Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

    7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā

    ๓๐๔. เอวํ เม สุตนฺติ สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํฯ ตตฺถ เวทิตพฺพานีติ สหวิปสฺสเนน มเคฺคน ชานิตพฺพานิฯ มโนปวิจาราติ วิตกฺกวิจาราฯ วิตกฺกุปฺปาทกญฺหิ มโน อิธ มโนติ อธิเปฺปตํ, มนสฺส อุปวิจาราติ มโนปวิจาราฯ สตฺตปทาติ วฎฺฎวิวฎฺฎนิสฺสิตานํ สตฺตานํ ปทาฯ เอตฺถ หิ อฎฺฐารส วฎฺฎปทา นาม, อฎฺฐารส วิวฎฺฎปทา นาม, เตปิ สหวิปสฺสเนน มเคฺคเนว เวทิตพฺพาฯ โยคฺคาจริยานนฺติ หตฺถิโยคฺคาทิอาจารสิกฺขาปกานํ, ทเมตพฺพทมกานนฺติ อโตฺถฯ เสสํ วิภเงฺคเยว อาวิภวิสฺสติฯ อยมุเทฺทโสติ อิทํ มาติกาฎฺฐปนํฯ

    304.Evaṃme sutanti saḷāyatanavibhaṅgasuttaṃ. Tattha veditabbānīti sahavipassanena maggena jānitabbāni. Manopavicārāti vitakkavicārā. Vitakkuppādakañhi mano idha manoti adhippetaṃ, manassa upavicārāti manopavicārā. Sattapadāti vaṭṭavivaṭṭanissitānaṃ sattānaṃ padā. Ettha hi aṭṭhārasa vaṭṭapadā nāma, aṭṭhārasa vivaṭṭapadā nāma, tepi sahavipassanena maggeneva veditabbā. Yoggācariyānanti hatthiyoggādiācārasikkhāpakānaṃ, dametabbadamakānanti attho. Sesaṃ vibhaṅgeyeva āvibhavissati. Ayamuddesoti idaṃ mātikāṭṭhapanaṃ.

    ๓๐๕. จกฺขายตนาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตานิฯ จกฺขุวิญฺญาณนฺติ กุสลากุสลวิปากโต เทฺว จกฺขุวิญฺญาณานิฯ เสสปสาทวิญฺญาเณสุปิ เอเสว นโยฯ อิมานิ ปน ทส ฐเปตฺวา เสสํ อิธ มโนวิญฺญาณํ นามฯ

    305.Cakkhāyatanādīni visuddhimagge vitthāritāni. Cakkhuviññāṇanti kusalākusalavipākato dve cakkhuviññāṇāni. Sesapasādaviññāṇesupi eseva nayo. Imāni pana dasa ṭhapetvā sesaṃ idha manoviññāṇaṃ nāma.

    จกฺขุสมฺผโสฺสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผโสฺสฯ จกฺขุวิญฺญาณสมฺปยุตฺตสมฺผสฺสเสฺสตํ อธิวจนํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Cakkhusamphassoti cakkhumhi samphasso. Cakkhuviññāṇasampayuttasamphassassetaṃ adhivacanaṃ. Sesesupi eseva nayo.

    จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ทิสฺวาฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถฯ โสมนสฺสฎฺฐานิยนฺติ โสมนสฺสสฺส อารมฺมณวเสน การณภูตํฯ อุปวิจรตีติ ตตฺถ วิจารปวตฺตเนน อุปวิจรติ, วิตโกฺก ตํสมฺปยุโตฺต จาติ อิมินา นเยน อฎฺฐารส วิตกฺกวิจารสงฺขาตา มโนปวิจารา เวทิตพฺพาฯ ฉ โสมนสฺสูปวิจาราติ เอตฺถ ปน โสมนเสฺสน สทฺธิํ อุปวิจรนฺตีติ โสมนสฺสูปวิจาราฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Cakkhunārūpaṃ disvāti cakkhuviññāṇena rūpaṃ disvā. Eseva nayo sabbattha. Somanassaṭṭhāniyanti somanassassa ārammaṇavasena kāraṇabhūtaṃ. Upavicaratīti tattha vicārapavattanena upavicarati, vitakko taṃsampayutto cāti iminā nayena aṭṭhārasa vitakkavicārasaṅkhātā manopavicārā veditabbā. Cha somanassūpavicārāti ettha pana somanassena saddhiṃ upavicarantīti somanassūpavicārā. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    ๓๐๖. เคหสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานิฯ เนกฺขมฺมสิตานีติ วิปสฺสนานิสฺสิตานิฯ อิฎฺฐานนฺติ ปริเยสิตานํฯ กนฺตานนฺติ กามิตานํฯ มโนรมานนฺติ มโน เอเตสุ รมตีติ มโนรมานิ, เตสํ มโนรมานํฯ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานนฺติ ตณฺหาปฎิสํยุตฺตานํฯ อตีตนฺติ ปฎิลทฺธํ ฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว อารพฺภ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชตุ, อตีเต กถํ อุปฺปชฺชตีติฯ อตีเตปิ – ‘‘ยถาหํ เอตรหิ อิฎฺฐารมฺมณํ อนุภวามิ, เอวํ ปุเพฺพปิ อนุภวิ’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ

    306.Gehasitānīti kāmaguṇanissitāni. Nekkhammasitānīti vipassanānissitāni. Iṭṭhānanti pariyesitānaṃ. Kantānanti kāmitānaṃ. Manoramānanti mano etesu ramatīti manoramāni, tesaṃ manoramānaṃ. Lokāmisapaṭisaṃyuttānanti taṇhāpaṭisaṃyuttānaṃ. Atītanti paṭiladdhaṃ . Paccuppannaṃ tāva ārabbha somanassaṃ uppajjatu, atīte kathaṃ uppajjatīti. Atītepi – ‘‘yathāhaṃ etarahi iṭṭhārammaṇaṃ anubhavāmi, evaṃ pubbepi anubhavi’’nti anussarantassa balavasomanassaṃ uppajjati.

    อนิจฺจตนฺติ อนิจฺจาการํฯ วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ปกติวิชหเนน วิปริณามํ, วิคจฺฉเนน วิราคํ, นิรุชฺฌเนน นิโรธํฯ สมฺมปญฺญายาติ วิปสฺสนาปญฺญายฯ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสนฺติ อิทํ รโญฺญ วิย อตฺตโน สิริสมฺปตฺติํ โอโลเกนฺตสฺส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นิสินฺนสฺส สงฺขารานํ เภทํ ปสฺสโต สงฺขารคตมฺหิ ติเกฺข สูเร วิปสฺสนาญาเณ วหเนฺต อุปฺปนฺนโสมนสฺสํ ‘‘เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ วุจฺจติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Aniccatanti aniccākāraṃ. Vipariṇāmavirāganirodhanti pakativijahanena vipariṇāmaṃ, vigacchanena virāgaṃ, nirujjhanena nirodhaṃ. Sammapaññāyāti vipassanāpaññāya. Idaṃ vuccati nekkhammasitaṃ somanassanti idaṃ rañño viya attano sirisampattiṃ olokentassa vipassanaṃ paṭṭhapetvā nisinnassa saṅkhārānaṃ bhedaṃ passato saṅkhāragatamhi tikkhe sūre vipassanāñāṇe vahante uppannasomanassaṃ ‘‘nekkhammasitaṃ somanassa’’nti vuccati. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘สุญฺญาคารํ ปวิฎฺฐสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Suññāgāraṃ paviṭṭhassa, santacittassa bhikkhuno;

    อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตฯ

    Amānusī ratī hoti, sammā dhammaṃ vipassato.

    ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตนฺตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amatantaṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 373-374);

    อิมานีติ อิมานิ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นิสินฺนสฺส อุปฺปนฺนานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิฯ

    Imānīti imāni chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvā nisinnassa uppannāni cha nekkhammasitāni somanassāni.

    ๓๐๗. อตีตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว ปเตฺถตฺวา อลภนฺตสฺส โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตุ, อตีเต กถํ อุปฺปชฺชตีติฯ อตีเตปิ ‘‘ยถาหํ เอตรหิ อิฎฺฐารมฺมณํ ปเตฺถตฺวา น ลภามิ, เอวํ ปุเพฺพปิ ปเตฺถตฺวา น ลภิ’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ

    307.Atītanti paccuppannaṃ tāva patthetvā alabhantassa domanassaṃ uppajjatu, atīte kathaṃ uppajjatīti. Atītepi ‘‘yathāhaṃ etarahi iṭṭhārammaṇaṃ patthetvā na labhāmi, evaṃ pubbepi patthetvā na labhi’’nti anussarantassa balavadomanassaṃ uppajjati.

    อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสูติ อนุตฺตรวิโมโกฺข นาม อรหตฺตํ, อรหเตฺต ปตฺถนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อายตนนฺติ อรหตฺตายตนํฯ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโตติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺสฯ ตํ ปเนตํ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, อิติ ปตฺถนามูลกตฺตา ‘‘ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต’’ติ วุตฺตํฯ อิมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานีติ อิมานิ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อรหเตฺต ปิหํ ปฎฺฐเปตฺวา ตทธิคมาย อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ อุปฎฺฐเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ อสโกฺกนฺตสฺส – ‘‘อิมมฺปิ ปกฺขํ อิมมฺปิ มาสํ อิมมฺปิ สํวจฺฉรํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อนุโสจโต คามนฺตปพฺภารวาสิมหาสีวเตฺถรสฺส วิย อสฺสุธาราปวตฺตนวเสน อุปฺปนฺนโทมนสฺสานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสานีติ เวทิตพฺพานิฯ วตฺถุ ปน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย สกฺกปญฺหวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๖๑) วิตฺถาริตํ, อิจฺฉเนฺตน ตโต คเหตพฺพํฯ

    Anuttaresu vimokkhesūti anuttaravimokkho nāma arahattaṃ, arahatte patthanaṃ paṭṭhapentassāti attho. Āyatananti arahattāyatanaṃ. Pihaṃ upaṭṭhāpayatoti patthanaṃ paṭṭhapentassa. Taṃ panetaṃ patthanaṃ paṭṭhapentassa uppajjati, iti patthanāmūlakattā ‘‘pihaṃ upaṭṭhāpayato’’ti vuttaṃ. Imāni cha nekkhammasitāni domanassānīti imāni evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate arahatte pihaṃ paṭṭhapetvā tadadhigamāya aniccādivasena vipassanaṃ upaṭṭhapetvā ussukkāpetuṃ asakkontassa – ‘‘imampi pakkhaṃ imampi māsaṃ imampi saṃvaccharaṃ arahattaṃ pāpuṇituṃ nāsakkhi’’nti anusocato gāmantapabbhāravāsimahāsīvattherassa viya assudhārāpavattanavasena uppannadomanassāni cha nekkhammasitadomanassānīti veditabbāni. Vatthu pana sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya sakkapañhavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.361) vitthāritaṃ, icchantena tato gahetabbaṃ.

    ๓๐๘. อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขาติ เอตฺถ อุเปกฺขา นาม อญฺญาณุเปขาฯ อโนธิชินสฺสาติ กิเลโสธิํ ชินิตฺวา ฐิตตฺตา ขีณาสโว โอธิชิโน นาม, ตสฺมา อขีณาสวสฺสาติ อโตฺถฯ อวิปากชินสฺสาติ เอตฺถปิ อายติํ วิปากํ ชินิตฺวา ฐิตตฺตา ขีณาสโวว วิปากชิโน นาม, ตสฺมา อขีณาสวเสฺสวาติ อโตฺถฯ อนาทีนวทสฺสาวิโนติอาทีนวโต อุปทฺทวโต อปสฺสนฺตสฺสฯ อิมา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขาติ อิมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต คุฬปิณฺฑเก นิลีนมกฺขิกา วิย รูปาทีนิ อนติวตฺตมานา ตตฺถ ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อุปฺปนฺนา อุเปกฺขา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขาติ เวทิตพฺพาฯ

    308.Uppajjati upekkhāti ettha upekkhā nāma aññāṇupekhā. Anodhijinassāti kilesodhiṃ jinitvā ṭhitattā khīṇāsavo odhijino nāma, tasmā akhīṇāsavassāti attho. Avipākajinassāti etthapi āyatiṃ vipākaṃ jinitvā ṭhitattā khīṇāsavova vipākajino nāma, tasmā akhīṇāsavassevāti attho. Anādīnavadassāvinotiādīnavato upaddavato apassantassa. Imā cha gehasitā upekkhāti imā evaṃ chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate guḷapiṇḍake nilīnamakkhikā viya rūpādīni anativattamānā tattha laggā laggitā hutvā uppannā upekkhā cha gehasitā upekkhāti veditabbā.

    รูปํ สา อติวตฺตตีติ รูปํ สา อนติกฺกมติ, ตตฺถ นิกนฺติวเสน น ติฎฺฐติฯ อิมา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาติ อิมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต อิเฎฺฐ อรชฺชนฺตสฺส, อนิเฎฺฐ อทุสฺสนฺตสฺส, อสมเปกฺขเน อสมฺมุยฺหนฺตสฺส, อุปฺปนฺนวิปสฺสนา-ญาณสมฺปยุตฺตา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาติ เวทิตพฺพาฯ

    Rūpaṃ sā ativattatīti rūpaṃ sā anatikkamati, tattha nikantivasena na tiṭṭhati. Imā cha nekkhammasitā upekkhāti imā evaṃ chasu dvāresu iṭṭhādiārammaṇe āpāthagate iṭṭhe arajjantassa, aniṭṭhe adussantassa, asamapekkhane asammuyhantassa, uppannavipassanā-ñāṇasampayuttā cha nekkhammasitā upekkhāti veditabbā.

    ๓๐๙. ตตฺร อิทํ นิสฺสาย อิทํ ปชหถาติ เตสุ ฉตฺติํสสตฺตปเทสุ อฎฺฐารส นิสฺสาย อฎฺฐารส ปชหถาติ อโตฺถฯ เตเนว – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานี’’ติอาทิมาหฯ นิสฺสาย อาคมฺมาติ ปวตฺตนวเสน นิสฺสาย เจว อาคมฺม จฯ เอวเมเตสํ สมติกฺกโม โหตีติ เอวํ เนกฺขมฺมสิตานํ ปวตฺตเนน เคหสิตานิ อติกฺกนฺตานิ นาม โหนฺติฯ

    309.Tatra idaṃ nissāya idaṃ pajahathāti tesu chattiṃsasattapadesu aṭṭhārasa nissāya aṭṭhārasa pajahathāti attho. Teneva – ‘‘tatra, bhikkhave, yāni cha nekkhammasitānī’’tiādimāha. Nissāya āgammāti pavattanavasena nissāya ceva āgamma ca. Evametesaṃ samatikkamohotīti evaṃ nekkhammasitānaṃ pavattanena gehasitāni atikkantāni nāma honti.

    เอวํ สริกฺขเกเนว สริกฺขกํ ชหาเปตฺวา อิทานิ พลวตา ทุพฺพลํ ชหาเปโนฺต – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานี’’ติอาทิมาหฯ เอวํ เนกฺขมฺมสิตโสมนเสฺสหิ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสานิ , เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขาหิ จ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสานิ ชหาเปเนฺตน พลวตา ทุพฺพลปฺปหานํ กถิตํฯ

    Evaṃ sarikkhakeneva sarikkhakaṃ jahāpetvā idāni balavatā dubbalaṃ jahāpento – ‘‘tatra, bhikkhave, yāni cha nekkhammasitāni somanassānī’’tiādimāha. Evaṃ nekkhammasitasomanassehi nekkhammasitadomanassāni , nekkhammasitaupekkhāhi ca nekkhammasitasomanassāni jahāpentena balavatā dubbalappahānaṃ kathitaṃ.

    เอตฺถ ปน ฐตฺวา อุเปกฺขากถา เวทิตพฺพา – อฎฺฐสุ หิ สมาปตฺตีสุ ปฐมาทีนิ จ ตีณิ ฌานานิ, สุทฺธสงฺขาเร จ ปาทเก กตฺวา วิปสฺสนํ อารทฺธานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตา วา โหติ อุเปกฺขาสหคตา วา, วุฎฺฐานคามินี ปน โสมนสฺสสหคตาวฯ จตุตฺถชฺฌานาทีนิ ปาทกานิ กตฺวา วิปสฺสนํ อารทฺธานํ ปญฺจนฺนํ ปุพฺพภาควิปสฺสนา ปุริมสทิสาวฯ วุฎฺฐานคามินี ปน อุเปกฺขาสหคตา โหติฯ อิทํ สนฺธาย – ‘‘ยา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา, ตา นิสฺสาย ตา อาคมฺม, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ, ตานิ ปชหถา’’ติ วุตฺตํฯ น เกวลญฺจ เอวํปฎิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อยํ วิปสฺสนาย เวทนาวิเสโสว โหติ, อริยมเคฺคปิ ปน ฌานงฺคโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานมฺปิ วิเสโส โหติฯ

    Ettha pana ṭhatvā upekkhākathā veditabbā – aṭṭhasu hi samāpattīsu paṭhamādīni ca tīṇi jhānāni, suddhasaṅkhāre ca pādake katvā vipassanaṃ āraddhānaṃ catunnaṃ bhikkhūnaṃ pubbabhāgavipassanā somanassasahagatā vā hoti upekkhāsahagatā vā, vuṭṭhānagāminī pana somanassasahagatāva. Catutthajjhānādīni pādakāni katvā vipassanaṃ āraddhānaṃ pañcannaṃ pubbabhāgavipassanā purimasadisāva. Vuṭṭhānagāminī pana upekkhāsahagatā hoti. Idaṃ sandhāya – ‘‘yā cha nekkhammasitā upekkhā, tā nissāya tā āgamma, yāni cha nekkhammasitāni somanassāni, tāni pajahathā’’ti vuttaṃ. Na kevalañca evaṃpaṭipannassa bhikkhuno ayaṃ vipassanāya vedanāvisesova hoti, ariyamaggepi pana jhānaṅgabojjhaṅgamaggaṅgānampi viseso hoti.

    โก ปเนตํ วิเสสํ นิยเมติ? เกจิ ตาว เถรา วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ นิยเมตีติ วทนฺติ, เกจิ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตีติ วทนฺติ, เกจิ ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตีติ วทนฺติฯ เตสมฺปิ วาเท อยเมว ปุพฺพภาเค วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนา นิยเมตีติ เวทิตพฺพาฯ วินิจฺฉยกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมเคฺค สงฺขารุเปกฺขานิเทฺทเส วุตฺตาวฯ

    Ko panetaṃ visesaṃ niyameti? Keci tāva therā vipassanāpādakajjhānaṃ niyametīti vadanti, keci vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamentīti vadanti, keci puggalajjhāsayo niyametīti vadanti. Tesampi vāde ayameva pubbabhāge vuṭṭhānagāminīvipassanā niyametīti veditabbā. Vinicchayakathā panettha visuddhimagge saṅkhārupekkhāniddese vuttāva.

    ๓๑๐. นานตฺตาติ นานา พหู อเนกปฺปการาฯ นานตฺตสิตาติ นานารมฺมณนิสฺสิตาฯ เอกตฺตาติ เอกาฯ เอกตฺตสิตาติ เอการมฺมณนิสฺสิตาฯ กตมา ปนายํ อุเปกฺขาติ? เหฎฺฐา ตาว อญฺญาณุเปกฺขา วุตฺตา, อุปริ ฉฬงฺคุเปกฺขา วกฺขติ, อิธ สมถอุเปกฺขา, วิปสฺสนุเปกฺขาติ เทฺว อุเปกฺขา คหิตาฯ

    310.Nānattāti nānā bahū anekappakārā. Nānattasitāti nānārammaṇanissitā. Ekattāti ekā. Ekattasitāti ekārammaṇanissitā. Katamā panāyaṃ upekkhāti? Heṭṭhā tāva aññāṇupekkhā vuttā, upari chaḷaṅgupekkhā vakkhati, idha samathaupekkhā, vipassanupekkhāti dve upekkhā gahitā.

    ตตฺถ ยสฺมา อญฺญาว รูเปสุ อุเปกฺขา, อญฺญาว สทฺทาทีสุ, น หิ ยา รูเป อุเปกฺขา, สา สทฺทาทีสุ โหติฯ รูเป อุเปกฺขา จ รูปเมว อารมฺมณํ กโรติ , น สทฺทาทโยฯ รูเป อุเปกฺขาภาวญฺจ อญฺญา สมถอุเปกฺขา ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, อญฺญา อาโปกสิณาทีนิฯ ตสฺมา นานตฺตํ นานตฺตสิตํ วิภชโนฺต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา รูเปสูติอาทิมาห ฯ ยสฺมา ปน เทฺว วา ตีณิ วา อากาสานญฺจายตนานิ วา วิญฺญาณญฺจายตนาทีนิ วา นตฺถิ, ตสฺมา เอกตฺตํ เอกตฺตสิตํ วิภชโนฺต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา อากาสานญฺจายตนนิสฺสิตาติอาทิมาหฯ

    Tattha yasmā aññāva rūpesu upekkhā, aññāva saddādīsu, na hi yā rūpe upekkhā, sā saddādīsu hoti. Rūpe upekkhā ca rūpameva ārammaṇaṃ karoti , na saddādayo. Rūpe upekkhābhāvañca aññā samathaupekkhā pathavīkasiṇaṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjati, aññā āpokasiṇādīni. Tasmā nānattaṃ nānattasitaṃ vibhajanto atthi, bhikkhave, upekkhā rūpesūtiādimāha . Yasmā pana dve vā tīṇi vā ākāsānañcāyatanāni vā viññāṇañcāyatanādīni vā natthi, tasmā ekattaṃ ekattasitaṃ vibhajanto atthi, bhikkhave, upekkhā ākāsānañcāyatananissitātiādimāha.

    ตตฺถ อากาสานญฺจายตนอุเปกฺขา สมฺปยุตฺตวเสน อากาสานญฺจายตนนิสฺสิตา, อากาสานญฺจายตนขเนฺธ วิปสฺสนฺตสฺส วิปสฺสนุเปกฺขา อารมฺมณวเสน อากาสานญฺจายตนนิสฺสิตาฯ เสสาสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tattha ākāsānañcāyatanaupekkhā sampayuttavasena ākāsānañcāyatananissitā, ākāsānañcāyatanakhandhe vipassantassa vipassanupekkhā ārammaṇavasena ākāsānañcāyatananissitā. Sesāsupi eseva nayo.

    ตํ ปชหถาติ เอตฺถ อรูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขาย รูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขํ ปชหาเปติ, อรูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขาย รูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขํฯ

    Taṃ pajahathāti ettha arūpāvacarasamāpattiupekkhāya rūpāvacarasamāpattiupekkhaṃ pajahāpeti, arūpāvacaravipassanupekkhāya rūpāvacaravipassanupekkhaṃ.

    อตมฺมยตนฺติ เอตฺถ ตมฺมยตา นาม ตณฺหา, ตสฺสา ปริยาทานโต วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนา อตมฺมยตาติ วุจฺจติฯ ตํ ปชหถาติ อิธ วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนาย อรูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขญฺจ วิปสฺสนุเปกฺขญฺจ ปชหาเปติฯ

    Atammayatanti ettha tammayatā nāma taṇhā, tassā pariyādānato vuṭṭhānagāminīvipassanā atammayatāti vuccati. Taṃ pajahathāti idha vuṭṭhānagāminīvipassanāya arūpāvacarasamāpattiupekkhañca vipassanupekkhañca pajahāpeti.

    ๓๑๑. ยทริโยติ เย สติปฎฺฐาเน อริโย สมฺมาสมฺพุโทฺธ เสวติฯ ตตฺถ ตีสุ ฐาเนสุ สติํ ปฎฺฐเปโนฺต สติปฎฺฐาเน เสวตีติ เวทิตโพฺพฯ น สุสฺสูสนฺตีติ สทฺทหิตฺวา โสตุํ น อิจฺฉนฺติฯ น อญฺญาติ ชานนตฺถาย จิตฺตํ น อุปฎฺฐเปนฺติฯ โวกฺกมฺมาติ อติกฺกมิตฺวาฯ สตฺถุ สาสนาติ สตฺถุ โอวาทํ คเหตพฺพํ ปูเรตพฺพํ น มญฺญนฺตีติ อโตฺถฯ น จ อตฺตมโนติ น สกมโนฯ เอตฺถ จ เคหสิตโทมนสฺสวเสน อปฺปตีโต โหตีติ น เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, อปฺปฎิปนฺนเกสุ ปน อตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺตํฯ อนวสฺสุโตติ ปฎิฆอวสฺสเวน อนวสฺสุโตฯ สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ ญาเณน จ สมนฺนาคโต ฯ อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโกฯ อตฺตมโนติ อิธาปิ เคหสิตโสมนสฺสวเสน อุปฺปิลาวิโตติ น เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, ปฎิปนฺนเกสุ ปน อนตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺตํฯ อนวสฺสุโตติ ราคาวสฺสเวน อนวสฺสุโตฯ

    311.Yadariyoti ye satipaṭṭhāne ariyo sammāsambuddho sevati. Tattha tīsu ṭhānesu satiṃ paṭṭhapento satipaṭṭhāne sevatīti veditabbo. Na sussūsantīti saddahitvā sotuṃ na icchanti. Na aññāti jānanatthāya cittaṃ na upaṭṭhapenti. Vokkammāti atikkamitvā. Satthu sāsanāti satthu ovādaṃ gahetabbaṃ pūretabbaṃ na maññantīti attho. Na ca attamanoti na sakamano. Ettha ca gehasitadomanassavasena appatīto hotīti na evamattho daṭṭhabbo, appaṭipannakesu pana attamanatākāraṇassa abhāvenetaṃ vuttaṃ. Anavassutoti paṭighaavassavena anavassuto. Sato sampajānoti satiyā ca ñāṇena ca samannāgato . Upekkhakoti chaḷaṅgupekkhāya upekkhako. Attamanoti idhāpi gehasitasomanassavasena uppilāvitoti na evamattho daṭṭhabbo, paṭipannakesu pana anattamanatākāraṇassa abhāvenetaṃ vuttaṃ. Anavassutoti rāgāvassavena anavassuto.

    ๓๑๒. สาริโตติ ทมิโตฯ เอกเมว ทิสํ ธาวตีติ อนิวตฺติตฺวา ธาวโนฺต เอกํเยว ทิสํ ธาวติ, นิวตฺติตฺวา ปน อปรํ ธาวิตุํ สโกฺกติฯ อฎฺฐ ทิสา วิธาวตีติ เอกปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน กาเยน อนิวตฺติตฺวาว วิโมกฺขวเสน เอกปฺปหาเรเนว อฎฺฐ ทิสา วิธาวติ, ปุรตฺถาภิมุโข วา ทกฺขิณาทีสุ อญฺญตรทิสาภิมุโข วา นิสีทิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย สมาปชฺชติเยวาติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    312.Sāritoti damito. Ekameva disaṃ dhāvatīti anivattitvā dhāvanto ekaṃyeva disaṃ dhāvati, nivattitvā pana aparaṃ dhāvituṃ sakkoti. Aṭṭhadisā vidhāvatīti ekapallaṅkena nisinno kāyena anivattitvāva vimokkhavasena ekappahāreneva aṭṭha disā vidhāvati, puratthābhimukho vā dakkhiṇādīsu aññataradisābhimukho vā nisīditvā aṭṭha samāpattiyo samāpajjatiyevāti attho. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact