Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ
7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttaṃ
๓๐๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สฬายตนวิภงฺคํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
304. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘saḷāyatanavibhaṅgaṃ vo, bhikkhave, desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานิ, ฉ พาหิรานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานิ, ฉ วิญฺญาณกายา เวทิตพฺพา, ฉ ผสฺสกายา เวทิตพฺพา, อฎฺฐารส มโนปวิจารา เวทิตพฺพา, ฉตฺติํส สตฺตปทา เวทิตพฺพา, ตตฺร อิทํ นิสฺสาย อิทํ ปชหถ, ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย เสวติ ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหติ, โส วุจฺจติ โยคฺคาจริยานํ 1 อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’ติ – อยมุเทฺทโส สฬายตนวิภงฺคสฺสฯ
‘‘‘Cha ajjhattikāni āyatanāni veditabbāni, cha bāhirāni āyatanāni veditabbāni, cha viññāṇakāyā veditabbā, cha phassakāyā veditabbā, aṭṭhārasa manopavicārā veditabbā, chattiṃsa sattapadā veditabbā, tatra idaṃ nissāya idaṃ pajahatha, tayo satipaṭṭhānā yadariyo sevati yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahati, so vuccati yoggācariyānaṃ 2 anuttaro purisadammasārathī’ti – ayamuddeso saḷāyatanavibhaṅgassa.
๓๐๕. ‘‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ‘จกฺขายตนํ โสตายตนํ ฆานายตนํ ชิวฺหายตนํ กายายตนํ มนายตนํ – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
305. ‘‘‘Cha ajjhattikāni āyatanāni veditabbānī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? ‘Cakkhāyatanaṃ sotāyatanaṃ ghānāyatanaṃ jivhāyatanaṃ kāyāyatanaṃ manāyatanaṃ – cha ajjhattikāni āyatanāni veditabbānī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ฉ พาหิรานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ‘รูปายตนํ สทฺทายตนํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฎฺฐพฺพายตนํ ธมฺมายตนํ – ฉ พาหิรานิ อายตนานิ เวทิตพฺพานี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Cha bāhirāni āyatanāni veditabbānī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ . Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? ‘Rūpāyatanaṃ saddāyatanaṃ gandhāyatanaṃ rasāyatanaṃ phoṭṭhabbāyatanaṃ dhammāyatanaṃ – cha bāhirāni āyatanāni veditabbānī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ฉ วิญฺญาณกายา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ‘จกฺขุวิญฺญาณํ โสตวิญฺญาณํ ฆานวิญฺญาณํ ชิวฺหาวิญฺญาณํ กายวิญฺญาณํ มโนวิญฺญาณํ – ฉ วิญฺญาณกายา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Cha viññāṇakāyā veditabbā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? ‘Cakkhuviññāṇaṃ sotaviññāṇaṃ ghānaviññāṇaṃ jivhāviññāṇaṃ kāyaviññāṇaṃ manoviññāṇaṃ – cha viññāṇakāyā veditabbā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ฉ ผสฺสกายา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ‘จกฺขุสมฺผโสฺส โสตสมฺผโสฺส ฆานสมฺผโสฺส ชิวฺหาสมฺผโสฺส กายสมฺผโสฺส มโนสมฺผโสฺส – ฉ ผสฺสกายา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Cha phassakāyā veditabbā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? ‘Cakkhusamphasso sotasamphasso ghānasamphasso jivhāsamphasso kāyasamphasso manosamphasso – cha phassakāyā veditabbā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘อฎฺฐารส มโนปวิจารา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฎฺฐานียํ รูปํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฎฺฐานียํ รูปํ อุปวิจรติ, อุเปกฺขาฎฺฐานียํ รูปํ อุปวิจรติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย โสมนสฺสฎฺฐานียํ ธมฺมํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฎฺฐานียํ ธมฺมํ อุปวิจรติ, อุเปกฺขาฎฺฐานียํ ธมฺมํ อุปวิจรติฯ อิติ ฉ โสมนสฺสูปวิจารา, ฉ โทมนสฺสูปวิจารา, ฉ อุเปกฺขูปวิจารา, อฎฺฐารส มโนปวิจารา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Aṭṭhārasa manopavicārā veditabbā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? ‘Cakkhunā rūpaṃ disvā somanassaṭṭhānīyaṃ rūpaṃ upavicarati, domanassaṭṭhānīyaṃ rūpaṃ upavicarati, upekkhāṭṭhānīyaṃ rūpaṃ upavicarati. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya somanassaṭṭhānīyaṃ dhammaṃ upavicarati, domanassaṭṭhānīyaṃ dhammaṃ upavicarati, upekkhāṭṭhānīyaṃ dhammaṃ upavicarati. Iti cha somanassūpavicārā, cha domanassūpavicārā, cha upekkhūpavicārā, aṭṭhārasa manopavicārā veditabbā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๐๖. ‘‘‘ฉตฺติํส สตฺตปทา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ฉ เคหสิตานิ 3 โสมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ 4 โสมนสฺสานิ, ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เคหสิตา อุเปกฺขา, ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาฯ ตตฺถ กตมานิ ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานิ? จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ ปฎิลาภํ วา ปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุเพฺพ วา ปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โสมนสฺสํฯ โสตวิเญฺญยฺยานํ สทฺทานํ… ฆานวิเญฺญยฺยานํ คนฺธานํ… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยานํ รสานํ… กายวิเญฺญยฺยานํ โผฎฺฐพฺพานํ… มโนวิเญฺญยฺยานํ ธมฺมานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ…เป.… โสมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โสมนสฺสํฯ อิมานิ ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานิฯ
306. ‘‘‘Chattiṃsa sattapadā veditabbā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Cha gehasitāni 5 somanassāni, cha nekkhammasitāni 6 somanassāni, cha gehasitāni domanassāni, cha nekkhammasitāni domanassāni, cha gehasitā upekkhā, cha nekkhammasitā upekkhā. Tattha katamāni cha gehasitāni somanassāni? Cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ paṭilābhaṃ vā paṭilābhato samanupassato pubbe vā paṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati somanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati gehasitaṃ somanassaṃ. Sotaviññeyyānaṃ saddānaṃ… ghānaviññeyyānaṃ gandhānaṃ… jivhāviññeyyānaṃ rasānaṃ… kāyaviññeyyānaṃ phoṭṭhabbānaṃ… manoviññeyyānaṃ dhammānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ…pe… somanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati gehasitaṃ somanassaṃ. Imāni cha gehasitāni somanassāni.
‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ? รูปานํเตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ 7, ‘ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสํฯ สทฺทานํเตฺวว… คนฺธานํเตฺวว… รสานํเตฺวว… โผฎฺฐพฺพานํเตฺวว… ธมฺมานํเตฺว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ, ‘ปุเพฺพ เจว ธมฺมา เอตรหิ จ สเพฺพ เต ธมฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสํฯ อิมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิฯ
‘‘Tattha katamāni cha nekkhammasitāni somanassāni? Rūpānaṃtveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ 8, ‘pubbe ceva rūpā etarahi ca sabbe te rūpā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati somanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ somanassaṃ. Saddānaṃtveva… gandhānaṃtveva… rasānaṃtveva… phoṭṭhabbānaṃtveva… dhammānaṃtve aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ, ‘pubbe ceva dhammā etarahi ca sabbe te dhammā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati somanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ somanassaṃ. Imāni cha nekkhammasitāni somanassāni.
๓๐๗. ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิ? จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ…เป.… โสตวิเญฺญยฺยานํ สทฺทานํ… ฆานวิเญฺญยฺยานํ คนฺธานํ… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยานํ รสานํ… กายวิเญฺญยฺยานํ โผฎฺฐพฺพานํ… มโนวิเญฺญยฺยานํ ธมฺมานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ อปฺปฎิลาภํ วา อปฺปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุเพฺพ วา อปฺปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โทมนสฺสํฯ อิมานิ ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิฯ
307. ‘‘Tattha katamāni cha gehasitāni domanassāni? Cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ…pe… sotaviññeyyānaṃ saddānaṃ… ghānaviññeyyānaṃ gandhānaṃ… jivhāviññeyyānaṃ rasānaṃ… kāyaviññeyyānaṃ phoṭṭhabbānaṃ… manoviññeyyānaṃ dhammānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ appaṭilābhaṃ vā appaṭilābhato samanupassato pubbe vā appaṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati domanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ idaṃ vuccati gehasitaṃ domanassaṃ. Imāni cha gehasitāni domanassāni.
‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิ? รูปานํเตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ, ‘ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาเปติ – ‘กุทาสฺสุ 9 นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ ยทริยา เอตรหิ อายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติ อิติ อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต อุปฺปชฺชติ ปิหปจฺจยา โทมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โทมนสฺสํฯ สทฺทานํเตฺวว…เป.… คนฺธานํเตฺวว… รสานํเตฺวว… โผฎฺฐพฺพานํเตฺวว… ธมฺมานํเตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ, ‘ปุเพฺพ เจว ธมฺมา เอตรหิ จ สเพฺพ เต ธมฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาเปติ – ‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ ยทริยา เอตรหิ อายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติ อิติ อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต อุปฺปชฺชติ ปิหปจฺจยา โทมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โทมนสฺสํฯ อิมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิฯ
‘‘Tattha katamāni cha nekkhammasitāni domanassāni? Rūpānaṃtveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ, ‘pubbe ceva rūpā etarahi ca sabbe te rūpā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpeti – ‘kudāssu 10 nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmi yadariyā etarahi āyatanaṃ upasampajja viharantī’ti iti anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato uppajjati pihapaccayā domanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ domanassaṃ. Saddānaṃtveva…pe… gandhānaṃtveva… rasānaṃtveva… phoṭṭhabbānaṃtveva… dhammānaṃtveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ, ‘pubbe ceva dhammā etarahi ca sabbe te dhammā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpeti – ‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmi yadariyā etarahi āyatanaṃ upasampajja viharantī’ti iti anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato uppajjati pihapaccayā domanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ domanassaṃ. Imāni cha nekkhammasitāni domanassāni.
๓๐๘. ‘‘ตตฺถ กตมา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขา? จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ( ) 11 ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสฯ ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา นาติวตฺตติฯ ตสฺมา สา 12 อุเปกฺขา ‘เคหสิตา’ติ วุจฺจติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสฯ ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, ธมฺมํ สา นาติวตฺตติฯ ตสฺมา สา อุเปกฺขา ‘เคหสิตา’ติ วุจฺจติฯ อิมา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขาฯ
308. ‘‘Tattha katamā cha gehasitā upekkhā? Cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati upekkhā bālassa mūḷhassa ( ) 13 puthujjanassa anodhijinassa avipākajinassa anādīnavadassāvino assutavato puthujjanassa. Yā evarūpā upekkhā, rūpaṃ sā nātivattati. Tasmā sā 14 upekkhā ‘gehasitā’ti vuccati. Sotena saddaṃ sutvā… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya uppajjati upekkhā bālassa mūḷhassa puthujjanassa anodhijinassa avipākajinassa anādīnavadassāvino assutavato puthujjanassa. Yā evarūpā upekkhā, dhammaṃ sā nātivattati. Tasmā sā upekkhā ‘gehasitā’ti vuccati. Imā cha gehasitā upekkhā.
‘‘ตตฺถ กตมา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา? รูปานํเตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ, ‘ปุเพฺพ เจว รูปา เอตรหิ จ สเพฺพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขาฯ ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา อติวตฺตติฯ ตสฺมา สา อุเปกฺขา ‘เนกฺขมฺมสิตา’ติ วุจฺจติฯ สทฺทานํเตฺวว… คนฺธานํเตฺวว… รสานํเตฺวว… โผฎฺฐพฺพานํเตฺวว… ธมฺมานํเตฺวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ, ‘ปุเพฺพ เจว ธมฺมา เอตรหิ จ สเพฺพ เต ธมฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขาฯ ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, ธมฺมํ สา อติวตฺตติฯ ตสฺมา สา อุเปกฺขา ‘เนกฺขมฺมสิตา’ติ วุจฺจติฯ อิมา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาฯ ‘ฉตฺติํส สตฺตปทา เวทิตพฺพา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Tattha katamā cha nekkhammasitā upekkhā? Rūpānaṃtveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ, ‘pubbe ceva rūpā etarahi ca sabbe te rūpā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati upekkhā. Yā evarūpā upekkhā, rūpaṃ sā ativattati. Tasmā sā upekkhā ‘nekkhammasitā’ti vuccati. Saddānaṃtveva… gandhānaṃtveva… rasānaṃtveva… phoṭṭhabbānaṃtveva… dhammānaṃtveva aniccataṃ viditvā vipariṇāmavirāganirodhaṃ, ‘pubbe ceva dhammā etarahi ca sabbe te dhammā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passato uppajjati upekkhā. Yā evarūpā upekkhā, dhammaṃ sā ativattati. Tasmā sā upekkhā ‘nekkhammasitā’ti vuccati. Imā cha nekkhammasitā upekkhā. ‘Chattiṃsa sattapadā veditabbā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๐๙. ‘‘ตตฺร อิทํ นิสฺสาย อิทํ ปชหถา’’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ ตานิ นิสฺสาย ตานิ อาคมฺม ยานิ ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานิ ตานิ ปชหถ, ตานิ สมติกฺกมถฯ เอวเมเตสํ ปหานํ โหติ, เอวเมเตสํ สมติกฺกโม โหติฯ
309. ‘‘Tatra idaṃ nissāya idaṃ pajahathā’’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ; kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tatra, bhikkhave, yāni cha nekkhammasitāni somanassāni tāni nissāya tāni āgamma yāni cha gehasitāni somanassāni tāni pajahatha, tāni samatikkamatha. Evametesaṃ pahānaṃ hoti, evametesaṃ samatikkamo hoti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิ ตานิ นิสฺสาย ตานิ อาคมฺม ยานิ ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิ ตานิ ปชหถ, ตานิ สมติกฺกมถฯ เอวเมเตสํ ปหานํ โหติ, เอวเมเตสํ สมติกฺกโม โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yāni cha nekkhammasitāni domanassāni tāni nissāya tāni āgamma yāni cha gehasitāni domanassāni tāni pajahatha, tāni samatikkamatha. Evametesaṃ pahānaṃ hoti, evametesaṃ samatikkamo hoti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา ตา นิสฺสาย ตา อาคมฺม ยา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขา ตา ปชหถ, ตา สมติกฺกมถฯ เอวเมตาสํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ สมติกฺกโม โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yā cha nekkhammasitā upekkhā tā nissāya tā āgamma yā cha gehasitā upekkhā tā pajahatha, tā samatikkamatha. Evametāsaṃ pahānaṃ hoti, evametāsaṃ samatikkamo hoti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ ตานิ นิสฺสาย ตานิ อาคมฺม ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานิ ตานิ ปชหถ, ตานิ สมติกฺกมถฯ เอวเมเตสํ ปหานํ โหติ, เอวเมเตสํ สมติกฺกโม โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yāni cha nekkhammasitāni somanassāni tāni nissāya tāni āgamma yāni cha nekkhammasitāni domanassāni tāni pajahatha, tāni samatikkamatha. Evametesaṃ pahānaṃ hoti, evametesaṃ samatikkamo hoti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา ตา นิสฺสาย ตา อาคมฺม ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ ตานิ ปชหถ, ตานิ สมติกฺกมถฯ เอวเมเตสํ ปหานํ โหติ, เอวเมเตสํ สมติกฺกโม โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yā cha nekkhammasitā upekkhā tā nissāya tā āgamma yāni cha nekkhammasitāni somanassāni tāni pajahatha, tāni samatikkamatha. Evametesaṃ pahānaṃ hoti, evametesaṃ samatikkamo hoti.
๓๑๐. ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา, อตฺถิ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตาฯ กตมา จ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา รูเปสุ, อตฺถิ สเทฺทสุ , อตฺถิ คเนฺธสุ, อตฺถิ รเสสุ, อตฺถิ โผฎฺฐเพฺพสุ – อยํ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตาฯ กตมา จ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา อากาสานญฺจายตนนิสฺสิตา, อตฺถิ วิญฺญาณญฺจายตนนิสฺสิตา, อตฺถิ อากิญฺจญฺญายตนนิสฺสิตา, อตฺถิ เนวสญฺญานาสญฺญายตนนิสฺสิตา – อยํ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตาฯ
310. ‘‘Atthi , bhikkhave, upekkhā nānattā nānattasitā, atthi upekkhā ekattā ekattasitā. Katamā ca, bhikkhave, upekkhā nānattā nānattasitā? Atthi, bhikkhave, upekkhā rūpesu, atthi saddesu , atthi gandhesu, atthi rasesu, atthi phoṭṭhabbesu – ayaṃ, bhikkhave, upekkhā nānattā nānattasitā. Katamā ca, bhikkhave, upekkhā ekattā ekattasitā? Atthi, bhikkhave, upekkhā ākāsānañcāyatananissitā, atthi viññāṇañcāyatananissitā, atthi ākiñcaññāyatananissitā, atthi nevasaññānāsaññāyatananissitā – ayaṃ, bhikkhave, upekkhā ekattā ekattasitā.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ตํ นิสฺสาย ตํ อาคมฺม ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ ปชหถ, ตํ สมติกฺกมถฯ เอวเมติสฺสา ปหานํ โหติ, เอวเมติสฺสา สมติกฺกโม โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā taṃ nissāya taṃ āgamma yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitā taṃ pajahatha, taṃ samatikkamatha. Evametissā pahānaṃ hoti, evametissā samatikkamo hoti.
‘‘อตมฺมยตํ, ภิกฺขเว, นิสฺสาย อตมฺมยตํ อาคมฺม ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ตํ ปชหถ, ตํ สมติกฺกมถฯ เอวเมติสฺสา ปหานํ โหติ, เอวเมติสฺสา สมติกฺกโม โหติฯ ‘ตตฺร อิทํ นิสฺสาย อิทํ ปชหถา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Atammayataṃ, bhikkhave, nissāya atammayataṃ āgamma yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā taṃ pajahatha, taṃ samatikkamatha. Evametissā pahānaṃ hoti, evametissā samatikkamo hoti. ‘Tatra idaṃ nissāya idaṃ pajahathā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๑๑. ‘‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหตี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ , โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ สติปฎฺฐานํ ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหติฯ
311. ‘‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahatī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ; kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya, idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti , vokkamma ca satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส เอกเจฺจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ; เอกเจฺจ สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ ฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ; น จ อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติฯ อนตฺตมนตา จ อตฺตมนตา จ – ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุติยํ สติปฎฺฐานํ ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya, idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa ekacce sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, vokkamma ca satthusāsanā vattanti; ekacce sāvakā sussūsanti, sotaṃ odahanti, aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, na ca vokkamma satthusāsanā vattanti . Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti; na ca attamano hoti, na ca attamanataṃ paṭisaṃvedeti. Anattamanatā ca attamanatā ca – tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako viharati sato sampajāno. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dutiyaṃ satipaṭṭhānaṃ yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อญฺญาจิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ตติยํ สติปฎฺฐานํ ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหติฯ ‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหตี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya, idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā sussūsanti, sotaṃ odahanti, aññācittaṃ upaṭṭhapenti, na ca vokkamma satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato attamano ceva hoti, attamanatañca paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ vuccati, bhikkhave, tatiyaṃ satipaṭṭhānaṃ yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahati. ‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahatī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๑๒. ‘‘‘โส วุจฺจติ โยคฺคาจริยานํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทโมฺม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวติ – ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วาฯ อสฺสทมเกน, ภิกฺขเว, อสฺสทโมฺม สาริโต เอกเญฺญว ทิสํ ธาวติ – ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วาฯ โคทมเกน, ภิกฺขเว, โคทโมฺม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวติ – ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วาฯ ตถาคเตน หิ, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปุริสทโมฺม สาริโต อฎฺฐ ทิสา วิธาวติฯ รูปี รูปานิ ปสฺสติ – อยํ เอกา ทิสา; อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ – อยํ ทุติยา ทิสา; สุภเนฺตฺวว อธิมุโตฺต โหติ – อยํ ตติยา ทิสา; สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ จตุตฺถี ทิสา; สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ ปญฺจมี ทิสา; สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ ฉฎฺฐี ทิสา; สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ สตฺตมี ทิสา; สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ อฎฺฐมี ทิสาฯ ตถาคเตน, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปุริสทโมฺม สาริโต อิมา อฎฺฐ ทิสา วิธาวติฯ ‘โส วุจฺจติ โยคฺคาจริยานํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ
312. ‘‘‘So vuccati yoggācariyānaṃ anuttaro purisadammasārathī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Hatthidamakena, bhikkhave, hatthidammo sārito ekaṃyeva disaṃ dhāvati – puratthimaṃ vā pacchimaṃ vā uttaraṃ vā dakkhiṇaṃ vā. Assadamakena, bhikkhave, assadammo sārito ekaññeva disaṃ dhāvati – puratthimaṃ vā pacchimaṃ vā uttaraṃ vā dakkhiṇaṃ vā. Godamakena, bhikkhave, godammo sārito ekaṃyeva disaṃ dhāvati – puratthimaṃ vā pacchimaṃ vā uttaraṃ vā dakkhiṇaṃ vā. Tathāgatena hi, bhikkhave, arahatā sammāsambuddhena purisadammo sārito aṭṭha disā vidhāvati. Rūpī rūpāni passati – ayaṃ ekā disā; ajjhattaṃ arūpasaññī bahiddhā rūpāni passati – ayaṃ dutiyā disā; subhantveva adhimutto hoti – ayaṃ tatiyā disā; sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati – ayaṃ catutthī disā; sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati – ayaṃ pañcamī disā; sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati – ayaṃ chaṭṭhī disā; sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati – ayaṃ sattamī disā; sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati – ayaṃ aṭṭhamī disā. Tathāgatena, bhikkhave, arahatā sammāsambuddhena purisadammo sārito imā aṭṭha disā vidhāvati. ‘So vuccati yoggācariyānaṃ anuttaro purisadammasārathī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vutta’’nti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Saḷāyatanavibhaṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā