Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา
8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā
นิทานวณฺณนา
Nidānavaṇṇanā
๓๔๔. อมฺพสณฺฑานํ อทูรภวตฺตา เอโกปิ โส พฺราหฺมณคาโม ‘‘อมฺพสณฺฑา’’เตฺวว พหุวจนวเสน วุจฺจติ, ยถา ‘‘วรณา นคร’’นฺติฯ เวทิ เอว เวทิโก, เวทิโก เอว เวทิโย ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา, ตสฺมิํ เวทิยเกฯ เตนาห ‘‘มณิเวทิกาสทิเสนา’’ติอาทิ, อินฺทนีลาทิมณิมยเวทิกาสทิเสนาติ อโตฺถฯ ปุเพฺพปีติ เลณกรณโต ปุเพฺพ, คุหารูเปน ฐิตา, ทฺวาเร อินฺทสาลรุกฺขวตี จ, ตสฺมา ‘‘อินฺทสาลคุหา’’ติ วุตฺตา ปุริมโวหาเรนฯ
344. Ambasaṇḍānaṃ adūrabhavattā ekopi so brāhmaṇagāmo ‘‘ambasaṇḍā’’tveva bahuvacanavasena vuccati, yathā ‘‘varaṇā nagara’’nti. Vedi eva vediko, vediko eva vediyo ka-kārassa ya-kāraṃ katvā, tasmiṃ vediyake. Tenāha ‘‘maṇivedikāsadisenā’’tiādi, indanīlādimaṇimayavedikāsadisenāti attho. Pubbepīti leṇakaraṇato pubbe, guhārūpena ṭhitā, dvāre indasālarukkhavatī ca, tasmā ‘‘indasālaguhā’’ti vuttā purimavohārena.
อุสฺสุกฺกํ วุจฺจติ อภิรุจิ, ตํ ปน พุทฺธทสฺสนกามตาวเสน, ตถา อุสฺสาหนวเสน จ ปวตฺติยา ‘‘ธมฺมิโก อุสฺสาโห’’ติ วุตฺตํฯ สเกฺกน สทิโส…เป.… นตฺถีติฯ ยถาห ‘‘อปฺปมาเทน มฆวา, เทวานํ เสฎฺฐตํ คโต’’ติ (ธ. ป. ๓๐)ฯ ปริตฺตเกนาติ อปราปรํ พหุํ ปุญฺญกมฺมํ อกตฺวา อปฺปมตฺตเกเนว ปุญฺญกเมฺมนฯ
Ussukkaṃ vuccati abhiruci, taṃ pana buddhadassanakāmatāvasena, tathā ussāhanavasena ca pavattiyā ‘‘dhammiko ussāho’’ti vuttaṃ. Sakkena sadiso…pe… natthīti. Yathāha ‘‘appamādena maghavā, devānaṃ seṭṭhataṃ gato’’ti (dha. pa. 30). Parittakenāti aparāparaṃ bahuṃ puññakammaṃ akatvā appamattakeneva puññakammena.
สโกฺกปิ กามํ มหาปุญฺญกตภีรุตฺตาโน โหติ, สาติสยาย ปน ทิพฺพสมฺปตฺติยา วิโยคเหตุเกน โสเกน ทิคุณิเตน มรณภเยน สํตชฺชิโต ชาโตฯ เตนาห ‘‘สโกฺก ปน มรณภยาภิภูโต อโหสี’’ติฯ
Sakkopi kāmaṃ mahāpuññakatabhīruttāno hoti, sātisayāya pana dibbasampattiyā viyogahetukena sokena diguṇitena maraṇabhayena saṃtajjito jāto. Tenāha ‘‘sakko pana maraṇabhayābhibhūto ahosī’’ti.
ทิพฺพจกฺขุนา เทวตานํ ทสฺสนํ นาม ปฎิวิชฺฌนสทิสนฺติ อาห ‘‘ปฎิวิชฺฌี’’ติฯ ปาฎิเยโกฺก โวหาโรติ อาเวณิโก ปิยสมุทาหาโรฯ มริสนิยสมฺปตฺติกาติ มาริสาฯ เตสญฺหิ สมฺปตฺติโย มหานุภาวตาย สหนฺติ อุปฎฺฐหนฺติ, อเญฺญ อโยนิโสมนสิการตาย เจว อปฺปหุกาย จ น สหนฺติเยว, สา ปน เนสํ มริสนิยสมฺปตฺติกตา ทุกฺขวิรหิตายาติ วุตฺตํ ‘‘นิทฺทุกฺขาติปิ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ เอกโก วาติ เทวปริสาย วินา อาคตตฺตา วุตฺตํ, มาตลิอาทโย ปน ตาทิสา สหายา ตทาปิ อเหสุํเยวฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปิ จายํ อายสฺมโต จกฺกเนมิสเทฺทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโต’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๕๒)ฯ โอกาสํ นากาสิ สกฺกสฺส ญาณปริปากํ อาคเมโนฺต, อเญฺญสญฺจ พหูนํ เทวานํ ธมฺมาภิสมยํ อุปปริกฺขมาโนฯ โสติ สโกฺกฯ
Dibbacakkhunā devatānaṃ dassanaṃ nāma paṭivijjhanasadisanti āha ‘‘paṭivijjhī’’ti. Pāṭiyekko vohāroti āveṇiko piyasamudāhāro. Marisaniyasampattikāti mārisā. Tesañhi sampattiyo mahānubhāvatāya sahanti upaṭṭhahanti, aññe ayonisomanasikāratāya ceva appahukāya ca na sahantiyeva, sā pana nesaṃ marisaniyasampattikatā dukkhavirahitāyāti vuttaṃ ‘‘niddukkhātipi vuttaṃ hotī’’ti. Ekako vāti devaparisāya vinā āgatattā vuttaṃ, mātaliādayo pana tādisā sahāyā tadāpi ahesuṃyeva. Tathā hi vakkhati ‘‘api cāyaṃ āyasmato cakkanemisaddena tamhā samādhimhā vuṭṭhito’’ti (dī. ni. aṭṭha. 2.352). Okāsaṃ nākāsi sakkassa ñāṇaparipākaṃ āgamento, aññesañca bahūnaṃ devānaṃ dhammābhisamayaṃ upaparikkhamāno. Soti sakko.
เอวนฺติ วจนสมฺปฎิจฺฉเน นิปาโตติ อาห ‘‘เอวํ โหตู’’ติอาทิฯ ภทฺทํตวาติ ปน สกฺกํ อุทฺทิสฺส เนสํ อาสิ วาโทฯ
Evanti vacanasampaṭicchane nipātoti āha ‘‘evaṃ hotū’’tiādi. Bhaddaṃtavāti pana sakkaṃ uddissa nesaṃ āsi vādo.
๓๔๕. วลฺลโภ…เป.… ธมฺมํ สุณาตีติ อยมโตฺถ โควินฺทสุตฺตาทีหิ (ที. นิ. ๒.๒๙๔) ทีเปตโพฺพฯ อิมินา กโตกาเสติ อิมินา ปญฺจสิเขน กโตกาเส ภควติฯ
345.Vallabho…pe… dhammaṃ suṇātīti ayamattho govindasuttādīhi (dī. ni. 2.294) dīpetabbo. Iminā katokāseti iminā pañcasikhena katokāse bhagavati.
อนุจริยนฺติ อนุจรณภาวํ, ตํ ปนสฺส อนุจรณํ นาม สทฺธิํ คมนเมวาติ อาห ‘‘สหจรณํ เอกโต คมน’’นฺติฯ
Anucariyanti anucaraṇabhāvaṃ, taṃ panassa anucaraṇaṃ nāma saddhiṃ gamanamevāti āha ‘‘sahacaraṇaṃ ekato gamana’’nti.
โสวณฺณมยนฺติ สุวณฺณมยํฯ โปกฺขรนฺติ วีณาย โทณิมาหฯ ทโณฺฑติ วีณทโณฺฑฯ เวฐกาติ ตนฺตีนํ พนฺธนาย เจว อุปฺปีฬนาย จ ธเมตพฺพา เวฐกาฯ ปตฺตกนฺติ โปกฺขรํฯ สมปญฺญาสมุจฺฉนา มุเจฺฉตฺวาติ ยถา สมปญฺญาสมุจฺฉนา กมโต ตตฺถ สํมุจฺฉนํ กาตุํ สกฺกา, เอวํ ตํ สเชฺชตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘สมปญฺญาสมุจฺฉนา สํมุเจฺฉตฺวา’’ติ จ อิทํ เทวโลเก นิยตํ วีณาวาทนวิธิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ มนุสฺสโลเก ปน เอกวีสติ มุจฺฉนาฯ เตเนวาห วีโณปมสุตฺตวณฺณนายํ –
Sovaṇṇamayanti suvaṇṇamayaṃ. Pokkharanti vīṇāya doṇimāha. Daṇḍoti vīṇadaṇḍo. Veṭhakāti tantīnaṃ bandhanāya ceva uppīḷanāya ca dhametabbā veṭhakā. Pattakanti pokkharaṃ. Samapaññāsamucchanā mucchetvāti yathā samapaññāsamucchanā kamato tattha saṃmucchanaṃ kātuṃ sakkā, evaṃ taṃ sajjetvāti attho. ‘‘Samapaññāsamucchanā saṃmucchetvā’’ti ca idaṃ devaloke niyataṃ vīṇāvādanavidhiṃ sandhāya vuttaṃ. Manussaloke pana ekavīsati mucchanā. Tenevāha vīṇopamasuttavaṇṇanāyaṃ –
‘‘สตฺต สรา ตโย คามา, มุจฺฉนา เอกวีสติ;
‘‘Satta sarā tayo gāmā, mucchanā ekavīsati;
ตานา เจกูนปญฺญาส, อิเจฺจเต สรมณฺฑลา’’ติฯ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕๕; สารตฺถ. ฎี. ๓.๒๔๓);
Tānā cekūnapaññāsa, iccete saramaṇḍalā’’ti. (a. ni. aṭṭha. 3.55; sārattha. ṭī. 3.243);
ตตฺถ ฉโชฺช, อุสโภ, คนฺธาโร, มชฺฌิโม, ปญฺจโม, เธวโต, นิสาโทติ เอเต สตฺต สราฯ ฉชฺชคาโม, มชฺฌิมคาโม, สาธารณคาโมติ ตโย คามา, สรสมูหาติ อโตฺถฯ มนุสฺสโลเก วาทนวิธินา เอเกกเสฺสว จ สรสฺส วเสน ตโย ตโย มุจฺฉนา กตฺวา เอกวีสติ มุจฺฉนาฯ เอเกกเสฺสว จ สรสฺส สตฺต สตฺต ตานเภทา, ยโต สรสฺส มนฺทตรววตฺถานํ โหติ, เต เอกูนปญฺญาส ตานวิเสสาติ, ติโสฺส ทุเว จตโสฺส, จตโสฺส ติโสฺส ทุเว จตโสฺสติ ทฺวาวีสติ สุติเภทา อิจฺฉิตา, อยํ ปน เอเกกสฺส สรสฺส วเสน สตฺต สตฺต มุจฺฉนา, อนฺตรสรสฺส จ เอกาติ สมปญฺญาสาย มุจฺฉนานํ โยคฺยภาเวน วีณํ วเชฺชสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สมปญฺญาส มุจฺฉนา สํมุเจฺฉตฺวา’’ติฯ เสสเทเว ชานาเปโนฺต สกฺกสฺส คมนกาลนฺติ โยชนาฯ
Tattha chajjo, usabho, gandhāro, majjhimo, pañcamo, dhevato, nisādoti ete satta sarā. Chajjagāmo, majjhimagāmo, sādhāraṇagāmoti tayo gāmā, sarasamūhāti attho. Manussaloke vādanavidhinā ekekasseva ca sarassa vasena tayo tayo mucchanā katvā ekavīsati mucchanā. Ekekasseva ca sarassa satta satta tānabhedā, yato sarassa mandataravavatthānaṃ hoti, te ekūnapaññāsa tānavisesāti, tisso duve catasso, catasso tisso duve catassoti dvāvīsati sutibhedā icchitā, ayaṃ pana ekekassa sarassa vasena satta satta mucchanā, antarasarassa ca ekāti samapaññāsāya mucchanānaṃ yogyabhāvena vīṇaṃ vajjesi. Tena vuttaṃ ‘‘samapaññāsa mucchanā saṃmucchetvā’’ti. Sesadeve jānāpento sakkassa gamanakālanti yojanā.
๓๔๖. อติริวาติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร, อตีว อติวิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ปกติ …เป.… อคมาสิ มรณภยสํตชฺชิตตฺตา ตรมานรูโปฯ เตเนวาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิฯ
346.Atirivāti ra-kāro padasandhikaro, atīva ativiyāti vuttaṃ hoti. Pakati…pe… agamāsi maraṇabhayasaṃtajjitattā taramānarūpo. Tenevāha ‘‘nanu cā’’tiādi.
๓๔๗. พุทฺธา นาม มหาการุณิกา, สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขตฺถาย เอว อุปฺปนฺนา, เต กถํ อตฺถิเกหิ ทุรุปสงฺกมาติ อาห ‘‘อหํ สราโค’’ติอาทิฯ ตทนฺตรํ ปฎิสลฺลีนาติ เยน อนฺตเรน เยน ขเณน อุปสงฺกเมยฺย, ตทนฺตรํ ปฎิสลฺลีนา ฌานํ สมาปนฺนาฯ ตทนฺตร-สโทฺท วา ‘‘เอตรหี’’ติ อิมินา สมานโตฺถติ อาห ‘‘สมฺปติ ปฎิสลฺลีนา วา’’ติฯ
347. Buddhā nāma mahākāruṇikā, sadevakassa lokassa hitasukhatthāya eva uppannā, te kathaṃ atthikehi durupasaṅkamāti āha ‘‘ahaṃ sarāgo’’tiādi. Tadantaraṃ paṭisallīnāti yena antarena yena khaṇena upasaṅkameyya, tadantaraṃ paṭisallīnā jhānaṃ samāpannā. Tadantara-saddo vā ‘‘etarahī’’ti iminā samānatthoti āha ‘‘sampati paṭisallīnā vā’’ti.
ปญฺจสิขคีตคาถาวณฺณนา
Pañcasikhagītagāthāvaṇṇanā
๓๔๘. สาเวสีติ ยถาธิเปฺปตมุจฺฉนํ ปฎฺฐเปตฺวา วีณํ วาเทโนฺต ตํตํฐานุปฺปตฺติยา ปากฎีภูตมนฺทตาววตฺถํ ทเสฺสโนฺต สุมธุรโกมลมธุปานมตฺตมธุการวิรุตาปหาสินิลกฺขโณ ปสนฺนภานี สมรวํ ตนฺติสฺสรํ สาเวสิฯ
348.Sāvesīti yathādhippetamucchanaṃ paṭṭhapetvā vīṇaṃ vādento taṃtaṃṭhānuppattiyā pākaṭībhūtamandatāvavatthaṃ dassento sumadhurakomalamadhupānamattamadhukāravirutāpahāsinilakkhaṇo pasannabhānī samaravaṃ tantissaraṃ sāvesi.
‘‘สกฺยปุโตฺตว ฌาเนน, เอโกทิ นิปโก สโต;
‘‘Sakyaputtova jhānena, ekodi nipako sato;
อมตํ มุนิ ชิคีสาโน…ฯ
Amataṃ muni jigīsāno….
ยถาปิ มุนิ นเนฺทยฺย, ปตฺวา สโมฺพธิํ อุตฺตม’’นฺติฯ (ที. นิ. ๒.๓๔๘);
Yathāpi muni nandeyya, patvā sambodhiṃ uttama’’nti. (dī. ni. 2.348);
จ เอวํ พุทฺธูปสญฺหิตาฯ พุทฺธูปสญฺหิตา ปน พุทฺธานํ ธมฺมสรีรํ อารพฺภ นิสฺสยํ กตฺวา ปวตฺติตาติ อาห ‘‘ธโมฺม อรหตาํ อิวา’’ติฯ ธมฺมูปสญฺหิตา, อรหตฺตูปสญฺหิตา จ เวทิตพฺพาฯ
Ca evaṃ buddhūpasañhitā. Buddhūpasañhitā pana buddhānaṃ dhammasarīraṃ ārabbha nissayaṃ katvā pavattitāti āha ‘‘dhammo arahatāṃ ivā’’ti. Dhammūpasañhitā, arahattūpasañhitā ca veditabbā.
สูริยสมานสรีราติ สูริยสมานปฺปภาสรีราฯ เตนาห ‘‘ตสฺสา กิรา’’ติอาทิฯ ยสฺมา ติมฺพรุโน คนฺธพฺพเทวราชสฺส สูริยวจฺฉ สา อเงฺก ชาตา, ตสฺมา อาห ‘‘ยํ ติมฺพรุํ เทวราชานํ นิสฺสาย ตฺวํ ชาตา’’ติฯ กลฺยาณงฺคตาย ‘‘กลฺยาณี’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สพฺพงฺคโสภนา’’ติฯ
Sūriyasamānasarīrāti sūriyasamānappabhāsarīrā. Tenāha ‘‘tassā kirā’’tiādi. Yasmā timbaruno gandhabbadevarājassa sūriyavaccha sā aṅke jātā, tasmā āha ‘‘yaṃ timbaruṃ devarājānaṃnissāya tvaṃ jātā’’ti. Kalyāṇaṅgatāya ‘‘kalyāṇī’’ti vuttāti āha ‘‘sabbaṅgasobhanā’’ti.
ราคาเวสวเสน ปุเพฺพ วุตฺตา คาถา อิทานิปิ ตเมว อารพฺภ ปุรโต ฐิตํ วิย อาลปโนฺต วทติฯ
Rāgāvesavasena pubbe vuttā gāthā idānipi tameva ārabbha purato ṭhitaṃ viya ālapanto vadati.
ถนุทรนฺติ ปโยธรญฺจ อุทรญฺจ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ถนเวมชฺฌํ อุทรญฺจา’’ติฯ
Thanudaranti payodharañca udarañca adhippetanti āha ‘‘thanavemajjhaṃ udarañcā’’ti.
กิญฺจิ การณนฺติ กิญฺจิ ปีฬํฯ
Kiñci kāraṇanti kiñci pīḷaṃ.
ปกติํ ชหิตฺวา ฐิตํ อภิรตฺตภาเวนฯ
Pakatiṃ jahitvā ṭhitaṃ abhirattabhāvena.
วามูรูติ รุจิรอูรูฯ เตนาห ‘‘วามากาเรนา’’ติอาทิฯ วามวิกสิตรุจิรสุนฺทราภิรูปจารุสทฺทา หิ เอกตฺถา ทฎฺฐพฺพาฯ น ติขิณนฺติ น ติกฺขํ น ลูขํ น กกฺขฬํฯ มนฺทนฺติ มุทุ สินิทฺธํฯ
Vāmūrūti ruciraūrū. Tenāha ‘‘vāmākārenā’’tiādi. Vāmavikasitarucirasundarābhirūpacārusaddā hi ekatthā daṭṭhabbā. Na tikhiṇanti na tikkhaṃ na lūkhaṃ na kakkhaḷaṃ. Mandanti mudu siniddhaṃ.
อเนกภาโวติ อเนกสภาโว, โส ปน พหุวิโธ นาม โหตีติ อาห ‘‘อเนกวิโธ ชาโต’’ติฯ อเนกภาโคติ อเนกโกฎฺฐาโสฯ
Anekabhāvoti anekasabhāvo, so pana bahuvidho nāma hotīti āha ‘‘anekavidho jāto’’ti. Anekabhāgoti anekakoṭṭhāso.
ตยา สทฺธิํ วิปจฺจตนฺติ ตยา สหิตํเยว เม ตํ กมฺมํ วิปจฺจตุ, ตยา สเหว ตสฺส กมฺมสฺส ผลํ อนุภเวยฺยนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตยา สทฺธิเมวาติ ยถา จกฺกวตฺติสํวตฺตนิยกมฺมํ ตสฺส นิสฺสนฺทผลภูเตน อิตฺถิรตเนน สทฺธิํเยว วิปากํ เทติ, เอวํ ตํ เม กมฺมํ ตยา สทฺธิํเยว มยฺหํ วิปากํ เทตุฯ
Tayā saddhiṃ vipaccatanti tayā sahitaṃyeva me taṃ kammaṃ vipaccatu, tayā saheva tassa kammassa phalaṃ anubhaveyyanti adhippāyo. Tayā saddhimevāti yathā cakkavattisaṃvattaniyakammaṃ tassa nissandaphalabhūtena itthiratanena saddhiṃyeva vipākaṃ deti, evaṃ taṃ me kammaṃ tayā saddhiṃyeva mayhaṃ vipākaṃ detu.
เอโกทีติ เอโกทิภาวํ คโต, สมาหิโตติ อโตฺถฯ ชิคีสาโนติ ชิคีสมาโน โหติฯ ตถาภูโตว ชิคีสติ นามาติ ตถา ปฐมวิกโปฺป วุโตฺตฯ ทุติยวิกเปฺป ปน ‘‘วิจรตี’’ติ กิริยาปทํ อาหริตฺวา อโตฺถ วุโตฺตฯ
Ekodīti ekodibhāvaṃ gato, samāhitoti attho. Jigīsānoti jigīsamāno hoti. Tathābhūtova jigīsati nāmāti tathā paṭhamavikappo vutto. Dutiyavikappe pana ‘‘vicaratī’’ti kiriyāpadaṃ āharitvā attho vutto.
นเนฺทยฺยนฺติ สมาคมํ ปเตฺถโนฺต วทติ อติสสฺสิริกรูปโสภายฯ
Nandeyyanti samāgamaṃ patthento vadati atisassirikarūpasobhāya.
๓๔๙. สํสนฺทตีติ สเมติ, ยาย มุจฺฉนาย, เยน จ อากาเรน ตนฺติสฺสโร ปวโตฺต, ตํ มุจฺฉนํ อนติวเตฺตโนฺต, เตเนว จ อากาเรน คีตสฺสโรปิ ปวโตฺตติ อโตฺถฯ เยน อชฺฌาสเยน ภควา ปญฺจสิขสฺส คนฺธเพฺพ วณฺณํ กเถสิ, ยทตฺถญฺจ กเถสิ, ตํ สพฺพํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิมาหฯ นตฺถิ โพธิมูเล เอว สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ อุเปกฺขโก ภควา อนุปลิตฺตภาวโตฯ สุวิมุตฺตจิโตฺต ภควา ฉนฺทราคโต, สพฺพสฺมา จ กิเลสาฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปญฺจสิขสฺส คนฺธเพฺพ วณฺณํ กเถสีติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิฯ
349.Saṃsandatīti sameti, yāya mucchanāya, yena ca ākārena tantissaro pavatto, taṃ mucchanaṃ anativattento, teneva ca ākārena gītassaropi pavattoti attho. Yena ajjhāsayena bhagavā pañcasikhassa gandhabbe vaṇṇaṃ kathesi, yadatthañca kathesi, taṃ sabbaṃ vibhāvetuṃ ‘‘kasmā’’tiādimāha. Natthi bodhimūle eva samucchinnattā. Upekkhako bhagavā anupalittabhāvato. Suvimuttacitto bhagavā chandarāgato, sabbasmā ca kilesā. Yadi evaṃ kasmā pañcasikhassa gandhabbe vaṇṇaṃ kathesīti āha ‘‘sace panā’’tiādi.
คนฺถิตาติ สนฺทหิตา, ตา ปน นิรนฺตรํ กถิยมานา ราสิกตา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ปิณฺฑิตา’’ติฯ โวหารวจนนฺติ ภควโต, ภิกฺขูนญฺจ ปุรโต วตฺตพฺพํ อุปจารวจนํฯ
Ganthitāti sandahitā, tā pana nirantaraṃ kathiyamānā rāsikatā viya hontīti āha ‘‘piṇḍitā’’ti. Vohāravacananti bhagavato, bhikkhūnañca purato vattabbaṃ upacāravacanaṃ.
อุปนจฺจนฺติยาติ อุปคนฺตฺวา นจฺจนฺติยาฯ
Upanaccantiyāti upagantvā naccantiyā.
สกฺกูปสงฺกมนวณฺณนา
Sakkūpasaṅkamanavaṇṇanā
๓๕๐. ‘‘กทา สํยูฬฺหา’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปฎิสโมฺมทติฯ วิปฺปการมฺปิ ทเสฺสยฺยาติ อฑฺฒกตาภินยวเสน นจฺจมฺปิ ทเสฺสยฺยฯ
350. ‘‘Kadā saṃyūḷhā’’tiādīni vadanto paṭisammodati. Vippakārampi dasseyyāti aḍḍhakatābhinayavasena naccampi dasseyya.
๓๕๑. ‘‘อภิวทิโต สโกฺก เทวานมิโนฺท’’ติอาทีนํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทีนํ (ปารา. ๑๖, ๒๔) วิย สงฺคีติการวจนภาเว สํสโย นตฺถิ, ‘‘เอวญฺจ ปน ตถาคตา’’ติ อิธ ปน สิยา สํสโยติ ‘‘ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ฐปิตวจน’’นฺติ วตฺวา อิตรสฺสาปิ ตถาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ วุฑฺฒิวจเนน วุโตฺตติ ‘‘สุขี โหตุ ปญฺจสิข สโกฺก เทวานํ อิโนฺท’’ติ อาสีสวาทํ วุโตฺตฯ ‘‘ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ วทโนฺต อภิวาเทติ นาม ‘‘สุขี โหตู’’ติ อาสีสวาทสฺส วทาปนโตฯ ตถา ปน อาสีสวาทํ วทโนฺต อภิวทติ นาม สพฺพกาลํ ตเถว ติฎฺฐนโตฯ
351. ‘‘Abhivadito sakko devānamindo’’tiādīnaṃ ‘‘tena kho pana samayenā’’tiādīnaṃ (pārā. 16, 24) viya saṅgītikāravacanabhāve saṃsayo natthi, ‘‘evañca pana tathāgatā’’ti idha pana siyā saṃsayoti ‘‘dhammasaṅgāhakattherehi ṭhapitavacana’’nti vatvā itarassāpi tathābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘sabbameta’’ntiādi vuttaṃ. Vuḍḍhivacanena vuttoti ‘‘sukhī hotu pañcasikha sakko devānaṃ indo’’ti āsīsavādaṃ vutto. ‘‘Bhagavato pāde sirasā vandatī’’ti vadanto abhivādeti nāma ‘‘sukhī hotū’’ti āsīsavādassa vadāpanato. Tathā pana āsīsavādaṃ vadanto abhivadati nāma sabbakālaṃ tatheva tiṭṭhanato.
อุรุํ เวปุลฺลํ ทสฺสติ ทกฺขตีติ อุรุนฺทา วิภตฺติอโลเปนฯ วิวฎา องฺคณฎฺฐานํฯ โย ปกติยา คุหายํ อนฺธกาโร, โส อนฺตรหิโตติ โย ตสฺสํ คุหายํ สตฺถุ สมนฺตโต อสีติหตฺถโต อยํ ปากติโก อนฺธกาโร, โส เทวานํ วตฺถาภรณสรีโรภาเสหิ อนฺตรหิโต, อาโลโก สมฺปชฺชิฯ อสีติหเตฺถ ปน พุทฺธาโลเกเนว อนฺธกาโร อนฺตรหิโต, น จ สมโตฺถ เทวานํ โอภาโส พุทฺธานํ อภิภวิตุํฯ
Uruṃ vepullaṃ dassati dakkhatīti urundā vibhattialopena. Vivaṭā aṅgaṇaṭṭhānaṃ. Yo pakatiyā guhāyaṃ andhakāro, so antarahitoti yo tassaṃ guhāyaṃ satthu samantato asītihatthato ayaṃ pākatiko andhakāro, so devānaṃ vatthābharaṇasarīrobhāsehi antarahito, āloko sampajji. Asītihatthe pana buddhālokeneva andhakāro antarahito, na ca samattho devānaṃ obhāso buddhānaṃ abhibhavituṃ.
๓๕๒. จิรปฺปฎิกาหนฺติ จิรปฺปภุติโก อหํฯ อฑฺฑกรณํ นาม นตฺถิ อวิวาทาธิกรณฎฺฐาเน นิพฺพตฺตตฺตาฯ กีฬาทีนิปีติ อาทิ-สเทฺทน ธมฺมสฺสวนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ
352.Cirappaṭikāhanti cirappabhutiko ahaṃ. Aḍḍakaraṇaṃ nāma natthi avivādādhikaraṇaṭṭhāne nibbattattā. Kīḷādīnipīti ādi-saddena dhammassavanādiṃ saṅgaṇhāti.
สลฬมยคนฺธกุฎิยนฺติ สลฬรุเกฺขหิ รญฺญา ปเสนทินา การิตคนฺธกุฎิยํฯ เตนสฺสาติ เตน ผลทฺวยาธิคเมน ปหีนโอฬาริกกามราคตาย อสฺสา ภูชติยา เทวโลเก อภิรติเยว นตฺถิฯ จกฺกเนมิสเทฺทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐิโตติ เอตฺถ อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘อารมฺมณสฺส อธิมตฺตตาย สมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ ชาต’’นฺติ มเญฺญยฺยุนฺติ ตํ ปฎิกฺขิปโนฺต ‘‘สมาปโนฺน สทฺทํ สุณาตีติ โน วต เร วตฺตเพฺพ’’ติ อาหฯ สติ จ อารมฺมณสงฺฆฎฺฎนายํ คหเณนปิ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘สุณาตี’’ติ วุตฺตํ, อิตโร ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส สโทฺท กณฺฎโก’’ติ วจนมตฺตํ นิสฺสาย สพฺพสฺสาปิ ฌานสฺส สโทฺท กณฺฎโกติ อธิปฺปาเยน ปฎิเกฺขปํ อสหโนฺต ‘‘นนุ ภควา…เป.… ภณตี’’ติ อิมเมว สุตฺตปทํ อุทฺธริฯ ตตฺถ ยถา โทสทสฺสนปฎิปกฺขภาวนาวเสน ปฎิฆสญฺญานํ สุปฺปหีนตฺตา มหตาปิ สเทฺทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฎฺฐานํ, เอวํ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา สมฺมเทว โทสทสฺสนปฎิปกฺขภาวนาวเสน สพฺพาสมฺปิ โลกิยสญฺญานํ อคฺคมเคฺคน สมติกฺกนฺตตฺตา อารมฺมณาธิคมตาย น กทาจิ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ โหตีติฯ ตถา ปน น สุปฺปหีนตฺตา ปฎิฆสญฺญานํ สพฺพรูปสมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ โหติ, ปฐมชฺฌานํ ปน อปฺปกมฺปิ สทฺทํ น สหตีติ ตํสมาปนฺนสฺส ‘‘สโทฺท กณฺฎโก’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ ปน ปฎิฆสญฺญานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา มหตาปิ สเทฺทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฎฺฐานํ โหติ, ปเคว มคฺคผลสมาปตฺติโตฯ เตนาห ‘‘จกฺกเนมิสเทฺทนา’’ติอาทิฯ จกฺกเนมิสเทฺทนาติ จ นยิทํ กรณวจนํ เหตุมฺหิ, กรเณ วา อถ โข สหโยเคฯ อิมเมว หิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Salaḷamayagandhakuṭiyanti salaḷarukkhehi raññā pasenadinā kāritagandhakuṭiyaṃ. Tenassāti tena phaladvayādhigamena pahīnaoḷārikakāmarāgatāya assā bhūjatiyā devaloke abhiratiyeva natthi. Cakkanemisaddena tamhā samādhimhā vuṭṭhitoti ettha adhippāyaṃ ajānantā ‘‘ārammaṇassa adhimattatāya samāpattito vuṭṭhānaṃ jāta’’nti maññeyyunti taṃ paṭikkhipanto ‘‘samāpanno saddaṃ suṇātīti no vata re vattabbe’’ti āha. Sati ca ārammaṇasaṅghaṭṭanāyaṃ gahaṇenapi bhavitabbanti adhippāyena ‘‘suṇātī’’ti vuttaṃ, itaro ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassa saddo kaṇṭako’’ti vacanamattaṃ nissāya sabbassāpi jhānassa saddo kaṇṭakoti adhippāyena paṭikkhepaṃ asahanto ‘‘nanu bhagavā…pe…bhaṇatī’’ti imameva suttapadaṃ uddhari. Tattha yathā dosadassanapaṭipakkhabhāvanāvasena paṭighasaññānaṃ suppahīnattā mahatāpi saddena arūpasamāpattito na vuṭṭhānaṃ, evaṃ ‘‘uppādo bhayaṃ, anuppādo khema’’ntiādinā sammadeva dosadassanapaṭipakkhabhāvanāvasena sabbāsampi lokiyasaññānaṃ aggamaggena samatikkantattā ārammaṇādhigamatāya na kadāci phalasamāpattito vuṭṭhānaṃ hotīti. Tathā pana na suppahīnattā paṭighasaññānaṃ sabbarūpasamāpattito vuṭṭhānaṃ hoti, paṭhamajjhānaṃ pana appakampi saddaṃ na sahatīti taṃsamāpannassa ‘‘saddo kaṇṭako’’ti vuttaṃ. Yadi pana paṭighasaññānaṃ vikkhambhitattā mahatāpi saddena arūpasamāpattito na vuṭṭhānaṃ hoti, pageva maggaphalasamāpattito. Tenāha ‘‘cakkanemisaddenā’’tiādi. Cakkanemisaddenāti ca nayidaṃ karaṇavacanaṃ hetumhi, karaṇe vā atha kho sahayoge. Imameva hi atthaṃ dassetuṃ ‘‘bhagavā panā’’tiādi vuttaṃ.
โคปกวตฺถุวณฺณนา
Gopakavatthuvaṇṇanā
๓๕๓. ปริปูรการินีติ ปริปุณฺณานิ, ปริสุทฺธานิ จ กตฺวา รกฺขิตวตีฯ ‘‘อิตฺถิตฺต’’นฺติอาทิ ตตฺถ วิรชฺชนาการทสฺสนํฯ ธิตฺถิภาวํอิตฺถิภาวสฺส ธิกฺกาโร เหตูติ อโตฺถฯ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํ, ปโยชนํ นตฺถีติ อโตฺถฯ วิราเชตีติ ชิคุจฺฉติฯ เอตา สมฺปตฺติโยติ จกฺกวตฺติสิริอาทิกา เอตา ยถาวุตฺตสมฺปตฺติโยฯ ตสฺมา ปุพฺพปริจเยน อุปฎฺฐิตนิกนฺติวเสนฯ อุปฎฺฐานสาลนฺติ สุธมฺมเทวสภํฯ
353.Paripūrakārinīti paripuṇṇāni, parisuddhāni ca katvā rakkhitavatī. ‘‘Itthitta’’ntiādi tattha virajjanākāradassanaṃ. Dhitthibhāvaṃitthibhāvassa dhikkāro hetūti attho. Alanti paṭikkhepavacanaṃ, payojanaṃ natthīti attho. Virājetīti jigucchati. Etā sampattiyoti cakkavattisiriādikā etā yathāvuttasampattiyo. Tasmā pubbaparicayena upaṭṭhitanikantivasena. Upaṭṭhānasālanti sudhammadevasabhaṃ.
โสติ โคปกเทวปุโตฺตฯ วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวาติ โตมราทิํ วเตฺตเนฺตน วิย โจทนวจนํ ปริวเฎฺฎตฺวา ปริวเฎฺฎตฺวาฯ คาฬฺหํ วิชฺฌิตพฺพาติ คาฬฺหตรํ ฆเฎฺฎตพฺพาฯ
Soti gopakadevaputto. Vaṭṭetvā vaṭṭetvāti tomarādiṃ vattentena viya codanavacanaṃ parivaṭṭetvā parivaṭṭetvā. Gāḷhaṃ vijjhitabbāti gāḷhataraṃ ghaṭṭetabbā.
กุโต มุขาติ กุโต ปวตฺตญาณมุขาฯ เตนาห ‘‘อญฺญวิหิตกา’’ติฯ กตปุเญฺญติ สมฺมา กตปุเญฺญ ธเมฺมฯ
Kuto mukhāti kuto pavattañāṇamukhā. Tenāha ‘‘aññavihitakā’’ti. Katapuññeti sammā katapuññe dhamme.
ทาโยติ ลาโภฯ โส หิ ทียติ เตหิ ทาตพฺพตฺตา ทาโย, เยสํ ทียติ, เตหิ ลทฺธตฺตา ลาโภติ จ วุจฺจติฯ สงฺขาเร…เป.… ปติฎฺฐหิํสุ กตาธิการตฺตาฯ ตตฺถ ตาวติํสภวเน ฐิตานํเยว นิพฺพโตฺต ยถา สกฺกสฺส อินฺทสาลคุหายํ ฐิตเสฺสว สกฺกตฺตภาโวฯ
Dāyoti lābho. So hi dīyati tehi dātabbattā dāyo, yesaṃ dīyati, tehi laddhattā lābhoti ca vuccati. Saṅkhāre…pe… patiṭṭhahiṃsu katādhikārattā. Tattha tāvatiṃsabhavane ṭhitānaṃyeva nibbatto yathā sakkassa indasālaguhāyaṃ ṭhitasseva sakkattabhāvo.
นิกนฺติํ ตสฺมิํ คนฺธพฺพกาเย อาลยํ สมุจฺฉินฺทิตุํ น สโกฺกโนฺตฯ
Nikantiṃ tasmiṃ gandhabbakāye ālayaṃ samucchindituṃ na sakkonto.
๓๕๔. อตฺตนาว เวทิตโพฺพติ อตฺตนาว อธิคนฺตฺวา เวทิตโพฺพ, น ปรปฺปจฺจยิเกนฯ ตุเมฺหหิ วุจฺจมานานีติ เกวลํ ตุเมฺหหิ วุจฺจมานานิฯ
354.Attanāva veditabboti attanāva adhigantvā veditabbo, na parappaccayikena. Tumhehi vuccamānānīti kevalaṃ tumhehi vuccamānāni.
วิยายามาติ วิสฺสฎฺฐํ วีริยํ สนฺตาเน ปวเตฺตมฯ ปกติยาติ รูปาวจรภาเวน, ‘‘อนุสฺสร’’นฺติ วา ปาโฐฯ
Viyāyāmāti vissaṭṭhaṃ vīriyaṃ santāne pavattema. Pakatiyāti rūpāvacarabhāvena, ‘‘anussara’’nti vā pāṭho.
กามราโค เอว ‘‘ฉโนฺท ราโค ฉนฺทราโค’’ติอาทิ ปวตฺติเภเทน สํโยชนเฎฺฐน ‘‘กามราคสํโยชนานี’’ติ, โยคคนฺถาทิปวตฺติอาการเภเทน ‘‘กามพนฺธนานี’’ติ จ วุโตฺตฯ ปาปิมโยคานีติ เอตฺถ ปน เสสโยคคนฺถานมฺปิ วเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Kāmarāgo eva ‘‘chando rāgo chandarāgo’’tiādi pavattibhedena saṃyojanaṭṭhena ‘‘kāmarāgasaṃyojanānī’’ti, yogaganthādipavattiākārabhedena ‘‘kāmabandhanānī’’ti ca vutto. Pāpimayogānīti ettha pana sesayogaganthānampi vasena attho veditabbo.
ทุวิธานนฺติ วตฺถุกามกิเลสกามวเสน ทุวิธานํฯ
Duvidhānanti vatthukāmakilesakāmavasena duvidhānaṃ.
‘‘เอตฺถ กิํ, ตตฺถ กิ’’นฺติ จ ปททฺวเย กินฺติ นิปาตมตฺตํฯ จาตุทฺทิสภาเวติ เตสํ พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ จตุทฺทิสโยคฺยภาเว อปฺปฎิหฎภาเวฯ พุทฺธรตนญฺหิ มหาการุณิกตาย, อนาวรณญาณตาย, ปรมสนฺตุฎฺฐตาย จ จาตุทฺทิสํ, ธมฺมรตนํ สฺวากฺขาตตาย, สงฺฆรตนํ สุปฺปฎิปนฺนตายฯ เตนาห ‘‘สพฺพทิสาสุ อสชฺชมาโน’’ติฯ
‘‘Ettha kiṃ, tattha ki’’nti ca padadvaye kinti nipātamattaṃ. Cātuddisabhāveti tesaṃ buddhādīnaṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ catuddisayogyabhāve appaṭihaṭabhāve. Buddharatanañhi mahākāruṇikatāya, anāvaraṇañāṇatāya, paramasantuṭṭhatāya ca cātuddisaṃ, dhammaratanaṃ svākkhātatāya, saṅgharatanaṃ suppaṭipannatāya. Tenāha ‘‘sabbadisāsu asajjamāno’’ti.
มชฺฌิมสฺส ปฐมชฺฌานสฺส อธิคตตฺตา ตาวเทว กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ อธิคนฺตฺวา ตาวเทว ปุริมํ ฌานสติํ ปฎิลภิตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา โอรมฺภาคิยสํโยชนสมุจฺฉินฺทเนน มคฺคผลวิเสสํ อนาคามิผลสงฺขาตํ วิเสสํ อชฺฌคํสุ อธิคจฺฉิํสุฯ เกจิ ปน ‘‘กามาวจรตฺตภาเวน มคฺคผลานิ อธิคจฺฉิํสูติ อธิปฺปาเยน ปญฺจมสฺส ฌานสฺส อนธิคตตฺตา สุทฺธาวาเสสุ น อุปฺปชฺชิํสุ, ปฐมชฺฌานลาภิตาย ปน พฺรหฺมปุโรหิเตสุ นิพฺพตฺติํสู’’ติ วทนฺติฯ
Majjhimassa paṭhamajjhānassa adhigatattā tāvadeva kāyaṃ brahmapurohitaṃ adhigantvā tāvadeva purimaṃ jhānasatiṃ paṭilabhitvā taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā orambhāgiyasaṃyojanasamucchindanena maggaphalavisesaṃ anāgāmiphalasaṅkhātaṃ visesaṃ ajjhagaṃsu adhigacchiṃsu. Keci pana ‘‘kāmāvacarattabhāvena maggaphalāni adhigacchiṃsūti adhippāyena pañcamassa jhānassa anadhigatattā suddhāvāsesu na uppajjiṃsu, paṭhamajjhānalābhitāya pana brahmapurohitesu nibbattiṃsū’’ti vadanti.
มฆมาณววตฺถุวณฺณนา
Maghamāṇavavatthuvaṇṇanā
๓๕๕. วิสุโทฺธติ วิสุทฺธอชฺฌาสโย, อุปนิสฺสยสมฺปโนฺนติ อธิปฺปาโยฯ คามกมฺมกรณฎฺฐานนฺติ คามิกานํ อุปฎฺฐานฎฺฐานํ วทติฯ ตาวตเกเนวาติ อตฺตนา โสธิตฎฺฐาเนว อญฺญสฺส อาคนฺตฺวา อวฎฺฐาเนเนวฯ สติํ ปฎิลภิตฺวาติ ‘‘อโห มยา กตกมฺมํ สผลํ ชาต’’นฺติ โยนิโส จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาฯ
355.Visuddhoti visuddhaajjhāsayo, upanissayasampannoti adhippāyo. Gāmakammakaraṇaṭṭhānanti gāmikānaṃ upaṭṭhānaṭṭhānaṃ vadati. Tāvatakenevāti attanā sodhitaṭṭhāneva aññassa āgantvā avaṭṭhāneneva. Satiṃ paṭilabhitvāti ‘‘aho mayā katakammaṃ saphalaṃ jāta’’nti yoniso cittaṃ uppādetvā.
ปาสาเณติ มคฺคมเชฺฌ อุจฺจตรภาเวน ฐิตปาสาเณฯ อุจฺจาเลตฺวาติ อุทฺธริตฺวาฯ เอตสฺส สคฺคสฺส คมนมคฺคนฺติ เอตสฺส จนฺทาทีนํ อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตสฺส สคฺคสฺส คมนมคฺคํ ปุญฺญกมฺมํฯ
Pāsāṇeti maggamajjhe uccatarabhāvena ṭhitapāsāṇe. Uccāletvāti uddharitvā. Etassa saggassa gamanamagganti etassa candādīnaṃ uppattiṭṭhānabhūtassa saggassa gamanamaggaṃ puññakammaṃ.
สุคติวเสน ลทฺธพฺพํ, กหาปณญฺจาติ กหาปณํ, ทณฺฑวเสน ลทฺธพฺพํ พลิ ทณฺฑพลิฯ คหปติกา กิํ กริสฺสนฺตีติ คหปติกา นาม อฎวิกา วิย วิสมนิสฺสิตา, เต น กญฺจิ อนตฺถํ กริสฺสนฺติ, เอวํ ตยา ชานมาเนน กสฺมา มยฺหํ น กถิตนฺติ ยทิปิ ปุเพฺพ น กถิตํ, เอตรหิ ปน ภเยน กถิตํ, มา มยฺหํ โทสํ กเรยฺยาถ, อาโรจิตกาลโต ปฎฺฐาย น มยฺหํ โทโสติ วทติฯ
Sugativasena laddhabbaṃ, kahāpaṇañcāti kahāpaṇaṃ, daṇḍavasena laddhabbaṃ bali daṇḍabali. Gahapatikākiṃ karissantīti gahapatikā nāma aṭavikā viya visamanissitā, te na kañci anatthaṃ karissanti, evaṃ tayā jānamānena kasmā mayhaṃ na kathitanti yadipi pubbe na kathitaṃ, etarahi pana bhayena kathitaṃ, mā mayhaṃ dosaṃ kareyyātha, ārocitakālato paṭṭhāya na mayhaṃ dosoti vadati.
นิพทฺธนฺติ เอกนฺติกํฯ
Nibaddhanti ekantikaṃ.
ปิสุเณสีติ ปิสุณกมฺมมกาสิ, ตุมฺหากํ อนฺตเร มยฺหํ เปสุญฺญํ อุปสํหรตีติ อโตฺถฯ ปุน อหรณียํ พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวาฯ มยฺหมฺปีติ มยฺหมฺปิ อตฺถาย มํ อุทฺทิสฺส ปุญฺญกมฺมํ กโรถฯ นีลุปฺปลํ นาม วิกสมานํ อุทกโต อุคฺคนฺตฺวาว วิกสติ, เอวํ อหุตฺวา อโนฺตอุทเก ปุปฺผิตํ นีลุปฺปลํ วิยฯ อมฺหากํ ปนิทํ ปุญฺญกมฺมํ ภวนฺตรูปปตฺติยา วินา อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทตีติ โยชนาฯ จินฺตามตฺตกมฺปีติ โทมนสฺสวเสน จินฺตามตฺตกมฺปิฯ
Pisuṇesīti pisuṇakammamakāsi, tumhākaṃ antare mayhaṃ pesuññaṃ upasaṃharatīti attho. Puna aharaṇīyaṃ brahmadeyyaṃ katvā. Mayhampīti mayhampi atthāya maṃ uddissa puññakammaṃ karotha. Nīluppalaṃ nāma vikasamānaṃ udakato uggantvāva vikasati, evaṃ ahutvā antoudake pupphitaṃ nīluppalaṃ viya. Amhākaṃ panidaṃ puññakammaṃ bhavantarūpapattiyā vinā imasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ detīti yojanā. Cintāmattakampīti domanassavasena cintāmattakampi.
ปเควาติ กาลเสฺสว, อติวิย ปาโตติ อโตฺถฯ กณฺณิกูปคนฺติ กณฺณิกโยคฺยํฯ ตเจฺฉตฺวา มฎฺฐํ กตฺวา กณฺณิกาย กตฺตพฺพํ สพฺพํ นิฎฺฐเปตฺวาฯ ตถา หิ สา วเตฺถน เวเฐตฺวา ฐปิตาฯ
Pagevāti kālasseva, ativiya pātoti attho. Kaṇṇikūpaganti kaṇṇikayogyaṃ. Tacchetvā maṭṭhaṃ katvā kaṇṇikāya kattabbaṃ sabbaṃ niṭṭhapetvā. Tathā hi sā vatthena veṭhetvā ṭhapitā.
จยพนฺธนํ สาลาย อธิฎฺฐานสชฺชนํฯ กณฺณิกมญฺจพนฺธนํ กณฺณิกาโรหนกาเล อารุหิตฺวา อวฎฺฐานอฎฺฎกรณํฯ
Cayabandhanaṃ sālāya adhiṭṭhānasajjanaṃ. Kaṇṇikamañcabandhanaṃ kaṇṇikārohanakāle āruhitvā avaṭṭhānaaṭṭakaraṇaṃ.
ยสฺส อตฺถเต ผลเก ยสฺส ผลเก อตฺถเตติ โยชนาฯ
Yassa atthate phalake yassa phalake atthateti yojanā.
อวิทูเรติ สาลาย, โกวิฬารรุกฺขสฺส จ อวิทูเรฯ สพฺพเชฎฺฐิกาติ สพฺพาสํ ตสฺส ภริยานํ เชฎฺฐิกา สุชาตาฯ
Avidūreti sālāya, koviḷārarukkhassa ca avidūre. Sabbajeṭṭhikāti sabbāsaṃ tassa bhariyānaṃ jeṭṭhikā sujātā.
ตเสฺสวาติ สกฺกเสฺสวฯ สนฺติเกติ สมีเป สนฺติกาวจรา หุตฺวา นิพฺพตฺตาฯ ธเชน สทฺธิํ สหสฺสโยชนิโก ปาสาโทฯ
Tassevāti sakkasseva. Santiketi samīpe santikāvacarā hutvā nibbattā. Dhajena saddhiṃ sahassayojaniko pāsādo.
กกฺกฎกวิชฺฌนสูลสทิสนฺติ กกฺกฎเก คณฺหิตุํ ตสฺส พิลปริยนฺตสฺส วิชฺฌนสูจิสทิสํฯ
Kakkaṭakavijjhanasūlasadisanti kakkaṭake gaṇhituṃ tassa bilapariyantassa vijjhanasūcisadisaṃ.
มจฺฉรูเปนาติ มตมจฺฉรูเปนฯ โอสรตีติ ปิลวโนฺต คจฺฉติฯ ตสฺสาปิ พกสกุณิกาย ปญฺจ วสฺสสตานิ อายุ อโหสิ เทวเนรยิกานํ วิย มนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ อายุโน อปริจฺฉินฺนตฺตาฯ
Maccharūpenāti matamaccharūpena. Osaratīti pilavanto gacchati. Tassāpi bakasakuṇikāya pañca vassasatāni āyu ahosi devanerayikānaṃ viya manussapetatiracchānānaṃ āyuno aparicchinnattā.
อุกฺกุฎฺฐิมกาสีติ อุจฺจาสทฺทมกาสิฯ
Ukkuṭṭhimakāsīti uccāsaddamakāsi.
ปุพฺพสนฺนิวาเสนาติ ปุริมชาตีสุ จิรสนฺนิวาเสนฯ เอวญฺหิ เอกจฺจานํ ทิฎฺฐมเตฺตนปิ สิเนโห อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –
Pubbasannivāsenāti purimajātīsu cirasannivāsena. Evañhi ekaccānaṃ diṭṭhamattenapi sineho uppajjati. Tenāha bhagavā –
‘‘ปุเพฺพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
‘‘Pubbeva sannivāsena, paccuppannahitena vā;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติฯ (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
Evaṃ taṃ jāyate pemaṃ, uppalaṃva yathodake’’ti. (jā. 1.2.174);
อวเสเสสูติ อสุเร, สกฺกํ ฐเปตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทเวว สนฺธาย วทติฯ
Avasesesūti asure, sakkaṃ ṭhapetvā dvīsu devalokesu deveva sandhāya vadati.
อตฺถนิสฺสิตนฺติ อตฺตโน, ปเรสญฺจ อตฺถเมว หิตเมว นิสฺสิตํ, ตํ ปน หิตํ สุขสฺส นิทานนฺติ อาห ‘‘การณนิสฺสิต’’นฺติฯ
Atthanissitanti attano, paresañca atthameva hitameva nissitaṃ, taṃ pana hitaṃ sukhassa nidānanti āha ‘‘kāraṇanissita’’nti.
ปญฺหเวยฺยากรณวณฺณนา
Pañhaveyyākaraṇavaṇṇanā
๓๕๗. กิํสํโยชนาติ กีทิสสํโยชนาฯ สเตฺต อนเตฺถ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานีติ อาห ‘‘กิํพนฺธนา, เกน พนฺธเนน พทฺธา’’ติฯ ปุถุกายาติ พหู สตฺตกายาติ อาห ‘‘พหู ชนา’’ติฯ เวรํ วุจฺจติ โทโสติ อาห ‘‘อเวราติ อปฺปฎิฆา’’ติฯ อาวุเธน สรีเร ทโณฺฑ อาวุธทโณฺฑ, ธนสฺส ทาปนเตฺถน ทโณฺฑ ธนทโณฺฑ, ตทุภยากรเณน ตโต วินิมุโตฺต อทโณฺฑ, สมฺปตฺติหรณโต, สห อนตฺถุปฺปตฺติโต จ สปโตฺต, ปฎิสตฺตูติ อาห ‘‘อสปตฺตาติ อปจฺจตฺถิกา’’ติฯ พฺยาปชฺฌํ วุจฺจติ จิตฺตทุกฺขํ, ตพฺพิรหิตา อพฺยาปชฺฌาติ อาห ‘‘วิคตโทมนสฺสา’’ติฯ ปุเพฺพ ‘‘อเวรา’’ติ ปเทน สมฺพทฺธาฆาตกาภาโว วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘อปฺปฎิฆา’’ติฯ ‘‘อเวริโน’’ติ ปน อิมินาปิ โกปมตฺตสฺสปิ อนุปฺปาทนํฯ เตนาห ‘‘กตฺถจิ โกปํ น อุปฺปาเทตฺวา’’ติฯ ‘‘วิหเรมู’’ติ จ ปทํ ปุริมปเทหิปิ โยเชตพฺพํ ‘‘อเวรา วิหเรมู’’ติอาทินาฯ อยญฺจ อเวราทิภาโว สํวิภาเคน ปากโฎ โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อจฺฉรายา’’ติ อาทิํ วตฺวา ‘‘อิติ เจ เนสํ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ จิตฺตุปฺปตฺติ ทฬฺหตราปิ หุตฺวา ปวตฺตตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทานํ ทตฺวา, ปูชํ กตฺวา จ ปตฺถยนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อิติ เจติ เจ-สโทฺท อนฺวยสํสเคฺคน ปริกเปฺปตีติ อาห ‘‘เอวญฺจ เนส’’นฺติฯ
357.Kiṃsaṃyojanāti kīdisasaṃyojanā. Satte anatthe saṃyojenti bandhantīti saṃyojanānīti āha ‘‘kiṃbandhanā, kena bandhanena baddhā’’ti. Puthukāyāti bahū sattakāyāti āha ‘‘bahū janā’’ti. Veraṃ vuccati dosoti āha ‘‘averāti appaṭighā’’ti. Āvudhena sarīre daṇḍo āvudhadaṇḍo, dhanassa dāpanatthena daṇḍo dhanadaṇḍo, tadubhayākaraṇena tato vinimutto adaṇḍo, sampattiharaṇato, saha anatthuppattito ca sapatto, paṭisattūti āha ‘‘asapattāti apaccatthikā’’ti. Byāpajjhaṃ vuccati cittadukkhaṃ, tabbirahitā abyāpajjhāti āha ‘‘vigatadomanassā’’ti. Pubbe ‘‘averā’’ti padena sambaddhāghātakābhāvo vutto. Tenāha ‘‘appaṭighā’’ti. ‘‘Averino’’ti pana imināpi kopamattassapi anuppādanaṃ. Tenāha ‘‘katthaci kopaṃ na uppādetvā’’ti. ‘‘Viharemū’’ti ca padaṃ purimapadehipi yojetabbaṃ ‘‘averā viharemū’’tiādinā. Ayañca averādibhāvo saṃvibhāgena pākaṭo hotīti dassetuṃ ‘‘accharāyā’’ti ādiṃ vatvā ‘‘iti ce nesaṃ hotī’’ti vuttaṃ. Cittuppatti daḷhatarāpi hutvā pavattatīti dassetuṃ ‘‘dānaṃ datvā, pūjaṃ katvā ca patthayantī’’ti vuttaṃ. Iti ceti ce-saddo anvayasaṃsaggena parikappetīti āha ‘‘evañca nesa’’nti.
ยาย กายจิ ปเรสํ สมฺปตฺติยา ขียนํ อุสูยนํ อสหนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา, ยทเคฺคน อตฺตสมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหนลกฺขณํ, ตทเคฺคนสฺส ‘‘นิคูหนลกฺขณ’’นฺติปิ วตฺตพฺพํฯ ตถา หิสฺส โปราณา ‘‘มา อิทํ อจฺฉริยํ อเญฺญสํ โหตุ, มยฺหเมว โหตูติ มจฺฉริย’’นฺติ นิพฺพจนํ วทนฺติฯ อภิธเมฺม ‘‘ยา ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ อิสฺสา อิสฺสายนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๖) นิเกฺขปกเณฺฑ, ‘‘ยา เอเตสุ ปเรสํ ลาภาทีสุ กิํ อิมินา อิเมส’’นฺติอาทินา ตํสํวณฺณนายญฺจ วุตฺตาเนว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานีติ อธิปฺปาโยฯ
Yāya kāyaci paresaṃ sampattiyā khīyanaṃ usūyanaṃ asahanaṃ lakkhaṇaṃ etissāti parasampattikhīyanalakkhaṇā, yadaggena attasampattiyā parehi sādhāraṇabhāvaṃ asahanalakkhaṇaṃ, tadaggenassa ‘‘nigūhanalakkhaṇa’’ntipi vattabbaṃ. Tathā hissa porāṇā ‘‘mā idaṃ acchariyaṃ aññesaṃ hotu, mayhameva hotūti macchariya’’nti nibbacanaṃ vadanti. Abhidhamme ‘‘yā paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu issā issāyanā’’tiādinā (dha. sa. 1126) nikkhepakaṇḍe, ‘‘yā etesu paresaṃ lābhādīsu kiṃ iminā imesa’’ntiādinā taṃsaṃvaṇṇanāyañca vuttāneva, tasmā tattha vuttanayeneva veditabbānīti adhippāyo.
ยสฺมา ปน อิสฺสามจฺฉริยานิ พหฺวาทีนวานิ, เตสํ วิภาวนา โลกสฺส พหุการา , ตสฺมา อภิธมฺมฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๑๒๕) วิภาวิตานมฺปิ เตสํ ทิฎฺฐธมฺมิเกปิ สมฺปรายิเก ปิอาทีนเว ทเสฺสโนฺต ‘‘อาวาสมจฺฉริเยน ปนา’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถาติ เอเตสุ อิสฺสามจฺฉริเยสุ, เอเตสุ วา อาวาสมจฺฉริยาทีสุ ปญฺจสุ มจฺฉริเยสุฯ สงฺการํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวาว วิจรติ ตตฺถ ลคฺคจิตฺตตาย, นิหีนชฺฌาสยตาย จฯ มมาติ มยา, อยเมว วา ปาโฐฯ โลหิตมฺปิ มุขโต อุคฺคจฺฉติ จิตฺตวิฆาเตน สํตตฺตหทยตายฯ กุจฺฉิวิเรจนมฺปิ โหติ อติชลคฺคิโนฯ อโญฺญ วิภวปฎิเวธธโมฺม อริยานํเยว โหติ, เต จ ตํ น มจฺฉรายนฺติ มจฺฉริยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตาฯ ปฎิเวธธเมฺม มจฺฉริยสฺส อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘ปริยตฺติธมฺมมจฺฉริเยน จา’’ติฯ วณฺณมจฺฉริเยน ทุพฺพโณฺณ, ธมฺมมจฺฉริเยน เอฬมูโค ทุปฺปโญฺญ โหติฯ
Yasmā pana issāmacchariyāni bahvādīnavāni, tesaṃ vibhāvanā lokassa bahukārā , tasmā abhidhammaṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 1125) vibhāvitānampi tesaṃ diṭṭhadhammikepi samparāyike piādīnave dassento ‘‘āvāsamacchariyena panā’’tiādimāha. Etthāti etesu issāmacchariyesu, etesu vā āvāsamacchariyādīsu pañcasu macchariyesu. Saṅkāraṃ sīsena ukkhipitvāva vicarati tattha laggacittatāya, nihīnajjhāsayatāya ca. Mamāti mayā, ayameva vā pāṭho. Lohitampi mukhato uggacchati cittavighātena saṃtattahadayatāya. Kucchivirecanampi hoti atijalaggino. Añño vibhavapaṭivedhadhammo ariyānaṃyeva hoti, te ca taṃ na maccharāyanti macchariyassa sabbaso pahīnattā. Paṭivedhadhamme macchariyassa asambhavo evāti āha ‘‘pariyattidhammamacchariyena cā’’ti. Vaṇṇamacchariyena dubbaṇṇo, dhammamacchariyena eḷamūgo duppañño hoti.
‘‘อปิจา’’ติอาทิ ปญฺจนฺนํ มจฺฉริยานํ วเสน กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสนํฯ อาวาสมจฺฉริเยน โลหเคเห ปจฺจติ ปเรสํ อาวาสปจฺจยหิตสุขนิเสธนโตฯ กุลมจฺฉริเยน อปฺปลาโภ โหติ ปเรหิ กุเลสุ ลทฺธพฺพลาภนิเสธนโต, อปฺปลาโภติ จ อลาโภติ อโตฺถฯ ลาภมจฺฉริเยน คูถนิรเย นิพฺพตฺตติ ลาภเหตุ ปเรหิ ลทฺธพฺพสฺส อสฺสาทนิเสธนโตฯ สพฺพถาปิ นิรสฺสาโท หิ คูถนิรโยฯ วโณฺณ นาม น โหตีติ สรีรวโณฺณ, คุณวโณฺณติ ทุวิโธปิ วโณฺณ นามมเตฺตนปิ น โหติ, ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมาโน วิรูโป เอว โหติฯ สมฺปตฺตินิคูหนสภาเวน มจฺฉริเยน วิรูปิเต สนฺตาเน เยภุเยฺยน คุณา ปติฎฺฐเมว น ลภนฺติ, เย จ ปติฎฺฐเหยฺยุํ, เตสมฺปิ วเสนสฺส วโณฺณ น ภเวยฺยฯ เต หิ ตสฺส โลเก รตฺติํ ขิตฺตา สรา วิย น ปญฺญายนฺติฯ ธมฺมมจฺฉริเยน กุกฺกุฬนิรเยฯ โสตาปตฺติมเคฺคน ปหียติ อปายคมนียภาวโตฯ เวราทีหิ น ปริมุจฺจนฺติเยว ตปฺปริมุจฺจนาย อิจฺฉาย อปฺปตฺตพฺพตฺตา ชาติอาทิธมฺมานํ สตฺตานํ ชาติอาทีหิ วิยฯ
‘‘Apicā’’tiādi pañcannaṃ macchariyānaṃ vasena kammasarikkhakavipākadassanaṃ. Āvāsamacchariyena lohagehe paccati paresaṃ āvāsapaccayahitasukhanisedhanato. Kulamacchariyena appalābho hoti parehi kulesu laddhabbalābhanisedhanato, appalābhoti ca alābhoti attho. Lābhamacchariyena gūthaniraye nibbattati lābhahetu parehi laddhabbassa assādanisedhanato. Sabbathāpi nirassādo hi gūthanirayo. Vaṇṇo nāma na hotīti sarīravaṇṇo, guṇavaṇṇoti duvidhopi vaṇṇo nāmamattenapi na hoti, tattha tattha nibbattamāno virūpo eva hoti. Sampattinigūhanasabhāvena macchariyena virūpite santāne yebhuyyena guṇā patiṭṭhameva na labhanti, ye ca patiṭṭhaheyyuṃ, tesampi vasenassa vaṇṇo na bhaveyya. Te hi tassa loke rattiṃ khittā sarā viya na paññāyanti. Dhammamacchariyenakukkuḷaniraye.Sotāpattimaggenapahīyati apāyagamanīyabhāvato. Verādīhi na parimuccantiyeva tapparimuccanāya icchāya appattabbattā jātiādidhammānaṃ sattānaṃ jātiādīhi viya.
ติณฺณา เมตฺถ กงฺขาติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ เอตสฺมิํ ปเญฺหติ เอตสฺมิํ ‘‘กิํสํโยชนา นุ โข’’ติ เอวํ ญาตุํ อิจฺฉิเต อเตฺถฯ ตุมฺหากํ วจนํ สุตฺวาติ ‘‘อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ ตุมฺหากํ วิสฺสชฺชนวจนํ สุตฺวาฯ กงฺขา ติณฺณาติ ยถาปุจฺฉิเต อเตฺถ สํสโย ตริโต วิคโต เทสนานุสฺสรณมเตฺตน, น สมุเจฺฉทวเสนาติ อาห ‘‘น มคฺควเสนา’’ติอาทิฯ อยมฺปิ กถํกถา วิคตาติ กงฺขาย วิคตตฺตา เอว ตสฺสา ปวตฺติอาการวิเสสภูตา ‘‘อิทํ กถ อิทํ กถ’’นฺติ อยมฺปิ กถํกถา วิคตา อปคตาฯ
Tiṇṇā mettha kaṅkhāti ma-kāro padasandhikaro. Etasmiṃ pañheti etasmiṃ ‘‘kiṃsaṃyojanā nu kho’’ti evaṃ ñātuṃ icchite atthe. Tumhākaṃ vacanaṃ sutvāti ‘‘issāmacchariyasaṃyojanā’’ti evaṃ pavattaṃ tumhākaṃ vissajjanavacanaṃ sutvā. Kaṅkhā tiṇṇāti yathāpucchite atthe saṃsayo tarito vigato desanānussaraṇamattena, na samucchedavasenāti āha ‘‘na maggavasenā’’tiādi. Ayampi kathaṃkathā vigatāti kaṅkhāya vigatattā eva tassā pavattiākāravisesabhūtā ‘‘idaṃ katha idaṃ katha’’nti ayampi kathaṃkathā vigatā apagatā.
๓๕๘. นิทานาทีนิ มหานิทานสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๕) วุตฺตตฺถาเนวฯ ปิยานํ อตฺตโน ปริคฺคหภูตานํ สตฺตสงฺขารานํ ปเรหิ สาธารณภาวาสหนวเสน, นิคูหนวเสน จ ปวตฺตนโต ปิยสตฺตสงฺขารนิทานํ มจฺฉริยํ, อปฺปิยานํ ปริคฺคหภูตานํ สตฺตานํ, สงฺขารานญฺจ อสหนวเสน ปวตฺติยา อปฺปิยสตฺตสงฺขารนิทานา อิสฺสาฯ ยญฺหิ กิญฺจิ อปฺปิยสมฺพนฺธํ ภทฺทกมฺปิ ตํ โกธนสฺส อปฺปิยเมวาติฯ อุภยนฺติ มจฺฉริยํ, อิสฺสา จาติ อุภยํฯ อุภยนิทานนฺติ ปิยนิทานเญฺจว อปฺปิยนิทานญฺจฯ ปิยาติ อิฎฺฐาฯ เกฬายิตาติ ธนายิตาฯ มมายิตาติ มมตฺตํ กตฺวา ปริคฺคหิตาฯ อิสฺสํ กโรตีติ ‘‘กิํ อิมสฺส อิมินา’’ติ ตสฺส ปิยสตฺตลาภาสหนวเสน อุสฺสูยติ, ตเมว ปิยสตฺตํ ยาจิโตฯ อโห วตสฺสาติ สาธุ วต อสฺสฯ ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เอวรูปํ ปิยวตฺถุ น ภเวยฺยา’’ติ อิสฺสํ กโรติ อุสูยํ อุปฺปาเทติฯ มมายนฺตาติ เกฬายนฺตาฯ อปฺปิเยติ อปฺปิเย สเตฺต เตสํ สตาปโตฯ อสฺสาติ ปุคฺคลสฺส, เยน เต ลทฺธาฯ เตติ สตฺตสงฺขารา, สเจปิ อมนาปา โหนฺติ อปฺปิเยหิ สมุทาคตตฺตาฯ วิปรีตวุตฺติตายาติ อยาถาวคาหิตายฯ โก อโญฺญ เอวรูปสฺส ลาภีติ เตน อตฺตานํ สมฺภาเวโนฺต อิสฺสํ วา กโรติฯ อญฺญสฺส ตาทิสํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ‘‘อโห วตสฺส เอวรูปํ น ภเวยฺยา’’ติ อิสฺสํ วา กโรติ, อยญฺจ นโย เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา น คหิโตฯ
358.Nidānādīni mahānidānasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.95) vuttatthāneva. Piyānaṃ attano pariggahabhūtānaṃ sattasaṅkhārānaṃ parehi sādhāraṇabhāvāsahanavasena, nigūhanavasena ca pavattanato piyasattasaṅkhāranidānaṃ macchariyaṃ, appiyānaṃ pariggahabhūtānaṃ sattānaṃ, saṅkhārānañca asahanavasena pavattiyā appiyasattasaṅkhāranidānā issā. Yañhi kiñci appiyasambandhaṃ bhaddakampi taṃ kodhanassa appiyamevāti. Ubhayanti macchariyaṃ, issā cāti ubhayaṃ. Ubhayanidānanti piyanidānañceva appiyanidānañca. Piyāti iṭṭhā. Keḷāyitāti dhanāyitā. Mamāyitāti mamattaṃ katvā pariggahitā. Issaṃ karotīti ‘‘kiṃ imassa iminā’’ti tassa piyasattalābhāsahanavasena ussūyati, tameva piyasattaṃ yācito. Aho vatassāti sādhu vata assa. ‘‘Imassa puggalassa evarūpaṃ piyavatthu na bhaveyyā’’ti issaṃ karoti usūyaṃ uppādeti. Mamāyantāti keḷāyantā. Appiyeti appiye satte tesaṃ satāpato. Assāti puggalassa, yena te laddhā. Teti sattasaṅkhārā, sacepi amanāpā honti appiyehi samudāgatattā. Viparītavuttitāyāti ayāthāvagāhitāya. Ko añño evarūpassa lābhīti tena attānaṃ sambhāvento issaṃ vā karoti. Aññassa tādisaṃ uppajjamānampi ‘‘aho vatassa evarūpaṃ na bhaveyyā’’ti issaṃ vā karoti, ayañca nayo heṭṭhā vuttanayattā na gahito.
วตฺถุกามานํ ปริเยสนวเสน ปวโตฺต ฉโนฺท ปริเยสนฉโนฺทฯ ปฎิลาภปจฺจโย ฉโนฺท ปฎิลาภฉโนฺทฯ ปริภุญฺชนวเสน ปวโตฺต ฉโนฺท ปริโภคฉโนฺทฯ ปฎิลทฺธานํ สนฺนิธาปนวเสน, สโงฺคปนวเสน จ ปวโตฺต ฉโนฺท สนฺนิธิฉโนฺทฯ ทิฎฺฐธมฺมิกเมว ปโยชนํ จิเนฺตตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวโตฺต ฉโนฺท วิสฺสชฺชนฉโนฺทฯ เตนาห ‘‘กตโม’’ติอาทิฯ
Vatthukāmānaṃ pariyesanavasena pavatto chando pariyesanachando. Paṭilābhapaccayo chando paṭilābhachando. Paribhuñjanavasena pavatto chando paribhogachando. Paṭiladdhānaṃ sannidhāpanavasena, saṅgopanavasena ca pavatto chando sannidhichando. Diṭṭhadhammikameva payojanaṃ cintetvā vissajjanavasena pavatto chando vissajjanachando. Tenāha ‘‘katamo’’tiādi.
อยํ ปญฺจวิโธปิ อตฺถโต ตณฺหายนเมวาติ อาห ‘‘ตณฺหามตฺตเมวา’’ติฯ
Ayaṃ pañcavidhopi atthato taṇhāyanamevāti āha ‘‘taṇhāmattamevā’’ti.
เอวํ วุโตฺต ‘‘ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ เอวํ มหานิทานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๑๐๓) วุโตฺต วินิจฺฉยวิตโกฺก วิตโกฺก นาม, น โย โกจิ วิตโกฺกฯ อิทานิ ยถาวุตฺตํ วินิจฺฉยวิตกฺกํ อตฺถุทฺธารนเยน นีหริตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘วินิจฺฉโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐสตนฺติ อฎฺฐาธิกํ สตํ, ตญฺจ โข ตณฺหาวิจริตานํ สตํ, น ยสฺส กสฺสจีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตณฺหาวิจริต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตณฺหาวินิจฺฉโย นาม ตณฺหาย วเสน วกฺขมานนเยน อารมฺมณสฺส วินิจฺฉินนโตฯ ทิฎฺฐิทสฺสนวเสน ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆํ อญฺญ’’นฺติ วินิจฺฉินนโต ทิฎฺฐิวินิจฺฉโย นามฯ อิฎฺฐํ ปณีตํ, อนิฎฺฐํ อปฺปณีตํ, ปิยายิตพฺพํ ปิยํ, อปฺปิยายิตพฺพํ อปฺปิยํ, เตสํ ววตฺถานํ ตณฺหาวเสน น โหติฯ ตณฺหาวเสน หิ เอกโจฺจ กิญฺจิ วตฺถุํ ปณีตํ มญฺญติ, เอกโจฺจ หีนํ, เอกโจฺจ ปิยายติ, เอกโจฺจ นปฺปิยายติฯ เตนาห ‘‘ตเทว หี’’ติอาทิ ฯ ‘‘ทสฺสามี’’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนฉเนฺท วุตฺตนเยน เจว วฎฺฎูปนิสฺสยทานวเสน จ เวทิตพฺพํฯ ตมฺปิ หิ ตณฺหาฉนฺทเหตุกนฺติฯ
Evaṃ vutto ‘‘lābhaṃ paṭicca vinicchayo’’ti evaṃ mahānidānasutte (dī. ni. 2.103) vutto vinicchayavitakko vitakko nāma, na yo koci vitakko. Idāni yathāvuttaṃ vinicchayavitakkaṃ atthuddhāranayena nīharitvā dassetuṃ ‘‘vinicchayo’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhasatanti aṭṭhādhikaṃ sataṃ, tañca kho taṇhāvicaritānaṃ sataṃ, na yassa kassacīti dassetuṃ ‘‘taṇhāvicarita’’nti vuttaṃ. Taṇhāvinicchayo nāma taṇhāya vasena vakkhamānanayena ārammaṇassa vinicchinanato. Diṭṭhidassanavasena ‘‘idameva saccaṃ, moghaṃ añña’’nti vinicchinanato diṭṭhivinicchayo nāma. Iṭṭhaṃ paṇītaṃ, aniṭṭhaṃ appaṇītaṃ, piyāyitabbaṃ piyaṃ, appiyāyitabbaṃ appiyaṃ, tesaṃ vavatthānaṃ taṇhāvasena na hoti. Taṇhāvasena hi ekacco kiñci vatthuṃ paṇītaṃ maññati, ekacco hīnaṃ, ekacco piyāyati, ekacco nappiyāyati. Tenāha ‘‘tadeva hī’’tiādi . ‘‘Dassāmī’’ti idaṃ vissajjanachande vuttanayena ceva vaṭṭūpanissayadānavasena ca veditabbaṃ. Tampi hi taṇhāchandahetukanti.
ยตฺถ สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ สํสาเร ปปเญฺจนฺติ วิตฺถารยนฺตีติ ปปญฺจาฯ ยสฺส จ อุปฺปนฺนา, ตํ ‘‘รโตฺต’’ติ วา ‘‘สโตฺต’’ติ วา ‘‘มิจฺฉาภินิวิโฎฺฐ’’ติ วา ปปเญฺจนฺติ พฺยเญฺชนฺตีติ ปปญฺจาฯ ยสฺมา ตณฺหาทิฎฺฐิโย อธิมตฺตา หุตฺวา ปวตฺตมานา ตํสมงฺคีปุคฺคลํ ปมตฺตาการํ ปาเปนฺติ, มาโน ปน ชาติมทาทิ วเสน มตฺตาการมฺปิ, ตสฺมา ‘‘มตฺตปมตฺตาการปาปนเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํฯ สงฺขา วุจฺจติ โกฎฺฐาโส ภาคโส สงฺขายติ อุปฎฺฐาตีติฯ ยสฺมา ปปญฺจสญฺญา ตํตํทฺวารวเสน, อารมฺมณวเสน จ ภาคโส วิตกฺกสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น เกวลา, ตสฺมา ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิทาโน วิตโกฺก วุโตฺต, ปปญฺจสญฺญานํ วา อเนกเภทภินฺนตฺตา ตํสมุทาโย ‘‘ปปญฺจสญฺญาสงฺขา’’ติ วุโตฺตฯ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาคฺคหเณน จ อนวเสโส ทุกฺขสมุทโย วุโตฺต ตํตํ นิมิตฺตตฺตา วฎฺฎทุกฺขสฺสาติฯ
Yattha sayaṃ uppajjanti, taṃ santānaṃ saṃsāre papañcenti vitthārayantīti papañcā. Yassa ca uppannā, taṃ ‘‘ratto’’ti vā ‘‘satto’’ti vā ‘‘micchābhiniviṭṭho’’ti vā papañcenti byañjentīti papañcā. Yasmā taṇhādiṭṭhiyo adhimattā hutvā pavattamānā taṃsamaṅgīpuggalaṃ pamattākāraṃ pāpenti, māno pana jātimadādi vasena mattākārampi, tasmā ‘‘mattapamattākārapāpanaṭṭhenā’’ti vuttaṃ. Saṅkhā vuccati koṭṭhāso bhāgaso saṅkhāyati upaṭṭhātīti. Yasmā papañcasaññā taṃtaṃdvāravasena, ārammaṇavasena ca bhāgaso vitakkassa paccayā honti, na kevalā, tasmā papañcasaññāsaṅkhānidāno vitakko vutto, papañcasaññānaṃ vā anekabhedabhinnattā taṃsamudāyo ‘‘papañcasaññāsaṅkhā’’ti vutto. Papañcasaññāsaṅkhāggahaṇena ca anavaseso dukkhasamudayo vutto taṃtaṃ nimittattā vaṭṭadukkhassāti.
โย นิโรโธ วูปสโมติ นิโรธสจฺจมาหฯ ตสฺส สารุปฺปนฺติ ตสฺส ปปญฺจสญฺญาสงฺขาย นิโรธสฺส วูปสมสฺส อธิคมุปายตาย สารุปฺปํ อนุจฺฉวิกํ, เอเตน วิปสฺสนํ วทติฯ ตตฺถ ยถาวุตฺตนิโรเธ อารมฺมณกรณวเสน คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ตตฺถคามินี, เอเตน มคฺคํฯ เตนาห ‘‘สห วิปสฺสนาย มคฺคํ ปุจฺฉตี’’ติฯ
Yo nirodho vūpasamoti nirodhasaccamāha. Tassa sāruppanti tassa papañcasaññāsaṅkhāya nirodhassa vūpasamassa adhigamupāyatāya sāruppaṃ anucchavikaṃ, etena vipassanaṃ vadati. Tattha yathāvuttanirodhe ārammaṇakaraṇavasena gacchati pavattatīti tatthagāminī, etena maggaṃ. Tenāha ‘‘saha vipassanāya maggaṃ pucchatī’’ti.
เวทนากมฺมฎฺฐานวณฺณนา
Vedanākammaṭṭhānavaṇṇanā
๓๕๙. ปุจฺฉิตเมว กถิตํฯ ยสฺมา สเกฺกน เทวานํ อิเนฺทน ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธคามินิปฎิปทา ปุจฺฉิตาว, ภควา จ ตทธิคมุปายํ อรูปกมฺมฎฺฐานํ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน เวทนามุเขน กเถโนฺต ติโสฺส เวทนา อารภิ, อิติ ปุจฺฉิตเมว กเถเนฺตน ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน สานุสนฺธิเมว จ กถิตํฯ น หิ พุทฺธานํ อนนุสนฺธิกา กถา นาม อตฺถิฯ อิทานิสฺส เวทนามุเขน อรูปกมฺมฎฺฐานเสฺสว กถเน การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘เทวตานญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กรชกายสฺส สุขุมตาวจเนเนว อจฺจนฺตมุทุสุขุมาลภาวาปิ วุตฺตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ กมฺมชนฺติ กมฺมชเตชํฯ ตสฺส พลวภาโว อุฬารปุญฺญกมฺมนิพฺพตฺตตฺตา, อติวิย ครุมธุรสินิทฺธสุทฺธาหารชีรณโต จฯ เอกาหารมฺปีติ เอกาหารวารมฺปิฯ ‘‘วิลียนฺตี’’ติ เอเตน กรชกายสฺส มนฺทตาย กมฺมชเตชสฺส พลวภาเวน อาหารเวลาติกฺกเมน เนสํ พลวตี ทุกฺขเวทนา อุปฺปชฺชมานา สุปากฎา โหตีติ ทเสฺสติฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ , สุขเวทนาปิ ปน เนสํ อุฬารปณีเตสุ อารมฺมเณสุ อุปรูปริ อนิคฺคหณวเสน ปวตฺตมานา สุปากฎา หุตฺวา อุปฎฺฐาติเยวฯ อุเปกฺขาปิ เตสํ กทาจิ อุปฺปชฺชมานา สนฺตปณีตรูปา เอว อิฎฺฐมชฺฌเตฺต เอว อารมฺมเณ ปวตฺตนโตฯ เตเนวาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ
359.Pucchitameva kathitaṃ. Yasmā sakkena devānaṃ indena papañcasaññāsaṅkhānirodhagāminipaṭipadā pucchitāva, bhagavā ca tadadhigamupāyaṃ arūpakammaṭṭhānaṃ tassa ajjhāsayavasena vedanāmukhena kathento tisso vedanā ārabhi, iti pucchitameva kathentena pucchānusandhivasena sānusandhimeva ca kathitaṃ. Na hi buddhānaṃ ananusandhikā kathā nāma atthi. Idānissa vedanāmukhena arūpakammaṭṭhānasseva kathane kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘devatānañhī’’tiādi vuttaṃ. Karajakāyassa sukhumatāvacaneneva accantamudusukhumālabhāvāpi vuttā evāti daṭṭhabbaṃ. Kammajanti kammajatejaṃ. Tassa balavabhāvo uḷārapuññakammanibbattattā, ativiya garumadhurasiniddhasuddhāhārajīraṇato ca. Ekāhārampīti ekāhāravārampi. ‘‘Vilīyantī’’ti etena karajakāyassa mandatāya kammajatejassa balavabhāvena āhāravelātikkamena nesaṃ balavatī dukkhavedanā uppajjamānā supākaṭā hotīti dasseti. Nidassanamattañcetaṃ , sukhavedanāpi pana nesaṃ uḷārapaṇītesu ārammaṇesu uparūpari aniggahaṇavasena pavattamānā supākaṭā hutvā upaṭṭhātiyeva. Upekkhāpi tesaṃ kadāci uppajjamānā santapaṇītarūpā eva iṭṭhamajjhatte eva ārammaṇe pavattanato. Tenevāha ‘‘tasmā’’tiādi.
รูปกมฺมฎฺฐานนฺติ รูปปริคฺคหํ, รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสนฺติ อโตฺถฯ อรูปกมฺมฎฺฐานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ รูปกมฺมฎฺฐาเนน สมถาภินิเวโสปิ สงฺคยฺหติ, วิปสฺสนาภินิเวโส ปน อิธาธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจตี’’ติ อาหฯ จตุธาตุววตฺถานนฺติ เอตฺถ เยภุเยฺยน จตุธาตุววตฺถานํ วิตฺถาเรโนฺต รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตีติ อธิปฺปาโยฯ รูปกมฺมฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวาว กเถติ ‘‘เอวํ รูปกมฺมฎฺฐานํ วุจฺจมานํ สุฎฺฐุ วิภูตํ ปากฎํ หุตฺวา อุปฎฺฐาตี’’ติฯ ‘‘เอเตน อิธาปิ รูปกมฺมฎฺฐานํ เอกเทเสน วิภาวิตเมวา’’ติ วทนฺติฯ
Rūpakammaṭṭhānanti rūpapariggahaṃ, rūpamukhena vipassanābhinivesanti attho. Arūpakammaṭṭhānanti etthāpi eseva nayo. Tattha rūpakammaṭṭhānena samathābhinivesopi saṅgayhati, vipassanābhiniveso pana idhādhippetoti dassento ‘‘rūpapariggaho arūpapariggahotipi etadeva vuccatī’’ti āha. Catudhātuvavatthānanti ettha yebhuyyena catudhātuvavatthānaṃ vitthārento rūpakammaṭṭhānaṃ kathetīti adhippāyo. Rūpakammaṭṭhānaṃ dassetvāva katheti ‘‘evaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ vuccamānaṃ suṭṭhu vibhūtaṃ pākaṭaṃ hutvā upaṭṭhātī’’ti. ‘‘Etena idhāpi rūpakammaṭṭhānaṃ ekadesena vibhāvitamevā’’ti vadanti.
กามเญฺจตฺถ เวทนาวเสน อรูปกมฺมฎฺฐานํ อาคตํ, ตทญฺญธมฺมวเสนปิ อรูปกมฺมฎฺฐานํ ลพฺภตีติ ตํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ติวิโธ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภินิเวโสติ อนุปฺปเวโส, อารโมฺภติ อโตฺถฯ อารเมฺภ เอว หิ อยํ วิภาโค, สมฺมสนํ ปน อนวเสสโตว ธเมฺม ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตตีติฯ ‘‘ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฎฺฐาเน’’ติ อิทํ รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, อรูปมุเขน ปน วิปสฺสนาภินิเวโส เยภุเยฺยน สมถยานิกสฺส อิจฺฉิตโพฺพ, โส จ ปฐมํ ฌานงฺคานิ ปริคฺคเหตฺวา ตโต ปรํ เสสธเมฺม ปริคฺคณฺหาติฯ ปฐมาภินิปาโตติ สเพฺพ เจตสิกา จิตฺตายตฺตา จิตฺตกิริยาภาเวน วุจฺจนฺตีติ ผโสฺส จิตฺตสฺส ปฐมาภินิปาโต วุโตฺตฯ ตํ อารมฺมณนฺติ ยถาปริคฺคหิตํ รูปกมฺมฎฺฐานสญฺญิตํ อารมฺมณํฯ อุปฺปนฺนผโสฺส ปุคฺคโล, จิตฺตเจตสิกราสิ วา อารมฺมเณน ผุโฎฺฐ ผสฺสสหชาตาย เวทนาย ตํสมกาลเมว เวเทติ, ผโสฺส ปน โอภาสสฺส วิย ปทีโป เวทนาทีนํ ปจฺจยวิเสโส โหตีติ ปุริมกาโล วิย วุจฺจติ, ยา ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขณตา วุจฺจติฯ ผุสโนฺตติ อารมฺมณสฺส ผุสนากาเรนฯ อยญฺหิ อรูปธมฺมตฺตา เอกเทเสน อนลฺลียมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุํ, สโทฺท วิย จ โสตํ, จิตฺตํ, อารมฺมณญฺจ ผุสโนฺต วิย, สงฺฆเฎฺฎโนฺต วิย จ ปวตฺตตีติฯ ตถา เหส ‘‘สงฺฆฎฺฎนรโส’’ติ วุจฺจติฯ
Kāmañcettha vedanāvasena arūpakammaṭṭhānaṃ āgataṃ, tadaññadhammavasenapi arūpakammaṭṭhānaṃ labbhatīti taṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘tividho hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha abhinivesoti anuppaveso, ārambhoti attho. Ārambhe eva hi ayaṃ vibhāgo, sammasanaṃ pana anavasesatova dhamme pariggahetvā pavattatīti. ‘‘Pariggahite rūpakammaṭṭhāne’’ti idaṃ rūpamukhena vipassanābhinivesaṃ sandhāya vuttaṃ, arūpamukhena pana vipassanābhiniveso yebhuyyena samathayānikassa icchitabbo, so ca paṭhamaṃ jhānaṅgāni pariggahetvā tato paraṃ sesadhamme pariggaṇhāti. Paṭhamābhinipātoti sabbe cetasikā cittāyattā cittakiriyābhāvena vuccantīti phasso cittassa paṭhamābhinipāto vutto. Taṃ ārammaṇanti yathāpariggahitaṃ rūpakammaṭṭhānasaññitaṃ ārammaṇaṃ. Uppannaphasso puggalo, cittacetasikarāsi vā ārammaṇena phuṭṭho phassasahajātāya vedanāya taṃsamakālameva vedeti, phasso pana obhāsassa viya padīpo vedanādīnaṃ paccayaviseso hotīti purimakālo viya vuccati, yā tassa ārammaṇābhiniropanalakkhaṇatā vuccati. Phusantoti ārammaṇassa phusanākārena. Ayañhi arūpadhammattā ekadesena anallīyamānopi rūpaṃ viya cakkhuṃ, saddo viya ca sotaṃ, cittaṃ, ārammaṇañca phusanto viya, saṅghaṭṭento viya ca pavattatīti. Tathā hesa ‘‘saṅghaṭṭanaraso’’ti vuccati.
อารมฺมณํ อนุภวนฺตีติ อิสฺสรวตาย วิสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสํ สํเวเทนฺตีฯ ผสฺสาทีนญฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ เอกเทเสเนว ปวตฺติ ผุสนาทิมตฺตภาวโต, เวทนาย ปน อิฎฺฐาการสโมฺภคาทิวเสน ปวตฺตนโต อารมฺมเณ นิปฺปเทสโต ปวตฺติฯ ผุสนาทิภาเวน หิ อารมฺมณคฺคหณํ เอกเทสานุภวนํ, เวทยิตภาเวน คหณํ ยถากามํ สพฺพานุภวนํ, เอวํสภาวาเนว ตานิ คหณานีติ น เวทนาย วิย ผสฺสาทีนมฺปิ ยถา สกกิจฺจกรเณน สามิภาวานุภวนํ โจเทตพฺพํฯ วิชานนฺตนฺติ ปริจฺฉินฺทนวเสน วิเสสโต ชานนฺตํฯ วิญฺญาณญฺหิ มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินโนฺต ปุริโส วิย อารมฺมณํ ปริจฺฉิชฺช วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, น สญฺญา วิย สญฺชานนมตฺตํ หุตฺวาฯ ตถา หิ อเนน กทาจิ ลกฺขณตฺตยวิภาวนาปิ โหติ, อิเมสํ ปน ผสฺสาทีนํ ตสฺส ตสฺส ปากฎภาโว ปจฺจยวิเสสสิทฺธสฺส ปุพฺพภาคสฺส วเสน เวทิตโพฺพฯ
Ārammaṇaṃ anubhavantīti issaravatāya visavitāya sāmibhāvena ārammaṇarasaṃ saṃvedentī. Phassādīnañhi sampayuttadhammānaṃ ārammaṇe ekadeseneva pavatti phusanādimattabhāvato, vedanāya pana iṭṭhākārasambhogādivasena pavattanato ārammaṇe nippadesato pavatti. Phusanādibhāvena hi ārammaṇaggahaṇaṃ ekadesānubhavanaṃ, vedayitabhāvena gahaṇaṃ yathākāmaṃ sabbānubhavanaṃ, evaṃsabhāvāneva tāni gahaṇānīti na vedanāya viya phassādīnampi yathā sakakiccakaraṇena sāmibhāvānubhavanaṃ codetabbaṃ. Vijānantanti paricchindanavasena visesato jānantaṃ. Viññāṇañhi minitabbavatthuṃ nāḷiyā minanto puriso viya ārammaṇaṃ paricchijja vibhāventaṃ pavattati, na saññā viya sañjānanamattaṃ hutvā. Tathā hi anena kadāci lakkhaṇattayavibhāvanāpi hoti, imesaṃ pana phassādīnaṃ tassa tassa pākaṭabhāvo paccayavisesasiddhassa pubbabhāgassa vasena veditabbo.
เอวํ ตสฺส ตเสฺสว ปากฎภาเวปิ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิเญฺญยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฎิ. ม. ๑.๓), ‘‘สพฺพญฺจ โข, ภิกฺขเว, อภิชาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๗) จ เอวมาทิ วจนโต สเพฺพ สมฺมสนุปคา ธมฺมา ปริคฺคเหตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ยสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ผสฺสปญฺจมเกเยวาติ อวธารณํ ตทโนฺตคธตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตตฺตา จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํฯ ผสฺสปญฺจมกคฺคหณญฺหิ ตสฺส สพฺพสฺส สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณภาวโต ฯ ตตฺถ จ ผสฺสเจตนาคฺคหเณน สพฺพสงฺขารกฺขนฺธธมฺมสงฺคโห เจตนปฺปธานตฺตา เตสํฯ ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภเงฺค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๑) เจตนาว วิภตฺตา, อิตเร ปน ขนฺธา สรูเปเนว คหิตาฯ
Evaṃ tassa tasseva pākaṭabhāvepi ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, abhiññeyya’’nti (saṃ. ni. 4.46; paṭi. ma. 1.3), ‘‘sabbañca kho, bhikkhave, abhijāna’’nti (saṃ. ni. 4.27) ca evamādi vacanato sabbe sammasanupagā dhammā pariggahetabbāti dassento ‘‘tattha yassā’’tiādimāha. Tattha phassapañcamakeyevāti avadhāraṇaṃ tadantogadhattā taggahaṇeneva gahitattā catunnaṃ arūpakkhandhānaṃ. Phassapañcamakaggahaṇañhi tassa sabbassa sabbacittuppādasādhāraṇabhāvato . Tattha ca phassacetanāggahaṇena sabbasaṅkhārakkhandhadhammasaṅgaho cetanappadhānattā tesaṃ. Tathā hi suttantabhājanīye saṅkhārakkhandhavibhaṅge ‘‘cakkhusamphassajā cetanā’’tiādinā (vibha. 21) cetanāva vibhattā, itare pana khandhā sarūpeneva gahitā.
วตฺถุนิสฺสิตาติ เอตฺถ วตฺถุ-สโทฺท กรชกายวิสโย, น ฉพฺพตฺถุวิสโยติฯ กถมิทํ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘ยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ กตฺถ ปน วุตฺตํ? สามญฺญผลสุเตฺตฯ โสติ กรชกาโยฯ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ นามรูปํ นตฺถี’’ติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํฯ อญฺญถา หิ ขนฺธวินิมุตฺตมฺปิ นามํ อเตฺถวาติฯ อวิชฺชาทิเหตุกาติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานาทิเหตุกาฯ ‘‘วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมฺมสโนฺต วิจรตี’’ติ อิมินา พลววิปสฺสนํ วตฺวา ปุน ตสฺส อุสฺสุกฺกาปนํ, วิเสสาธิคมญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส’’ติอาทิมาหฯ
Vatthunissitāti ettha vatthu-saddo karajakāyavisayo, na chabbatthuvisayoti. Kathamidaṃ viññāyatīti āha ‘‘yaṃ sandhāya vutta’’nti. Kattha pana vuttaṃ? Sāmaññaphalasutte. Soti karajakāyo. ‘‘Pañcakkhandhavinimuttaṃ nāmarūpaṃ natthī’’ti idaṃ adhikāravasena vuttaṃ. Aññathā hi khandhavinimuttampi nāmaṃ atthevāti. Avijjādihetukāti avijjātaṇhupādānādihetukā. ‘‘Vipassanāpaṭipāṭiyā aniccaṃ dukkhaṃ anattāti sammasanto vicaratī’’ti iminā balavavipassanaṃ vatvā puna tassa ussukkāpanaṃ, visesādhigamañca dassento ‘‘so’’tiādimāha.
อิธาติ อิมสฺมิํ สกฺกปญฺหสุเตฺตฯ เวทนาวเสน เจตฺถ อรูปกมฺมฎฺฐานกถเน การณํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมว ฯ ยถาวุเตฺตสุ จ ตีสุ กมฺมฎฺฐานาภินิเวเสสุ เวทนาวเสน กมฺมฎฺฐานาภินิเวโส สุกโร เวทนานํ วิภูตภาวโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘ผสฺสวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘น ปากฎํ โหตี’’ติ อิทํ สกฺกปมุขานํ เตสํ เทวานํ ยถา เวทนา วิภูตา หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, น เอวํ อิตรทฺวยนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ เวทนาย เอว จ เนสํ วิภูตภาโว เวทนามุเขเนเวตฺถ ภควตา เทสนาย อารทฺธตฺตาฯ ‘‘เวทนานํ อุปฺปตฺติยา ปากฎตายา’’ติ อิทํ สุขทุกฺขเวทนานํ วเสน วุตฺตํฯ ตาสญฺหิ ปวตฺติ โอฬาริกา, น อิตรายฯ ตทุภยคฺคหณมุเขน วา คเหตพฺพตฺตา อิตรายปิ ปวตฺติ วิญฺญูนํ ปากฎา เอวาติ สุขทุกฺขเวทนานญฺหี’’ติ วิเสสคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ยทา สุขํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ สุขเวทนาย ปากฎภาววิภาวนํ, ตยิทํ อสมาหิตภูมิวเสน เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ‘‘สกลํ สรีรํ โข ภเนฺต’’นฺติอาทินา กามํ ปวตฺติโอฬาริกตาย อวูปสนฺตสภาวเมตํ สุขํ, สาตลกฺขณตาย ปน สมฺปยุตฺตธเมฺม, นิสฺสยญฺจ อนุคฺคณฺหนฺตเมว ปวตฺตตีติ ทเสฺสติฯ ‘‘ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Idhāti imasmiṃ sakkapañhasutte. Vedanāvasena cettha arūpakammaṭṭhānakathane kāraṇaṃ heṭṭhā vuttanayameva . Yathāvuttesu ca tīsu kammaṭṭhānābhinivesesu vedanāvasena kammaṭṭhānābhiniveso sukaro vedanānaṃ vibhūtabhāvatoti dassetuṃ ‘‘phassavasena hī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Na pākaṭaṃ hotī’’ti idaṃ sakkapamukhānaṃ tesaṃ devānaṃ yathā vedanā vibhūtā hutvā upaṭṭhāti, na evaṃ itaradvayanti katvā vuttaṃ. Vedanāya eva ca nesaṃ vibhūtabhāvo vedanāmukhenevettha bhagavatā desanāya āraddhattā. ‘‘Vedanānaṃ uppattiyā pākaṭatāyā’’ti idaṃ sukhadukkhavedanānaṃ vasena vuttaṃ. Tāsañhi pavatti oḷārikā, na itarāya. Tadubhayaggahaṇamukhena vā gahetabbattā itarāyapi pavatti viññūnaṃ pākaṭā evāti sukhadukkhavedanānañhī’’ti visesaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. ‘‘Yadā sukhaṃ uppajjatī’’tiādi sukhavedanāya pākaṭabhāvavibhāvanaṃ, tayidaṃ asamāhitabhūmivasena veditabbaṃ. Tattha ‘‘sakalaṃ sarīraṃ kho bhante’’ntiādinā kāmaṃ pavattioḷārikatāya avūpasantasabhāvametaṃ sukhaṃ, sātalakkhaṇatāya pana sampayuttadhamme, nissayañca anuggaṇhantameva pavattatīti dasseti. ‘‘Yadā dukkhaṃ uppajjatī’’tiādīsu vuttavipariyāyena attho veditabbo.
ทุทฺทีปนาติ ญาเณน ทีเปตุํ อสกฺกุเณยฺยา, ทุพฺพิเญฺญยฺยาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนฺธการา อภิภูตา’’ติฯ อนฺธการาติ อนฺธการคตสทิสี, ชานิตุกาเม จ อนฺธการินีฯ ปุพฺพาปรํ สมํ สุกเร สุปลกฺขิตมคฺควเสน ปาสาณตเล มิคคตมโคฺค วิย อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมเณสุ สุขทุกฺขานุภวเนหิ มชฺฌตฺตารมฺมเณสุ อนุมินิตพฺพตาย วุตฺตํ ‘‘สา สุขทุกฺขานํ…เป.… ปากฎา โหตี’’ติฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ นยโต คณฺหนฺตสฺสาติ เอตฺถายํ นโย – ยสฺมา อิฎฺฐานิฎฺฐวิสยาย อารมฺมณูปลทฺธิยา อนุภวนโต นิฎฺฐามชฺฌตฺตวิสยา จ อุปลทฺธิ, ตสฺมา น ตาย นิรนุภวนาย ภวิตพฺพํ, ยํ ตตฺถานุภวนํ, สา อทุกฺขมสุขาฯ ตถา อนุปลพฺภมานํ รูปาทิอนุภุยฺยมานํ ทิฎฺฐํ อุปลพฺภติ, โย ปน มชฺฌตฺตารมฺมณํ ตพฺพิสยสฺส วิญฺญาณปฺปวตฺติยํ, ตสฺมา อนนุภุยฺยมาเนน เตน น ภวิตพฺพํฯ สกฺกา หิ วตฺตุํ อนุภวมานา มชฺฌตฺตวิสยุปลทฺธิ อุปลทฺธิภาวโตฯ อิฎฺฐานิฎฺฐวิสยุปลทฺธิวิสยํ ปน นิรนุภวนํ ตํ อนุปลทฺธิสภาวเมว ทิฎฺฐํ, ตํ ยถารูปนฺติฯ นิวเตฺตตฺวาติ นีหริตฺวา, ‘‘โสมนสฺสํปาห’’นฺติอาทินา สมานชาติยมฺปิ ภินฺทโนฺต อเญฺญหิ อรูปธเมฺมหิ วิเวเจตฺวา อสํสฎฺฐํ กตฺวาติ อโตฺถฯ
Duddīpanāti ñāṇena dīpetuṃ asakkuṇeyyā, dubbiññeyyāti attho. Tenāha ‘‘andhakārā abhibhūtā’’ti. Andhakārāti andhakāragatasadisī, jānitukāme ca andhakārinī. Pubbāparaṃ samaṃ sukare supalakkhitamaggavasena pāsāṇatale migagatamaggo viya iṭṭhāniṭṭhārammaṇesu sukhadukkhānubhavanehi majjhattārammaṇesu anuminitabbatāya vuttaṃ ‘‘sā sukhadukkhānaṃ…pe… pākaṭā hotī’’ti. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Nayato gaṇhantassāti etthāyaṃ nayo – yasmā iṭṭhāniṭṭhavisayāya ārammaṇūpaladdhiyā anubhavanato niṭṭhāmajjhattavisayā ca upaladdhi, tasmā na tāya niranubhavanāya bhavitabbaṃ, yaṃ tatthānubhavanaṃ, sā adukkhamasukhā. Tathā anupalabbhamānaṃ rūpādianubhuyyamānaṃ diṭṭhaṃ upalabbhati, yo pana majjhattārammaṇaṃ tabbisayassa viññāṇappavattiyaṃ, tasmā ananubhuyyamānena tena na bhavitabbaṃ. Sakkā hi vattuṃ anubhavamānā majjhattavisayupaladdhi upaladdhibhāvato. Iṭṭhāniṭṭhavisayupaladdhivisayaṃ pana niranubhavanaṃ taṃ anupaladdhisabhāvameva diṭṭhaṃ, taṃ yathārūpanti. Nivattetvāti nīharitvā, ‘‘somanassaṃpāha’’ntiādinā samānajātiyampi bhindanto aññehi arūpadhammehi vivecetvā asaṃsaṭṭhaṃ katvāti attho.
อยญฺจ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน นิวเตฺตตฺวา เทสนา ตถาวิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขาย สุตฺตนฺตเรสุปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖, ๓๙๐, ๔๑๓, ๔๕๐, ๔๖๕, ๔๖๗; ม. นิ. ๒.๓๐๖, ๒๐๙; ๓.๖๗, ๓๔๒; สํ. นิ. ๔.๒๔๘) อาคตา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มหาสติปฎฺฐาเน (ที. นิ. ๒.๒๗๓) ตถา เทสนาย อาคตภาโว อนนฺตรเมว อาวิ ภวิสฺสติ, มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานเทสนาปิ (ม. นิ. ๑.๑๐๖) ตาทิสี เอวฯ จูฬตณฺหาสงฺขเย ‘‘เอวํ เจตํ, เทวานํ อินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สเพฺพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ , สพฺพํ ธมฺมํ อภิญฺญาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ ปริญฺญาย ยํ กิญฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๙๐) อาคตํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน นิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสี’’ติฯ มหาตณฺหาสงฺขเย ปน ‘‘โส เอวํ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน ยํ กิญฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ เวทนํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนโชฺฌสาย ติฎฺฐโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา นิรุชฺฌตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๑๔) อาคตํฯ จูฬเวทเลฺล ‘‘กติ ปนาเยฺยเวทนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๕) อาคตํฯ มหาเวทเลฺล ‘‘เวทนาติ, อาวุโส, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ‘เวทนา’ติ วุจฺจตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๕๐) อาคตํฯ เอวํ รฎฺฐปาลสุตฺตาทีสุปิ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) เวทนากมฺมฎฺฐานสฺส อาคตฎฺฐานํ อุทฺธริตฺวา วตฺตพฺพํฯ
Ayañca rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena nivattetvā desanā tathāvinetabbapuggalāpekkhāya suttantaresupi (dī. ni. 2.373; ma. ni. 1.106, 390, 413, 450, 465, 467; ma. ni. 2.306, 209; 3.67, 342; saṃ. ni. 4.248) āgatā evāti dassento ‘‘na kevala’’ntiādimāha. Tattha mahāsatipaṭṭhāne (dī. ni. 2.273) tathā desanāya āgatabhāvo anantarameva āvi bhavissati, majjhimanikāye satipaṭṭhānadesanāpi (ma. ni. 1.106) tādisī eva. Cūḷataṇhāsaṅkhaye ‘‘evaṃ cetaṃ, devānaṃ inda, bhikkhuno sutaṃ hoti ‘sabbe dhammā nālaṃ abhinivesāyā’ti, so sabbaṃ dhammaṃ abhijānāti , sabbaṃ dhammaṃ abhiññāya sabbaṃ dhammaṃ parijānāti, sabbaṃ dhammaṃ pariññāya yaṃ kiñci vedanaṃ vedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, so tāsu vedanāsu aniccānupassī viharati, virāgānupassī’’tiādinā (ma. ni. 1.390) āgataṃ. Tena vuttaṃ ‘‘arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena nivattetvā dassesī’’ti. Mahātaṇhāsaṅkhaye pana ‘‘so evaṃ anurodhavirodhavippahīno yaṃ kiñci vedanaṃ vedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, so taṃ vedanaṃ nābhinandati nābhivadati nājjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ vedanaṃ anabhinandato anabhivadato anajjhosāya tiṭṭhato yā vedanāsu nandī sā nirujjhatī’’tiādinā (ma. ni. 1.414) āgataṃ. Cūḷavedalle ‘‘kati panāyyevedanā’’tiādinā (ma. ni. 1.465) āgataṃ. Mahāvedalle ‘‘vedanāti, āvuso, vuccati, kittāvatā nu kho, āvuso, ‘vedanā’ti vuccatī’’tiādinā (ma. ni. 1.450) āgataṃ. Evaṃ raṭṭhapālasuttādīsupi (ma. ni. 2.305) vedanākammaṭṭhānassa āgataṭṭhānaṃ uddharitvā vattabbaṃ.
‘‘ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กถํ ตเมตฺถ กถิตนฺติ อาห ‘‘รูปกมฺมฎฺฐาน’’นฺติอาทิฯ สงฺขิตฺตํ, กถํ สงฺขิตฺตํ? เวทนาย อารมฺมณมตฺตกํเยว, เยภุเยฺยน เวทนา รูปธมฺมารมฺมณา ปญฺจทฺวารวเสน ปวตฺตนโตฯ เตน จสฺสา ปุริมสิทฺธา เอว อารมฺมณนฺติ เวทนํ วทเนฺตน ตสฺสารมฺมณธมฺมา อตฺถโต ปฐมตรํ คหิตา เอว นาม โหนฺตีติ อิมาย อตฺถาปตฺติยา รูปกมฺมฎฺฐานเสฺสเวตฺถ ปฐมํ คหิตตา โชติตา, น สรูเปเนว คหิตตฺตาฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา ปาฬิยํ นารุฬฺหํ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā’’ti vuttaṃ, kathaṃ tamettha kathitanti āha ‘‘rūpakammaṭṭhāna’’ntiādi. Saṅkhittaṃ, kathaṃ saṅkhittaṃ? Vedanāya ārammaṇamattakaṃyeva, yebhuyyena vedanā rūpadhammārammaṇā pañcadvāravasena pavattanato. Tena cassā purimasiddhā eva ārammaṇanti vedanaṃ vadantena tassārammaṇadhammā atthato paṭhamataraṃ gahitā eva nāma hontīti imāya atthāpattiyā rūpakammaṭṭhānassevettha paṭhamaṃ gahitatā jotitā, na sarūpeneva gahitattā. Tenāha ‘‘tasmā pāḷiyaṃ nāruḷhaṃ bhavissatī’’ti.
๓๖๐. ทฺวีหิ โกฎฺฐาเสหีติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาเคหิฯ เอวรูปนฺติ ยํ อกุสลานํ อภิพุทฺธิยา, กุสลานญฺจ ปริหานาย สํวตฺตติ, เอวรูปํ, ตํ ปน กามูปสญฺหิตตาย ‘‘เคหนิสฺสิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เคหสิตโสมนสฺส’’นฺติฯ อิฎฺฐานนฺติ ปิยานํฯ กนฺตานนฺติ กมนียานํฯ มนาปานนฺติ มนวฑฺฒนกานํฯ ตโต เอว มโน รเมนฺตีติ มโนรมานํฯ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานนฺติ ตณฺหาสนฺนิสฺสิตานํ กามูปสญฺหิตานํฯ ปฎิลาภโต สมนุปสฺสโตติ ‘‘อโห มยา อิมานิ ลทฺธานี’’ติ ยถาลทฺธานิ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาทยโตฯ อตีตนฺติ อติกฺกนฺตํฯ นิรุทฺธนฺติ นิโรธปฺปตฺตํฯ วิปริณตนฺติ สภาววิคเมน วิคตํฯ สมนุสฺสรโตติ อสฺสาทนวเสน อนุจินฺตยโตฯ เคหสิตนฺติ กามคุณนิสฺสิตํฯ กามคุณา หิ กามราคสฺส เคหสทิสตฺตา อิธ ‘‘เคห’’นฺติ อธิเปฺปตาฯ
360.Dvīhi koṭṭhāsehīti sevitabbāsevitabbabhāgehi. Evarūpanti yaṃ akusalānaṃ abhibuddhiyā, kusalānañca parihānāya saṃvattati, evarūpaṃ, taṃ pana kāmūpasañhitatāya ‘‘gehanissita’’nti vuccatīti āha ‘‘gehasitasomanassa’’nti. Iṭṭhānanti piyānaṃ. Kantānanti kamanīyānaṃ. Manāpānanti manavaḍḍhanakānaṃ. Tato eva mano ramentīti manoramānaṃ. Lokāmisapaṭisaṃyuttānanti taṇhāsannissitānaṃ kāmūpasañhitānaṃ. Paṭilābhato samanupassatoti ‘‘aho mayā imāni laddhānī’’ti yathāladdhāni rūpārammaṇādīni assādayato. Atītanti atikkantaṃ. Niruddhanti nirodhappattaṃ. Vipariṇatanti sabhāvavigamena vigataṃ. Samanussaratoti assādanavasena anucintayato. Gehasitanti kāmaguṇanissitaṃ. Kāmaguṇā hi kāmarāgassa gehasadisattā idha ‘‘geha’’nti adhippetā.
เอวรูปนฺติ ยํ อกุสลานํ ปริหานาย, กุสลานญฺจ อภิพุทฺธิยา สํวตฺตติ, เอวรูปํ, ตํ ปน ปพฺพชฺชาทิวเสน ปวตฺติยา เนกฺขมฺมูปสญฺหิตนฺติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติฯ อิทานิ ตํ ปาฬิวเสเนว ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิปสฺสนาลกฺขเณ เนกฺขเมฺม ทสฺสิเต อิตรานิ ตสฺส การณโต, ผลโต, อตฺถโต จ ทสฺสิตาเนว โหนฺตีติ วิปสฺสนาลกฺขณเมว ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘รูปานเนฺตฺววา’’ติอาทิมาหฯ วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ชราย วิปริณาเมตพฺพตเญฺจว ชรามรเณหิ ปลุชฺชนํ นิรุชฺฌนญฺจ วิทิตฺวาติ โยชนาฯ อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสนฺติ วิปสฺสนาย วีถิปฎิปตฺติยา กเมน อุปฺปนฺนานํ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธีนํ อุปริ อนปฺปกํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Evarūpanti yaṃ akusalānaṃ parihānāya, kusalānañca abhibuddhiyā saṃvattati, evarūpaṃ, taṃ pana pabbajjādivasena pavattiyā nekkhammūpasañhitanti āha ‘‘nekkhammasitaṃ somanassa’’nti. Idāni taṃ pāḷivaseneva dassetuṃ ‘‘tattha katamānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha vipassanālakkhaṇe nekkhamme dassite itarāni tassa kāraṇato, phalato, atthato ca dassitāneva hontīti vipassanālakkhaṇameva taṃ dassento ‘‘rūpānantvevā’’tiādimāha. Vipariṇāmavirāganirodhanti jarāya vipariṇāmetabbatañceva jarāmaraṇehi palujjanaṃ nirujjhanañca viditvāti yojanā. Uppajjati somanassanti vipassanāya vīthipaṭipattiyā kamena uppannānaṃ pāmojjapītipassaddhīnaṃ upari anappakaṃ somanassaṃ uppajjati. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘สุญฺญาคารํ ปวิฎฺฐสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Suññāgāraṃ paviṭṭhassa, santacittassa bhikkhuno;
อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตฯ
Amānusī rati hoti, sammā dhammaṃ vipassato.
ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔) จ –
Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374) ca –
เนกฺขมฺมวเสนาติ ปพฺพชฺชาทิวเสนฯ ‘‘วฎฺฎทุกฺขโต นิตฺถริสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตุํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, จตุปาริสุทฺธิสีลํ อนุติฎฺฐนฺตสฺส, ตํ โสเธนฺตสฺส, ธุตคุเณ สมาทาย วตฺตนฺตสฺส, กสิณปริกมฺมาทีนิ กโรนฺตสฺส จ ยา ปฎิปตฺติ, สพฺพา สา อิธ ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ อธิเปฺปตาฯ เยภุเยฺยน อนุสฺสติยา อุปจารชฺฌานํ นิฎฺฐาตีติ กตฺวา ‘‘อนุสฺสติวเสนา’’ติ วตฺวา ‘‘ปฐมชฺฌานาทิวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ยถา ปพฺพชฺชา ฆรพนฺธนโต นิกฺขมนเฎฺฐน เนกฺขมฺมํ, เอวํ วิปสฺสนาทโยปิ ตํปฎิปกฺขโตฯ เตนาห –
Nekkhammavasenāti pabbajjādivasena. ‘‘Vaṭṭadukkhato nittharissāmī’’ti pabbajituṃ bhikkhūnaṃ santikaṃ gacchantassa, pabbajantassa, catupārisuddhisīlaṃ anutiṭṭhantassa, taṃ sodhentassa, dhutaguṇe samādāya vattantassa, kasiṇaparikammādīni karontassa ca yā paṭipatti, sabbā sā idha ‘‘nekkhamma’’nti adhippetā. Yebhuyyena anussatiyā upacārajjhānaṃ niṭṭhātīti katvā ‘‘anussativasenā’’ti vatvā ‘‘paṭhamajjhānādivasenā’’ti vuttaṃ. Ettha ca yathā pabbajjā gharabandhanato nikkhamanaṭṭhena nekkhammaṃ, evaṃ vipassanādayopi taṃpaṭipakkhato. Tenāha –
‘‘ปพฺพชฺชา ปฐมํ ฌานํ, นิพฺพานญฺจ วิปสฺสนา;
‘‘Pabbajjā paṭhamaṃ jhānaṃ, nibbānañca vipassanā;
สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติฯ (อิติวุ. อฎฺฐ. ๑๐๙);
Sabbepi kusalā dhammā, nekkhammanti pavuccare’’ti. (itivu. aṭṭha. 109);
ยํ เจติ เอตฺถ เจติ นิปาตมตฺตํ โสมนสฺสสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ จตุกฺกนยวเสเนว จ สุตฺตเนฺตสุ ฌานกถาติ วุตฺตํ ‘‘ทุติยตติยชฺฌานวเสนา’’ติฯ ทฺวีสูติ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจารํ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ วุเตฺตสุ ทฺวีสุ โสมนเสฺสสุฯ
Yaṃ ceti ettha ceti nipātamattaṃ somanassassa adhippetattā. Catukkanayavaseneva ca suttantesu jhānakathāti vuttaṃ ‘‘dutiyatatiyajjhānavasenā’’ti. Dvīsūti ‘‘savitakkaṃ savicāraṃ avitakkaṃ avicāra’’nti vuttesu dvīsu somanassesu.
สวิตกฺกสวิจาเร โสมนเสฺสติ ปริตฺตภูมิเก, ปฐมชฺฌาเน วา โสมนเสฺสฯ อภินิวิฎฺฐโสมนเสฺสสูติ วิปสฺสนํ ปฎฺฐปิตโสมนเสฺสสุฯ ปิ-สเทฺทน สมฺมฎฺฐโสมนเสฺสสุ ปีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ โสมนสฺสวิปสฺสนาโตปีติ สวิตกฺกสวิจารโสมนสฺสปวตฺติวิปสฺสนาโตปิฯ อวิตกฺกอวิจาร วิปสฺสนา ปณีตตรา สมฺมสิตธมฺมวเสนปิ วิปสฺสนาย วิเสสสิทฺธิโต, ยโต มเคฺคปิ ตถารูปา วิเสสา อิชฺฌนฺติฯ อยํ ปนโตฺถ ‘‘อริยมคฺค โพชฺฌงฺคาทิวิเสสํ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ เอวํ ปวเตฺตน โมรวาปีวาสิมหาทตฺตเตฺถรวาเทน ทีเปตโพฺพฯ
Savitakkasavicāre somanasseti parittabhūmike, paṭhamajjhāne vā somanasse. Abhiniviṭṭhasomanassesūti vipassanaṃ paṭṭhapitasomanassesu. Pi-saddena sammaṭṭhasomanassesu pīti imamatthaṃ dasseti. Somanassavipassanātopīti savitakkasavicārasomanassapavattivipassanātopi. Avitakkaavicāra vipassanā paṇītatarā sammasitadhammavasenapi vipassanāya visesasiddhito, yato maggepi tathārūpā visesā ijjhanti. Ayaṃ panattho ‘‘ariyamagga bojjhaṅgādivisesaṃ vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamentī’’ti evaṃ pavattena moravāpīvāsimahādattattheravādena dīpetabbo.
๓๖๑. เคหสิตโทมนสฺสํ นาม กามคุณานํ อปฺปฎิลาภนิมิตฺตํ, วิคตนิมิตฺตญฺจ อุปฺปชฺชนกโทมนสฺสํฯ อปฺปฎิลาภโต สมนุปสฺสโตติ อปฺปฎิลาเภน ‘‘อหเมว น ลภามี’’ติ ปริตสฺสนโตฯ สมนุสฺสรโตติ ‘‘อหุ วต เม ตํ วต นตฺถี’’ติอาทินา อนุสฺสรณวเสน จินฺตยโตฯ เตนาห ‘‘เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสู’’ติอาทิฯ
361.Gehasitadomanassaṃ nāma kāmaguṇānaṃ appaṭilābhanimittaṃ, vigatanimittañca uppajjanakadomanassaṃ. Appaṭilābhato samanupassatoti appaṭilābhena ‘‘ahameva na labhāmī’’ti paritassanato. Samanussaratoti ‘‘ahu vata me taṃ vata natthī’’tiādinā anussaraṇavasena cintayato. Tenāha ‘‘evaṃ chasu dvāresū’’tiādi.
อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสูติ สุญฺญตผลาทิอริยผลวิโมเกฺขสุฯ ปิหนฺติ อเปกฺขํ, อาสนฺติ อโตฺถฯ กถํ ปน โลกุตฺตรธเมฺม อารพฺภ อาสา อุปฺปชฺชตีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘ยํ อารมฺมณกรณวเสน ตตฺถ ปิหา ปวตฺตตี’’ติ อวิสยตฺตา, ปุคฺคลสฺส จ อนธิคตภาวโตฯ อนุสฺสวูปลเทฺธ ปน อนุตฺตรวิโมเกฺข อุทฺทิสฺส ปิหํ อุปฎฺฐเปโนฺต ‘‘ตตฺถ ปิหํ อุปฎฺฐเปตี’’ติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘กุทาสฺสุ นามาห’’นฺติอาทิฯ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวาติ โยชนาฯ ‘‘อิฎฺฐารมฺมเณ’’ติ จ อิมินา นยิทํ โทมนสฺสํ สภาวโต อนิฎฺฐธเมฺมเยว อารพฺภ อุปฺปชฺชนกํ, อถ โข อิจฺฉิตาลาภเหตุกํ อิจฺฉาภิฆาตวเสน ยตฺถ กตฺถจิ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกนฺติ ทเสฺสติฯ เอวํ ‘‘กุทาสฺสุ นามาห’’นฺติ วุตฺตากาเรน ปิหํ อุปฎฺฐเปตฺวา เอวํ อิมมฺปิ ปกฺขํ…เป.… นาสกฺขินฺติ อนุโสจโตติ โยชนาฯ ‘‘อิมสฺมิํ ปเกฺข, อิมสฺมิํ มาเส, อิมสฺมิํ สํวจฺฉเร ปพฺพชิตุํ นาลทฺธํ, กสิณปริกมฺมํ กาตุํ นาลทฺธ’’นฺติอาทิวเสน ปวตฺติํ สนฺธาย ‘‘เนกฺขมฺมวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘วิปสฺสนาวเสนา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Anuttaresu vimokkhesūti suññataphalādiariyaphalavimokkhesu. Pihanti apekkhaṃ, āsanti attho. Kathaṃ pana lokuttaradhamme ārabbha āsā uppajjatīti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ ‘‘yaṃ ārammaṇakaraṇavasena tattha pihā pavattatī’’ti avisayattā, puggalassa ca anadhigatabhāvato. Anussavūpaladdhe pana anuttaravimokkhe uddissa pihaṃ upaṭṭhapento ‘‘tattha pihaṃ upaṭṭhapetī’’ti vutto. Tenāha ‘‘kudāssu nāmāha’’ntiādi. Chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvāti yojanā. ‘‘Iṭṭhārammaṇe’’ti ca iminā nayidaṃ domanassaṃ sabhāvato aniṭṭhadhammeyeva ārabbha uppajjanakaṃ, atha kho icchitālābhahetukaṃ icchābhighātavasena yattha katthaci ārammaṇe uppajjanakanti dasseti. Evaṃ ‘‘kudāssu nāmāha’’nti vuttākārena pihaṃ upaṭṭhapetvā evaṃ imampi pakkhaṃ…pe… nāsakkhinti anusocatoti yojanā. ‘‘Imasmiṃ pakkhe, imasmiṃ māse, imasmiṃ saṃvacchare pabbajituṃ nāladdhaṃ, kasiṇaparikammaṃ kātuṃ nāladdha’’ntiādivasena pavattiṃ sandhāya ‘‘nekkhammavasenā’’ti vuttaṃ. ‘‘Vipassanāvasenā’’tiādīsupi iminā nayena yojanā veditabbā.
ยโต เอว-กาโร, ตโต อญฺญตฺถ นิยโมติ กตฺวา ‘‘ตสฺมิมฺปิ…เป.… เคหสิตโทมนสฺสเมวา’’ติ วุตฺตํฯ น เหตฺถ เคหสิตโทมนสฺสตา สวิตกฺกสวิจาเร นิยตา, อถ โข เคหสิตโทมนเสฺส สวิตกฺกสวิจารตา นิยตา ปฎิโยคินิวตฺตนตฺถตฺตา เอว-การสฺสฯ ‘‘เคหสิตโทมนสฺสํ สวิตกฺกสวิจารเมว, น อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติฯ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสํ ปน สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํฯ สวิตกฺกสวิจารเสฺสว การณภูตํ โทมนสฺสํ สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสํฯ กิํ ตํ? เคหสิตโทมนสฺสํ , ยํ ปน เนกฺขมฺมาทิวเสน อุปฺปนฺนํ, ตํ อวิตกฺกอวิจารสฺส การณภูตํ อวิตกฺกอวิจารโทมนสฺสนฺติฯ อยญฺจ นโย ปริยายวเสน วุโตฺตติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยน ปนา’’ติอาทิฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตสฺส ปนา’’ติอาทิฯ มญฺญนวเสนาติ ปริกปฺปนวเสนฯ วุตฺตํ ปาฬิยํฯ
Yato eva-kāro, tato aññattha niyamoti katvā ‘‘tasmimpi…pe… gehasitadomanassamevā’’ti vuttaṃ. Na hettha gehasitadomanassatā savitakkasavicāre niyatā, atha kho gehasitadomanasse savitakkasavicāratā niyatā paṭiyoginivattanatthattā eva-kārassa. ‘‘Gehasitadomanassaṃ savitakkasavicārameva, na avitakkaavicāra’’nti. Nekkhammasitadomanassaṃ pana siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkaavicāraṃ. Savitakkasavicārasseva kāraṇabhūtaṃ domanassaṃ savitakkasavicāradomanassaṃ. Kiṃ taṃ? Gehasitadomanassaṃ , yaṃ pana nekkhammādivasena uppannaṃ, taṃ avitakkaavicārassa kāraṇabhūtaṃ avitakkaavicāradomanassanti. Ayañca nayo pariyāyavasena vuttoti āha ‘‘nippariyāyena panā’’tiādi. Yadi evaṃ kasmā ‘‘yaṃ ce avitakkaṃ avicāra’’nti pāḷiyaṃ vuttanti āha ‘‘etassa panā’’tiādi. Maññanavasenāti parikappanavasena. Vuttaṃ pāḷiyaṃ.
ตตฺราติ ตสฺมิํ มญฺญเนฯ อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน นโยฯ โทมนสฺสปจฺจยภูเตติ โทมนสฺสสฺส ปจฺจยภูเตฯ อุปจารชฺฌานญฺหิ ปฐมชฺฌานาทีนิ วา ปาทกานิ กตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตตุกามสฺส เตสํ อลาเภ โทมนสฺสสฺส อุปฺปชฺชเน ตานิ ตสฺส ปจฺจยา นาม โหนฺติ อิติ เต ธมฺมา ผลูปจาเรน ‘‘โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตาฯ โย ปน ตถา อุปฺปนฺนโทมนโสฺส ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคผลธเมฺม นิพฺพเตฺตติ, เต การณูปจาเรน ‘‘โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติอาทิมาหฯ นนุ เอตสฺส ตทา โทมนสฺสเมว อุปฺปนฺนํ, น โทมนสฺสเหตุกา วิปสฺสนามคฺคผลธมฺมา อุปฺปนฺนา, ตตฺถ กถํ โทมนสฺสสมญฺญํ อาโรเปตฺวา โวหรตีติ อาห ‘‘อเญฺญสํ ปฎิปตฺติทสฺสนวเสน โทมนสฺสนฺติ คเหตฺวา’’ติอาทิฯ สวิตกฺกสวิจารโทมนเสฺสติ สวิตกฺกสวิจารนิมิเตฺต โทมนเสฺสฯ ตีหิ มาเสหิ นิพฺพเตฺตตพฺพา เตมาสิกา, ตํ เตมาสิกํฯ อิมา จ เตมาสิกาทโย ปฎิปทา ตถาปวตฺตอุกฺกฎฺฐมชฺฌิมมุทินฺทฺริยวเสน เวทิตพฺพา, อธิกมชฺฌิมมุทุสฺสาหวเสน วาฯ ชคฺคตีติ ชาคริกํ อนุยุญฺชติฯ
Tatrāti tasmiṃ maññane. Ayaṃ idāni vuccamāno nayo. Domanassapaccayabhūteti domanassassa paccayabhūte. Upacārajjhānañhi paṭhamajjhānādīni vā pādakāni katvā maggaphalāni nibbattetukāmassa tesaṃ alābhe domanassassa uppajjane tāni tassa paccayā nāma honti iti te dhammā phalūpacārena ‘‘domanassa’’nti vuttā. Yo pana tathā uppannadomanasso dhuranikkhepaṃ akatvā anukkamena vipassanaṃ ussukkāpetvā maggaphaladhamme nibbatteti, te kāraṇūpacārena ‘‘domanassa’’nti vuttāti imamatthaṃ dassento ‘‘idha bhikkhū’’tiādimāha. Nanu etassa tadā domanassameva uppannaṃ, na domanassahetukā vipassanāmaggaphaladhammā uppannā, tattha kathaṃ domanassasamaññaṃ āropetvā voharatīti āha ‘‘aññesaṃ paṭipattidassanavasena domanassanti gahetvā’’tiādi. Savitakkasavicāradomanasseti savitakkasavicāranimitte domanasse. Tīhi māsehi nibbattetabbā temāsikā, taṃ temāsikaṃ. Imā ca temāsikādayo paṭipadā tathāpavattaukkaṭṭhamajjhimamudindriyavasena veditabbā, adhikamajjhimamudussāhavasena vā. Jaggatīti jāgarikaṃ anuyuñjati.
มหาสิวเตฺถรวตฺถุวณฺณนา
Mahāsivattheravatthuvaṇṇanā
สหสฺสทฺวิสหสฺสสงฺขฺยตฺตา มหาคเณฯ
Sahassadvisahassasaṅkhyattā mahāgaṇe.
อฎฺฐกถาเถราติ อฎฺฐกถาย อตฺถปฎิปุจฺฉนกเถราฯ อนฺตรามเคฺคติ ภิกฺขํ คเหตฺวา คามโต วิหารํ ปฎิคมนมเคฺค ฯ ตโย…เป.… คาหาเปตฺวาติ ตีณิ จตฺตาริ อุณฺหาปนานิฯ
Aṭṭhakathātherāti aṭṭhakathāya atthapaṭipucchanakatherā. Antarāmaggeti bhikkhaṃ gahetvā gāmato vihāraṃ paṭigamanamagge . Tayo…pe… gāhāpetvāti tīṇi cattāri uṇhāpanāni.
เกนจิ ปปเญฺจนาติ เกนจิ สรีรกิจฺจภูเตน ปปเญฺจนฯ สญฺญํ อกาสิ รตฺติยํ ปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ อสลฺลเกฺขโนฺตฯ
Kenacipapañcenāti kenaci sarīrakiccabhūtena papañcena. Saññaṃ akāsi rattiyaṃ pacchato gacchantaṃ asallakkhento.
กสฺมา ปน เถโร อเนฺตวาสิกานํ อนาโรเจตฺวาว คโตติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิฯ อรหตฺตํ นาม กินฺติ ตทธิคมสฺส อทุกฺกรภาวํ สนฺธาย วทติฯ จตูหิ อิริยาปเถหีติ จตูหิปิ อิริยาปเถหิ ปวตฺตมานสฺส, ตสฺมา ยาว อรหตฺตาธิคมา สยนํ ปฎิกฺขิปามีติ อธิปฺปาโยฯ
Kasmā pana thero antevāsikānaṃ anārocetvāva gatoti āha ‘‘thero kirā’’tiādi. Arahattaṃ nāma kinti tadadhigamassa adukkarabhāvaṃ sandhāya vadati. Catūhi iriyāpathehīti catūhipi iriyāpathehi pavattamānassa, tasmā yāva arahattādhigamā sayanaṃ paṭikkhipāmīti adhippāyo.
‘‘อนุจฺฉวิกํ นุ โข เต เอต’’นฺติ สํเวคชาโต วีริยํ สมุเตฺตเชโนฺต อรหตฺตํ อคฺคเหสิ เอตฺตกํ กาลํ วิปสฺสนาย สุจิณฺณภาวโต ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตาฯ
‘‘Anucchavikaṃ nu kho te eta’’nti saṃvegajāto vīriyaṃ samuttejento arahattaṃ aggahesi ettakaṃ kālaṃ vipassanāya suciṇṇabhāvato ñāṇassa paripākaṃ gatattā.
ปริมชฺชีติ ปริมสิฯ เกจิ ปน ‘‘ปริมชฺชีติ ปริวเตฺตตฺวา เถเรน โธวิยมานํ ปริคฺคเหตฺวา โธวี’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ
Parimajjīti parimasi. Keci pana ‘‘parimajjīti parivattetvā therena dhoviyamānaṃ pariggahetvā dhovī’’ti atthaṃ vadanti.
วิปสฺสนาย อารมฺมณํ นาม อุปจารชฺฌานปฐมชฺฌานาทิฯ
Vipassanāya ārammaṇaṃ nāma upacārajjhānapaṭhamajjhānādi.
‘‘สวิตกฺกสวิจารโทมนเสฺส’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ โสมนเสฺสสุ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ
‘‘Savitakkasavicāradomanasse’’tiādīsu vattabbaṃ somanassesu vuttanayānusārena veditabbaṃ.
๓๖๒. เอวรูปาติ ยา อกุสลานํ อภิพุทฺธิยา, กุสลานํ ปริหานาย จ สํวตฺตติ, เอวรูปา, สา ปน กามูปสญฺหิตตาย ‘‘เคหสิตา’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เคหสิตอุเปกฺขา’’ติฯ ‘‘พาลสฺสา’’ติอาทีสุ พาลกรธมฺมโยคโต พาลสฺส อตฺตหิตปรหิตพฺยามูฬฺหตาย มูฬฺหสฺส ปุถูนํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชนสฺส กิเลโสธีนํ มโคฺคธีหิ อชิตตฺตา อโนธิชินสฺส, โอธิชิโน วายเปกฺขา, โอธิโส จ กิเลสานํ ชิตตฺตา, เตนสฺส เสกฺขภาวํ ปฎิกฺขิปติฯ สตฺตมภวาทิโต อุทฺธํ ปวตฺตนวิปากสฺส อชิตตฺตา อวิปากชินสฺส, วิปากชินา วา อรหโนฺต อปฺปฎิสนฺธิกตฺตา, เตนสฺส อเสกฺขตฺตํ ปฎิกฺขิปติฯ อเนกาทีนเว สเพฺพสมฺปิ ปาปธมฺมานํ มูลภูเต สโมฺมเห อาทีนวานํ อทสฺสนสีลตาย อนาทีนวทสฺสาวิโนฯ อาคมาธิคมาภาวา อสฺสุตวโตฯ เอทิโส เอกํเสน อนฺธปุถุชฺชโน นาม โหตีติ ตสฺส อนฺธปุถุชฺชนภาวํ ทเสฺสตุํ ปุนปิ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ เอวรูปาติ วุตฺตปฺปการา สโมฺมหปุพฺพิกาฯ รูปํ สา นาติวตฺตตีติ รูปานํ สมติกฺกมนาย การณํ น โหติ, รูปารมฺมเณ กิเลเส นาติกฺกมตีติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญาณาวิภูตตาย อารมฺมเณ อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺตมานา โลภสมฺปยุตฺตอุเปกฺขา อิธาธิเปฺปตาติ ตสฺส โลภสฺส อนุจฺฉวิกเมว อารมฺมณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิฎฺฐารมฺมเณ’’ติ อาหฯ อนติวตฺตมานา อนาทีนวทสฺสิตายฯ ตโต เอว อสฺสาทานุปสฺสนโต ตเตฺถว ลคฺคาฯ อภิสงฺคสฺส โลภสฺส วเสน, ทุโมฺมจนียตาย จ เตน ลคฺคิตา วิย หุตฺวา อุปฺปนฺนาฯ
362.Evarūpāti yā akusalānaṃ abhibuddhiyā, kusalānaṃ parihānāya ca saṃvattati, evarūpā, sā pana kāmūpasañhitatāya ‘‘gehasitā’’ti vuccatīti āha ‘‘gehasitaupekkhā’’ti. ‘‘Bālassā’’tiādīsu bālakaradhammayogato bālassa attahitaparahitabyāmūḷhatāya mūḷhassa puthūnaṃ kilesādīnaṃ jananādīhi kāraṇehi puthujjanassa kilesodhīnaṃ maggodhīhi ajitattā anodhijinassa, odhijino vāyapekkhā, odhiso ca kilesānaṃ jitattā, tenassa sekkhabhāvaṃ paṭikkhipati. Sattamabhavādito uddhaṃ pavattanavipākassa ajitattā avipākajinassa, vipākajinā vā arahanto appaṭisandhikattā, tenassa asekkhattaṃ paṭikkhipati. Anekādīnave sabbesampi pāpadhammānaṃ mūlabhūte sammohe ādīnavānaṃ adassanasīlatāya anādīnavadassāvino. Āgamādhigamābhāvā assutavato. Ediso ekaṃsena andhaputhujjano nāma hotīti tassa andhaputhujjanabhāvaṃ dassetuṃ punapi ‘‘puthujjanassā’’ti vuttaṃ. Evarūpāti vuttappakārā sammohapubbikā. Rūpaṃ sā nātivattatīti rūpānaṃ samatikkamanāya kāraṇaṃ na hoti, rūpārammaṇe kilese nātikkamatīti adhippāyo. Aññāṇāvibhūtatāya ārammaṇe ajjhupekkhanavasena pavattamānā lobhasampayuttaupekkhā idhādhippetāti tassa lobhassa anucchavikameva ārammaṇaṃ dassento ‘‘iṭṭhārammaṇe’’ti āha. Anativattamānā anādīnavadassitāya. Tato eva assādānupassanato tattheva laggā. Abhisaṅgassa lobhassa vasena, dummocanīyatāya ca tena laggitā viya hutvā uppannā.
เอวรูปาติ ยา อกุสลานํ ปหานาย, กุสลานญฺจ อภิพุทฺธิยา สํวตฺตติ, เอวรูปา, สา ปน ปพฺพชฺชาทิวเสน ปวตฺติยา เนกฺขมฺมูปสญฺหิตาติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสิตา’’ติฯ อิทานิ ตํ ปาฬิวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ รูปํ สา อติวตฺตตีติ รูปสฺมิํ สมฺมเทว อาทีนวทสฺสนโตฯ รูปนิยาตาติ กิเลเสหิ อนภิภวนียโตฯ อิเฎฺฐติ สภาวโต, สงฺกปฺปโต จ อิเฎฺฐ อารมฺมเณฯ อรชฺชนฺตสฺสาติ น รชฺชนฺตสฺส ราคํ อนุปฺปาเทนฺตสฺสฯ อนิเฎฺฐ อทุสฺสนฺตสฺสาติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สมํ สมฺมา โยนิโส น เปกฺขนํ อสมเปกฺขนํ, ตํ ปน อิฎฺฐานิฎฺฐมชฺฌเตฺต วิย อิฎฺฐานิเฎฺฐสุปิ พาลสฺส โหตีติ ‘‘อิฎฺฐานิฎฺฐมชฺฌเตฺต’’ติ อวตฺวา ‘‘อสมเปกฺขเนน อสมฺมุยฺหนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ติวิเธปิ อารมฺมเณ อสมเปกฺขนวเสน มุยฺหนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาญาณสมฺปยุตฺตา อุเปกฺขาฯ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา เวทนาสภาคาติ อุทาสินากาเรน ปวตฺติยา, อุเปกฺขา เวทนาย จ สภาคาฯ เอตฺถ อุเปกฺขา วาติ เอตฺถ เอตสฺมิํ อุเปกฺขานิเทฺทเส ‘‘อุเปกฺขา’’ติ คหิตา เอวฯ ตสฺมาติ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขายปิ อิธ อุเปกฺขาคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ ตญฺหิ สนฺธาย ‘‘ปฐมทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานวเสน อุปฺปชฺชนกอุเปกฺขา’’ติ วุตฺตํฯ
Evarūpāti yā akusalānaṃ pahānāya, kusalānañca abhibuddhiyā saṃvattati, evarūpā, sā pana pabbajjādivasena pavattiyā nekkhammūpasañhitāti āha ‘‘nekkhammasitā’’ti. Idāni taṃ pāḷivasena dassetuṃ ‘‘tattha katamā’’tiādi vuttaṃ, tassattho heṭṭhā vuttanayānusārena veditabbo. Rūpaṃ sā ativattatīti rūpasmiṃ sammadeva ādīnavadassanato. Rūpaniyātāti kilesehi anabhibhavanīyato. Iṭṭheti sabhāvato, saṅkappato ca iṭṭhe ārammaṇe. Arajjantassāti na rajjantassa rāgaṃ anuppādentassa. Aniṭṭhe adussantassāti ettha vuttanayena attho veditabbo. Samaṃ sammā yoniso na pekkhanaṃ asamapekkhanaṃ, taṃ pana iṭṭhāniṭṭhamajjhatte viya iṭṭhāniṭṭhesupi bālassa hotīti ‘‘iṭṭhāniṭṭhamajjhatte’’ti avatvā ‘‘asamapekkhanena asammuyhantassā’’ti vuttaṃ, tividhepi ārammaṇe asamapekkhanavasena muyhantassāti attho. Vipassanāñāṇasampayuttā upekkhā. Nekkhammasitā upekkhā vedanāsabhāgāti udāsinākārena pavattiyā, upekkhā vedanāya ca sabhāgā. Ettha upekkhā vāti ettha etasmiṃ upekkhāniddese ‘‘upekkhā’’ti gahitā eva. Tasmāti tatramajjhattupekkhāyapi idha upekkhāggahaṇena gahitattā. Tañhi sandhāya ‘‘paṭhamadutiyatatiyacatutthajjhānavasena uppajjanakaupekkhā’’ti vuttaṃ.
ตายปิ เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขายาติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ ‘‘ยํ เนกฺขมฺมวเสนา’’ติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตา นตฺถเมวฯ
Tāyapi nekkhammasitaupekkhāyāti niddhāraṇe bhummaṃ. ‘‘Yaṃ nekkhammavasenā’’tiādi heṭṭhā vuttanayattā uttā natthameva.
๓๖๓. ยทิ สกฺกสฺส ตทา โสตาปตฺติผลปตฺติยาว อุปนิสฺสโย, อถ กสฺมา ภควา ยาว อรหตฺตํ เทสนํ วเฑฺฒสีติ อาห ‘‘พุทฺธานญฺหี’’ติอาทิฯ ตรุณสโกฺกติ อภินโว อธุนา ปาตุภูโต สโกฺกฯ สมฺปติ ปาตุภาวญฺหิ สนฺธาย ‘‘ตรุณสโกฺก’’ติ วุตฺตํ, น ตสฺส กุมารตา, วุทฺธตา วา อตฺถิฯ คตาคตฎฺฐานนฺติ คมนาคมนการณํฯ น ปญฺญายติ น อุปลพฺภติฯ คพฺภเสยฺยกานญฺหิ จวนฺตานํ กมฺมชรูปํ วิคจฺฉติ อนุเทว จิตฺตชํ, อาหารชญฺจ ปจฺจยาภาวโต, อุตุชํ ปน สุจิรมฺปิ กาลํ ปเวณิํ ฆเฎฺฎนฺตํ ภสฺสนฺตํ วา โสสนฺตํ วา กิเลสนฺตํ วา วิฎฺฐตํ วา โหติ, น เอวํ เทวานํฯ เตสญฺหิ โอปปาติกตฺตา กมฺมชรูเป อนฺตรธายเนฺต เสสติสนฺตติรูปมฺปิ เตน สทฺธิํ อนฺตรธายติฯ เตนาห ‘‘ทีปสิขาคมนํ วิย โหตี’’ติฯ เสสเทวตา น ชานิํสุ ปุนปิ สกฺกตฺตภาเวน ตสฺมิํเยว ฐาเน นิพฺพตฺตตฺตาฯ ตีสุ ฐาเนสูติ โสมนสฺสโทมนสฺสอุเปกฺขาวิสฺสชฺชนาวสานฎฺฐาเนสุฯ นิพฺพตฺติตผลเมวาติ สปฺปิมฺหา สปฺปิมโณฺฑ วิย อาคมนียปฎิปทาย นิพฺพตฺติตผลภูตํ โลกุตฺตรมคฺคผลเมว กถิตํฯ สกุณิกาย วิย กิญฺจิ คยฺหูปคํ อุปฺปติตฺวา อุเฑฺฑตฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวาฯ อสฺสาติ มคฺคผลสญฺญิตสฺส อริยสฺส ธมฺมสฺสฯ
363. Yadi sakkassa tadā sotāpattiphalapattiyāva upanissayo, atha kasmā bhagavā yāva arahattaṃ desanaṃ vaḍḍhesīti āha ‘‘buddhānañhī’’tiādi. Taruṇasakkoti abhinavo adhunā pātubhūto sakko. Sampati pātubhāvañhi sandhāya ‘‘taruṇasakko’’ti vuttaṃ, na tassa kumāratā, vuddhatā vā atthi. Gatāgataṭṭhānanti gamanāgamanakāraṇaṃ. Na paññāyati na upalabbhati. Gabbhaseyyakānañhi cavantānaṃ kammajarūpaṃ vigacchati anudeva cittajaṃ, āhārajañca paccayābhāvato, utujaṃ pana sucirampi kālaṃ paveṇiṃ ghaṭṭentaṃ bhassantaṃ vā sosantaṃ vā kilesantaṃ vā viṭṭhataṃ vā hoti, na evaṃ devānaṃ. Tesañhi opapātikattā kammajarūpe antaradhāyante sesatisantatirūpampi tena saddhiṃ antaradhāyati. Tenāha ‘‘dīpasikhāgamanaṃ viya hotī’’ti. Sesadevatā na jāniṃsu punapi sakkattabhāvena tasmiṃyeva ṭhāne nibbattattā. Tīsu ṭhānesūti somanassadomanassaupekkhāvissajjanāvasānaṭṭhānesu. Nibbattitaphalamevāti sappimhā sappimaṇḍo viya āgamanīyapaṭipadāya nibbattitaphalabhūtaṃ lokuttaramaggaphalameva kathitaṃ. Sakuṇikāya viya kiñci gayhūpagaṃ uppatitvā uḍḍetvā ullaṅghitvā. Assāti maggaphalasaññitassa ariyassa dhammassa.
ปาติโมกฺขสํวรวณฺณนา
Pātimokkhasaṃvaravaṇṇanā
๓๖๔. ปาติโมกฺขสํวรายาติ ปาติโมกฺขภูตสีลสํวรายาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อุตฺตมเชฎฺฐกสีลสํวรายา’’ติฯ ‘‘ปาติโมกฺขสีลญฺหิ สพฺพสีลโต เชฎฺฐกสีล’’นฺติ ทีฆวาปีวิหารวาสิ สุมเตฺถโร วทติ, อเนฺตวาสิโก ปนสฺส เตปิฎกจูฬนาคเตฺถโร ‘‘ปาติโมกฺขสํวโร เอว สีลํ, อิตรานิ ปน ‘สีลนฺติ วุตฺตฎฺฐานํ นาม อตฺถี’ติ อนนุชานโนฺต อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกํ, อาชีวปาริสุทฺธิ ธเมฺมน สเมน ปจฺจยุปฺปาทนมตฺตกํ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฎิลทฺธปจฺจเย ‘อิท มตฺถ’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนมตฺตกํ, นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํฯ ตถา หิ ยสฺส โส ภิโนฺน, โส อิตรานิ รกฺขิตุํ อภพฺพตฺตา อสีโล โหติฯ ยสฺส ปน สพฺพโส อโรโค เสสานํ รกฺขิตุํ ภพฺพตฺตา สมฺปนฺนสีโล’’ติ วทติ, ตสฺมา อิตเรสํ ตสฺส ปริวารภาวโต, สพฺพโส เอกเทเสน จ ตทโนฺตคธภาวโต ตเทว ปธานสีลํ นามาติ อาห ‘‘อุตฺตมเชฎฺฐกสีลสํวรายา’’ติฯ ตตฺถ ยถา เหฎฺฐา ปปญฺจสญฺญาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินิํ ปฎิปทํ ปุจฺฉิเตน ภควตา ปปญฺจสญฺญานํ, ปฎิปทาย จ มูลภูตํ เวทนํ วิภชิตฺวา ปฎิปทา เทสิตา สกฺกสฺส อชฺฌาสยวเสน สํกิเลสธมฺมปฺปหานมุเขน โวทานธมฺมปาริปูรีติ, เอวํ ตสฺสา เอว ปฎิปทาย มูลภูตมฺปิ สีลสํวรํ ปุจฺฉิเตน ภควตา ยโต โส วิสุชฺฌติ, ยถา จ วิสุชฺฌติ, ตทุภยํ สกฺกสฺส อชฺฌาสยวเสน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กายสมาจารมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ สํกิเลสธมฺมปฺปหานมุเขน โวทานธมฺมปาริปูรีติ กตฺวาฯ สีลกถายํ อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิกถเน การณํ วุตฺตเมว, ตสฺมา กมฺมปถวเสนาติ กุสลากุสลกมฺมปถวเสนฯ
364.Pātimokkhasaṃvarāyāti pātimokkhabhūtasīlasaṃvarāyāti ayamettha atthoti āha ‘‘uttamajeṭṭhakasīlasaṃvarāyā’’ti. ‘‘Pātimokkhasīlañhi sabbasīlato jeṭṭhakasīla’’nti dīghavāpīvihāravāsi sumatthero vadati, antevāsiko panassa tepiṭakacūḷanāgatthero ‘‘pātimokkhasaṃvaro eva sīlaṃ, itarāni pana ‘sīlanti vuttaṭṭhānaṃ nāma atthī’ti ananujānanto indriyasaṃvaro nāma chadvārarakkhāmattakaṃ, ājīvapārisuddhi dhammena samena paccayuppādanamattakaṃ, paccayasannissitaṃ paṭiladdhapaccaye ‘ida mattha’nti paccavekkhitvā paribhuñjanamattakaṃ, nippariyāyena pātimokkhasaṃvarova sīlaṃ. Tathā hi yassa so bhinno, so itarāni rakkhituṃ abhabbattā asīlo hoti. Yassa pana sabbaso arogo sesānaṃ rakkhituṃ bhabbattā sampannasīlo’’ti vadati, tasmā itaresaṃ tassa parivārabhāvato, sabbaso ekadesena ca tadantogadhabhāvato tadeva padhānasīlaṃ nāmāti āha ‘‘uttamajeṭṭhakasīlasaṃvarāyā’’ti. Tattha yathā heṭṭhā papañcasaññāsaṅkhānirodhasāruppagāminiṃ paṭipadaṃ pucchitena bhagavatā papañcasaññānaṃ, paṭipadāya ca mūlabhūtaṃ vedanaṃ vibhajitvā paṭipadā desitā sakkassa ajjhāsayavasena saṃkilesadhammappahānamukhena vodānadhammapāripūrīti, evaṃ tassā eva paṭipadāya mūlabhūtampi sīlasaṃvaraṃ pucchitena bhagavatā yato so visujjhati, yathā ca visujjhati, tadubhayaṃ sakkassa ajjhāsayavasena vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kāyasamācārampī’’tiādi vuttaṃ saṃkilesadhammappahānamukhena vodānadhammapāripūrīti katvā. Sīlakathāyaṃ asevitabbakāyasamācārādikathane kāraṇaṃ vuttameva, tasmā kammapathavasenāti kusalākusalakammapathavasena.
กมฺมปถวเสนาติ จ กมฺมปถวิจารวเสน ฯ กมฺมปถภาวํ อปตฺตานมฺปิ หิ กายทุจฺจริตาทีนํ อเสวิตพฺพกาทีนํ อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิภาโว อิธ วุจฺจตีติฯ ปณฺณตฺติวเสนาติ สิกฺขาปทปณฺณตฺติวเสนฯ ยโต ยโต หิ ยา ยา เวรมณี, ตทุภเยปิ วิภาเวโนฺต ปณฺณตฺติวเสน กเถติ นามฯ เตนาห ‘‘กายทฺวาเร’’ติอาทิฯ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมติ เอเตนาติ สิกฺขาปทวีติกฺกโม, สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกมนากาเรน ปวโตฺต อกุสลธโมฺม ยํ, ตสฺส อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิตาฯ วีติกฺกมปฎิปโกฺข อวีติกฺกโม, น วีติกฺกมติ เอเตนาติ อวีติกฺกโม, สีลํฯ
Kammapathavasenāti ca kammapathavicāravasena . Kammapathabhāvaṃ apattānampi hi kāyaduccaritādīnaṃ asevitabbakādīnaṃ asevitabbakāyasamācārādibhāvo idha vuccatīti. Paṇṇattivasenāti sikkhāpadapaṇṇattivasena. Yato yato hi yā yā veramaṇī, tadubhayepi vibhāvento paṇṇattivasena katheti nāma. Tenāha ‘‘kāyadvāre’’tiādi. Sikkhāpadaṃ vītikkamati etenāti sikkhāpadavītikkamo, sikkhāpadassa vītikkamanākārena pavatto akusaladhammo yaṃ, tassa asevitabbakāyasamācārāditā. Vītikkamapaṭipakkho avītikkamo, na vītikkamati etenāti avītikkamo, sīlaṃ.
มิจฺฉา สมฺมา จ ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา, อาชีโว, อตฺถโต ปจฺจยคเวสนพฺยาปาโร กายวจีทฺวาริโกฯ ยทิ เอวํ กสฺมา วิสุํ คหณนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ ฯ อริยา นิโทฺทสา ปริเยสนา คเวสนาติ อริยปริเยสนา, อริเยหิ สาธูหิ ปริเยสิตพฺพาติปิ อริยปริเยสนาติฯ วุตฺตวิปริยายโต อนริยปริเยสนา เวทิตพฺพาฯ
Micchā sammā ca pariyesati etāyāti pariyesanā, ājīvo, atthato paccayagavesanabyāpāro kāyavacīdvāriko. Yadi evaṃ kasmā visuṃ gahaṇanti āha ‘‘yasmā’’tiādi . Ariyā niddosā pariyesanā gavesanāti ariyapariyesanā, ariyehi sādhūhi pariyesitabbātipi ariyapariyesanāti. Vuttavipariyāyato anariyapariyesanā veditabbā.
ชาติธโมฺมติ ชายนสภาโว ชายนปกติโกฯ ชราธโมฺมติ ชีรณสภาโวฯ พฺยาธิธโมฺมติ พฺยาธิสภาโวฯ มรณธโมฺมติ มียนสภาโวฯ โสกธโมฺมติ โสจนกสภาโวฯ สํกิเลสธโมฺมติ สํกิลิสฺสนสภาโวฯ
Jātidhammoti jāyanasabhāvo jāyanapakatiko. Jarādhammoti jīraṇasabhāvo. Byādhidhammoti byādhisabhāvo. Maraṇadhammoti mīyanasabhāvo. Sokadhammoti socanakasabhāvo. Saṃkilesadhammoti saṃkilissanasabhāvo.
ปุตฺตภริยนฺติ ปุตฺตา จ ภริยา จฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ทฺวเนฺทกตฺตวเสน เตสํ นิเทฺทโสฯ ชาตรูปรชตนฺติ เอตฺถ ปน ยโต วิการํ อนาปชฺชิตฺวา สพฺพํ ชาตรูปเมว โหตีติ ชาตรูปํ นาม สุวณฺณํฯ ธวลสภาวตาย รชตีติ รชตํ, รูปิยํฯ อิธ ปน สุวณฺณํ ฐเปตฺวา ยํ กิญฺจิ อุปโภคปริโภคารหํ ‘‘รชต’’เนฺตฺวว คหิตํ โวหารูปคมาสกาทิฯ ชาติธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโยติ เอเต กามคุณูปธโย นาม โหนฺติ, เต สเพฺพปิ ชาติธมฺมาติ ทเสฺสติฯ
Puttabhariyanti puttā ca bhariyā ca. Esa nayo sabbattha. Dvandekattavasena tesaṃ niddeso. Jātarūparajatanti ettha pana yato vikāraṃ anāpajjitvā sabbaṃ jātarūpameva hotīti jātarūpaṃ nāma suvaṇṇaṃ. Dhavalasabhāvatāya rajatīti rajataṃ, rūpiyaṃ. Idha pana suvaṇṇaṃ ṭhapetvā yaṃ kiñci upabhogaparibhogārahaṃ ‘‘rajata’’ntveva gahitaṃ vohārūpagamāsakādi. Jātidhammā hete, bhikkhave, upadhayoti ete kāmaguṇūpadhayo nāma honti, te sabbepi jātidhammāti dasseti.
พฺยาธิธมฺมวาราทีสุ ชาตรูปรชตํ น คหิตํฯ น เหตสฺส สีสโรคาทโย พฺยาธโย นาม สนฺติ, น สตฺตานํ วิย จุติสงฺขาตํ มรณํ, น โสเก อุปฺปชฺชติ, จุติสงฺขาตํ มรณนฺติ จ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธนิโรโธ, โส ตสฺส นตฺถิ, ขณิกนิโรโธ ปน ขเณ ขเณ ลพฺภเตวฯ ราคาทีหิ ปน สํกิเลเสหิ สํกิลิสฺสตีติ สํกิเลสธมฺมวาเร คหิตํ ชาตรูปํ, ตถา อุตุสมุฎฺฐานตฺตา ชาติธมฺมวาเร, มลํ คเหตฺวา ชีรณโต ชราธมฺมวาเร จฯ อริเยหิ น อรณียา, ปริเยสนาติปิ อนริยปริเยสนาฯ
Byādhidhammavārādīsu jātarūparajataṃ na gahitaṃ. Na hetassa sīsarogādayo byādhayo nāma santi, na sattānaṃ viya cutisaṅkhātaṃ maraṇaṃ, na soke uppajjati, cutisaṅkhātaṃ maraṇanti ca ekabhavapariyāpannakhandhanirodho, so tassa natthi, khaṇikanirodho pana khaṇe khaṇe labbhateva. Rāgādīhi pana saṃkilesehi saṃkilissatīti saṃkilesadhammavāre gahitaṃ jātarūpaṃ, tathā utusamuṭṭhānattā jātidhammavāre, malaṃ gahetvā jīraṇato jarādhammavāre ca. Ariyehi na araṇīyā, pariyesanātipi anariyapariyesanā.
อิทานิ อเนสนาวเสนาปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินา นเยน สุกฺกปเกฺขปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Idāni anesanāvasenāpi taṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Iminā nayena sukkapakkhepi attho veditabbo.
สมฺภารปริเยสนํ ปหรณวิสาทิคเวสนํ, ปโยควเสน ปโยคกรณํ ตชฺชาวายามชนนํ ตาทิสํ อุปกฺกมนิพฺพตฺตนํ, ปาณาติปาตาทิอตฺถํ คมนํ, ปเจฺจกํ กาล-สโทฺท โยเชตโพฺพ ‘‘สมฺภารปริเยสนกาลโต ปฎฺฐาย, ปโยคกรณกาลโต ปฎฺฐาย, คมนกาลโต ปฎฺฐายา’’ติฯ อิตโรติ ‘‘เสวิตโพฺพ’’ติ วุตฺตกายสมาจาราทิโกฯ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตพฺพํฯ ตถา อุปฺปาทิตจิโตฺต หิ สติ ปจฺจยสมวาเย ตาทิสํ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรโนฺต ปฎิปตฺติยา มตฺถกํ คณฺหาติฯ เตนาห ‘‘จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, กุสเลสุ ธเมฺมสุ พหุปการํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๔)ฯ
Sambhārapariyesanaṃ paharaṇavisādigavesanaṃ, payogavasena payogakaraṇaṃ tajjāvāyāmajananaṃ tādisaṃ upakkamanibbattanaṃ, pāṇātipātādiatthaṃ gamanaṃ, paccekaṃ kāla-saddo yojetabbo ‘‘sambhārapariyesanakālato paṭṭhāya, payogakaraṇakālato paṭṭhāya, gamanakālato paṭṭhāyā’’ti. Itaroti ‘‘sevitabbo’’ti vuttakāyasamācārādiko. Cittampi uppādetabbaṃ. Tathā uppāditacitto hi sati paccayasamavāye tādisaṃ payogaṃ parakkamaṃ karonto paṭipattiyā matthakaṃ gaṇhāti. Tenāha ‘‘cittuppādampi kho ahaṃ, bhikkhave, kusalesu dhammesu bahupakāraṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 1.84).
อิทานิ ตํ มตฺถกปฺปตฺตํ อเสวิตพฺพํ, เสวิตพฺพญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สงฺฆเภทาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน โลหิตุปฺปาทนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ พุทฺธรตนสงฺฆรตนุปฎฺฐาเนเหว ธมฺมรตนุปฎฺฐานสิทฺธีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ติณฺณํ รตนานํ อุปฎฺฐานคมนาทิวเสนา’’ติ ฯ ธนุคฺคหเปสนํ ธนุคฺคหปุริสานํ อุโยฺยชนํฯ อาทิ-สเทฺทน ปญฺจวรยาจนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา ลาภุปฺปาทวเสน ปริหีนลาภสกฺการสฺส กุเลสุ วิญฺญาปน’’นฺติ เอวมาทิํ อนริยปริเยสนํ ปริเยสนฺตานํฯ
Idāni taṃ matthakappattaṃ asevitabbaṃ, sevitabbañca dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Saṅghabhedādīnanti ādi-saddena lohituppādanādiṃ saṅgaṇhāti. Buddharatanasaṅgharatanupaṭṭhāneheva dhammaratanupaṭṭhānasiddhīti āha ‘‘divasassa dvattikkhattuṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ upaṭṭhānagamanādivasenā’’ti . Dhanuggahapesanaṃ dhanuggahapurisānaṃ uyyojanaṃ. Ādi-saddena pañcavarayācanādiṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Ajātasattuṃ pasādetvā lābhuppādavasena parihīnalābhasakkārassa kulesu viññāpana’’nti evamādiṃ anariyapariyesanaṃ pariyesantānaṃ.
ปาริปูริยาติ ปาริปูริอตฺถํฯ อคฺคมคฺคผลวเสเนว หิ เสวิตพฺพานํ ปาริปูรีติ ตทตฺถํ สพฺพา ปุพฺพภาคปฎิปทา, ปาติโมกฺขสํวโรปิ อคฺคมเคฺคเนว ปริปุโณฺณ โหตีติ ตทตฺถํ ปุพฺพภาคปฎิปทํ วตฺวา นิคเมโนฺต ‘‘ปาติโมโกฺข…เป.… โหตี’’ติ อาหฯ
Pāripūriyāti pāripūriatthaṃ. Aggamaggaphalavaseneva hi sevitabbānaṃ pāripūrīti tadatthaṃ sabbā pubbabhāgapaṭipadā, pātimokkhasaṃvaropi aggamaggeneva paripuṇṇo hotīti tadatthaṃ pubbabhāgapaṭipadaṃ vatvā nigamento ‘‘pātimokkho…pe… hotī’’ti āha.
อินฺทฺริยสํวรวณฺณนา
Indriyasaṃvaravaṇṇanā
๓๖๕. อินฺทฺริยานํ ปิธานายาติ อินฺทฺริยานํ ปิทหนตฺถายฯ อินฺทฺริยานิ จ จกฺขาทีนิ ทฺวารานิ, เตสํ ปิธานํ สํวรณํ อกุสลุปฺปตฺติโต โคปนาติ อาห ‘‘คุตฺตทฺวารตายา’’ติฯ อเสวิตพฺพรูปาทิวเสน อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา อสํวโร, สํกิเลสธมฺมวิปฺปหานวเสน โวทานธมฺมปาริสุทฺธีติฯ กามํ ปาฬิยํ อเสวิตพฺพมฺปิ รูปาทิ ทสฺสิตํ, สเกฺกน ปน อินฺทฺริยสํวราย ปฎิปตฺติ ปุจฺฉิตาติ ตเมว นิวเตฺตตฺวา ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายํวุตฺตํ ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปมฺปีติอาทิ เสวิตพฺพรูปาทิวเสน อินฺทฺริยสํวรทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติฯ ‘‘ตุณฺหี อโหสี’’ติ วตฺวา ตุณฺหีภาวสฺส การณํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘กเถตุกาโมปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยนฺติ สโกฺก เทวานํ อิโนฺทฯ
365.Indriyānaṃ pidhānāyāti indriyānaṃ pidahanatthāya. Indriyāni ca cakkhādīni dvārāni, tesaṃ pidhānaṃ saṃvaraṇaṃ akusaluppattito gopanāti āha ‘‘guttadvāratāyā’’ti. Asevitabbarūpādivasena indriyesu aguttadvāratā asaṃvaro, saṃkilesadhammavippahānavasena vodānadhammapārisuddhīti. Kāmaṃ pāḷiyaṃ asevitabbampi rūpādi dassitaṃ, sakkena pana indriyasaṃvarāya paṭipatti pucchitāti tameva nivattetvā dassetuṃ aṭṭhakathāyaṃvuttaṃ ‘‘cakkhuviññeyyaṃ rūpampītiādi sevitabbarūpādivasena indriyasaṃvaradassanatthaṃ vutta’’nti. ‘‘Tuṇhī ahosī’’ti vatvā tuṇhībhāvassa kāraṇaṃ byatirekamukhena vibhāvetuṃ ‘‘kathetukāmopī’’tiādi vuttaṃ. Ayanti sakko devānaṃ indo.
รูปนฺติ รูปายตนํ, ตสฺส อเสวนํ นาม อทสฺสนํ เอวาติ อาห ‘‘น เสวิตพฺพํ น ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ ยํ ปน สตฺตสนฺตานคตํ รูปํ ปสฺสโต ปฎิกูลมนสิการวเสน, อสุภสญฺญา วา สณฺฐาติ ทสฺสนานุตฺตริยวเสนฯ อถ วา กมฺมผลสทฺทหนวเสน ปสาโท วา อุปฺปชฺชติฯ หุตฺวา อภาวาการสลฺลกฺขเณน อนิจฺจสญฺญาปฎิลาโภ วา โหติฯ
Rūpanti rūpāyatanaṃ, tassa asevanaṃ nāma adassanaṃ evāti āha ‘‘na sevitabbaṃ na daṭṭhabba’’nti. Yaṃ pana sattasantānagataṃ rūpaṃ passato paṭikūlamanasikāravasena, asubhasaññā vā saṇṭhāti dassanānuttariyavasena. Atha vā kammaphalasaddahanavasena pasādo vā uppajjati. Hutvā abhāvākārasallakkhaṇena aniccasaññāpaṭilābho vā hoti.
ปริยายกฺขรณโต อกฺขรํ, วโณฺณ, โส เอว นิรนฺตรุปฺปตฺติยา สมุทฺทิโต ปทวากฺยสญฺญิโต, อธิเปฺปตมตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนํ, ตยิทํ กาพฺยนาฎกาทิคตเววจนวเสน, อุจฺจารณวเสน จ วิจิตฺตสนฺนิเวสตาย ตถาปวตฺตวิกปฺปนวเสน จิตฺตวิจิตฺตภาเวน อุปติฎฺฐนกํ สนฺธายาห ‘‘ยํ จิตฺตกฺขรํ จิตฺตพฺยญฺชนมฺปิ สทฺทํ สุณโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺตี’’ติฯ อตฺถนิสฺสิตนฺติ สมฺปรายิกตฺถนิสฺสิตํฯ ธมฺมนิสฺสิตนฺติ วิวฎฺฎธมฺมนิสฺสิตํ, โลกุตฺตรรตนตฺตยธมฺมนิสฺสิตํ วาฯ ปสาโทติ รตนตฺตยสทฺธา, กมฺมผลสทฺธาปิฯ นิพฺพิทา วาติ อนิจฺจสญฺญาทิวเสน วฎฺฎโต อุกฺกณฺฐา วาฯ
Pariyāyakkharaṇato akkharaṃ, vaṇṇo, so eva nirantaruppattiyā samuddito padavākyasaññito, adhippetamatthaṃ byañjetīti byañjanaṃ, tayidaṃ kābyanāṭakādigatavevacanavasena, uccāraṇavasena ca vicittasannivesatāya tathāpavattavikappanavasena cittavicittabhāvena upatiṭṭhanakaṃ sandhāyāha ‘‘yaṃ cittakkharaṃ cittabyañjanampi saddaṃ suṇato rāgādayo uppajjantī’’ti. Atthanissitanti samparāyikatthanissitaṃ. Dhammanissitanti vivaṭṭadhammanissitaṃ, lokuttararatanattayadhammanissitaṃ vā. Pasādoti ratanattayasaddhā, kammaphalasaddhāpi. Nibbidā vāti aniccasaññādivasena vaṭṭato ukkaṇṭhā vā.
คนฺธรสาวิปโรธาทิวเสน เสวิยมานํ อโยนิโส ปฎิปนฺนตฺตา อเสวิตพฺพํ นามฯ โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสวิยมานํ สมฺปชญฺญวเสน คหณโต เสวิตพฺพํ นามฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ คนฺธํ ฆายโต’’ติอาทิฯ
Gandharasāviparodhādivasena seviyamānaṃ ayoniso paṭipannattā asevitabbaṃ nāma. Yoniso paccavekkhitvā seviyamānaṃ sampajaññavasena gahaṇato sevitabbaṃ nāma. Tena vuttaṃ ‘‘yaṃ gandhaṃ ghāyato’’tiādi.
ยํ ปน ผุสโตติ ยํ ปน เสวิตพฺพํ โผฎฺฐพฺพํ อนิปฺผนฺนเสฺสว ผุสโตฯ อาสวกฺขโย เจว โหติ ชาคริยานุโยคสฺส มตฺถกปฺปตฺติโตฯ วีริยญฺจ สุปคฺคหิตํ โหติ จตุตฺถสฺส อริยวํสสฺส อุกฺกํสนโตฯ ปจฺฉิมา จ…เป.… อนุคฺคหิตา โหติ สมฺมาปฎิปตฺติยํ นิโยชนโตฯ
Yaṃpana phusatoti yaṃ pana sevitabbaṃ phoṭṭhabbaṃ anipphannasseva phusato. Āsavakkhayo ceva hoti jāgariyānuyogassa matthakappattito. Vīriyañca supaggahitaṃ hoti catutthassa ariyavaṃsassa ukkaṃsanato. Pacchimā ca…pe… anuggahitā hoti sammāpaṭipattiyaṃ niyojanato.
เย มโนวิเญฺญเยฺย ธเมฺม อิฎฺฐาทิเภเท สมนฺนาหรนฺตสฺส อาวชฺชนฺตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติฯ ‘‘มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา’’ติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา, เมตฺตาทิวเสน สมนฺนาหรนฺตสฺส เย มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เอวรูปา เสวิตพฺพาติ โยชนาฯ อาทิ-สเทฺทน กรุณาทีนเญฺจว อนิจฺจาทีนญฺจ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ติณฺณํ เถรานํ ธมฺมาติ อิทานิ วุจฺจมานปฎิปตฺตีนํ ติณฺณํ เถรานํ มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมาฯ พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติ อโนฺตปริเวณํ อาคตเมว รูปาทิํ อารพฺภ อิมสฺมิํ เตมาเส กมฺมฎฺฐานวินิมุตฺตํ จิตฺตํ กทาจิ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อโนฺตปริเวเณ จ วิสภาครูปาทีนํ อสมฺภโว เอว, ตสฺมา วิสฎวิตกฺกวเสน จิตฺตํ พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติ ทเสฺสติฯ นิวาสเคหโต นิวาสนคพฺภโตฯ นิยกชฺฌตฺตขนฺธปญฺจกโต วิปสฺสนาโคจรโตฯ เถโร กิร สพฺพมฺปิ อตฺตนา กาตพฺพกิริยํ กมฺมฎฺฐานสีเสเนว ปฎิปชฺชติฯ
Ye manoviññeyye dhamme iṭṭhādibhede samannāharantassa āvajjantassa āpāthaṃ āgacchanti. ‘‘Manoviññeyyā dhammā’’ti vibhatti vipariṇāmetabbā, mettādivasena samannāharantassa ye manoviññeyyā dhammā āpāthaṃ āgacchanti, evarūpā sevitabbāti yojanā. Ādi-saddena karuṇādīnañceva aniccādīnañca saṅgaho daṭṭhabbo. Tiṇṇaṃ therānaṃ dhammāti idāni vuccamānapaṭipattīnaṃ tiṇṇaṃ therānaṃ manoviññeyyā dhammā. Bahi dhāvituṃ na adāsinti antopariveṇaṃ āgatameva rūpādiṃ ārabbha imasmiṃ temāse kammaṭṭhānavinimuttaṃ cittaṃ kadāci uppannapubbaṃ, antopariveṇe ca visabhāgarūpādīnaṃ asambhavo eva, tasmā visaṭavitakkavasena cittaṃ bahi dhāvituṃ na adāsinti dasseti. Nivāsagehato nivāsanagabbhato. Niyakajjhattakhandhapañcakato vipassanāgocarato. Thero kira sabbampi attanā kātabbakiriyaṃ kammaṭṭhānasīseneva paṭipajjati.
๓๖๖. อสโมฺมหสมฺปชญฺญวเสน อเทฺวชฺฌาภาวโต เอโก อโนฺต เอตสฺสาติ เอกโนฺต, เอกโนฺต วาโท เอเตสนฺติ เอกนฺตวาทาฯ เตนาห ‘‘เอกํเยว วทนฺตี’’ติ, อภินฺนวาทาติ อโตฺถฯ เอกาจาราติ สมานาจาราฯ เอกลทฺธิกาติ สมานลทฺธิกาฯ เอกปริโยสานาติ สมานนิฎฺฐานาฯ
366. Asammohasampajaññavasena advejjhābhāvato eko anto etassāti ekanto, ekanto vādo etesanti ekantavādā. Tenāha ‘‘ekaṃyeva vadantī’’ti, abhinnavādāti attho. Ekācārāti samānācārā. Ekaladdhikāti samānaladdhikā. Ekapariyosānāti samānaniṭṭhānā.
อิติ สโกฺก ปุเพฺพ อตฺตนา สุตํ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ นานาวาทา จารลทฺธินิฎฺฐานํ อิทานิ สจฺจปฎิเวเธน อสารโต ญตฺวา ฐิโต, ตสฺส การณํ ญาตุกาโม ตเมว ตาว พฺยติเรกมุเขน ปุจฺฉติ ‘‘สเพฺพว ธมฺมา นุ โข’’ติอาทินาฯ
Iti sakko pubbe attanā sutaṃ puthusamaṇabrāhmaṇānaṃ nānāvādā cāraladdhiniṭṭhānaṃ idāni saccapaṭivedhena asārato ñatvā ṭhito, tassa kāraṇaṃ ñātukāmo tameva tāva byatirekamukhena pucchati ‘‘sabbeva dhammā nu kho’’tiādinā.
ธาตูติ อชฺฌาสยธาตุ อุตฺตรปทโลเปน วุตฺตา, อชฺฌาสยธาตูติ จ อตฺถโต อชฺฌาสโย เอวาติ อาห ‘‘อเนกชฺฌาสโย นานชฺฌาสโย’’ติฯ ‘‘เอกสฺมิํ คนฺตุกาเม เอโก ฐาตุกาโม โหตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ อิริยาปเถปิ นาม สตฺตา เอกชฺฌาสยา ทุลฺลภา, ปเคว ลทฺธีสูติ ทสฺสนตฺถํฯ ยํ ยเทว อชฺฌาสยนฺติ ยํ ยเมว สสฺสตาทิอชฺฌาสยํฯ อภินิวิสนฺตีติ ตํ ตํ ลทฺธิํ ทิฎฺฐาภินิเวสวเสน อภิมุขา หุตฺวา ทุปฺปฎินิสฺสคฺคิภาเวน นิวิสนฺติ, อาทานคฺคาหํ คณฺหนฺติฯ ถาเมน จ ปรามาเสน จาติ ทิฎฺฐิถาเมน จ ทิฎฺฐิปรามาเสน จฯ สุฎฺฐุ คณฺหิตฺวาติ อติวิย ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหิตฺวาฯ โวหรนฺตีติ ยถาภินิวิฎฺฐํ ทิฎฺฐิวาทํ ปญฺญาเปนฺติ ปเร หิ คาเหนฺติ ปติฎฺฐเปนฺติฯ เตนาห ‘‘กเถนฺติ ทีเปนฺติ กิเตฺตนฺตี’’ติ, อุโคฺฆเสนฺตีติ อโตฺถฯ
Dhātūti ajjhāsayadhātu uttarapadalopena vuttā, ajjhāsayadhātūti ca atthato ajjhāsayo evāti āha ‘‘anekajjhāsayo nānajjhāsayo’’ti. ‘‘Ekasmiṃ gantukāme eko ṭhātukāmo hotī’’ti idaṃ nidassanavasena vuttaṃ iriyāpathepi nāma sattā ekajjhāsayā dullabhā, pageva laddhīsūti dassanatthaṃ. Yaṃ yadeva ajjhāsayanti yaṃ yameva sassatādiajjhāsayaṃ. Abhinivisantīti taṃ taṃ laddhiṃ diṭṭhābhinivesavasena abhimukhā hutvā duppaṭinissaggibhāvena nivisanti, ādānaggāhaṃ gaṇhanti. Thāmena ca parāmāsena cāti diṭṭhithāmena ca diṭṭhiparāmāsena ca. Suṭṭhu gaṇhitvāti ativiya daḷhaggāhaṃ gaṇhitvā. Voharantīti yathābhiniviṭṭhaṃ diṭṭhivādaṃ paññāpenti pare hi gāhenti patiṭṭhapenti. Tenāha ‘‘kathenti dīpenti kittentī’’ti, ugghosentīti attho.
อนฺตํ อตีตา อจฺจนฺตา, อจฺจนฺตา นิฎฺฐา เอเตสนฺติ อจฺจนฺตนิฎฺฐาฯ สเพฺพสนฺติ สเพฺพสํ สมณพฺราหฺมณานํฯ โยคเกฺขโมติปิ นิพฺพานํ จตูหิปิ โยเคหิ อนุปฺปทุฎฺฐตฺตาฯ ‘‘อจฺจนฺตโยคเกฺขมา’’ติ วตฺตเพฺพ อิ-กาเรน นิเทฺทเสน ‘‘อจฺจนฺตโยคเกฺขมี’’ติ วุตฺตํ, อจฺจนฺตโยคเกฺขโม วา เอเตสํ อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคเกฺขมีติฯ จรนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, อธิคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ ปริยสฺสติ ปริกฺขิสฺสติ วฎฺฎทุกฺขนฺตํ อาคมฺมาติ ปริโยสานนฺติปิ นิพฺพานสฺส นามํฯ
Antaṃ atītā accantā, accantā niṭṭhā etesanti accantaniṭṭhā. Sabbesanti sabbesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ. Yogakkhemotipi nibbānaṃ catūhipi yogehi anuppaduṭṭhattā. ‘‘Accantayogakkhemā’’ti vattabbe i-kārena niddesena ‘‘accantayogakkhemī’’ti vuttaṃ, accantayogakkhemo vā etesaṃ atthīti accantayogakkhemīti. Caranti upagacchanti, adhigacchantīti attho. Pariyassati parikkhissati vaṭṭadukkhantaṃ āgammāti pariyosānantipi nibbānassa nāmaṃ.
สงฺขิณาตีติ สมุจฺฉินฺทเนน เขเปติฯ วินาเสตีติ ตโต เอว สพฺพโส อทสฺสนํ ปาเปติฯ วิมุตฺตาติ วฎฺฎทุกฺขโต อจฺจนฺตนิคฺคเมน วิเสเสน มุตฺตาฯ
Saṅkhiṇātīti samucchindanena khepeti. Vināsetīti tato eva sabbaso adassanaṃ pāpeti. Vimuttāti vaṭṭadukkhato accantaniggamena visesena muttā.
‘‘อิสฺสามจฺฉริยํ เอโก ปโญฺห’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อิสฺสามจฺฉริยํ วิสฺสชฺชนนฺติ? สจฺจเมตํ, โย ปน ญาตุํ อิจฺฉิโต อโตฺถ, โส ปโญฺหฯ โส เอว จ วิสฺสชฺชียตีติ นายํ โทโส, อญฺญถา อมฺพํ ปุฎฺฐสฺส ลพุชํ พฺยากรณํ วิย สิยา, เอวํ ปญฺหสีเสน ปญฺหพฺยากรณํ วทติฯ ตถา หิ ‘‘ปิยาปฺปิย’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนปทาเนว คหิตานิ, ‘‘ปิยาปฺปิยํ เอโก’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ปปญฺจสญฺญาติ สญฺญาสีเสน ปปญฺจา เอว วุตฺตาติ อาห ‘‘ปปโญฺจ เอโก’’ติฯ เอตฺถ จ ยถา ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉา กายสมาจาราทิวิภาเคน วิสฺสชฺชิตตฺตา ตโย ปญฺหา ชาตา, เอวํ อินฺทฺริยสํวรปุจฺฉา รูปาทิวิภาเคน วิสฺสชฺชิตตฺตา ฉ ปญฺหา สิยุํฯ ตถา สติ เอกูนวีสติ ปุจฺฉา สิยุํ, อถ อินฺทฺริยสํวรตาสามเญฺญน เอโกว ปโญฺห กโต, เอวํ สติ ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉาภาวสามเญฺญน เตปิ ตโย เอโกว ปโญฺหติ สเพฺพว ทฺวาทเสว ปญฺหา ภเวยฺยุนฺติ? นยิทเมวํฯ ยสฺมา กายสมาจาราทีสุ วิภชฺช วุจฺจมาเนสุ มหาวิสยตาย อปริมาโณ วิภาโค สมฺภวติ วิสฺสเชฺชตุํฯ สกลมฺปิ วินยปิฎกํ ตสฺส นิเทฺทโสฯ รูปาทีสุ ปน วิภชฺช วุจฺจมาเนสุ อปฺปวิสยตาย น ตาทิโส วิภาโค สมฺภวติ วิสฺสเชฺชตุํฯ อิติ มหาวิสยตาย ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉา ตโย ปญฺหา กตา, อินฺทฺริยสํวรปุจฺฉา ปน อปฺปวิสยตาย เอโกว ปโญฺห กโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จุทฺทส มหาปญฺหา’’ติฯ
‘‘Issāmacchariyaṃ eko pañho’’ti kasmā vuttaṃ, nanu issāmacchariyaṃ vissajjananti? Saccametaṃ, yo pana ñātuṃ icchito attho, so pañho. So eva ca vissajjīyatīti nāyaṃ doso, aññathā ambaṃ puṭṭhassa labujaṃ byākaraṇaṃ viya siyā, evaṃ pañhasīsena pañhabyākaraṇaṃ vadati. Tathā hi ‘‘piyāppiya’’ntiādinā vissajjanapadāneva gahitāni, ‘‘piyāppiyaṃ eko’’tiādīsupi eseva nayo. Papañcasaññāti saññāsīsena papañcā eva vuttāti āha ‘‘papañco eko’’ti. Ettha ca yathā pātimokkhasaṃvarapucchā kāyasamācārādivibhāgena vissajjitattā tayo pañhā jātā, evaṃ indriyasaṃvarapucchā rūpādivibhāgena vissajjitattā cha pañhā siyuṃ. Tathā sati ekūnavīsati pucchā siyuṃ, atha indriyasaṃvaratāsāmaññena ekova pañho kato, evaṃ sati pātimokkhasaṃvarapucchābhāvasāmaññena tepi tayo ekova pañhoti sabbeva dvādaseva pañhā bhaveyyunti? Nayidamevaṃ. Yasmā kāyasamācārādīsu vibhajja vuccamānesu mahāvisayatāya aparimāṇo vibhāgo sambhavati vissajjetuṃ. Sakalampi vinayapiṭakaṃ tassa niddeso. Rūpādīsu pana vibhajja vuccamānesu appavisayatāya na tādiso vibhāgo sambhavati vissajjetuṃ. Iti mahāvisayatāya pātimokkhasaṃvarapucchā tayo pañhā katā, indriyasaṃvarapucchā pana appavisayatāya ekova pañho kato. Tena vuttaṃ ‘‘cuddasa mahāpañhā’’ti.
๓๖๗. จลนเฎฺฐนาติ กมฺปนเฎฺฐนฯ ตณฺหา หิ กามราครูปราคอรูปราคาทิวเสน ปวตฺติยา อนวฎฺฐิตตาย สยมฺปิ จลติ, ยตฺถ อุปฺปนฺนา, ตมฺปิ สนฺตานํ ภวาทีสุ ปริกฑฺฒเนน จาเลติ, ตสฺมา จลนเฎฺฐน ตณฺหา เอชา นามฯ ปีฬนเฎฺฐนาติ วิพาธนเฎฺฐน ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส เหตุภาเวนฯ ปทุสฺสนเฎฺฐนาติ อธมฺมราคาทิภาเวน, สมฺมุขปรํมุเขน, กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน จ ปการโต ทุสฺสนเฎฺฐน คโณฺฑฯ อนุปฺปวิฎฺฐเฎฺฐนาติ อาสยสฺส ทุนฺนีหรณียภาเวน อนุปฺปวิสนเฎฺฐนฯ กฑฺฒติ อตฺตโน จ รุจิยา อุปเนติฯ อุจฺจาวจนฺติ ปณีตภาวํ, นิหีนภาวญฺจฯ เยสุ สมณพฺราหฺมเณสุฯ ‘‘เยสาห’’นฺติปิ ปาฬิ, ตสฺสา เกจิ ‘‘เยสํ อห’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ เอวนฺติ สุตานุรูปํ, อุคฺคหานุรูปญฺจฯ ‘‘อหํ โข ปน ภเนฺต อเญฺญสํ สมณพฺราหฺมณานํ ธมฺมาจริโย โหโนฺตปิ ภควโต สาวโก…เป.… สโมฺพธิปรายโณ’’ติ เอวํ อตฺตโน โสตาปนฺนภาวํ ชานาเปติฯ
367.Calanaṭṭhenāti kampanaṭṭhena. Taṇhā hi kāmarāgarūparāgaarūparāgādivasena pavattiyā anavaṭṭhitatāya sayampi calati, yattha uppannā, tampi santānaṃ bhavādīsu parikaḍḍhanena cāleti, tasmā calanaṭṭhena taṇhā ejā nāma. Pīḷanaṭṭhenāti vibādhanaṭṭhena tassa tassa dukkhassa hetubhāvena. Padussanaṭṭhenāti adhammarāgādibhāvena, sammukhaparaṃmukhena, kilesāsucipaggharaṇena ca pakārato dussanaṭṭhena gaṇḍo. Anuppaviṭṭhaṭṭhenāti āsayassa dunnīharaṇīyabhāvena anuppavisanaṭṭhena. Kaḍḍhati attano ca ruciyā upaneti. Uccāvacanti paṇītabhāvaṃ, nihīnabhāvañca. Yesu samaṇabrāhmaṇesu. ‘‘Yesāha’’ntipi pāḷi, tassā keci ‘‘yesaṃ aha’’nti atthaṃ vadanti. Evanti sutānurūpaṃ, uggahānurūpañca. ‘‘Ahaṃ kho pana bhante aññesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ dhammācariyo hontopi bhagavato sāvako…pe… sambodhiparāyaṇo’’ti evaṃ attano sotāpannabhāvaṃ jānāpeti.
โสมนสฺสปฎิลาภกถาวณฺณนา
Somanassapaṭilābhakathāvaṇṇanā
๓๖๘. สมาปโนฺนติ สโมคาโฬฺห ปวตฺตสมฺปหาโร วิยาติพฺยูโฬฺหฯ ชินิํสูติ ยถา อสุรา ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิํสุ, เอวํ เทวา วิชินิํสุเยวาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เทวา ปุน อปจฺจาคมนาย อสุเร ชินิํสู’’ติฯ ตาทิโส หิสฺส ชโย สาติสยํ เวทปฎิลาภาย อโหสิฯ ทุวิธมฺปิ โอชนฺติ ทิพฺพํ, อสุรํ จาติ ทฺวิปฺปการมฺปิ โอชํฯ เทวาเยว ปริภุญฺชิสฺสนฺติ อสุรานํ ปเวสาภาวโตฯ ทณฺฑสฺส อวจรณํ อาวรณํ ทณฺฑาวจโร, สห ทณฺฑาวจเรนาติ สทณฺฑาวจโร, ทเณฺฑน ปหริตฺวา วา อาวริตฺวา วา สาเธตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
368.Samāpannoti samogāḷho pavattasampahāro viyātibyūḷho. Jiniṃsūti yathā asurā puna sīsaṃ ukkhipituṃ nāsakkhiṃsu, evaṃ devā vijiniṃsuyevāti dassento āha ‘‘devā puna apaccāgamanāya asure jiniṃsū’’ti. Tādiso hissa jayo sātisayaṃ vedapaṭilābhāya ahosi. Duvidhampiojanti dibbaṃ, asuraṃ cāti dvippakārampi ojaṃ. Devāyeva paribhuñjissanti asurānaṃ pavesābhāvato. Daṇḍassa avacaraṇaṃ āvaraṇaṃ daṇḍāvacaro, saha daṇḍāvacarenāti sadaṇḍāvacaro, daṇḍena paharitvā vā āvaritvā vā sādhetabbanti attho.
๓๖๙. อิมสฺมิํเยว โอกาเสติ อิมิสฺสเมว อินฺทสาลคุหายํฯ เทวภูตสฺส เมติ ปุเพฺพปิ เทวภูตสฺส สกฺกเสฺสว เม ภูตสฺสฯ สโตติ อิทานิปิ สกฺกเสฺสว สโต ปุนรายุ จ เม ลโทฺธฯ
369.Imasmiṃyevaokāseti imissameva indasālaguhāyaṃ. Devabhūtassa meti pubbepi devabhūtassa sakkasseva me bhūtassa. Satoti idānipi sakkasseva sato punarāyu ca me laddho.
ทิวิยา กายาติ ทิพฺพา, ขนฺธปญฺจกสงฺขาตา กายาติ อาห ‘‘ทิพฺพา อตฺตภาวา’’ติฯ ‘‘อมูโฬฺห คพฺภํ เอสฺสามี’’ติ อิมินา อริยสาวกานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ วิย สโมฺมหมรณํ, อสมฺปชานคโพฺภกฺกมนญฺจ นตฺถิ, อถ โข อสโมฺมหมรณเญฺจว สมฺปชานคโพฺภกฺกมนญฺจ โหตีติ ทเสฺสติฯ อริยสาวกา นิยตคติกตฺตา สุคตีสุ เอว อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถาปิ มนุเสฺสสุ อุปฺปชฺชนฺตา อุฬาเรสุ เอว กุเลสุ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิสฺสนฺติ, สกฺกสฺสาปิ ตาทิโส อชฺฌาสโยฯ เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘ยตฺถ เม รมตี มโน’’ติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ยตฺถ เม’’ติอาทิฯ สโกฺก ปน อตฺตโน ทิพฺพานุภาเวนาปิ ตาทิสํ ชานิตุํ สโกฺกติเยวฯ
Diviyā kāyāti dibbā, khandhapañcakasaṅkhātā kāyāti āha ‘‘dibbā attabhāvā’’ti. ‘‘Amūḷho gabbhaṃ essāmī’’ti iminā ariyasāvakānaṃ andhaputhujjanānaṃ viya sammohamaraṇaṃ, asampajānagabbhokkamanañca natthi, atha kho asammohamaraṇañceva sampajānagabbhokkamanañca hotīti dasseti. Ariyasāvakā niyatagatikattā sugatīsu eva uppajjanti, tatthāpi manussesu uppajjantā uḷāresu eva kulesu paṭisandhiṃ gaṇhissanti, sakkassāpi tādiso ajjhāsayo. Tena vuttaṃ pāḷiyaṃ ‘‘yattha me ramatī mano’’ti, taṃ sandhāyāha ‘‘yattha me’’tiādi. Sakko pana attano dibbānubhāvenāpi tādisaṃ jānituṃ sakkotiyeva.
การเณนาติ ยุเตฺตน อริยสาวกภาวสฺส อนุจฺฉวิเกนฯ เตนาห ‘‘สเมนา’’ติฯ
Kāraṇenāti yuttena ariyasāvakabhāvassa anucchavikena. Tenāha ‘‘samenā’’ti.
สกทาคามิมคฺคํ สนฺธาย วทติ ฉเฎฺฐ อตฺถวเส อนาคามิมคฺคสฺส วกฺขมานตฺตาฯ อาชานิตุกาโมติ อปฺปตฺตํ วิเสสํ ปฎิวิชฺฌิตุกาโมฯ มนุสฺสโลเก อโนฺต ภวิสฺสติ ปุน มานุสฺสูปปตฺติยา อภาวโตฯ
Sakadāgāmimaggaṃ sandhāya vadati chaṭṭhe atthavase anāgāmimaggassa vakkhamānattā. Ājānitukāmoti appattaṃ visesaṃ paṭivijjhitukāmo. Manussaloke anto bhavissati puna mānussūpapattiyā abhāvato.
ปุนเทวาติ มนุเสฺสสุ อุปฺปโนฺน ตโต จวิตฺวา ปุนเทว ฯ อิมสฺมิํ ตาวติํสเทวโลกสฺมิํฯ อุตฺตโม, กีทิโสติ อาห ‘‘สโกฺก’’ติอาทิฯ
Punadevāti manussesu uppanno tato cavitvā punadeva . Imasmiṃ tāvatiṃsadevalokasmiṃ. Uttamo, kīdisoti āha ‘‘sakko’’tiādi.
อนฺติเม ภเวติ มม สพฺพภเวสุ อนฺติเม สพฺพปริโยสาเน ภเวฯ ‘‘อายุนา’’ติ อิมินา จ ตํสหภาวิโน สเพฺพปิ วณฺณาทิเก สงฺคณฺหาติฯ ‘‘ปญฺญายา’’ติ จ อิมินา สเพฺพปิ สทฺธาสติวีริยาทิเกฯ ตสฺมิํ อตฺตภาเวติ ตสฺมิํ สพฺพนฺติเม สกฺกตฺตภาเวฯ อกนิฎฺฐคามี หุตฺวาติ อนฺตรายปรินิพฺพายิอาทิภาวํ อนุปคนฺตฺวา เอกํสโต อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี เอว หุตฺวาฯ ตโต เอว อนุกฺกเมน อวิหาทีสุ นิพฺพตฺตโนฺตฯ เอวมาหาติ ‘‘โส นิวาโส ภวิสฺสตี’’ติ เอวมาหฯ ‘‘อวิหาทีสุ…เป.… นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอส กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยญฺจ นโย น เกวลํ สกฺกเสฺสว, อถ โข มหาเสฎฺฐิมหาอุปาสิกานมฺปิ โหติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโกฺก เทวราชา’’ติอาทิมาหฯ
Antime bhaveti mama sabbabhavesu antime sabbapariyosāne bhave. ‘‘Āyunā’’ti iminā ca taṃsahabhāvino sabbepi vaṇṇādike saṅgaṇhāti. ‘‘Paññāyā’’ti ca iminā sabbepi saddhāsativīriyādike. Tasmiṃ attabhāveti tasmiṃ sabbantime sakkattabhāve. Akaniṭṭhagāmī hutvāti antarāyaparinibbāyiādibhāvaṃ anupagantvā ekaṃsato uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī eva hutvā. Tato eva anukkamena avihādīsu nibbattanto. Evamāhāti ‘‘so nivāso bhavissatī’’ti evamāha. ‘‘Avihādīsu…pe… nibbattissatī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘esa kirā’’tiādi vuttaṃ. Ayañca nayo na kevalaṃ sakkasseva, atha kho mahāseṭṭhimahāupāsikānampi hotiyevāti dassento ‘‘sakko devarājā’’tiādimāha.
๓๗๐. ภวสมฺปตฺตินิพฺพานสมฺปตฺตีนํ วเสน อปริปุณฺณชฺฌาสยตาย อนิฎฺฐิตมโนรโถ ตํ ตํ ปตฺตุกาโมเยว หุตฺวา ฐิโตฯ เย จ สมเณติ เย จ ปพฺพชิเตฯ ปวิวิตฺตวิหาริโนติ ‘‘อเนกวิเวกตฺตยํ ปริพฺรูเหตฺวา วิหรนฺตี’’ติ มญฺญามิฯ
370. Bhavasampattinibbānasampattīnaṃ vasena aparipuṇṇajjhāsayatāya aniṭṭhitamanoratho taṃ taṃ pattukāmoyeva hutvā ṭhito. Ye ca samaṇeti ye ca pabbajite. Pavivittavihārinoti ‘‘anekavivekattayaṃ paribrūhetvā viharantī’’ti maññāmi.
สมฺปาทนาติ มคฺคสฺส อุปสมฺปาทนํ ตสฺส สมฺปาปนํ สมฺมเทว ปาปนํฯ วิราธนาติ อนาราธนา อนุปายปฎิปตฺติฯ น สโมฺภนฺตีติ อนภิสมฺภุณนฺติฯ ยถาปุจฺฉิเต อเตฺถ อนภิสมฺภุณนํ นาม สมฺมา กเถตุํ อสมตฺถตา เอวาติ อาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สโกฺกนฺตี’’ติฯ
Sampādanāti maggassa upasampādanaṃ tassa sampāpanaṃ sammadeva pāpanaṃ. Virādhanāti anārādhanā anupāyapaṭipatti. Na sambhontīti anabhisambhuṇanti. Yathāpucchite atthe anabhisambhuṇanaṃ nāma sammā kathetuṃ asamatthatā evāti āha ‘‘sampādetvā kathetuṃ na sakkontī’’ti.
ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิเจฺจน สมานโคตฺตตายฯ เตเนวาห ‘‘อาทิจฺจ นาม โคเตฺตนา’’ติ, ตสฺมา ฯ อาทิโจฺจ พนฺธุ เอตสฺสาติ อาทิจฺจพนฺธุ, อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา, ตํ อาทิจฺจพนฺธุนํฯ อาทิโจฺจ หิ โสตาปนฺนตาย ภควโต โอรสปุโตฺตฯ เตเนวาห –
Tasmāti yasmā ādiccena samānagottatāya. Tenevāha ‘‘ādicca nāma gottenā’’ti, tasmā . Ādicco bandhu etassāti ādiccabandhu, atha vā ādiccassa bandhūti ādiccabandhu, bhagavā, taṃ ādiccabandhunaṃ. Ādicco hi sotāpannatāya bhagavato orasaputto. Tenevāha –
‘‘โย อนฺธกาเร ตมสิ ปภงฺกโร,
‘‘Yo andhakāre tamasi pabhaṅkaro,
เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;
Verocano maṇḍalī uggatejo;
มา ราหุ คิลี จรํ อนฺตลิเกฺข,
Mā rāhu gilī caraṃ antalikkhe,
ปชํ มมํ ราหุ ปมุญฺจ สูริย’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๙๑);
Pajaṃ mamaṃ rāhu pamuñca sūriya’’nti. (saṃ. ni. 1.91);
สามนฺติ สามํปโยคํ, สตฺถุ ปน สาวกสฺส สามํปโยโค นาม สนิปาโต เอวาติ อาห ‘‘นมกฺการํ กโรมา’’ติฯ
Sāmanti sāmaṃpayogaṃ, satthu pana sāvakassa sāmaṃpayogo nāma sanipāto evāti āha ‘‘namakkāraṃ karomā’’ti.
๓๗๑. ปรามสิตฺวาติ ‘‘อิมาย นาม ปถวิยํ นิสิเนฺนน มยา อยํ อจฺฉริยธโมฺม อธิคโต’’ติ โสมนสฺสชาโต, ‘‘อิมาย นาม ปถวิยํ เอวํ อจฺฉริยพฺภุตํ พุทฺธรตนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต จ ปถวิํ ปรามสิตฺวาฯ ปตฺถิตปญฺหาติ ทีฆรตฺตานุสยิตสํสยสมุคฺฆาตตฺถํ ‘‘กทา นุ โข ภควนฺตํ ปุจฺฉิตุํ ลภามี’’ติ เอวํ อภิปตฺถิตปญฺหาฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
371.Parāmasitvāti ‘‘imāya nāma pathaviyaṃ nisinnena mayā ayaṃ acchariyadhammo adhigato’’ti somanassajāto, ‘‘imāya nāma pathaviyaṃ evaṃ acchariyabbhutaṃ buddharatanaṃ uppanna’’nti acchariyabbhutacittajāto ca pathaviṃ parāmasitvā. Patthitapañhāti dīgharattānusayitasaṃsayasamugghātatthaṃ ‘‘kadā nu kho bhagavantaṃ pucchituṃ labhāmī’’ti evaṃ abhipatthitapañhā. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.
สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Sakkapañhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตํ • 8. Sakkapañhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนา • 8. Sakkapañhasuttavaṇṇanā