Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา

    8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā

    นิทานวณฺณนา

    Nidānavaṇṇanā

    ๓๔๔. เอวํ เม สุตนฺติ สกฺกปญฺหสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – อมฺพสณฺฑา นาม พฺราหฺมณคาโมติ โส กิร คาโม อมฺพสณฺฑานํ อวิทูเร นิวิโฎฺฐ, ตสฺมา ‘‘อมฺพสณฺฑา’’ เตฺวว วุจฺจติฯ เวทิยเก ปพฺพเตติ โส กิร ปพฺพโต ปพฺพตปาเท ชาเตน มณิเวทิกาสทิเสน นีลวนสเณฺฑน สมนฺตา ปริกฺขิโตฺต, ตสฺมา ‘เวทิยกปพฺพโต’ เตฺวว สงฺขฺยํ คโตฯ อินฺทสาลคุหายนฺติ ปุเพฺพปิ สา ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตเร คุหา, อินฺทสาลรุโกฺข จสฺสา ทฺวาเร, ตสฺมา ‘อินฺทสาลคุหา’ติ สงฺขฺยํ คตาฯ อถ นํ กุเฎฺฎหิ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารวาตปานานิ โยเชตฺวา สุปรินิฎฺฐิตสุธากมฺมมาลากมฺมลตากมฺมวิจิตฺตํ เลณํ กตฺวา ภควโต อทํสุฯ ปุริมโวหารวเสน ปน ‘‘อินฺทสาลคุหา’’ เตฺวว นํ สญฺชานนฺติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘อินฺทสาลคุหาย’นฺติฯ

    344.Evaṃme sutanti sakkapañhasuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā – ambasaṇḍā nāma brāhmaṇagāmoti so kira gāmo ambasaṇḍānaṃ avidūre niviṭṭho, tasmā ‘‘ambasaṇḍā’’ tveva vuccati. Vediyake pabbateti so kira pabbato pabbatapāde jātena maṇivedikāsadisena nīlavanasaṇḍena samantā parikkhitto, tasmā ‘vediyakapabbato’ tveva saṅkhyaṃ gato. Indasālaguhāyanti pubbepi sā dvinnaṃ pabbatānaṃ antare guhā, indasālarukkho cassā dvāre, tasmā ‘indasālaguhā’ti saṅkhyaṃ gatā. Atha naṃ kuṭṭehi parikkhipitvā dvāravātapānāni yojetvā supariniṭṭhitasudhākammamālākammalatākammavicittaṃ leṇaṃ katvā bhagavato adaṃsu. Purimavohāravasena pana ‘‘indasālaguhā’’ tveva naṃ sañjānanti. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘indasālaguhāya’nti.

    อุสฺสุกฺกํ อุทปาทีติ ธมฺมิโก อุสฺสาโห อุปฺปชฺชิฯ นนุ จ เอส อภิณฺหทสฺสาวี ภควโต, น โส เทวตาสนฺนิปาโต นาม อตฺถิ, ยตฺถายํ น อาคตปุโพฺพ, สเกฺกน สทิโส อปฺปมาทวิหารี เทวปุโตฺต นาม นตฺถิฯ อถ กสฺมา พุทฺธทสฺสนํ อนาคตปุพฺพสฺส วิย อสฺส อุสฺสาโห อุทปาทีติ? มรณภเยน สนฺตชฺชิตตฺตาฯ ตสฺมิํ กิรสฺส สมเย อายุ ปริกฺขีโณ, โส ปญฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ‘‘ปริกฺขีโณ ทานิ เม อายู’’ติ อญฺญาสิฯ เยสญฺจ เทวปุตฺตานํ มรณนิมิตฺตานิ อาวิ ภวนฺติ, เตสุ เย ปริตฺตเกน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺตา, เต ‘‘กุหิํ นุ โข อิทานิ นิพฺพตฺติสฺสามา’’ติ ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติฯ เย กตภีรุตฺตานา พหุํ ปุญฺญํ กตฺวา นิพฺพตฺตา, เต อตฺตนา ทินฺนทานํ รกฺขิตสีลํ ภาวิตภาวนญฺจ อาคมฺม ‘‘อุปริเทวโลเก สมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสามา’’ติ น ภายนฺติฯ

    Ussukkaṃ udapādīti dhammiko ussāho uppajji. Nanu ca esa abhiṇhadassāvī bhagavato, na so devatāsannipāto nāma atthi, yatthāyaṃ na āgatapubbo, sakkena sadiso appamādavihārī devaputto nāma natthi. Atha kasmā buddhadassanaṃ anāgatapubbassa viya assa ussāho udapādīti? Maraṇabhayena santajjitattā. Tasmiṃ kirassa samaye āyu parikkhīṇo, so pañca pubbanimittāni disvā ‘‘parikkhīṇo dāni me āyū’’ti aññāsi. Yesañca devaputtānaṃ maraṇanimittāni āvi bhavanti, tesu ye parittakena puññakammena devaloke nibbattā, te ‘‘kuhiṃ nu kho idāni nibbattissāmā’’ti bhayaṃ santāsaṃ āpajjanti. Ye katabhīruttānā bahuṃ puññaṃ katvā nibbattā, te attanā dinnadānaṃ rakkhitasīlaṃ bhāvitabhāvanañca āgamma ‘‘uparidevaloke sampattiṃ anubhavissāmā’’ti na bhāyanti.

    สโกฺก ปน เทวราชา ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ, โยชนสหสฺสุเพฺพธํ เวชยนฺตํ, ติโยชนสติกํ สุธมฺมเทวสภํ, โยชนสตุเพฺพธํ ปาริจฺฉตฺตกํ, สฎฺฐิโยชนิกํ ปณฺฑุกมฺพลสิลํ, อฑฺฒติยา นาฎกโกฎิโย ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวปริสํ, นนฺทนวนํ, จิตฺตลตาวนํ , มิสฺสกวนํ, ผารุสกวนนฺติ เอตํ สพฺพสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา ‘‘นสฺสติ วต โภ เม อยํ สมฺปตฺตี’’ติ ภยาภิภูโต อโหสิฯ

    Sakko pana devarājā pubbanimittāni disvā dasayojanasahassaṃ devanagaraṃ, yojanasahassubbedhaṃ vejayantaṃ, tiyojanasatikaṃ sudhammadevasabhaṃ, yojanasatubbedhaṃ pāricchattakaṃ, saṭṭhiyojanikaṃ paṇḍukambalasilaṃ, aḍḍhatiyā nāṭakakoṭiyo dvīsu devalokesu devaparisaṃ, nandanavanaṃ, cittalatāvanaṃ , missakavanaṃ, phārusakavananti etaṃ sabbasampattiṃ oloketvā ‘‘nassati vata bho me ayaṃ sampattī’’ti bhayābhibhūto ahosi.

    ตโต ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โลกปิตามโห มหาพฺรหฺมา วา, โย เม หทยนิสฺสิตํ โสกสลฺลํ สมุทฺธริตฺวา อิมํ สมฺปตฺติํ ถาวรํ กเรยฺยา’’ติ โอโลเกโนฺต กญฺจิ อทิสฺวา ปุน อทฺทส ‘‘มาทิสานํ สตสหสฺสานมฺปิ อุปฺปนฺนํ โสกสลฺลํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุทฺธริตุํ ปฎิพโล’’ติฯ อเถวํ ปริวิตเกฺกนฺตสฺส เตน โข ปน สมเยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อุสฺสุกฺกํ อุทปาทิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ

    Tato ‘‘atthi nu kho koci samaṇo vā brāhmaṇo vā lokapitāmaho mahābrahmā vā, yo me hadayanissitaṃ sokasallaṃ samuddharitvā imaṃ sampattiṃ thāvaraṃ kareyyā’’ti olokento kañci adisvā puna addasa ‘‘mādisānaṃ satasahassānampi uppannaṃ sokasallaṃ sammāsambuddho uddharituṃ paṭibalo’’ti. Athevaṃ parivitakkentassa tena kho pana samayena sakkassa devānamindassa ussukkaṃ udapādi bhagavantaṃ dassanāya.

    กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตีติ กตรสฺมิํ ชนปเท กตรํ นครํ อุปนิสฺสาย กสฺส ปจฺจเย ปริภุญฺชโนฺต กสฺส อมตํ ธมฺมํ เทสยมาโน วิหรตีติฯ อทฺทสา โขติ อทฺทกฺขิ ปฎิวิชฺฌิฯ มาริสาติ ปิยวจนเมตํ, เทวตานํ ปาฎิเยโกฺก โวหาโรฯ นิทฺทุกฺขาติปิ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา ปเนส เทเว อามเนฺตสิ? สหายตฺถายฯ ปุเพฺพ กิเรส ภควติ สฬลฆเร วิหรเนฺต เอกโกว ทสฺสนาย อคมาสิฯ สตฺถา ‘‘อปริปกฺกํ ตาวสฺส ญาณํ, กติปาหํ ปน อติกฺกมิตฺวา มยิ อินฺทสาลคุหายํ วิหรเนฺต ปญฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา มรณภยภีโต ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตาหิ สทฺธิํ อุปสงฺกมิตฺวา จุทฺทส ปเญฺห ปุจฺฉิตฺวา อุเปกฺขาปญฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อสีติยา เทวตาสหเสฺสหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา โอกาสํ นากาสิฯ โส ‘‘มม ปุเพฺพปิ เอกกสฺส คตตฺตา สตฺถารา โอกาโส น กโต, อทฺธา เม นตฺถิ มคฺคผลสฺส อุปนิสฺสโย, เอกสฺส ปน อุปนิสฺสเย สติ จกฺกวาฬปริยนฺตายปิ ปริสาย ภควา ธมฺมํ เทเสติเยวฯ อวสฺสํ โข ปน ทฺวีสุ เทวโลเกสุ กสฺสจิ เทวสฺส อุปนิสฺสโย ภวิสฺสติ, ตํ สนฺธาย สตฺถา ธมฺมํ เทเสสฺสติฯ ตํ สุตฺวา อหมฺปิ อตฺตโน โทมนสฺสํ วูปสเมสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา สหายตฺถาย อามเนฺตสิฯ

    Kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharatīti katarasmiṃ janapade kataraṃ nagaraṃ upanissāya kassa paccaye paribhuñjanto kassa amataṃ dhammaṃ desayamāno viharatīti. Addasā khoti addakkhi paṭivijjhi. Mārisāti piyavacanametaṃ, devatānaṃ pāṭiyekko vohāro. Niddukkhātipi vuttaṃ hoti. Kasmā panesa deve āmantesi? Sahāyatthāya. Pubbe kiresa bhagavati saḷalaghare viharante ekakova dassanāya agamāsi. Satthā ‘‘aparipakkaṃ tāvassa ñāṇaṃ, katipāhaṃ pana atikkamitvā mayi indasālaguhāyaṃ viharante pañca pubbanimittāni disvā maraṇabhayabhīto dvīsu devalokesu devatāhi saddhiṃ upasaṅkamitvā cuddasa pañhe pucchitvā upekkhāpañhavissajjanāvasāne asītiyā devatāsahassehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhahissatī’’ti cintetvā okāsaṃ nākāsi. So ‘‘mama pubbepi ekakassa gatattā satthārā okāso na kato, addhā me natthi maggaphalassa upanissayo, ekassa pana upanissaye sati cakkavāḷapariyantāyapi parisāya bhagavā dhammaṃ desetiyeva. Avassaṃ kho pana dvīsu devalokesu kassaci devassa upanissayo bhavissati, taṃ sandhāya satthā dhammaṃ desessati. Taṃ sutvā ahampi attano domanassaṃ vūpasamessāmī’’ti cintetvā sahāyatthāya āmantesi.

    เอวํ ภทฺทํ ตวาติ โข เทวา ตาวติํสาติ เอวํ โหตุ มหาราช, คจฺฉาม ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทุลฺลโภ พุทฺธุปฺปาโท, ภทฺทํ ตว, โย ตฺวํ ‘‘ปพฺพตกีฬํ นทีกีฬํ คจฺฉามา’’ติ อวตฺวา อเมฺห เอวรูเปสุ ฐาเนสุ นิโยเชสีติฯ ปจฺจโสฺสสุนฺติ ตสฺส วจนํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ

    Evaṃ bhaddaṃ tavāti kho devā tāvatiṃsāti evaṃ hotu mahārāja, gacchāma bhagavantaṃ dassanāya, dullabho buddhuppādo, bhaddaṃ tava, yo tvaṃ ‘‘pabbatakīḷaṃ nadīkīḷaṃ gacchāmā’’ti avatvā amhe evarūpesu ṭhānesu niyojesīti. Paccassosunti tassa vacanaṃ sirasā sampaṭicchiṃsu.

    ๓๔๕. ปญฺจสิขํ คนฺธพฺพเทวปุตฺตํ อามเนฺตสีติ เทเว ตาว อามเนฺตตุ, อิมํ กสฺมา วิสุํ อามเนฺตสิ? โอกาสกรณตฺถํฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา คเหตฺวา ธุเรน ปหรนฺตสฺส วิย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุํ น ยุตฺตํ, อยํ ปน ปญฺจสิโข ทสพลสฺส อุปฎฺฐาโก วลฺลโภ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ คนฺตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ สุณาติ, อิมํ ปุรโต เปเสตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา อิมินา กโตกาเส อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ โอกาสกรณตฺถํ อามเนฺตสิฯ

    345.Pañcasikhaṃgandhabbadevaputtaṃ āmantesīti deve tāva āmantetu, imaṃ kasmā visuṃ āmantesi? Okāsakaraṇatthaṃ. Evaṃ kirassa ahosi ‘‘dvīsu devalokesu devatā gahetvā dhurena paharantassa viya satthāraṃ upasaṅkamituṃ na yuttaṃ, ayaṃ pana pañcasikho dasabalassa upaṭṭhāko vallabho icchiticchitakkhaṇe gantvā pañhaṃ pucchitvā dhammaṃ suṇāti, imaṃ purato pesetvā okāsaṃ kāretvā iminā katokāse upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchissāmī’’ti okāsakaraṇatthaṃ āmantesi.

    เอวํ ภทฺทํ ตวาติ โส ‘‘เอวํ มหาราช, โหตุ, ภทฺทํ ตว, โย ตฺวํ มํ ‘เอหิ, มาริส, อุยฺยานกีฬาทีนิ วา นฎสมชฺชาทีนิ วา ทสฺสนาย คจฺฉามา’ติ อวตฺวา ‘พุทฺธํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมํ โสสฺสามา’ติ วทสี’’ติ ทฬฺหตรํ อุปตฺถเมฺภโนฺต เทวานมินฺทสฺส วจนํ ปฎิสฺสุตฺวา อนุจริยํ สหจรณํ เอกโต คมนํ อุปาคมิฯ

    Evaṃ bhaddaṃ tavāti so ‘‘evaṃ mahārāja, hotu, bhaddaṃ tava, yo tvaṃ maṃ ‘ehi, mārisa, uyyānakīḷādīni vā naṭasamajjādīni vā dassanāya gacchāmā’ti avatvā ‘buddhaṃ passissāma, dhammaṃ sossāmā’ti vadasī’’ti daḷhataraṃ upatthambhento devānamindassa vacanaṃ paṭissutvā anucariyaṃ sahacaraṇaṃ ekato gamanaṃ upāgami.

    ตตฺถ เพลุวปณฺฑุนฺติ เพลุวปกฺกํ วิย ปณฺฑุวณฺณํฯ ตสฺส กิร โสวณฺณมยํ โปกฺขรํ, อินฺทนีลมโย ทโณฺฑ, รชตมยา ตนฺติโย, ปวาฬมยา เวฐกา, วีณาปตฺตกํ คาวุตํ, ตนฺติพนฺธนฎฺฐานํ คาวุตํ, อุปริ ทณฺฑโก คาวุตนฺติ ติคาวุตปฺปมาณา วีณาฯ อิติ โส ตํ วีณํ อาทาย สมปญฺญาสมุจฺฉนา มุเจฺฉตฺวา อคฺคนเขหิ ปหริตฺวา มธุรํ คีตสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา เสสเทเว สกฺกสฺส คมนกาลํ ชานาเปโนฺต เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอวํ ตสฺส คีตวาทิตสญฺญาย สนฺนิปติเต เทวคเณ อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท…เป.… เวทิยเก ปพฺพเต ปจฺจุฎฺฐาสิฯ

    Tattha beluvapaṇḍunti beluvapakkaṃ viya paṇḍuvaṇṇaṃ. Tassa kira sovaṇṇamayaṃ pokkharaṃ, indanīlamayo daṇḍo, rajatamayā tantiyo, pavāḷamayā veṭhakā, vīṇāpattakaṃ gāvutaṃ, tantibandhanaṭṭhānaṃ gāvutaṃ, upari daṇḍako gāvutanti tigāvutappamāṇā vīṇā. Iti so taṃ vīṇaṃ ādāya samapaññāsamucchanā mucchetvā agganakhehi paharitvā madhuraṃ gītassaraṃ nicchāretvā sesadeve sakkassa gamanakālaṃ jānāpento ekamantaṃ aṭṭhāsi. Evaṃ tassa gītavāditasaññāya sannipatite devagaṇe atha kho sakko devānamindo…pe… vediyake pabbate paccuṭṭhāsi.

    ๓๔๖. อติริว โอภาสชาโตติ อเญฺญสุ ทิวเสสุ เอกเสฺสว เทวสฺส วา มารสฺส วา พฺรหฺมุโน วา โอภาเสน โอภาสชาโต โหติ, ตํทิวสํ ปน ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตานํ โอภาเสน อติริว โอภาสชาโต เอกปโชฺชโต สหสฺสจนฺทสูริยอุคฺคตกาลสทิโส อโหสิฯ ปริโต คาเมสุ มนุสฺสาติ สมนฺตา คาเมสุ มนุสฺสาฯ ปกติสายมาสกาเลเยว กิร คามมเชฺฌ ทารเกสุ กีฬเนฺตสุ ตตฺถ สโกฺก อคมาสิ, ตสฺมา มนุสฺสา ปสฺสิตฺวา เอวมาหํสุฯ นนุ จ มชฺฌิมยาเม เทวตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺติ, อยํ กสฺมา ปฐมยามสฺสาปิ ปุริมภาเคเยว อาคโตติ? มรณภเยเนว ตชฺชิตตฺตาฯ กิํสุ นามาติ กิํสุ นาม โภ เอตํ, โก นุ โข อชฺช มเหสโกฺข เทโว วา พฺรหฺมา วา ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ ธมฺมํ โสตุํ อุปสงฺกมโนฺต, กถํสุ นาม โภ ภควา ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสฺสติ ธมฺมํ เทเสสฺสติ, ลาภา อมฺหากํ, เยสํ โน เอวํ เทวตานํ กงฺขาวิโนทโก สตฺถา อวิทูเร วิหาเร วสติ, เย ลภาม ถาลกภิกฺขมฺปิ กฎจฺฉุภิกฺขมฺปิ ทาตุนฺติ สํวิคฺคา โลมหฎฺฐชาตา อุทฺธคฺคโลมา หุตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ สิรสฺมิํ ปติฎฺฐเปตฺวา นมสฺสมานา อฎฺฐํสุฯ

    346.Atiriva obhāsajātoti aññesu divasesu ekasseva devassa vā mārassa vā brahmuno vā obhāsena obhāsajāto hoti, taṃdivasaṃ pana dvīsu devalokesu devatānaṃ obhāsena atiriva obhāsajāto ekapajjoto sahassacandasūriyauggatakālasadiso ahosi. Parito gāmesu manussāti samantā gāmesu manussā. Pakatisāyamāsakāleyeva kira gāmamajjhe dārakesu kīḷantesu tattha sakko agamāsi, tasmā manussā passitvā evamāhaṃsu. Nanu ca majjhimayāme devatā bhagavantaṃ upasaṅkamanti, ayaṃ kasmā paṭhamayāmassāpi purimabhāgeyeva āgatoti? Maraṇabhayeneva tajjitattā. Kiṃsu nāmāti kiṃsu nāma bho etaṃ, ko nu kho ajja mahesakkho devo vā brahmā vā bhagavantaṃ pañhaṃ pucchituṃ dhammaṃ sotuṃ upasaṅkamanto, kathaṃsu nāma bho bhagavā pañhaṃ vissajjessati dhammaṃ desessati, lābhā amhākaṃ, yesaṃ no evaṃ devatānaṃ kaṅkhāvinodako satthā avidūre vihāre vasati, ye labhāma thālakabhikkhampi kaṭacchubhikkhampi dātunti saṃviggā lomahaṭṭhajātā uddhaggalomā hutvā dasanakhasamodhānasamujjalaṃ añjaliṃ sirasmiṃ patiṭṭhapetvā namassamānā aṭṭhaṃsu.

    ๓๔๗. ทุรุปสงฺกมาติ ทุปยิรุปาสิยาฯ อหํ สราโค สโทโส สโมโห, สตฺถา วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห, ตสฺมา ทุปยิรุปาสิยา ตถาคตา มาทิเสนฯ ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายีฯ ตสฺมิเญฺญว ฌาเน รตาติ ฌานรตาฯ ตทนฺตรํ ปฎิสลฺลีนาติ ตทนฺตรํ ปฎิสลฺลีนา สมฺปติ ปฎิสลฺลีนา วาฯ ตสฺมา น เกวลํ ฌายี ฌานรตาติ ทุรุปสงฺกมา, อิทานิเมว ปฎิสลฺลีนาติปิ ทุรุปสงฺกมาฯ ปสาเทยฺยาสีติ อาราเธยฺยาสิ, โอกาสํ เม กาเรตฺวา ทเทยฺยาสีติ วทติฯ เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทายาติ นนุ ปุเพฺพว อาทินฺนาติ? อาม , อาทินฺนาฯ มคฺคคมนวเสน ปน อํสกูเฎ ลคฺคิตา, อิทานิ นํ วามหเตฺถ ฐเปตฺวา วาทนสชฺชํ กตฺวา อาทิยิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาทายา’’ติฯ

    347.Durupasaṅkamāti dupayirupāsiyā. Ahaṃ sarāgo sadoso samoho, satthā vītarāgo vītadoso vītamoho, tasmā dupayirupāsiyā tathāgatā mādisena. Jhāyīti lakkhaṇūpanijjhānena ca ārammaṇūpanijjhānena ca jhāyī. Tasmiññeva jhāne ratāti jhānaratā. Tadantaraṃ paṭisallīnāti tadantaraṃ paṭisallīnā sampati paṭisallīnā vā. Tasmā na kevalaṃ jhāyī jhānaratāti durupasaṅkamā, idānimeva paṭisallīnātipi durupasaṅkamā. Pasādeyyāsīti ārādheyyāsi, okāsaṃ me kāretvā dadeyyāsīti vadati. Beluvapaṇḍuvīṇaṃ ādāyāti nanu pubbeva ādinnāti? Āma , ādinnā. Maggagamanavasena pana aṃsakūṭe laggitā, idāni naṃ vāmahatthe ṭhapetvā vādanasajjaṃ katvā ādiyi. Tena vuttaṃ ‘‘ādāyā’’ti.

    ปญฺจสิขคีตคาถาวณฺณนา

    Pañcasikhagītagāthāvaṇṇanā

    ๓๔๘. อสฺสาเวสีติ สาเวสิฯ พุทฺธูปสญฺหิตาติ พุทฺธํ อารพฺภ พุทฺธํ นิสฺสยํ กตฺวา ปวตฺตาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ

    348.Assāvesīti sāvesi. Buddhūpasañhitāti buddhaṃ ārabbha buddhaṃ nissayaṃ katvā pavattāti attho. Sesapadesupi eseva nayo.

    วเนฺท เต ปิตรํ ภเทฺท, ติมฺพรุํ สูริยวจฺฉเสติ เอตฺถ สูริยวจฺฉสาติ สูริยสมานสรีราฯ ตสฺสา กิร เทวธีตาย ปาทนฺตโต รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา เกสนฺตํ อาโรหติ, ตสฺมา พาลสูริยมณฺฑลสทิสา ขายติ, อิติ นํ ‘‘สูริยวจฺฉสา’’ติ สญฺชานนฺติฯ ตํ สนฺธายาห – ‘‘ภเทฺท, สูริยวจฺฉเส, ตว ปิตรํ ติมฺพรุํ คนฺธพฺพเทวราชานํ วนฺทามี’’ติฯ เยน ชาตาสิ กลฺยาณีติ เยน การณภูเตน ยํ ติมฺพรุํ เทวราชานํ นิสฺสาย ตฺวํ ชาตา, กลฺยาณี สพฺพงฺคโสภนาฯ อานนฺทชนนี มมาติ มยฺหํ ปีติโสมนสฺสวฑฺฒนีฯ

    Vande te pitaraṃ bhadde, timbaruṃ sūriyavacchaseti ettha sūriyavacchasāti sūriyasamānasarīrā. Tassā kira devadhītāya pādantato rasmi uṭṭhahitvā kesantaṃ ārohati, tasmā bālasūriyamaṇḍalasadisā khāyati, iti naṃ ‘‘sūriyavacchasā’’ti sañjānanti. Taṃ sandhāyāha – ‘‘bhadde, sūriyavacchase, tava pitaraṃ timbaruṃ gandhabbadevarājānaṃ vandāmī’’ti. Yena jātāsi kalyāṇīti yena kāraṇabhūtena yaṃ timbaruṃ devarājānaṃ nissāya tvaṃ jātā, kalyāṇī sabbaṅgasobhanā. Ānandajananī mamāti mayhaṃ pītisomanassavaḍḍhanī.

    วาโตว เสทตํ กโนฺตติ ยถา สญฺชาตเสทานํ เสทหรณตฺถํ วาโต อิโฎฺฐ โหติ กโนฺต มนาโป, เอวนฺติ อโตฺถฯ ปานียํว ปิปาสโตติ ปาตุมิจฺฉนฺตสฺส ปิปาสโต ปิปาสาภิภูตสฺสฯ องฺคีรสีติ อเงฺค รสฺมิโย อสฺสาติ องฺคีรสี, ตเมว อารพฺภ อาลปโนฺต วทติฯ ธโมฺม อรหตามิวาติ อรหนฺตานํ นวโลกุตฺตรธโมฺม วิยฯ

    Vātova sedataṃ kantoti yathā sañjātasedānaṃ sedaharaṇatthaṃ vāto iṭṭho hoti kanto manāpo, evanti attho. Pānīyaṃva pipāsatoti pātumicchantassa pipāsato pipāsābhibhūtassa. Aṅgīrasīti aṅge rasmiyo assāti aṅgīrasī, tameva ārabbha ālapanto vadati. Dhammo arahatāmivāti arahantānaṃ navalokuttaradhammo viya.

    ชิฆจฺฉโตติ ภุญฺชิตุกามสฺส ขุทาภิภูตสฺสฯ ชลนฺตมิว วารินาติ ยถา โกจิ ชลนฺตํ ชาตเวทํ อุทกกุเมฺภน นิพฺพาเปยฺย, เอวํ ตว การณา อุปฺปนฺนํ มม กามราคปริฬาหํ นิพฺพาเปหีติ วทติฯ

    Jighacchatoti bhuñjitukāmassa khudābhibhūtassa. Jalantamiva vārināti yathā koci jalantaṃ jātavedaṃ udakakumbhena nibbāpeyya, evaṃ tava kāraṇā uppannaṃ mama kāmarāgapariḷāhaṃ nibbāpehīti vadati.

    ยุตฺตํ กิญฺชกฺขเรณุนาติ ปทุมเกสรเรณุนา ยุตฺตํฯ นาโค ฆมฺมาภิตโตฺต วาติ ฆมฺมาภิตตฺตหตฺถี วิยฯ โอคาเห เต ถนูทรนฺติ ยถา โส นาโค โปกฺขรณิํ โอคาหิตฺวา ปิวิตฺวา อคฺคโสณฺฑมตฺตํ ปญฺญายมานํ กตฺวา นิมุโคฺค สุขํ สาตํ วินฺทติ, เอวํ กทา นุ โข เต ถนูทรํ ถนเวมชฺฌํ อุทรญฺจ โอตริตฺวา อหํ สุขํ สาตํ ปฎิลภิสฺสามีติ วทติฯ

    Yuttaṃ kiñjakkhareṇunāti padumakesarareṇunā yuttaṃ. Nāgo ghammābhitatto vāti ghammābhitattahatthī viya. Ogāhe te thanūdaranti yathā so nāgo pokkharaṇiṃ ogāhitvā pivitvā aggasoṇḍamattaṃ paññāyamānaṃ katvā nimuggo sukhaṃ sātaṃ vindati, evaṃ kadā nu kho te thanūdaraṃ thanavemajjhaṃ udarañca otaritvā ahaṃ sukhaṃ sātaṃ paṭilabhissāmīti vadati.

    ‘‘อจฺจงฺกุโสว นาโคว, ชิตํ เม ตุตฺตโตมรํ;

    ‘‘Accaṅkusova nāgova, jitaṃ me tuttatomaraṃ;

    การณํ นปฺปชานามิ, สมฺมโตฺต ลกฺขณูรุยา’’ติฯ –

    Kāraṇaṃ nappajānāmi, sammatto lakkhaṇūruyā’’ti. –

    เอตฺถ ตุตฺตํ วุจฺจติ กณฺณมูเล วิชฺฌนอยทณฺฑโกฯ โตมรนฺติ ปาทาทีสุ วิชฺฌนทณฺฑโตมรํฯ องฺกุโสติ มตฺถเก วิชฺฌนกุฎิลกณฺฎโกฯ โย จ นาโค ปภินฺนมโตฺต อจฺจงฺกุโส โหติ, องฺกุสํ อตีโต; องฺกุเสน วิชฺฌิยมาโนปิ วสํ น คจฺฉติ, โส ‘‘ชิตํ มยา ตุตฺตโตมรํ, โย อหํ องฺกุสสฺสปิ วสํ น คจฺฉามี’’ติ มททเปฺปน กิญฺจิ การณํ น พุชฺฌติฯ ยถา โส อจฺจงฺกุโส นาโค ‘‘ชิตํ เม ตุตฺตโตมร’’นฺติ กิญฺจิ การณํ นปฺปชานาติ, เอวํ อหมฺปิ ลกฺขณสมฺปนฺนอูรุตาย ลกฺขณูรุยา สมฺมโตฺต มโตฺต ปมโตฺต อุมฺมโตฺต วิย กิญฺจิ การณํ นปฺปชานามีติ วทติฯ อถ วา อจฺจงฺกุโสว นาโค อหมฺปิ สมฺมโตฺต ลกฺขณูรุยา กิญฺจิ ตโต วิราคการณํ นปฺปชานามิฯ กสฺมา? ยสฺมา เตน นาเคน วิย ชิตํ เม ตุตฺตโตมรํ, น กสฺสจิ วทโต วจนํ อาทิยามิฯ

    Ettha tuttaṃ vuccati kaṇṇamūle vijjhanaayadaṇḍako. Tomaranti pādādīsu vijjhanadaṇḍatomaraṃ. Aṅkusoti matthake vijjhanakuṭilakaṇṭako. Yo ca nāgo pabhinnamatto accaṅkuso hoti, aṅkusaṃ atīto; aṅkusena vijjhiyamānopi vasaṃ na gacchati, so ‘‘jitaṃ mayā tuttatomaraṃ, yo ahaṃ aṅkusassapi vasaṃ na gacchāmī’’ti madadappena kiñci kāraṇaṃ na bujjhati. Yathā so accaṅkuso nāgo ‘‘jitaṃ me tuttatomara’’nti kiñci kāraṇaṃ nappajānāti, evaṃ ahampi lakkhaṇasampannaūrutāya lakkhaṇūruyā sammatto matto pamatto ummatto viya kiñci kāraṇaṃ nappajānāmīti vadati. Atha vā accaṅkusova nāgo ahampi sammatto lakkhaṇūruyā kiñci tato virāgakāraṇaṃ nappajānāmi. Kasmā? Yasmā tena nāgena viya jitaṃ me tuttatomaraṃ, na kassaci vadato vacanaṃ ādiyāmi.

    ตยิ เคธิตจิโตฺตสฺมีติ ภเทฺท ลกฺขณูรุ ตยิ พทฺธจิโตฺตสฺมิฯ เคธิตจิโตฺตติ วา เคธํ อชฺฌุเปตจิโตฺตฯ จิตฺตํ วิปริณามิตนฺติ ปกติํ ชหิตฺวา ฐิตํฯ ปฎิคนฺตุํ น สโกฺกมีติ นิวตฺติตุํ น สโกฺกมิฯ วงฺกฆโสฺตว อมฺพุโชติ พฬิสํ คิลิตฺวา ฐิตมโจฺฉ วิยฯ ‘‘ฆโส’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ

    Tayi gedhitacittosmīti bhadde lakkhaṇūru tayi baddhacittosmi. Gedhitacittoti vā gedhaṃ ajjhupetacitto. Cittaṃ vipariṇāmitanti pakatiṃ jahitvā ṭhitaṃ. Paṭigantuṃ na sakkomīti nivattituṃ na sakkomi. Vaṅkaghastova ambujoti baḷisaṃ gilitvā ṭhitamaccho viya. ‘‘Ghaso’’tipi pāṭho, ayamevattho.

    วามูรูติ วามากาเรน สณฺฐิตอูรุ, กทลิกฺขนฺธสทิสอูรูติ วา อโตฺถฯ สชาติ อาลิงฺคฯ มนฺทโลจเนติ อิตฺถิโย น ติขิณํ นิชฺฌายนฺติ มนฺทํ อาโลเจนฺติ โอโลเกนฺติ, ตสฺมา ‘‘มนฺทโลจนา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปลิสฺสชาติ สพฺพโตภาเคน อาลิงฺคฯ เอตํ เม อภิปตฺถิตนฺติ เอตํ มยา อภิณฺหํ ปตฺถิตํฯ

    Vāmūrūti vāmākārena saṇṭhitaūru, kadalikkhandhasadisaūrūti vā attho. Sajāti āliṅga. Mandalocaneti itthiyo na tikhiṇaṃ nijjhāyanti mandaṃ ālocenti olokenti, tasmā ‘‘mandalocanā’’ti vuccanti. Palissajāti sabbatobhāgena āliṅga. Etaṃ me abhipatthitanti etaṃ mayā abhiṇhaṃ patthitaṃ.

    อปฺปโก วต เม สโนฺตติ ปกติยาว มโนฺท สมาโนฯ เวลฺลิตเกสิยาติ เกสา มุญฺจิตฺวา ปิฎฺฐิยํ วิสฺสฎฺฐกาเล สโปฺป วิย เวลฺลนฺตา คจฺฉนฺตา อสฺสาติ เวลฺลิตเกสี, ตสฺสา เวลฺลิตเกสิยาฯ อเนกภาโว สมุปฺปาทีติ อเนกวิโธ ชาโตฯ อเนกภาโคติ วา ปาโฐฯ อรหเนฺตว ทกฺขิณาติ อรหนฺตมฺหิ ทินฺนทานํ วิย นานปฺปการโต ปภิโนฺนฯ

    Appako vata me santoti pakatiyāva mando samāno. Vellitakesiyāti kesā muñcitvā piṭṭhiyaṃ vissaṭṭhakāle sappo viya vellantā gacchantā assāti vellitakesī, tassā vellitakesiyā. Anekabhāvo samuppādīti anekavidho jāto. Anekabhāgoti vā pāṭho. Arahanteva dakkhiṇāti arahantamhi dinnadānaṃ viya nānappakārato pabhinno.

    ยํ เม อตฺถิ กตํ ปุญฺญนฺติ ยํ มยา กตํ ปุญฺญมตฺถิฯ อรหเนฺตสุ ตาทิสูติ ตาทิลกฺขณปฺปเตฺตสุ อรหเนฺตสุฯ ตยา สทฺธิํ วิปจฺจตนฺติ สพฺพํ ตยา สทฺธิเมว วิปากํ เทตุฯ

    Yaṃ me atthi kataṃ puññanti yaṃ mayā kataṃ puññamatthi. Arahantesu tādisūti tādilakkhaṇappattesu arahantesu. Tayā saddhiṃ vipaccatanti sabbaṃ tayā saddhimeva vipākaṃ detu.

    เอโกทีติ เอกีภาวํ คโตฯ นิปโก สโตติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปญฺญา, ตาย สมนฺนาคโตติ นิปโกฯ สติยา สมนฺนาคตตฺตา สโตฯ อมตํ มุนิ ชิคีสาโนติ ยถา โส พุทฺธมุนิ อมตํ นิพฺพานํ ชิคีสติ ปริเยสติ, เอวํ ตํ อหํ สูริยวจฺฉเส ชิคีสามิ ปริเยสามิฯ ยถา วา โส อมตํ ชิคีสาโน เอสโนฺต คเวสโนฺต วิจรติ, เอวาหํ ตํ เอสโนฺต คเวสโนฺต วิจรามีติปิ อโตฺถฯ

    Ekodīti ekībhāvaṃ gato. Nipako satoti nepakkaṃ vuccati paññā, tāya samannāgatoti nipako. Satiyā samannāgatattā sato. Amataṃ muni jigīsānoti yathā so buddhamuni amataṃ nibbānaṃ jigīsati pariyesati, evaṃ taṃ ahaṃ sūriyavacchase jigīsāmi pariyesāmi. Yathā vā so amataṃ jigīsāno esanto gavesanto vicarati, evāhaṃ taṃ esanto gavesanto vicarāmītipi attho.

    ยถาปิ มุนิ นเนฺทยฺย, ปตฺวา สโมฺพธิมุตฺตมนฺติ ยถา พุทฺธมุนิ โพธิปลฺลเงฺก นิสิโนฺน สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปตฺวา นเนฺทยฺย โตเสยฺยฯ เอวํ นเนฺทยฺยนฺติ เอวเมว อหมฺปิ ตยา มิสฺสีภาวํ คโต นเนฺทยฺยํ, ปีติโสมนสฺสชาโต ภเวยฺยนฺติ วทติฯ

    Yathāpi muni nandeyya, patvā sambodhimuttamanti yathā buddhamuni bodhipallaṅke nisinno sabbaññutaññāṇaṃ patvā nandeyya toseyya. Evaṃ nandeyyanti evameva ahampi tayā missībhāvaṃ gato nandeyyaṃ, pītisomanassajāto bhaveyyanti vadati.

    ตาหํ ภเทฺท วเรยฺยาเหติ อเหติ อามนฺตนํ, อเห ภเทฺท สูริยวจฺฉเส, สเกฺกน เทวานมิเนฺทน ‘‘กิํ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวรชฺชํ คณฺหสิ, สุริยวจฺฉส’’นฺติ, เอวํ วเร ทิเนฺน เทวรชฺชํ ปหาย ‘‘สูริยวจฺฉสํ คณฺหามี’’ติ เอวํ ตํ อหํ วเรยฺยํ อิเจฺฉยฺยํ คเณฺหยฺยนฺติ อโตฺถฯ

    Tāhaṃ bhadde vareyyāheti aheti āmantanaṃ, ahe bhadde sūriyavacchase, sakkena devānamindena ‘‘kiṃ dvīsu devalokesu devarajjaṃ gaṇhasi, suriyavacchasa’’nti, evaṃ vare dinne devarajjaṃ pahāya ‘‘sūriyavacchasaṃ gaṇhāmī’’ti evaṃ taṃ ahaṃ vareyyaṃ iccheyyaṃ gaṇheyyanti attho.

    สาลํว น จิรํ ผุลฺลนฺติ ตว ปิตุ นครทฺวาเร นจิรํ ปุปฺผิโต สาโล อตฺถิฯ โส อติวิย มโนหโรฯ ตํ นจิรํ ผุลฺลสาลํ วิยฯ ปิตรํ เต สุเมธเสติ อติสสฺสิรีกํ ตว ปิตรํ วนฺทมาโน นมสฺสามิ นโม กโรมิฯ ยสฺสาเสตาทิสี ปชาติ ยสฺส อาสิ เอตาทิสี ธีตาฯ

    Sālaṃva na ciraṃ phullanti tava pitu nagaradvāre naciraṃ pupphito sālo atthi. So ativiya manoharo. Taṃ naciraṃ phullasālaṃ viya. Pitaraṃ te sumedhaseti atisassirīkaṃ tava pitaraṃ vandamāno namassāmi namo karomi. Yassāsetādisī pajāti yassa āsi etādisī dhītā.

    ๓๔๙. สํสนฺทตีติ กสฺมา คีตสทฺทสฺส เจว วีณาสทฺทสฺส จ วณฺณํ กเถสิ? กิํ ตตฺถ ภควโต สาราโค อตฺถีติ? นตฺถิฯ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก ภควา เอตาทิเสสุ ฐาเนสุ, เกวลํ อิฎฺฐานิฎฺฐํ ชานาติ, น ตตฺถ รชฺชติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สํวิชฺชติ โข, อาวุโส, ภควโต จกฺขุ, ปสฺสติ ภควา จกฺขุนา รูปํ, ฉนฺทราโค ภควโต นตฺถิ, สุวิมุตฺตจิโตฺต ภควาฯ สํวิชฺชติ โข, อาวุโส, ภควโต โสต’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๓๒)ฯ สเจ ปน วณฺณํ น กเถยฺย, ปญฺจสิโข ‘‘โอกาโส เม กโต’’ติ น ชาเนยฺยฯ อถ สโกฺก ‘‘ภควตา ปญฺจสิขสฺส โอกาโส น กโต’’ติ เทวตา คเหตฺวา ตโตว ปฎินิวเตฺตยฺย, ตโต มหาชานิโย ภเวยฺยฯ วเณฺณ ปน กถิเต ‘‘กโต ภควตา ปญฺจสิขสฺส โอกาโส’’ติ เทวตาหิ สทฺธิํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนาวสาเน อสีติยา เทวตาสหเสฺสหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิสฺสตีติ ญตฺวา วณฺณํ กเถสิฯ

    349.Saṃsandatīti kasmā gītasaddassa ceva vīṇāsaddassa ca vaṇṇaṃ kathesi? Kiṃ tattha bhagavato sārāgo atthīti? Natthi. Chaḷaṅgupekkhāya upekkhako bhagavā etādisesu ṭhānesu, kevalaṃ iṭṭhāniṭṭhaṃ jānāti, na tattha rajjati. Vuttampi cetaṃ ‘‘saṃvijjati kho, āvuso, bhagavato cakkhu, passati bhagavā cakkhunā rūpaṃ, chandarāgo bhagavato natthi, suvimuttacitto bhagavā. Saṃvijjati kho, āvuso, bhagavato sota’’ntiādi (saṃ. ni. 4.232). Sace pana vaṇṇaṃ na katheyya, pañcasikho ‘‘okāso me kato’’ti na jāneyya. Atha sakko ‘‘bhagavatā pañcasikhassa okāso na kato’’ti devatā gahetvā tatova paṭinivatteyya, tato mahājāniyo bhaveyya. Vaṇṇe pana kathite ‘‘kato bhagavatā pañcasikhassa okāso’’ti devatāhi saddhiṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchitvā vissajjanāvasāne asītiyā devatāsahassehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhahissatīti ñatvā vaṇṇaṃ kathesi.

    ตตฺถ กทา สํยูฬฺหาติ กทา คนฺถิตา ปิณฺฑิตาฯ เตน โข ปนาหํ, ภเนฺต, สมเยนาติ เตน สมเยน ตสฺมิํ ตุมฺหากํ สโมฺพธิปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย อฎฺฐเม สตฺตาเหฯ ภทฺทา นาม สูริยวจฺฉสาติ นามโต ภทฺทา สรีรสมฺปตฺติยา สูริยวจฺฉสาฯ ภคินีติ โวหารวจนเมตํ, เทวธีตาติ อโตฺถฯ ปรกามินีติ ปรํ กาเมติ อภิกงฺขติฯ

    Tattha kadā saṃyūḷhāti kadā ganthitā piṇḍitā. Tena kho panāhaṃ, bhante, samayenāti tena samayena tasmiṃ tumhākaṃ sambodhippattito paṭṭhāya aṭṭhame sattāhe. Bhaddā nāma sūriyavacchasāti nāmato bhaddā sarīrasampattiyā sūriyavacchasā. Bhaginīti vohāravacanametaṃ, devadhītāti attho. Parakāminīti paraṃ kāmeti abhikaṅkhati.

    อุปนจฺจนฺติยาติ นจฺจมานายฯ สา กิร เอกสฺมิํ สมเย จาตุมหาราชิกเทเวหิ สทฺธิํ สกฺกสฺส เทวราชสฺส นจฺจํ ทสฺสนตฺถาย คตา, ตสฺมิญฺจ ขเณ สโกฺก ตถาคตสฺส อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ คุเณ ปยิรุทาหาสิฯ เอวํ ตสฺมิํ ทิวเส คนฺตฺวา นจฺจนฺตี อโสฺสสิฯ

    Upanaccantiyāti naccamānāya. Sā kira ekasmiṃ samaye cātumahārājikadevehi saddhiṃ sakkassa devarājassa naccaṃ dassanatthāya gatā, tasmiñca khaṇe sakko tathāgatassa aṭṭha yathābhucce guṇe payirudāhāsi. Evaṃ tasmiṃ divase gantvā naccantī assosi.

    สกฺกูปสงฺกมวณฺณนา

    Sakkūpasaṅkamavaṇṇanā

    ๓๕๐. ปฎิสโมฺมทตีติ ‘‘สํสนฺทติ โข เต’’ติอาทีนิ วทโนฺต ภควา สโมฺมทติ, ปญฺจสิโข ปฎิสโมฺมทติฯ คาถา จ ภาสโนฺต ปญฺจสิโข สโมฺมทติ, ภควา ปฎิสโมฺมทติฯ อามเนฺตสีติ ชานาเปสิฯ ตสฺส กิเรวํ อโหสิ ‘‘อยํ ปญฺจสิโข มยา มม กเมฺมน เปสิโต อตฺตโน กมฺมํ กโรติฯ เอวรูปสฺส สตฺถุ สนฺติเก ฐตฺวา กามคุณูปสญฺหิตํ อนนุจฺฉวิกํ กเถสิ, นฎา นาม นิลฺลชฺชา โหนฺติ, กเถโนฺต วิปฺปการมฺปิ ทเสฺสยฺย, หนฺท นํ มม กมฺมํ ชานาเปมี’’ติ จิเนฺตตฺวา อามเนฺตสิฯ

    350.Paṭisammodatīti ‘‘saṃsandati kho te’’tiādīni vadanto bhagavā sammodati, pañcasikho paṭisammodati. Gāthā ca bhāsanto pañcasikho sammodati, bhagavā paṭisammodati. Āmantesīti jānāpesi. Tassa kirevaṃ ahosi ‘‘ayaṃ pañcasikho mayā mama kammena pesito attano kammaṃ karoti. Evarūpassa satthu santike ṭhatvā kāmaguṇūpasañhitaṃ ananucchavikaṃ kathesi, naṭā nāma nillajjā honti, kathento vippakārampi dasseyya, handa naṃ mama kammaṃ jānāpemī’’ti cintetvā āmantesi.

    ๓๕๑. เอวญฺจ ปน ตถาคตาติ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ฐปิตวจนํฯ อภิวทนฺตีติ อภิวาทนสมฺปฎิจฺฉเนน วฑฺฒิตวจเนน วทนฺติฯ อภิวทิโตติ วฑฺฒิตวจเนน วุโตฺตฯ

    351.Evañcapana tathāgatāti dhammasaṅgāhakattherehi ṭhapitavacanaṃ. Abhivadantīti abhivādanasampaṭicchanena vaḍḍhitavacanena vadanti. Abhivaditoti vaḍḍhitavacanena vutto.

    อุรุนฺทา สมปาทีติ มหนฺตา วิวฎา อโหสิ, อนฺธกาโร คุหายํ อนฺตรธายิฯ อาโลโก อุทปาทีติ โย ปกติยา คุหายํ อนฺธกาโร, โส อนฺตรหิโต, อาโลโก ชาโตฯ สพฺพเมตํ ธมฺมสงฺคาหกานํ วจนํฯ

    Urundā samapādīti mahantā vivaṭā ahosi, andhakāro guhāyaṃ antaradhāyi. Āloko udapādīti yo pakatiyā guhāyaṃ andhakāro, so antarahito, āloko jāto. Sabbametaṃ dhammasaṅgāhakānaṃ vacanaṃ.

    ๓๕๒. จิรปฎิกาหํ, ภเนฺตติ จิรโต อหํ, จิรโต ปฎฺฐายาหํ ทสฺสนกาโมติ อโตฺถฯ เกหิจิ เกหิจิ กิจฺจกรณีเยหีติ เทวานํ ธีตา จ ปุตฺตา จ อเงฺก นิพฺพตฺตนฺติ, ปาทปริจาริกา อิตฺถิโย สยเน นิพฺพตฺตนฺติ, ตาสํ มณฺฑนปสาธนการิกา เทวตา สยนํ ปริวาเรตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ, เวยฺยาวจฺจกรา อโนฺตวิมาเน นิพฺพตฺตนฺติ, เอเตสํ อตฺถาย อฑฺฑกรณํ นาม นตฺถิฯ เย ปน สีมนฺตเร นิพฺพตฺตนฺติ, เต ‘‘ตว สนฺตกา, มม สนฺตกา’’ติ นิเจฺฉตุํ อสโกฺกนฺตา อฑฺฑํ กโรนฺติ, สกฺกํ เทวราชานํ ปุจฺฉนฺติฯ โส ‘‘ยสฺส วิมานํ อาสนฺนตรํ, ตสฺส สนฺตกา’’ติ วทติฯ สเจ เทฺวปิ สมฎฺฐาเน โหนฺติ, ‘‘ยสฺส วิมานํ โอโลเกนฺตี ฐิตา, ตสฺส สนฺตกา’’ติ วทติฯ สเจ เอกมฺปิ น โอโลเกติ, ตํ อุภินฺนํ กลหุปเจฺฉทนตฺถํ อตฺตโน สนฺตกํ กโรติฯ กีฬาทีนิปิ กิจฺจานิ กรณียาเนวฯ เอวรูปานิ ตานิ กรณียานิ สนฺธาย ‘‘เกหิจิ เกหิจิ กิจฺจกรณีเยหี’’ติ อาหฯ

    352.Cirapaṭikāhaṃ, bhanteti cirato ahaṃ, cirato paṭṭhāyāhaṃ dassanakāmoti attho. Kehici kehici kiccakaraṇīyehīti devānaṃ dhītā ca puttā ca aṅke nibbattanti, pādaparicārikā itthiyo sayane nibbattanti, tāsaṃ maṇḍanapasādhanakārikā devatā sayanaṃ parivāretvā nibbattanti, veyyāvaccakarā antovimāne nibbattanti, etesaṃ atthāya aḍḍakaraṇaṃ nāma natthi. Ye pana sīmantare nibbattanti, te ‘‘tava santakā, mama santakā’’ti nicchetuṃ asakkontā aḍḍaṃ karonti, sakkaṃ devarājānaṃ pucchanti. So ‘‘yassa vimānaṃ āsannataraṃ, tassa santakā’’ti vadati. Sace dvepi samaṭṭhāne honti, ‘‘yassa vimānaṃ olokentī ṭhitā, tassa santakā’’ti vadati. Sace ekampi na oloketi, taṃ ubhinnaṃ kalahupacchedanatthaṃ attano santakaṃ karoti. Kīḷādīnipi kiccāni karaṇīyāneva. Evarūpāni tāni karaṇīyāni sandhāya ‘‘kehici kehici kiccakaraṇīyehī’’ti āha.

    สลฬาคารเกติ สลฬมยคนฺธกุฎิยํฯ อญฺญตเรน สมาธินาติ ตทา กิร ภควา สกฺกเสฺสว อปริปากคตํ ญาณํ วิทิตฺวา โอกาสํ อกาเรตุกาโม ผลสมาปตฺติวิหาเรน นิสีทิฯ ตํ เอส อชานโนฺต ‘‘อญฺญตเรน สมาธินา’’ติ อาหฯ ภูชติ จ นามาติ ภูชตีติ ตสฺสา นามํฯ ปริจาริกาติ ปาทปริจาริกา เทวธีตาฯ สา กิร เทฺว ผลานิ ปตฺตา, เตนสฺสา เทวโลเก อภิรติเยว นตฺถิฯ นิจฺจํ ภควโต อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา อญฺชลิํ สิรสิ ฐเปตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมานา ติฎฺฐติฯ เนมิสเทฺทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโตติ ‘‘สมาปโนฺน สทฺทํ สุณาตี’’ติ โน วต เร วตฺตเพฺพ, นนุ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ‘‘อปิจาหํ อายสฺมโต จกฺกเนมิสเทฺทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโต’’ติ ภณตีติฯ ติฎฺฐตุ เนมิสโทฺท, สมาปโนฺน นาม อโนฺตสมาปตฺติยํ กณฺณมูเล ธมมานสฺส สงฺขยุคฬสฺสาปิ อสนิสนฺนิปาตสฺสาปิ สทฺทํ น สุณาติฯ ภควา ปน ‘‘เอตฺตกํ กาลํ สกฺกสฺส โอกาสํ น กริสฺสามี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กาลวเสน ผลสมาปตฺติํ สมาปโนฺนฯ สโกฺก ‘‘น ทานิ เม สตฺถา โอกาสํ กโรตี’’ติ คนฺธกุฎิํ ปทกฺขิณํ กตฺวา รถํ นิวเตฺตตฺวา เทวโลกาภิมุขํ เปเสสิฯ คนฺธกุฎิปริเวณํ รถสเทฺทน สโมหิตํ ปญฺจงฺคิกตูริยํ วิย อโหสิฯ ภควโต ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺส รถสเทฺทเนว ปฐมาวชฺชนํ อุปฺปชฺชิ, ตสฺมา เอวมาหฯ

    Salaḷāgāraketi salaḷamayagandhakuṭiyaṃ. Aññatarena samādhināti tadā kira bhagavā sakkasseva aparipākagataṃ ñāṇaṃ viditvā okāsaṃ akāretukāmo phalasamāpattivihārena nisīdi. Taṃ esa ajānanto ‘‘aññatarena samādhinā’’ti āha. Bhūjati ca nāmāti bhūjatīti tassā nāmaṃ. Paricārikāti pādaparicārikā devadhītā. Sā kira dve phalāni pattā, tenassā devaloke abhiratiyeva natthi. Niccaṃ bhagavato upaṭṭhānaṃ āgantvā añjaliṃ sirasi ṭhapetvā bhagavantaṃ namassamānā tiṭṭhati. Nemisaddena tamhā samādhimhā vuṭṭhitoti ‘‘samāpanno saddaṃ suṇātī’’ti no vata re vattabbe, nanu bhagavā sakkassa devānamindassa ‘‘apicāhaṃ āyasmato cakkanemisaddena tamhā samādhimhā vuṭṭhito’’ti bhaṇatīti. Tiṭṭhatu nemisaddo, samāpanno nāma antosamāpattiyaṃ kaṇṇamūle dhamamānassa saṅkhayugaḷassāpi asanisannipātassāpi saddaṃ na suṇāti. Bhagavā pana ‘‘ettakaṃ kālaṃ sakkassa okāsaṃ na karissāmī’’ti paricchinditvā kālavasena phalasamāpattiṃ samāpanno. Sakko ‘‘na dāni me satthā okāsaṃ karotī’’ti gandhakuṭiṃ padakkhiṇaṃ katvā rathaṃ nivattetvā devalokābhimukhaṃ pesesi. Gandhakuṭipariveṇaṃ rathasaddena samohitaṃ pañcaṅgikatūriyaṃ viya ahosi. Bhagavato yathāparicchinnakālavasena samāpattito vuṭṭhitassa rathasaddeneva paṭhamāvajjanaṃ uppajji, tasmā evamāha.

    โคปกวตฺถุวณฺณนา

    Gopakavatthuvaṇṇanā

    ๓๕๓. สีเลสุ ปริปูรการินีติ ปญฺจสุ สีเลสุ ปริปูรการินีฯ อิตฺถิตฺตํ วิราเชตฺวาติ อิตฺถิตฺตํ นาม อลํ, น หิ อิตฺถิเตฺต ฐตฺวา จกฺกวตฺติสิริํ, น สกฺกมารพฺรหฺมสิริโย ปจฺจนุภวิตุํ, น ปเจฺจกโพธิํ, น สมฺมาสโมฺพธิํ คนฺตุํ สกฺกาติ เอวํ อิตฺถิตฺตํ วิราเชติ นามฯ มหนฺตมิทํ ปุริสตฺตํ นาม เสฎฺฐํ อุตฺตมํ, เอตฺถ ฐตฺวา สกฺกา เอตา สมฺปตฺติโย ปาปุณิตุนฺติ เอวํ ปน ปุริสตฺตํ ภาเวติ นามฯ สาปิ เอวมกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อิตฺถิตฺตํ วิราเชตฺวา ปุริสตฺตํ ภาเวตฺวา’’ติฯ หีนํ คนฺธพฺพกายนฺติ หีนํ ลามกํ คนฺธพฺพนิกายํฯ กสฺมา ปน เต ปริสุทฺธสีลา ตตฺถ อุปฺปนฺนาติ? ปุพฺพนิกนฺติยาฯ ปุเพฺพปิ กิร เนสํ เอตเทว วสิตฎฺฐานํ, ตสฺมา นิกนฺติวเสน ตตฺถ อุปฺปนฺนาฯ อุปฎฺฐานนฺติ อุปฎฺฐานสาลํฯ ปาริจริยนฺติ ปริจรณภาวํฯ คีตวาทิเตหิ อเมฺห ปริจริสฺสามาติ อาคจฺฉนฺติฯ

    353.Sīlesu paripūrakārinīti pañcasu sīlesu paripūrakārinī. Itthittaṃ virājetvāti itthittaṃ nāma alaṃ, na hi itthitte ṭhatvā cakkavattisiriṃ, na sakkamārabrahmasiriyo paccanubhavituṃ, na paccekabodhiṃ, na sammāsambodhiṃ gantuṃ sakkāti evaṃ itthittaṃ virājeti nāma. Mahantamidaṃ purisattaṃ nāma seṭṭhaṃ uttamaṃ, ettha ṭhatvā sakkā etā sampattiyo pāpuṇitunti evaṃ pana purisattaṃ bhāveti nāma. Sāpi evamakāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘itthittaṃ virājetvā purisattaṃ bhāvetvā’’ti. Hīnaṃ gandhabbakāyanti hīnaṃ lāmakaṃ gandhabbanikāyaṃ. Kasmā pana te parisuddhasīlā tattha uppannāti? Pubbanikantiyā. Pubbepi kira nesaṃ etadeva vasitaṭṭhānaṃ, tasmā nikantivasena tattha uppannā. Upaṭṭhānanti upaṭṭhānasālaṃ. Pāricariyanti paricaraṇabhāvaṃ. Gītavāditehi amhe paricarissāmāti āgacchanti.

    ปฎิโจเทสีติ สาเรสิฯ โส กิร เต ทิสฺวา ‘‘อิเม เทวปุตฺตา อติวิย วิโรเจนฺติ อติวณฺณวโนฺต, กิํ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อาคตา’’ติ อาวชฺชโนฺต ‘‘ภิกฺขู อเหสุ’’นฺติ อทฺทสฯ ตโต ‘‘ภิกฺขู โหนฺตุ, สีเลสุ ปริปูรการิโน’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘ปริปูรการิโน’’ติ อทฺทสฯ ‘‘ปริปูรการิโน โหนฺตุ, อโญฺญ คุโณ อตฺถิ นตฺถี’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘ฌานลาภิโน’’ติ อทฺทสฯ ‘‘ฌานลาภิโน โหนฺตุ, กุหิํ วาสิกา’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘มยฺหํว กุลูปกา’’ติ อทฺทสฯ ปริสุทฺธสีลา นาม ฉสุ เทวโลเกสุ ยตฺถิจฺฉนฺติ, ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺติฯ อิเม ปน อุปริเทวโลเก จ น นิพฺพตฺตาฯ ฌานลาภิโน นาม พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อิเม จ พฺรหฺมโลเก น นิพฺพตฺตาฯ อหํ ปน เอเตสํ โอวาเท ฐตฺวา เทวโลกสามิกสฺส สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปลฺลเงฺก ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต, อิเม หีเน คนฺธพฺพกาเย นิพฺพตฺตาฯ อฎฺฐิเวธปุคฺคลา นาเมเต วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวา คาฬฺหํ วิชฺฌิตพฺพาติ จิเนฺตตฺวา กุโตมุขา นามาติอาทีหิ วจเนหิ ปฎิโจเทสิฯ

    Paṭicodesīti sāresi. So kira te disvā ‘‘ime devaputtā ativiya virocenti ativaṇṇavanto, kiṃ nu kho kammaṃ katvā āgatā’’ti āvajjanto ‘‘bhikkhū ahesu’’nti addasa. Tato ‘‘bhikkhū hontu, sīlesu paripūrakārino’’ti upadhārento ‘‘paripūrakārino’’ti addasa. ‘‘Paripūrakārino hontu, añño guṇo atthi natthī’’ti upadhārento ‘‘jhānalābhino’’ti addasa. ‘‘Jhānalābhino hontu, kuhiṃ vāsikā’’ti upadhārento ‘‘mayhaṃva kulūpakā’’ti addasa. Parisuddhasīlā nāma chasu devalokesu yatthicchanti, tattha nibbattanti. Ime pana uparidevaloke ca na nibbattā. Jhānalābhino nāma brahmaloke nibbattanti, ime ca brahmaloke na nibbattā. Ahaṃ pana etesaṃ ovāde ṭhatvā devalokasāmikassa sakkassa devānamindassa pallaṅke putto hutvā nibbatto, ime hīne gandhabbakāye nibbattā. Aṭṭhivedhapuggalā nāmete vaṭṭetvā vaṭṭetvā gāḷhaṃ vijjhitabbāti cintetvā kutomukhā nāmātiādīhi vacanehi paṭicodesi.

    ตตฺถ กุโตมุขาติ ภควติ อภิมุเข ธมฺมํ เทเสเนฺต ตุเมฺห กุโตมุขา กิํ อญฺญา วิหิตา อิโต จิโต จ โอโลกยมานา อุทาหุ นิทฺทายมานา? ทุทฺทิฎฺฐรูปนฺติ ทุทฺทิฎฺฐสภาวํ ทฎฺฐุํ อยุตฺตํ ฯ สหธมฺมิเกติ เอกสฺส สตฺถุ สาสเน สมาจิณฺณธเมฺม กตปุเญฺญฯ เตสํ ภเนฺตติ เตสํ โคปเกน เทวปุเตฺตน เอวํ วตฺวา ปุน ‘‘อโห ตุเมฺห นิลฺลชฺชา อหิริกา’’ติอาทีหิ วจเนหิ ปฎิโจทิตานํ เทฺว เทวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม สติํ ปฎิลภิํสุฯ

    Tattha kutomukhāti bhagavati abhimukhe dhammaṃ desente tumhe kutomukhā kiṃ aññā vihitā ito cito ca olokayamānā udāhu niddāyamānā? Duddiṭṭharūpanti duddiṭṭhasabhāvaṃ daṭṭhuṃ ayuttaṃ . Sahadhammiketi ekassa satthu sāsane samāciṇṇadhamme katapuññe. Tesaṃ bhanteti tesaṃ gopakena devaputtena evaṃ vatvā puna ‘‘aho tumhe nillajjā ahirikā’’tiādīhi vacanehi paṭicoditānaṃ dve devā diṭṭheva dhamme satiṃ paṭilabhiṃsu.

    กายํ พฺรหฺมปุโรหิตนฺติ เต กิร จินฺตยิํสุ – ‘‘นเฎหิ นาม นจฺจเนฺตหิ คายเนฺตหิ วาเทเนฺตหิ อาคนฺตฺวา ทาโย นาม ลภิตโพฺพ อสฺส, อยํ ปน อมฺหากํ ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย ปกฺขิตฺตโลณํ อุทฺธนํ วิย ตฎตฎายเตว, กิํ นุ โข อิท’’นฺติ อาวชฺชนฺตา อตฺตโน สมณภาวํ ปริสุทฺธสีลตํ ฌานลาภิตํ ตเสฺสว กุลูปกภาวญฺจ ทิสฺวา ‘‘ปริสุทฺธสีลา นาม ฉสุ เทวโลเกสุ ยถารุจิเต ฐาเน นิพฺพตฺตนฺติ, ฌานลาภิโน พฺรหฺมโลเกฯ มยํ อุปริเทวโลเกปิ พฺรหฺมโลเกปิ นิพฺพตฺติตุํ นาสกฺขิมฺหฯ อมฺหากํ โอวาเท ฐตฺวา อยํ อิตฺถิกา อุปริ นิพฺพตฺตา, มยํ ภิกฺขู สมานา ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา หีเน คนฺธพฺพกาเย นิพฺพตฺตาฯ เตน โน อยํ เอวํ นิคฺคณฺหาตี’’ติ ญตฺวา ตสฺส กถํ สุณนฺตาเยว เตสุ เทฺว ชนา ปฐมชฺฌานสติํ ปฎิลภิตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตา อนาคามิผเลเยว ปติฎฺฐหิํสุฯ อถ เนสํ โส ปริโตฺต กามาวจรตฺตภาโว ธาเรตุํ นาสกฺขิฯ ตสฺมา ตาวเทว จวิตฺวา พฺรหฺมปุโรหิเตสุ นิพฺพตฺตาฯ โส จ เนสํ กาโย ตตฺถ ฐิตานํเยว นิพฺพโตฺตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตสํ, ภเนฺต, โคปเกน เทวปุเตฺตน ปฎิโจทิตานํ เทฺว เทวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม สติํ ปฎิลภิํสุ กายํ พฺรหฺมปุโรหิต’’นฺติฯ

    Kāyaṃ brahmapurohitanti te kira cintayiṃsu – ‘‘naṭehi nāma naccantehi gāyantehi vādentehi āgantvā dāyo nāma labhitabbo assa, ayaṃ pana amhākaṃ diṭṭhakālato paṭṭhāya pakkhittaloṇaṃ uddhanaṃ viya taṭataṭāyateva, kiṃ nu kho ida’’nti āvajjantā attano samaṇabhāvaṃ parisuddhasīlataṃ jhānalābhitaṃ tasseva kulūpakabhāvañca disvā ‘‘parisuddhasīlā nāma chasu devalokesu yathārucite ṭhāne nibbattanti, jhānalābhino brahmaloke. Mayaṃ uparidevalokepi brahmalokepi nibbattituṃ nāsakkhimha. Amhākaṃ ovāde ṭhatvā ayaṃ itthikā upari nibbattā, mayaṃ bhikkhū samānā bhagavati brahmacariyaṃ caritvā hīne gandhabbakāye nibbattā. Tena no ayaṃ evaṃ niggaṇhātī’’ti ñatvā tassa kathaṃ suṇantāyeva tesu dve janā paṭhamajjhānasatiṃ paṭilabhitvā jhānaṃ pādakaṃ katvā saṅkhāre sammasantā anāgāmiphaleyeva patiṭṭhahiṃsu. Atha nesaṃ so paritto kāmāvacarattabhāvo dhāretuṃ nāsakkhi. Tasmā tāvadeva cavitvā brahmapurohitesu nibbattā. So ca nesaṃ kāyo tattha ṭhitānaṃyeva nibbatto. Tena vuttaṃ – ‘‘tesaṃ, bhante, gopakena devaputtena paṭicoditānaṃ dve devā diṭṭheva dhamme satiṃ paṭilabhiṃsu kāyaṃ brahmapurohita’’nti.

    ตตฺถ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ตสฺมิเญฺญว อตฺตภาเว ฌานสติํ ปฎิลภิํสุฯ ตเตฺถว ฐตฺวา จุตา ปน กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ พฺรหฺมปุโรหิตสรีรํ ปฎิลภิํสูติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอโก ปน เทโวติ เอโก เทวปุโตฺต นิกนฺติํ ฉินฺทิตุํ อสโกฺกโนฺต กาเม อชฺฌวสิ, ตเตฺถว อาวาสิโก อโหสิฯ

    Tattha diṭṭheva dhammeti tasmiññeva attabhāve jhānasatiṃ paṭilabhiṃsu. Tattheva ṭhatvā cutā pana kāyaṃ brahmapurohitaṃ brahmapurohitasarīraṃ paṭilabhiṃsūti evamattho daṭṭhabbo. Eko pana devoti eko devaputto nikantiṃ chindituṃ asakkonto kāme ajjhavasi, tattheva āvāsiko ahosi.

    ๓๕๔. สงฺฆญฺจุปฎฺฐาสินฺติ สงฺฆญฺจ อุปฎฺฐาสิํฯ

    354.Saṅghañcupaṭṭhāsinti saṅghañca upaṭṭhāsiṃ.

    สุธมฺมตายาติ ธมฺมสฺส สุนฺทรภาเวนฯ ติทิวูปปโนฺนติ ติทิเว ติทสปุเร อุปปโนฺนฯ คนฺธพฺพกายูปคเต วสีเนติ คนฺธพฺพกายํ อาวาสิโก หุตฺวา อุปคเตฯ เย จ มยํ ปุเพฺพ มนุสฺสภูตาติ เย ปุเพฺพ มนุสฺสภูตา มยํ อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐหิมฺหาติ อิมินา สทฺธิํ โยเชตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Sudhammatāyāti dhammassa sundarabhāvena. Tidivūpapannoti tidive tidasapure upapanno. Gandhabbakāyūpagate vasīneti gandhabbakāyaṃ āvāsiko hutvā upagate. Ye ca mayaṃ pubbe manussabhūtāti ye pubbe manussabhūtā mayaṃ annena pānena upaṭṭhahimhāti iminā saddhiṃ yojetvā attho veditabbo.

    ปาทูปสงฺคยฺหาติ ปาเท อุปสงฺคยฺห ปาทโธวนปาทมกฺขนานุปฺปทาเนน ปูเชตฺวา เจว วนฺทิตฺวา จฯ สเก นิเวสเนติ อตฺตโน ฆเรฯ อิมสฺสาปิ ปทสฺส อุปฎฺฐหิมฺหาติ อิมินาว สมฺพโนฺธฯ

    Pādūpasaṅgayhāti pāde upasaṅgayha pādadhovanapādamakkhanānuppadānena pūjetvā ceva vanditvā ca. Sake nivesaneti attano ghare. Imassāpi padassa upaṭṭhahimhāti imināva sambandho.

    ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพติ อตฺตนาว เวทิตโพฺพฯ อริยาน สุภาสิตานีติ ตุเมฺหหิ วุจฺจมานานิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สุภาสิตานิฯ

    Paccattaṃ veditabboti attanāva veditabbo. Ariyāna subhāsitānīti tumhehi vuccamānāni buddhānaṃ bhagavantānaṃ subhāsitāni.

    ตุเมฺห ปน เสฎฺฐมุปาสมานาติ อุตฺตมํ พุทฺธํ ภควนฺตํ อุปาสมานา อนุตฺตเร พุทฺธสาสเน วาฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เสฎฺฐจริยํฯ ภวตูปปตฺตีติ ภวนฺตานํ อุปปตฺติฯ

    Tumhepana seṭṭhamupāsamānāti uttamaṃ buddhaṃ bhagavantaṃ upāsamānā anuttare buddhasāsane vā. Brahmacariyanti seṭṭhacariyaṃ. Bhavatūpapattīti bhavantānaṃ upapatti.

    อคาเร วสโต มยฺหนฺติ ฆรมเชฺฌ วสนฺตสฺส มยฺหํฯ

    Agāre vasato mayhanti gharamajjhe vasantassa mayhaṃ.

    สฺวชฺชาติ โส อชฺชฯ โคตมสาวเกนาติ อิธ โคปโก โคตมสาวโกติ วุโตฺตฯ สเมจฺจาติ สมาคนฺตฺวาฯ

    Svajjāti so ajja. Gotamasāvakenāti idha gopako gotamasāvakoti vutto. Sameccāti samāgantvā.

    หนฺท วิยายาม พฺยายามาติ หนฺท อุยฺยมาม พฺยายมามฯ มา โน มยํ ปรเปสฺสา อหุมฺหาติ โนติ นิปาตมตฺตํ, มา มยํ ปรสฺส เปสนการกาว อหุมฺหาติ อโตฺถฯ โคตมสาสนานีติ อิธ ปกติยา ปฎิวิทฺธํ ปฐมชฺฌานเมว โคตมสาสนานีติ วุตฺตํ, ตํ อนุสฺสรํ อนุสฺสริตฺวาติ อโตฺถฯ

    Handaviyāyāma byāyāmāti handa uyyamāma byāyamāma. Mā no mayaṃ parapessā ahumhāti noti nipātamattaṃ, mā mayaṃ parassa pesanakārakāva ahumhāti attho. Gotamasāsanānīti idha pakatiyā paṭividdhaṃ paṭhamajjhānameva gotamasāsanānīti vuttaṃ, taṃ anussaraṃ anussaritvāti attho.

    จิตฺตานิ วิราชยิตฺวาติ ปญฺจกามคุณิกจิตฺตานิ วิราชยิตฺวาฯ กาเมสุ อาทีนวนฺติ วิกฺขมฺภนวเสน ปฐมชฺฌาเนน กาเมสุ อาทีนวํ อทฺทสํสุ, สมุเจฺฉทวเสน ตติยมเคฺคนฯ กามสํโยชนพนฺธนานีติ กามสโญฺญชนานิ จ กามพนฺธนานิ จฯ ปาปิมโยคานีติ ปาปิมโต มารสฺส โยคภูตานิ, พนฺธนภูตานีติ อโตฺถฯ ทุรจฺจยานีติ ทุรติกฺกมานิฯ สอินฺทา เทวา สปชาปติกาติ อินฺทํ เชฎฺฐกํ กตฺวา อุปวิฎฺฐา สอินฺทา ปชาปติํ เทวราชานํ เชฎฺฐกํ กตฺวา อุปวิฎฺฐา สปชาปติกาฯ สภายุปวิฎฺฐาติ สภายํ อุปวิฎฺฐา, นิสินฺนาติ อโตฺถฯ

    Cittāni virājayitvāti pañcakāmaguṇikacittāni virājayitvā. Kāmesu ādīnavanti vikkhambhanavasena paṭhamajjhānena kāmesu ādīnavaṃ addasaṃsu, samucchedavasena tatiyamaggena. Kāmasaṃyojanabandhanānīti kāmasaññojanāni ca kāmabandhanāni ca. Pāpimayogānīti pāpimato mārassa yogabhūtāni, bandhanabhūtānīti attho. Duraccayānīti duratikkamāni. Saindā devā sapajāpatikāti indaṃ jeṭṭhakaṃ katvā upaviṭṭhā saindā pajāpatiṃ devarājānaṃ jeṭṭhakaṃ katvā upaviṭṭhā sapajāpatikā. Sabhāyupaviṭṭhāti sabhāyaṃ upaviṭṭhā, nisinnāti attho.

    วีราติ สูราฯ วิราคาติ วีตราคาฯ วิรชํ กโรนฺตาติ วิรชํ อนาคามิมคฺคํ กโรนฺตา อุปฺปาเทนฺตาฯ นาโคว สนฺนานิ คุณานีติ กามสโญฺญชนพนฺธนานิ เฉตฺวา เทเว ตาวติํเส อติกฺกมิํสุฯ สํเวคชาตสฺสาติ ชาตสํเวคสฺส สกฺกสฺสฯ

    Vīrāti sūrā. Virāgāti vītarāgā. Virajaṃ karontāti virajaṃ anāgāmimaggaṃ karontā uppādentā. Nāgova sannāni guṇānīti kāmasaññojanabandhanāni chetvā deve tāvatiṃse atikkamiṃsu. Saṃvegajātassāti jātasaṃvegassa sakkassa.

    กามาภิภูติ ทุวิธานมฺปิ กามานํ อภิภูฯ สติยา วิหีนาติ ฌานสติวิรหิตาฯ

    Kāmābhibhūti duvidhānampi kāmānaṃ abhibhū. Satiyā vihīnāti jhānasativirahitā.

    ติณฺณํ เตสนฺติ เตสุ ตีสุ ชเนสุฯ อาวสิเนตฺถ เอโกติ ตตฺถ หีเน กาเย เอโกเยว อาวาสิโก ชาโตฯ สโมฺพธิปถานุสาริโนติ อนาคามิมคฺคานุสาริโนฯ เทเวปิ หีเฬนฺตีติ เทฺว เทวโลเก หีเฬนฺตา อโธกโรนฺตา อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สมาหิตตฺตา อตฺตโน ปาทปํสุํ เทวตานํ มตฺถเก โอกิรนฺตา อากาเส อุปฺปติตฺวา คตาติฯ

    Tiṇṇaṃ tesanti tesu tīsu janesu. Āvasinettha ekoti tattha hīne kāye ekoyeva āvāsiko jāto. Sambodhipathānusārinoti anāgāmimaggānusārino. Devepi hīḷentīti dve devaloke hīḷentā adhokarontā upacārappanāsamādhīhi samāhitattā attano pādapaṃsuṃ devatānaṃ matthake okirantā ākāse uppatitvā gatāti.

    เอตาทิสี ธมฺมปฺปกาสเนตฺถาติ เอตฺถ สาสเน เอวรูปา ธมฺมปฺปกาสนา, ยาย สาวกา เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา โหนฺติฯ ตตฺถ กิํ กงฺขติ โกจิ สาวโกติ กิํ ตตฺถ เตสุ สาวเกสุ โกจิ เอกสาวโกปิ พุทฺธาทีสุ วา จาตุทฺทิสภาเว วา น กงฺขติ ‘‘สพฺพทิสาสุ อสชฺชมาโน อคยฺหมาโน วิหรตี’’ติฯ อิทานิ ภควโต วณฺณํ ภณโนฺต ‘‘นิติณฺณโอฆํ วิจิกิจฺฉฉินฺนํ, พุทฺธํ นมสฺสาม ชินํ ชนินฺท’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ วิจิกิจฺฉฉินฺนนฺติ ฉินฺนวิจิกิจฺฉํฯ ชนินฺทนฺติ สพฺพโลกุตฺตมํฯ

    Etādisī dhammappakāsanetthāti ettha sāsane evarūpā dhammappakāsanā, yāya sāvakā etehi guṇehi samannāgatā honti. Natattha kiṃ kaṅkhati koci sāvakoti kiṃ tattha tesu sāvakesu koci ekasāvakopi buddhādīsu vā cātuddisabhāve vā na kaṅkhati ‘‘sabbadisāsu asajjamāno agayhamāno viharatī’’ti. Idāni bhagavato vaṇṇaṃ bhaṇanto ‘‘nitiṇṇaoghaṃ vicikicchachinnaṃ, buddhaṃ namassāma jinaṃ janinda’’nti āha. Tattha vicikicchachinnanti chinnavicikicchaṃ. Janindanti sabbalokuttamaṃ.

    ยํ เต ธมฺมนฺติ ยํ ตว ธมฺมํฯ อชฺฌคํสุ เตติ เต เทวปุตฺตา อธิคตาฯ กายํ พฺรหฺมปุโรหิตนฺติ อมฺหากํ ปสฺสนฺตานํเยว พฺรหฺมปุโรหิตสรีรํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตว ธมฺมํ ชานิตฺวา เตสํ ติณฺณํ ชนานํ เต เทฺว วิเสสคู อมฺหากํ ปสฺสนฺตานํเยว กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ อธิคนฺตฺวา มคฺคผลวิเสสํ อชฺฌคํสุ, มยมฺปิ ตสฺส ธมฺมสฺส ปตฺติยา อาคตมฺหาสิ มาริสาติฯ อาคตมฺหเสติ สมฺปตฺตมฺหฯ กตาวกาสา ภควตา, ปญฺหํ ปุเจฺฉมุ มาริสาติ สเจ โน ภควา โอกาสํ กโรติ, อถ ภควตา กตาวกาสา หุตฺวา ปญฺหํ, มาริส, ปุเจฺฉยฺยามาติ อโตฺถฯ

    Yaṃ te dhammanti yaṃ tava dhammaṃ. Ajjhagaṃsu teti te devaputtā adhigatā. Kāyaṃ brahmapurohitanti amhākaṃ passantānaṃyeva brahmapurohitasarīraṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yaṃ tava dhammaṃ jānitvā tesaṃ tiṇṇaṃ janānaṃ te dve visesagū amhākaṃ passantānaṃyeva kāyaṃ brahmapurohitaṃ adhigantvā maggaphalavisesaṃ ajjhagaṃsu, mayampi tassa dhammassa pattiyā āgatamhāsi mārisāti. Āgatamhaseti sampattamha. Katāvakāsā bhagavatā, pañhaṃ pucchemu mārisāti sace no bhagavā okāsaṃ karoti, atha bhagavatā katāvakāsā hutvā pañhaṃ, mārisa, puccheyyāmāti attho.

    มฆมาณววตฺถุ

    Maghamāṇavavatthu

    ๓๕๕. ทีฆรตฺตํ วิสุโทฺธ โข อยํ ยโกฺขติ จิรกาลโต ปภุติ วิสุโทฺธฯ กีว จิรกาลโต? อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ มคธรเฎฺฐ มจลคามเก มฆมาณวกาลโต ปฎฺฐายฯ ตทา กิเรส เอกทิวสํ กาลเสฺสว วุฎฺฐาย คามมเชฺฌ มนุสฺสานํ คามกมฺมกรณฎฺฐานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ฐิตฎฺฐานํ ปาทเนฺตเนว ปํสุกจวรํ อปเนตฺวา รมณียมกาสิ, อโญฺญ อาคนฺตฺวา ตตฺถ อฎฺฐาสิฯ โส ตาวตเกเนว สติํ ปฎิลภิตฺวา มเชฺฌ คามสฺส ขลมณฺฑลมตฺตํ ฐานํ โสเธตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวา ทารูนิ อาหริตฺวา สีตกาเล อคฺคิํ กโรติ, ทหรา จ มหลฺลกา จ อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิสีทนฺติฯ

    355.Dīgharattaṃ visuddho kho ayaṃ yakkhoti cirakālato pabhuti visuddho. Kīva cirakālato? Anuppanne buddhe magadharaṭṭhe macalagāmake maghamāṇavakālato paṭṭhāya. Tadā kiresa ekadivasaṃ kālasseva vuṭṭhāya gāmamajjhe manussānaṃ gāmakammakaraṇaṭṭhānaṃ gantvā attano ṭhitaṭṭhānaṃ pādanteneva paṃsukacavaraṃ apanetvā ramaṇīyamakāsi, añño āgantvā tattha aṭṭhāsi. So tāvatakeneva satiṃ paṭilabhitvā majjhe gāmassa khalamaṇḍalamattaṃ ṭhānaṃ sodhetvā vālukaṃ okiritvā dārūni āharitvā sītakāle aggiṃ karoti, daharā ca mahallakā ca āgantvā tattha nisīdanti.

    อถสฺส เอกทิวสํ เอตทโหสิ – ‘‘มยํ นครํ คนฺตฺวา ราชราชมหามตฺตาทโย ปสฺสาม, อิเมสุปิ จนฺทิมสูริเยสุ ‘จโนฺท นาม เทวปุโตฺต, สูริโย นาม เทวปุโตฺต’ติ วทนฺติฯ กิํ นุ โข กตฺวา เอเต เอตา สมฺปตฺติโย อธิคตา’’ติ? ตโต ‘‘นาญฺญํ กิญฺจิ, ปุญฺญกมฺมเมว กตฺวา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มยาปิ เอวํวิธสมฺปตฺติทายกํ ปุญฺญกมฺมเมว กตฺตพฺพ’’นฺติ จิเนฺตสิฯ

    Athassa ekadivasaṃ etadahosi – ‘‘mayaṃ nagaraṃ gantvā rājarājamahāmattādayo passāma, imesupi candimasūriyesu ‘cando nāma devaputto, sūriyo nāma devaputto’ti vadanti. Kiṃ nu kho katvā ete etā sampattiyo adhigatā’’ti? Tato ‘‘nāññaṃ kiñci, puññakammameva katvā’’ti cintetvā ‘‘mayāpi evaṃvidhasampattidāyakaṃ puññakammameva kattabba’’nti cintesi.

    โส กาลเสฺสว วุฎฺฐาย ยาคุํ ปิวิตฺวา วาสิผรสุกุทาลมุสลหโตฺถ จตุมหาปถํ คนฺตฺวา มุสเลน ปาสาเณ อุจฺจาเลตฺวา ปวเฎฺฎติ, ยานานํ อกฺขปฎิฆาตรุเกฺข หรติ, วิสมํ สมํ กโรติ, จตุมหาปเถ สาลํ กโรติ, โปกฺขรณิํ ขณติ, เสตุํ พนฺธติ, เอวํ ทิวสํ กมฺมํ กตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย ฆรํ เอติฯ ตํ อโญฺญ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ, มฆ, ตฺวํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา สายํ อรญฺญโต เอสิ, กิํ กมฺมํ กโรสี’’ติ? ปุญฺญกมฺมํ กโรมิฯ สคฺคคามิมคฺคํ โสเธมีติฯ กิมิทํ, โภ, ปุญฺญํ นามาติ? ตฺวํ น ชานาสีติ? อาม, น ชานามีติฯ นครํ คตกาเล ทิฎฺฐปุพฺพา เต ราชราชมหามตฺตาทโยติ? อาม, ทิฎฺฐปุพฺพาติฯ ปุญฺญกมฺมํ กตฺวา เตหิ ตํ ฐานํ ลทฺธํ, อหมฺปิ เอวํวิธสมฺปตฺติทายกํ กมฺมํ กโรมิฯ ‘‘จโนฺท นาม เทวปุโตฺต, สูริโย นาม เทวปุโตฺต’’ติ สุตปุพฺพํ ตยาติ? อาม สุตปุพฺพนฺติฯ เอตสฺส สคฺคสฺส คมนมคฺคํ อหํ โสเธมีติฯ อิทํ ปน ปุญฺญกมฺมํ กิํ ตเวว วฎฺฎติ, อญฺญสฺส น วฎฺฎตีติ? น กสฺสเจตํ วาริตนฺติฯ ยทิ เอวํ เสฺว อรญฺญํ คมนกาเล มยฺหมฺปิ สทฺทํ เทหีติฯ ปุนทิวเส ตํ คเหตฺวา คโต, เอวํ ตสฺมิํ คาเม เตตฺติํส มนุสฺสา ตรุณวยา สเพฺพ ตเสฺสว อนุวตฺตกา อเหสุํฯ เต เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ปุญฺญกมฺมานิ กโรนฺตา วิจรนฺติฯ ยํ ทิสํ คจฺฉนฺติ, มคฺคํ สมํ กโรนฺตา เอกทิวเสเนว กโรนฺติ, โปกฺขรณิํ ขณนฺตา, สาลํ กโรนฺตา, เสตุํ พนฺธนฺตา เอกทิวเสเนว นิฎฺฐาเปนฺติฯ

    So kālasseva vuṭṭhāya yāguṃ pivitvā vāsipharasukudālamusalahattho catumahāpathaṃ gantvā musalena pāsāṇe uccāletvā pavaṭṭeti, yānānaṃ akkhapaṭighātarukkhe harati, visamaṃ samaṃ karoti, catumahāpathe sālaṃ karoti, pokkharaṇiṃ khaṇati, setuṃ bandhati, evaṃ divasaṃ kammaṃ katvā atthaṅgate sūriye gharaṃ eti. Taṃ añño pucchi – ‘‘bho, magha, tvaṃ pātova nikkhamitvā sāyaṃ araññato esi, kiṃ kammaṃ karosī’’ti? Puññakammaṃ karomi. Saggagāmimaggaṃ sodhemīti. Kimidaṃ, bho, puññaṃ nāmāti? Tvaṃ na jānāsīti? Āma, na jānāmīti. Nagaraṃ gatakāle diṭṭhapubbā te rājarājamahāmattādayoti? Āma, diṭṭhapubbāti. Puññakammaṃ katvā tehi taṃ ṭhānaṃ laddhaṃ, ahampi evaṃvidhasampattidāyakaṃ kammaṃ karomi. ‘‘Cando nāma devaputto, sūriyo nāma devaputto’’ti sutapubbaṃ tayāti? Āma sutapubbanti. Etassa saggassa gamanamaggaṃ ahaṃ sodhemīti. Idaṃ pana puññakammaṃ kiṃ taveva vaṭṭati, aññassa na vaṭṭatīti? Na kassacetaṃ vāritanti. Yadi evaṃ sve araññaṃ gamanakāle mayhampi saddaṃ dehīti. Punadivase taṃ gahetvā gato, evaṃ tasmiṃ gāme tettiṃsa manussā taruṇavayā sabbe tasseva anuvattakā ahesuṃ. Te ekacchandā hutvā puññakammāni karontā vicaranti. Yaṃ disaṃ gacchanti, maggaṃ samaṃ karontā ekadivaseneva karonti, pokkharaṇiṃ khaṇantā, sālaṃ karontā, setuṃ bandhantā ekadivaseneva niṭṭhāpenti.

    อถ เนสํ คามโภชโก จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ปุเพฺพ เอเตสุ สุรํ ปิวเนฺตสุ ปาณฆาตาทีนิ กโรเนฺตสุ จ กหาปณาทิวเสน เจว ทณฺฑพลิวเสน จ ธนํ ลภามิฯ อิทานิ เอเตสํ ปุญฺญกรณกาลโต ปฎฺฐาย เอตฺตโก อาโย นตฺถิ, หนฺท เน ราชกุเล ปริภินฺทามี’’ติ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา โจเร, มหาราช, ปสฺสามีติฯ กุหิํ, ตาตาติ? มยฺหํ คาเมติฯ กิํ โจรา นาม, ตาตาติ? ราชาปราธิกา เทวาติฯ กิํ ชาติกาติ? คหปติชาติกา เทวาติฯ คหปติกา กิํ กริสฺสนฺติ, ตยา ชานมาเนน กสฺมา มยฺหํ น กถิตนฺติ? ภเยน, มหาราช, น กเถมิ, อิทานิ มา มยฺหํ โทสํ กเรยฺยาถาติฯ อถ ราชา ‘‘อยํ มยฺหํ มหารวํ รวตี’’ติ สทฺทหิตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ตฺวเมว เน อาเนหี’’ติ พลํ ทตฺวา เปเสสิฯ โส คนฺตฺวา ทิวสํ อรเญฺญ กมฺมํ กตฺวา สายมาสํ ภุญฺชิตฺวา คามมเชฺฌ นิสีทิตฺวา ‘‘เสฺว กิํ กมฺมํ กริสฺสาม, กิํ มคฺคํ สมํ กโรม, โปกฺขรณิํ ขณาม, เสตุํ พนฺธามา’’ติ มนฺตยมาเนเยว เต ปริวาเรตฺวา ‘‘มา ผนฺทิตฺถ, รโญฺญ อาณา’’ติ พนฺธิตฺวา ปายาสิฯ อถ โข เนสํ อิตฺถิโย ‘‘สามิกา กิร โว ‘ราชาปราธิกา โจรา’ติ พนฺธิตฺวา นิยฺยนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อติจิเรน กูฎา เอเต ‘ปุญฺญกมฺมํ กโรมา’ติ ทิวเส ทิวเส อรเญฺญว อจฺฉนฺติ, สพฺพกมฺมนฺตา ปริหีนา, เคเห น กิญฺจิ วฑฺฒติ, สุฎฺฐุ พทฺธา สุฎฺฐุ คหิตา’’ติ วทิํสุฯ

    Atha nesaṃ gāmabhojako cintesi – ‘‘ahaṃ pubbe etesu suraṃ pivantesu pāṇaghātādīni karontesu ca kahāpaṇādivasena ceva daṇḍabalivasena ca dhanaṃ labhāmi. Idāni etesaṃ puññakaraṇakālato paṭṭhāya ettako āyo natthi, handa ne rājakule paribhindāmī’’ti rājānaṃ upasaṅkamitvā core, mahārāja, passāmīti. Kuhiṃ, tātāti? Mayhaṃ gāmeti. Kiṃ corā nāma, tātāti? Rājāparādhikā devāti. Kiṃ jātikāti? Gahapatijātikā devāti. Gahapatikā kiṃ karissanti, tayā jānamānena kasmā mayhaṃ na kathitanti? Bhayena, mahārāja, na kathemi, idāni mā mayhaṃ dosaṃ kareyyāthāti. Atha rājā ‘‘ayaṃ mayhaṃ mahāravaṃ ravatī’’ti saddahitvā ‘‘tena hi gaccha, tvameva ne ānehī’’ti balaṃ datvā pesesi. So gantvā divasaṃ araññe kammaṃ katvā sāyamāsaṃ bhuñjitvā gāmamajjhe nisīditvā ‘‘sve kiṃ kammaṃ karissāma, kiṃ maggaṃ samaṃ karoma, pokkharaṇiṃ khaṇāma, setuṃ bandhāmā’’ti mantayamāneyeva te parivāretvā ‘‘mā phandittha, rañño āṇā’’ti bandhitvā pāyāsi. Atha kho nesaṃ itthiyo ‘‘sāmikā kira vo ‘rājāparādhikā corā’ti bandhitvā niyyantī’’ti sutvā ‘‘aticirena kūṭā ete ‘puññakammaṃ karomā’ti divase divase araññeva acchanti, sabbakammantā parihīnā, gehe na kiñci vaḍḍhati, suṭṭhu baddhā suṭṭhu gahitā’’ti vadiṃsu.

    คามโภชโกปิ เต เนตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสิฯ ราชา อนุปปริกฺขิตฺวาเยว ‘‘หตฺถินา มทฺทาเปถา’’ติ อาหฯ เตสุ นียมาเนสุ มโฆ อิตเร อาห – ‘‘โภ, สกฺขิสฺสถ มม วจนํ กาตุ’’นฺติ? ตว วจนํ กโรนฺตาเยวมฺห อิมํ ภยํ ปตฺตา, เอวํ สเนฺตปิ ตว วจนํ กโรม, ภณ โภ, กิํ กโรมาติ? เอตฺถ โภ วเฎฺฎ จรนฺตานํ นาม นิพทฺธํ เอตํ, กิํ ปน ตุเมฺห โจราติ? น โจรมฺหาติฯ อิมสฺส โลกสฺส สจฺจกิริยา นาม อวสฺสโย, ตสฺมา สเพฺพปิ ‘‘ยทิ อเมฺห โจรา, หตฺถี มทฺทตุ, อถ น โจรา, มา มทฺทตู’’ติ สจฺจกิริยํ กโรถาติฯ เต ตถา อกํสุฯ หตฺถี อุปคนฺตุมฺปิ น สโกฺกติ, วิรวโนฺต ปลายติ, หตฺถิํ ตุตฺตโตมรงฺกุเสหิ โกเฎฺฎนฺตาปิ อุปเนตุํ น สโกฺกนฺติฯ ‘‘หตฺถิํ อุปเนตุํ น สโกฺกมา’’ติ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ เตน หิ อุปริ กเฎน ปฎิจฺฉาเทตฺวา มทฺทาเปถาติฯ อุปริ กเฎ ทิเนฺน ทิคุณรวํ วิรวโนฺต ปลายติฯ

    Gāmabhojakopi te netvā rañño dassesi. Rājā anupaparikkhitvāyeva ‘‘hatthinā maddāpethā’’ti āha. Tesu nīyamānesu magho itare āha – ‘‘bho, sakkhissatha mama vacanaṃ kātu’’nti? Tava vacanaṃ karontāyevamha imaṃ bhayaṃ pattā, evaṃ santepi tava vacanaṃ karoma, bhaṇa bho, kiṃ karomāti? Ettha bho vaṭṭe carantānaṃ nāma nibaddhaṃ etaṃ, kiṃ pana tumhe corāti? Na coramhāti. Imassa lokassa saccakiriyā nāma avassayo, tasmā sabbepi ‘‘yadi amhe corā, hatthī maddatu, atha na corā, mā maddatū’’ti saccakiriyaṃ karothāti. Te tathā akaṃsu. Hatthī upagantumpi na sakkoti, viravanto palāyati, hatthiṃ tuttatomaraṅkusehi koṭṭentāpi upanetuṃ na sakkonti. ‘‘Hatthiṃ upanetuṃ na sakkomā’’ti rañño ārocesuṃ. Tena hi upari kaṭena paṭicchādetvā maddāpethāti. Upari kaṭe dinne diguṇaravaṃ viravanto palāyati.

    ราชา สุตฺวา เปสุญฺญการกํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาต, หตฺถี มทฺทิตุํ น อิจฺฉตี’’ติ? อาม, เทว, เชฎฺฐกมาณโว มนฺตํ ชานาติ, มนฺตเสฺสว อยมานุภาโวติฯ ราชา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘มโนฺต กิร เต อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ? นตฺถิ, เทว, มยฺหํ มโนฺต, สจฺจกิริยํ ปน มยํ กริมฺห – ‘‘ยทิ อเมฺห รโญฺญ โจรา, มทฺทตุ, อถ น โจรา, มา มทฺทตู’’ติ, สจฺจกิริยาย โน เอส อานุภาโวติฯ กิํ ปน, ตาต, ตุเมฺห กมฺมํ กโรถาติ? อเมฺห, เทว, มคฺคํ สมํ กโรม, จตุมหาปเถ สาลํ กโรม , โปกฺขรณิํ ขณาม, เสตุํ พนฺธาม, เอวรูปานิ ปุญฺญกมฺมานิ กโรนฺตา วิจริมฺหาติฯ

    Rājā sutvā pesuññakārakaṃ pakkosāpetvā āha – ‘‘tāta, hatthī maddituṃ na icchatī’’ti? Āma, deva, jeṭṭhakamāṇavo mantaṃ jānāti, mantasseva ayamānubhāvoti. Rājā taṃ pakkosāpetvā ‘‘manto kira te atthī’’ti pucchi? Natthi, deva, mayhaṃ manto, saccakiriyaṃ pana mayaṃ karimha – ‘‘yadi amhe rañño corā, maddatu, atha na corā, mā maddatū’’ti, saccakiriyāya no esa ānubhāvoti. Kiṃ pana, tāta, tumhe kammaṃ karothāti? Amhe, deva, maggaṃ samaṃ karoma, catumahāpathe sālaṃ karoma , pokkharaṇiṃ khaṇāma, setuṃ bandhāma, evarūpāni puññakammāni karontā vicarimhāti.

    อยํ ตุเมฺห กิมตฺถํ ปิสุเณสีติ? อมฺหากํ ปมตฺตกาเล อิทญฺจิทญฺจ ลภติ, อปฺปมตฺตกาเล ตํ นตฺถิ, เอเตน การเณนาติฯ ตาต, อยํ หตฺถี นาม ติรจฺฉาโน, โสปิ ตุมฺหากํ คุเณ ชานาติฯ อหํ มนุโสฺส หุตฺวาปิ น ชานามิ, ตุมฺหากํ วสนคามํ ตุมฺหากํเยว ปุน อหรณียํ กตฺวา เทมิ, อยมฺปิ หตฺถี ตุมฺหากํเยว โหตุ, เปสุญฺญการโกปิ ตุมฺหากํเยว ทาโส โหตุฯ อิโต ปฎฺฐาย มยฺหมฺปิ ปุญฺญกมฺมํ กโรถาติ ธนํ ทตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ เต ธนํ คเหตฺวา วาเรน วาเรน หตฺถิํ อารุยฺห คจฺฉนฺตา มนฺตยนฺติ ‘‘โภ ปุญฺญกมฺมํ นาม อนาคตภวตฺถาย กริยติ, อมฺหากํ ปน อโนฺตอุทเก ปุปฺผิตํ นีลุปฺปลํ วิย อิมสฺมิเญฺญว อตฺตภาเว วิปากํ เทติฯ อิทานิ อติเรกํ ปุญฺญํ กริสฺสามา’’ติ, กิํ กโรมาติ? จตุมหาปเถ ถาวรํ กตฺวา มหาชนสฺส วิสฺสมนสาลํ กโรม, อิตฺถีหิ ปน สทฺธิํ อปตฺติกํ กตฺวา กริสฺสาม, อเมฺหสุ หิ ‘‘โจรา’’ติ คเหตฺวา นียมาเนสุ อิตฺถีนํ เอกาปิ จินฺตามตฺตกมฺปิ อกตฺวา ‘‘สุพทฺธา สุคหิตา’’ติ อุฎฺฐหิํสุ, ตสฺมา ตาสํ ปตฺติํ น ทสฺสามาติฯ เต อตฺตโน เคหานิ คนฺตฺวา หตฺถิโน เตตฺติํสปิณฺฑํ เทนฺติ, เตตฺติํส ติณมุฎฺฐิโย อาหรนฺติ, ตํ สพฺพํ หตฺถิสฺส กุจฺฉิปูรํ ชาตํฯ เต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา รุเกฺข ฉินฺทนฺติ, ฉินฺนํ ฉินฺนํ หตฺถี กฑฺฒิตฺวา สกฎปเถ ฐเปสิฯ เต รุเกฺข ตเจฺฉตฺวา สาลาย กมฺมํ อารภิํสุฯ

    Ayaṃ tumhe kimatthaṃ pisuṇesīti? Amhākaṃ pamattakāle idañcidañca labhati, appamattakāle taṃ natthi, etena kāraṇenāti. Tāta, ayaṃ hatthī nāma tiracchāno, sopi tumhākaṃ guṇe jānāti. Ahaṃ manusso hutvāpi na jānāmi, tumhākaṃ vasanagāmaṃ tumhākaṃyeva puna aharaṇīyaṃ katvā demi, ayampi hatthī tumhākaṃyeva hotu, pesuññakārakopi tumhākaṃyeva dāso hotu. Ito paṭṭhāya mayhampi puññakammaṃ karothāti dhanaṃ datvā vissajjesi. Te dhanaṃ gahetvā vārena vārena hatthiṃ āruyha gacchantā mantayanti ‘‘bho puññakammaṃ nāma anāgatabhavatthāya kariyati, amhākaṃ pana antoudake pupphitaṃ nīluppalaṃ viya imasmiññeva attabhāve vipākaṃ deti. Idāni atirekaṃ puññaṃ karissāmā’’ti, kiṃ karomāti? Catumahāpathe thāvaraṃ katvā mahājanassa vissamanasālaṃ karoma, itthīhi pana saddhiṃ apattikaṃ katvā karissāma, amhesu hi ‘‘corā’’ti gahetvā nīyamānesu itthīnaṃ ekāpi cintāmattakampi akatvā ‘‘subaddhā sugahitā’’ti uṭṭhahiṃsu, tasmā tāsaṃ pattiṃ na dassāmāti. Te attano gehāni gantvā hatthino tettiṃsapiṇḍaṃ denti, tettiṃsa tiṇamuṭṭhiyo āharanti, taṃ sabbaṃ hatthissa kucchipūraṃ jātaṃ. Te araññaṃ pavisitvā rukkhe chindanti, chinnaṃ chinnaṃ hatthī kaḍḍhitvā sakaṭapathe ṭhapesi. Te rukkhe tacchetvā sālāya kammaṃ ārabhiṃsu.

    มฆสฺส เคเห สุชาตา, สุธมฺมา, จิตฺตา, นนฺทาติ จตโสฺส ภริยาโย อเหสุํฯ สุธมฺมา วฑฺฒกิํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตาต, อิเม สหายา กาลเสฺสว คนฺตฺวา สายํ เอนฺติ, กิํ กมฺมํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘สาลํ กโรนฺติ, อมฺมา’’ติฯ ‘‘ตาต, มยฺหมฺปิ สาลาย ปตฺติํ กตฺวา เทหี’’ติฯ ‘‘อิตฺถีหิ อปตฺติกํ กโรมา’’ติ เอเต วทนฺตีติฯ สา วฑฺฒกิสฺส อฎฺฐ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘ตาต, เยน เกนจิ อุปาเยน มยฺหํ ปตฺติกํ กโรหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธุ อมฺมา’’ติ วตฺวา ปุเรตรํ วาสิผรสุํ คเหตฺวา คามมเชฺฌ ฐตฺวา ‘‘กิํ โภ อชฺช อิมสฺมิมฺปิ กาเล น นิกฺขมถา’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กตฺวา ‘‘สเพฺพ มคฺคํ อารุฬฺหา’’ติ ญตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตาว ตุเมฺห, มยฺหํ ปปโญฺจ อตฺถี’’ติ เต ปุรโต กตฺวา อญฺญํ มคฺคํ อารุยฺห กณฺณิกูปคํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา ตเจฺฉตฺวา มฎฺฐํ กตฺวา อาหริตฺวา สุธมฺมาย เคเห ฐเปสิ – ‘‘มยา เทหีติ วุตฺตทิวเส นีหริตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติฯ

    Maghassa gehe sujātā, sudhammā, cittā, nandāti catasso bhariyāyo ahesuṃ. Sudhammā vaḍḍhakiṃ pucchati – ‘‘tāta, ime sahāyā kālasseva gantvā sāyaṃ enti, kiṃ kammaṃ karontī’’ti? ‘‘Sālaṃ karonti, ammā’’ti. ‘‘Tāta, mayhampi sālāya pattiṃ katvā dehī’’ti. ‘‘Itthīhi apattikaṃ karomā’’ti ete vadantīti. Sā vaḍḍhakissa aṭṭha kahāpaṇe datvā ‘‘tāta, yena kenaci upāyena mayhaṃ pattikaṃ karohī’’ti āha. So ‘‘sādhu ammā’’ti vatvā puretaraṃ vāsipharasuṃ gahetvā gāmamajjhe ṭhatvā ‘‘kiṃ bho ajja imasmimpi kāle na nikkhamathā’’ti uccāsaddaṃ katvā ‘‘sabbe maggaṃ āruḷhā’’ti ñatvā ‘‘gacchatha tāva tumhe, mayhaṃ papañco atthī’’ti te purato katvā aññaṃ maggaṃ āruyha kaṇṇikūpagaṃ rukkhaṃ chinditvā tacchetvā maṭṭhaṃ katvā āharitvā sudhammāya gehe ṭhapesi – ‘‘mayā dehīti vuttadivase nīharitvā dadeyyāsī’’ti.

    อถ นิฎฺฐิเต ทพฺพสมฺภารกเมฺม ภูมิกมฺมโต ปฎฺฐาย จยพนฺธนถมฺภุสฺสาปน สงฺฆาฎโยชน กณฺณิกมญฺจพนฺธเนสุ กเตสุ โส วฑฺฒกี กณฺณิกมเญฺจ นิสีทิตฺวา จตูหิ ทิสาหิ โคปานสิโย อุกฺขิปิตฺวา ‘‘โภ เอกํ ปมุฎฺฐํ อตฺถี’’ติ อาหฯ กิํ โภ ปมุฎฺฐํ, สพฺพเมว ตฺวํ ปมุสฺสสีติฯ อิมา โภ โคปานสิโย กตฺถ ปติฎฺฐหิสฺสนฺตีติ? กณฺณิกา นาม ลทฺธุํ วฎฺฎตีติฯ กุหิํ โภ อิทานิ สกฺกา ลทฺธุนฺติ? กุลานํ เคเห สกฺกา ลทฺธุนฺติฯ อาหิณฺฑนฺตา ปุจฺฉถาติฯ เต อโนฺตคามํ ปวิสิตฺวา ปุจฺฉิตฺวา สุธมฺมาย ฆรทฺวาเร ‘‘อิมสฺมิํ ฆเร กณฺณิกา อตฺถี’’ติ อาหํสุฯ สา ‘‘อตฺถี’’ติ อาหฯ หนฺท มูลํ คณฺหาหีติฯ มูลํ น คณฺหามิ, สเจ มม ปตฺติํ กโรถ, ทสฺสามีติฯ เอถ โภ มาตุคามสฺส ปตฺติํ น กโรม, อรญฺญํ คนฺตฺวา รุกฺขํ ฉินฺทิสฺสามาติ นิกฺขมิํสุฯ

    Atha niṭṭhite dabbasambhārakamme bhūmikammato paṭṭhāya cayabandhanathambhussāpana saṅghāṭayojana kaṇṇikamañcabandhanesu katesu so vaḍḍhakī kaṇṇikamañce nisīditvā catūhi disāhi gopānasiyo ukkhipitvā ‘‘bho ekaṃ pamuṭṭhaṃ atthī’’ti āha. Kiṃ bho pamuṭṭhaṃ, sabbameva tvaṃ pamussasīti. Imā bho gopānasiyo kattha patiṭṭhahissantīti? Kaṇṇikā nāma laddhuṃ vaṭṭatīti. Kuhiṃ bho idāni sakkā laddhunti? Kulānaṃ gehe sakkā laddhunti. Āhiṇḍantā pucchathāti. Te antogāmaṃ pavisitvā pucchitvā sudhammāya gharadvāre ‘‘imasmiṃ ghare kaṇṇikā atthī’’ti āhaṃsu. Sā ‘‘atthī’’ti āha. Handa mūlaṃ gaṇhāhīti. Mūlaṃ na gaṇhāmi, sace mama pattiṃ karotha, dassāmīti. Etha bho mātugāmassa pattiṃ na karoma, araññaṃ gantvā rukkhaṃ chindissāmāti nikkhamiṃsu.

    ตโต วฑฺฒกี ‘‘กิํ น ลทฺธา, ตาต, กณฺณิกา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต ตมตฺถํ อาโรจยิํสุฯ วฑฺฒกี กณฺณิกมเญฺจ นิสิโนฺนว อากาสํ อุโลฺลเกตฺวา ‘‘โภ อชฺช นกฺขตฺตํ สุนฺทรํ, อิทํ อญฺญํ สํวจฺฉรํ อติกฺกมิตฺวา สกฺกา ลทฺธุํ, ตุเมฺหหิ จ ทุเกฺขน อาภตา ทพฺพสมฺภารา, เต สกลสํวจฺฉเรน อิมสฺมิเญฺญว ฐาเน ปูติกา ภวิสฺสนฺติฯ เทวโลเก นิพฺพตฺตกาเล ตสฺสาปิ เอกสฺมิํ โกเณ สาลา โหตุ, อาหรถ น’’นฺติ อาหฯ สาปิ ยาว เต น ปุน อาคจฺฉนฺติ, ตาว กณฺณิกาย เหฎฺฐิมตเล ‘‘อยํ สาลา สุธมฺมา นามา’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทาเปตฺวา อหเตน วเตฺถน เวเฐตฺวา ฐเปสิฯ กมฺมิกา อาคนฺตฺวา – ‘‘อาหร, เร กณฺณิกํ , ยํ โหตุ ตํ โหตุฯ ตุยฺหมฺปิ ปตฺติํ กริสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ สา นีหริตฺวา ‘‘ตาตา, ยาว อฎฺฐ วา โสฬส วา โคปานสิโย น อาโรหนฺติ, ตาว อิมํ วตฺถํ มา นิเพฺพฐยิตฺถา’’ติ วตฺวา อทาสิฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา คเหตฺวา โคปานสิโย อาโรเปตฺวาว วตฺถํ นิเพฺพเฐสุํฯ

    Tato vaḍḍhakī ‘‘kiṃ na laddhā, tāta, kaṇṇikā’’ti pucchi. Te tamatthaṃ ārocayiṃsu. Vaḍḍhakī kaṇṇikamañce nisinnova ākāsaṃ ulloketvā ‘‘bho ajja nakkhattaṃ sundaraṃ, idaṃ aññaṃ saṃvaccharaṃ atikkamitvā sakkā laddhuṃ, tumhehi ca dukkhena ābhatā dabbasambhārā, te sakalasaṃvaccharena imasmiññeva ṭhāne pūtikā bhavissanti. Devaloke nibbattakāle tassāpi ekasmiṃ koṇe sālā hotu, āharatha na’’nti āha. Sāpi yāva te na puna āgacchanti, tāva kaṇṇikāya heṭṭhimatale ‘‘ayaṃ sālā sudhammā nāmā’’ti akkharāni chindāpetvā ahatena vatthena veṭhetvā ṭhapesi. Kammikā āgantvā – ‘‘āhara, re kaṇṇikaṃ , yaṃ hotu taṃ hotu. Tuyhampi pattiṃ karissāmā’’ti āhaṃsu. Sā nīharitvā ‘‘tātā, yāva aṭṭha vā soḷasa vā gopānasiyo na ārohanti, tāva imaṃ vatthaṃ mā nibbeṭhayitthā’’ti vatvā adāsi. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā gahetvā gopānasiyo āropetvāva vatthaṃ nibbeṭhesuṃ.

    เอโก มหาคามิกมนุโสฺส อุทฺธํ อุโลฺลเกโนฺต อกฺขรานิ ทิสฺวา ‘‘กิํ, โภ, อิท’’นฺติ อกฺขรญฺญุํ มนุสฺสํ ปโกฺกสาเปตฺวา ทเสฺสสิฯ โส ‘‘สุธมฺมา นาม อยํ สาลา’’ติ อาหฯ ‘‘หรถ, โภ, มยํ อาทิโต ปฎฺฐาย สาลํ กตฺวา นามมตฺตมฺปิ น ลภาม, เอสา รตนมเตฺตน กณฺณิกรุเกฺขน สาลํ อตฺตโน นาเมน กาเรตี’’ติ วิรวนฺติฯ วฑฺฒกี เตสํ วิรวนฺตานํเยว โคปานสิโย ปเวเสตฺวา อาณิํ ทตฺวา สาลากมฺมํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    Eko mahāgāmikamanusso uddhaṃ ullokento akkharāni disvā ‘‘kiṃ, bho, ida’’nti akkharaññuṃ manussaṃ pakkosāpetvā dassesi. So ‘‘sudhammā nāma ayaṃ sālā’’ti āha. ‘‘Haratha, bho, mayaṃ ādito paṭṭhāya sālaṃ katvā nāmamattampi na labhāma, esā ratanamattena kaṇṇikarukkhena sālaṃ attano nāmena kāretī’’ti viravanti. Vaḍḍhakī tesaṃ viravantānaṃyeva gopānasiyo pavesetvā āṇiṃ datvā sālākammaṃ niṭṭhāpesi.

    สาลํ ติธา วิภชิํสุ, เอกสฺมิํ โกฎฺฐาเส อิสฺสรานํ วสนฎฺฐานํ อกํสุ, เอกสฺมิํ ทุคฺคตานํ, เอกสฺมิํ คิลานานํฯ เตตฺติํส ชนา เตตฺติํส ผลกานิ ปญฺญเปตฺวา หตฺถิสฺส สญฺญํ อทํสุ – ‘‘อาคนฺตุโก อาคนฺตฺวา ยสฺส อตฺถเต ผลเก นิสีทติ, ตํ คเหตฺวา ผลกสามิกเสฺสว เคเห ปติฎฺฐเปหิฯ ตสฺส ปาทปริกมฺมปิฎฺฐิปริกมฺมขาทนียโภชนียสยนานิ สพฺพานิ ผลกสามิกเสฺสว ภาโร ภวิสฺสตี’’ติฯ หตฺถี อาคตาคตํ คเหตฺวา ผลกสามิกสฺส เคหํ เนติ, โส ตสฺส ตํ ทิวสํ กตฺตพฺพํ กโรติฯ

    Sālaṃ tidhā vibhajiṃsu, ekasmiṃ koṭṭhāse issarānaṃ vasanaṭṭhānaṃ akaṃsu, ekasmiṃ duggatānaṃ, ekasmiṃ gilānānaṃ. Tettiṃsa janā tettiṃsa phalakāni paññapetvā hatthissa saññaṃ adaṃsu – ‘‘āgantuko āgantvā yassa atthate phalake nisīdati, taṃ gahetvā phalakasāmikasseva gehe patiṭṭhapehi. Tassa pādaparikammapiṭṭhiparikammakhādanīyabhojanīyasayanāni sabbāni phalakasāmikasseva bhāro bhavissatī’’ti. Hatthī āgatāgataṃ gahetvā phalakasāmikassa gehaṃ neti, so tassa taṃ divasaṃ kattabbaṃ karoti.

    มฆมาณโว สาลโต อวิทูเร ฐาเน โกวิฬารรุกฺขํ โรปาเปสิ, มูเล จสฺส ปาสาณผลกํ อตฺถริฯ นนฺทา นามสฺส ภริยา อวิทูเร โปกฺขรณิํ ขณาเปสิ, จิตฺตา มาลาวเจฺฉ โรปาเปสิ, สพฺพเชฎฺฐิกา ปน อาทาสํ คเหตฺวา อตฺตภาวํ มณฺฑยมานาว วิจรติฯ มโฆ ตํ อาห – ‘‘ภเทฺท, สุธมฺมา, สาลาย ปตฺติกา ชาตา, นนฺทา โปกฺขรณิํ ขณาเปสิ, จิตฺตา มาลาวเจฺฉ โรปาเปสิฯ ตว ปน ปุญฺญกมฺมํ นาม นตฺถิ, เอกํ ปุญฺญํ กโรหิ, ภเทฺท’’ติ สา ‘‘ตฺวํ กสฺส การณา กโรสิ, นนุ ตยา กตํ มยฺหเมวา’’ติ วตฺวา อตฺตภาวมณฺฑนเมว อนุยุญฺชติฯ

    Maghamāṇavo sālato avidūre ṭhāne koviḷārarukkhaṃ ropāpesi, mūle cassa pāsāṇaphalakaṃ atthari. Nandā nāmassa bhariyā avidūre pokkharaṇiṃ khaṇāpesi, cittā mālāvacche ropāpesi, sabbajeṭṭhikā pana ādāsaṃ gahetvā attabhāvaṃ maṇḍayamānāva vicarati. Magho taṃ āha – ‘‘bhadde, sudhammā, sālāya pattikā jātā, nandā pokkharaṇiṃ khaṇāpesi, cittā mālāvacche ropāpesi. Tava pana puññakammaṃ nāma natthi, ekaṃ puññaṃ karohi, bhadde’’ti sā ‘‘tvaṃ kassa kāraṇā karosi, nanu tayā kataṃ mayhamevā’’ti vatvā attabhāvamaṇḍanameva anuyuñjati.

    มโฆ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จวิตฺวา ตาวติํสภวเน สโกฺก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เตปิ เตตฺติํส คามิกมนุสฺสา กาลงฺกตฺวา เตตฺติํส เทวปุตฺตา หุตฺวา ตเสฺสว สนฺติเก นิพฺพตฺตาฯ สกฺกสฺส เวชยโนฺต นาม ปาสาโท สตฺต โยชนสตานิ อุคฺคจฺฉิ, ธโช ตีณิ โยชนสตานิ อุคฺคจฺฉิ, โกวิฬารรุกฺขสฺส นิสฺสเนฺทน สมนฺตา ติโยชนสตปริมณฺฑโล ปญฺจทสโยชนปริณาหกฺขโนฺธ ปาริจฺฉตฺตโก นิพฺพตฺติ, ปาสาณผลกสฺส นิสฺสเนฺทน ปาริจฺฉตฺตกมูเล สฎฺฐิโยชนิกา ปณฺฑุกมฺพลสิลา นิพฺพตฺติฯ สุธมฺมาย กณฺณิกรุกฺขสฺส นิสฺสเนฺทน ติโยชนสติกา สุธมฺมา เทวสภา นิพฺพตฺติฯ นนฺทาย โปกฺขรณิยา นิสฺสเนฺทน ปญฺญาสโยชนา นนฺทา นาม โปกฺขรณี นิพฺพตฺติฯ จิตฺตาย มาลาวจฺฉวตฺถุนิสฺสเนฺทน สฎฺฐิโยชนิกํ จิตฺตลตาวนํ นาม อุยฺยานํ นิพฺพตฺติฯ

    Magho yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cavitvā tāvatiṃsabhavane sakko hutvā nibbatti, tepi tettiṃsa gāmikamanussā kālaṅkatvā tettiṃsa devaputtā hutvā tasseva santike nibbattā. Sakkassa vejayanto nāma pāsādo satta yojanasatāni uggacchi, dhajo tīṇi yojanasatāni uggacchi, koviḷārarukkhassa nissandena samantā tiyojanasataparimaṇḍalo pañcadasayojanapariṇāhakkhandho pāricchattako nibbatti, pāsāṇaphalakassa nissandena pāricchattakamūle saṭṭhiyojanikā paṇḍukambalasilā nibbatti. Sudhammāya kaṇṇikarukkhassa nissandena tiyojanasatikā sudhammā devasabhā nibbatti. Nandāya pokkharaṇiyā nissandena paññāsayojanā nandā nāma pokkharaṇī nibbatti. Cittāya mālāvacchavatthunissandena saṭṭhiyojanikaṃ cittalatāvanaṃ nāma uyyānaṃ nibbatti.

    สโกฺก เทวราชา สุธมฺมาย เทวสภาย โยชนิเก สุวณฺณปลฺลเงฺก นิสิโนฺน ติโยชนิเก เสตจฺฉเตฺต ธาริยมาเน เตหิ เทวปุเตฺตหิ ตาหิ เทวกญฺญาหิ อฑฺฒติยาหิ นาฎกโกฎีหิ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตาหิ จ ปริวาริโต มหาสมฺปตฺติํ โอโลเกโนฺต ตา ติโสฺส อิตฺถิโย ทิสฺวา ‘‘อิมา ตาว ปญฺญายนฺติ, สุชาตา กุหิ’’นฺติ โอโลเกโนฺต ‘‘อยํ มม วจนํ อกตฺวา คิริกนฺทราย พกสกุณิกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา’’ติ ทิสฺวา เทวโลกโต โอตริตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คโตฯ สา ทิสฺวาว สญฺชานิตฺวา อโธมุขา ชาตาฯ ‘‘พาเล, อิทานิ กิํ สีสํ น อุกฺขิปสิ? ตฺวํ มม วจนํ อกตฺวา อตฺตภาวเมว มณฺฑยมานา วีตินาเมสิฯ สุธมฺมาย จ นนฺทาย จ จิตฺตาย จ มหาสมฺปตฺติ นิพฺพตฺตา, เอหิ อมฺหากํ สมฺปตฺติํ ปสฺสา’’ติ เทวโลกํ เนตฺวา นนฺทาย โปกฺขรณิยา ปกฺขิปิตฺวา ปลฺลเงฺก นิสีทิฯ

    Sakko devarājā sudhammāya devasabhāya yojanike suvaṇṇapallaṅke nisinno tiyojanike setacchatte dhāriyamāne tehi devaputtehi tāhi devakaññāhi aḍḍhatiyāhi nāṭakakoṭīhi dvīsu devalokesu devatāhi ca parivārito mahāsampattiṃ olokento tā tisso itthiyo disvā ‘‘imā tāva paññāyanti, sujātā kuhi’’nti olokento ‘‘ayaṃ mama vacanaṃ akatvā girikandarāya bakasakuṇikā hutvā nibbattā’’ti disvā devalokato otaritvā tassā santikaṃ gato. Sā disvāva sañjānitvā adhomukhā jātā. ‘‘Bāle, idāni kiṃ sīsaṃ na ukkhipasi? Tvaṃ mama vacanaṃ akatvā attabhāvameva maṇḍayamānā vītināmesi. Sudhammāya ca nandāya ca cittāya ca mahāsampatti nibbattā, ehi amhākaṃ sampattiṃ passā’’ti devalokaṃ netvā nandāya pokkharaṇiyā pakkhipitvā pallaṅke nisīdi.

    นาฎกิตฺถิโย ‘‘กุหิํ คตตฺถ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ โส อนาโรเจตุกาโมปิ ตาหิ นิปฺปีฬิยมาโน ‘‘สุชาตาย สนฺติก’’นฺติ อาหฯ กุหิํ นิพฺพตฺตา, มหาราชาติ? กนฺทรปาเทติฯ อิทานิ กุหินฺติ? นนฺทาโปกฺขรณิยํ เม วิสฺสฎฺฐาติฯ เอถ, โภ, อมฺหากํ อยฺยํ ปสฺสามาติ สพฺพา ตตฺถ อคมํสุฯ สา ปุเพฺพ สพฺพเชฎฺฐิกา หุตฺวา ตา อวมญฺญิตฺถฯ อิทานิ ตาปิ ตํ ทิสฺวา – ‘‘ปสฺสถ, โภ อมฺหากํ อยฺยาย มุขํ กกฺกฎกวิชฺฌนสูลสทิส’’นฺติอาทีนิ วทนฺติโย เกฬิํ อกํสุฯ สา อติวิย อฎฺฎิยมานา สกฺกํ เทวราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, อิมานิ สุวณฺณรชตมณิวิมานานิ วา นนฺทาโปกฺขรณี วา มยฺหํ กิํ กริสฺสติ, ชาติภูมิเยว มหาราช สตฺตานํ สุขา, มํ ตเตฺถว กนฺทรปาเท วิสฺสเชฺชหี’’ติฯ สโกฺก ตํ ตตฺถ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘มม วจนํ กริสฺสสี’’ติ อาหฯ กริสฺสามิ, มหาราชาติฯ ปญฺจ สีลานิ คเหตฺวา อขณฺฑานิ กตฺวา รกฺข, กติปาเหน ตํ เอตาสํ เชฎฺฐิกํ กริสฺสามีติฯ สา ตถา อกาสิฯ

    Nāṭakitthiyo ‘‘kuhiṃ gatattha, mahārājā’’ti pucchiṃsu. So anārocetukāmopi tāhi nippīḷiyamāno ‘‘sujātāya santika’’nti āha. Kuhiṃ nibbattā, mahārājāti? Kandarapādeti. Idāni kuhinti? Nandāpokkharaṇiyaṃ me vissaṭṭhāti. Etha, bho, amhākaṃ ayyaṃ passāmāti sabbā tattha agamaṃsu. Sā pubbe sabbajeṭṭhikā hutvā tā avamaññittha. Idāni tāpi taṃ disvā – ‘‘passatha, bho amhākaṃ ayyāya mukhaṃ kakkaṭakavijjhanasūlasadisa’’ntiādīni vadantiyo keḷiṃ akaṃsu. Sā ativiya aṭṭiyamānā sakkaṃ devarājānaṃ āha – ‘‘mahārāja, imāni suvaṇṇarajatamaṇivimānāni vā nandāpokkharaṇī vā mayhaṃ kiṃ karissati, jātibhūmiyeva mahārāja sattānaṃ sukhā, maṃ tattheva kandarapāde vissajjehī’’ti. Sakko taṃ tattha vissajjetvā ‘‘mama vacanaṃ karissasī’’ti āha. Karissāmi, mahārājāti. Pañca sīlāni gahetvā akhaṇḍāni katvā rakkha, katipāhena taṃ etāsaṃ jeṭṭhikaṃ karissāmīti. Sā tathā akāsi.

    สโกฺก กติปาหสฺส อจฺจเยน ‘‘สกฺกา นุ โข สีลํ รกฺขิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา มจฺฉรูเปน อุตฺตานโก หุตฺวา ตสฺสา ปุรโต อุทกปิเฎฺฐ โอสรติ, สา ‘‘มตมจฺฉโก ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา สีเส อคฺคเหสิฯ มโจฺฉ นงฺคุฎฺฐํ จาเลสิฯ สา ‘‘ชีวติ มเญฺญ’’ติ อุทเก วิสฺสเชฺชสิฯ สโกฺก อากาเส ฐตฺวา ‘‘สาธุ, สาธุ, รกฺขสิ สิกฺขาปทํ, เอวํ ตํ รกฺขมานํ กติปาเหเนว นาฎกานํ เชฎฺฐิกํ กริสฺสามี’’ติ อาหฯ ตสฺสาปิ ปญฺจ วสฺสสตานิ อายุ อโหสิฯ เอกทิวสมฺปิ อุทรปูรํ นาลตฺถํ, สุกฺขิตฺวา ปริสุกฺขิตฺวา มิลายมานาปิ สีลํ อขเณฺฑตฺวา กาลงฺกตฺวา พาราณสิยํ กุมฺภการเคเห นิพฺพตฺติฯ

    Sakko katipāhassa accayena ‘‘sakkā nu kho sīlaṃ rakkhitu’’nti gantvā maccharūpena uttānako hutvā tassā purato udakapiṭṭhe osarati, sā ‘‘matamacchako bhavissatī’’ti gantvā sīse aggahesi. Maccho naṅguṭṭhaṃ cālesi. Sā ‘‘jīvati maññe’’ti udake vissajjesi. Sakko ākāse ṭhatvā ‘‘sādhu, sādhu, rakkhasi sikkhāpadaṃ, evaṃ taṃ rakkhamānaṃ katipāheneva nāṭakānaṃ jeṭṭhikaṃ karissāmī’’ti āha. Tassāpi pañca vassasatāni āyu ahosi. Ekadivasampi udarapūraṃ nālatthaṃ, sukkhitvā parisukkhitvā milāyamānāpi sīlaṃ akhaṇḍetvā kālaṅkatvā bārāṇasiyaṃ kumbhakāragehe nibbatti.

    สโกฺก ‘‘กุหิํ นิพฺพตฺตา’’ติ โอโลเกโนฺต ทิสฺวา ‘‘ตโต อิธ อาเนตุํ น สกฺกา, ชีวิตวุตฺติมสฺสา ทสฺสามี’’ติ สุวณฺณเอฬาลุกานํ ยานกํ ปูเรตฺวา มเชฺฌ คามสฺส มหลฺลกเวเสน นิสีทิตฺวา ‘‘เอฬาลุกานิ คณฺหถา’’ติ อุกฺกุฎฺฐิมกาสิฯ สมนฺตา คามวาสิกา อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ, ตาตา’’ติ อาหํสุฯ อหํ สีลรกฺขกานํ เทมิ, ตุเมฺห สีลํ รกฺขถาติฯ ตาต มยํ สีลํ นาม กีทิสนฺติปิ น ชานาม, มูเลน เทหีติฯ ‘‘สีลรกฺขกานํเยว ทมฺมี’’ติ อาหฯ ‘‘เอถ, เร โกสิ อยํ เอฬาลุกมหลฺลโก’’ติ สเพฺพ นิวตฺติํสุฯ

    Sakko ‘‘kuhiṃ nibbattā’’ti olokento disvā ‘‘tato idha ānetuṃ na sakkā, jīvitavuttimassā dassāmī’’ti suvaṇṇaeḷālukānaṃ yānakaṃ pūretvā majjhe gāmassa mahallakavesena nisīditvā ‘‘eḷālukāni gaṇhathā’’ti ukkuṭṭhimakāsi. Samantā gāmavāsikā āgantvā ‘‘dehi, tātā’’ti āhaṃsu. Ahaṃ sīlarakkhakānaṃ demi, tumhe sīlaṃ rakkhathāti. Tāta mayaṃ sīlaṃ nāma kīdisantipi na jānāma, mūlena dehīti. ‘‘Sīlarakkhakānaṃyeva dammī’’ti āha. ‘‘Etha, re kosi ayaṃ eḷālukamahallako’’ti sabbe nivattiṃsu.

    สา ทาริกา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตุเมฺห เอฬาลุกตฺถาย คตา ตุจฺฉหตฺถาว อาคตา’’ติฯ โกสิ, อมฺม, เอฬาลุกมหลฺลโก ‘‘อหํ สีลรกฺขกานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, นูนิมสฺส ทาริกา สีลํ ขาทิตฺวา วตฺตนฺติ, มยํ สีลเมว น ชานามาติฯ สา ‘‘มยฺหํ อานีตํ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา ‘‘เอฬาลุกํ, ตาต, เทหี’’ติ อาหฯ ‘‘ตฺวํ สีลานิ รกฺขสิ อมฺมา’’ติ? ‘‘อาม, ตาต รกฺขามี’’ติฯ อิทํ มยา ตุยฺหเมว อาภตนฺติ เคหทฺวาเร ยาเนน สทฺธิํ ฐเปตฺวา ปกฺกามิฯ สาปิ ยาวชีวํ สีลํ รกฺขิตฺวา จวิตฺวา เวปจิตฺติอสุรสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สีลนิสฺสเนฺทน ปาสาทิกา อโหสิฯ โส ‘‘ธีตุวิวาหมงฺคลํ กริสฺสามี’’ติ อสุเร สนฺนิปาเตสิฯ

    Sā dārikā pucchi – ‘‘amma, tumhe eḷālukatthāya gatā tucchahatthāva āgatā’’ti. Kosi, amma, eḷālukamahallako ‘‘ahaṃ sīlarakkhakānaṃ dammī’’ti vadati, nūnimassa dārikā sīlaṃ khāditvā vattanti, mayaṃ sīlameva na jānāmāti. Sā ‘‘mayhaṃ ānītaṃ bhavissatī’’ti gantvā ‘‘eḷālukaṃ, tāta, dehī’’ti āha. ‘‘Tvaṃ sīlāni rakkhasi ammā’’ti? ‘‘Āma, tāta rakkhāmī’’ti. Idaṃ mayā tuyhameva ābhatanti gehadvāre yānena saddhiṃ ṭhapetvā pakkāmi. Sāpi yāvajīvaṃ sīlaṃ rakkhitvā cavitvā vepacittiasurassa dhītā hutvā nibbatti. Sīlanissandena pāsādikā ahosi. So ‘‘dhītuvivāhamaṅgalaṃ karissāmī’’ti asure sannipātesi.

    สโกฺก ‘‘กุหิํ นิพฺพตฺตา’’ติ โอโลเกโนฺต ‘‘อสุรภวเน นิพฺพตฺตา, อชฺชสฺสา วิวาหมงฺคลํ กริสฺสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ ยํกิญฺจิ กตฺวา อาเนตพฺพา มยา’’ติ อสุรวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา คนฺตฺวา อสุรานํ อนฺตเร อฎฺฐาสิฯ ‘‘ตว สามิกํ วเทหี’’ติ ตสฺสา หเตฺถ ปิตา ปุปฺผทามํ อทาสิ ‘‘ยํ อิจฺฉสิ, ตสฺสูปริ ขิปาหี’’ติฯ สา โอโลเกนฺตี สกฺกํ ทิสฺวา ปุพฺพสนฺนิวาเสน สญฺชาตสิเนหา ‘‘อยํ เม สามิโก’’ติ ตสฺสูปริ ทามํ ขิปิฯ โส ตํ พาหาย คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, ตสฺมิํ ขเณ อสุรา สญฺชานิํสุฯ เต ‘‘คณฺหถ, คณฺหถ, ชรสกฺกํ, เวริโก อมฺหากํ, น มยํ เอตสฺส ทาริกํ ทสฺสามา’’ติ อนุพนฺธิํสุฯ เวปจิตฺติ ปุจฺฉิ ‘‘เกนาหฎา’’ติ? ‘‘ชรสเกฺกน มหาราชา’’ติฯ ‘‘อวเสเสสุ อยเมว เสโฎฺฐ, อเปถา’’ติ อาหฯ สโกฺก นํ เนตฺวา อฑฺฒติยโกฎินาฎกานํ เชฎฺฐิกฎฺฐาเน ฐเปสิฯ สา สกฺกํ วรํ ยาจิ – ‘‘มหาราช, มยฺหํ อิมสฺมิํ เทวโลเก มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา ภคินี วา นตฺถิ, ยตฺถ ยตฺถ คจฺฉสิ, ตตฺถ ตตฺถ มํ คเหตฺวาว คจฺฉ มหาราชา’’ติฯ สโกฺก ‘‘สาธู’’ติ ปฎิญฺญํ อทาสิฯ

    Sakko ‘‘kuhiṃ nibbattā’’ti olokento ‘‘asurabhavane nibbattā, ajjassā vivāhamaṅgalaṃ karissantī’’ti disvā ‘‘idāni yaṃkiñci katvā ānetabbā mayā’’ti asuravaṇṇaṃ nimminitvā gantvā asurānaṃ antare aṭṭhāsi. ‘‘Tava sāmikaṃ vadehī’’ti tassā hatthe pitā pupphadāmaṃ adāsi ‘‘yaṃ icchasi, tassūpari khipāhī’’ti. Sā olokentī sakkaṃ disvā pubbasannivāsena sañjātasinehā ‘‘ayaṃ me sāmiko’’ti tassūpari dāmaṃ khipi. So taṃ bāhāya gahetvā ākāse uppati, tasmiṃ khaṇe asurā sañjāniṃsu. Te ‘‘gaṇhatha, gaṇhatha, jarasakkaṃ, veriko amhākaṃ, na mayaṃ etassa dārikaṃ dassāmā’’ti anubandhiṃsu. Vepacitti pucchi ‘‘kenāhaṭā’’ti? ‘‘Jarasakkena mahārājā’’ti. ‘‘Avasesesu ayameva seṭṭho, apethā’’ti āha. Sakko naṃ netvā aḍḍhatiyakoṭināṭakānaṃ jeṭṭhikaṭṭhāne ṭhapesi. Sā sakkaṃ varaṃ yāci – ‘‘mahārāja, mayhaṃ imasmiṃ devaloke mātā vā pitā vā bhātā vā bhaginī vā natthi, yattha yattha gacchasi, tattha tattha maṃ gahetvāva gaccha mahārājā’’ti. Sakko ‘‘sādhū’’ti paṭiññaṃ adāsi.

    เอวํ มจลคามเก มฆมาณวกาลโต ปฎฺฐาย วิสุทฺธภาวมสฺส สมฺปสฺสโนฺต ภควา ‘‘ทีฆรตฺตํ วิสุโทฺธ โข อยํ ยโกฺข’’ติ อาหฯ อตฺถสญฺหิตนฺติ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตํฯ

    Evaṃ macalagāmake maghamāṇavakālato paṭṭhāya visuddhabhāvamassa sampassanto bhagavā ‘‘dīgharattaṃ visuddho kho ayaṃ yakkho’’ti āha. Atthasañhitanti atthanissitaṃ kāraṇanissitaṃ.

    ปญฺหเวยฺยากรณวณฺณนา

    Pañhaveyyākaraṇavaṇṇanā

    ๓๕๗. กิํ สํโยชนาติ กิํ พนฺธนา, เกน พนฺธเนน พทฺธา หุตฺวาฯ ปุถุกายาติ พหุชนาฯ อเวราติ อปฺปฎิฆาฯ อทณฺฑาติ อาวุธทณฺฑธนทณฺฑวินิมุตฺตาฯ อสปตฺตาติ อปจฺจตฺถิกาฯ อพฺยาปชฺชาติ วิคตโทมนสฺสาฯ วิหเรมุ อเวริโนติ อโห วต เกนจิ สทฺธิํ อเวริโน วิหเรยฺยาม, กตฺถจิ โกปํ น อุปฺปาเทตฺวา อจฺฉราย คหิตกํ ชงฺฆสหเสฺสน สทฺธิํ ปริภุเญฺชยฺยามาติ ทานํ ทตฺวา ปูชํ กตฺวา จ ปตฺถยนฺติฯ อิติ จ เนสํ โหตีติ เอวญฺจ เนสํ อยํ ปตฺถนา โหติฯ อถ จ ปนาติ เอวํ ปตฺถนาย สติปิฯ

    357.Kiṃ saṃyojanāti kiṃ bandhanā, kena bandhanena baddhā hutvā. Puthukāyāti bahujanā. Averāti appaṭighā. Adaṇḍāti āvudhadaṇḍadhanadaṇḍavinimuttā. Asapattāti apaccatthikā. Abyāpajjāti vigatadomanassā. Viharemu averinoti aho vata kenaci saddhiṃ averino vihareyyāma, katthaci kopaṃ na uppādetvā accharāya gahitakaṃ jaṅghasahassena saddhiṃ paribhuñjeyyāmāti dānaṃ datvā pūjaṃ katvā ca patthayanti. Iti ca nesaṃ hotīti evañca nesaṃ ayaṃ patthanā hoti. Atha ca panāti evaṃ patthanāya satipi.

    อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนาติ ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อิสฺสา, อตฺตสมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนลกฺขณํ มจฺฉริยํ, อิสฺสา จ มจฺฉริยญฺจ สํโยชนํ เอเตสนฺติ อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน อิสฺสามจฺฉริยานิ อภิธเมฺม วุตฺตาเนวฯ

    Issāmacchariyasaṃyojanāti parasampattikhīyanalakkhaṇā issā, attasampattiyā parehi sādhāraṇabhāvassa asahanalakkhaṇaṃ macchariyaṃ, issā ca macchariyañca saṃyojanaṃ etesanti issāmacchariyasaṃyojanā. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana issāmacchariyāni abhidhamme vuttāneva.

    อาวาสมจฺฉริเยน ปเนตฺถ ยโกฺข วา เปโต วา หุตฺวา ตเสฺสว อาวาสสฺส สงฺการํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา วิจรติฯ กุลมจฺฉริเยน ตสฺมิํ กุเล อเญฺญสํ ทานาทีนิ กโรเนฺต ทิสฺวา ‘‘ภินฺนํ วติทํ กุลํ มมา’’ติ จินฺตยโต โลหิตมฺปิ มุขโต อุคฺคจฺฉติ, กุจฺฉิวิเรจนมฺปิ โหติ, อนฺตานิปิ ขณฺฑาขณฺฑานิ หุตฺวา นิกฺขมนฺติฯ ลาภมจฺฉริเยน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา สนฺตเก ลาเภ มจฺฉรายิตฺวา ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุญฺชิตฺวา ยโกฺข วา เปโต วา มหาอชคโร วา หุตฺวา นิพฺพตฺตติฯ สรีรวณฺณคุณวณฺณมจฺฉริเยน ปน ปริยตฺติธมฺมมจฺฉริเยน จ อตฺตโนว วณฺณํ วเณฺณติ, น ปเรสํ วณฺณํ, ‘‘กิํ วโณฺณ เอโส’’ติ ตํ ตํ โทสํ วทโนฺต ปริยตฺติญฺจ กสฺสจิ กิญฺจิ อเทโนฺต ทุพฺพโณฺณ เจว เอฬมูโค จ โหติฯ

    Āvāsamacchariyena panettha yakkho vā peto vā hutvā tasseva āvāsassa saṅkāraṃ sīsena ukkhipitvā vicarati. Kulamacchariyena tasmiṃ kule aññesaṃ dānādīni karonte disvā ‘‘bhinnaṃ vatidaṃ kulaṃ mamā’’ti cintayato lohitampi mukhato uggacchati, kucchivirecanampi hoti, antānipi khaṇḍākhaṇḍāni hutvā nikkhamanti. Lābhamacchariyena saṅghassa vā gaṇassa vā santake lābhe maccharāyitvā puggalikaparibhogena paribhuñjitvā yakkho vā peto vā mahāajagaro vā hutvā nibbattati. Sarīravaṇṇaguṇavaṇṇamacchariyena pana pariyattidhammamacchariyena ca attanova vaṇṇaṃ vaṇṇeti, na paresaṃ vaṇṇaṃ, ‘‘kiṃ vaṇṇo eso’’ti taṃ taṃ dosaṃ vadanto pariyattiñca kassaci kiñci adento dubbaṇṇo ceva eḷamūgo ca hoti.

    อปิจ อาวาสมจฺฉริเยน โลหเคเห ปจฺจติฯ กุลมจฺฉริเยน อปฺปลาโภ โหติฯ ลาภมจฺฉริเยน คูถนิรเย นิพฺพตฺตติฯ วณฺณมจฺฉริเยน ภเว นิพฺพตฺตสฺส วโณฺณ นาม น โหติฯ ธมฺมมจฺฉริเยน กุกฺกุฬนิรเย นิพฺพตฺตติฯ อิทํ ปน อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนํ โสตาปตฺติมเคฺคน ปหียติฯ ยาว ตํ นปฺปหียติ, ตาว เทวมนุสฺสา อเวรตาทีนิ ปตฺถยนฺตาปิ เวราทีหิ น ปริมุจฺจนฺติเยวฯ

    Apica āvāsamacchariyena lohagehe paccati. Kulamacchariyena appalābho hoti. Lābhamacchariyena gūthaniraye nibbattati. Vaṇṇamacchariyena bhave nibbattassa vaṇṇo nāma na hoti. Dhammamacchariyena kukkuḷaniraye nibbattati. Idaṃ pana issāmacchariyasaṃyojanaṃ sotāpattimaggena pahīyati. Yāva taṃ nappahīyati, tāva devamanussā averatādīni patthayantāpi verādīhi na parimuccantiyeva.

    ติณฺณา เมตฺถ กงฺขาติ เอตสฺมิํ ปเญฺห มยา ตุมฺหากํ วจนํ สุตฺวา กงฺขา ติณฺณาติ วทติ, น มคฺควเสน ติณฺณกงฺขตํ ทีเปติฯ วิคตา กถํกถาติ อิทํ กถํ, อิทํ กถนฺติ อยมฺปิ กถํกถา วิคตาฯ

    Tiṇṇā mettha kaṅkhāti etasmiṃ pañhe mayā tumhākaṃ vacanaṃ sutvā kaṅkhā tiṇṇāti vadati, na maggavasena tiṇṇakaṅkhataṃ dīpeti. Vigatā kathaṃkathāti idaṃ kathaṃ, idaṃ kathanti ayampi kathaṃkathā vigatā.

    ๓๕๘. นิทานาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ ปิยาปฺปิยนิทานนฺติ ปิยสตฺตสงฺขารนิทานํ มจฺฉริยํ, อปฺปิยสตฺตสงฺขารนิทานา อิสฺสาฯ อุภยํ วา อุภยนิทานํฯ ปพฺพชิตสฺส หิ สทฺธิวิหาริกาทโย, คหฎฺฐสฺส ปุตฺตาทโย หตฺถิอสฺสาทโย วา สตฺตา ปิยา โหนฺติ เกฬายิตา มมายิตา, มุหุตฺตมฺปิ เต อปสฺสโนฺต อธิวาเสตุํ น สโกฺกติฯ โส อญฺญํ ตาทิสํ ปิยสตฺตํ ลภนฺตํ ทิสฺวา อิสฺสํ กโรติฯ ‘‘อิมินา อมฺหากํ กิญฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, มุหุตฺตํ ตาว นํ เทถา’’ติ ตเมว อเญฺญหิ ยาจิโต ‘‘น สกฺกา ทาตุํ, กิลมิสฺสติ วา อุกฺกณฺฐิสฺสติ วา’’ติอาทีนิ วตฺวา มจฺฉริยํ กโรติฯ เอวํ ตาว อุภยมฺปิ ปิยสตฺตนิทานํ โหติฯ ภิกฺขุสฺส ปน ปตฺตจีวรปริกฺขารชาตํ, คหฎฺฐสฺส วา อลงฺการาทิอุปกรณํ ปิยํ โหติ มนาปํ, โส อญฺญสฺส ตาทิสํ อุปฺปชฺชมานํ ทิสฺวา ‘‘อโห วตสฺส เอวรูปํ น ภเวยฺยา’’ติ อิสฺสํ กโรติ, ยาจิโต วาปิ ‘‘มยเมฺปตํ มมายนฺตา น ปริภุญฺชาม, น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ มจฺฉริยํ กโรติฯ เอวํ อุภยมฺปิ ปิยสงฺขารนิทานํ โหติฯ อปฺปิเย ปน เต วุตฺตปฺปกาเร สเตฺต จ สงฺขาเร จ ลภิตฺวา สเจปิสฺส เต อมนาปา โหนฺติ, ตถาปิ กิเลสานํ วิปรีตวุตฺติตาย ‘‘ฐเปตฺวา มํ โก อโญฺญ เอวรูปสฺส ลาภี’’ติ อิสฺสํ วา กโรติ, ยาจิโต ตาวกาลิกมฺปิ อททมาโน มจฺฉริยํ วา กโรติฯ เอวํ อุภยมฺปิ อปฺปิยสตฺตสงฺขารนิทานํ โหติฯ

    358.Nidānādīni vuttatthāneva. Piyāppiyanidānanti piyasattasaṅkhāranidānaṃ macchariyaṃ, appiyasattasaṅkhāranidānā issā. Ubhayaṃ vā ubhayanidānaṃ. Pabbajitassa hi saddhivihārikādayo, gahaṭṭhassa puttādayo hatthiassādayo vā sattā piyā honti keḷāyitā mamāyitā, muhuttampi te apassanto adhivāsetuṃ na sakkoti. So aññaṃ tādisaṃ piyasattaṃ labhantaṃ disvā issaṃ karoti. ‘‘Iminā amhākaṃ kiñci kammaṃ atthi, muhuttaṃ tāva naṃ dethā’’ti tameva aññehi yācito ‘‘na sakkā dātuṃ, kilamissati vā ukkaṇṭhissati vā’’tiādīni vatvā macchariyaṃ karoti. Evaṃ tāva ubhayampi piyasattanidānaṃ hoti. Bhikkhussa pana pattacīvaraparikkhārajātaṃ, gahaṭṭhassa vā alaṅkārādiupakaraṇaṃ piyaṃ hoti manāpaṃ, so aññassa tādisaṃ uppajjamānaṃ disvā ‘‘aho vatassa evarūpaṃ na bhaveyyā’’ti issaṃ karoti, yācito vāpi ‘‘mayampetaṃ mamāyantā na paribhuñjāma, na sakkā dātu’’nti macchariyaṃ karoti. Evaṃ ubhayampi piyasaṅkhāranidānaṃ hoti. Appiye pana te vuttappakāre satte ca saṅkhāre ca labhitvā sacepissa te amanāpā honti, tathāpi kilesānaṃ viparītavuttitāya ‘‘ṭhapetvā maṃ ko añño evarūpassa lābhī’’ti issaṃ vā karoti, yācito tāvakālikampi adadamāno macchariyaṃ vā karoti. Evaṃ ubhayampi appiyasattasaṅkhāranidānaṃ hoti.

    ฉนฺทนิทานนฺติ เอตฺถ ปริเยสนฉโนฺท, ปฎิลาภฉโนฺท, ปริโภคฉโนฺท, สนฺนิธิฉโนฺท, วิสฺสชฺชนฉโนฺทติ ปญฺจวิโธ ฉโนฺทฯ

    Chandanidānanti ettha pariyesanachando, paṭilābhachando, paribhogachando, sannidhichando, vissajjanachandoti pañcavidho chando.

    กตโม ปริเยสนฉโนฺท? อิเธกโจฺจ อติโตฺต ฉนฺทชาโต รูปํ ปริเยสติ, สทฺทํฯ คนฺธํฯ รสํฯ โผฎฺฐพฺพํ ปริเยสติ, ธนํ ปริเยสติฯ อยํ ปริเยสนฉโนฺทฯ

    Katamo pariyesanachando? Idhekacco atitto chandajāto rūpaṃ pariyesati, saddaṃ. Gandhaṃ. Rasaṃ. Phoṭṭhabbaṃ pariyesati, dhanaṃ pariyesati. Ayaṃ pariyesanachando.

    กตโม ปฎิลาภฉโนฺท? อิเธกโจฺจ อติโตฺต ฉนฺทชาโต รูปํ ปฎิลภติ, สทฺทํฯ คนฺธํฯ รสํฯ โผฎฺฐพฺพํ ปฎิลภติ, ธนํ ปฎิลภติฯ อยํ ปฎิลาภฉโนฺทฯ

    Katamo paṭilābhachando? Idhekacco atitto chandajāto rūpaṃ paṭilabhati, saddaṃ. Gandhaṃ. Rasaṃ. Phoṭṭhabbaṃ paṭilabhati, dhanaṃ paṭilabhati. Ayaṃ paṭilābhachando.

    กตโม ปริโภคฉโนฺท? อิเธกโจฺจ อติโตฺต ฉนฺทชาโต รูปํ ปริภุญฺชติ, สทฺทํฯ คนฺธํฯ รสํฯ โผฎฺฐพฺพํ ปริภุญฺชติ, ธนํ ปริภุญฺชติฯ อยํ ปริโภคฉโนฺทฯ

    Katamo paribhogachando? Idhekacco atitto chandajāto rūpaṃ paribhuñjati, saddaṃ. Gandhaṃ. Rasaṃ. Phoṭṭhabbaṃ paribhuñjati, dhanaṃ paribhuñjati. Ayaṃ paribhogachando.

    กตโม สนฺนิธิฉโนฺท? อิเธกโจฺจ อติโตฺต ฉนฺทชาโต ธนสนฺนิจยํ กโรติ ‘‘อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติฯ อยํ สนฺนิธิฉโนฺทฯ

    Katamo sannidhichando? Idhekacco atitto chandajāto dhanasannicayaṃ karoti ‘‘āpadāsu bhavissatī’’ti. Ayaṃ sannidhichando.

    กตโม วิสฺสชฺชนฉโนฺท? อิเธกโจฺจ อติโตฺต ฉนฺทชาโต ธนํ วิสฺสเชฺชติ, หตฺถาโรหานํ, อสฺสาโรหานํ, รถิกานํ, ธนุคฺคหานํ – ‘‘อิเม มํ รกฺขิสฺสนฺติ โคปิสฺสนฺติ มมายิสฺสนฺติ สมฺปริวารยิสฺสนฺตี’’ติฯ อยํ วิสฺสชฺชนฉโนฺทฯ อิเม ปญฺจ ฉนฺทาฯ อิธ ตณฺหามตฺตเมว, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํฯ

    Katamo vissajjanachando? Idhekacco atitto chandajāto dhanaṃ vissajjeti, hatthārohānaṃ, assārohānaṃ, rathikānaṃ, dhanuggahānaṃ – ‘‘ime maṃ rakkhissanti gopissanti mamāyissanti samparivārayissantī’’ti. Ayaṃ vissajjanachando. Ime pañca chandā. Idha taṇhāmattameva, taṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ.

    วิตกฺกนิทาโนติ เอตฺถ ‘‘ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๑๐) เอวํ วุโตฺต วินิจฺฉยวิตโกฺก วิตโกฺก นามฯ วินิจฺฉโยติ เทฺว วินิจฺฉยา ตณฺหาวินิจฺฉโย จ, ทิฎฺฐิวินิจฺฉโย จฯ อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตํ ตณฺหาวินิจฺฉโย นามฯ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐิวินิจฺฉโย นามาติ เอวํ วุตฺตตณฺหาวินิจฺฉยวเสน หิ อิฎฺฐานิฎฺฐปิยาปฺปิยววตฺถานํ น โหติฯ ตเทว หิ เอกจฺจสฺส อิฎฺฐํ โหติ, เอกจฺจสฺส อนิฎฺฐํ ปจฺจนฺตราชมชฺฌิมเทสราชูนํ คณฺฑุปฺปาทมิคมํสาทีสุ วิยฯ ตสฺมิํ ปน ตณฺหาวินิจฺฉยวินิจฺฉิเต ปฎิลทฺธวตฺถุสฺมิํ ‘‘เอตฺตกํ รูปสฺส ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทสฺส, เอตฺตกํ คนฺธสฺส, เอตฺตกํ รสสฺส, เอตฺตกํ โผฎฺฐพฺพสฺส ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามิ, เอตฺตกํ ปรสฺส ทสฺสามี’’ติ ววตฺถานํ วิตกฺกวินิจฺฉเยน โหติฯ เตนาห ‘‘ฉโนฺท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติฯ

    Vitakkanidānoti ettha ‘‘lābhaṃ paṭicca vinicchayo’’ti (dī. ni. 2.110) evaṃ vutto vinicchayavitakko vitakko nāma. Vinicchayoti dve vinicchayā taṇhāvinicchayo ca, diṭṭhivinicchayo ca. Aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritaṃ taṇhāvinicchayo nāma. Dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhivinicchayo nāmāti evaṃ vuttataṇhāvinicchayavasena hi iṭṭhāniṭṭhapiyāppiyavavatthānaṃ na hoti. Tadeva hi ekaccassa iṭṭhaṃ hoti, ekaccassa aniṭṭhaṃ paccantarājamajjhimadesarājūnaṃ gaṇḍuppādamigamaṃsādīsu viya. Tasmiṃ pana taṇhāvinicchayavinicchite paṭiladdhavatthusmiṃ ‘‘ettakaṃ rūpassa bhavissati, ettakaṃ saddassa, ettakaṃ gandhassa, ettakaṃ rasassa, ettakaṃ phoṭṭhabbassa bhavissati, ettakaṃ mayhaṃ bhavissati, ettakaṃ parassa bhavissati, ettakaṃ nidahissāmi, ettakaṃ parassa dassāmī’’ti vavatthānaṃ vitakkavinicchayena hoti. Tenāha ‘‘chando kho, devānaminda, vitakkanidāno’’ti.

    ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิทาโนติ ตโย ปปญฺจา ตณฺหาปปโญฺจ, มานปปโญฺจ, ทิฎฺฐิปปโญฺจติฯ ตตฺถ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตํ ตณฺหาปปโญฺจ นามฯ นววิโธ มาโน มานปปโญฺจ นามฯ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐิปปโญฺจ นามฯ เตสุ อิธ ตณฺหาปปโญฺจ อธิเปฺปโตฯ เกนเฎฺฐน ปปโญฺจ? มตฺตปมตฺตาการปาปนเฎฺฐน ปปโญฺจฯ ตํสมฺปยุตฺตา สญฺญา ปปญฺจสญฺญาฯ สงฺขา วุจฺจติ โกฎฺฐาโส ‘‘สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ วิยฯ อิติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิทาโนติ ปปญฺจสญฺญาโกฎฺฐาสนิทาโน วิตโกฺกติ อโตฺถฯ

    Papañcasaññāsaṅkhānidānoti tayo papañcā taṇhāpapañco, mānapapañco, diṭṭhipapañcoti. Tattha aṭṭhasatataṇhāvicaritaṃ taṇhāpapañco nāma. Navavidho māno mānapapañco nāma. Dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhipapañco nāma. Tesu idha taṇhāpapañco adhippeto. Kenaṭṭhena papañco? Mattapamattākārapāpanaṭṭhena papañco. Taṃsampayuttā saññā papañcasaññā. Saṅkhā vuccati koṭṭhāso ‘‘saññānidānā hi papañcasaṅkhā’’tiādīsu viya. Iti papañcasaññāsaṅkhānidānoti papañcasaññākoṭṭhāsanidāno vitakkoti attho.

    ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินินฺติ เอติสฺสา ปปญฺจสญฺญาสงฺขาย ขยา นิโรโธ วูปสโม, ตสฺส สารุปฺปเญฺจว ตตฺถ คามินิํ จาติ สห วิปสฺสนาย มคฺคํ ปุจฺฉติฯ

    Papañcasaññāsaṅkhānirodhasāruppagāmininti etissā papañcasaññāsaṅkhāya khayā nirodho vūpasamo, tassa sāruppañceva tattha gāminiṃ cāti saha vipassanāya maggaṃ pucchati.

    เวทนากมฺมฎฺฐานวณฺณนา

    Vedanākammaṭṭhānavaṇṇanā

    ๓๕๙. อถสฺส ภควา โสมนสฺสํปาหนฺติ ติโสฺส เวทนา อารภิฯ กิํ ปน ภควตา ปุจฺฉิตํ กถิตํ, อปุจฺฉิตํ, สานุสนฺธิกํ, อนนุสนฺธิกนฺติ? ปุจฺฉิตเมว กถิตํ, โน อปุจฺฉิตํ, สานุสนฺธิกเมว, โน อนนุสนฺธิกํฯ เทวตานญฺหิ รูปโต อรูปํ ปากฎตรํ, อรูเปปิ เวทนา ปากฎตราฯ กสฺมา? เทวตานญฺหิ กรชกายํ สุขุมํ, กมฺมชํ พลวํ, กรชกายสฺส สุขุมตฺตา, กมฺมชสฺส พลวตฺตา เอกาหารมฺปิ อติกฺกมิตฺวา น ติฎฺฐนฺติ, อุณฺหปาสาเณ ฐปิตสปฺปิปิณฺฑิ วิย วิลียนฺตีติ สพฺพํ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ตสฺมา ภควา สกฺกสฺส ติโสฺส เวทนา อารภิฯ ทุวิธญฺหิ กมฺมฎฺฐานํ – รูปกมฺมฎฺฐานํ, อรูปกมฺมฎฺฐานญฺจฯ รูปปริคฺคโห, อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจติฯ ตตฺถ ภควา ยสฺส รูปํ ปากฎํ, ตสฺส สเงฺขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานํ วิตฺถาเรโนฺต รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถติฯ ยสฺส อรูปํ ปากฎํ, ตสฺส อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถติฯ กเถโนฺต จ ตสฺส วตฺถุภูตํ รูปกมฺมฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวาว กเถติ, เทวานํ ปน อรูปกมฺมฎฺฐานํ ปากฎนฺติ อรูปกมฺมฎฺฐานวเสน เวทนา อารภิฯ

    359. Athassa bhagavā somanassaṃpāhanti tisso vedanā ārabhi. Kiṃ pana bhagavatā pucchitaṃ kathitaṃ, apucchitaṃ, sānusandhikaṃ, ananusandhikanti? Pucchitameva kathitaṃ, no apucchitaṃ, sānusandhikameva, no ananusandhikaṃ. Devatānañhi rūpato arūpaṃ pākaṭataraṃ, arūpepi vedanā pākaṭatarā. Kasmā? Devatānañhi karajakāyaṃ sukhumaṃ, kammajaṃ balavaṃ, karajakāyassa sukhumattā, kammajassa balavattā ekāhārampi atikkamitvā na tiṭṭhanti, uṇhapāsāṇe ṭhapitasappipiṇḍi viya vilīyantīti sabbaṃ brahmajāle vuttanayeneva veditabbaṃ. Tasmā bhagavā sakkassa tisso vedanā ārabhi. Duvidhañhi kammaṭṭhānaṃ – rūpakammaṭṭhānaṃ, arūpakammaṭṭhānañca. Rūpapariggaho, arūpapariggahotipi etadeva vuccati. Tattha bhagavā yassa rūpaṃ pākaṭaṃ, tassa saṅkhepamanasikāravasena vā vitthāramanasikāravasena vā catudhātuvavatthānaṃ vitthārento rūpakammaṭṭhānaṃ katheti. Yassa arūpaṃ pākaṭaṃ, tassa arūpakammaṭṭhānaṃ katheti. Kathento ca tassa vatthubhūtaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ dassetvāva katheti, devānaṃ pana arūpakammaṭṭhānaṃ pākaṭanti arūpakammaṭṭhānavasena vedanā ārabhi.

    ติวิโธ หิ อรูปกมฺมฎฺฐาเน อภินิเวโส – ผสฺสวเสน, เวทนาวเสน, จิตฺตวเสนาติฯ กถํ? เอกจฺจสฺส หิ สงฺขิเตฺตน วา วิตฺถาเรน วา ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฎฺฐาเน ตสฺมิํ อารมฺมเณ จิตฺตเจตสิกานํ ปฐมาภินิปาโต ตํ อารมฺมณํ ผุสโนฺต อุปฺปชฺชมาโน ผโสฺส ปากโฎ โหติฯ เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฎา โหติฯ เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ตํ วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติฯ

    Tividho hi arūpakammaṭṭhāne abhiniveso – phassavasena, vedanāvasena, cittavasenāti. Kathaṃ? Ekaccassa hi saṅkhittena vā vitthārena vā pariggahite rūpakammaṭṭhāne tasmiṃ ārammaṇe cittacetasikānaṃ paṭhamābhinipāto taṃ ārammaṇaṃ phusanto uppajjamāno phasso pākaṭo hoti. Ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ anubhavantī uppajjamānā vedanā pākaṭā hoti. Ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ pariggahetvā taṃ vijānantaṃ uppajjamānaṃ viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti.

    ตตฺถ ยสฺส ผโสฺส ปากโฎ โหติ, โสปิ น เกวลํ ผโสฺสว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธิํ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตีติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส เวทนา ปากฎา โหติ, โสปิ น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ, ตาย สทฺธิํ ตเทว อารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตีติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติ, โสปิ น เกวลํ วิญฺญาณเมว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธิํ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตีติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ

    Tattha yassa phasso pākaṭo hoti, sopi na kevalaṃ phassova uppajjati, tena saddhiṃ tadeva ārammaṇaṃ anubhavamānā vedanāpi uppajjati, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi, vijānamānaṃ viññāṇampi uppajjatīti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa vedanā pākaṭā hoti, sopi na kevalaṃ vedanāva uppajjati, tāya saddhiṃ tadeva ārammaṇaṃ phusamāno phassopi uppajjati, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi, vijānamānaṃ viññāṇampi uppajjatīti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti, sopi na kevalaṃ viññāṇameva uppajjati, tena saddhiṃ tadevārammaṇaṃ phusamāno phassopi uppajjati, anubhavamānā vedanāpi, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi uppajjatīti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti.

    โส ‘‘อิเม ผสฺสปญฺจมกา ธมฺมา กิํ นิสฺสิตา’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘วตฺถุนิสฺสิตา’’ติ ปชานาติฯ วตฺถุ นาม กรชกาโย, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อิทญฺจ ปน เม วิญฺญาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฎิพทฺธ’’นฺติฯ โส อตฺถโต ภูตานิ เจว อุปาทารูปานิ จฯ เอวเมตฺถ วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปญฺจมกา นามนฺติ นามรูปมตฺตเมว ปสฺสติฯ รูปเญฺจตฺถ รูปกฺขโนฺธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปญฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติฯ นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปญฺจกฺขนฺธา, ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ วา นามรูปํ นตฺถิฯ โส ‘‘อิเม ปญฺจกฺขนฺธา กิํ เหตุกา’’ติ อุปปริกฺขโนฺต ‘‘อวิชฺชาทิเหตุกา’’ติ ปสฺสติฯ ตโต ‘‘ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนญฺจ อิทํ, อโญฺญ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตเมวา’’ติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ สมฺมสโนฺต วิจรติ , โส อชฺช อชฺชาติ ปฎิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป ทิวเส อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกปลฺลเงฺกน นิสิโนฺนว วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอวมิเมสมฺปิ ติณฺณํ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กถิตํ โหติฯ

    So ‘‘ime phassapañcamakā dhammā kiṃ nissitā’’ti upadhārento ‘‘vatthunissitā’’ti pajānāti. Vatthu nāma karajakāyo, yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘idañca pana me viññāṇaṃ ettha sitaṃ ettha paṭibaddha’’nti. So atthato bhūtāni ceva upādārūpāni ca. Evamettha vatthu rūpaṃ, phassapañcamakā nāmanti nāmarūpamattameva passati. Rūpañcettha rūpakkhandho, nāmaṃ cattāro arūpino khandhāti pañcakkhandhamattaṃ hoti. Nāmarūpavinimuttā hi pañcakkhandhā, pañcakkhandhavinimuttaṃ vā nāmarūpaṃ natthi. So ‘‘ime pañcakkhandhā kiṃ hetukā’’ti upaparikkhanto ‘‘avijjādihetukā’’ti passati. Tato ‘‘paccayo ceva paccayuppannañca idaṃ, añño satto vā puggalo vā natthi, suddhasaṅkhārapuñjamattamevā’’ti sappaccayanāmarūpavasena tilakkhaṇaṃ āropetvā vipassanāpaṭipāṭiyā ‘‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’’ti sammasanto vicarati , so ajja ajjāti paṭivedhaṃ ākaṅkhamāno tathārūpe divase utusappāyaṃ, puggalasappāyaṃ, bhojanasappāyaṃ, dhammasavanasappāyaṃ vā labhitvā ekapallaṅkena nisinnova vipassanaṃ matthakaṃ pāpetvā arahatte patiṭṭhāti. Evamimesampi tiṇṇaṃ janānaṃ yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathitaṃ hoti.

    อิธ ปน ภควา อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต เวทนาสีเสน กเถสิฯ ผสฺสวเสน หิ วิญฺญาณวเสน วา กถิยมานํ เอตสฺส น ปากฎํ โหติ, อนฺธการํ วิย ขายติฯ เวทนาวเสน ปน ปากฎํ โหติฯ กสฺมา? เวทนานํ อุปฺปตฺติยา ปากฎตายฯ สุขทุกฺขเวทนานญฺหิ อุปฺปตฺติ ปากฎาฯ ยทา สุขํ อุปฺปชฺชติ, ตทา สกลํ สรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ สตโธตสปฺปิํ ขาทาปยนฺตํ วิย, สตปากเตลํ มกฺขยมานํ วิย, ฆฎสหเสฺสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย, ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติฯ ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตทา สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย, วิลีนตมฺพโลเหน อาสิญฺจนฺตํ วิย, สุกฺขติณวนปฺปติมฺหิ อรเญฺญ ทารุอุกฺกากลาปํ ขิปมานํ วิย ‘‘อโห ทุกฺขํ, อโห ทุกฺข’’นฺติ วิปฺปลาปยมานเมว อุปฺปชฺชติฯ อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติฯ

    Idha pana bhagavā arūpakammaṭṭhānaṃ kathento vedanāsīsena kathesi. Phassavasena hi viññāṇavasena vā kathiyamānaṃ etassa na pākaṭaṃ hoti, andhakāraṃ viya khāyati. Vedanāvasena pana pākaṭaṃ hoti. Kasmā? Vedanānaṃ uppattiyā pākaṭatāya. Sukhadukkhavedanānañhi uppatti pākaṭā. Yadā sukhaṃ uppajjati, tadā sakalaṃ sarīraṃ khobhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ abhisandayamānaṃ satadhotasappiṃ khādāpayantaṃ viya, satapākatelaṃ makkhayamānaṃ viya, ghaṭasahassena pariḷāhaṃ nibbāpayamānaṃ viya, ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti vācaṃ nicchārayamānameva uppajjati. Yadā dukkhaṃ uppajjati, tadā sakalasarīraṃ khobhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ abhisandayamānaṃ tattaphālaṃ pavesentaṃ viya, vilīnatambalohena āsiñcantaṃ viya, sukkhatiṇavanappatimhi araññe dāruukkākalāpaṃ khipamānaṃ viya ‘‘aho dukkhaṃ, aho dukkha’’nti vippalāpayamānameva uppajjati. Iti sukhadukkhavedanānaṃ uppatti pākaṭā hoti.

    อทุกฺขมสุขา ปน ทุทฺทีปนา อนฺธกาเรน วิย อภิภูตาฯ สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฎิเกฺขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต คณฺหนฺตสฺส ปากฎา โหติฯ ยถา กิํ? ยถา อนฺตรา ปิฎฺฐิปาสาณํ อารุหิตฺวา ปลาตสฺส มิคสฺส อนุปทํ คจฺฉโนฺต มิคลุทฺทโก ปิฎฺฐิปาสาณสฺส โอรภาเคปิ ปรภาเคปิ ปทํ ทิสฺวา มเชฺฌ อปสฺสโนฺตปิ ‘‘อิโต อารุโฬฺห, อิโต โอรุโฬฺห, มเชฺฌ ปิฎฺฐิปาสาเณ อิมินา ปเทเสน คโต ภวิสฺสตี’’ติ นยโต ชานาติ ฯ เอวํ อารุฬฺหฎฺฐาเน ปทํ วิย หิ สุขเวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติ, โอรุฬฺหฎฺฐาเน ปทํ วิย ทุกฺขเวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติ, อิโต อารุยฺห, อิโต โอรุยฺห, มเชฺฌ เอวํ คโตติ นยโต คหณํ วิย สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฎิเกฺขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต คณฺหนฺตสฺส ปากฎา โหติฯ เอวํ ภควา ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน นิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิฯ

    Adukkhamasukhā pana duddīpanā andhakārena viya abhibhūtā. Sā sukhadukkhānaṃ apagame sātāsātapaṭikkhepavasena majjhattākārabhūtā adukkhamasukhā vedanāti nayato gaṇhantassa pākaṭā hoti. Yathā kiṃ? Yathā antarā piṭṭhipāsāṇaṃ āruhitvā palātassa migassa anupadaṃ gacchanto migaluddako piṭṭhipāsāṇassa orabhāgepi parabhāgepi padaṃ disvā majjhe apassantopi ‘‘ito āruḷho, ito oruḷho, majjhe piṭṭhipāsāṇe iminā padesena gato bhavissatī’’ti nayato jānāti . Evaṃ āruḷhaṭṭhāne padaṃ viya hi sukhavedanāya uppatti pākaṭā hoti, oruḷhaṭṭhāne padaṃ viya dukkhavedanāya uppatti pākaṭā hoti, ito āruyha, ito oruyha, majjhe evaṃ gatoti nayato gahaṇaṃ viya sukhadukkhānaṃ apagame sātāsātapaṭikkhepavasena majjhattākārabhūtā adukkhamasukhā vedanāti nayato gaṇhantassa pākaṭā hoti. Evaṃ bhagavā paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena nivattetvā dassesi.

    น เกวลญฺจ อิเธว เอวํ ทเสฺสสิ, มหาสติปฎฺฐาเน, มชฺฌิมนิกายมฺหิ สติปฎฺฐาเน, จูฬตณฺหาสงฺขเย, มหาตณฺหาสงฺขเย, จูฬเวทลฺลสุเตฺต, มหาเวทลฺลสุเตฺต, รฎฺฐปาลสุเตฺต, มาคณฺฑิยสุเตฺต, ธาตุวิภเงฺค, อาเนญฺชสปฺปาเย, สกเล เวทนาสํยุเตฺตติ เอวํ อเนเกสุ สุตฺตเนฺตสุ ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน นิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิฯ ยถา จ เตสุ เตสุ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สกฺกปเญฺห ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน นิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิฯ รูปกมฺมฎฺฐานํ ปเนตฺถ เวทนาย อารมฺมณมตฺตกํเยว สงฺขิตฺตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ นารุฬฺหํ ภวิสฺสติฯ

    Na kevalañca idheva evaṃ dassesi, mahāsatipaṭṭhāne, majjhimanikāyamhi satipaṭṭhāne, cūḷataṇhāsaṅkhaye, mahātaṇhāsaṅkhaye, cūḷavedallasutte, mahāvedallasutte, raṭṭhapālasutte, māgaṇḍiyasutte, dhātuvibhaṅge, āneñjasappāye, sakale vedanāsaṃyutteti evaṃ anekesu suttantesu paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena nivattetvā dassesi. Yathā ca tesu tesu, evaṃ imasmimpi sakkapañhe paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena nivattetvā dassesi. Rūpakammaṭṭhānaṃ panettha vedanāya ārammaṇamattakaṃyeva saṅkhittaṃ, tasmā pāḷiyaṃ nāruḷhaṃ bhavissati.

    ๓๖๐. อรูปกมฺมฎฺฐาเน ยํ ตสฺส ปากฎํ เวทนาวเสน อภินิเวสมุขํ, ตเมว ทเสฺสตุํ โสมนสฺสํปาหํ, เทวานมินฺทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทุวิเธนาติ ทฺวิวิเธน, ทฺวีหิ โกฎฺฐาเสหีติ อโตฺถฯ เอวรูปํ โสมนสฺสํ น เสวิตพฺพนฺติ เอวรูปํ เคหสิตโสมนสฺสํ น เสวิตพฺพํฯ เคหสิตโสมนสฺสํ นาม ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานิ? จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ ปฎิลาภํ วา ปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต, ปุเพฺพ วา ปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ วุตฺตกามคุณนิสฺสิตํ โสมนสฺสํ (ม. นิ. ๓.๓๐๖)ฯ

    360. Arūpakammaṭṭhāne yaṃ tassa pākaṭaṃ vedanāvasena abhinivesamukhaṃ, tameva dassetuṃ somanassaṃpāhaṃ, devānamindātiādimāha. Tattha duvidhenāti dvividhena, dvīhi koṭṭhāsehīti attho. Evarūpaṃ somanassaṃ na sevitabbanti evarūpaṃ gehasitasomanassaṃ na sevitabbaṃ. Gehasitasomanassaṃ nāma ‘‘tattha katamāni cha gehasitāni somanassāni? Cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ paṭilābhaṃ vā paṭilābhato samanupassato, pubbe vā paṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati somanassaṃ, yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ, idaṃ vuccati gehasitaṃ somanassa’’nti evaṃ chasu dvāresu vuttakāmaguṇanissitaṃ somanassaṃ (ma. ni. 3.306).

    เอวรูปํ โสมนสฺสํ เสวิตพฺพนฺติ เอวรูปํ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสํ เสวิตพฺพํฯ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสํ นาม – ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ? รูปานํ เตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา, ทุกฺขา, วิปริณามธมฺมาติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๐๘) เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ สโกฺกนฺตสฺส ‘‘อุสฺสุกฺกิตา เม วิปสฺสนา’’ติ โสมนสฺสชาตสฺส อุปฺปนฺนํ โสมนสฺสํฯ เสวิตพฺพนฺติ อิทํ เนกฺขมฺมวเสน, วิปสฺสนาวเสน, อนุสฺสติวเสน, ปฐมชฺฌานาทิวเสน จ อุปฺปชฺชนกโสมนสฺสํ เสวิตพฺพํ นามฯ

    Evarūpaṃsomanassaṃ sevitabbanti evarūpaṃ nekkhammasitaṃ somanassaṃ sevitabbaṃ. Nekkhammasitaṃ somanassaṃ nāma – ‘‘tattha katamāni cha nekkhammasitāni somanassāni? Rūpānaṃ tveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ pubbe ceva rūpā etarahi ca sabbe te rūpā aniccā, dukkhā, vipariṇāmadhammāti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati somanassaṃ, yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ, idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ somanassa’’nti (ma. ni. 3.308) evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvā ussukkāpetuṃ sakkontassa ‘‘ussukkitā me vipassanā’’ti somanassajātassa uppannaṃ somanassaṃ. Sevitabbanti idaṃ nekkhammavasena, vipassanāvasena, anussativasena, paṭhamajjhānādivasena ca uppajjanakasomanassaṃ sevitabbaṃ nāma.

    ตตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ ตสฺมิมฺปิ เนกฺขมฺมสิเต โสมนเสฺส ยํ เนกฺขมฺมวเสน, วิปสฺสนาวเสน, อนุสฺสติวเสน, ปฐมชฺฌานวเสน จ อุปฺปนฺนํ สวิตกฺกํ สวิจารํ โสมนสฺสนฺติ ชาเนยฺยฯ ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ยํ ปน ทุติยตติยชฺฌานวเสน อุปฺปนฺนํ อวิตกฺกํ อวิจารํ โสมนสฺสนฺติ ชาเนยฺยฯ เย อวิตเกฺก อวิจาเร, เต ปณีตตเรติ เอเตสุปิ ทฺวีสุ ยํ อวิตกฺกํ อวิจารํ, ตํ ปณีตตรนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha yaṃ ce savitakkaṃ savicāranti tasmimpi nekkhammasite somanasse yaṃ nekkhammavasena, vipassanāvasena, anussativasena, paṭhamajjhānavasena ca uppannaṃ savitakkaṃ savicāraṃ somanassanti jāneyya. Yaṃ ce avitakkaṃ avicāranti yaṃ pana dutiyatatiyajjhānavasena uppannaṃ avitakkaṃ avicāraṃ somanassanti jāneyya. Ye avitakke avicāre, te paṇītatareti etesupi dvīsu yaṃ avitakkaṃ avicāraṃ, taṃ paṇītataranti attho.

    อิมินา กิํ กถิตํ โหติ? ทฺวินฺนํ อรหตฺตํ กถิตํฯ กถํ? เอโก กิร ภิกฺขุ สวิตกฺกสวิจาเร โสมนเสฺส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อิทํ โสมนสฺสํ กิํ นิสฺสิต’’นฺติ อุปธาเรโนฺต ‘‘วตฺถุนิสฺสิต’’นฺติ ปชานาตีติ ผสฺสปญฺจมเก วุตฺตนเยเนว อนุกฺกเมน อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอโก อวิตกฺกอวิจาเร โสมนเสฺส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา วุตฺตนเยเนว อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ ตตฺถ อภินิวิฎฺฐโสมนเสฺสสุปิ สวิตกฺกสวิจารโต อวิตกฺกอวิจารํ ปณีตตรํฯ สวิตกฺกสวิจารโสมนสฺสวิปสฺสนาโตปิ อวิตกฺกอวิจารวิปสฺสนา ปณีตตราฯ สวิตกฺกสวิจารโสมนสฺสผลสมาปตฺติโตปิ อวิตกฺกอวิจารโสมนสฺสผลสมาปตฺติเยว ปณีตตราฯ เตนาห ภควา ‘‘เย อวิตเกฺก อวิจาเร, เต ปณีตตเร’’ติฯ

    Iminā kiṃ kathitaṃ hoti? Dvinnaṃ arahattaṃ kathitaṃ. Kathaṃ? Eko kira bhikkhu savitakkasavicāre somanasse vipassanaṃ paṭṭhapetvā ‘‘idaṃ somanassaṃ kiṃ nissita’’nti upadhārento ‘‘vatthunissita’’nti pajānātīti phassapañcamake vuttanayeneva anukkamena arahatte patiṭṭhāti. Eko avitakkaavicāre somanasse vipassanaṃ paṭṭhapetvā vuttanayeneva arahatte patiṭṭhāti. Tattha abhiniviṭṭhasomanassesupi savitakkasavicārato avitakkaavicāraṃ paṇītataraṃ. Savitakkasavicārasomanassavipassanātopi avitakkaavicāravipassanā paṇītatarā. Savitakkasavicārasomanassaphalasamāpattitopi avitakkaavicārasomanassaphalasamāpattiyeva paṇītatarā. Tenāha bhagavā ‘‘ye avitakke avicāre, te paṇītatare’’ti.

    ๓๖๑. เอวรูปํ โทมนสฺสํ น เสวิตพฺพนฺติ เอวรูปํ เคหสิตโทมนสฺสํ น เสวิตพฺพํฯ เคหสิตโทมนสฺสํ นาม – ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิ? จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ อปฺปฎิลาภํ วา อปฺปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุเพฺพ วา อปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เคหสิตโทมนสฺส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๐๗)ฯ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมณํ นานุภวิํ, นานุภวิสฺสามิ, นานุภวามีติ วิตกฺกยโต อุปฺปนฺนํ กามคุณนิสฺสิตํ โทมนสฺสํฯ

    361.Evarūpaṃdomanassaṃ na sevitabbanti evarūpaṃ gehasitadomanassaṃ na sevitabbaṃ. Gehasitadomanassaṃ nāma – ‘‘tattha katamāni cha gehasitāni domanassāni? Cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ appaṭilābhaṃ vā appaṭilābhato samanupassato pubbe vā apaṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati domanassaṃ, yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ, idaṃ vuccati gehasitadomanassa’’nti (ma. ni. 3.307). Evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇaṃ nānubhaviṃ, nānubhavissāmi, nānubhavāmīti vitakkayato uppannaṃ kāmaguṇanissitaṃ domanassaṃ.

    เอวรูปํ โทมนสฺสํ เสวิตพฺพนฺติ เอวรูปํ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสํ เสวิตพฺพํฯ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสํ นาม – ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิ? รูปานํ เตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา, ทุกฺขา, วิปริณามธมฺมาติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺปปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาเปติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ, อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติฯ อิติ อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต อุปฺปชฺชติ ปิหปจฺจยา โทมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๐๗) เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อนุตฺตรวิโมกฺขสงฺขาตอริยผลธเมฺมสุ ปิหํ อุปฎฺฐเปตฺวา ตทธิคมาย อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุมสโกฺกนฺตสฺส อิมมฺปิ ปกฺขํ, อิมมฺปิ มาสํ, อิมมฺปิ สํวจฺฉรํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยภูมิํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขินฺติ อนุโสจโต อุปฺปนฺนํ โทมนสฺสํฯ เสวิตพฺพนฺติ อิทํ เนกฺขมฺมวเสน, วิปสฺสนาวเสน, อนุสฺสติวเสน, ปฐมชฺฌานาทิวเสน จ อุปฺปชฺชนกโทมนสฺสํ เสวิตพฺพํ นามฯ

    Evarūpaṃ domanassaṃ sevitabbanti evarūpaṃ nekkhammasitadomanassaṃ sevitabbaṃ. Nekkhammasitadomanassaṃ nāma – ‘‘tattha katamāni cha nekkhammasitāni domanassāni? Rūpānaṃ tveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ pubbe ceva rūpā etarahi ca sabbe te rūpā aniccā, dukkhā, vipariṇāmadhammāti evametaṃ yathābhūtaṃ sampappaññāya disvā anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpeti ‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ, upasampajja viharissāmi, yadariyā etarahi āyatanaṃ upasampajja viharantī’ti. Iti anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato uppajjati pihapaccayā domanassaṃ, yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ, idaṃ vuccati nekkhammasitadomanassa’’nti (ma. ni. 3.307) evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate anuttaravimokkhasaṅkhātaariyaphaladhammesu pihaṃ upaṭṭhapetvā tadadhigamāya aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvā ussukkāpetumasakkontassa imampi pakkhaṃ, imampi māsaṃ, imampi saṃvaccharaṃ vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyabhūmiṃ pāpuṇituṃ nāsakkhinti anusocato uppannaṃ domanassaṃ. Sevitabbanti idaṃ nekkhammavasena, vipassanāvasena, anussativasena, paṭhamajjhānādivasena ca uppajjanakadomanassaṃ sevitabbaṃ nāma.

    ตตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกสวิจารนฺติ ตสฺมิมฺปิ ทุวิเธ โทมนเสฺส เคหสิตโทมนสฺสเมว สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสํ นามฯ เนกฺขมฺมวเสน, วิปสฺสนาวเสน, อนุสฺสติวเสน, ปฐมทุติยชฺฌานวเสน จ อุปฺปนฺนโทมนสฺสํ ปน อวิตกฺกอวิจารโทมนสฺสนฺติ เวทิตพฺพํฯ นิปฺปริยาเยน ปน อวิตกฺกอวิจารโทมนสฺสํ นาม นตฺถิฯ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺหิ เอกํเสน อกุสลเญฺจว สวิตกฺกสวิจารญฺจ, เอตสฺส ปน ภิกฺขุโน มญฺญนวเสน สวิตกฺกสวิจารนฺติ จ อวิตกฺกอวิจารนฺติ จ วุตฺตํฯ

    Tattha yaṃ ce savitakkasavicāranti tasmimpi duvidhe domanasse gehasitadomanassameva savitakkasavicāradomanassaṃ nāma. Nekkhammavasena, vipassanāvasena, anussativasena, paṭhamadutiyajjhānavasena ca uppannadomanassaṃ pana avitakkaavicāradomanassanti veditabbaṃ. Nippariyāyena pana avitakkaavicāradomanassaṃ nāma natthi. Domanassindriyañhi ekaṃsena akusalañceva savitakkasavicārañca, etassa pana bhikkhuno maññanavasena savitakkasavicāranti ca avitakkaavicāranti ca vuttaṃ.

    ตตฺรายํ นโย – อิธ ภิกฺขุ โทมนสฺสปจฺจยภูเต สวิตกฺกสวิจารธเมฺม อวิตกฺกอวิจารธเมฺม จ โทมนสฺสปจฺจยา เอว อุปฺปเนฺน มคฺคผลธเมฺม จ อเญฺญสํ ปฎิปตฺติทสฺสนวเสน โทมนสฺสนฺติ คเหตฺวา ‘‘กทา นุ โข เม สวิตกฺกสวิจารโทมนเสฺส วิปสฺสนา ปฎฺฐปิตา ภวิสฺสติ, กทา อวิตกฺกอวิจารโทมนเสฺส’’ติ จ ‘‘กทา นุ โข เม สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสผลสมาปตฺติ นิพฺพตฺติตา ภวิสฺสติ, กทา อวิตกฺกอวิจารโทมนสฺสผลสมาปตฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เตมาสิกํ, ฉมาสิกํ, นวมาสิกํ วา ปฎิปทํ คณฺหาติฯ เตมาสิกํ คเหตฺวา ปฐมมาเส เอกํ ยามํ ชคฺคติ, เทฺว ยาเม นิทฺทาย โอกาสํ กโรติ, มชฺฌิเม มาเส เทฺว ยาเม ชคฺคติ, เอกํ ยามํ นิทฺทาย โอกาสํ กโรติ, ปจฺฉิมมาเส จงฺกมนิสชฺชาเยว ยาเปติฯ เอวํ เจ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปาปุณาติ, วิเสเสตฺวา ฉมาสิกํ คณฺหาติฯ ตตฺราปิ เทฺว เทฺว มาเส วุตฺตนเยน ปฎิปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อสโกฺกโนฺต วิเสเสตฺวา นวมาสิกํ คณฺหาติฯ ตตฺราปิ ตโย ตโย มาเส ตเถว ปฎิปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส ‘‘น ลทฺวํ วต เม สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธิํ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรตุ’’นฺติ อาวชฺชโต โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, อสฺสุธารา ปวตฺตนฺติ คามนฺตปพฺภารวาสีมหาสีวเตฺถรสฺส วิยฯ

    Tatrāyaṃ nayo – idha bhikkhu domanassapaccayabhūte savitakkasavicāradhamme avitakkaavicāradhamme ca domanassapaccayā eva uppanne maggaphaladhamme ca aññesaṃ paṭipattidassanavasena domanassanti gahetvā ‘‘kadā nu kho me savitakkasavicāradomanasse vipassanā paṭṭhapitā bhavissati, kadā avitakkaavicāradomanasse’’ti ca ‘‘kadā nu kho me savitakkasavicāradomanassaphalasamāpatti nibbattitā bhavissati, kadā avitakkaavicāradomanassaphalasamāpattī’’ti cintetvā temāsikaṃ, chamāsikaṃ, navamāsikaṃ vā paṭipadaṃ gaṇhāti. Temāsikaṃ gahetvā paṭhamamāse ekaṃ yāmaṃ jaggati, dve yāme niddāya okāsaṃ karoti, majjhime māse dve yāme jaggati, ekaṃ yāmaṃ niddāya okāsaṃ karoti, pacchimamāse caṅkamanisajjāyeva yāpeti. Evaṃ ce arahattaṃ pāpuṇāti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce pāpuṇāti, visesetvā chamāsikaṃ gaṇhāti. Tatrāpi dve dve māse vuttanayena paṭipajjitvā arahattaṃ pāpuṇituṃ asakkonto visesetvā navamāsikaṃ gaṇhāti. Tatrāpi tayo tayo māse tatheva paṭipajjitvā arahattaṃ pāpuṇituṃ asakkontassa ‘‘na ladvaṃ vata me sabrahmacārīhi saddhiṃ visuddhipavāraṇaṃ pavāretu’’nti āvajjato domanassaṃ uppajjati, assudhārā pavattanti gāmantapabbhāravāsīmahāsīvattherassa viya.

    มหาสีวเตฺถรวตฺถุ

    Mahāsīvattheravatthu

    เถโร กิร อฎฺฐารส มหาคเณ วาเจสิฯ ตโสฺสวาเท ฐตฺวา ติํสสหสฺสา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ อเถโก ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ ตาว อพฺภนฺตเร คุณา อปฺปมาณา, กีทิสา นุ โข เม อาจริยสฺส คุณา’’ติ อาวชฺชโนฺต ปุถุชฺชนภาวํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อเญฺญสํ อวสฺสโย โหติ, อตฺตโน ภวิตุํ น สโกฺกติ, โอวาทมสฺส ทสฺสามี’’ติ อากาเสน คนฺตฺวา วิหารสมีเป โอตริตฺวา ทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนํ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตํ ทเสฺสตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Thero kira aṭṭhārasa mahāgaṇe vācesi. Tassovāde ṭhatvā tiṃsasahassā bhikkhū arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Atheko bhikkhu ‘‘mayhaṃ tāva abbhantare guṇā appamāṇā, kīdisā nu kho me ācariyassa guṇā’’ti āvajjanto puthujjanabhāvaṃ passitvā ‘‘amhākaṃ ācariyo aññesaṃ avassayo hoti, attano bhavituṃ na sakkoti, ovādamassa dassāmī’’ti ākāsena gantvā vihārasamīpe otaritvā divāṭṭhāne nisinnaṃ ācariyaṃ upasaṅkamitvā vattaṃ dassetvā ekamantaṃ nisīdi.

    เถโร – ‘‘กิํ การณา อาคโตสิ ปิณฺฑปาติกา’’ติ อาหฯ เอกํ อนุโมทนํ คณฺหิสฺสามีติ อาคโตสฺมิ, ภเนฺตติฯ โอกาโส น ภวิสฺสติ, อาวุโสติ? วิตกฺกมาฬเก ฐิตกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภเนฺตติฯ ตสฺมิํ ฐาเน อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ ภิกฺขาจารมเคฺค, ภเนฺตติฯ ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ ทุปฎฺฎนิวาสนฎฺฐาเน, สงฺฆาฎิปารุปนฎฺฐาเน, ปตฺตนีหรณฎฺฐาเน, คาเม จริตฺวา อาสนสาลายํ ยาคุปีตกาเล, ภเนฺตติฯ ตตฺถ อฎฺฐกถาเถรา อตฺตโน กงฺขํ วิโนเทนฺติ, อาวุโสติฯ อโนฺตคามโต นิกฺขนฺตกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภเนฺตติฯ ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติฯ อนฺตรามเคฺค, ภเนฺต, โภชนสาลายํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ภเนฺต, ทิวาฎฺฐาเน, ปาทโธวนกาเล, มุขโธวนกาเล, ภเนฺตติ? ตทา อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ ตโต ปฎฺฐาย ยาว อรุณา อปเร ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติฯ ทนฺตกฎฺฐํ คเหตฺวา มุขโธวนตฺถํ คมนกาเล, ภเนฺตติ? ตทา อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ มุขํ โธวิตฺวา อาคมนกาเล, ภเนฺตติ? ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ เสนาสนํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล, ภเนฺตติ? ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ ภเนฺต, นนุ มุขํ โธวิตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ตโย จตฺตาโร ปลฺลเงฺก อุสุมํ คาหาเปตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺตานํ โอกาสกาเลน ภวิตพฺพํ สิยา, มรณขณมฺปิ น ลภิสฺสถ, ภเนฺต, ผลกสทิสตฺถ ภเนฺต ปรสฺส อวสฺสโย โหถ, อตฺตโน ภวิตุํ น สโกฺกถ, น เม ตุมฺหากํ อนุโมทนาย อโตฺถติ อากาเส อุปฺปติตฺวา อคมาสิฯ

    Thero – ‘‘kiṃ kāraṇā āgatosi piṇḍapātikā’’ti āha. Ekaṃ anumodanaṃ gaṇhissāmīti āgatosmi, bhanteti. Okāso na bhavissati, āvusoti? Vitakkamāḷake ṭhitakāle pucchissāmi, bhanteti. Tasmiṃ ṭhāne aññe pucchantīti. Bhikkhācāramagge, bhanteti. Tatrāpi aññe pucchantīti. Dupaṭṭanivāsanaṭṭhāne, saṅghāṭipārupanaṭṭhāne, pattanīharaṇaṭṭhāne, gāme caritvā āsanasālāyaṃ yāgupītakāle, bhanteti. Tattha aṭṭhakathātherā attano kaṅkhaṃ vinodenti, āvusoti. Antogāmato nikkhantakāle pucchissāmi, bhanteti. Tatrāpi aññe pucchanti, āvusoti. Antarāmagge, bhante, bhojanasālāyaṃ bhattakiccapariyosāne, bhante, divāṭṭhāne, pādadhovanakāle, mukhadhovanakāle, bhanteti? Tadā aññe pucchantīti. Tato paṭṭhāya yāva aruṇā apare pucchanti, āvusoti. Dantakaṭṭhaṃ gahetvā mukhadhovanatthaṃ gamanakāle, bhanteti? Tadā aññe pucchantīti. Mukhaṃ dhovitvā āgamanakāle, bhanteti? Tatrāpi aññe pucchantīti. Senāsanaṃ pavisitvā nisinnakāle, bhanteti? Tatrāpi aññe pucchantīti. Bhante, nanu mukhaṃ dhovitvā senāsanaṃ pavisitvā tayo cattāro pallaṅke usumaṃ gāhāpetvā yonisomanasikāre kammaṃ karontānaṃ okāsakālena bhavitabbaṃ siyā, maraṇakhaṇampi na labhissatha, bhante, phalakasadisattha bhante parassa avassayo hotha, attano bhavituṃ na sakkotha, na me tumhākaṃ anumodanāya atthoti ākāse uppatitvā agamāsi.

    เถโร – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน ปริยตฺติยา กมฺมํ นตฺถิ, มยฺหํ ปน องฺกุสโก ภวิสฺสามีติ อาคโต’’ติ ญตฺวา ‘‘อิทานิ โอกาโส น ภวิสฺสติ, ปจฺจูสกาเล คมิสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรํ สมีเป กตฺวา สพฺพํ ทิวสภาคํ ปฐมยามมชฺฌิมยามญฺจ ธมฺมํ วาเจตฺวา ปจฺฉิมยาเม เอกสฺมิํ เถเร อุเทฺทสํ คเหตฺวา นิกฺขเนฺต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา เตเนว สทฺธิํ นิกฺขโนฺตฯ นิสินฺนอเนฺตวาสิกา อาจริโย เกนจิ ปปเญฺจน นิกฺขโนฺตติ มญฺญิํสุฯ นิกฺขโนฺต เถโร โกจิ เทว สมานาจริยภิกฺขูติ สญฺญํ อกาสิฯ

    Thero – ‘‘imassa bhikkhuno pariyattiyā kammaṃ natthi, mayhaṃ pana aṅkusako bhavissāmīti āgato’’ti ñatvā ‘‘idāni okāso na bhavissati, paccūsakāle gamissāmī’’ti pattacīvaraṃ samīpe katvā sabbaṃ divasabhāgaṃ paṭhamayāmamajjhimayāmañca dhammaṃ vācetvā pacchimayāme ekasmiṃ there uddesaṃ gahetvā nikkhante pattacīvaraṃ gahetvā teneva saddhiṃ nikkhanto. Nisinnaantevāsikā ācariyo kenaci papañcena nikkhantoti maññiṃsu. Nikkhanto thero koci deva samānācariyabhikkhūti saññaṃ akāsi.

    เถโร กิร ‘‘มาทิสสฺส อรหตฺตํ นาม กิํ, ทฺวีหตีเหเนว ปาปุณิตฺวา ปจฺจาคมิสฺสามี’’ติ อเนฺตวาสิกานํ อนาโรเจตฺวาว อาสาฬฺหีมาสสฺส ชุณฺหปกฺขเตรสิยา นิกฺขโนฺต คามนฺตปพฺภารํ คนฺตฺวา จงฺกมํ อารุยฺห กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรโนฺต ตํ ทิวสํ อรหตฺตํ คเหตุํ นาสกฺขิฯ อุโปสถทิวเส สมฺปเตฺต ‘‘ทฺวีหตีเหน อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามีติ อาคโต , คเหตุํ ปน นาสกฺขิํฯ ตโย มาเส ปน ตีณิ ทิวสานิ วิย ยาว มหาปวารณา ตาว ชานิสฺสามี’’ติ วสฺสํ อุปคนฺตฺวาปิ คเหตุํ นาสกฺขิฯ ปวารณาทิวเส จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ทฺวีหตีเหน อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามีติ อาคโต , เตมาเสนาปิ นาสกฺขิํ, สพฺรหฺมจาริโน ปน วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรนฺตี’’ติฯ ตเสฺสวํ จินฺตยโต อสฺสุธารา ปวตฺตนฺติฯ ตโต ‘‘น มเญฺจ มยฺหํ จตูหิ อิริยาปเถหิ มคฺคผลํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, อรหตฺตํ อปฺปตฺวา เนว มเญฺจ ปิฎฺฐิํ ปสาเรสฺสามิ, น ปาเท โธวิสฺสามี’’ติ มญฺจํ อุสฺสาเปตฺวา ฐเปสิฯ ปุน อโนฺตวสฺสํ ปตฺตํ, อรหตฺตํ คเหตุํ นาสกฺขิเยวฯ เอกูนติํสปวารณาสุ อสฺสุธารา ปวตฺตนฺติฯ คามทารกา เถรสฺส ปาเทสุ ผาลิตฎฺฐานานิ กณฺฎเกหิ สิพฺพนฺติ, ทวํ กโรนฺตาปิ ‘‘อยฺยสฺส มหาสีวเตฺถรสฺส วิย ปาทา โหนฺตู’’ติ ทวํ กโรนฺติฯ

    Thero kira ‘‘mādisassa arahattaṃ nāma kiṃ, dvīhatīheneva pāpuṇitvā paccāgamissāmī’’ti antevāsikānaṃ anārocetvāva āsāḷhīmāsassa juṇhapakkhaterasiyā nikkhanto gāmantapabbhāraṃ gantvā caṅkamaṃ āruyha kammaṭṭhānaṃ manasikaronto taṃ divasaṃ arahattaṃ gahetuṃ nāsakkhi. Uposathadivase sampatte ‘‘dvīhatīhena arahattaṃ gaṇhissāmīti āgato , gahetuṃ pana nāsakkhiṃ. Tayo māse pana tīṇi divasāni viya yāva mahāpavāraṇā tāva jānissāmī’’ti vassaṃ upagantvāpi gahetuṃ nāsakkhi. Pavāraṇādivase cintesi – ‘‘ahaṃ dvīhatīhena arahattaṃ gaṇhissāmīti āgato , temāsenāpi nāsakkhiṃ, sabrahmacārino pana visuddhipavāraṇaṃ pavārentī’’ti. Tassevaṃ cintayato assudhārā pavattanti. Tato ‘‘na mañce mayhaṃ catūhi iriyāpathehi maggaphalaṃ uppajjissati, arahattaṃ appatvā neva mañce piṭṭhiṃ pasāressāmi, na pāde dhovissāmī’’ti mañcaṃ ussāpetvā ṭhapesi. Puna antovassaṃ pattaṃ, arahattaṃ gahetuṃ nāsakkhiyeva. Ekūnatiṃsapavāraṇāsu assudhārā pavattanti. Gāmadārakā therassa pādesu phālitaṭṭhānāni kaṇṭakehi sibbanti, davaṃ karontāpi ‘‘ayyassa mahāsīvattherassa viya pādā hontū’’ti davaṃ karonti.

    เถโร ติํสสํวจฺฉเร มหาปวารณาทิวเส อาลมฺพณผลกํ นิสฺสาย ฐิโต ‘‘อิทานิ เม ติํส วสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส, นาสกฺขิํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, อทฺธา เม อิมสฺมิํ อตฺตภาเว มโคฺค วา ผลํ วา นตฺถิ, น เม ลทฺธํ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธิํ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรตุ’’นฺติ จิเนฺตสิฯ ตเสฺสวํ จินฺตยโตว โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, อสฺสุธารา ปวตฺตนฺติฯ อถ อวิทูรฎฺฐาเน เอกา เทวธีตา โรทมานา อฎฺฐาสิฯ ‘‘โก เอตฺถ โรทสี’’ติ? ‘‘อหํ, ภเนฺต, เทวธีตา’’ติฯ ‘‘กสฺมา โรทสี’’ติ? ‘‘โรทมาเนน มคฺคผลํ นิพฺพตฺติตํ, เตน อหมฺปิ เอกํ เทฺว มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตสฺสามีติ โรทามิ, ภเนฺต’’ติฯ

    Thero tiṃsasaṃvacchare mahāpavāraṇādivase ālambaṇaphalakaṃ nissāya ṭhito ‘‘idāni me tiṃsa vassāni samaṇadhammaṃ karontassa, nāsakkhiṃ arahattaṃ pāpuṇituṃ, addhā me imasmiṃ attabhāve maggo vā phalaṃ vā natthi, na me laddhaṃ sabrahmacārīhi saddhiṃ visuddhipavāraṇaṃ pavāretu’’nti cintesi. Tassevaṃ cintayatova domanassaṃ uppajji, assudhārā pavattanti. Atha avidūraṭṭhāne ekā devadhītā rodamānā aṭṭhāsi. ‘‘Ko ettha rodasī’’ti? ‘‘Ahaṃ, bhante, devadhītā’’ti. ‘‘Kasmā rodasī’’ti? ‘‘Rodamānena maggaphalaṃ nibbattitaṃ, tena ahampi ekaṃ dve maggaphalāni nibbattessāmīti rodāmi, bhante’’ti.

    ตโต เถโร – ‘‘โภ มหาสีวเตฺถร, เทวตาปิ ตยา สทฺธิํ เกฬิํ กโรนฺติ, อนุจฺฉวิกํ นุ โข เต เอต’’นฺติ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อคฺคเหสิฯ โส ‘‘อิทานิ นิปชฺชิสฺสามี’’ติ เสนาสนํ ปฎิชคฺคิตฺวา มญฺจกํ ปญฺญเปตฺวา อุทกฎฺฐาเน อุทกํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘ปาเท โธวิสฺสามี’’ติ โสปานผลเก นิสีทิฯ

    Tato thero – ‘‘bho mahāsīvatthera, devatāpi tayā saddhiṃ keḷiṃ karonti, anucchavikaṃ nu kho te eta’’nti vipassanaṃ vaḍḍhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ aggahesi. So ‘‘idāni nipajjissāmī’’ti senāsanaṃ paṭijaggitvā mañcakaṃ paññapetvā udakaṭṭhāne udakaṃ paccupaṭṭhapetvā ‘‘pāde dhovissāmī’’ti sopānaphalake nisīdi.

    อเนฺตวาสิกาปิสฺส ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส สมณธมฺมํ กาตุํ คจฺฉนฺตสฺส ติํส วสฺสานิ, สกฺขิ นุ โข วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ, นาสกฺขี’’ติ อาวชฺชยมานา ‘‘อรหตฺตํ ปตฺวา ปาทโธวนตฺถํ นิสิโนฺน’’ติ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อมฺหาทิเสสุ อเนฺตวาสิเกสุ ติฎฺฐเนฺตสุ ‘อตฺตนาว ปาเท โธวิสฺสตี’ติ อฎฺฐานเมตํ, อหํ โธวิสฺสามิ อหํ โธวิสฺสามี’’ติ ติํสสหสฺสานิปิ อากาเสน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปาเท โธวิสฺสาม, ภเนฺต’’ติ อาหํสุฯ อาวุโส, อิทานิ ติํส วสฺสานิ โหนฺติ มม ปาทานํ อโธตานํ, ติฎฺฐถ, ตุเมฺห, อหเมว โธวิสฺสามีติฯ

    Antevāsikāpissa ‘‘amhākaṃ ācariyassa samaṇadhammaṃ kātuṃ gacchantassa tiṃsa vassāni, sakkhi nu kho visesaṃ nibbattetuṃ, nāsakkhī’’ti āvajjayamānā ‘‘arahattaṃ patvā pādadhovanatthaṃ nisinno’’ti disvā ‘‘amhākaṃ ācariyo amhādisesu antevāsikesu tiṭṭhantesu ‘attanāva pāde dhovissatī’ti aṭṭhānametaṃ, ahaṃ dhovissāmi ahaṃ dhovissāmī’’ti tiṃsasahassānipi ākāsena gantvā vanditvā ‘‘pāde dhovissāma, bhante’’ti āhaṃsu. Āvuso, idāni tiṃsa vassāni honti mama pādānaṃ adhotānaṃ, tiṭṭhatha, tumhe, ahameva dhovissāmīti.

    สโกฺกปิ อาวชฺชโนฺต – ‘‘มยฺหํ อโยฺย มหาสีวเตฺถโร อรหตฺตํ ปโตฺต ติํสสหสฺสานํ อเนฺตวาสิกานํ ‘ปาเท โธวิสฺสามา’ติ อาคตานํ ปาเท โธวิตุํ น เทติฯ มาทิเส ปน อุปฎฺฐาเก ติฎฺฐเนฺต ‘มยฺหํ อโยฺย สยํ ปาเท โธวิสฺสตี’ติ อฎฺฐานเมตํ, อหํ โธวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา สุชาตาย เทวิยา สทฺธิํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติเก ปาตุรโหสิฯ โส สุชํ อสุรกญฺญํ ปุรโต กตฺวา ‘‘อเปถ, ภเนฺต, มาตุคาโม’’ติ โอกาสํ กาเรตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปุรโต อุกฺกุฎิโก นิสีทิตฺวา ‘‘ปาเท โธวิสฺสามิ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ โกสิย, อิทานิ เม ติํส วสฺสานิ ปาทานํ อโธตานํ, เทวตานญฺจ ปกติยาปิ มนุสฺสสรีรคโนฺธ นาม เชคุโจฺฉ, โยชนสเต ฐิตานมฺปิ กเณฺฐ อาสตฺตกุณปํ วิย โหติ, อหเมว โธวิสฺสามีติฯ ภเนฺต, อยํ คโนฺธ นาม น ปญฺญายติ, ตุมฺหากํ ปน สีลคโนฺธ ฉ เทวโลเก อติกฺกมิตฺวา อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ฐิโตฯ สีลคนฺธโต อโญฺญ อุตฺตริตโร คโนฺธ นาม นตฺถิ, ภเนฺต, ตุมฺหากํ สีลคเนฺธนมฺหิ อาคโตติ วามหเตฺถน โคปฺผกสนฺธิยํ คเหตฺวา ทกฺขิณหเตฺถน ปาทตลํ ปริมชฺชิฯ ทหรกุมารเสฺสว ปาทา อเหสุํฯ สโกฺก ปาเท โธวิตฺวา วนฺทิตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ

    Sakkopi āvajjanto – ‘‘mayhaṃ ayyo mahāsīvatthero arahattaṃ patto tiṃsasahassānaṃ antevāsikānaṃ ‘pāde dhovissāmā’ti āgatānaṃ pāde dhovituṃ na deti. Mādise pana upaṭṭhāke tiṭṭhante ‘mayhaṃ ayyo sayaṃ pāde dhovissatī’ti aṭṭhānametaṃ, ahaṃ dhovissāmī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā sujātāya deviyā saddhiṃ bhikkhusaṅghassa santike pāturahosi. So sujaṃ asurakaññaṃ purato katvā ‘‘apetha, bhante, mātugāmo’’ti okāsaṃ kāretvā theraṃ upasaṅkamitvā vanditvā purato ukkuṭiko nisīditvā ‘‘pāde dhovissāmi, bhante’’ti āha. Kosiya, idāni me tiṃsa vassāni pādānaṃ adhotānaṃ, devatānañca pakatiyāpi manussasarīragandho nāma jeguccho, yojanasate ṭhitānampi kaṇṭhe āsattakuṇapaṃ viya hoti, ahameva dhovissāmīti. Bhante, ayaṃ gandho nāma na paññāyati, tumhākaṃ pana sīlagandho cha devaloke atikkamitvā upari bhavaggaṃ patvā ṭhito. Sīlagandhato añño uttaritaro gandho nāma natthi, bhante, tumhākaṃ sīlagandhenamhi āgatoti vāmahatthena gopphakasandhiyaṃ gahetvā dakkhiṇahatthena pādatalaṃ parimajji. Daharakumārasseva pādā ahesuṃ. Sakko pāde dhovitvā vanditvā devalokameva gato.

    เอวํ ‘‘น ลภามิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธิํ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรตุ’’นฺติ อาวชฺชนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ โทมนสฺสํ นิสฺสาย ภิกฺขุโน มญฺญนวเสน วิปสฺสนาย อารมฺมณมฺปิ วิปสฺสนาปิ มโคฺคปิ ผลมฺปิ สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสนฺติ จ อวิตกฺกาวิจารโทมนสฺสนฺติ จ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Evaṃ ‘‘na labhāmi sabrahmacārīhi saddhiṃ visuddhipavāraṇaṃ pavāretu’’nti āvajjantassa uppannaṃ domanassaṃ nissāya bhikkhuno maññanavasena vipassanāya ārammaṇampi vipassanāpi maggopi phalampi savitakkasavicāradomanassanti ca avitakkāvicāradomanassanti ca vuttanti veditabbaṃ.

    ตตฺถ เอโก ภิกฺขุ สวิตกฺกสวิจารโทมนเสฺส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อิทํ โทมนสฺสํ กิํ นิสฺสิตนฺติ อุปธาเรโนฺต วตฺถุนิสฺสิตนฺติ ปชานาตีติ ผสฺสปญฺจมเก วุตฺตนเยเนว อนุกฺกเมน อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอโก อวิตกฺกาวิจาเร โทมนเสฺส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา วุตฺตนเยเนว อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ ตตฺถ อภินิวิฎฺฐโทมนเสฺสสุปิ สวิตกฺกสวิจารโต อวิตกฺกอวิจารํ ปณีตตรํฯ สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสวิปสฺสนาโตปิ อวิตกฺกาวิจารโทมนสฺสวิปสฺสนา ปณีตตราฯ สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสผลสมาปตฺติโตปิ อวิตกฺกาวิจารโทมนสฺสผลสมาปตฺติเยว ปณีตตรา ฯ เตนาห ภควา – ‘‘เย อวิตกฺกอวิจาเร เต ปณีตตเร’’ติฯ

    Tattha eko bhikkhu savitakkasavicāradomanasse vipassanaṃ paṭṭhapetvā idaṃ domanassaṃ kiṃ nissitanti upadhārento vatthunissitanti pajānātīti phassapañcamake vuttanayeneva anukkamena arahatte patiṭṭhāti. Eko avitakkāvicāre domanasse vipassanaṃ paṭṭhapetvā vuttanayeneva arahatte patiṭṭhāti. Tattha abhiniviṭṭhadomanassesupi savitakkasavicārato avitakkaavicāraṃ paṇītataraṃ. Savitakkasavicāradomanassavipassanātopi avitakkāvicāradomanassavipassanā paṇītatarā. Savitakkasavicāradomanassaphalasamāpattitopi avitakkāvicāradomanassaphalasamāpattiyeva paṇītatarā . Tenāha bhagavā – ‘‘ye avitakkaavicāre te paṇītatare’’ti.

    ๓๖๒. เอวรูปา อุเปกฺขา น เสวิตพฺพาติ เอวรูปา เคหสิตอุเปกฺขา น เสวิตพฺพาฯ เคหสิตอุเปกฺขา นาม ‘‘ตตฺถ กตมา ฉ เคหสิตอุเปกฺขาฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส, ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา นาติวตฺตติ, ตสฺมา สา อุเปกฺขา เคหสิตาติ วุจฺจตี’’ติ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต คุฬปิณฺฑิเก นิลีนมกฺขิกา วิย รูปาทีนิ อนติวตฺตมานา ตเตฺถว ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อุปฺปนฺนา กามคุณนิสฺสิตา อุเปกฺขา น เสวิตพฺพาฯ

    362.Evarūpā upekkhā na sevitabbāti evarūpā gehasitaupekkhā na sevitabbā. Gehasitaupekkhā nāma ‘‘tattha katamā cha gehasitaupekkhā. Cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati upekkhā bālassa mūḷhassa puthujjanassa anodhijinassa avipākajinassa anādīnavadassāvino assutavato puthujjanassa, yā evarūpā upekkhā, rūpaṃ sā nātivattati, tasmā sā upekkhā gehasitāti vuccatī’’ti evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate guḷapiṇḍike nilīnamakkhikā viya rūpādīni anativattamānā tattheva laggā laggitā hutvā uppannā kāmaguṇanissitā upekkhā na sevitabbā.

    เอวรูปา อุเปกฺขา เสวิตพฺพาติ เอวรูปา เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา เสวิตพฺพาฯ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา นาม – ‘‘ตตฺถ กตมา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา? รูปานํ เตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ‘ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ, สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา, ทุกฺขา, วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา, ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา อติวตฺตติ, ตสฺมา สา อุเปกฺขา เนกฺขมฺมสิตาติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๘)ฯ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐานิฎฺฐอารมฺมเณ อาปาถคเต อิเฎฺฐ อรชฺชนฺตสฺส, อนิเฎฺฐ อทุสฺสนฺตสฺส, อสมเปกฺขเนน อสมฺมุยฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิปสฺสนา ญาณสมฺปยุตฺตา อุเปกฺขาฯ อปิจ เวทนาสภาคา ตตฺร มชฺฌตฺตุเปกฺขาปิ เอตฺถ อุเปกฺขาวฯ ตสฺมา เสวิตพฺพาติ อยํ เนกฺขมฺมวเสน วิปสฺสนาวเสน อนุสฺสติฎฺฐานวเสน ปฐมทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานวเสน จ อุปฺปชฺชนกอุเปกฺขา เสวิตพฺพา นามฯ

    Evarūpā upekkhā sevitabbāti evarūpā nekkhammasitā upekkhā sevitabbā. Nekkhammasitā upekkhā nāma – ‘‘tattha katamā cha nekkhammasitā upekkhā? Rūpānaṃ tveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ ‘pubbe ceva rūpā etarahi ca, sabbe te rūpā aniccā, dukkhā, vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati upekkhā, yā evarūpā upekkhā, rūpaṃ sā ativattati, tasmā sā upekkhā nekkhammasitāti vuccatī’’ti (ma. ni. 3.308). Evaṃ chasu dvāresu iṭṭhāniṭṭhaārammaṇe āpāthagate iṭṭhe arajjantassa, aniṭṭhe adussantassa, asamapekkhanena asammuyhantassa uppannā vipassanā ñāṇasampayuttā upekkhā. Apica vedanāsabhāgā tatra majjhattupekkhāpi ettha upekkhāva. Tasmā sevitabbāti ayaṃ nekkhammavasena vipassanāvasena anussatiṭṭhānavasena paṭhamadutiyatatiyacatutthajjhānavasena ca uppajjanakaupekkhā sevitabbā nāma.

    เอตฺถ ยํ เจ สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ ตายปิ เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขาย ยํ เนกฺขมฺมวเสน วิปสฺสนาวเสน อนุสฺสติฎฺฐานวเสน ปฐมชฺฌานวเสน จ อุปฺปนฺนํ สวิตกฺกสวิจารํ อุเปกฺขนฺติ ชาเนยฺยฯ ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ยํ ปน ทุติยชฺฌานาทิวเสน อุปฺปนฺนํ อวิตกฺกาวิจารํ อุเปกฺขนฺติ ชาเนยฺยฯ เย อวิตเกฺก อวิจาเร เต ปณีตตเรติ เอตาสุ ทฺวีสุ ยา อวิตกฺกอวิจารา, สา ปณีตตราติ อโตฺถฯ อิมินา กิํ กถิตํ โหติ ? ทฺวินฺนํ อรหตฺตํ กถิตํฯ เอโก หิ ภิกฺขุ สวิตกฺกสวิจารอุเปกฺขาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อยํ อุเปกฺขา กิํ นิสฺสิตาติ อุปธาเรโนฺต วตฺถุนิสฺสิตาติ ปชานาตีติ ผสฺสปญฺจมเก วุตฺตนเยเนว อนุกฺกเมน อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอโก อวิตกฺกาวิจาราย อุเปกฺขาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา วุตฺตนเยเนว อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ ตตฺถ อภินิวิฎฺฐอุเปกฺขาสุปิ สวิตกฺกสวิจารโต อวิตกฺกาวิจารา ปณีตตราฯ สวิตกฺกสวิจารอุเปกฺขาวิปสฺสนาโตปิ อวิตกฺกาวิจารอุเปกฺขาวิปสฺสนาปณีตตราฯ สวิตกฺกสวิจารอุเปกฺขาผลสมาปตฺติโตปิ อวิตกฺกาวิจารุเปกฺขาผลสมาปตฺติเยว ปณีตตราฯ เตนาห ภควา ‘‘เย อวิตเกฺก อวิจาเร เต ปณีตตเร’’ติฯ

    Ettha yaṃ ce savitakkaṃ savicāranti tāyapi nekkhammasitaupekkhāya yaṃ nekkhammavasena vipassanāvasena anussatiṭṭhānavasena paṭhamajjhānavasena ca uppannaṃ savitakkasavicāraṃ upekkhanti jāneyya. Yaṃ ce avitakkaṃ avicāranti yaṃ pana dutiyajjhānādivasena uppannaṃ avitakkāvicāraṃ upekkhanti jāneyya. Yeavitakke avicāre te paṇītatareti etāsu dvīsu yā avitakkaavicārā, sā paṇītatarāti attho. Iminā kiṃ kathitaṃ hoti ? Dvinnaṃ arahattaṃ kathitaṃ. Eko hi bhikkhu savitakkasavicāraupekkhāya vipassanaṃ paṭṭhapetvā ayaṃ upekkhā kiṃ nissitāti upadhārento vatthunissitāti pajānātīti phassapañcamake vuttanayeneva anukkamena arahatte patiṭṭhāti. Eko avitakkāvicārāya upekkhāya vipassanaṃ paṭṭhapetvā vuttanayeneva arahatte patiṭṭhāti. Tattha abhiniviṭṭhaupekkhāsupi savitakkasavicārato avitakkāvicārā paṇītatarā. Savitakkasavicāraupekkhāvipassanātopi avitakkāvicāraupekkhāvipassanāpaṇītatarā. Savitakkasavicāraupekkhāphalasamāpattitopi avitakkāvicārupekkhāphalasamāpattiyeva paṇītatarā. Tenāha bhagavā ‘‘ye avitakke avicāre te paṇītatare’’ti.

    ๓๖๓. เอวํ ปฎิปโนฺน โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินิํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน โหตีติ ภควา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ สโกฺก ปน โสตาปตฺติผลํ ปโตฺตฯ พุทฺธานญฺหิ อชฺฌาสโย หีโน น โหติ, อุกฺกโฎฺฐว โหติฯ เอกสฺสปิ พหูนมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺตา อรหเตฺตเนว กูฎํ คณฺหนฺติฯ สตฺตา ปน อตฺตโน อนุรูเป อุปนิสฺสเย ฐิตา เกจิ โสตาปนฺนา โหนฺติ, เกจิ สกทาคามี, เกจิ อนาคามี, เกจิ อรหโนฺตฯ ราชา วิย หิ ภควา, ราชกุมารา วิย เวเนยฺยาฯ ยถา หิ ราชา โภชนกาเล อตฺตโน ปมาเณน ปิณฺฑํ อุทฺธริตฺวา ราชกุมารานํ อุปเนติ, เต ตโต อตฺตโน มุขปฺปมาเณเนว กพฬํ กโรนฺติ, เอวํ ภควา อตฺตชฺฌาสยานุรูปาย เทสนาย อรหเตฺตเนว กูฎํ คณฺหาติฯ เวเนยฺยา อตฺตโน อุปนิสฺสยปฺปมาเณน ตโต โสตาปตฺติผลมตฺตํ วา สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตผลเมว วา คณฺหนฺติฯ สโกฺก ปน โสตาปโนฺน ชาโตฯ โสตาปโนฺน จ หุตฺวา ภควโต ปุรโตเยว จวิตฺวา ตรุณสโกฺก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เทวตานญฺหิ จวมานานํ อตฺตภาวสฺส คตาคตฎฺฐานํ นาม น ปญฺญายติ, ทีปสิขาคมนํ วิย โหติฯ ตสฺมา เสสเทวตา น ชานิํสุฯ สโกฺก ปน สยํ จุตตฺตา ภควา จ อปฺปฎิหตญาณตฺตา เทฺวว ชนา ชานิํสุฯ อถ สโกฺก จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหญฺหิ ภควตา ตีสุ ฐาเนสุ นิพฺพตฺติตผลเมว กถิตํ, อยญฺจ ปน มโคฺค วา ผลํ วา สกุณิกาย วิย อุปฺปติตฺวา คเหตุํ น สกฺกา, อาคมนียปุพฺพภาคปฎิปทาย อสฺส ภวิตพฺพํฯ หนฺทาหํ อุปริ ขีณาสวสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทํ ปุจฺฉามี’’ติฯ

    363.Evaṃ paṭipanno kho, devānaminda, bhikkhu papañcasaññāsaṅkhānirodhasāruppagāminiṃ paṭipadaṃ paṭipanno hotīti bhagavā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapesi. Sakko pana sotāpattiphalaṃ patto. Buddhānañhi ajjhāsayo hīno na hoti, ukkaṭṭhova hoti. Ekassapi bahūnampi dhammaṃ desentā arahatteneva kūṭaṃ gaṇhanti. Sattā pana attano anurūpe upanissaye ṭhitā keci sotāpannā honti, keci sakadāgāmī, keci anāgāmī, keci arahanto. Rājā viya hi bhagavā, rājakumārā viya veneyyā. Yathā hi rājā bhojanakāle attano pamāṇena piṇḍaṃ uddharitvā rājakumārānaṃ upaneti, te tato attano mukhappamāṇeneva kabaḷaṃ karonti, evaṃ bhagavā attajjhāsayānurūpāya desanāya arahatteneva kūṭaṃ gaṇhāti. Veneyyā attano upanissayappamāṇena tato sotāpattiphalamattaṃ vā sakadāgāmianāgāmiarahattaphalameva vā gaṇhanti. Sakko pana sotāpanno jāto. Sotāpanno ca hutvā bhagavato puratoyeva cavitvā taruṇasakko hutvā nibbatti, devatānañhi cavamānānaṃ attabhāvassa gatāgataṭṭhānaṃ nāma na paññāyati, dīpasikhāgamanaṃ viya hoti. Tasmā sesadevatā na jāniṃsu. Sakko pana sayaṃ cutattā bhagavā ca appaṭihatañāṇattā dveva janā jāniṃsu. Atha sakko cintesi ‘‘mayhañhi bhagavatā tīsu ṭhānesu nibbattitaphalameva kathitaṃ, ayañca pana maggo vā phalaṃ vā sakuṇikāya viya uppatitvā gahetuṃ na sakkā, āgamanīyapubbabhāgapaṭipadāya assa bhavitabbaṃ. Handāhaṃ upari khīṇāsavassa pubbabhāgapaṭipadaṃ pucchāmī’’ti.

    ปาติโมกฺขสํวรวณฺณนา

    Pātimokkhasaṃvaravaṇṇanā

    ๓๖๔. ตโต ตํ ปุจฺฉโนฺต กถํ ปฎิปโนฺน ปน, มาริสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาติโมกฺขสํวรายาติ อุตฺตมเชฎฺฐกสีลสํวรายฯ กายสมาจารมฺปีติอาทิ เสวิตพฺพกายสมาจาราทิวเสน ปาติโมกฺขสํวรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ สีลกถา จ นาเมสา กมฺมปถวเสน วา ปณฺณตฺติวเสน วา กเถตพฺพา โหติฯ

    364. Tato taṃ pucchanto kathaṃ paṭipanno pana, mārisātiādimāha. Tattha pātimokkhasaṃvarāyāti uttamajeṭṭhakasīlasaṃvarāya. Kāyasamācārampītiādi sevitabbakāyasamācārādivasena pātimokkhasaṃvaradassanatthaṃ vuttaṃ. Sīlakathā ca nāmesā kammapathavasena vā paṇṇattivasena vā kathetabbā hoti.

    ตตฺถ กมฺมปถวเสน กเถเนฺตน อเสวิตพฺพกายสมาจาโร ตาว ปาณาติปาตอทินฺนาทานมิจฺฉาจาเรหิ กเถตโพฺพฯ ปณฺณตฺติวเสน กเถเนฺตน กายทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทวีติกฺกมวเสน กเถตโพฺพฯ เสวิตพฺพกายสมาจาโร ปาณาติปาตาทิเวรมณีหิ เจว กายทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทอวีติกฺกเมน จ กเถตโพฺพฯ อเสวิตพฺพวจีสมาจาโร มุสาวาทาทิวจีทุจฺจริเตน เจว วจีทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทวีติกฺกเมน จ กเถตโพฺพฯ เสวิตพฺพวจีสมาจาโร มุสาวาทาทิเวรมณีหิ เจว วจีทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทอวีติกฺกเมน จ กเถตโพฺพฯ

    Tattha kammapathavasena kathentena asevitabbakāyasamācāro tāva pāṇātipātaadinnādānamicchācārehi kathetabbo. Paṇṇattivasena kathentena kāyadvāre paññattasikkhāpadavītikkamavasena kathetabbo. Sevitabbakāyasamācāro pāṇātipātādiveramaṇīhi ceva kāyadvāre paññattasikkhāpadaavītikkamena ca kathetabbo. Asevitabbavacīsamācāro musāvādādivacīduccaritena ceva vacīdvāre paññattasikkhāpadavītikkamena ca kathetabbo. Sevitabbavacīsamācāro musāvādādiveramaṇīhi ceva vacīdvāre paññattasikkhāpadaavītikkamena ca kathetabbo.

    ปริเยสนา ปน กายวาจาหิ ปริเยสนาเยวฯ สา กายวจีสมาจารคหเณน คหิตาปิ สมานา ยสฺมา อาชีวฎฺฐมกสีลํ นาม เอตสฺมิเญฺญว ทฺวารทฺวเย อุปฺปชฺชติ, น อากาเส, ตสฺมา อาชีวฎฺฐมกสีลทสฺสนตฺถํ วิสุํ วุตฺตาฯ ตตฺถ นเสวิตพฺพปริเยสนา อนริยปริเยสนาย กเถตพฺพาฯ เสวิตพฺพปริเยสนา อริยปริเยสนายฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Pariyesanā pana kāyavācāhi pariyesanāyeva. Sā kāyavacīsamācāragahaṇena gahitāpi samānā yasmā ājīvaṭṭhamakasīlaṃ nāma etasmiññeva dvāradvaye uppajjati, na ākāse, tasmā ājīvaṭṭhamakasīladassanatthaṃ visuṃ vuttā. Tattha nasevitabbapariyesanā anariyapariyesanāya kathetabbā. Sevitabbapariyesanā ariyapariyesanāya. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘เทฺวมา, ภิกฺขเว, ปริเยสนา อนริยา จ ปริเยสนา, อริยา จ ปริเยสนาฯ กตมา จ, ภิกฺขเว, อนริยา ปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อตฺตนา ชาติธโมฺม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสติ, อตฺตนา ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม, มรณธโมฺม, โสกธโมฺม, สํกิเลสธโมฺม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    ‘‘Dvemā, bhikkhave, pariyesanā anariyā ca pariyesanā, ariyā ca pariyesanā. Katamā ca, bhikkhave, anariyā pariyesanā? Idha, bhikkhave, ekacco attanā jātidhammo samāno jātidhammaṃyeva pariyesati, attanā jarādhammo, byādhidhammo, maraṇadhammo, sokadhammo, saṃkilesadhammo samāno saṃkilesadhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชาติธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว , ชาติธมฺมํ, ทาสิทาสํ ชาติธมฺมํ อเชฬกํ ชาติธมฺมํ, กุกฺกุฎสูกรํ ชาติธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ ชาติธมฺมํ, ชาตรูปรชตํ ชาติธมฺมํฯ ชาติธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย, เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปโนฺน อตฺตนา ชาติธโมฺม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    Kiñca, bhikkhave, jātidhammaṃ vadetha? Puttabhariyaṃ, bhikkhave , jātidhammaṃ, dāsidāsaṃ jātidhammaṃ ajeḷakaṃ jātidhammaṃ, kukkuṭasūkaraṃ jātidhammaṃ, hatthigavāssavaḷavaṃ jātidhammaṃ, jātarūparajataṃ jātidhammaṃ. Jātidhammā hete, bhikkhave, upadhayo, etthāyaṃ gathito mucchito ajjhāpanno attanā jātidhammo samāno jātidhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชราธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, ชราธมฺมํ…เป.… ชราธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    Kiñca, bhikkhave, jarādhammaṃ vadetha? Puttabhariyaṃ, bhikkhave, jarādhammaṃ…pe… jarādhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, พฺยาธิธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, พฺยาธิธมฺมํ, ทาสิทาสํ พฺยาธิธมฺมํ, อเชฬกํ, กุกฺกุฎสูกรํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ พฺยาธิธมฺมํฯ พฺยาธิธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย, เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปโนฺน อตฺตนา พฺยาธิธโมฺม สมาโน พฺยาธิธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    Kiñca, bhikkhave, byādhidhammaṃ vadetha? Puttabhariyaṃ, bhikkhave, byādhidhammaṃ, dāsidāsaṃ byādhidhammaṃ, ajeḷakaṃ, kukkuṭasūkaraṃ, hatthigavāssavaḷavaṃ byādhidhammaṃ. Byādhidhammā hete, bhikkhave, upadhayo, etthāyaṃ gathito mucchito ajjhāpanno attanā byādhidhammo samāno byādhidhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, มรณธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, มรณธมฺมํ…เป.… มรณธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    Kiñca, bhikkhave, maraṇadhammaṃ vadetha? Puttabhariyaṃ, bhikkhave, maraṇadhammaṃ…pe… maraṇadhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, โสกธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ…เป.… โสกธมฺมํเยว ปริเยสติฯ

    Kiñca, bhikkhave, sokadhammaṃ vadetha? Puttabhariyaṃ…pe… sokadhammaṃyeva pariyesati.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, สํกิเลสธมฺมํ วเทถ…เป.… ชาตรูปรชตํ สํกิเลสธมฺมํฯ สํกิเลสธมฺมา , เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย, เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปโนฺน อตฺตนา สํกิเลสธโมฺม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสติฯ อยํ, ภิกฺขเว, อนริยา ปริเยสนาติ (ม. นิ. ๑.๒๗๔)ฯ

    Kiñca, bhikkhave, saṃkilesadhammaṃ vadetha…pe… jātarūparajataṃ saṃkilesadhammaṃ. Saṃkilesadhammā , hete, bhikkhave, upadhayo, etthāyaṃ gathito mucchito ajjhāpanno attanā saṃkilesadhammo samāno saṃkilesadhammaṃyeva pariyesati. Ayaṃ, bhikkhave, anariyā pariyesanāti (ma. ni. 1.274).

    อปิจ กุหนาทิวเสน ปญฺจวิธา, อโคจรวเสน ฉพฺพิธา เวชฺชกมฺมาทิวเสน เอกวีสติวิธา, เอวํ ปวตฺตา สพฺพาปิ อเนสนา อนริยปริเยสนาเยวาติ เวทิตพฺพาฯ

    Apica kuhanādivasena pañcavidhā, agocaravasena chabbidhā vejjakammādivasena ekavīsatividhā, evaṃ pavattā sabbāpi anesanā anariyapariyesanāyevāti veditabbā.

    ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อริยา ปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อตฺตนา ชาติธโมฺม สมาโน ชาติธเมฺม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชาตํ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา ชราธโมฺม, พฺยาธิ, มรณ, โสก, สํกิเลสธโมฺม สมาโน สํกิเลสธเมฺม อาทีนวํ วิทิตฺวา อสํกิลิฎฺฐํ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติฯ อยํ อริยา ปริเยสนาติ (ม. นิ. ๑.๒๗๕)ฯ

    ‘‘Katamā ca, bhikkhave, ariyā pariyesanā? Idha, bhikkhave, ekacco attanā jātidhammo samāno jātidhamme ādīnavaṃ viditvā ajātaṃ anuttaraṃ yogakkhemaṃ nibbānaṃ pariyesati, attanā jarādhammo, byādhi, maraṇa, soka, saṃkilesadhammo samāno saṃkilesadhamme ādīnavaṃ viditvā asaṃkiliṭṭhaṃ anuttaraṃ yogakkhemaṃ nibbānaṃ pariyesati. Ayaṃ ariyā pariyesanāti (ma. ni. 1.275).

    อปิจ ปญฺจ กุหนาทีนิ ฉ อโคจเร เอกวีสติวิธญฺจ อเนสนํ วเชฺชตฺวา ภิกฺขาจริยาย ธเมฺมน สเมน ปริเยสนาปิ อริยปริเยสนาเยวาติ เวทิตพฺพาฯ

    Apica pañca kuhanādīni cha agocare ekavīsatividhañca anesanaṃ vajjetvā bhikkhācariyāya dhammena samena pariyesanāpi ariyapariyesanāyevāti veditabbā.

    เอตฺถ จ โย โย ‘‘น เสวิตโพฺพ’’ติ วุโตฺต, โส โส ปุพฺพภาเค ปาณาติปาตาทีนํ สมฺภารปริเยสนาปโยคกรณคมนกาลโต ปฎฺฐาย น เสวิตโพฺพวฯ อิตโร อาทิโต ปฎฺฐาย เสวิตโพฺพ, อสโกฺกเนฺตน จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตพฺพํฯ อปิจ สงฺฆเภทาทีนํ อตฺถาย ปรกฺกมนฺตานํ เทวทตฺตาทีนํ วิย กายสมาจาโร น เสวิตโพฺพ, ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ติณฺณํ รตนานํ อุปฎฺฐานคมนาทิวเสน ปวโตฺต ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานเตฺถราทีนํ วิย กายสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ ธนุคฺคหเปสนาทิวเสน วาจํ ภินฺทนฺตานํ เทวทตฺตาทีนํ วิย วจีสมาจาโร น เสวิตโพฺพ, ติณฺณํ รตนานํ คุณกิตฺตนาทิวเสน ปวโตฺต ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานเตฺถราทีนํ วิย วจีสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ อนริยปริเยสนํ ปริเยสนฺตานํ เทวทตฺตาทีนํ วิย ปริเยสนา น เสวิตพฺพา, อริยปริเยสนเมว ปริเยสนฺตานํ ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานเตฺถราทีนํ วิย ปริเยสนา เสวิตพฺพาฯ

    Ettha ca yo yo ‘‘na sevitabbo’’ti vutto, so so pubbabhāge pāṇātipātādīnaṃ sambhārapariyesanāpayogakaraṇagamanakālato paṭṭhāya na sevitabbova. Itaro ādito paṭṭhāya sevitabbo, asakkontena cittampi uppādetabbaṃ. Apica saṅghabhedādīnaṃ atthāya parakkamantānaṃ devadattādīnaṃ viya kāyasamācāro na sevitabbo, divasassa dvattikkhattuṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ upaṭṭhānagamanādivasena pavatto dhammasenāpatimahāmoggallānattherādīnaṃ viya kāyasamācāro sevitabbo. Dhanuggahapesanādivasena vācaṃ bhindantānaṃ devadattādīnaṃ viya vacīsamācāro na sevitabbo, tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇakittanādivasena pavatto dhammasenāpatimahāmoggallānattherādīnaṃ viya vacīsamācāro sevitabbo. Anariyapariyesanaṃ pariyesantānaṃ devadattādīnaṃ viya pariyesanā na sevitabbā, ariyapariyesanameva pariyesantānaṃ dhammasenāpatimahāmoggallānattherādīnaṃ viya pariyesanā sevitabbā.

    เอวํ ปฎิปโนฺน โขติ เอวํ อเสวิตพฺพํ กายวจีสมาจารํ ปริเยสนญฺจ ปหาย เสวิตพฺพานํ ปาริปูริยา ปฎิปโนฺน, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวราย อุตฺตมเชฎฺฐกสีลสํวรตฺถาย ปฎิปโนฺน นาม โหตีติ ภควา ขีณาสวสฺส อาคมนียปุพฺพภาคปฎิปทํ กเถสิฯ

    Evaṃ paṭipanno khoti evaṃ asevitabbaṃ kāyavacīsamācāraṃ pariyesanañca pahāya sevitabbānaṃ pāripūriyā paṭipanno, devānaminda, bhikkhu pātimokkhasaṃvarāya uttamajeṭṭhakasīlasaṃvaratthāya paṭipanno nāma hotīti bhagavā khīṇāsavassa āgamanīyapubbabhāgapaṭipadaṃ kathesi.

    อินฺทฺริยสํวรวณฺณนา

    Indriyasaṃvaravaṇṇanā

    ๓๖๕. ทุติยปุจฺฉายํ อินฺทฺริยสํวรายาติ อินฺทฺริยานํ ปิธานาย, คุตฺตทฺวารตาย สํวุตทฺวารตายาติ อโตฺถฯ วิสฺสชฺชเน ปนสฺส จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปมฺปีติอาทิ เสวิตพฺพรูปาทิวเสน อินฺทฺริยสํวรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวํ วุเตฺตติ เหฎฺฐา โสมนสฺสาทิปญฺหาวิสฺสชฺชนานํ สุตตฺตา อิมินาปิ เอวรูเปน ภวิตพฺพนฺติ สญฺชาตปฎิภาโน ภควตา เอวํ วุเตฺต สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ, เอตํ อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺตติ อาทิกํ วจนํ อโวจฯ ภควาปิสฺส โอกาสํ ทตฺวา ตุณฺหี อโหสิฯ กเถตุกาโมปิ หิ โย อตฺถํ สมฺปาเทตุํ น สโกฺกติ, อตฺถํ สมฺปาเทตุํ สโกฺกโนฺต วา น กเถตุกาโม โหติ, น ตสฺส ภควา โอกาสํ กโรติฯ อยํ ปน ยสฺมา กเถตุกาโม เจว, สโกฺกติ จ อตฺถํ สมฺปาเทตุํ เตนสฺส ภควา โอกาสมกาสิฯ

    365. Dutiyapucchāyaṃ indriyasaṃvarāyāti indriyānaṃ pidhānāya, guttadvāratāya saṃvutadvāratāyāti attho. Vissajjane panassa cakkhuviññeyyaṃ rūpampītiādi sevitabbarūpādivasena indriyasaṃvaradassanatthaṃ vuttaṃ. Tattha evaṃ vutteti heṭṭhā somanassādipañhāvissajjanānaṃ sutattā imināpi evarūpena bhavitabbanti sañjātapaṭibhāno bhagavatā evaṃ vutte sakko devānamindo bhagavantaṃ etadavoca, etaṃ imassa kho ahaṃ, bhanteti ādikaṃ vacanaṃ avoca. Bhagavāpissa okāsaṃ datvā tuṇhī ahosi. Kathetukāmopi hi yo atthaṃ sampādetuṃ na sakkoti, atthaṃ sampādetuṃ sakkonto vā na kathetukāmo hoti, na tassa bhagavā okāsaṃ karoti. Ayaṃ pana yasmā kathetukāmo ceva, sakkoti ca atthaṃ sampādetuṃ tenassa bhagavā okāsamakāsi.

    ตตฺถ เอวรูปํ น เสวิตพฺพนฺติ อาทีสุ อยํ สเงฺขโป – ยํ รูปํ ปสฺสโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ น เสวิตพฺพํ น ทฎฺฐพฺพํ น โอโลเกตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ยํ ปน ปสฺสโต อสุภสญฺญา วา สณฺฐาติ, ปสาโท วา อุปฺปชฺชติ, อนิจฺจสญฺญาปฎิลาโภ วา โหติ, ตํ เสวิตพฺพํฯ

    Tattha evarūpaṃ na sevitabbanti ādīsu ayaṃ saṅkhepo – yaṃ rūpaṃ passato rāgādayo uppajjanti, taṃ na sevitabbaṃ na daṭṭhabbaṃ na oloketabbanti attho. Yaṃ pana passato asubhasaññā vā saṇṭhāti, pasādo vā uppajjati, aniccasaññāpaṭilābho vā hoti, taṃ sevitabbaṃ.

    ยํ จิตฺตกฺขรํ จิตฺตพฺยญฺชนมฺปิ สทฺทํ สุณโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอวรูโป สโทฺท น เสวิตโพฺพฯ ยํ ปน อตฺถนิสฺสิตํ ธมฺมนิสฺสิตํ กุมฺภทาสิคีตมฺปิ สุณนฺตสฺส ปสาโท วา อุปฺปชฺชติ, นิพฺพิทา วา สณฺฐาติ, เอวรูโป สโทฺท เสวิตโพฺพฯ

    Yaṃ cittakkharaṃ cittabyañjanampi saddaṃ suṇato rāgādayo uppajjanti, evarūpo saddo na sevitabbo. Yaṃ pana atthanissitaṃ dhammanissitaṃ kumbhadāsigītampi suṇantassa pasādo vā uppajjati, nibbidā vā saṇṭhāti, evarūpo saddo sevitabbo.

    ยํ คนฺธํ ฆายโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอวรูโป คโนฺธ น เสวิตโพฺพฯ ยํ ปน คนฺธํ ฆายโต อสุภสญฺญาทิปฎิลาโภ โหติ, เอวรูโป คโนฺธ เสวิตโพฺพฯ

    Yaṃ gandhaṃ ghāyato rāgādayo uppajjanti, evarūpo gandho na sevitabbo. Yaṃ pana gandhaṃ ghāyato asubhasaññādipaṭilābho hoti, evarūpo gandho sevitabbo.

    ยํ รสํ สายโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอวรูโป รโส น เสวิตโพฺพฯ ยํ ปน รสํ สายโต อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา เจว อุปฺปชฺชติ, สายิตปจฺจยา จ กายพลํ นิสฺสาย อริยภูมิํ โอกฺกมิตุํ สโกฺกติ, มหาสีวเตฺถรภาคิเนยฺยสีวสามเณรสฺส วิย ปริภุญฺชนฺตเสฺสว กิเลสกฺขโย วา โหติ, เอวรูโป รโส เสวิตโพฺพฯ

    Yaṃ rasaṃ sāyato rāgādayo uppajjanti, evarūpo raso na sevitabbo. Yaṃ pana rasaṃ sāyato āhāre paṭikūlasaññā ceva uppajjati, sāyitapaccayā ca kāyabalaṃ nissāya ariyabhūmiṃ okkamituṃ sakkoti, mahāsīvattherabhāgineyyasīvasāmaṇerassa viya paribhuñjantasseva kilesakkhayo vā hoti, evarūpo raso sevitabbo.

    ยํ โผฎฺฐพฺพํ ผุสโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอวรูปํ โผฎฺฐพฺพํ น เสวิตพฺพํฯ ยํ ปน ผุสโต สาริปุตฺตเตฺถราทีนํ วิย อาสวกฺขโย เจว, วีริยญฺจ สุปคฺคหิตํ, ปจฺฉิมา จ ชนตา ทิฎฺฐานุคติํ อาปาทเนน อนุคฺคหิตา โหติ, เอวรูปํ โผฎฺฐพฺพํ เสวิตพฺพํฯ สาริปุตฺตเตฺถโร กิร ติํส วสฺสานิ มเญฺจ ปิฎฺฐิํ น ปสาเรสิฯ ตถา มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโรฯ มหากสฺสปเตฺถโร วีสวสฺสสตํ มเญฺจ ปิฎฺฐิํ น ปสาเรสิฯ อนุรุทฺธเตฺถโร ปญฺญาส วสฺสานิฯ ภทฺทิยเตฺถโร ติํส วสฺสานิฯ โสณเตฺถโร อฎฺฐารส วสฺสานิฯ รฎฺฐปาลเตฺถโร ทฺวาทสฯ อานนฺทเตฺถโร ปนฺนรสฯ ราหุลเตฺถโร ทฺวาทสฯ พากุลเตฺถโร อสีติ วสฺสานิฯ นาฬกเตฺถโร ยาวปรินิพฺพานา มเญฺจ ปิฎฺฐิํ น ปสาเรสีติฯ

    Yaṃ phoṭṭhabbaṃ phusato rāgādayo uppajjanti, evarūpaṃ phoṭṭhabbaṃ na sevitabbaṃ. Yaṃ pana phusato sāriputtattherādīnaṃ viya āsavakkhayo ceva, vīriyañca supaggahitaṃ, pacchimā ca janatā diṭṭhānugatiṃ āpādanena anuggahitā hoti, evarūpaṃ phoṭṭhabbaṃ sevitabbaṃ. Sāriputtatthero kira tiṃsa vassāni mañce piṭṭhiṃ na pasāresi. Tathā mahāmoggallānatthero. Mahākassapatthero vīsavassasataṃ mañce piṭṭhiṃ na pasāresi. Anuruddhatthero paññāsa vassāni. Bhaddiyatthero tiṃsa vassāni. Soṇatthero aṭṭhārasa vassāni. Raṭṭhapālatthero dvādasa. Ānandatthero pannarasa. Rāhulatthero dvādasa. Bākulatthero asīti vassāni. Nāḷakatthero yāvaparinibbānā mañce piṭṭhiṃ na pasāresīti.

    เย มโนวิเญฺญเยฺย ธเมฺม สมนฺนาหรนฺตสฺส ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ‘‘อโห, วต ยํ ปเรสํ ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ มมสฺสา’’ติอาทินา นเยน วา อภิชฺฌาทีนิ อาปาถมาคจฺฉนฺติ เอวรูปา ธมฺมา น เสวิตพฺพาฯ ‘‘สเพฺพ สตฺตา อเวรา โหนฺตู’’ติ เอวํ เมตฺตาทิวเสน, เย วา ปน ติณฺณํ เถรานํ ธมฺมา, เอวรูปา เสวิตพฺพาฯ ตโย กิร เถรา วสฺสูปนายิกทิวเส กามวิตกฺกาทโย อกุสลวิตกฺกา น วิตเกฺกตพฺพาติ กติกํ อกํสุฯ อถ ปวารณทิวเส สงฺฆเตฺถโร สงฺฆนวกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อาวุโส, อิมสฺมิํ เตมาเส กิตฺตเก ฐาเน จิตฺตสฺส ธาวิตุํ ทินฺน’’นฺติ? น, ภเนฺต, ปริเวณปริเจฺฉทโต พหิ ธาวิตุํ อทาสินฺติฯ ทุติยํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตว อาวุโส’’ติ? นิวาสเคหโต, ภเนฺต, พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติฯ อถ เทฺวปิ เถรํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘ตุมฺหากํ ปน, ภเนฺต’’ติ? นิยกชฺฌตฺตขนฺธปญฺจกโต, อาวุโส, พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติฯ ตุเมฺหหิ, ภเนฺต, ทุกฺกรํ กตนฺติฯ เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม เสวิตโพฺพฯ

    Ye manoviññeyye dhamme samannāharantassa rāgādayo uppajjanti, ‘‘aho, vata yaṃ paresaṃ paravittūpakaraṇaṃ taṃ mamassā’’tiādinā nayena vā abhijjhādīni āpāthamāgacchanti evarūpā dhammā na sevitabbā. ‘‘Sabbe sattā averā hontū’’ti evaṃ mettādivasena, ye vā pana tiṇṇaṃ therānaṃ dhammā, evarūpā sevitabbā. Tayo kira therā vassūpanāyikadivase kāmavitakkādayo akusalavitakkā na vitakketabbāti katikaṃ akaṃsu. Atha pavāraṇadivase saṅghatthero saṅghanavakaṃ pucchi – ‘‘āvuso, imasmiṃ temāse kittake ṭhāne cittassa dhāvituṃ dinna’’nti? Na, bhante, pariveṇaparicchedato bahi dhāvituṃ adāsinti. Dutiyaṃ pucchi – ‘‘tava āvuso’’ti? Nivāsagehato, bhante, bahi dhāvituṃ na adāsinti. Atha dvepi theraṃ pucchiṃsu ‘‘tumhākaṃ pana, bhante’’ti? Niyakajjhattakhandhapañcakato, āvuso, bahi dhāvituṃ na adāsinti. Tumhehi, bhante, dukkaraṃ katanti. Evarūpo manoviññeyyo dhammo sevitabbo.

    ๓๖๖. เอกนฺตวาทาติ เอโกเยว อโนฺต วาทสฺส เอเตสํ, น เทฺวธา คตวาทาติ เอกนฺตวาทา, เอกเญฺญว วทนฺตีติ ปุจฺฉติฯ เอกนฺตสีลาติ เอกาจาราฯ เอกนฺตฉนฺทาติ เอกลทฺธิกาฯ เอกนฺตอโชฺฌสานาติ เอกนฺตปริโยสานาฯ

    366.Ekantavādāti ekoyeva anto vādassa etesaṃ, na dvedhā gatavādāti ekantavādā, ekaññeva vadantīti pucchati. Ekantasīlāti ekācārā. Ekantachandāti ekaladdhikā. Ekantaajjhosānāti ekantapariyosānā.

    อเนกธาตุ นานาธาตุ โข, เทวานมินฺท, โลโกติ เทวานมินฺท, อยํ โลโก อเนกชฺฌาสโย นานชฺฌาสโยฯ เอกสฺมิํ คนฺตุกาเม เอโก ฐาตุกาโม โหติฯ เอกสฺมิํ ฐาตุกาเม เอโก สยิตุกาโม โหติฯ เทฺว สตฺตา เอกชฺฌาสยา นาม ทุลฺลภาฯ ตสฺมิํ อเนกธาตุนานาธาตุสฺมิํ โลเก ยํ ยเทว ธาตุํ ยํ ยเทว อชฺฌาสยํ สตฺตา อภินิวิสนฺติ คณฺหนฺติ, ตํ ตเทวฯ ถามสา ปรามาสาติ ถาเมน จ ปรามาเสน จฯ อภินิวิสฺส โวหรนฺตีติ สุฎฺฐุ คณฺหิตฺวา โวหรนฺติ, กเถนฺติ ทีเปนฺติ กิเตฺตนฺติฯ อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ อิทํ อมฺหากเมว วจนํ สจฺจํ, อเญฺญสํ วจนํ โมฆํ ตุจฺฉํ นิรตฺถกนฺติฯ

    Anekadhātu nānādhātu kho, devānaminda, lokoti devānaminda, ayaṃ loko anekajjhāsayo nānajjhāsayo. Ekasmiṃ gantukāme eko ṭhātukāmo hoti. Ekasmiṃ ṭhātukāme eko sayitukāmo hoti. Dve sattā ekajjhāsayā nāma dullabhā. Tasmiṃ anekadhātunānādhātusmiṃ loke yaṃ yadeva dhātuṃ yaṃ yadeva ajjhāsayaṃ sattā abhinivisanti gaṇhanti, taṃ tadeva. Thāmasā parāmāsāti thāmena ca parāmāsena ca. Abhinivissa voharantīti suṭṭhu gaṇhitvā voharanti, kathenti dīpenti kittenti. Idameva saccaṃ moghamaññanti idaṃ amhākameva vacanaṃ saccaṃ, aññesaṃ vacanaṃ moghaṃ tucchaṃ niratthakanti.

    อจฺจนฺตนิฎฺฐาติ อโนฺต วุจฺจติ วินาโส, อนฺตํ อตีตา นิฎฺฐา เอเตสนฺติ อจฺจนฺตนิฎฺฐาฯ ยา เอเตสํ นิฎฺฐา, โย ปรมสฺสาโส นิพฺพานํ, ตํ สเพฺพสํ วินาสาติกฺกนฺตํ นิจฺจนฺติ วุจฺจติฯ โยคเกฺขโมติ นิพฺพานเสฺสว นามํ, อจฺจโนฺต โยคเกฺขโม เอเตสนฺติ อจฺจนฺตโยคเกฺขมีฯ เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมํ อริยมคฺคํ จรนฺตีติ พฺรหฺมจารีฯ อจฺจนฺตตฺถาย พฺรหฺมจารี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารีฯ ปริโยสานนฺติปิ นิพฺพานสฺส นามํฯ อจฺจนฺตํ ปริโยสานํ เอเตสนฺติ อจฺจนฺตปริโยสานาฯ

    Accantaniṭṭhāti anto vuccati vināso, antaṃ atītā niṭṭhā etesanti accantaniṭṭhā. Yā etesaṃ niṭṭhā, yo paramassāso nibbānaṃ, taṃ sabbesaṃ vināsātikkantaṃ niccanti vuccati. Yogakkhemoti nibbānasseva nāmaṃ, accanto yogakkhemo etesanti accantayogakkhemī. Seṭṭhaṭṭhena brahmaṃ ariyamaggaṃ carantīti brahmacārī. Accantatthāya brahmacārī accantabrahmacārī. Pariyosānantipi nibbānassa nāmaṃ. Accantaṃ pariyosānaṃ etesanti accantapariyosānā.

    ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตาติ ตณฺหาสงฺขโยติ มโคฺคปิ นิพฺพานมฺปิฯ มโคฺค ตณฺหํ สงฺขิณาติ วินาเสตีติ ตณฺหาสงฺขโยฯ นิพฺพานํ ยสฺมา ตํ อาคมฺม ตณฺหา สงฺขิยติ วินสฺสติ, ตสฺมา ตณฺหาสงฺขโยฯ ตณฺหาสงฺขเยน มเคฺคน วิมุตฺตา, ตณฺหาสงฺขเย นิพฺพาเน วิมุตฺตา อธิมุตฺตาติ ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตาฯ

    Taṇhāsaṅkhayavimuttāti taṇhāsaṅkhayoti maggopi nibbānampi. Maggo taṇhaṃ saṅkhiṇāti vināsetīti taṇhāsaṅkhayo. Nibbānaṃ yasmā taṃ āgamma taṇhā saṅkhiyati vinassati, tasmā taṇhāsaṅkhayo. Taṇhāsaṅkhayena maggena vimuttā, taṇhāsaṅkhaye nibbāne vimuttā adhimuttāti taṇhāsaṅkhayavimuttā.

    เอตฺตาวตา จ ภควตา จุทฺทสปิ มหาปญฺหา พฺยากตา โหนฺติฯ จุทฺทส มหาปญฺหา นาม อิสฺสามจฺฉริยํ เอโก ปโญฺห, ปิยาปฺปิยํ เอโก, ฉโนฺท เอโก, วิตโกฺก เอโก, ปปโญฺจ เอโก, โสมนสฺสํ เอโก, โทมนสฺสํ เอโก, อุเปกฺขา เอโก, กายสมาจาโร เอโก, วจีสมาจาโร เอโก, ปริเยสนา เอโก, อินฺทฺริยสํวโร เอโก, อเนกธาตุ เอโก, อจฺจนฺตนิฎฺฐา เอโกติฯ

    Ettāvatā ca bhagavatā cuddasapi mahāpañhā byākatā honti. Cuddasa mahāpañhā nāma issāmacchariyaṃ eko pañho, piyāppiyaṃ eko, chando eko, vitakko eko, papañco eko, somanassaṃ eko, domanassaṃ eko, upekkhā eko, kāyasamācāro eko, vacīsamācāro eko, pariyesanā eko, indriyasaṃvaro eko, anekadhātu eko, accantaniṭṭhā ekoti.

    ๓๖๗. เอชาติ จลนเฎฺฐน ตณฺหา วุจฺจติฯ สา ปีฬนเฎฺฐน โรโค, อโนฺต ปทุสฺสนเฎฺฐน คโณฺฑ, อนุปฺปวิฎฺฐเฎฺฐน สลฺลํฯ ตสฺมา อยํ ปุริโสติ ยสฺมา เอชา อตฺตนา กตกมฺมานุรูเปน ปุริสํ ตตฺถ ตตฺถ อภินิพฺพตฺตตฺถาย กฑฺฒติ, ตสฺมา อยํ ปุริโส เตสํ เตสํ ภวานํ วเสน อุจฺจาวจํ อาปชฺชติฯ พฺรหฺมโลเก อุโจฺจ โหติ, เทวโลเก อวโจฯ เทวโลเก อุโจฺจ, มนุสฺสโลเก อวโจฯ มนุสฺสโลเก อุโจฺจ, อปาเย อวโจฯ เยสาหํ, ภเนฺตติ เยสํ อหํ ภเนฺตฯ สนฺธิวเสน ปเนตฺถ ‘‘เยสาห’’นฺติ โหติฯ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตนฺติ ยถา มยา สุโต เจว อุคฺคหิโต จ, เอวํฯ ธมฺมํ เทเสมีติ สตฺตวตปทํ ธมฺมํ เทเสมิฯ น จาหํ เตสนฺติ อหํ ปน เตสํ สาวโก น สมฺปชฺชามิฯ อหํ โข ปน, ภเนฺตติอาทินา อตฺตโน โสตาปนฺนภาวํ ชานาเปติฯ

    367.Ejāti calanaṭṭhena taṇhā vuccati. Sā pīḷanaṭṭhena rogo, anto padussanaṭṭhena gaṇḍo, anuppaviṭṭhaṭṭhena sallaṃ. Tasmā ayaṃ purisoti yasmā ejā attanā katakammānurūpena purisaṃ tattha tattha abhinibbattatthāya kaḍḍhati, tasmā ayaṃ puriso tesaṃ tesaṃ bhavānaṃ vasena uccāvacaṃ āpajjati. Brahmaloke ucco hoti, devaloke avaco. Devaloke ucco, manussaloke avaco. Manussaloke ucco, apāye avaco. Yesāhaṃ, bhanteti yesaṃ ahaṃ bhante. Sandhivasena panettha ‘‘yesāha’’nti hoti. Yathāsutaṃ yathāpariyattanti yathā mayā suto ceva uggahito ca, evaṃ. Dhammaṃ desemīti sattavatapadaṃ dhammaṃ desemi. Na cāhaṃ tesanti ahaṃ pana tesaṃ sāvako na sampajjāmi. Ahaṃ kho pana, bhantetiādinā attano sotāpannabhāvaṃ jānāpeti.

    โสมนสฺสปฎิลาภกถาวณฺณนา

    Somanassapaṭilābhakathāvaṇṇanā

    ๓๖๘. เวทปฎิลาภนฺติ ตุฎฺฐิปฎิลาภํฯ เทวาสุรสงฺคาโมติ เทวานญฺจ อสุรานญฺจ สงฺคาโมฯ สมุปพฺยูโฬฺหติ สมาปโนฺน นลาเฎน นลาฎํ ปหรณาการปฺปโตฺต วิยฯ เอเตสํ กิร กทาจิ มหาสมุทฺทปิเฎฺฐ สงฺคาโม โหติ ตตฺถ ปน เฉทนวิชฺฌนาทีหิ อญฺญมญฺญํ ฆาโต นาม นตฺถิ, ทารุเมณฺฑกยุทฺธํ วิย ชยปราชยมตฺตเมว โหติฯ กทาจิ เทวา ชินนฺติ, กทาจิ อสุราฯ ตตฺถ ยสฺมิํ สงฺคาเม เทวา ปุน อปจฺจาคมนาย อสุเร ชินิํสุ, ตํ สนฺธาย ตสฺมิํ โข ปน ภเนฺตติอาทิมาหฯ อุภยเมตนฺติ อุภยํ เอตํฯ ทุวิธมฺปิ โอชํ เอตฺถ เทวโลเก เทวาเยว ปริภุญฺชิสฺสนฺตีติ เอวมสฺส อาวชฺชนฺตสฺส พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ สทณฺฑาวจโรติ สทณฺฑาวจรโก, ทณฺฑคฺคหเณน สตฺถคฺคหเณน สทฺธิํ อโหสิ, น นิกฺขิตฺตทณฺฑสโตฺถติ ทเสฺสติฯ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกเนฺตเนว วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถายาติ สพฺพํ มหาโควินฺทสุเตฺต วุตฺตเมวฯ

    368.Vedapaṭilābhanti tuṭṭhipaṭilābhaṃ. Devāsurasaṅgāmoti devānañca asurānañca saṅgāmo. Samupabyūḷhoti samāpanno nalāṭena nalāṭaṃ paharaṇākārappatto viya. Etesaṃ kira kadāci mahāsamuddapiṭṭhe saṅgāmo hoti tattha pana chedanavijjhanādīhi aññamaññaṃ ghāto nāma natthi, dārumeṇḍakayuddhaṃ viya jayaparājayamattameva hoti. Kadāci devā jinanti, kadāci asurā. Tattha yasmiṃ saṅgāme devā puna apaccāgamanāya asure jiniṃsu, taṃ sandhāya tasmiṃ kho pana bhantetiādimāha. Ubhayametanti ubhayaṃ etaṃ. Duvidhampi ojaṃ ettha devaloke devāyeva paribhuñjissantīti evamassa āvajjantassa balavapītisomanassaṃ uppajji. Sadaṇḍāvacaroti sadaṇḍāvacarako, daṇḍaggahaṇena satthaggahaṇena saddhiṃ ahosi, na nikkhittadaṇḍasatthoti dasseti. Ekantanibbidāyāti ekanteneva vaṭṭe nibbindanatthāyāti sabbaṃ mahāgovindasutte vuttameva.

    ๓๖๙. ปเวเทสีติ กเถสิ ทีเปสิฯ อิเธวาติ อิมสฺมิเญฺญว โอกาเสฯ เทวภูตสฺส เม สโตติ เทวสฺส เม สโตฯ ปุนรายุ จ เม ลโทฺธติ ปุน อเญฺญน กมฺมวิปาเกน เม ชีวิตํ ลทฺธนฺติ, อิมินา อตฺตโน จุตภาวํ เจว อุปปนฺนภาวญฺจ อาวิกโรติฯ

    369.Pavedesīti kathesi dīpesi. Idhevāti imasmiññeva okāse. Devabhūtassa me satoti devassa me sato. Punarāyu ca me laddhoti puna aññena kammavipākena me jīvitaṃ laddhanti, iminā attano cutabhāvaṃ ceva upapannabhāvañca āvikaroti.

    ทิวิยา กายาติ ทิพฺพา อตฺตภาวาฯ อายุํ หิตฺวา อมานุสนฺติ ทิพฺพํ อายุํ ชหิตฺวาฯ อมูโฬฺห คพฺภเมสฺสามีติ นิยตคติกตฺตา อมูโฬฺห หุตฺวาฯ ยตฺถ เม รมตี มโนติ ยตฺถ เม มโน รมิสฺสติ, ตเตฺถว ขตฺติยกุลาทีสุ คพฺภํ อุปคจฺฉิสฺสามีติ สตฺตกฺขตฺตุํ เทเว จ มานุเส จาติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ

    Diviyā kāyāti dibbā attabhāvā. Āyuṃ hitvā amānusanti dibbaṃ āyuṃ jahitvā. Amūḷho gabbhamessāmīti niyatagatikattā amūḷho hutvā. Yattha me ramatī manoti yattha me mano ramissati, tattheva khattiyakulādīsu gabbhaṃ upagacchissāmīti sattakkhattuṃ deve ca mānuse cāti imamatthaṃ dīpeti.

    ญาเยน วิหริสฺสามีติ มนุเสฺสสุ อุปปโนฺนปิ มาตรํ ชีวิตา โวโรปนาทีนํ อภพฺพตฺตา ญาเยน การเณน สเมน วิหริสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Ñāyena viharissāmīti manussesu upapannopi mātaraṃ jīvitā voropanādīnaṃ abhabbattā ñāyena kāraṇena samena viharissāmīti attho.

    สโมฺพธิ เจ ภวิสฺสตีติ อิทํ สกทาคามิมคฺคํ สนฺธาย วทติ, สเจ สกทาคามี ภวิสฺสามีติ ทีเปติฯ อญฺญาตา วิหริสฺสามีติ อญฺญาตา อาชานิตุกาโม หุตฺวา วิหริสฺสามิฯ เสฺวว อโนฺต ภวิสฺสตีติ โส เอว เม มนุสฺสโลเก อโนฺต ภวิสฺสตีติฯ

    Sambodhice bhavissatīti idaṃ sakadāgāmimaggaṃ sandhāya vadati, sace sakadāgāmī bhavissāmīti dīpeti. Aññātā viharissāmīti aññātā ājānitukāmo hutvā viharissāmi. Sveva anto bhavissatīti so eva me manussaloke anto bhavissatīti.

    ปุน เทโว ภวิสฺสามิ, เทวโลกสฺมิํ อุตฺตโมติ ปุน เทวโลกสฺมิํ อุตฺตโม สโกฺก เทวานมิโนฺท ภวิสฺสามีติ วทติฯ

    Punadevo bhavissāmi, devalokasmiṃ uttamoti puna devalokasmiṃ uttamo sakko devānamindo bhavissāmīti vadati.

    อนฺติเม วตฺตมานมฺหีติ อนฺติเม ภเว วตฺตมาเนฯ โส นิวาโส ภวิสฺสตีติ เย เต อายุนา จ ปญฺญาย จ อกนิฎฺฐา เชฎฺฐกา สพฺพเทเวหิ ปณีตตรา เทวา, อวสาเน เม โส นิวาโส ภวิสฺสติ ฯ อยํ กิร ตโต สกฺกตฺตภาวโต จุโต ตสฺมิํ อตฺตภาเว อนาคามิมคฺคสฺส ปฎิลทฺธตฺตา อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี หุตฺวา อวิหาทีสุ นิพฺพตฺตโนฺต อวสาเน อกนิเฎฺฐ นิพฺพตฺติสฺสติฯ ตํ สนฺธาย เอวมาหฯ เอส กิร อวิเหสุ กปฺปสหสฺสํ วสิสฺสติ, อตเปฺปสุ เทฺว กปฺปสหสฺสานิ, สุทเสฺสสุ จตฺตาริ กปฺปสหสฺสานิ, สุทสฺสีสุ อฎฺฐ, อกนิเฎฺฐสุ โสฬสาติ เอกติํส กปฺปสหสฺสานิ พฺรหฺมอายุํ อนุภวิสฺสติฯ สโกฺก เทวราชา อนาถปิณฺฑิโก คหปติ วิสาขา มหาอุปาสิกาติ ตโยปิ หิ อิเม เอกปฺปมาณอายุกา เอว, วฎฺฎาภิรตสตฺตา นาม เอเตหิ สทิสา สุขภาคิโน นาม นตฺถิฯ

    Antime vattamānamhīti antime bhave vattamāne. So nivāso bhavissatīti ye te āyunā ca paññāya ca akaniṭṭhā jeṭṭhakā sabbadevehi paṇītatarā devā, avasāne me so nivāso bhavissati . Ayaṃ kira tato sakkattabhāvato cuto tasmiṃ attabhāve anāgāmimaggassa paṭiladdhattā uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī hutvā avihādīsu nibbattanto avasāne akaniṭṭhe nibbattissati. Taṃ sandhāya evamāha. Esa kira avihesu kappasahassaṃ vasissati, atappesu dve kappasahassāni, sudassesu cattāri kappasahassāni, sudassīsu aṭṭha, akaniṭṭhesu soḷasāti ekatiṃsa kappasahassāni brahmaāyuṃ anubhavissati. Sakko devarājā anāthapiṇḍiko gahapati visākhā mahāupāsikāti tayopi hi ime ekappamāṇaāyukā eva, vaṭṭābhiratasattā nāma etehi sadisā sukhabhāgino nāma natthi.

    ๓๗๐. อปริโยสิตสงฺกโปฺปติ อนิฎฺฐิตมโนรโถฯ ยสฺสุ มญฺญามิ สมเณติ เย จ สมเณ ปวิวิตฺตวิหาริโนติ มญฺญามิฯ

    370.Apariyositasaṅkappoti aniṭṭhitamanoratho. Yassu maññāmi samaṇeti ye ca samaṇe pavivittavihārinoti maññāmi.

    อาราธนาติ สมฺปาทนาฯ วิราธนาติ อสมฺปาทนาฯ น สมฺปายนฺตีติ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สโกฺกนฺติฯ

    Ārādhanāti sampādanā. Virādhanāti asampādanā. Na sampāyantīti sampādetvā kathetuṃ na sakkonti.

    อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ อาทิโจฺจปิ โคตมโคโตฺต, ภควาปิ โคตมโคโตฺต, ตสฺมา เอวมาหฯ ยํ กโรมสีติ ยํ ปุเพฺพ พฺรหฺมุโน นมกฺการํ กโรมฯ สมํ เทเวหีติ เทเวหิ สทฺธิํ, อิโต ปฎฺฐาย อิทานิ อมฺหากํ พฺรหฺมุโน นมกฺการกรณํ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ สามํ กโรมาติ นมกฺการํ กโรมฯ

    Ādiccabandhunanti ādiccopi gotamagotto, bhagavāpi gotamagotto, tasmā evamāha. Yaṃ karomasīti yaṃ pubbe brahmuno namakkāraṃ karoma. Samaṃ devehīti devehi saddhiṃ, ito paṭṭhāya idāni amhākaṃ brahmuno namakkārakaraṇaṃ natthīti dasseti. Sāmaṃ karomāti namakkāraṃ karoma.

    ๓๗๑. ปรามสิตฺวาติ ตุฎฺฐจิโตฺต สหายํ หเตฺถน หตฺถมฺหิ ปหรโนฺต วิย ปถวิํ ปหริตฺวา, สกฺขิภาวตฺถาย วา ปหริตฺวา ‘‘ยถา ตฺวํ นิจฺจโล, เอวมหํ ภควตี’’ติฯ อชฺฌิฎฺฐปญฺหาติ อเชฺฌสิตปญฺหา ปตฺถิตปญฺหาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    371.Parāmasitvāti tuṭṭhacitto sahāyaṃ hatthena hatthamhi paharanto viya pathaviṃ paharitvā, sakkhibhāvatthāya vā paharitvā ‘‘yathā tvaṃ niccalo, evamahaṃ bhagavatī’’ti. Ajjhiṭṭhapañhāti ajjhesitapañhā patthitapañhā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ

    Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ

    สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sakkapañhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตํ • 8. Sakkapañhasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact