นาม นตฺถิ, ปริญฺญาตวตฺถุกตฺตา ปน ตสฺสา วเส อวตฺตมาโน ‘‘อวิหญฺญมาโน’’ติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘สมฺปริวตฺตสายิตาย เวทนานํ วสํ อคจฺฉโนฺต’’ติฯ
Bhusāti daḷhā. Dukkhāti dukkhamā duttitikkhā. Kharāti kakkasā. Kaṭukāti aniṭṭhā. Asātāti na sātā appiyā. Na appetīti na upeti. Na appāyantīti na khamanti. Vedanādhivāsanakhantiyā satisampajaññayuttattā sabbasattaṭṭhitāhārasamudayavatthujātassa ādīnavanissaraṇānaṃ pageva suppaṭividitattā yathā samudācāro cittaṃ nābhibhavati, evaṃ sammadeva upaṭṭhāpitasatisampajaññattā vuttaṃ ‘‘vedanādhivāsana…pe… hutvā’’ti. Apīḷiyamānoti abādhiyamāno. Kāmaṃ aniṭṭhāya vedanāya phuṭṭho tāya apīḷiyamāno nāma natthi, pariññātavatthukattā pana tassā vase avattamāno ‘‘avihaññamāno’’ti vutto. Tenāha ‘‘samparivattasāyitāya vedanānaṃ vasaṃ agacchanto’’ti.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ สยนํ เสยฺยา, สีหสฺส วิย เสยฺยา สีหเสยฺยา, ตํ สีหเสยฺยํฯ อถ วา สีหเสยฺยนฺติ เสฎฺฐเสยฺยํ อุตฺตมเสยฺยํฯ สฺวายมโตฺถ อฎฺฐกถายเมว อาคมิสฺสติฯ ‘‘วาเมน ปเสฺสน เสนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กามโภคิเสยฺยาฯ ทกฺขิณปเสฺสน สยาโน นาม นตฺถิ ทกฺขิณหตฺถสฺส สรีรคฺคหณาทิโยคกฺขมโตฯ ปุริสวเสน เจตํ วุตฺตํฯ เอเกน ปเสฺสน สยิตุํ น สโกฺกนฺติ ทุกฺขุปฺปตฺติโตฯ อยํ สีหเสยฺยาติ อยํ ยถาวุตฺตา สีหเสยฺยาฯ เตชุสฺสทตฺตาติ อิมินา สีหสฺส อภีตภาวํ ทเสฺสติฯ ภีรุกชาติกา หิ เสสมิคา อตฺตโน อาสยํ ปวิสิตฺวา อุตฺราสพหุลา สนฺตาสปุพฺพกํ ยถา ตถา สยนฺติ, สีโห ปน อภิรุกภาวโต สโตการี ภิกฺขุ วิย สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาว สยติฯ เตนาห ‘‘เทฺว ปุริมปาเท’’ติอาทิฯ ปุริมปาเทติ ทกฺขิณปุริมปาเท วามสฺส ปุริมปาทสฺส ฐปนวเสน เทฺว ปุริมปาเท เอกสฺมิํ ฐาเน ฐเปตฺวาฯ ปจฺฉิมปาเทติ เทฺว ปจฺฉิมปาเทฯ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ เอกสฺมิํ ฐาเน ฐปนํ เวทิตพฺพํฯ ฐิโตกาสสลฺลกฺขณํ อภีรุกภาเวเนวฯ สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวาติอาทินา วุตฺตสีหกิริยา อนุตฺราสปพุชฺฌนํ วิย อภีรุกภาวสิทฺธา ธมฺมตาวเสเนวาติ เวทิตพฺพาฯ สีหวิชมฺภิตวิชมฺภนํ อติเวลํ เอกากาเรน ฐปิตานํ สรีราวยวานํ คมนาทิกิริยาสุ โยคฺคภาวาปาทนตฺถํฯ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทนทนํ อเปฺปสกฺขมิคชาตปริหรณตฺถํฯ
Sīhaseyyanti ettha sayanaṃ seyyā, sīhassa viya seyyā sīhaseyyā, taṃ sīhaseyyaṃ. Atha vā sīhaseyyanti seṭṭhaseyyaṃ uttamaseyyaṃ. Svāyamattho aṭṭhakathāyameva āgamissati. ‘‘Vāmena passena sentī’’ti evaṃ vuttā kāmabhogiseyyā. Dakkhiṇapassena sayāno nāma natthi dakkhiṇahatthassa sarīraggahaṇādiyogakkhamato. Purisavasena cetaṃ vuttaṃ. Ekena passena sayituṃ na sakkonti dukkhuppattito. Ayaṃ sīhaseyyāti ayaṃ yathāvuttā sīhaseyyā. Tejussadattāti iminā sīhassa abhītabhāvaṃ dasseti. Bhīrukajātikā hi sesamigā attano āsayaṃ pavisitvā utrāsabahulā santāsapubbakaṃ yathā tathā sayanti, sīho pana abhirukabhāvato satokārī bhikkhu viya satiṃ upaṭṭhapetvāva sayati. Tenāha ‘‘dve purimapāde’’tiādi. Purimapādeti dakkhiṇapurimapāde vāmassa purimapādassa ṭhapanavasena dve purimapāde ekasmiṃ ṭhāne ṭhapetvā. Pacchimapādeti dve pacchimapāde. Vuttanayeneva idhāpi ekasmiṃ ṭhāne ṭhapanaṃ veditabbaṃ. Ṭhitokāsasallakkhaṇaṃ abhīrukabhāveneva. Sīsaṃ pana ukkhipitvātiādinā vuttasīhakiriyā anutrāsapabujjhanaṃ viya abhīrukabhāvasiddhā dhammatāvasenevāti veditabbā. Sīhavijambhitavijambhanaṃ ativelaṃ ekākārena ṭhapitānaṃ sarīrāvayavānaṃ gamanādikiriyāsu yoggabhāvāpādanatthaṃ. Tikkhattuṃ sīhanādanadanaṃ appesakkhamigajātapariharaṇatthaṃ.
เสติ อพฺยาวฎภาเวน ปวตฺตติ เอตฺถาติ เสยฺยา, จตุตฺถชฺฌานเมว เสยฺยา จตุตฺถชฺฌานเสยฺยาฯ กิํ ปเนตฺถ ตํ จตุตฺถชฺฌานนฺติ? อานาปานจตุตฺถชฺฌานํฯ ตโต หิ วุฎฺฐหิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อนุกฺกเมน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา ตถาคโต ชาโตติฯ ‘‘ตยิทํ ปทฎฺฐานํ นาม, น เสยฺยา, ตถาปิ ยสฺมา ‘จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา สมนนฺตรํ ภควา ปรินิพฺพายี’ติ มหาปรินิพฺพาเน (ที. นิ. ๒.๒๑๙) อาคตํฯ ตสฺมา โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ เอว ตถาคตเสยฺยา’’ติ เกจิฯ เอวํ สติ ปรินิพฺพานกาลิกาว ตถาคตเสยฺยาติ อาปชฺชติ; น จ ตถาคโต โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชนพหุโล วิหาสิฯ อคฺคผลวเสน ปวตฺตํ ปเนตฺถ จตุตฺถชฺฌานํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ยถา สตฺตานํ นิทฺทุปคมลกฺขณา เสยฺยา ภวงฺคจิตฺตวเสน โหติ, สา จ เนสํ ปฐมํ ชาติสมนฺวยา เยภุยฺยวุตฺติกา, เอวํ ภควโต อริยชาติสมนฺวยํ เยภุยฺยวุตฺติกํ อคฺคผลภูตํ จตุตฺถชฺฌานํ ตถาคตเสยฺยาติ เวทิตพฺพาฯ สีหเสยฺยา นาม เสฎฺฐเสยฺยาติ อาห ‘‘อุตฺตมเสยฺยา’’ติฯ
Seti abyāvaṭabhāvena pavattati etthāti seyyā, catutthajjhānameva seyyā catutthajjhānaseyyā. Kiṃ panettha taṃ catutthajjhānanti? Ānāpānacatutthajjhānaṃ. Tato hi vuṭṭhahitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā anukkamena aggamaggaṃ adhigantvā tathāgato jātoti. ‘‘Tayidaṃ padaṭṭhānaṃ nāma, na seyyā, tathāpi yasmā ‘catutthajjhānā vuṭṭhahitvā samanantaraṃ bhagavā parinibbāyī’ti mahāparinibbāne (dī. ni. 2.219) āgataṃ. Tasmā lokiyacatutthajjhānasamāpatti eva tathāgataseyyā’’ti keci. Evaṃ sati parinibbānakālikāva tathāgataseyyāti āpajjati; na ca tathāgato lokiyacatutthajjhānasamāpajjanabahulo vihāsi. Aggaphalavasena pavattaṃ panettha catutthajjhānaṃ veditabbaṃ. Tattha yathā sattānaṃ niddupagamalakkhaṇā seyyā bhavaṅgacittavasena hoti, sā ca nesaṃ paṭhamaṃ jātisamanvayā yebhuyyavuttikā, evaṃ bhagavato ariyajātisamanvayaṃ yebhuyyavuttikaṃ aggaphalabhūtaṃ catutthajjhānaṃ tathāgataseyyāti veditabbā. Sīhaseyyā nāma seṭṭhaseyyāti āha ‘‘uttamaseyyā’’ti.
‘‘กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา ยถาปริเจฺฉทํ อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ เอวํ ตทา มนสิการสฺส อกตตฺตา ปาฬิยํ ‘‘อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิกริตฺวา’’ติ น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุฎฺฐานสญฺญนฺติ ปเนตฺถ น วุตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘คิลานเสยฺยา เหสา’’ติฯ สา หิ จิรกาลปฺปวตฺติกา โหติฯ
‘‘Kālaparicchedaṃ katvā yathāparicchedaṃ uṭṭhahissāmī’’ti evaṃ tadā manasikārassa akatattā pāḷiyaṃ ‘‘uṭṭhānasaññaṃ manasikaritvā’’ti na vuttanti āha ‘‘uṭṭhānasaññanti panettha na vutta’’nti. Tattha kāraṇamāha ‘‘gilānaseyyā hesā’’ti. Sā hi cirakālappavattikā hoti.
วิสุํ วิสุํ ราสิวเสน อนาคนฺตฺวา เอกชฺฌํ ปุญฺชวเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สพฺพาปิ ตา’’ติฯ เตนาห ‘‘สตฺตสตา’’ติฯ วิการมตฺตมฺปีติ เวทนาย อสหนวเสน ปวตฺตนาการมตฺตมฺปิฯ สุสมฺมฎฺฐกญฺจนํ วิยาติ สมฺมฎฺฐสุสชฺชิตสุวณฺณํ วิยฯ
Visuṃ visuṃ rāsivasena anāgantvā ekajjhaṃ puñjavasena āgatattā vuttaṃ ‘‘sabbāpi tā’’ti. Tenāha ‘‘sattasatā’’ti. Vikāramattampīti vedanāya asahanavasena pavattanākāramattampi. Susammaṭṭhakañcanaṃ viyāti sammaṭṭhasusajjitasuvaṇṇaṃ viya.
ธมฺมาลปนนฺติ อสงฺขาริกสมุปฺปนฺนสภาวาลปนํฯ สมุลฺลปิตญฺหิ อาการสมานวจนเมตํฯ นาโค วิย วาติ ปวตฺตตีติ นาคโวฯ ตสฺส ภาโว นาควตาฯ วิภตฺติโลเปน เหส นิเทฺทโส, มหานาคหตฺถิสทิสตายาติ อโตฺถฯ พฺยตฺตุปริจรณเฎฺฐนาติ พฺยตฺตํ อุปรูปริ อตฺตโน กิริยาจรเณนฯ อาชานีโยติ สมฺมาปติตํ ทุกฺขํ สหโนฺต อตฺตนา กาตพฺพกิริยํ ธีโร หุตฺวา นิตฺถารโกฯ การณาการณชานเนนาติ นิยฺยานิกานิยฺยานิกกรณญาตตายฯ เตเนวเฎฺฐนาติ อปฺปฎิสมเฎฺฐเนวฯ ‘‘มุโตฺต โมเจยฺย’’นฺติอาทิ ธุรวาหเฎฺฐนฯ นิพฺพิเสวนเฎฺฐนาติ ราคาทิวิสวิคตภาเวนฯ
Dhammālapananti asaṅkhārikasamuppannasabhāvālapanaṃ. Samullapitañhi ākārasamānavacanametaṃ. Nāgo viya vāti pavattatīti nāgavo. Tassa bhāvo nāgavatā. Vibhattilopena hesa niddeso, mahānāgahatthisadisatāyāti attho. Byattuparicaraṇaṭṭhenāti byattaṃ uparūpari attano kiriyācaraṇena. Ājānīyoti sammāpatitaṃ dukkhaṃ sahanto attanā kātabbakiriyaṃ dhīro hutvā nitthārako. Kāraṇākāraṇajānanenāti niyyānikāniyyānikakaraṇañātatāya. Tenevaṭṭhenāti appaṭisamaṭṭheneva. ‘‘Mutto moceyya’’ntiādi dhuravāhaṭṭhena. Nibbisevanaṭṭhenāti rāgādivisavigatabhāvena.
อนิยมิตาณตฺตีติ อนุเทฺทสิกํ อาณาปนํฯ สามญฺญกโตปิ สมาธิสโทฺท ปกรณโต อิธ วิเสสโตฺถติ อาห ‘‘สมาธินฺติ อรหตฺตผลสมาธิ’’นฺติฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน สพฺพกิเลเสหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺตนฺติ สุวิมุตฺตํฯ อภินตํ นาม อารมฺมเณ อภิมุขภาเวน ปวตฺติยาฯ อปนตํ อปคมนวเสน ปวตฺติยา, วิมุขตายาติ อโตฺถฯ โลกิยชฺฌานจิตฺตํ วิย วิปสฺสนา วิย จ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปหานวเสน จ วิกฺขเมฺภตฺวา น อธิคตํ น ฐปิตํ, กิญฺจรหิ กิเลสานํ สพฺพโส ฉินฺนตายาติ อาห ‘‘ฉินฺนตฺตา วตํ ผลสมาธินา สมาหิต’’นฺติฯ อติกฺกมิตพฺพนฺติ อาจาราติกฺกมวเสน ลงฺฆิตพฺพํฯ สา ปน ลงฺฆนา อาสาทนา ฆฎฺฎนาติ อาห ‘‘ฆเฎฺฎตพฺพ’’นฺติฯ
Aniyamitāṇattīti anuddesikaṃ āṇāpanaṃ. Sāmaññakatopi samādhisaddo pakaraṇato idha visesatthoti āha ‘‘samādhinti arahattaphalasamādhi’’nti. Paṭippassaddhivasena sabbakilesehi suṭṭhu vimuttanti suvimuttaṃ. Abhinataṃ nāma ārammaṇe abhimukhabhāvena pavattiyā. Apanataṃ apagamanavasena pavattiyā, vimukhatāyāti attho. Lokiyajjhānacittaṃ viya vipassanā viya ca sasaṅkhārena sappayogena tadaṅgappahānavikkhambhanapahānavasena ca vikkhambhetvā na adhigataṃ na ṭhapitaṃ, kiñcarahi kilesānaṃ sabbaso chinnatāyāti āha ‘‘chinnattā vataṃ phalasamādhinā samāhita’’nti. Atikkamitabbanti ācārātikkamavasena laṅghitabbaṃ. Sā pana laṅghanā āsādanā ghaṭṭanāti āha ‘‘ghaṭṭetabba’’nti.
ปญฺจเวทา นาม – อิรุเวโท, ยชุเวโท, สามเวโท, อาถพฺพณเวโท, อิติหาโส จาติ เอวํ อิติหาสปญฺจมานํ เวทานํฯ ‘‘จร’’นฺติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จรนฺตา’’ติ, ตปนฺตาติ อโตฺถฯ หีนตฺตรูปาติ หีนาธิมุตฺติกตาย นิหีนจิตฺตสภาวาฯ วิมุตฺติกตาย อภาวโต นิพฺพานงฺคมา น โหนฺติฯ อรหตฺตาธิคมกมฺมสฺส อภพฺพตาย ปริหีนตฺถาฯ อโชฺฌตฺถฎาติ อภิภูตาฯ ตาทิเสเหว สีเลหีติ โคสีลาทีหิฯ พทฺธาติ สมาทเปตฺวา ปวตฺตนวเสน อนุพทฺธาฯ ลูขํ ตปนฺติ อตฺตกิลมถานุโยคํฯ ตํ ปน เอกเทเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจาตปตาปน’’นฺติอาทิมาหฯ ‘‘เอวํ ปฎิปนฺนสฺส โมโกฺข นตฺถิ, เอวํ ปฎิปนฺนสฺส วฎฺฎโต มุตฺติ อตฺถี’’ติ วทนฺตี สา อตฺตโต สาสนสฺส นิยฺยานภาโว กถิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ กเถนฺตี’’ติฯ อาทินฺติ คาถาทฺวยํฯ
Pañcavedā nāma – iruvedo, yajuvedo, sāmavedo, āthabbaṇavedo, itihāso cāti evaṃ itihāsapañcamānaṃ vedānaṃ. ‘‘Cara’’nti vacanavipallāsena vuttanti āha ‘‘carantā’’ti, tapantāti attho. Hīnattarūpāti hīnādhimuttikatāya nihīnacittasabhāvā. Vimuttikatāya abhāvato nibbānaṅgamā na honti. Arahattādhigamakammassa abhabbatāya parihīnatthā. Ajjhotthaṭāti abhibhūtā. Tādiseheva sīlehīti gosīlādīhi. Baddhāti samādapetvā pavattanavasena anubaddhā. Lūkhaṃ tapanti attakilamathānuyogaṃ. Taṃ pana ekadesena dassento ‘‘pañcātapatāpana’’ntiādimāha. ‘‘Evaṃ paṭipannassa mokkho natthi, evaṃ paṭipannassa vaṭṭato mutti atthī’’ti vadantī sā attato sāsanassa niyyānabhāvo kathito nāma hotīti āha ‘‘sāsanassa niyyānikabhāvaṃ kathentī’’ti. Ādinti gāthādvayaṃ.
สกลิกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sakalikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. สกลิกสุตฺตํ • 8. Sakalikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakalikasuttavaṇṇanā