Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๘. สกฺกปญฺหสุตฺตํ
8. Sakkapañhasuttaṃ
๓๔๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ, ปาจีนโต ราชคหสฺส อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโม, ตสฺสุตฺตรโต เวทิยเก ปพฺพเต อินฺทสาลคุหายํฯ เตน โข ปน สมเยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อุสฺสุกฺกํ อุทปาทิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อถ โข สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ? อทฺทสา โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควนฺตํ มคเธสุ วิหรนฺตํ ปาจีนโต ราชคหสฺส อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโม, ตสฺสุตฺตรโต เวทิยเก ปพฺพเต อินฺทสาลคุหายํฯ ทิสฺวาน เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ – ‘‘อยํ, มาริสา, ภควา มคเธสุ วิหรติ, ปาจีนโต ราชคหสฺส อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโม, ตสฺสุตฺตรโต เวทิยเก ปพฺพเต อินฺทสาลคุหายํฯ ยทิ ปน, มาริสา, มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺยาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ? ‘‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’’ติ โข เทวา ตาวติํสา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ
344. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā magadhesu viharati, pācīnato rājagahassa ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmo, tassuttarato vediyake pabbate indasālaguhāyaṃ. Tena kho pana samayena sakkassa devānamindassa ussukkaṃ udapādi bhagavantaṃ dassanāya. Atha kho sakkassa devānamindassa etadahosi – ‘‘kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharati arahaṃ sammāsambuddho’’ti? Addasā kho sakko devānamindo bhagavantaṃ magadhesu viharantaṃ pācīnato rājagahassa ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmo, tassuttarato vediyake pabbate indasālaguhāyaṃ. Disvāna deve tāvatiṃse āmantesi – ‘‘ayaṃ, mārisā, bhagavā magadhesu viharati, pācīnato rājagahassa ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmo, tassuttarato vediyake pabbate indasālaguhāyaṃ. Yadi pana, mārisā, mayaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkameyyāma arahantaṃ sammāsambuddha’’nti? ‘‘Evaṃ bhaddantavā’’ti kho devā tāvatiṃsā sakkassa devānamindassa paccassosuṃ.
๓๔๕. อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพเทวปุตฺตํ 1 อามเนฺตสิ – ‘‘อยํ, ตาต ปญฺจสิข, ภควา มคเธสุ วิหรติ ปาจีนโต ราชคหสฺส อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโม, ตสฺสุตฺตรโต เวทิยเก ปพฺพเต อินฺทสาลคุหายํฯ ยทิ ปน , ตาต ปญฺจสิข, มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺยาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ? ‘‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’’ติ โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อนุจริยํ อุปาคมิฯ
345. Atha kho sakko devānamindo pañcasikhaṃ gandhabbadevaputtaṃ 2 āmantesi – ‘‘ayaṃ, tāta pañcasikha, bhagavā magadhesu viharati pācīnato rājagahassa ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmo, tassuttarato vediyake pabbate indasālaguhāyaṃ. Yadi pana , tāta pañcasikha, mayaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkameyyāma arahantaṃ sammāsambuddha’’nti? ‘‘Evaṃ bhaddantavā’’ti kho pañcasikho gandhabbadevaputto sakkassa devānamindassa paṭissutvā beluvapaṇḍuvīṇaṃ ādāya sakkassa devānamindassa anucariyaṃ upāgami.
๓๔๖. อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท เทเวหิ ตาวติํเสหิ ปริวุโต ปญฺจสิเขน คนฺธพฺพเทวปุเตฺตน ปุรกฺขโต เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย; เอวเมว เทเวสุ ตาวติํเสสุ อนฺตรหิโต มคเธสุ ปาจีนโต ราชคหสฺส อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโม, ตสฺสุตฺตรโต เวทิยเก ปพฺพเต ปจฺจุฎฺฐาสิฯ เตน โข ปน สมเยน เวทิยโก ปพฺพโต อติริว โอภาสชาโต โหติ อมฺพสณฺฑา จ พฺราหฺมณคาโม ยถา ตํ เทวานํ เทวานุภาเวนฯ อปิสฺสุทํ ปริโต คาเมสุ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘‘อาทิตฺตสฺสุ นามชฺช เวทิยโก ปพฺพโต ฌายติสุ 3 นามชฺช เวทิยโก ปพฺพโต ชลติสุ 4 นามชฺช เวทิยโก ปพฺพโต กิํสุ นามชฺช เวทิยโก ปพฺพโต อติริว โอภาสชาโต อมฺพสณฺฑา จ พฺราหฺมณคาโม’’ติ สํวิคฺคา โลมหฎฺฐชาตา อเหสุํฯ
346. Atha kho sakko devānamindo devehi tāvatiṃsehi parivuto pañcasikhena gandhabbadevaputtena purakkhato seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya; evameva devesu tāvatiṃsesu antarahito magadhesu pācīnato rājagahassa ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmo, tassuttarato vediyake pabbate paccuṭṭhāsi. Tena kho pana samayena vediyako pabbato atiriva obhāsajāto hoti ambasaṇḍā ca brāhmaṇagāmo yathā taṃ devānaṃ devānubhāvena. Apissudaṃ parito gāmesu manussā evamāhaṃsu – ‘‘ādittassu nāmajja vediyako pabbato jhāyatisu 5 nāmajja vediyako pabbato jalatisu 6 nāmajja vediyako pabbato kiṃsu nāmajja vediyako pabbato atiriva obhāsajāto ambasaṇḍā ca brāhmaṇagāmo’’ti saṃviggā lomahaṭṭhajātā ahesuṃ.
๓๔๗. อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพเทวปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ทุรุปสงฺกมา โข, ตาต ปญฺจสิข, ตถาคตา มาทิเสน, ฌายี ฌานรตา, ตทนฺตรํ 7 ปฎิสลฺลีนาฯ ยทิ ปน ตฺวํ, ตาต ปญฺจสิข, ภควนฺตํ ปฐมํ ปสาเทยฺยาสิ, ตยา, ตาต, ปฐมํ ปสาทิตํ ปจฺฉา มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺยาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติฯ ‘‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’’ติ โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย เยน อินฺทสาลคุหา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เอตฺตาวตา เม ภควา เนว อติทูเร ภวิสฺสติ นาจฺจาสเนฺน, สทฺทญฺจ เม โสสฺสตี’’ติ เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ
347. Atha kho sakko devānamindo pañcasikhaṃ gandhabbadevaputtaṃ āmantesi – ‘‘durupasaṅkamā kho, tāta pañcasikha, tathāgatā mādisena, jhāyī jhānaratā, tadantaraṃ 8 paṭisallīnā. Yadi pana tvaṃ, tāta pañcasikha, bhagavantaṃ paṭhamaṃ pasādeyyāsi, tayā, tāta, paṭhamaṃ pasāditaṃ pacchā mayaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkameyyāma arahantaṃ sammāsambuddha’’nti. ‘‘Evaṃ bhaddantavā’’ti kho pañcasikho gandhabbadevaputto sakkassa devānamindassa paṭissutvā beluvapaṇḍuvīṇaṃ ādāya yena indasālaguhā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ‘‘ettāvatā me bhagavā neva atidūre bhavissati nāccāsanne, saddañca me sossatī’’ti ekamantaṃ aṭṭhāsi.
ปญฺจสิขคีตคาถา
Pañcasikhagītagāthā
๓๔๘. เอกมนฺตํ ฐิโต โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต เพลุวปณฺฑุวีณํ 9 อสฺสาเวสิ, อิมา จ คาถา อภาสิ พุทฺธูปสญฺหิตา ธมฺมูปสญฺหิตา สงฺฆูปสญฺหิตา อรหนฺตูปสญฺหิตา กามูปสญฺหิตา –
348. Ekamantaṃ ṭhito kho pañcasikho gandhabbadevaputto beluvapaṇḍuvīṇaṃ 10 assāvesi, imā ca gāthā abhāsi buddhūpasañhitā dhammūpasañhitā saṅghūpasañhitā arahantūpasañhitā kāmūpasañhitā –
‘‘วเนฺท เต ปิตรํ ภเทฺท, ติมฺพรุํ สูริยวจฺฉเส;
‘‘Vande te pitaraṃ bhadde, timbaruṃ sūriyavacchase;
เยน ชาตาสิ กลฺยาณี, อานนฺทชนนี มมฯ
Yena jātāsi kalyāṇī, ānandajananī mama.
‘‘วาโตว เสทตํ กโนฺต, ปานียํว ปิปาสโต;
‘‘Vātova sedataṃ kanto, pānīyaṃva pipāsato;
องฺคีรสิ ปิยาเมสิ, ธโมฺม อรหตามิวฯ
Aṅgīrasi piyāmesi, dhammo arahatāmiva.
‘‘อาตุรเสฺสว เภสชฺชํ, โภชนํว ชิฆจฺฉโต;
‘‘Āturasseva bhesajjaṃ, bhojanaṃva jighacchato;
ปรินิพฺพาปย มํ ภเทฺท, ชลนฺตมิว วารินาฯ
Parinibbāpaya maṃ bhadde, jalantamiva vārinā.
‘‘สีโตทกํ โปกฺขรณิํ, ยุตฺตํ กิญฺชกฺขเรณุนา;
‘‘Sītodakaṃ pokkharaṇiṃ, yuttaṃ kiñjakkhareṇunā;
นาโค ฆมฺมาภิตโตฺตว, โอคาเห เต ถนูทรํฯ
Nāgo ghammābhitattova, ogāhe te thanūdaraṃ.
‘‘อจฺจงฺกุโสว นาโคว, ชิตํ เม ตุตฺตโตมรํ;
‘‘Accaṅkusova nāgova, jitaṃ me tuttatomaraṃ;
การณํ นปฺปชานามิ, สมฺมโตฺต ลกฺขณูรุยาฯ
Kāraṇaṃ nappajānāmi, sammatto lakkhaṇūruyā.
‘‘ตยิ เคธิตจิโตฺตสฺมิ, จิตฺตํ วิปริณามิตํ;
‘‘Tayi gedhitacittosmi, cittaṃ vipariṇāmitaṃ;
ปฎิคนฺตุํ น สโกฺกมิ, วงฺกฆโสฺตว อมฺพุโชฯ
Paṭigantuṃ na sakkomi, vaṅkaghastova ambujo.
‘‘วามูรุ สช มํ ภเทฺท, สช มํ มนฺทโลจเน;
‘‘Vāmūru saja maṃ bhadde, saja maṃ mandalocane;
ปลิสฺสช มํ กลฺยาณิ, เอตํ เม อภิปตฺถิตํฯ
Palissaja maṃ kalyāṇi, etaṃ me abhipatthitaṃ.
‘‘อปฺปโก วต เม สโนฺต, กาโม เวลฺลิตเกสิยา;
‘‘Appako vata me santo, kāmo vellitakesiyā;
อเนกภาโว สมุปฺปาทิ, อรหเนฺตว ทกฺขิณาฯ
Anekabhāvo samuppādi, arahanteva dakkhiṇā.
‘‘ยํ เม อตฺถิ กตํ ปุญฺญํ, อรหเนฺตสุ ตาทิสุ;
‘‘Yaṃ me atthi kataṃ puññaṃ, arahantesu tādisu;
ตํ เม สพฺพงฺคกลฺยาณิ, ตยา สทฺธิํ วิปจฺจตํฯ
Taṃ me sabbaṅgakalyāṇi, tayā saddhiṃ vipaccataṃ.
‘‘ยํ เม อตฺถิ กตํ ปุญฺญํ, อสฺมิํ ปถวิมณฺฑเล;
‘‘Yaṃ me atthi kataṃ puññaṃ, asmiṃ pathavimaṇḍale;
ตํ เม สพฺพงฺคกลฺยาณิ, ตยา สทฺธิํ วิปจฺจตํฯ
Taṃ me sabbaṅgakalyāṇi, tayā saddhiṃ vipaccataṃ.
‘‘สกฺยปุโตฺตว ฌาเนน, เอโกทิ นิปโก สโต;
‘‘Sakyaputtova jhānena, ekodi nipako sato;
‘‘ยถาปิ มุนิ นเนฺทยฺย, ปตฺวา สโมฺพธิมุตฺตมํ;
‘‘Yathāpi muni nandeyya, patvā sambodhimuttamaṃ;
เอวํ นเนฺทยฺยํ กลฺยาณิ, มิสฺสีภาวํ คโต ตยาฯ
Evaṃ nandeyyaṃ kalyāṇi, missībhāvaṃ gato tayā.
‘‘สโกฺก เจ เม วรํ ทชฺชา, ตาวติํสานมิสฺสโร;
‘‘Sakko ce me varaṃ dajjā, tāvatiṃsānamissaro;
ตาหํ ภเทฺท วเรยฺยาเห, เอวํ กาโม ทโฬฺห มมฯ
Tāhaṃ bhadde vareyyāhe, evaṃ kāmo daḷho mama.
‘‘สาลํว น จิรํ ผุลฺลํ, ปิตรํ เต สุเมธเส;
‘‘Sālaṃva na ciraṃ phullaṃ, pitaraṃ te sumedhase;
วนฺทมาโน นมสฺสามิ, ยสฺสา เสตาทิสี ปชา’’ติฯ
Vandamāno namassāmi, yassā setādisī pajā’’ti.
๓๔๙. เอวํ วุเตฺต ภควา ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพเทวปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สํสนฺทติ โข เต, ปญฺจสิข, ตนฺติสฺสโร คีตสฺสเรน, คีตสฺสโร จ ตนฺติสฺสเรน; น จ ปน 13 เต ปญฺจสิข, ตนฺติสฺสโร คีตสฺสรํ อติวตฺตติ, คีตสฺสโร จ ตนฺติสฺสรํฯ กทา สํยูฬฺหา ปน เต, ปญฺจสิข, อิมา คาถา พุทฺธูปสญฺหิตา ธมฺมูปสญฺหิตา สงฺฆูปสญฺหิตา อรหนฺตูปสญฺหิตา กามูปสญฺหิตา’’ติ? ‘‘เอกมิทํ, ภเนฺต, สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรญฺชราย ตีเร อชปาลนิโคฺรเธ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ ฯ เตน โข ปนาหํ, ภเนฺต, สมเยน ภทฺทา นาม สูริยวจฺฉสา ติมฺพรุโน คนฺธพฺพรโญฺญ ธีตา, ตมภิกงฺขามิฯ สา โข ปน, ภเนฺต, ภคินี ปรกามินี โหติ; สิขณฺฑี นาม มาตลิสฺส สงฺคาหกสฺส ปุโตฺต, ตมภิกงฺขติฯ ยโต โข อหํ, ภเนฺต, ตํ ภคินิํ นาลตฺถํ เกนจิ ปริยาเยนฯ อถาหํ เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย เยน ติมฺพรุโน คนฺธพฺพรโญฺญ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา เพลุวปณฺฑุวีณํ อสฺสาเวสิํ, อิมา จ คาถา อภาสิํ พุทฺธูปสญฺหิตา ธมฺมูปสญฺหิตา สงฺฆูปสญฺหิตา อรหนฺตูปสญฺหิตา กามูปสญฺหิตา –
349. Evaṃ vutte bhagavā pañcasikhaṃ gandhabbadevaputtaṃ etadavoca – ‘‘saṃsandati kho te, pañcasikha, tantissaro gītassarena, gītassaro ca tantissarena; na ca pana 14 te pañcasikha, tantissaro gītassaraṃ ativattati, gītassaro ca tantissaraṃ. Kadā saṃyūḷhā pana te, pañcasikha, imā gāthā buddhūpasañhitā dhammūpasañhitā saṅghūpasañhitā arahantūpasañhitā kāmūpasañhitā’’ti? ‘‘Ekamidaṃ, bhante, samayaṃ bhagavā uruvelāyaṃ viharati najjā nerañjarāya tīre ajapālanigrodhe paṭhamābhisambuddho . Tena kho panāhaṃ, bhante, samayena bhaddā nāma sūriyavacchasā timbaruno gandhabbarañño dhītā, tamabhikaṅkhāmi. Sā kho pana, bhante, bhaginī parakāminī hoti; sikhaṇḍī nāma mātalissa saṅgāhakassa putto, tamabhikaṅkhati. Yato kho ahaṃ, bhante, taṃ bhaginiṃ nālatthaṃ kenaci pariyāyena. Athāhaṃ beluvapaṇḍuvīṇaṃ ādāya yena timbaruno gandhabbarañño nivesanaṃ tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā beluvapaṇḍuvīṇaṃ assāvesiṃ, imā ca gāthā abhāsiṃ buddhūpasañhitā dhammūpasañhitā saṅghūpasañhitā arahantūpasañhitā kāmūpasañhitā –
‘‘วเนฺท เต ปิตรํ ภเทฺท, ติมฺพรุํ สูริยวจฺฉเส;
‘‘Vande te pitaraṃ bhadde, timbaruṃ sūriyavacchase;
เยน ชาตาสิ กลฺยาณี, อานนฺทชนนี มมฯ …เป.…
Yena jātāsi kalyāṇī, ānandajananī mama. …pe…
สาลํว น จิรํ ผุลฺลํ, ปิตรํ เต สุเมธเส;
Sālaṃva na ciraṃ phullaṃ, pitaraṃ te sumedhase;
วนฺทมาโน นมสฺสามิ, ยสฺสา เสตาทิสี ปชา’’ติฯ
Vandamāno namassāmi, yassā setādisī pajā’’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, ภทฺทา สูริยวจฺฉสา มํ เอตทโวจ – ‘น โข เม, มาริส, โส ภควา สมฺมุขา ทิโฎฺฐ อปิ จ สุโตเยว เม โส ภควา เทวานํ ตาวติํสานํ สุธมฺมายํ สภายํ อุปนจฺจนฺติยาฯ ยโต โข ตฺวํ, มาริส, ตํ ภควนฺตํ กิเตฺตสิ, โหตุ โน อชฺช สมาคโม’ติฯ โสเยว โน, ภเนฺต, ตสฺสา ภคินิยา สทฺธิํ สมาคโม อโหสิฯ น จ ทานิ ตโต ปจฺฉา’’ติฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhante, bhaddā sūriyavacchasā maṃ etadavoca – ‘na kho me, mārisa, so bhagavā sammukhā diṭṭho api ca sutoyeva me so bhagavā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sudhammāyaṃ sabhāyaṃ upanaccantiyā. Yato kho tvaṃ, mārisa, taṃ bhagavantaṃ kittesi, hotu no ajja samāgamo’ti. Soyeva no, bhante, tassā bhaginiyā saddhiṃ samāgamo ahosi. Na ca dāni tato pacchā’’ti.
สกฺกูปสงฺกม
Sakkūpasaṅkama
๓๕๐. อถ โข สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปฎิสโมฺมทติ ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต ภควตา, ภควา จ ปญฺจสิเขนา’’ติฯ อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพเทวปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘อภิวาเทหิ เม ตฺวํ, ตาต ปญฺจสิข, ภควนฺตํ – ‘สโกฺก, ภเนฺต, เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ’’ฯ ‘‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’’ติ โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทติ – ‘‘สโกฺก, ภเนฺต, เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติฯ ‘‘เอวํ สุขี โหตุ, ปญฺจสิข, สโกฺก เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน; สุขกามา หิ เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา เย จเญฺญ สนฺติ ปุถุกายา’’ติฯ
350. Atha kho sakkassa devānamindassa etadahosi – ‘‘paṭisammodati pañcasikho gandhabbadevaputto bhagavatā, bhagavā ca pañcasikhenā’’ti. Atha kho sakko devānamindo pañcasikhaṃ gandhabbadevaputtaṃ āmantesi – ‘‘abhivādehi me tvaṃ, tāta pañcasikha, bhagavantaṃ – ‘sakko, bhante, devānamindo sāmacco saparijano bhagavato pāde sirasā vandatī’ti’’. ‘‘Evaṃ bhaddantavā’’ti kho pañcasikho gandhabbadevaputto sakkassa devānamindassa paṭissutvā bhagavantaṃ abhivādeti – ‘‘sakko, bhante, devānamindo sāmacco saparijano bhagavato pāde sirasā vandatī’’ti. ‘‘Evaṃ sukhī hotu, pañcasikha, sakko devānamindo sāmacco saparijano; sukhakāmā hi devā manussā asurā nāgā gandhabbā ye caññe santi puthukāyā’’ti.
๓๕๑. เอวญฺจ ปน ตถาคตา เอวรูเป มเหสเกฺข ยเกฺข อภิวทนฺติฯ อภิวทิโต สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต อินฺทสาลคุหํ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เทวาปิ ตาวติํสา อินฺทสาลคุหํ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ ปญฺจสิโขปิ คนฺธพฺพเทวปุโตฺต อินฺทสาลคุหํ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ
351. Evañca pana tathāgatā evarūpe mahesakkhe yakkhe abhivadanti. Abhivadito sakko devānamindo bhagavato indasālaguhaṃ pavisitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Devāpi tāvatiṃsā indasālaguhaṃ pavisitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Pañcasikhopi gandhabbadevaputto indasālaguhaṃ pavisitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi.
เตน โข ปน สมเยน อินฺทสาลคุหา วิสมา สนฺตี สมา สมปาทิ, สมฺพาธา สนฺตี อุรุนฺทา 15 สมปาทิ, อนฺธกาโร คุหายํ อนฺตรธายิ, อาโลโก อุทปาทิ ยถา ตํ เทวานํ เทวานุภาเวนฯ
Tena kho pana samayena indasālaguhā visamā santī samā samapādi, sambādhā santī urundā 16 samapādi, andhakāro guhāyaṃ antaradhāyi, āloko udapādi yathā taṃ devānaṃ devānubhāvena.
๓๕๒. อถ โข ภควา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยมิทํ อายสฺมโต โกสิยสฺส, อพฺภุตมิทํ อายสฺมโต โกสิยสฺส ตาว พหุกิจฺจสฺส พหุกรณียสฺส ยทิทํ อิธาคมน’’นฺติฯ ‘‘จิรปฎิกาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม; อปิ จ เทวานํ ตาวติํสานํ เกหิจิ เกหิจิ 17 กิจฺจกรณีเยหิ พฺยาวโฎ; เอวาหํ นาสกฺขิํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ เอกมิทํ, ภเนฺต, สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ สลฬาคารเกฯ อถ ขฺวาหํ, ภเนฺต, สาวตฺถิํ อคมาสิํ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ เตน โข ปน, ภเนฺต, สมเยน ภควา อญฺญตเรน สมาธินา นิสิโนฺน โหติ, ภูชติ 18 จ นาม เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ปริจาริกา ภควนฺตํ ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, ปญฺชลิกา นมสฺสมานา ติฎฺฐติฯ อถ ขฺวาหํ, ภเนฺต, ภูชติํ เอตทโวจํ – ‘อภิวาเทหิ เม ตฺวํ, ภคินิ, ภควนฺตํ – ‘‘สโกฺก, ภเนฺต, เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, สา ภูชติ มํ เอตทโวจ – ‘อกาโล โข, มาริส, ภควนฺตํ ทสฺสนาย; ปฎิสลฺลีโน ภควา’ติฯ ‘เตน หี, ภคินิ, ยทา ภควา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโต โหติ, อถ มม วจเนน ภควนฺตํ อภิวาเทหิ – ‘‘สโกฺก, ภเนฺต, เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติฯ กจฺจิ เม สา, ภเนฺต, ภคินี ภควนฺตํ อภิวาเทสิ? สรติ ภควา ตสฺสา ภคินิยา วจน’’นฺติ? ‘‘อภิวาเทสิ มํ สา, เทวานมินฺท, ภคินี, สรามหํ ตสฺสา ภคินิยา วจนํฯ อปิ จาหํ อายสฺมโต เนมิสเทฺทน 19 ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโต’’ติฯ ‘‘เย เต, ภเนฺต, เทวา อเมฺหหิ ปฐมตรํ ตาวติํสกายํ อุปปนฺนา, เตสํ เม สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘ยทา ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, ทิพฺพา กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา’ติฯ ตํ เม อิทํ, ภเนฺต, สกฺขิทิฎฺฐํ ยโต ตถาคโต โลเก อุปฺปโนฺน อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ทิพฺพา กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายาติฯ
352. Atha kho bhagavā sakkaṃ devānamindaṃ etadavoca – ‘‘acchariyamidaṃ āyasmato kosiyassa, abbhutamidaṃ āyasmato kosiyassa tāva bahukiccassa bahukaraṇīyassa yadidaṃ idhāgamana’’nti. ‘‘Cirapaṭikāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamitukāmo; api ca devānaṃ tāvatiṃsānaṃ kehici kehici 20 kiccakaraṇīyehi byāvaṭo; evāhaṃ nāsakkhiṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Ekamidaṃ, bhante, samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati salaḷāgārake. Atha khvāhaṃ, bhante, sāvatthiṃ agamāsiṃ bhagavantaṃ dassanāya. Tena kho pana, bhante, samayena bhagavā aññatarena samādhinā nisinno hoti, bhūjati 21 ca nāma vessavaṇassa mahārājassa paricārikā bhagavantaṃ paccupaṭṭhitā hoti, pañjalikā namassamānā tiṭṭhati. Atha khvāhaṃ, bhante, bhūjatiṃ etadavocaṃ – ‘abhivādehi me tvaṃ, bhagini, bhagavantaṃ – ‘‘sakko, bhante, devānamindo sāmacco saparijano bhagavato pāde sirasā vandatī’’ti. Evaṃ vutte, bhante, sā bhūjati maṃ etadavoca – ‘akālo kho, mārisa, bhagavantaṃ dassanāya; paṭisallīno bhagavā’ti. ‘Tena hī, bhagini, yadā bhagavā tamhā samādhimhā vuṭṭhito hoti, atha mama vacanena bhagavantaṃ abhivādehi – ‘‘sakko, bhante, devānamindo sāmacco saparijano bhagavato pāde sirasā vandatī’’ti. Kacci me sā, bhante, bhaginī bhagavantaṃ abhivādesi? Sarati bhagavā tassā bhaginiyā vacana’’nti? ‘‘Abhivādesi maṃ sā, devānaminda, bhaginī, sarāmahaṃ tassā bhaginiyā vacanaṃ. Api cāhaṃ āyasmato nemisaddena 22 tamhā samādhimhā vuṭṭhito’’ti. ‘‘Ye te, bhante, devā amhehi paṭhamataraṃ tāvatiṃsakāyaṃ upapannā, tesaṃ me sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘yadā tathāgatā loke uppajjanti arahanto sammāsambuddhā, dibbā kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyā’ti. Taṃ me idaṃ, bhante, sakkhidiṭṭhaṃ yato tathāgato loke uppanno arahaṃ sammāsambuddho, dibbā kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyāti.
โคปกวตฺถุ
Gopakavatthu
๓๕๓. ‘‘อิเธว, ภเนฺต, กปิลวตฺถุสฺมิํ โคปิกา นาม สกฺยธีตา อโหสิ พุเทฺธ ปสนฺนา ธเมฺม ปสนฺนา สเงฺฆ ปสนฺนา สีเลสุ ปริปูรการินีฯ สา อิตฺถิตฺตํ 23 วิราเชตฺวา ปุริสตฺตํ 24 ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาฯ เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํ อมฺหากํ ปุตฺตตฺตํ อชฺฌุปคตาฯ ตตฺรปิ นํ เอวํ ชานนฺติ – ‘โคปโก เทวปุโตฺต, โคปโก เทวปุโตฺต’ติฯ อเญฺญปิ, ภเนฺต, ตโย ภิกฺขู ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา หีนํ คนฺธพฺพกายํ อุปปนฺนาฯ เต ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจารยมานา อมฺหากํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติ อมฺหากํ ปาริจริยํฯ เต อมฺหากํ อุปฎฺฐานํ อาคเต อมฺหากํ ปาริจริยํ โคปโก เทวปุโตฺต ปฎิโจเทสิ – ‘กุโตมุขา นาม ตุเมฺห , มาริสา, ตสฺส ภควโต ธมฺมํ อสฺสุตฺถ 25 – อหญฺหิ นาม อิตฺถิกา สมานา พุเทฺธ ปสนฺนา ธเมฺม ปสนฺนา สเงฺฆ ปสนฺนา สีเลสุ ปริปูรการินี อิตฺถิตฺตํ วิราเชตฺวา ปุริสตฺตํ ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา, เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปุตฺตตฺตํ อชฺฌุปคตาฯ อิธาปิ มํ เอวํ ชานนฺติ ‘‘โคปโก เทวปุโตฺต โคปโก เทวปุโตฺต’ติฯ ตุเมฺห ปน, มาริสา, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา หีนํ คนฺธพฺพกายํ อุปปนฺนาฯ ทุทฺทิฎฺฐรูปํ วต, โภ, อทฺทสาม, เย มยํ อทฺทสาม สหธมฺมิเก หีนํ คนฺธพฺพกายํ อุปปเนฺน’ติฯ เตสํ, ภเนฺต, โคปเกน เทวปุเตฺตน ปฎิโจทิตานํ เทฺว เทวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม สติํ ปฎิลภิํสุ กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ, เอโก ปน เทโว กาเม อชฺฌาวสิฯ
353. ‘‘Idheva, bhante, kapilavatthusmiṃ gopikā nāma sakyadhītā ahosi buddhe pasannā dhamme pasannā saṅghe pasannā sīlesu paripūrakārinī. Sā itthittaṃ 26 virājetvā purisattaṃ 27 bhāvetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā. Devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ amhākaṃ puttattaṃ ajjhupagatā. Tatrapi naṃ evaṃ jānanti – ‘gopako devaputto, gopako devaputto’ti. Aññepi, bhante, tayo bhikkhū bhagavati brahmacariyaṃ caritvā hīnaṃ gandhabbakāyaṃ upapannā. Te pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārayamānā amhākaṃ upaṭṭhānaṃ āgacchanti amhākaṃ pāricariyaṃ. Te amhākaṃ upaṭṭhānaṃ āgate amhākaṃ pāricariyaṃ gopako devaputto paṭicodesi – ‘kutomukhā nāma tumhe , mārisā, tassa bhagavato dhammaṃ assuttha 28 – ahañhi nāma itthikā samānā buddhe pasannā dhamme pasannā saṅghe pasannā sīlesu paripūrakārinī itthittaṃ virājetvā purisattaṃ bhāvetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā, devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ sakkassa devānamindassa puttattaṃ ajjhupagatā. Idhāpi maṃ evaṃ jānanti ‘‘gopako devaputto gopako devaputto’ti. Tumhe pana, mārisā, bhagavati brahmacariyaṃ caritvā hīnaṃ gandhabbakāyaṃ upapannā. Duddiṭṭharūpaṃ vata, bho, addasāma, ye mayaṃ addasāma sahadhammike hīnaṃ gandhabbakāyaṃ upapanne’ti. Tesaṃ, bhante, gopakena devaputtena paṭicoditānaṃ dve devā diṭṭheva dhamme satiṃ paṭilabhiṃsu kāyaṃ brahmapurohitaṃ, eko pana devo kāme ajjhāvasi.
๓๕๔.‘‘‘อุปาสิกา จกฺขุมโต อโหสิํ,
354.‘‘‘Upāsikā cakkhumato ahosiṃ,
นามมฺปิ มยฺหํ อหุ ‘โคปิกา’ติ;
Nāmampi mayhaṃ ahu ‘gopikā’ti;
พุเทฺธ จ ธเมฺม จ อภิปฺปสนฺนา,
Buddhe ca dhamme ca abhippasannā,
สงฺฆญฺจุปฎฺฐาสิํ ปสนฺนจิตฺตาฯ
Saṅghañcupaṭṭhāsiṃ pasannacittā.
‘‘‘ตเสฺสว พุทฺธสฺส สุธมฺมตาย,
‘‘‘Tasseva buddhassa sudhammatāya,
สกฺกสฺส ปุโตฺตมฺหิ มหานุภาโว;
Sakkassa puttomhi mahānubhāvo;
มหาชุตีโก ติทิวูปปโนฺน,
Mahājutīko tidivūpapanno,
ชานนฺติ มํ อิธาปิ ‘โคปโก’ติฯ
Jānanti maṃ idhāpi ‘gopako’ti.
‘‘‘อถทฺทสํ ภิกฺขโว ทิฎฺฐปุเพฺพ,
‘‘‘Athaddasaṃ bhikkhavo diṭṭhapubbe,
คนฺธพฺพกายูปคเต วสีเน;
Gandhabbakāyūpagate vasīne;
อิเมหิ เต โคตมสาวกาเส,
Imehi te gotamasāvakāse,
เย จ มยํ ปุเพฺพ มนุสฺสภูตาฯ
Ye ca mayaṃ pubbe manussabhūtā.
‘‘‘อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐหิมฺหา,
‘‘‘Annena pānena upaṭṭhahimhā,
ปาทูปสงฺคยฺห สเก นิเวสเน;
Pādūpasaṅgayha sake nivesane;
กุโตมุขา นาม อิเม ภวโนฺต,
Kutomukhā nāma ime bhavanto,
‘‘‘ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ หิ ธโมฺม,
‘‘‘Paccattaṃ veditabbo hi dhammo,
สุเทสิโต จกฺขุมตานุพุโทฺธ;
Sudesito cakkhumatānubuddho;
อหญฺหิ ตุเมฺหว อุปาสมาโน,
Ahañhi tumheva upāsamāno,
สุตฺวาน อริยาน สุภาสิตานิฯ
Sutvāna ariyāna subhāsitāni.
‘‘‘สกฺกสฺส ปุโตฺตมฺหิ มหานุภาโว,
‘‘‘Sakkassa puttomhi mahānubhāvo,
มหาชุตีโก ติทิวูปปโนฺน;
Mahājutīko tidivūpapanno;
ตุเมฺห ปน เสฎฺฐมุปาสมานา,
Tumhe pana seṭṭhamupāsamānā,
อนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาฯ
Anuttaraṃ brahmacariyaṃ caritvā.
‘‘‘หีนํ กายํ อุปปนฺนา ภวโนฺต,
‘‘‘Hīnaṃ kāyaṃ upapannā bhavanto,
อนานุโลมา ภวตูปปตฺติ;
Anānulomā bhavatūpapatti;
ทุทฺทิฎฺฐรูปํ วต อทฺทสาม,
Duddiṭṭharūpaṃ vata addasāma,
สหธมฺมิเก หีนกายูปปเนฺนฯ
Sahadhammike hīnakāyūpapanne.
‘‘‘คนฺธพฺพกายูปคตา ภวโนฺต,
‘‘‘Gandhabbakāyūpagatā bhavanto,
เทวานมาคจฺฉถ ปาริจริยํ;
Devānamāgacchatha pāricariyaṃ;
อคาเร วสโต มยฺหํ,
Agāre vasato mayhaṃ,
อิมํ ปสฺส วิเสสตํฯ
Imaṃ passa visesataṃ.
‘‘‘อิตฺถี หุตฺวา สฺวชฺช ปุโมมฺหิ เทโว,
‘‘‘Itthī hutvā svajja pumomhi devo,
ทิเพฺพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูโต’;
Dibbehi kāmehi samaṅgibhūto’;
เต โจทิตา โคตมสาวเกน,
Te coditā gotamasāvakena,
สํเวคมาปาทุ สเมจฺจ โคปกํฯ
Saṃvegamāpādu samecca gopakaṃ.
มา โน มยํ ปรเปสฺสา อหุมฺหา’;
Mā no mayaṃ parapessā ahumhā’;
เตสํ ทุเว วีริยมารภิํสุ,
Tesaṃ duve vīriyamārabhiṃsu,
อนุสฺสรํ โคตมสาสนานิฯ
Anussaraṃ gotamasāsanāni.
‘‘อิเธว จิตฺตานิ วิราชยิตฺวา,
‘‘Idheva cittāni virājayitvā,
กาเมสุ อาทีนวมทฺทสํสุ;
Kāmesu ādīnavamaddasaṃsu;
เต กามสํโยชนพนฺธนานิ,
Te kāmasaṃyojanabandhanāni,
ปาปิมโยคานิ ทุรจฺจยานิฯ
Pāpimayogāni duraccayāni.
เทเว ตาวติํเส อติกฺกมิํสุ;
Deve tāvatiṃse atikkamiṃsu;
สอินฺทา เทวา สปชาปติกา,
Saindā devā sapajāpatikā,
สเพฺพ สุธมฺมาย สภายุปวิฎฺฐาฯ
Sabbe sudhammāya sabhāyupaviṭṭhā.
‘‘เตสํ นิสินฺนานํ อภิกฺกมิํสุ,
‘‘Tesaṃ nisinnānaṃ abhikkamiṃsu,
วีรา วิราคา วิรชํ กโรนฺตา;
Vīrā virāgā virajaṃ karontā;
เต ทิสฺวา สํเวคมกาสิ วาสโว,
Te disvā saṃvegamakāsi vāsavo,
เทวาภิภู เทวคณสฺส มเชฺฌฯ
Devābhibhū devagaṇassa majjhe.
‘‘‘อิเมหิ เต หีนกายูปปนฺนา,
‘‘‘Imehi te hīnakāyūpapannā,
เทเว ตาวติํเส อภิกฺกมนฺติ’;
Deve tāvatiṃse abhikkamanti’;
สํเวคชาตสฺส วโจ นิสมฺม,
Saṃvegajātassa vaco nisamma,
โส โคปโก วาสวมชฺฌภาสิฯ
So gopako vāsavamajjhabhāsi.
‘‘‘พุโทฺธ ชนินฺทตฺถิ มนุสฺสโลเก,
‘‘‘Buddho janindatthi manussaloke,
กามาภิภู สกฺยมุนีติ ญายติ;
Kāmābhibhū sakyamunīti ñāyati;
ตเสฺสว เต ปุตฺตา สติยา วิหีนา,
Tasseva te puttā satiyā vihīnā,
โจทิตา มยา เต สติมชฺฌลตฺถุํฯ
Coditā mayā te satimajjhalatthuṃ.
คนฺธพฺพกายูปคโต วสีโน;
Gandhabbakāyūpagato vasīno;
เทฺว จ สโมฺพธิปถานุสาริโน,
Dve ca sambodhipathānusārino,
เทเวปิ หีเฬนฺติ สมาหิตตฺตาฯ
Devepi hīḷenti samāhitattā.
‘‘‘เอตาทิสี ธมฺมปฺปกาสเนตฺถ,
‘‘‘Etādisī dhammappakāsanettha,
น ตตฺถ กิํกงฺขติ โกจิ สาวโก;
Na tattha kiṃkaṅkhati koci sāvako;
นิติณฺณโอฆํ วิจิกิจฺฉฉินฺนํ,
Nitiṇṇaoghaṃ vicikicchachinnaṃ,
พุทฺธํ นมสฺสาม ชินํ ชนินฺทํ’ฯ
Buddhaṃ namassāma jinaṃ janindaṃ’.
‘‘ยํ เต ธมฺมํ อิธญฺญาย,
‘‘Yaṃ te dhammaṃ idhaññāya,
กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ,
Kāyaṃ brahmapurohitaṃ,
ทุเว เตสํ วิเสสคูฯ
Duve tesaṃ visesagū.
‘‘ตสฺส ธมฺมสฺส ปตฺติยา,
‘‘Tassa dhammassa pattiyā,
อาคตมฺหาสิ มาริส;
Āgatamhāsi mārisa;
กตาวกาสา ภควตา,
Katāvakāsā bhagavatā,
ปญฺหํ ปุเจฺฉมุ มาริสา’’ติฯ
Pañhaṃ pucchemu mārisā’’ti.
๓๕๕. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ทีฆรตฺตํ วิสุโทฺธ โข อยํ ยโกฺข 41, ยํ กิญฺจิ มํ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, สพฺพํ ตํ อตฺถสญฺหิตํเยว ปุจฺฉิสฺสติ, โน อนตฺถสญฺหิตํฯ ยญฺจสฺสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากริสฺสามิ, ตํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’’ติฯ
355. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘dīgharattaṃ visuddho kho ayaṃ yakkho 42, yaṃ kiñci maṃ pañhaṃ pucchissati, sabbaṃ taṃ atthasañhitaṃyeva pucchissati, no anatthasañhitaṃ. Yañcassāhaṃ puṭṭho byākarissāmi, taṃ khippameva ājānissatī’’ti.
๓๕๖. อถ โข ภควา สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
356. Atha kho bhagavā sakkaṃ devānamindaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปญฺหํ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิ;
‘‘Puccha vāsava maṃ pañhaṃ, yaṃ kiñci manasicchasi;
ตสฺส ตเสฺสว ปญฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติฯ
Tassa tasseva pañhassa, ahaṃ antaṃ karomi te’’ti.
ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.
๓๕๗. กตาวกาโส สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควตา อิมํ ภควนฺตํ 43 ปฐมํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
357. Katāvakāso sakko devānamindo bhagavatā imaṃ bhagavantaṃ 44 paṭhamaṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘กิํ สํโยชนา นุ โข, มาริส, เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา เย จเญฺญ สนฺติ ปุถุกายา, เต – ‘อเวรา อทณฺฑา อสปตฺตา อพฺยาปชฺชา วิหเรมุ อเวริโน’ติ อิติ จ เนสํ โหติ, อถ จ ปน สเวรา สทณฺฑา สสปตฺตา สพฺยาปชฺชา วิหรนฺติ สเวริโน’’ติ? อิตฺถํ สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควนฺตํ ปญฺหํ 45 อปุจฺฉิฯ ตสฺส ภควา ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิ –
‘‘Kiṃ saṃyojanā nu kho, mārisa, devā manussā asurā nāgā gandhabbā ye caññe santi puthukāyā, te – ‘averā adaṇḍā asapattā abyāpajjā viharemu averino’ti iti ca nesaṃ hoti, atha ca pana saverā sadaṇḍā sasapattā sabyāpajjā viharanti saverino’’ti? Itthaṃ sakko devānamindo bhagavantaṃ pañhaṃ 46 apucchi. Tassa bhagavā pañhaṃ puṭṭho byākāsi –
‘‘อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนา โข, เทวานมินฺท, เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา เย จเญฺญ สนฺติ ปุถุกายา, เต – ‘อเวรา อทณฺฑา อสปตฺตา อพฺยาปชฺชา วิหเรมุ อเวริโน’ติ อิติ จ เนสํ โหติ, อถ จ ปน สเวรา สทณฺฑา สสปตฺตา สพฺยาปชฺชา วิหรนฺติ สเวริโน’’ติฯ อิตฺถํ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิฯ อตฺตมโน สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ อนุโมทิ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคตฯ ติณฺณา เมตฺถ กงฺขา วิคตา กถํกถา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ
‘‘Issāmacchariyasaṃyojanā kho, devānaminda, devā manussā asurā nāgā gandhabbā ye caññe santi puthukāyā, te – ‘averā adaṇḍā asapattā abyāpajjā viharemu averino’ti iti ca nesaṃ hoti, atha ca pana saverā sadaṇḍā sasapattā sabyāpajjā viharanti saverino’’ti. Itthaṃ bhagavā sakkassa devānamindassa pañhaṃ puṭṭho byākāsi. Attamano sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinandi anumodi – ‘‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata. Tiṇṇā mettha kaṅkhā vigatā kathaṃkathā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.
๓๕๘. อิติห สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ 47 ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
358. Itiha sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ 48 pañhaṃ apucchi –
‘‘อิสฺสามจฺฉริยํ ปน, มาริส, กิํนิทานํ กิํสมุทยํ กิํชาติกํ กิํปภวํ; กิสฺมิํ สติ อิสฺสามจฺฉริยํ โหติ; กิสฺมิํ อสติ อิสฺสามจฺฉริยํ น โหตี’’ติ? ‘‘อิสฺสามจฺฉริยํ โข, เทวานมินฺท, ปิยาปฺปิยนิทานํ ปิยาปฺปิยสมุทยํ ปิยาปฺปิยชาติกํ ปิยาปฺปิยปภวํ; ปิยาปฺปิเย สติ อิสฺสามจฺฉริยํ โหติ, ปิยาปฺปิเย อสติ อิสฺสามจฺฉริยํ น โหตี’’ติฯ
‘‘Issāmacchariyaṃ pana, mārisa, kiṃnidānaṃ kiṃsamudayaṃ kiṃjātikaṃ kiṃpabhavaṃ; kismiṃ sati issāmacchariyaṃ hoti; kismiṃ asati issāmacchariyaṃ na hotī’’ti? ‘‘Issāmacchariyaṃ kho, devānaminda, piyāppiyanidānaṃ piyāppiyasamudayaṃ piyāppiyajātikaṃ piyāppiyapabhavaṃ; piyāppiye sati issāmacchariyaṃ hoti, piyāppiye asati issāmacchariyaṃ na hotī’’ti.
‘‘ปิยาปฺปิยํ โข ปน, มาริส, กิํนิทานํ กิํสมุทยํ กิํชาติกํ กิํปภวํ; กิสฺมิํ สติ ปิยาปฺปิยํ โหติ; กิสฺมิํ อสติ ปิยาปฺปิยํ น โหตี’’ติ? ‘‘ปิยาปฺปิยํ โข, เทวานมินฺท, ฉนฺทนิทานํ ฉนฺทสมุทยํ ฉนฺทชาติกํ ฉนฺทปภวํ; ฉเนฺท สติ ปิยาปฺปิยํ โหติ; ฉเนฺท อสติ ปิยาปฺปิยํ น โหตี’’ติฯ
‘‘Piyāppiyaṃ kho pana, mārisa, kiṃnidānaṃ kiṃsamudayaṃ kiṃjātikaṃ kiṃpabhavaṃ; kismiṃ sati piyāppiyaṃ hoti; kismiṃ asati piyāppiyaṃ na hotī’’ti? ‘‘Piyāppiyaṃ kho, devānaminda, chandanidānaṃ chandasamudayaṃ chandajātikaṃ chandapabhavaṃ; chande sati piyāppiyaṃ hoti; chande asati piyāppiyaṃ na hotī’’ti.
‘‘ฉโนฺท โข ปน, มาริส, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว; กิสฺมิํ สติ ฉโนฺท โหติ; กิสฺมิํ อสติ ฉโนฺท น โหตี’’ติ? ‘‘ฉโนฺท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน วิตกฺกสมุทโย วิตกฺกชาติโก วิตกฺกปภโว; วิตเกฺก สติ ฉโนฺท โหติ; วิตเกฺก อสติ ฉโนฺท น โหตี’’ติฯ
‘‘Chando kho pana, mārisa, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo; kismiṃ sati chando hoti; kismiṃ asati chando na hotī’’ti? ‘‘Chando kho, devānaminda, vitakkanidāno vitakkasamudayo vitakkajātiko vitakkapabhavo; vitakke sati chando hoti; vitakke asati chando na hotī’’ti.
‘‘วิตโกฺก โข ปน, มาริส, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว; กิสฺมิํ สติ วิตโกฺก โหติ; กิสฺมิํ อสติ วิตโกฺก น โหตี’’ติ? ‘‘วิตโกฺก โข, เทวานมินฺท, ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิทาโน ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทโย ปปญฺจสญฺญาสงฺขาชาติโก ปปญฺจสญฺญาสงฺขาปภโว; ปปญฺจสญฺญาสงฺขาย สติ วิตโกฺก โหติ; ปปญฺจสญฺญาสงฺขาย อสติ วิตโกฺก น โหตี’’ติฯ
‘‘Vitakko kho pana, mārisa, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo; kismiṃ sati vitakko hoti; kismiṃ asati vitakko na hotī’’ti? ‘‘Vitakko kho, devānaminda, papañcasaññāsaṅkhānidāno papañcasaññāsaṅkhāsamudayo papañcasaññāsaṅkhājātiko papañcasaññāsaṅkhāpabhavo; papañcasaññāsaṅkhāya sati vitakko hoti; papañcasaññāsaṅkhāya asati vitakko na hotī’’ti.
‘‘กถํ ปฎิปโนฺน ปน, มาริส, ภิกฺขุ ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินิํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน โหตี’’ติ?
‘‘Kathaṃ paṭipanno pana, mārisa, bhikkhu papañcasaññāsaṅkhānirodhasāruppagāminiṃ paṭipadaṃ paṭipanno hotī’’ti?
เวทนากมฺมฎฺฐานํ
Vedanākammaṭṭhānaṃ
๓๕๙. ‘‘โสมนสฺสํปาหํ 49, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ โทมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ อุเปกฺขํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ
359. ‘‘Somanassaṃpāhaṃ 50, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Domanassaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Upekkhaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi.
๓๖๐. ‘‘โสมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา โสมนสฺสํ ‘อิมํ โข เม โสมนสฺสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ โสมนสฺสํ น เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา โสมนสฺสํ ‘อิมํ โข เม โสมนสฺสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ โสมนสฺสํ เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกํ สวิจารํ, ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจารํ, เย อวิตเกฺก อวิจาเร, เต 51 ปณีตตเรฯ โสมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติฯ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
360. ‘‘Somanassaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi, asevitabbampīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā somanassaṃ ‘imaṃ kho me somanassaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ somanassaṃ na sevitabbaṃ. Tattha yaṃ jaññā somanassaṃ ‘imaṃ kho me somanassaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ somanassaṃ sevitabbaṃ. Tattha yaṃ ce savitakkaṃ savicāraṃ, yaṃ ce avitakkaṃ avicāraṃ, ye avitakke avicāre, te 52 paṇītatare. Somanassaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi, asevitabbampīti. Iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๖๑. ‘‘โทมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ , อเสวิตพฺพมฺปีติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา โทมนสฺสํ ‘อิมํ โข เม โทมนสฺสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ โทมนสฺสํ น เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา โทมนสฺสํ ‘อิมํ โข เม โทมนสฺสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ โทมนสฺสํ เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกํ สวิจารํ, ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจารํ, เย อวิตเกฺก อวิจาเร, เต ปณีตตเรฯ โทมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
361. ‘‘Domanassaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi , asevitabbampīti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā domanassaṃ ‘imaṃ kho me domanassaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ domanassaṃ na sevitabbaṃ. Tattha yaṃ jaññā domanassaṃ ‘imaṃ kho me domanassaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ domanassaṃ sevitabbaṃ. Tattha yaṃ ce savitakkaṃ savicāraṃ, yaṃ ce avitakkaṃ avicāraṃ, ye avitakke avicāre, te paṇītatare. Domanassaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi, asevitabbampī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๖๒. ‘‘อุเปกฺขํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา อุเปกฺขํ ‘อิมํ โข เม อุเปกฺขํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปา อุเปกฺขา น เสวิตพฺพาฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา อุเปกฺขํ ‘อิมํ โข เม อุเปกฺขํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปา อุเปกฺขา เสวิตพฺพาฯ ตตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกํ สวิจารํ, ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจารํ, เย อวิตเกฺก อวิจาเร, เต ปณีตตเรฯ อุเปกฺขํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
362. ‘‘Upekkhaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi, asevitabbampīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā upekkhaṃ ‘imaṃ kho me upekkhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpā upekkhā na sevitabbā. Tattha yaṃ jaññā upekkhaṃ ‘imaṃ kho me upekkhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpā upekkhā sevitabbā. Tattha yaṃ ce savitakkaṃ savicāraṃ, yaṃ ce avitakkaṃ avicāraṃ, ye avitakke avicāre, te paṇītatare. Upekkhaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi, asevitabbampīti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๖๓. ‘‘เอวํ ปฎิปโนฺน โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินิํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน โหตี’’ติฯ อิตฺถํ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิฯ อตฺตมโน สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ อนุโมทิ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคต, ติณฺณา เมตฺถ กงฺขา วิคตา กถํกถา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ
363. ‘‘Evaṃ paṭipanno kho, devānaminda, bhikkhu papañcasaññāsaṅkhānirodhasāruppagāminiṃ paṭipadaṃ paṭipanno hotī’’ti. Itthaṃ bhagavā sakkassa devānamindassa pañhaṃ puṭṭho byākāsi. Attamano sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinandi anumodi – ‘‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata, tiṇṇā mettha kaṅkhā vigatā kathaṃkathā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.
ปาติโมกฺขสํวโร
Pātimokkhasaṃvaro
๓๖๔. อิติห สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
364. Itiha sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘กถํ ปฎิปโนฺน ปน, มาริส, ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวราย ปฎิปโนฺน โหตี’’ติ? ‘‘กายสมาจารํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ วจีสมาจารํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ ปริเยสนํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพ’’มฺปิฯ
‘‘Kathaṃ paṭipanno pana, mārisa, bhikkhu pātimokkhasaṃvarāya paṭipanno hotī’’ti? ‘‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Vacīsamācāraṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Pariyesanaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabba’’mpi.
‘‘กายสมาจารํปาหํ , เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา กายสมาจารํ ‘อิมํ โข เม กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป กายสมาจาโร น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา กายสมาจารํ ‘อิมํ โข เม กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป กายสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ กายสมาจารํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ , devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā kāyasamācāraṃ ‘imaṃ kho me kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo kāyasamācāro na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā kāyasamācāraṃ ‘imaṃ kho me kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo kāyasamācāro sevitabbo. Kāyasamācāraṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampīti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘วจีสมาจารํปาหํ , เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา วจีสมาจารํ ‘อิมํ โข เม วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป วจีสมาจาโร น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา วจีสมาจารํ ‘อิมํ โข เม วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป วจีสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ วจีสมาจารํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Vacīsamācāraṃpāhaṃ , devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā vacīsamācāraṃ ‘imaṃ kho me vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo vacīsamācāro na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā vacīsamācāraṃ ‘imaṃ kho me vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo vacīsamācāro sevitabbo. Vacīsamācāraṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampīti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘ปริเยสนํปาหํ , เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปริเยสนํ ‘อิมํ โข เม ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปา ปริเยสนา น เสวิตพฺพาฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปริเยสนํ ‘อิมํ โข เม ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปา ปริเยสนา เสวิตพฺพาฯ ปริเยสนํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปีติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Pariyesanaṃpāhaṃ , devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā pariyesanaṃ ‘imaṃ kho me pariyesanaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpā pariyesanā na sevitabbā. Tattha yaṃ jaññā pariyesanaṃ ‘imaṃ kho me pariyesanaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpā pariyesanā sevitabbā. Pariyesanaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampīti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘เอวํ ปฎิปโนฺน โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวราย ปฎิปโนฺน โหตี’’ติฯ อิตฺถํ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิฯ อตฺตมโน สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ อนุโมทิ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคตฯ ติณฺณา เมตฺถ กงฺขา วิคตา กถํกถา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ
‘‘Evaṃ paṭipanno kho, devānaminda, bhikkhu pātimokkhasaṃvarāya paṭipanno hotī’’ti. Itthaṃ bhagavā sakkassa devānamindassa pañhaṃ puṭṭho byākāsi. Attamano sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinandi anumodi – ‘‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata. Tiṇṇā mettha kaṅkhā vigatā kathaṃkathā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.
อินฺทฺริยสํวโร
Indriyasaṃvaro
๓๖๕. อิติห สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
365. Itiha sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘กถํ ปฎิปโนฺน ปน, มาริส, ภิกฺขุ อินฺทฺริยสํวราย ปฎิปโนฺน โหตี’’ติ? ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ โสตวิเญฺญยฺยํ สทฺทํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ ฆานวิเญฺญยฺยํ คนฺธํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ ชิวฺหาวิเญฺญยฺยํ รสํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ กายวิเญฺญยฺยํ โผฎฺฐพฺพํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิฯ มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’’ติฯ
‘‘Kathaṃ paṭipanno pana, mārisa, bhikkhu indriyasaṃvarāya paṭipanno hotī’’ti? ‘‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Sotaviññeyyaṃ saddaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Ghānaviññeyyaṃ gandhaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Jivhāviññeyyaṃ rasaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Kāyaviññeyyaṃ phoṭṭhabbaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi. Manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’’ti.
เอวํ วุเตฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ –
Evaṃ vutte, sakko devānamindo bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ ยถารูปํ, ภเนฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ น เสวิตพฺพํ ฯ ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวิตพฺพํฯ ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, โสตวิเญฺญยฺยํ สทฺทํ เสวโต…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยํ คนฺธํ เสวโต… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยํ รสํ เสวโต… กายวิเญฺญยฺยํ โผฎฺฐพฺพํ เสวโต… มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม น เสวิตโพฺพฯ ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม เสวิตโพฺพฯ
‘‘Imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. Yathārūpaṃ, bhante, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ na sevitabbaṃ . Yathārūpañca kho, bhante, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevitabbaṃ. Yathārūpañca kho, bhante, sotaviññeyyaṃ saddaṃ sevato…pe… ghānaviññeyyaṃ gandhaṃ sevato… jivhāviññeyyaṃ rasaṃ sevato… kāyaviññeyyaṃ phoṭṭhabbaṃ sevato… manoviññeyyaṃ dhammaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpo manoviññeyyo dhammo na sevitabbo. Yathārūpañca kho, bhante, manoviññeyyaṃ dhammaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpo manoviññeyyo dhammo sevitabbo.
‘‘อิมสฺส โข เม, ภเนฺต, ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานโต ติณฺณา เมตฺถ กงฺขา วิคตา กถํกถา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ
‘‘Imassa kho me, bhante, bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānato tiṇṇā mettha kaṅkhā vigatā kathaṃkathā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.
๓๖๖. อิติห สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
366. Itiha sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘สเพฺพว นุ โข, มาริส, สมณพฺราหฺมณา เอกนฺตวาทา เอกนฺตสีลา เอกนฺตฉนฺทา เอกนฺตอโชฺฌสานา’’ติ? ‘‘น โข, เทวานมินฺท, สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา เอกนฺตวาทา เอกนฺตสีลา เอกนฺตฉนฺทา เอกนฺตอโชฺฌสานา’’ติฯ
‘‘Sabbeva nu kho, mārisa, samaṇabrāhmaṇā ekantavādā ekantasīlā ekantachandā ekantaajjhosānā’’ti? ‘‘Na kho, devānaminda, sabbe samaṇabrāhmaṇā ekantavādā ekantasīlā ekantachandā ekantaajjhosānā’’ti.
‘‘กสฺมา ปน, มาริส, น สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา เอกนฺตวาทา เอกนฺตสีลา เอกนฺตฉนฺทา เอกนฺตอโชฺฌสานา’’ติ? ‘‘อเนกธาตุ นานาธาตุ โข, เทวานมินฺท, โลโกฯ ตสฺมิํ อเนกธาตุนานาธาตุสฺมิํ โลเก ยํ ยเทว สตฺตา ธาตุํ อภินิวิสนฺติ, ตํ ตเทว ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรนฺติ – ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตสฺมา น สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา เอกนฺตวาทา เอกนฺตสีลา เอกนฺตฉนฺทา เอกนฺตอโชฺฌสานา’’ติฯ
‘‘Kasmā pana, mārisa, na sabbe samaṇabrāhmaṇā ekantavādā ekantasīlā ekantachandā ekantaajjhosānā’’ti? ‘‘Anekadhātu nānādhātu kho, devānaminda, loko. Tasmiṃ anekadhātunānādhātusmiṃ loke yaṃ yadeva sattā dhātuṃ abhinivisanti, taṃ tadeva thāmasā parāmāsā abhinivissa voharanti – ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tasmā na sabbe samaṇabrāhmaṇā ekantavādā ekantasīlā ekantachandā ekantaajjhosānā’’ti.
‘‘สเพฺพว นุ โข, มาริส, สมณพฺราหฺมณา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสานา’’ติ? ‘‘น โข, เทวานมินฺท, สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสานา’’ติฯ
‘‘Sabbeva nu kho, mārisa, samaṇabrāhmaṇā accantaniṭṭhā accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosānā’’ti? ‘‘Na kho, devānaminda, sabbe samaṇabrāhmaṇā accantaniṭṭhā accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosānā’’ti.
‘‘กสฺมา ปน, มาริส, น สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสานา’’ติ? ‘‘เย โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขู ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตา เต อจฺจนฺตนิฎฺฐา อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสานาฯ ตสฺมา น สเพฺพ สมณพฺราหฺมณา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสานา’’ติฯ
‘‘Kasmā pana, mārisa, na sabbe samaṇabrāhmaṇā accantaniṭṭhā accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosānā’’ti? ‘‘Ye kho, devānaminda, bhikkhū taṇhāsaṅkhayavimuttā te accantaniṭṭhā accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosānā. Tasmā na sabbe samaṇabrāhmaṇā accantaniṭṭhā accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosānā’’ti.
อิตฺถํ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิฯ อตฺตมโน สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ อนุโมทิ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคตฯ ติณฺณา เมตฺถ กงฺขา วิคตา กถํกถา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ
Itthaṃ bhagavā sakkassa devānamindassa pañhaṃ puṭṭho byākāsi. Attamano sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinandi anumodi – ‘‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata. Tiṇṇā mettha kaṅkhā vigatā kathaṃkathā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.
๓๖๗. อิติห สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
367. Itiha sakko devānamindo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘เอชา, ภเนฺต, โรโค, เอชา คโณฺฑ, เอชา สลฺลํ, เอชา อิมํ ปุริสํ ปริกฑฺฒติ ตสฺส ตเสฺสว ภวสฺส อภินิพฺพตฺติยาฯ ตสฺมา อยํ ปุริโส อุจฺจาวจมาปชฺชติ ฯ เยสาหํ, ภเนฺต, ปญฺหานํ อิโต พหิทฺธา อเญฺญสุ สมณพฺราหฺมเณสุ โอกาสกมฺมมฺปิ นาลตฺถํ, เต เม ภควตา พฺยากตาฯ ทีฆรตฺตานุสยิตญฺจ ปน 53 เม วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลํ, ตญฺจ ภควตา อพฺพุฬฺห’’นฺติฯ
‘‘Ejā, bhante, rogo, ejā gaṇḍo, ejā sallaṃ, ejā imaṃ purisaṃ parikaḍḍhati tassa tasseva bhavassa abhinibbattiyā. Tasmā ayaṃ puriso uccāvacamāpajjati . Yesāhaṃ, bhante, pañhānaṃ ito bahiddhā aññesu samaṇabrāhmaṇesu okāsakammampi nālatthaṃ, te me bhagavatā byākatā. Dīgharattānusayitañca pana 54 me vicikicchākathaṃkathāsallaṃ, tañca bhagavatā abbuḷha’’nti.
‘‘อภิชานาสิ โน ตฺวํ, เทวานมินฺท, อิเม ปเญฺห อเญฺญ สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตา’’ติ? ‘‘อภิชานามหํ, ภเนฺต, อิเม ปเญฺห อเญฺญ สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตา’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน เต, เทวานมินฺท, พฺยากํสุ? สเจ เต อครุ ภาสสฺสู’’ติฯ ‘‘น โข เม, ภเนฺต, ครุ ยตฺถสฺส ภควา นิสิโนฺน ภควนฺตรูโป วา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทวานมินฺท, ภาสสฺสู’’ติฯ ‘‘เยสฺวาหํ 55, ภเนฺต , มญฺญามิ สมณพฺราหฺมณา อารญฺญิกา ปนฺตเสนาสนาติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา อิเม ปเญฺห ปุจฺฉามิ, เต มยา ปุฎฺฐา น สมฺปายนฺติ, อสมฺปายนฺตา มมํเยว ปฎิปุจฺฉนฺติ – ‘โก นาโม อายสฺมา’ติ? เตสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรมิ – ‘อหํ โข, มาริส, สโกฺก เทวานมิโนฺท’ติฯ เต มมํเยว อุตฺตริ ปฎิปุจฺฉนฺติ – ‘กิํ ปนายสฺมา, เทวานมินฺท 56, กมฺมํ กตฺวา อิมํ ฐานํ ปโตฺต’ติ? เตสาหํ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสมิฯ เต ตาวตเกเนว อตฺตมนา โหนฺติ – ‘สโกฺก จ โน เทวานมิโนฺท ทิโฎฺฐ, ยญฺจ โน อปุจฺฉิมฺหา, ตญฺจ โน พฺยากาสี’ติฯ เต อญฺญทตฺถุ มมํเยว สาวกา สมฺปชฺชนฺติ, น จาหํ เตสํฯ อหํ โข ปน, ภเนฺต, ภควโต สาวโก โสตาปโนฺน อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’ติ ฯ
‘‘Abhijānāsi no tvaṃ, devānaminda, ime pañhe aññe samaṇabrāhmaṇe pucchitā’’ti? ‘‘Abhijānāmahaṃ, bhante, ime pañhe aññe samaṇabrāhmaṇe pucchitā’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana te, devānaminda, byākaṃsu? Sace te agaru bhāsassū’’ti. ‘‘Na kho me, bhante, garu yatthassa bhagavā nisinno bhagavantarūpo vā’’ti. ‘‘Tena hi, devānaminda, bhāsassū’’ti. ‘‘Yesvāhaṃ 57, bhante , maññāmi samaṇabrāhmaṇā āraññikā pantasenāsanāti, tyāhaṃ upasaṅkamitvā ime pañhe pucchāmi, te mayā puṭṭhā na sampāyanti, asampāyantā mamaṃyeva paṭipucchanti – ‘ko nāmo āyasmā’ti? Tesāhaṃ puṭṭho byākaromi – ‘ahaṃ kho, mārisa, sakko devānamindo’ti. Te mamaṃyeva uttari paṭipucchanti – ‘kiṃ panāyasmā, devānaminda 58, kammaṃ katvā imaṃ ṭhānaṃ patto’ti? Tesāhaṃ yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ desemi. Te tāvatakeneva attamanā honti – ‘sakko ca no devānamindo diṭṭho, yañca no apucchimhā, tañca no byākāsī’ti. Te aññadatthu mamaṃyeva sāvakā sampajjanti, na cāhaṃ tesaṃ. Ahaṃ kho pana, bhante, bhagavato sāvako sotāpanno avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’ti .
โสมนสฺสปฎิลาภกถา
Somanassapaṭilābhakathā
๓๖๘. ‘‘อภิชานาสิ โน ตฺวํ, เทวานมินฺท, อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภ’’นฺติ? ‘‘อภิชานามหํ , ภเนฺต, อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภ’’นฺติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, เทวานมินฺท, อภิชานาสิ อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภ’’นฺติ?
368. ‘‘Abhijānāsi no tvaṃ, devānaminda, ito pubbe evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābha’’nti? ‘‘Abhijānāmahaṃ , bhante, ito pubbe evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābha’’nti. ‘‘Yathā kathaṃ pana tvaṃ, devānaminda, abhijānāsi ito pubbe evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābha’’nti?
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภเนฺต, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูโฬฺห 59 อโหสิฯ ตสฺมิํ โข ปน, ภเนฺต, สงฺคาเม เทวา ชินิํสุ, อสุรา ปราชยิํสุ 60ฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคามสฺส เอตทโหสิ – ‘ยา เจว ทานิ ทิพฺพา โอชา ยา จ อสุรา โอชา, อุภยเมตํ 61 เทวา ปริภุญฺชิสฺสนฺตี’ติฯ โส โข ปน เม, ภเนฺต, เวทปฎิลาโภ โสมนสฺสปฎิลาโภ สทณฺฑาวจโร สสตฺถาวจโร น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ โย โข ปน เม อยํ, ภเนฺต, ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เวทปฎิลาโภ โสมนสฺสปฎิลาโภ, โส อทณฺฑาวจโร อสตฺถาวจโร เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’’ติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, bhante, devāsurasaṅgāmo samupabyūḷho 62 ahosi. Tasmiṃ kho pana, bhante, saṅgāme devā jiniṃsu, asurā parājayiṃsu 63. Tassa mayhaṃ, bhante, taṃ saṅgāmaṃ abhivijinitvā vijitasaṅgāmassa etadahosi – ‘yā ceva dāni dibbā ojā yā ca asurā ojā, ubhayametaṃ 64 devā paribhuñjissantī’ti. So kho pana me, bhante, vedapaṭilābho somanassapaṭilābho sadaṇḍāvacaro sasatthāvacaro na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati. Yo kho pana me ayaṃ, bhante, bhagavato dhammaṃ sutvā vedapaṭilābho somanassapaṭilābho, so adaṇḍāvacaro asatthāvacaro ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattatī’’ti.
๓๖๙. ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, เทวานมินฺท, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทสี’’ติ? ‘‘ฉ โข อหํ, ภเนฺต, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
369. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, devānaminda, atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedesī’’ti? ‘‘Cha kho ahaṃ, bhante, atthavase sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
‘‘อิเธว ติฎฺฐมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
‘‘Idheva tiṭṭhamānassa, devabhūtassa me sato;
ปุนรายุ จ เม ลโทฺธ, เอวํ ชานาหิ มาริสฯ
Punarāyu ca me laddho, evaṃ jānāhi mārisa.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ปฐมํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, paṭhamaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
‘‘จุตาหํ ทิวิยา กายา, อายุํ หิตฺวา อมานุสํ;
‘‘Cutāhaṃ diviyā kāyā, āyuṃ hitvā amānusaṃ;
อมูโฬฺห คพฺภเมสฺสามิ, ยตฺถ เม รมตี มโนฯ
Amūḷho gabbhamessāmi, yattha me ramatī mano.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ทุติยํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, dutiyaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
ญาเยน วิหริสฺสามิ, สมฺปชาโน ปฎิสฺสโตฯ
Ñāyena viharissāmi, sampajāno paṭissato.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ตติยํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, tatiyaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
‘‘ญาเยน เม จรโต จ, สโมฺพธิ เจ ภวิสฺสติ;
‘‘Ñāyena me carato ca, sambodhi ce bhavissati;
อญฺญาตา วิหริสฺสามิ, เสฺวว อโนฺต ภวิสฺสติฯ
Aññātā viharissāmi, sveva anto bhavissati.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, จตุตฺถํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, catutthaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
‘‘จุตาหํ มานุสา กายา, อายุํ หิตฺวาน มานุสํ;
‘‘Cutāhaṃ mānusā kāyā, āyuṃ hitvāna mānusaṃ;
ปุน เทโว ภวิสฺสามิ, เทวโลกมฺหิ อุตฺตโมฯ
Puna devo bhavissāmi, devalokamhi uttamo.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ปญฺจมํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, pañcamaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
อนฺติเม วตฺตมานมฺหิ, โส นิวาโส ภวิสฺสติฯ
Antime vattamānamhi, so nivāso bhavissati.
‘‘อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ฉฎฺฐํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Imaṃ kho ahaṃ, bhante, chaṭṭhaṃ atthavasaṃ sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
‘‘อิเม โข อหํ, ภเนฺต, ฉ อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน เอวรูปํ เวทปฎิลาภํ โสมนสฺสปฎิลาภํ ปเวเทมิฯ
‘‘Ime kho ahaṃ, bhante, cha atthavase sampassamāno evarūpaṃ vedapaṭilābhaṃ somanassapaṭilābhaṃ pavedemi.
๓๗๐.‘‘อปริโยสิตสงฺกโปฺป , วิจิกิโจฺฉ กถํกถีฯ
370.‘‘Apariyositasaṅkappo , vicikiccho kathaṃkathī.
วิจริํ ทีฆมทฺธานํ, อเนฺวสโนฺต ตถาคตํฯ
Vicariṃ dīghamaddhānaṃ, anvesanto tathāgataṃ.
‘‘ยสฺสุ มญฺญามิ สมเณ, ปวิวิตฺตวิหาริโน;
‘‘Yassu maññāmi samaṇe, pavivittavihārino;
สมฺพุทฺธา อิติ มญฺญาโน, คจฺฉามิ เต อุปาสิตุํฯ
Sambuddhā iti maññāno, gacchāmi te upāsituṃ.
‘‘‘กถํ อาราธนา โหติ, กถํ โหติ วิราธนา’;
‘‘‘Kathaṃ ārādhanā hoti, kathaṃ hoti virādhanā’;
‘‘ตฺยสฺสุ ยทา มํ ชานนฺติ, สโกฺก เทวานมาคโต;
‘‘Tyassu yadā maṃ jānanti, sakko devānamāgato;
ตฺยสฺสุ มเมว ปุจฺฉนฺติ, ‘กิํ กตฺวา ปาปุณี อิทํ’ฯ
Tyassu mameva pucchanti, ‘kiṃ katvā pāpuṇī idaṃ’.
เตน อตฺตมนา โหนฺติ, ‘ทิโฎฺฐ โน วาสโวติ จ’ฯ
Tena attamanā honti, ‘diṭṭho no vāsavoti ca’.
‘‘ยทา จ พุทฺธมทฺทกฺขิํ, วิจิกิจฺฉาวิตารณํ;
‘‘Yadā ca buddhamaddakkhiṃ, vicikicchāvitāraṇaṃ;
‘‘ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, พุทฺธํ อปฺปฎิปุคฺคลํ;
‘‘Taṇhāsallassa hantāraṃ, buddhaṃ appaṭipuggalaṃ;
อหํ วเนฺท มหาวีรํ, พุทฺธมาทิจฺจพนฺธุนํฯ
Ahaṃ vande mahāvīraṃ, buddhamādiccabandhunaṃ.
‘‘ยํ กโรมสิ พฺรหฺมุโน, สมํ เทเวหิ มาริส;
‘‘Yaṃ karomasi brahmuno, samaṃ devehi mārisa;
สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เต ปฎิปุคฺคโล’’ติฯ
Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi te paṭipuggalo’’ti.
๓๗๑. อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘พหูปกาโร โข เมสิ ตฺวํ, ตาต ปญฺจสิข, ยํ ตฺวํ ภควนฺตํ ปฐมํ ปสาเทสิฯ ตยา, ตาต, ปฐมํ ปสาทิตํ ปจฺฉา มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิมฺหา อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํฯ เปตฺติเก วา ฐาเน ฐปยิสฺสามิ , คนฺธพฺพราชา ภวิสฺสสิ, ภทฺทญฺจ เต สูริยวจฺฉสํ ทมฺมิ, สา หิ เต อภิปตฺถิตา’’ติฯ
371. Atha kho sakko devānamindo pañcasikhaṃ gandhabbaputtaṃ āmantesi – ‘‘bahūpakāro kho mesi tvaṃ, tāta pañcasikha, yaṃ tvaṃ bhagavantaṃ paṭhamaṃ pasādesi. Tayā, tāta, paṭhamaṃ pasāditaṃ pacchā mayaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamimhā arahantaṃ sammāsambuddhaṃ. Pettike vā ṭhāne ṭhapayissāmi , gandhabbarājā bhavissasi, bhaddañca te sūriyavacchasaṃ dammi, sā hi te abhipatthitā’’ti.
อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ปาณินา ปถวิํ ปรามสิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติฯ
Atha kho sakko devānamindo pāṇinā pathaviṃ parāmasitvā tikkhattuṃ udānaṃ udānesi – ‘‘namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassā’’ti.
อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติฯ อเญฺญสญฺจ อสีติยา เทวตาสหสฺสานํ , อิติ เย สเกฺกน เทวานมิเนฺทน อชฺฌิฎฺฐปญฺหา ปุฎฺฐา , เต ภควตา พฺยากตาฯ ตสฺมา อิมสฺส เวยฺยากรณสฺส สกฺกปญฺหาเตฺวว อธิวจนนฺติฯ
Imasmiñca pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne sakkassa devānamindassa virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti. Aññesañca asītiyā devatāsahassānaṃ , iti ye sakkena devānamindena ajjhiṭṭhapañhā puṭṭhā , te bhagavatā byākatā. Tasmā imassa veyyākaraṇassa sakkapañhātveva adhivacananti.
สกฺกปญฺหสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Sakkapañhasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā