Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā

    สลากภตฺตกถา

    Salākabhattakathā

    สลากภเตฺต ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สลากาย วา ปฎฺฎิกาย วา อุปนิพนฺธิตฺวา โอปุญฺชิตฺวา อุทฺทิสิตุ’’นฺติ วจนโต รุกฺขสารมยาย สลากาย วา เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทิมยาย ปฎฺฎิกาย วา ‘‘อสุกสฺส นาม สลากภตฺต’’นฺติ เอวํ อกฺขรานิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปจฺฉิยํ วา จีวรโภเค วา กตฺวา สพฺพา สลากาโย โอปุญฺชิตฺวา ปุนปฺปุนํ เหฎฺฐุปริวเสเนว อาโลเฬตฺวา ปญฺจงฺคสมนฺนาคเตน ภตฺตุเทฺทสเกน สเจ ฐิติกา อตฺถิ, ฐิติกโต ปฎฺฐาย; โน เจ อตฺถิ, เถราสนโต ปฎฺฐาย สลากา ทาตพฺพาฯ ปจฺฉา อาคตานมฺปิ เอกาพทฺธวเสน ทูเร ฐิตานมฺปิ อุเทฺทสภเตฺต วุตฺตนเยเนว ทาตพฺพาฯ

    Salākabhatte pana ‘‘anujānāmi, bhikkhave, salākāya vā paṭṭikāya vā upanibandhitvā opuñjitvā uddisitu’’nti vacanato rukkhasāramayāya salākāya vā veḷuvilīvatālapaṇṇādimayāya paṭṭikāya vā ‘‘asukassa nāma salākabhatta’’nti evaṃ akkharāni upanibandhitvā pacchiyaṃ vā cīvarabhoge vā katvā sabbā salākāyo opuñjitvā punappunaṃ heṭṭhuparivaseneva āloḷetvā pañcaṅgasamannāgatena bhattuddesakena sace ṭhitikā atthi, ṭhitikato paṭṭhāya; no ce atthi, therāsanato paṭṭhāya salākā dātabbā. Pacchā āgatānampi ekābaddhavasena dūre ṭhitānampi uddesabhatte vuttanayeneva dātabbā.

    สเจ วิหารสฺส สมนฺตโต พหู โคจรคามา, ภิกฺขู ปน น พหุกา, คามวเสนปิ สลากาโย ปาปุณนฺติ, ‘‘ตุมฺหากํ อสุกคาเม สลากภตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ คามวเสเนว คาเหตพฺพาฯ เอวํ คาเหเนฺตน สเจปิ เอเกกสฺมิํ คาเม นานปฺปการานิ สฎฺฐิสลากภตฺตานิ, สพฺพานิ คาหิตาเนว โหนฺติ, ตสฺส ปตฺตคามสมีเป อญฺญานิปิ เทฺว ตีณิ สลากภตฺตานิ โหนฺติ, ตานิปิ ตเสฺสว ทาตพฺพานิฯ น หิ สกฺกา เตสํ การณา อญฺญํ ภิกฺขุํ ปหิณิตุนฺติฯ

    Sace vihārassa samantato bahū gocaragāmā, bhikkhū pana na bahukā, gāmavasenapi salākāyo pāpuṇanti, ‘‘tumhākaṃ asukagāme salākabhattaṃ pāpuṇātī’’ti gāmavaseneva gāhetabbā. Evaṃ gāhentena sacepi ekekasmiṃ gāme nānappakārāni saṭṭhisalākabhattāni, sabbāni gāhitāneva honti, tassa pattagāmasamīpe aññānipi dve tīṇi salākabhattāni honti, tānipi tasseva dātabbāni. Na hi sakkā tesaṃ kāraṇā aññaṃ bhikkhuṃ pahiṇitunti.

    สเจ เอกเจฺจสุ คาเมสุ พหูนิ สลากภตฺตานิ สลฺลเกฺขตฺวา สตฺตนฺนมฺปิ อฎฺฐนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพานิฯ ททเนฺตน ปน จตุนฺนํ ปญฺจนฺนํ ภตฺตานํ สลากาโย เอกโต พนฺธิตฺวา ทาตพฺพาฯ สเจ ตํ คามํ อติกฺกมิตฺวา อโญฺญ คาโม โหติ, ตสฺมิญฺจ เอกเมว สลากภตฺตํ, ตํ ปน ปาโตว เทนฺติ, ตมฺปิ เอเตสุ ภิกฺขูสุ เอกสฺส นิคฺคเหน ทตฺวา ‘‘ปาโตว ตํ คเหตฺวา ปจฺฉา โอริมคาเม อิตรานิ ภตฺตานิ คณฺหาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ โอริมคาเม สลากภเตฺตสุ อคาหิเตเสฺวว คาหิตสญฺญาย คจฺฉติ, ปรภาคคาเม สลากภตฺตํ คาเหตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา อิตรานิ คาเหตฺวา โอริมคาโม คนฺตโพฺพฯ ‘‘น หิ พหิสีมาย สงฺฆลาโภ คาเหตุํ ลพฺภตี’’ติ อยํ นโย กุรุนฺทิยํ วุโตฺตฯ

    Sace ekaccesu gāmesu bahūni salākabhattāni sallakkhetvā sattannampi aṭṭhannampi bhikkhūnaṃ dātabbāni. Dadantena pana catunnaṃ pañcannaṃ bhattānaṃ salākāyo ekato bandhitvā dātabbā. Sace taṃ gāmaṃ atikkamitvā añño gāmo hoti, tasmiñca ekameva salākabhattaṃ, taṃ pana pātova denti, tampi etesu bhikkhūsu ekassa niggahena datvā ‘‘pātova taṃ gahetvā pacchā orimagāme itarāni bhattāni gaṇhāhī’’ti vattabbo. Sace orimagāme salākabhattesu agāhitesveva gāhitasaññāya gacchati, parabhāgagāme salākabhattaṃ gāhetvā puna vihāraṃ āgantvā itarāni gāhetvā orimagāmo gantabbo. ‘‘Na hi bahisīmāya saṅghalābho gāhetuṃ labbhatī’’ti ayaṃ nayo kurundiyaṃ vutto.

    สเจ ปน ภิกฺขู พหู โหนฺติ, คามวเสน สลากา น ปาปุณนฺติ, วีถิวเสน วา วีถิยํ เอกเคหวเสน วา กุลวเสน วา คาเหตพฺพาฯ วีถิอาทีสุ จ ยตฺถ พหูนิ ภตฺตานิ, ตตฺถ คาเม วุตฺตนเยเนว พหูนํ ภิกฺขูนํ คาเหตพฺพานิฯ สลากาสุ อสติ อุทฺทิสิตฺวาปิ คาเหตพฺพานิฯ

    Sace pana bhikkhū bahū honti, gāmavasena salākā na pāpuṇanti, vīthivasena vā vīthiyaṃ ekagehavasena vā kulavasena vā gāhetabbā. Vīthiādīsu ca yattha bahūni bhattāni, tattha gāme vuttanayeneva bahūnaṃ bhikkhūnaṃ gāhetabbāni. Salākāsu asati uddisitvāpi gāhetabbāni.

    สลากทายเกน ปน วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ เตน หิ กาลเสฺสว วุฎฺฐาย ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โภชนสาลํ คนฺตฺวา อสมฺมฎฺฐฎฺฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตฺวา ‘‘อิทานิ ภิกฺขูหิ วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ กาลํ สลฺลเกฺขตฺวา ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา ภิกฺขูสุ สนฺนิปติเตสุ ปฐมเมว วารคาเม สลากภตฺตํ คาเหตพฺพํฯ ‘‘ตุยฺหํ อสุกสฺมิํ นาม วารคาเม สลากา ปาปุณาติ ตตฺร คจฺฉา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Salākadāyakena pana vattaṃ jānitabbaṃ. Tena hi kālasseva vuṭṭhāya pattacīvaraṃ gahetvā bhojanasālaṃ gantvā asammaṭṭhaṭṭhānaṃ sammajjitvā pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetvā ‘‘idāni bhikkhūhi vattaṃ kataṃ bhavissatī’’ti kālaṃ sallakkhetvā ghaṇṭiṃ paharitvā bhikkhūsu sannipatitesu paṭhamameva vāragāme salākabhattaṃ gāhetabbaṃ. ‘‘Tuyhaṃ asukasmiṃ nāma vāragāme salākā pāpuṇāti tatra gacchā’’ti vattabbaṃ.

    สเจ อติเรกคาวุเต คาโม โหติ, ตํ ทิวสํ คจฺฉนฺตา กิลมนฺติ, ‘‘เสฺว ตุยฺหํ วารคาเม ปาปุณาตี’’ติ อเชฺชว คาเหตพฺพํฯ โย วารคามํ เปสิยมาโน น คจฺฉติ, อญฺญํ สลากํ มคฺคติ, น ทาตพฺพาฯ สทฺธานญฺหิ มนุสฺสานํ ปุญฺญหานิ สงฺฆสฺส จ ลาภเจฺฉโท โหติ, ตสฺมา ตสฺส ทุติเยปิ ตติเยปิ ทิวเส อญฺญา สลากา น ทาตพฺพา, ‘‘อตฺตโน ปตฺตฎฺฐานํ คนฺตฺวา ภุญฺชาหี’’ติ วตฺตโพฺพ, ตีณิ ปน ทิวสานิ อคจฺฉนฺตสฺส วารคามโต โอริมวารคาเม สลากา คาเหตพฺพาฯ ตเญฺจ น คณฺหาติ, ตโต ปฎฺฐาย ตสฺส อญฺญํ สลากํ ทาตุํ น วฎฺฎติ, ทณฺฑกมฺมํ ปน คาฬฺหํ กาตพฺพํ, สฎฺฐิโต วา ปณฺณาสโต วา น ปริหาเปตพฺพํฯ วารคาเม คาเหตฺวา วิหารวาโร คาเหตโพฺพ, ‘‘ตุยฺหํ วิหารวาโร ปาปุณาตี’’ติ วตฺตพฺพํฯ วิหารวาริกสฺส เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากาโย ติโสฺส จตโสฺส วา ภตฺตสลากาโย จ ทาตพฺพา, นิพทฺธํ กตฺวา ปน น ทาตพฺพาฯ ยาคุภตฺตทายกา หิ ‘‘อมฺหากํ ยาคุภตฺตํ วิหารโคปกาว ภุญฺชนฺตี’’ติ อญฺญถตฺตํ อาปเชฺชยฺยุํ, ตสฺมา อเญฺญสุ กุเลสุ ทาตพฺพาฯ

    Sace atirekagāvute gāmo hoti, taṃ divasaṃ gacchantā kilamanti, ‘‘sve tuyhaṃ vāragāme pāpuṇātī’’ti ajjeva gāhetabbaṃ. Yo vāragāmaṃ pesiyamāno na gacchati, aññaṃ salākaṃ maggati, na dātabbā. Saddhānañhi manussānaṃ puññahāni saṅghassa ca lābhacchedo hoti, tasmā tassa dutiyepi tatiyepi divase aññā salākā na dātabbā, ‘‘attano pattaṭṭhānaṃ gantvā bhuñjāhī’’ti vattabbo, tīṇi pana divasāni agacchantassa vāragāmato orimavāragāme salākā gāhetabbā. Tañce na gaṇhāti, tato paṭṭhāya tassa aññaṃ salākaṃ dātuṃ na vaṭṭati, daṇḍakammaṃ pana gāḷhaṃ kātabbaṃ, saṭṭhito vā paṇṇāsato vā na parihāpetabbaṃ. Vāragāme gāhetvā vihāravāro gāhetabbo, ‘‘tuyhaṃ vihāravāro pāpuṇātī’’ti vattabbaṃ. Vihāravārikassa dve tisso yāgusalākāyo tisso catasso vā bhattasalākāyo ca dātabbā, nibaddhaṃ katvā pana na dātabbā. Yāgubhattadāyakā hi ‘‘amhākaṃ yāgubhattaṃ vihāragopakāva bhuñjantī’’ti aññathattaṃ āpajjeyyuṃ, tasmā aññesu kulesu dātabbā.

    สเจ วิหารวาริกานํ สภาคา อาหริตฺวา เทนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ, วารํ คาเหตฺวา เตสํ ยาคุภตฺตํ อาหราเปตพฺพํฯ ตาว เนสํ สลากา ผาติกมฺมเมว ภวนฺติ, วสฺสเคฺคน ปตฺตฎฺฐาเน ปน อญฺญมฺปิ ปณีตภตฺตสลากํ คณฺหิตุํ ลภนฺติเยวฯ อติเรกอุตฺตริภงฺคสฺส เอกจาริกภตฺตสฺส วิสุํ ฐิติกํ กตฺวา สลากา ทาตพฺพาฯ

    Sace vihāravārikānaṃ sabhāgā āharitvā denti, iccetaṃ kusalaṃ; no ce, vāraṃ gāhetvā tesaṃ yāgubhattaṃ āharāpetabbaṃ. Tāva nesaṃ salākā phātikammameva bhavanti, vassaggena pattaṭṭhāne pana aññampi paṇītabhattasalākaṃ gaṇhituṃ labhantiyeva. Atirekauttaribhaṅgassa ekacārikabhattassa visuṃ ṭhitikaṃ katvā salākā dātabbā.

    สเจ เยน สลากา ลทฺธา, โส ตํทิวสํ ตํ ภตฺตํ น ลภติ, ปุนทิวเส คาเหตพฺพํฯ ภตฺตเมว ลภติ, น อุตฺตริภงฺคํ; เอวมฺปิ ปุน คาเหตพฺพํฯ ขีรภตฺตสฺส สลากายปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ขีรเมว ลภติ, น ภตฺตํ; ขีรลาภโต ปฎฺฐาย ปุน น คาเหตพฺพํฯ เทฺว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เอกเสฺสว ปาปุณนฺติ, ทุพฺภิกฺขสมเย สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล วิชเฎตฺวา วิสุํ คาเหตพฺพานิ, ปากติกสลากภตฺตํ อลทฺธสฺสาปิ ปุนทิวเส คาเหตพฺพํฯ

    Sace yena salākā laddhā, so taṃdivasaṃ taṃ bhattaṃ na labhati, punadivase gāhetabbaṃ. Bhattameva labhati, na uttaribhaṅgaṃ; evampi puna gāhetabbaṃ. Khīrabhattassa salākāyapi eseva nayo. Sace pana khīrameva labhati, na bhattaṃ; khīralābhato paṭṭhāya puna na gāhetabbaṃ. Dve tīṇi ekacārikabhattāni ekasseva pāpuṇanti, dubbhikkhasamaye saṅghanavakena laddhakāle vijaṭetvā visuṃ gāhetabbāni, pākatikasalākabhattaṃ aladdhassāpi punadivase gāhetabbaṃ.

    สเจ ขุทฺทโก วิหาโร โหติ, สเพฺพ ภิกฺขู เอกสโมฺภคา, อุจฺฉุสลากํ คาเหเนฺตน ยสฺส กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวา มหาเถราทีนํ ทิวา ตเจฺฉตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ รสสลากํ ปาเปตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปริสฺสาเวตฺวา วา ผาณิตํ วา กาเรตฺวา ปิณฺฑปาติกาทีนมฺปิ ทาตพฺพํ ฯ อาคนฺตุกานํ อาคตานาคตภาวํ ญตฺวา คาเหตพฺพา, มหาอาวาเส ฐิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพาฯ

    Sace khuddako vihāro hoti, sabbe bhikkhū ekasambhogā, ucchusalākaṃ gāhentena yassa kassaci sammukhībhūtassa pāpetvā mahātherādīnaṃ divā tacchetvā dātuṃ vaṭṭati. Rasasalākaṃ pāpetvā pacchābhattaṃ parissāvetvā vā phāṇitaṃ vā kāretvā piṇḍapātikādīnampi dātabbaṃ . Āgantukānaṃ āgatānāgatabhāvaṃ ñatvā gāhetabbā, mahāāvāse ṭhitikaṃ katvā gāhetabbā.

    ตกฺกสลากมฺปิ สภาคฎฺฐาเน ปาเปตฺวา วา ปจาเปตฺวา วา ธูมาเปตฺวา วา เถรานํ ทาตุํ วฎฺฎติฯ มหาอาวาเส วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํ ผลสลากปูวสลากเภสชฺชคนฺธมาลสลากาโยปิ วิสุํ ฐิติกาย คาเหตพฺพาฯ เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิญฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฎฺฎนฺติ, สลากวเสน คาหิตตฺตา ปน น สาทิตพฺพาฯ อคฺคภิกฺขามตฺตํ สลากภตฺตํ เทนฺติ, ฐิติกํ ปุจฺฉิตฺวา คาเหตพฺพํฯ อสติยา ฐิติกาย เถราสนโต ปฎฺฐาย คาเหตพฺพํฯ สเจ ตาทิสานิ ภตฺตานิ พหูนิ โหนฺติ, เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เทฺว ตีณิ ทาตพฺพานิ; โน เจ, เอเกกเมว ทตฺวา ปฎิปาฎิยา คตาย ปุน เถราสนโต ปฎฺฐาย ทาตพฺพํฯ สเจ อนฺตราว อุปจฺฉิชฺชติ, ฐิติกา สลฺลเกฺขตพฺพาฯ ยทิ ปน ตาทิสํ ภตฺตํ นิพทฺธเมว โหติ, ยสฺส ปาปุณาติ, โส วตฺตโพฺพ ‘‘ลทฺธา วา อลทฺธา วา เสฺวปิ คเณฺหยฺยาสี’’ติฯ เอกํ อนิพทฺธํ โหติ, ลภนทิวเส ปน ยาวทตฺถํ ลภติ, อลภนทิวสา พหุตรา โหนฺติ, ตํ ยสฺส ปาปุณาติ, โส อลภิตฺวา ‘‘เสฺว คเณฺหยฺยาสี’’ติ วตฺตโพฺพฯ

    Takkasalākampi sabhāgaṭṭhāne pāpetvā vā pacāpetvā vā dhūmāpetvā vā therānaṃ dātuṃ vaṭṭati. Mahāāvāse vuttanayeneva paṭipajjitabbaṃ phalasalākapūvasalākabhesajjagandhamālasalākāyopi visuṃ ṭhitikāya gāhetabbā. Bhesajjādisalākāyo cettha kiñcāpi piṇḍapātikānampi vaṭṭanti, salākavasena gāhitattā pana na sāditabbā. Aggabhikkhāmattaṃ salākabhattaṃ denti, ṭhitikaṃ pucchitvā gāhetabbaṃ. Asatiyā ṭhitikāya therāsanato paṭṭhāya gāhetabbaṃ. Sace tādisāni bhattāni bahūni honti, ekekassa bhikkhuno dve tīṇi dātabbāni; no ce, ekekameva datvā paṭipāṭiyā gatāya puna therāsanato paṭṭhāya dātabbaṃ. Sace antarāva upacchijjati, ṭhitikā sallakkhetabbā. Yadi pana tādisaṃ bhattaṃ nibaddhameva hoti, yassa pāpuṇāti, so vattabbo ‘‘laddhā vā aladdhā vā svepi gaṇheyyāsī’’ti. Ekaṃ anibaddhaṃ hoti, labhanadivase pana yāvadatthaṃ labhati, alabhanadivasā bahutarā honti, taṃ yassa pāpuṇāti, so alabhitvā ‘‘sve gaṇheyyāsī’’ti vattabbo.

    โย สลากาสุ คาหิตาสุ ปจฺฉา อาคจฺฉติ, ตสฺส อติกฺกนฺตาว สลากา น อุปฎฺฐาเปตฺวา ทาตพฺพาฯ สลากํ นาม ฆณฺฎิปฺปหรณโต ปฎฺฐาย อาคนฺตฺวา หตฺถํ ปสาเรโนฺตว ลภติฯ อญฺญสฺส อาคนฺตฺวา สมีเป ฐิตสฺสาปิ อติกฺกนฺตา อติกฺกนฺตาว โหติฯ สเจ ปนสฺส อโญฺญ คณฺหโนฺต อตฺถิ, สยํ อนาคโตปิ ลภติฯ สภาคฎฺฐาเน อสุโก อนาคโตติ ญตฺวา ‘‘อยํ ตสฺส สลากา’’ติ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ‘‘อนาคตสฺส น ทาตพฺพา’’ติ กติกํ กโรนฺติ, อธมฺมิกา โหติฯ อโนฺตอุปจาเร ฐิตสฺส หิ ภาชนียภณฺฑํ ปาปุณาติฯ สเจ ปน ‘‘อนาคตสฺส เทถา’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ, ทณฺฑกมฺมํ ฐเปตพฺพํ, ‘‘อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Yo salākāsu gāhitāsu pacchā āgacchati, tassa atikkantāva salākā na upaṭṭhāpetvā dātabbā. Salākaṃ nāma ghaṇṭippaharaṇato paṭṭhāya āgantvā hatthaṃ pasārentova labhati. Aññassa āgantvā samīpe ṭhitassāpi atikkantā atikkantāva hoti. Sace panassa añño gaṇhanto atthi, sayaṃ anāgatopi labhati. Sabhāgaṭṭhāne asuko anāgatoti ñatvā ‘‘ayaṃ tassa salākā’’ti ṭhapetuṃ vaṭṭati. Sace ‘‘anāgatassa na dātabbā’’ti katikaṃ karonti, adhammikā hoti. Antoupacāre ṭhitassa hi bhājanīyabhaṇḍaṃ pāpuṇāti. Sace pana ‘‘anāgatassa dethā’’ti mahāsaddaṃ karonti, daṇḍakammaṃ ṭhapetabbaṃ, ‘‘āgantvā gaṇhantū’’ti vattabbaṃ.

    ฉปฺปญฺจสลากา นฎฺฐา โหนฺติ, ภตฺตุเทฺทสโก ทายกานํ นามํ นสฺสรติ, โส เจ นฎฺฐสลากา มหาเถรสฺส วา อตฺตโน วา ปาเปตฺวา ภิกฺขู วเทยฺย, ‘‘มยา อสุกคาเม สลากภตฺตํ มยฺหํ ปาปิตํ, ตุเมฺห ตตฺถ ลทฺธํ สลากภตฺตํ ภุเญฺชยฺยาถา’’ติ, วฎฺฎติฯ วิหาเร อปาปิตํ ปน อาสนสาลาย ตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา ตเตฺถว ปาเปตฺวา ภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย มยฺหํ สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ตตฺร อาสนสาลาย คาเหตุํ น วฎฺฎติ, วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพํฯ ‘‘เสฺว ปฎฺฐายา’’ติ วุเตฺต ปน ภตฺตุเทฺทสกสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ ‘‘เสฺว ปฎฺฐาย อสุกกุลํ นาม สลากภตฺตํ เทติ, สลากคฺคาหณกาเล สเรยฺยาสี’’ติฯ ทุพฺภิเกฺข สลากภตฺตํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สุภิเกฺข ชาเต กิญฺจิ ทิสฺวา ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย อมฺหากํ สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปุน ปฎฺฐเปนฺติ, อโนฺตคาเม อคาเหตฺวา วิหารํ อาเนตฺวาว คาเหตพฺพํฯ อิทญฺหิ ‘‘สลากภตฺตํ’’ นามฯ อุเทฺทสภตฺตสทิสํ น โหติ, วิหารเมว สนฺธาย ทิยฺยติ, ตสฺมา พหิอุปจาเร คาเหตุํ น วฎฺฎติฯ ‘‘เสฺว ปฎฺฐายา’’ติ วุเตฺต ปน วิหาเร คาเหตพฺพเมวฯ

    Chappañcasalākā naṭṭhā honti, bhattuddesako dāyakānaṃ nāmaṃ nassarati, so ce naṭṭhasalākā mahātherassa vā attano vā pāpetvā bhikkhū vadeyya, ‘‘mayā asukagāme salākabhattaṃ mayhaṃ pāpitaṃ, tumhe tattha laddhaṃ salākabhattaṃ bhuñjeyyāthā’’ti, vaṭṭati. Vihāre apāpitaṃ pana āsanasālāya taṃ bhattaṃ labhitvā tattheva pāpetvā bhuñjituṃ na vaṭṭati. ‘‘Ajja paṭṭhāya mayhaṃ salākabhattaṃ gaṇhathā’’ti vutte tatra āsanasālāya gāhetuṃ na vaṭṭati, vihāraṃ ānetvā gāhetabbaṃ. ‘‘Sve paṭṭhāyā’’ti vutte pana bhattuddesakassa ācikkhitabbaṃ ‘‘sve paṭṭhāya asukakulaṃ nāma salākabhattaṃ deti, salākaggāhaṇakāle sareyyāsī’’ti. Dubbhikkhe salākabhattaṃ pacchinditvā subhikkhe jāte kiñci disvā ‘‘ajja paṭṭhāya amhākaṃ salākabhattaṃ gaṇhathā’’ti puna paṭṭhapenti, antogāme agāhetvā vihāraṃ ānetvāva gāhetabbaṃ. Idañhi ‘‘salākabhattaṃ’’ nāma. Uddesabhattasadisaṃ na hoti, vihārameva sandhāya diyyati, tasmā bahiupacāre gāhetuṃ na vaṭṭati. ‘‘Sve paṭṭhāyā’’ti vutte pana vihāre gāhetabbameva.

    คมิโก ภิกฺขุ ยํ ทิสาภาคํ คนฺตุกาโม, ตตฺถ อเญฺญน วารคามสลากา ลทฺธา โหติ, ตํ คเหตฺวา อิตรํ ภิกฺขุํ ‘‘มยฺหํ ปตฺตสลากํ ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เตน ปน อุปจารสีมํ อนติกฺกเนฺตเยว ตสฺมิํ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพาฯ

    Gamiko bhikkhu yaṃ disābhāgaṃ gantukāmo, tattha aññena vāragāmasalākā laddhā hoti, taṃ gahetvā itaraṃ bhikkhuṃ ‘‘mayhaṃ pattasalākaṃ tvaṃ gaṇhāhī’’ti vatvā gantuṃ vaṭṭati. Tena pana upacārasīmaṃ anatikkanteyeva tasmiṃ tassa salākā gāhetabbā.

    ฉฑฺฑิตวิหาเร มนุสฺสา โพธิเจติยาทีนิ ชคฺคิตฺวา ภุญฺชนฺตูติ สลากภตฺตํ ปฎฺฐเปนฺติ, ภิกฺขู สกฎฺฐาเนสุ วสิตฺวา กาลเสฺสว คนฺตฺวา ตตฺถ วตฺตํ กริตฺวา ตํ ภตฺตํ ภุญฺชนฺติ, วฎฺฎติฯ สเจ เตสุ สฺวาตนาย อตฺตโน ปาเปตฺวา คเตสุ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ ฉฑฺฑิตวิหาเร วสิตฺวา กาลเสฺสว วตฺตํ กตฺวา ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา สลากภตฺตํ อตฺตโน ปาเปตฺวา อาสนสาลํ คจฺฉติ, โสว ตสฺส ภตฺตสฺส อิสฺสโรฯ โย ปน ภิกฺขูสุ วตฺตํ กโรเนฺตสุเยว ภูมิยํ เทฺว ตโย สมฺมุญฺชนิปฺปหาเร ทตฺวา ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา ‘‘ธุรคาเม สลากภตฺตํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คจฺฉติ, ตสฺส ตํ โจริกาย คหิตตฺตา น ปาปุณาติ, วตฺตํ กตฺวา ปาเปตฺวา ปจฺฉา คตภิกฺขูนํเยว โหติฯ

    Chaḍḍitavihāre manussā bodhicetiyādīni jaggitvā bhuñjantūti salākabhattaṃ paṭṭhapenti, bhikkhū sakaṭṭhānesu vasitvā kālasseva gantvā tattha vattaṃ karitvā taṃ bhattaṃ bhuñjanti, vaṭṭati. Sace tesu svātanāya attano pāpetvā gatesu āgantuko bhikkhu chaḍḍitavihāre vasitvā kālasseva vattaṃ katvā ghaṇṭiṃ paharitvā salākabhattaṃ attano pāpetvā āsanasālaṃ gacchati, sova tassa bhattassa issaro. Yo pana bhikkhūsu vattaṃ karontesuyeva bhūmiyaṃ dve tayo sammuñjanippahāre datvā ghaṇṭiṃ paharitvā ‘‘dhuragāme salākabhattaṃ mayhaṃ pāpuṇātī’’ti gacchati, tassa taṃ corikāya gahitattā na pāpuṇāti, vattaṃ katvā pāpetvā pacchā gatabhikkhūnaṃyeva hoti.

    เอโก คาโม อติทูเร โหติ, ภิกฺขู นิจฺจํ คนฺตุํ น อิจฺฉนฺติ, มนุสฺสา ‘‘มยํ ปุเญฺญน ปริพาหิรา โหมา’’ติ วทนฺติ, เย ตสฺส คามสฺส อาสนฺนวิหาเร สภาคภิกฺขู, เต วตฺตพฺพา ‘‘อิเมสํ ภิกฺขูนํ อนาคตทิวเส ตุเมฺห ภุญฺชถา’’ติฯ สลากา ปน เทวสิกํ ปาเปตพฺพา, ตา จ โข ปน ฆณฺฎิปฺปหรณมเตฺตน วา ปจฺฉิจาลนมเตฺตน วา ปาปิตา น โหนฺติ, ปจฺฉิํ ปน คเหตฺวา สลากา ปีฐเก อากิริตพฺพา, ปจฺฉิ ปน มุขวฎฺฎิยํ น คเหตพฺพาฯ สเจ หิ ตตฺถ อหิ วา วิจฺฉิโก วา ภเวยฺย, ทุกฺขํ อุปฺปาเทยฺย; ตสฺมา เหฎฺฐา คเหตฺวา ปจฺฉิํ ปรมฺมุขํ กตฺวา สลากา อากิริตพฺพา ‘‘สเจปิ สโปฺป ภวิสฺสติ, เอโตฺตว ปลายิสฺสตี’’ติฯ เอวํ สลากา อากิริตฺวา คามาทิวเสน ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว คาเหตพฺพาฯ อปิจ เอกํ มหาเถรสฺส ปาเปตฺวา ‘‘อวเสสา มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ อตฺตโน ปาเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา เจติยํ วนฺทิตฺวา วิตกฺกมาฬเก ฐิเตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘ปาปิตา, อาวุโส, สลากา’’ติ วุเตฺต ‘‘อาม, ภเนฺต, ตุเมฺห คตคตคาเม สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตพฺพํ; เอวํ ปาปิตาปิ หิ สุปาปิตาว โหนฺติฯ

    Eko gāmo atidūre hoti, bhikkhū niccaṃ gantuṃ na icchanti, manussā ‘‘mayaṃ puññena paribāhirā homā’’ti vadanti, ye tassa gāmassa āsannavihāre sabhāgabhikkhū, te vattabbā ‘‘imesaṃ bhikkhūnaṃ anāgatadivase tumhe bhuñjathā’’ti. Salākā pana devasikaṃ pāpetabbā, tā ca kho pana ghaṇṭippaharaṇamattena vā pacchicālanamattena vā pāpitā na honti, pacchiṃ pana gahetvā salākā pīṭhake ākiritabbā, pacchi pana mukhavaṭṭiyaṃ na gahetabbā. Sace hi tattha ahi vā vicchiko vā bhaveyya, dukkhaṃ uppādeyya; tasmā heṭṭhā gahetvā pacchiṃ parammukhaṃ katvā salākā ākiritabbā ‘‘sacepi sappo bhavissati, ettova palāyissatī’’ti. Evaṃ salākā ākiritvā gāmādivasena pubbe vuttanayeneva gāhetabbā. Apica ekaṃ mahātherassa pāpetvā ‘‘avasesā mayhaṃ pāpuṇantī’’ti attano pāpetvā vattaṃ katvā cetiyaṃ vanditvā vitakkamāḷake ṭhitehi bhikkhūhi ‘‘pāpitā, āvuso, salākā’’ti vutte ‘‘āma, bhante, tumhe gatagatagāme salākabhattaṃ gaṇhathā’’ti vattabbaṃ; evaṃ pāpitāpi hi supāpitāva honti.

    ภิกฺขู สพฺพรตฺติํ ธมฺมสวนตฺถํ อญฺญํ วิหารํ คจฺฉนฺตา ‘‘มยํ ตตฺถ ทานํ อคฺคเหตฺวาว อมฺหากํ โคจรคาเมว ปิณฺฑาย จริตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ สลากา อคฺคเหตฺวาว คตา, วิหาเร เถรสฺส ปตฺตสลากภตฺตํ ภุญฺชิตุํ อาคจฺฉนฺติ, วฎฺฎติฯ อถ มหาเถโรปิ ‘‘อหํ อิธ กิํ กโรมี’’ติ เตหิเยว สทฺธิํ คจฺฉติ, เตหิ คตวิหาเร อภุญฺชิตฺวาว โคจรคามํ อนุปฺปเตฺตหิ ‘‘เทถ, ภเนฺต, ปเตฺต สลากยาคุอาทีนิ อาหริสฺสามา’’ติ วุเตฺต ปตฺตา น ทาตพฺพาฯ ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น เทถา’’ติ ‘‘วิหารฎฺฐกํ ภตฺตํ วิหาเร วุตฺถานํ ปาปุณาติ, มยํ อญฺญสฺมิํ วิหาเร วุตฺถา’’ติฯ ‘‘เทถ, ภเนฺต, น มยํ วิหาเร ปาลิกาย เทม, ตุมฺหากํ เทม, คณฺหถ อมฺหากํ ภิกฺข’’นฺติ วุเตฺต ปน วฎฺฎติฯ

    Bhikkhū sabbarattiṃ dhammasavanatthaṃ aññaṃ vihāraṃ gacchantā ‘‘mayaṃ tattha dānaṃ aggahetvāva amhākaṃ gocaragāmeva piṇḍāya caritvā āgamissāmā’’ti salākā aggahetvāva gatā, vihāre therassa pattasalākabhattaṃ bhuñjituṃ āgacchanti, vaṭṭati. Atha mahātheropi ‘‘ahaṃ idha kiṃ karomī’’ti tehiyeva saddhiṃ gacchati, tehi gatavihāre abhuñjitvāva gocaragāmaṃ anuppattehi ‘‘detha, bhante, patte salākayāguādīni āharissāmā’’ti vutte pattā na dātabbā. ‘‘Kasmā, bhante, na dethā’’ti ‘‘vihāraṭṭhakaṃ bhattaṃ vihāre vutthānaṃ pāpuṇāti, mayaṃ aññasmiṃ vihāre vutthā’’ti. ‘‘Detha, bhante, na mayaṃ vihāre pālikāya dema, tumhākaṃ dema, gaṇhatha amhākaṃ bhikkha’’nti vutte pana vaṭṭati.

    สลากภตฺตกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Salākabhattakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact