Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๐๘] ๘. สกุณชาตกวณฺณนา

    [308] 8. Sakuṇajātakavaṇṇanā

    อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส อกตญฺญุตํ อารพฺภ กเถสิฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต อกตญฺญูเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Akaramhasa te kiccanti idaṃ satthā jetavane viharanto devadattassa akataññutaṃ ārabbha kathesi. ‘‘Na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto akataññūyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฎฺฎกสกุโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อเถกสฺส สีหสฺส มํสํ ขาทนฺตสฺส อฎฺฐิ คเล ลคฺคิ, คโล อุทฺธุมายิ, โคจรํ คณฺหิตุํ น สโกฺกติ, ขรา เวทนา ปวตฺตติฯ อถ นํ โส สกุโณ โคจรปฺปสุโต ทิสฺวา สาขาย นิลีโน ‘‘กิํ เต, สมฺม, ทุกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ตมตฺถํ อาจิกฺขิฯ ‘‘อหํ เต, สมฺม, เอตํ อฎฺฐิํ อปเนยฺยํ, ภเยน ปน เต มุขํ ปวิสิตุํ น วิสหามิ, ขาเทยฺยาสิปิ ม’’นฺติฯ ‘‘มา ภายิ, สมฺม, นาหํ ตํ ขาทามิ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ วามปเสฺสน นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘โก ชานาติ, กิเมฺปส กริสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ยถา มุขํ ปิทหิตุํ น สโกฺกติ, ตถา ตสฺส อธโรเฎฺฐ จ อุตฺตโรเฎฺฐ จ ทณฺฑกํ ฐเปตฺวา มุขํ ปวิสิตฺวา อฎฺฐิโกฎิํ ตุเณฺฑน ปหริ, อฎฺฐิ ปติตฺวา คตํฯ โส อฎฺฐิํ ปาเตตฺวา สีหสฺส มุขโต นิกฺขมโนฺต ทณฺฑกํ ตุเณฺฑน ปหริตฺวา ปาเตโนฺตว นิกฺขมิตฺวา สาขเคฺค นิลียิฯ สีโห นิโรโค หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ วนมหิํสํ วธิตฺวา ขาทติฯ สกุโณ ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส อุปริภาเค สาขาย นิลียิตฺวา เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese rukkhakoṭṭakasakuṇo hutvā nibbatti. Athekassa sīhassa maṃsaṃ khādantassa aṭṭhi gale laggi, galo uddhumāyi, gocaraṃ gaṇhituṃ na sakkoti, kharā vedanā pavattati. Atha naṃ so sakuṇo gocarappasuto disvā sākhāya nilīno ‘‘kiṃ te, samma, dukkha’’nti pucchi. So tamatthaṃ ācikkhi. ‘‘Ahaṃ te, samma, etaṃ aṭṭhiṃ apaneyyaṃ, bhayena pana te mukhaṃ pavisituṃ na visahāmi, khādeyyāsipi ma’’nti. ‘‘Mā bhāyi, samma, nāhaṃ taṃ khādāmi, jīvitaṃ me dehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti taṃ vāmapassena nipajjāpetvā ‘‘ko jānāti, kimpesa karissatī’’ti cintetvā yathā mukhaṃ pidahituṃ na sakkoti, tathā tassa adharoṭṭhe ca uttaroṭṭhe ca daṇḍakaṃ ṭhapetvā mukhaṃ pavisitvā aṭṭhikoṭiṃ tuṇḍena pahari, aṭṭhi patitvā gataṃ. So aṭṭhiṃ pātetvā sīhassa mukhato nikkhamanto daṇḍakaṃ tuṇḍena paharitvā pātentova nikkhamitvā sākhagge nilīyi. Sīho nirogo hutvā ekadivasaṃ ekaṃ vanamahiṃsaṃ vadhitvā khādati. Sakuṇo ‘‘vīmaṃsissāmi na’’nti tassa uparibhāge sākhāya nilīyitvā tena saddhiṃ sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๒๙.

    29.

    ‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;

    ‘‘Akaramhasa te kiccaṃ, yaṃ balaṃ ahuvamhase;

    มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิญฺจิ ลภามเส’’ติฯ

    Migarāja namo tyatthu, api kiñci labhāmase’’ti.

    ตตฺถ อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ โภ, สีห, มยมฺปิ ตว เอกํ กิจฺจํ อกริมฺหฯ ยํ พลํ อหุวมฺหเสติ ยํ อมฺหากํ พลํ อโหสิ, เตน พเลน ตโต กิญฺจิ อหาเปตฺวา อกริมฺหเยวฯ

    Tattha akaramhasa te kiccanti bho, sīha, mayampi tava ekaṃ kiccaṃ akarimha. Yaṃ balaṃ ahuvamhaseti yaṃ amhākaṃ balaṃ ahosi, tena balena tato kiñci ahāpetvā akarimhayeva.

    ตํ สุตฺวา สีโห ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā sīho dutiyaṃ gāthamāha –

    ๓๐.

    30.

    ‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;

    ‘‘Mama lohitabhakkhassa, niccaṃ luddāni kubbato;

    ทนฺตนฺตรคโต สโนฺต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติฯ

    Dantantaragato santo, taṃ bahuṃ yampi jīvasī’’ti.

    ตํ สุตฺวา สกุโณ อิตรา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā sakuṇo itarā dve gāthā abhāsi –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘อกตญฺญุมกตฺตารํ, กตสฺส อปฺปฎิการกํ;

    ‘‘Akataññumakattāraṃ, katassa appaṭikārakaṃ;

    ยสฺมิํ กตญฺญุตา นตฺถิ, นิรตฺถา ตสฺส เสวนาฯ

    Yasmiṃ kataññutā natthi, niratthā tassa sevanā.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘ยสฺส สมฺมุขจิเณฺณน, มิตฺตธโมฺม น ลพฺภติ;

    ‘‘Yassa sammukhaciṇṇena, mittadhammo na labbhati;

    อนุสูยมนโกฺกสํ, สณิกํ ตมฺหา อปกฺกเม’’นฺติฯ

    Anusūyamanakkosaṃ, saṇikaṃ tamhā apakkame’’nti.

    ตตฺถ อกตญฺญุนฺติ กตคุณํ อชานนฺตํฯ อกตฺตารนฺติ ยํกิญฺจิ อกโรนฺตํฯ สมฺมุขจิเณฺณนาติ สมฺมุเข กเตน คุเณนฯ อนุสูยมนโกฺกสนฺติ ตํ ปุคฺคลํ น อุสูยโนฺต น อโกฺกสโนฺต สณิกํ ตมฺหา ปาปปุคฺคลา อปคเจฺฉยฺยาติฯ เอวํ วตฺวา โส สกุโณ ปกฺกามิฯ

    Tattha akataññunti kataguṇaṃ ajānantaṃ. Akattāranti yaṃkiñci akarontaṃ. Sammukhaciṇṇenāti sammukhe katena guṇena. Anusūyamanakkosanti taṃ puggalaṃ na usūyanto na akkosanto saṇikaṃ tamhā pāpapuggalā apagaccheyyāti. Evaṃ vatvā so sakuṇo pakkāmi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีโห เทวทโตฺต อโหสิ, สกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sīho devadatto ahosi, sakuṇo pana ahameva ahosi’’nti.

    สกุณชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Sakuṇajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๐๘. สกุณชาตกํ • 308. Sakuṇajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact