Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๖] ๖. สกุณชาตกวณฺณนา
[36] 6. Sakuṇajātakavaṇṇanā
ยํ นิสฺสิตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ทฑฺฒปณฺณสาลํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ เอโก กิร ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา เชตวนโต นิกฺขมฺม โกสเลสุ เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย เอกสฺมิํ อรญฺญเสนาสเน วสติฯ อถสฺส ปฐมมาเสเยว ปณฺณสาลา ฑยฺหิตฺถฯ โส ‘‘ปณฺณสาลา เม ทฑฺฒา, ทุกฺขํ วสามี’’ติ มนุสฺสานํ อาจิกฺขิฯ มนุสฺสา ‘‘อิทานิ โน เขตฺตํ ปริสุกฺขํ, เกทาเร ปาเยตฺวา กริสฺสาม’’, ตสฺมิํ ปายิเต ‘‘พีชํ วปิตฺวา’’, พีเช วุเตฺต ‘‘วติํ กตฺวา’’, วติยา กตาย ‘‘นิทฺทายิตฺวา, ลายิตฺวา, มทฺทิตฺวา’’ติ เอวํ ตํ ตํ กมฺมํ อปทิสนฺตาเยว เตมาสํ วีตินาเมสุํฯ โส ภิกฺขุ เตมาสํ อโชฺฌกาเส ทุกฺขํ วสโนฺต กมฺมฎฺฐานํ วเฑฺฒตฺวา วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ ปวาเรตฺวา ปน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กิํ ภิกฺขุ สุเขน วสฺสํวุโตฺถสิ, กมฺมฎฺฐานํ เต มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เสนาสนสปฺปายสฺส เม อภาเวน กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ น ปตฺต’’นฺติ อาหฯ สตฺถา ‘‘ปุเพฺพ ภิกฺขุ ติรจฺฉานคตาปิ อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ชานิํสุ, ตฺวํ กสฺมา น อญฺญาสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yaṃ nissitāti idaṃ satthā jetavane viharanto daḍḍhapaṇṇasālaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Eko kira bhikkhu satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā jetavanato nikkhamma kosalesu ekaṃ paccantagāmaṃ nissāya ekasmiṃ araññasenāsane vasati. Athassa paṭhamamāseyeva paṇṇasālā ḍayhittha. So ‘‘paṇṇasālā me daḍḍhā, dukkhaṃ vasāmī’’ti manussānaṃ ācikkhi. Manussā ‘‘idāni no khettaṃ parisukkhaṃ, kedāre pāyetvā karissāma’’, tasmiṃ pāyite ‘‘bījaṃ vapitvā’’, bīje vutte ‘‘vatiṃ katvā’’, vatiyā katāya ‘‘niddāyitvā, lāyitvā, madditvā’’ti evaṃ taṃ taṃ kammaṃ apadisantāyeva temāsaṃ vītināmesuṃ. So bhikkhu temāsaṃ ajjhokāse dukkhaṃ vasanto kammaṭṭhānaṃ vaḍḍhetvā visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi. Pavāretvā pana satthu santikaṃ gantvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Satthā tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘kiṃ bhikkhu sukhena vassaṃvutthosi, kammaṭṭhānaṃ te matthakaṃ patta’’nti pucchi. So taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘senāsanasappāyassa me abhāvena kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ na patta’’nti āha. Satthā ‘‘pubbe bhikkhu tiracchānagatāpi attano sappāyāsappāyaṃ jāniṃsu, tvaṃ kasmā na aññāsī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สกุณสงฺฆปริวุโต อรญฺญายตเน สาขาวิฎปสมฺปนฺนํ มหารุกฺขํ นิสฺสาย วสติฯ อเถกทิวสํ ตสฺส รุกฺขสฺส สาขาสุ อญฺญมญฺญํ ฆํสนฺตีสุ จุณฺณํ ปตติ, ธูโม อุฎฺฐาติฯ ตํ ทิสฺวา โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อิมา เทฺว สาขา เอวํ ฆํสมานา อคฺคิํ วิสฺสเชฺชสฺสนฺติ, โส ปติตฺวา ปุราณปณฺณานิ คณฺหิสฺสติ, ตโต ปฎฺฐาย อิมมฺปิ รุกฺขํ ฌาเปสฺสติ, น สกฺกา อิธ อเมฺหหิ วสิตุํ, อิโต ปลายิตฺวา อญฺญตฺถ คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส สกุณสงฺฆสฺส อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakuṇayoniyaṃ nibbattitvā sakuṇasaṅghaparivuto araññāyatane sākhāviṭapasampannaṃ mahārukkhaṃ nissāya vasati. Athekadivasaṃ tassa rukkhassa sākhāsu aññamaññaṃ ghaṃsantīsu cuṇṇaṃ patati, dhūmo uṭṭhāti. Taṃ disvā bodhisatto cintesi ‘‘imā dve sākhā evaṃ ghaṃsamānā aggiṃ vissajjessanti, so patitvā purāṇapaṇṇāni gaṇhissati, tato paṭṭhāya imampi rukkhaṃ jhāpessati, na sakkā idha amhehi vasituṃ, ito palāyitvā aññattha gantuṃ vaṭṭatī’’ti. So sakuṇasaṅghassa imaṃ gāthamāha –
๓๖.
36.
‘‘ยํ นิสฺสิตา ชคติรุหํ วิหงฺคมา, สฺวายํ อคฺคิํ ปมุญฺจติ;
‘‘Yaṃ nissitā jagatiruhaṃ vihaṅgamā, svāyaṃ aggiṃ pamuñcati;
ทิสา ภชถ วกฺกงฺคา, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติฯ
Disā bhajatha vakkaṅgā, jātaṃ saraṇato bhaya’’nti.
ตตฺถ ชคติรุหนฺติ ชคติ วุจฺจติ ปถวี, ตตฺถ ชาตตฺตา รุโกฺข ‘‘ชคติรุโห’’ติ วุจฺจติฯ วิหงฺคมาติ วิหํ วุจฺจติ อากาสํ, ตตฺถ คมนโต ปกฺขี ‘‘วิหงฺคมา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ทิสา ภชถาติ อิมํ รุกฺขํ มุญฺจิตฺวา อิโต ปลายนฺตา จตโสฺส ทิสา ภชถฯ วกฺกงฺคาติ สกุเณ อาลปติฯ เต หิ อุตฺตมงฺคํ คลํ กทาจิ กทาจิ วงฺกํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘วกฺกงฺคา’’ติ วุจฺจนฺติฯ วงฺกา วา เตสํ อุโภสุ ปเสฺสสุ ปกฺขา ชาตาติ วกฺกงฺคาฯ ชาตํ สรณโต ภยนฺติ อมฺหากํ อวสฺสยรุกฺขโตเยว ภยํ นิพฺพตฺตํ, เอถ อญฺญตฺถ คจฺฉามาติฯ
Tattha jagatiruhanti jagati vuccati pathavī, tattha jātattā rukkho ‘‘jagatiruho’’ti vuccati. Vihaṅgamāti vihaṃ vuccati ākāsaṃ, tattha gamanato pakkhī ‘‘vihaṅgamā’’ti vuccanti. Disā bhajathāti imaṃ rukkhaṃ muñcitvā ito palāyantā catasso disā bhajatha. Vakkaṅgāti sakuṇe ālapati. Te hi uttamaṅgaṃ galaṃ kadāci kadāci vaṅkaṃ karonti, tasmā ‘‘vakkaṅgā’’ti vuccanti. Vaṅkā vā tesaṃ ubhosu passesu pakkhā jātāti vakkaṅgā. Jātaṃ saraṇato bhayanti amhākaṃ avassayarukkhatoyeva bhayaṃ nibbattaṃ, etha aññattha gacchāmāti.
โพธิสตฺตสฺส วจนกรา ปณฺฑิตสกุณา เตน สทฺธิํ เอกปฺปหาเรเนว อุปฺปติตฺวา อญฺญตฺถ คตาฯ เย ปน อปณฺฑิตา, เต ‘‘เอวเมว เอส พินฺทุมเตฺต อุทเก กุมฺภีเล ปสฺสตี’’ติ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ตเตฺถว วสิํสุฯ ตโต น จิรเสฺสว โพธิสเตฺตน จินฺติตากาเรเนว อคฺคิ นิพฺพตฺติตฺวา ตํ รุกฺขํ อคฺคเหสิฯ ธูเมสุ จ ชาลาสุ จ อุฎฺฐิตาสุ ธูมนฺธา สกุณา อญฺญตฺถ คนฺตุํ นาสกฺขิํสุ, อคฺคิมฺหิ ปติตฺวา ปติตฺวา วินาสํ ปาปุณิํสุฯ
Bodhisattassa vacanakarā paṇḍitasakuṇā tena saddhiṃ ekappahāreneva uppatitvā aññattha gatā. Ye pana apaṇḍitā, te ‘‘evameva esa bindumatte udake kumbhīle passatī’’ti tassa vacanaṃ aggahetvā tattheva vasiṃsu. Tato na cirasseva bodhisattena cintitākāreneva aggi nibbattitvā taṃ rukkhaṃ aggahesi. Dhūmesu ca jālāsu ca uṭṭhitāsu dhūmandhā sakuṇā aññattha gantuṃ nāsakkhiṃsu, aggimhi patitvā patitvā vināsaṃ pāpuṇiṃsu.
สตฺถา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุเพฺพ ติรจฺฉานคตาปิ รุกฺขเคฺค วสนฺตา อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ชานนฺติ, ตฺวํ กสฺมา น อญฺญาสี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิฯ สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิโตฯ สตฺถาปิ อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โพธิสตฺตสฺส วจนกรา สกุณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปณฺฑิตสกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘evaṃ bhikkhu pubbe tiracchānagatāpi rukkhagge vasantā attano sappāyāsappāyaṃ jānanti, tvaṃ kasmā na aññāsī’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsesi. Saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhito. Satthāpi anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bodhisattassa vacanakarā sakuṇā buddhaparisā ahesuṃ, paṇḍitasakuṇo pana ahameva ahosi’’nti.
สกุณชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Sakuṇajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๖. สกุณชาตกํ • 36. Sakuṇajātakaṃ