Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā
๓๐๔. เวทิตพฺพานีติ เอตฺถ ยถา วิทิตานิ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ วฎฺฎทุกฺขสมติกฺกมาย โหนฺติ, ตถา เวทนํ อธิเปฺปตนฺติ อาห – ‘‘สหวิปสฺสเนน มเคฺคน ชานิตพฺพานี’’ติฯ ตตฺถ วิปสฺสนาย อารมฺมณโต มเคฺคน อสโมฺมหโต ชานนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ มโน สวิเสสํ อุปวิจรติ อารมฺมเณ ปวตฺตติ เอเตหีติ มโนปวิจารา, วิตกฺกวิจาราฯ อารมฺมเณ หิ อภินิโรปนานุมชฺชเนหิ วิตกฺกวิจาเรหิ สห จิตฺตํ ปวตฺตติ, น ตพฺพิรหิตํฯ เตนาห ‘‘วิตกฺกวิจารา’’ติอาทิฯ สตฺตา ปชฺชนฺติ เอเตหิ ยถารหํ วฎฺฎํ วิวฎฺฎญฺจาติ สตฺตปทา , เคหนิสฺสิตา วฎฺฎปทาฯ โยคฺคานํ ทมนอาจริยา โยคฺคาจริยาฯ เตนาห ‘‘ทเมตพฺพทมกาน’’นฺติฯ เสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ เอกสตฺตติวิธวิญฺญาณํ สผสฺสรูปกเสฺสว อธิเปฺปตตฺตาฯ
304.Veditabbānīti ettha yathā viditāni cha ajjhattikāni āyatanāni vaṭṭadukkhasamatikkamāya honti, tathā vedanaṃ adhippetanti āha – ‘‘sahavipassanena maggena jānitabbānī’’ti. Tattha vipassanāya ārammaṇato maggena asammohato jānanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sesapadesupi eseva nayo. Mano savisesaṃ upavicarati ārammaṇe pavattati etehīti manopavicārā, vitakkavicārā. Ārammaṇe hi abhiniropanānumajjanehi vitakkavicārehi saha cittaṃ pavattati, na tabbirahitaṃ. Tenāha ‘‘vitakkavicārā’’tiādi. Sattā pajjanti etehi yathārahaṃ vaṭṭaṃ vivaṭṭañcāti sattapadā, gehanissitā vaṭṭapadā. Yoggānaṃ damanaācariyā yoggācariyā. Tenāha ‘‘dametabbadamakāna’’nti. Sesanti vuttāvasesaṃ ekasattatividhaviññāṇaṃ saphassarūpakasseva adhippetattā.
๓๐๕. อิธาติ อิมิสฺสํ ฉวิญฺญาณกายเทสนายํฯ มโนธาตุตฺตยวินิมุตฺตเมว มโนวิญฺญาณธาตูติ เวทิตพฺพํฯ
305.Idhāti imissaṃ chaviññāṇakāyadesanāyaṃ. Manodhātuttayavinimuttameva manoviññāṇadhātūti veditabbaṃ.
จกฺขุมฺหิ สมฺผโสฺสติ จกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน สมฺผโสฺสฯ เตนาห – ‘‘จกฺขุวิญาณสมฺปยุตฺตสมฺผสฺสเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ
Cakkhumhi samphassoti cakkhuṃ nissāya uppanno samphasso. Tenāha – ‘‘cakkhuviñāṇasampayuttasamphassassetaṃ adhivacana’’nti.
ยถา เกวเลน วิญฺญาเณน รูปทสฺสนํ น โหติ, เอวํ เกวเลน จกฺขุปสาเทนปีติ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุวิญฺญาเณนา’’ติฯ เตน ปาฬิยํ จกฺขุนาติ นิสฺสยมุเขน นิสฺสิตกิจฺจํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวนฯ ‘‘อุปวิจรติ’’เจฺจว กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตตฺถ วิตกฺกพฺยาปาโรปิ อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิฯ โส ปเนตฺถ ตคฺคติโกติ อาห – ‘‘วิตโกฺก ตํสมฺปยุโตฺต จา’’ติฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ อุปวิจรณํ วิตกฺกวิจารานํเยเวตฺถ กิจฺจนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารสงฺขาตา มโนปวิจารา’’ติ วุตฺตํฯ โสมนสฺสยุโตฺต อุปวิจาโร โสมนสฺสูปวิจาโร ยถา ‘‘อาชญฺญรโถ’’ติ อาห ‘‘โสมนเสฺสน สทฺธิ’’นฺติอาทิฯ
Yathā kevalena viññāṇena rūpadassanaṃ na hoti, evaṃ kevalena cakkhupasādenapīti vuttaṃ ‘‘cakkhuviññāṇenā’’ti. Tena pāḷiyaṃ cakkhunāti nissayamukhena nissitakiccaṃ vuttanti dasseti. Ārammaṇavasenāti ārammaṇapaccayabhāvena. ‘‘Upavicarati’’cceva kasmā vuttaṃ, nanu tattha vitakkabyāpāropi atthīti? Saccaṃ atthi. So panettha taggatikoti āha – ‘‘vitakko taṃsampayutto cā’’ti. Sampayuttadhammānampi upavicaraṇaṃ vitakkavicārānaṃyevettha kiccanti ‘‘vitakkavicārasaṅkhātā manopavicārā’’ti vuttaṃ. Somanassayutto upavicāro somanassūpavicāro yathā ‘‘ājaññaratho’’ti āha ‘‘somanassena saddhi’’ntiādi.
๓๐๖. อุปวิจารานํ อุปสฺสยเฎฺฐน เคหํ วิยาติ เคหํ, รูปาทโยติ อาห – ‘‘เคหสฺสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานี’’ติฯ นิจฺจสญฺญาทินิกฺขมนโต เนกฺขมฺมํ วิปสฺสนาติ, ‘‘เนกฺขมฺมสฺสิตานีติ วิปสฺสนานิสฺสิตานี’’ติ วุตฺตํฯ อิฎฺฐานนฺติ กสิวณิชฺชาทิวเสน ปริยิฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘ปริเยสิตาน’’นฺติฯ ปิยภาโว ปน กนฺตสเทฺทเนว กถิโตติ กามิตพฺพานํ มโน รเมตีติ มโนรมานํฯ โลเกน อามสียตีติ โลกามิสํ, ตณฺหาฯ ตาย คเหตพฺพตาย อิฎฺฐภาวาปาทเนน ปฎิสงฺขตตาย จ ปฎิสํยุตฺตานํฯ อตีเต กตํ อุปฺปชฺชติ อารมฺมณิกอนุภวนสฺส อสมฺภวโตติ อธิปฺปาโยฯ เอทิสํ อนุสฺสรณํ ทิฎฺฐคฺคหณานุสฺสเรน จ โหตีติ ทเสฺสตุํ, ‘‘ยถาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
306. Upavicārānaṃ upassayaṭṭhena gehaṃ viyāti gehaṃ, rūpādayoti āha – ‘‘gehassitānīti kāmaguṇanissitānī’’ti. Niccasaññādinikkhamanato nekkhammaṃ vipassanāti, ‘‘nekkhammassitānītivipassanānissitānī’’ti vuttaṃ. Iṭṭhānanti kasivaṇijjādivasena pariyiṭṭhānanti āha ‘‘pariyesitāna’’nti. Piyabhāvo pana kantasaddeneva kathitoti kāmitabbānaṃ mano rametīti manoramānaṃ. Lokena āmasīyatīti lokāmisaṃ, taṇhā. Tāya gahetabbatāya iṭṭhabhāvāpādanena paṭisaṅkhatatāya ca paṭisaṃyuttānaṃ. Atīte kataṃ uppajjati ārammaṇikaanubhavanassa asambhavatoti adhippāyo. Edisaṃ anussaraṇaṃ diṭṭhaggahaṇānussarena ca hotīti dassetuṃ, ‘‘yathāha’’ntiādi vuttaṃ.
อนิจฺจาการนฺติ หุตฺวา อภาวาการํฯ วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ชราย มรเณน จาติ เทฺวธา วิปริณาเมตพฺพเญฺจว, ตโต เอว ปโลกิตํ ภงฺคญฺจฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยสฺมา อุปฺปนฺนํ รูปํ เตเนวากาเรน น ติฎฺฐติ , อถ โข อุปฺปาทาวตฺถาสงฺขาตํ ปกติํ วิชหติ, วิชหิตญฺจ ชราวตฺถาย ตโต วิคจฺฉติ, วิคจฺฉนฺตญฺจ ภงฺคุปฺปตฺติยา นิรุชฺฌตีติ อิมํ วิเสสํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ปกติวิชหเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กามเญฺจตฺถ ‘‘ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ติ วุตฺตํ, อนุโพธญาณํ ปน อธิเปฺปตํ วีถิปฎิปนฺนาย วิปสฺสนาย วเสนาติ ‘‘วิปสฺสนาปญฺญายา’’ติ วุตฺตํ อุปวิจารนิเทฺทสภาวโตฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘ฉสุทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติอาทิฯ สงฺขารานํ เภทํ ปสฺสโตติ สเพฺพสํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวํ วีถิปฎิปเนฺนน วิปสฺสนาญาเณน ปสฺสโตฯ เตนาห ‘‘สงฺขารคตมฺหิ ติเกฺข’’ติอาทิฯ ตตฺถ สงฺขาคตมฺหีติ สงฺขารคเต วิสยภูเตฯ ติเกฺขติ ภาวนาพเลน อินฺทฺริยานญฺจ สมตาย ติเพฺพฯ สูเรติ ปฎิปเกฺขหิ อนภิภูตตาย, เตสญฺจ อภิภวนสมตฺถตาย วิสเท ปฎุภูเต ปวตฺตเนฺตฯ
Aniccākāranti hutvā abhāvākāraṃ. Vipariṇāmavirāganirodhanti jarāya maraṇena cāti dvedhā vipariṇāmetabbañceva, tato eva palokitaṃ bhaṅgañca. Aṭṭhakathāyaṃ pana yasmā uppannaṃ rūpaṃ tenevākārena na tiṭṭhati , atha kho uppādāvatthāsaṅkhātaṃ pakatiṃ vijahati, vijahitañca jarāvatthāya tato vigacchati, vigacchantañca bhaṅguppattiyā nirujjhatīti imaṃ visesaṃ dassetuṃ, ‘‘pakativijahanenā’’tiādi vuttaṃ. Kāmañcettha ‘‘yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’ti vuttaṃ, anubodhañāṇaṃ pana adhippetaṃ vīthipaṭipannāya vipassanāya vasenāti ‘‘vipassanāpaññāyā’’ti vuttaṃ upavicāraniddesabhāvato. Tathā hi vakkhati – ‘‘chasudvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate’’tiādi. Saṅkhārānaṃ bhedaṃ passatoti sabbesaṃ saṅkhārānaṃ khaṇe khaṇe bhijjanasabhāvaṃ vīthipaṭipannena vipassanāñāṇena passato. Tenāha ‘‘saṅkhāragatamhi tikkhe’’tiādi. Tattha saṅkhāgatamhīti saṅkhāragate visayabhūte. Tikkheti bhāvanābalena indriyānañca samatāya tibbe. Sūreti paṭipakkhehi anabhibhūtatāya, tesañca abhibhavanasamatthatāya visade paṭubhūte pavattante.
กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน วูปสนฺตตาย สนฺตจิตฺตสฺส, สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุโน, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสนฺนิสฺสิตตฺตา อมานุสี รตีติ วิเวกรติ เนกฺขมฺมรติฯ ยโต ยโตติ ยถา ยถา นยวิปสฺสนาทีสุ เยน เยน สมฺมสนากาเรนาติ อโตฺถฯ ขนฺธานํ อุทยพฺพยนฺติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธานํ อุปฺปาทญฺจ ภงฺคญฺจฯ อมตนฺตํ วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ วิญฺญูนํ อารทฺธวิปสฺสนานํ ตํ ปีติปาโมชฺชํ อมตาธิคมเหตุตาย อมตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kilesānaṃ vikkhambhanavasena vūpasantatāya santacittassa, saṃsāre bhayassa ikkhanato bhikkhuno, uttarimanussadhammasannissitattā amānusī ratīti vivekarati nekkhammarati. Yato yatoti yathā yathā nayavipassanādīsu yena yena sammasanākārenāti attho. Khandhānaṃ udayabbayanti pañcupādānakkhandhānaṃ uppādañca bhaṅgañca. Amatantaṃ vijānatanti vijānantānaṃ viññūnaṃ āraddhavipassanānaṃ taṃ pītipāmojjaṃ amatādhigamahetutāya amatanti veditabbaṃ.
ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเตติ รูปาทิวเสน ฉพฺพิเธ อิฎฺฐารมฺมเณ ยถารหํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อาปาถคเตฯ วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํฯ
Chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagateti rūpādivasena chabbidhe iṭṭhārammaṇe yathārahaṃ chasu dvāresu āpāthagate. Visaye cetaṃ bhummavacanaṃ.
๓๐๗. ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํฯ อนุตฺตรวิโมโกฺข นาม อรหตฺตํ อิธ อธิเปฺปตํ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสนฯ กถํ ปน ตตฺถ ปิหํ อุปฎฺฐเปติ, น หิ อธิคตํ อรหตฺตํ อารมฺมณํ โหติ, น จ ตํ อารพฺภ ปิหา ปวตฺตตีติ? โก วา เอวมาห – ‘‘อรหตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปิหํ อุปฎฺฐเปตี’’ติฯ อนุสฺสุติลทฺธํ ปน ปริกปฺปสิทฺธํ อรหตฺตํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ ฐเปติ, ตตฺถ จิตฺตํ ปณิทหติฯ เตนาห ภควา – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติฯ อายตนนฺติ อรหตฺตเมว ฉฬงฺคสมนฺนาคมาทิการณภาวโต, มนายตนธมฺมายตนภาวโต จ ตถา วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ โทมนสฺสํ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ ปตฺถนาย สหาวตฺตนโตฯ น หิ โลภโทสานํ สห วุตฺติ อตฺถิฯ ปตฺถนามูลกตฺตาติ อิมินา อุปฎฺฐาปยโต ปทสฺส เหตุอตฺถโชตกตมาหฯ เอวนฺติ ‘‘กุทาสฺสุนามา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรนฯ อุสฺสุกฺกาเปตุนฺติ ยถา มเคฺคน ฆเฎติ, เอวํ อุสฺสุกฺกาเปตุํฯ
307.Paccuppannanti santatipaccuppannaṃ. Anuttaravimokkho nāma arahattaṃ idha adhippetaṃ ukkaṭṭhaniddesena. Kathaṃ pana tattha pihaṃ upaṭṭhapeti, na hi adhigataṃ arahattaṃ ārammaṇaṃ hoti, na ca taṃ ārabbha pihā pavattatīti? Ko vā evamāha – ‘‘arahattaṃ ārammaṇaṃ katvā pihaṃ upaṭṭhapetī’’ti. Anussutiladdhaṃ pana parikappasiddhaṃ arahattaṃ uddissa patthanaṃ ṭhapeti, tattha cittaṃ paṇidahati. Tenāha bhagavā – ‘‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmī’’ti. Āyatananti arahattameva chaḷaṅgasamannāgamādikāraṇabhāvato, manāyatanadhammāyatanabhāvato ca tathā vuttaṃ, taṃ panetaṃ domanassaṃ patthanaṃ paṭṭhapentassa uppajjati patthanāya sahāvattanato. Na hi lobhadosānaṃ saha vutti atthi. Patthanāmūlakattāti iminā upaṭṭhāpayato padassa hetuatthajotakatamāha. Evanti ‘‘kudāssunāmā’’tiādinā vuttākārena. Ussukkāpetunti yathā maggena ghaṭeti, evaṃ ussukkāpetuṃ.
๓๐๘. อญฺญาณุเปกฺขาติ อญฺญาณสหิตา อุเปกฺขา อสมเปกฺขนปวตฺตาฯ เตน เตน มโคฺคธินา ตสฺส ตสฺส อปายคมนียกิเลโสธิสฺส อนวเสสโต ชิตตฺตา ขีณาสโว นิปฺปริยายโต โอธิชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโตว อโนธิชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต โอธิชิโนติฯ ตมฺปิ นิวเตฺตโนฺต, ‘‘อขีณาสวสฺสาติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ อายติํ วิปากํ ชินิตฺวาติ อปฺปวตฺติกรณวเสน สพฺพโส อายติํ วิปากํ ชินิตฺวา ฐิตตฺตา ขีณาสโวว นิปฺปริยายโต วิปากชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโต อวิปากชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต วิปากชิโนติฯ ตมฺปิ นิวเตฺตโนฺต ‘‘อขีณาสวเสฺสวาติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ อปสฺสนฺตสฺส รูปนฺติ ปาฬิโต ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ปาฬิยํ ปุเพฺพ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วจนํ อนฺธปุถุชฺชนสฺสายํ อุเปกฺขา, น กลฺยาณปุถุชฺชนสฺสาติ ทสฺสนตฺถํฯ เคหสฺสิตา อุเปกฺขา หิ ยํ กิญฺจิ อารมฺมณวตฺถุํ อเปกฺขเสฺสว, น นิรเปกฺขสฺสาติ อิเฎฺฐ, อิฎฺฐมชฺฌเตฺต วา อารมฺมเณ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติฯ อญฺญาเณน ปน ตตฺถ อชฺฌุเปกฺขนาการปฺปตฺติ โหติฯ เตนาห ‘‘คุฬปิณฺฑเก’’ติอาทิฯ
308.Aññāṇupekkhāti aññāṇasahitā upekkhā asamapekkhanapavattā. Tena tena maggodhinā tassa tassa apāyagamanīyakilesodhissa anavasesato jitattā khīṇāsavo nippariyāyato odhijino nāma; tadabhāvato puthujjano nippariyāyatova anodhijino nāma; sekho pana siyā pariyāyato odhijinoti. Tampi nivattento, ‘‘akhīṇāsavassāti attho’’ti āha. Āyatiṃ vipākaṃ jinitvāti appavattikaraṇavasena sabbaso āyatiṃ vipākaṃ jinitvā ṭhitattā khīṇāsavova nippariyāyato vipākajino nāma; tadabhāvato puthujjano nippariyāyato avipākajino nāma; sekho pana siyā pariyāyato vipākajinoti. Tampi nivattento ‘‘akhīṇāsavassevāti attho’’ti āha. Apassantassa rūpanti pāḷito padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Pāḷiyaṃ pubbe ‘‘puthujjanassā’’ti vatvā puna ‘‘assutavato puthujjanassā’’ti vacanaṃ andhaputhujjanassāyaṃ upekkhā, na kalyāṇaputhujjanassāti dassanatthaṃ. Gehassitā upekkhā hi yaṃ kiñci ārammaṇavatthuṃ apekkhasseva, na nirapekkhassāti iṭṭhe, iṭṭhamajjhatte vā ārammaṇe siyāti vuttaṃ ‘‘iṭṭhārammaṇe āpāthagate’’ti. Aññāṇena pana tattha ajjhupekkhanākārappatti hoti. Tenāha ‘‘guḷapiṇḍake’’tiādi.
อิเฎฺฐ อรชฺชนฺตสฺส อนิเฎฺฐ อทุสฺสนฺตสฺสาติ อิทํ เยภุเยฺยน สตฺตานํ อิเฎฺฐ รชฺชนํ, อนิเฎฺฐ ทุสฺสนนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ อโยนิโยมนสิกาโร หิ ตํตํอารมฺมณวเสน น กตฺถจิปิ ชวนนิยมํ กโรตีติ วุตฺตวิปรีเตปิ อารมฺมเณ รชฺชนทุสฺสนํ สมฺภวติ, ตถาปิสฺส รชฺชนทุสฺสนํ อตฺถโต ปฎิกฺขิตฺตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อสมเปกฺขเนติ อสมํ อยุตฺตทสฺสเน อโยนิโส สโมฺมหปุพฺพกํ อารมฺมณสฺส คหเณฯ
Iṭṭhe arajjantassa aniṭṭhe adussantassāti idaṃ yebhuyyena sattānaṃ iṭṭhe rajjanaṃ, aniṭṭhe dussananti katvā vuttaṃ. Ayoniyomanasikāro hi taṃtaṃārammaṇavasena na katthacipi javananiyamaṃ karotīti vuttaviparītepi ārammaṇe rajjanadussanaṃ sambhavati, tathāpissa rajjanadussanaṃ atthato paṭikkhittamevāti daṭṭhabbaṃ. Asamapekkhaneti asamaṃ ayuttadassane ayoniso sammohapubbakaṃ ārammaṇassa gahaṇe.
๓๐๙. ปวตฺตนวเสนาติ อุปฺปาทนวเสน เจว พหุลีกรณวเสน จฯ นิสฺสาย เจว อาคมฺม จาติ อาคมนฎฺฐานภูเต นิสฺสยปจฺจยภูเต จ กตฺวาฯ อติกฺกนฺตานิ นาม โหนฺติ วิกฺขมฺภเนน อุสฺสาเรนฺตา สมุสฺสาเรนฺตาฯ
309.Pavattanavasenāti uppādanavasena ceva bahulīkaraṇavasena ca. Nissāya ceva āgammacāti āgamanaṭṭhānabhūte nissayapaccayabhūte ca katvā. Atikkantāni nāma honti vikkhambhanena ussārentā samussārentā.
โสมนสฺสภาวสามญฺญํ คเหตฺวา, ‘‘สริกฺขเกเนว สริกฺขกํ ชหาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อิธาปิ ปหายกํ นาม ปหาตพฺพโต พลวเมว, สํกิเลสธมฺมานํ พลวภาวโต สาติสยํ ปน พลวภาวํ สนฺธาย ‘‘อิทานิ พลวตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พลวภาวโต โวทานธมฺมานํ อธิคมสฺส อธิเปฺปตตฺตา เหตฺถ เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสานมฺปิ ปหานํ โชติตํฯ
Somanassabhāvasāmaññaṃ gahetvā, ‘‘sarikkhakeneva sarikkhakaṃ jahāpetvā’’ti vuttaṃ. Idhāpi pahāyakaṃ nāma pahātabbato balavameva, saṃkilesadhammānaṃ balavabhāvato sātisayaṃ pana balavabhāvaṃ sandhāya ‘‘idāni balavatā’’tiādi vuttaṃ. Balavabhāvato vodānadhammānaṃ adhigamassa adhippetattā hettha nekkhammassitadomanassānampi pahānaṃ jotitaṃ.
อุเปกฺขาย ปหายกภาเวน อธิเปฺปตตฺตา ‘‘อุเปกฺขากถา เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ ฌานสฺส อลาภิโน จ ลาภิโน จ ปกิณฺณกสงฺขารสมฺมสนํ สนฺธาย, ‘‘สุทฺธสงฺขาเร จ ปาทเก กตฺวา’’ติฯ อุเปกฺขาสหคตาติ ภาวนาย ปคุณภาวํ อาคมฺม กทาจิ อชฺฌุเปกฺขนวเสนปิ หิ สมฺมสนํ โหตีติฯ ปาทกชฺฌานวเสน, สมฺมสิตธมฺมวเสน วา อาคมนวิปสฺสนาย พหุลํ โสมนสฺสสหคตภาวโต ‘‘วุฎฺฐานคามินี ปน วิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาวา’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํฯ อุเปกฺขาสหคตา โหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ จตุตฺถชฺฌานาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อรูปชฺฌานานิ สงฺคณฺหาติฯ ปุริมสทิสาวาติ ปุริมสทิสา เอว, อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ โสมนสฺสสหคตา วาติ อโตฺถฯ อิทํ สนฺธายาติ ยํ จตุตฺถชฺฌานาทิปาทกโต เอว อุเปกฺขาสหคตํ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนํ นิสฺสาย โสมนสฺสสหคตาย วิปสฺสนาย ปหานํ, อิทํ สนฺธายฯ ปหานนฺติ เจตฺถ สมติกฺกมลกฺขณํ เวทิตพฺพํฯ
Upekkhāya pahāyakabhāvena adhippetattā ‘‘upekkhākathā veditabbā’’ti vuttaṃ. Jhānassa alābhino ca lābhino ca pakiṇṇakasaṅkhārasammasanaṃ sandhāya, ‘‘suddhasaṅkhāre ca pādake katvā’’ti. Upekkhāsahagatāti bhāvanāya paguṇabhāvaṃ āgamma kadāci ajjhupekkhanavasenapi hi sammasanaṃ hotīti. Pādakajjhānavasena, sammasitadhammavasena vā āgamanavipassanāya bahulaṃ somanassasahagatabhāvato ‘‘vuṭṭhānagāminī pana vipassanā somanassasahagatāvā’’ti niyametvā vuttaṃ. Upekkhāsahagatā hotīti etthāpi eseva nayo. Catutthajjhānādīnīti ādi-saddena arūpajjhānāni saṅgaṇhāti. Purimasadisāvāti purimasadisā eva, upekkhāsahagatā vā hoti somanassasahagatā vāti attho. Idaṃ sandhāyāti yaṃ catutthajjhānādipādakato eva upekkhāsahagataṃ vuṭṭhānagāminivipassanaṃ nissāya somanassasahagatāya vipassanāya pahānaṃ, idaṃ sandhāya. Pahānanti cettha samatikkamalakkhaṇaṃ veditabbaṃ.
เอตํ วิเสสํ วิปสฺสนาย อาวชฺชนฎฺฐานภูตํฯ วุฎฺฐานคามินิยา อาสเนฺน สมาปนฺนชฺฌานวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนา, สมฺมสิตธโมฺมติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธาฯ ปุคฺคลชฺฌาสโยติ ปาทกชฺฌานสฺส สมฺมสิตชฺฌานสฺส จ เภเท สติ ปฎิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส, ‘‘อโห วต มยฺหํ ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ ภเวยฺย จตุรงฺคิก’’นฺติอาทินา ปุเพฺพ ปวตฺตอชฺฌาสโยฯ เตสมฺปิ วาเทติ เอตฺถ ปฐมเถรวาเทฯ อยเมว…เป.… นิยเมติ ตโต ตโต ทุติยาทิปาทกชฺฌานโต อุปฺปนฺนสฺส สงฺขารุเปกฺขาญาณสฺส ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตา วิราคภาวนาภาวโต อิตรสฺส จ อตพฺภาวโตฯ เอเตเนว หิ ปฐมเถรวาเท อปาทกปฐมชฺฌานปาทกมคฺคา ปฐมชฺฌานิกาว โหนฺติ, อิตเร จ ทุติยชฺฌานิกาทิมคฺคา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนานิยเมหิ ตํตํฌานิกาวฯ เอวํ เสสวาเทสุปิ วิปสฺสนานิยโม ยถาสมฺภวํ โยเชตโพฺพฯ เตนาห – ‘‘เตสมฺปิ วาเท อยเมว ปุพฺพภาเค วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตี’’ติฯ วุตฺตาว, ตสฺมา น อิธ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ
Etaṃ visesaṃ vipassanāya āvajjanaṭṭhānabhūtaṃ. Vuṭṭhānagāminiyā āsanne samāpannajjhānavipassanā pādakajjhānavipassanā, sammasitadhammoti vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā. Puggalajjhāsayoti pādakajjhānassa sammasitajjhānassa ca bhede sati paṭipajjanakassa puggalassa, ‘‘aho vata mayhaṃ pañcaṅgikaṃ jhānaṃ bhaveyya caturaṅgika’’ntiādinā pubbe pavattaajjhāsayo. Tesampi vādeti ettha paṭhamatheravāde. Ayameva…pe… niyameti tato tato dutiyādipādakajjhānato uppannassa saṅkhārupekkhāñāṇassa pādakajjhānātikkantānaṃ aṅgānaṃ asamāpajjitukāmatā virāgabhāvanābhāvato itarassa ca atabbhāvato. Eteneva hi paṭhamatheravāde apādakapaṭhamajjhānapādakamaggā paṭhamajjhānikāva honti, itare ca dutiyajjhānikādimaggā pādakajjhānavipassanāniyamehi taṃtaṃjhānikāva. Evaṃ sesavādesupi vipassanāniyamo yathāsambhavaṃ yojetabbo. Tenāha – ‘‘tesampi vāde ayameva pubbabhāge vuṭṭhānagāminivipassanāva niyametī’’ti. Vuttāva, tasmā na idha vattabbāti adhippāyo.
๓๑๐. นานตฺตาทิ กามาวจราทิกุสลาทิวิภาคโต นานาวิธาฯ เตนาห ‘‘อเนกปฺปการา’’ติฯ นานตฺตสิตาติ รูปสทฺทาทินานารมฺมณนิสฺสยาฯ เอกตฺตา เอกสภาวา ชาติภูมิอาทิวิภาคาภาวโตฯ เอการมฺมณนิสฺสิตาติ เอกปฺปกาเรเนว อารมฺมเณ ปวตฺตาฯ เหฎฺฐา อญฺญาณุเปกฺขา วุตฺตา ‘‘พาลสฺส มุฬฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๘)ฯ อุปริ ฉฬงฺคุเปกฺขา วกฺขติ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๑๑)ฯ เทฺว อุเปกฺขา คหิตา ทฺวินฺนมฺปิ เอกตฺตา, เอกชฺฌํ คเหตพฺพโต, นานตฺตสิตาย อุเปกฺขาย ปกาสิตภาวโต จฯ
310.Nānattādi kāmāvacarādikusalādivibhāgato nānāvidhā. Tenāha ‘‘anekappakārā’’ti. Nānattasitāti rūpasaddādinānārammaṇanissayā. Ekattā ekasabhāvā jātibhūmiādivibhāgābhāvato. Ekārammaṇanissitāti ekappakāreneva ārammaṇe pavattā. Heṭṭhā aññāṇupekkhā vuttā ‘‘bālassa muḷhassā’’tiādinā (ma. ni. 3.308). Upari chaḷaṅgupekkhā vakkhati ‘‘upekkhako viharatī’’tiādinā (ma. ni. 3.311). Dve upekkhā gahitā dvinnampi ekattā, ekajjhaṃ gahetabbato, nānattasitāya upekkhāya pakāsitabhāvato ca.
อญฺญาณุเปกฺขา อญฺญา สทฺทาทีสุ ตตฺถ ตเตฺถว วิชฺชมานตฺตาฯ รูเปสูติ จ อิมินา น เกวลํ รูปายตนวิเสสา เอว คหิตา, อถ โข กสิณรูปานิปีติ อาห – ‘‘รูเป อุเปกฺขาภาวญฺจ อญฺญา’’ติอาทิฯ เอกตฺตสิตภาโวปิ อิธ เอกตฺตวิสยสมฺปโยควเสเนว อิจฺฉิโต, น อารมฺมณวเสน จาติ ทเสฺสตุํ, ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ สมฺปยุตฺตวเสนาติ สมฺปโยควเสนฯ อากาสานญฺจายตนํ นิสฺสยตีติ อากาสานญฺจายตนนิสฺสิตา, อากาสานญฺจายตนขนฺธนิสฺสิตาฯ เสสาสุปีติ วิญฺญาณญฺจายตนนิสฺสิตาทีสุปิฯ
Aññāṇupekkhā aññā saddādīsu tattha tattheva vijjamānattā. Rūpesūti ca iminā na kevalaṃ rūpāyatanavisesā eva gahitā, atha kho kasiṇarūpānipīti āha – ‘‘rūpe upekkhābhāvañca aññā’’tiādi. Ekattasitabhāvopi idha ekattavisayasampayogavaseneva icchito, na ārammaṇavasena cāti dassetuṃ, ‘‘yasmā panā’’tiādi vuttaṃ. Tenevāha ‘‘tatthā’’tiādi. Sampayuttavasenāti sampayogavasena. Ākāsānañcāyatanaṃ nissayatīti ākāsānañcāyatananissitā, ākāsānañcāyatanakhandhanissitā. Sesāsupīti viññāṇañcāyatananissitādīsupi.
อรูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขายาติ อรูปาวจรธมฺมารมฺมณาย วิปสฺสนุเปกฺขายฯ รูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตาย กามรูปารูปเภทาย ตณฺหาย นิพฺพตฺตาติ ตมฺมยา, เตภูมกธมฺมา, เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, ตณฺหา ยสฺส คุณสฺส วเสน อเตฺถ สทฺทนิเวโส, ตทภิธานโกติ อาห – ‘‘ตมฺมยตา นาม ตณฺหา’’ติ ฯ อตมฺมยตา ตมฺมยตาย ปฎิปโกฺขติ กตฺวาฯ วิปสฺสนุเปกฺขนฺติ, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฎิลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตํ สงฺขารวิจินเน มชฺฌตฺตภูตํ อุเปกฺขํฯ
Arūpāvacaravipassanupekkhāyāti arūpāvacaradhammārammaṇāya vipassanupekkhāya. Rūpāvacaravipassanupekkhanti etthāpi eseva nayo. Tāya kāmarūpārūpabhedāya taṇhāya nibbattāti tammayā, tebhūmakadhammā, tesaṃ bhāvo tammayatā, taṇhā yassa guṇassa vasena atthe saddaniveso, tadabhidhānakoti āha – ‘‘tammayatā nāma taṇhā’’ti . Atammayatā tammayatāya paṭipakkhoti katvā. Vipassanupekkhanti, ‘‘yadatthi yaṃ bhūtaṃ, taṃ pajahati upekkhaṃ paṭilabhatī’’ti (dī. ni. 3.71; a. ni. 7.55) evamāgataṃ saṅkhāravicinane majjhattabhūtaṃ upekkhaṃ.
๓๑๑. ยทริโยติ เอตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อุปโยคปุถุวจเน จ ย-สโทฺทติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘เย สติปฎฺฐาเน อริโย’’ติ อาหฯ กามํ ‘‘อริโย’’ติ ปทํ สเพฺพสมฺปิ ปฎิวิทฺธสจฺจานํ สาธารณํ, วกฺขมานสฺส ปน วิเสสสฺส พุทฺธาเวณิกตฺตา, ‘‘อริโย สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ วุตฺตํฯ น หิ ปเจฺจกพุทฺธาทีนํ อยมานุภาโว อตฺถิฯ ตีสุ ฐาเนสูติ น สุสฺสูสนฺตีติ วา, เอกเจฺจ น สุสฺสูสนฺติ เอกเจฺจ สุสฺสูสนฺตีติ วา, สุสฺสูสนฺตีติ วา, ปฎิปนฺนาปฎิปนฺนานํ สาวกานํ ปฎิปตฺติสงฺขาเตสุ ตีสุ สติปฎฺฐาเนสุฯ สติํ ปฎฺฐเปโนฺตติ ปฎิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตฺตา ตทุภยนิวตฺตตฺตา สพฺพทา สติํ อุปฎฺฐเปโนฺตฯ พุทฺธานเมว สา นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสติตา, น อิตเรสํ อาเวณิกธมฺมภาวโตฯ อาทเรน โสตุมิจฺฉา อิธ สุสฺสูสาติ ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สทฺทหิตฺวา โสตุํ น อิจฺฉนฺตี’’ติ อาหฯ น อญฺญาติ ‘‘น อญฺญายา’’ติ วตฺตเพฺพ ยการโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘น ชานนตฺถายา’’ติฯ สตฺถุ โอวาทสฺส อนาทิยนเมว โวกฺกมนนฺติ อาห – ‘‘อติกฺกมิตฺวา…เป.… มญฺญนฺตี’’ติฯ
311.Yadariyoti ettha da-kāro padasandhikaro, upayogaputhuvacane ca ya-saddoti dassento, ‘‘ye satipaṭṭhāne ariyo’’ti āha. Kāmaṃ ‘‘ariyo’’ti padaṃ sabbesampi paṭividdhasaccānaṃ sādhāraṇaṃ, vakkhamānassa pana visesassa buddhāveṇikattā, ‘‘ariyo sammāsambuddho’’ti vuttaṃ. Na hi paccekabuddhādīnaṃ ayamānubhāvo atthi. Tīsu ṭhānesūti na sussūsantīti vā, ekacce na sussūsanti ekacce sussūsantīti vā, sussūsantīti vā, paṭipannāpaṭipannānaṃ sāvakānaṃ paṭipattisaṅkhātesu tīsu satipaṭṭhānesu. Satiṃ paṭṭhapentoti paṭighānunayehi anavassutattā tadubhayanivattattā sabbadā satiṃ upaṭṭhapento. Buddhānameva sā niccaṃ upaṭṭhitasatitā, na itaresaṃ āveṇikadhammabhāvato. Ādarena sotumicchā idha sussūsāti tadabhāvaṃ dassento, ‘‘saddahitvā sotuṃ na icchantī’’ti āha. Na aññāti ‘‘na aññāyā’’ti vattabbe yakāralopena niddesoti āha ‘‘na jānanatthāyā’’ti. Satthu ovādassa anādiyanameva vokkamananti āha – ‘‘atikkamitvā…pe… maññantī’’ti.
เคหสฺสิตโทมนสฺสวเสนาติ อิทํ อิธ ปฎิกฺขิปิตพฺพมตฺตทสฺสนปทํ ทฎฺฐพฺพํฯ เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสสฺสปิ สตฺถุ ปสงฺควเสน ‘‘น เจว อตฺตมโน โหตี’’ติ อตฺตมนปฎิเกฺขเปน อนตฺตมนตา วุตฺตา วิย โหตีติ ตํ ปฎิเสเธโนฺต – ‘‘อปฺปตีโต โหตีติ น เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ ตสฺส เสตุฆาโต หิ ตถาคตานํฯ ยทิ เอวํ กสฺมา อตฺตมนตาปฎิเกฺขโปติ อาห – ‘‘อปฺปฎิปนฺนเกสุ ปน อนตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺต’’นฺติฯ ปฎิฆอวสฺสเวนาติ ฉหิ ทฺวาเรหิ ปฎิฆวิสฺสนฺทเนน, ปฎิฆปฺปวตฺติยาติ อโตฺถฯ อุปฺปิลาวิโตติ น เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ อุปฺปิลาวิตตฺตสฺส โพธิมูเล เอว ปหีนตฺตาฯ ปฎิปนฺนเกสูติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ, อปฺปฎิปนฺนเกสุปิ ตถาคตสฺส อนตฺตมนตาการณํ นเตฺถวฯ เอตํ วุตฺตนฺติ เอตํ ‘‘อตฺตมโน เจว โหตี’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ สาวกานํ สมฺมาปฎิปตฺติยา สตฺถุ อนวชฺชาย จิตฺตาราธนาย สมฺภวโตฯ
Gehassitadomanassavasenāti idaṃ idha paṭikkhipitabbamattadassanapadaṃ daṭṭhabbaṃ. Nekkhammassitadomanassassapi satthu pasaṅgavasena ‘‘na ceva attamano hotī’’ti attamanapaṭikkhepena anattamanatā vuttā viya hotīti taṃ paṭisedhento – ‘‘appatīto hotīti na evamattho daṭṭhabbo’’ti. Tassa setughāto hi tathāgatānaṃ. Yadi evaṃ kasmā attamanatāpaṭikkhepoti āha – ‘‘appaṭipannakesu pana anattamanatākāraṇassa abhāvenetaṃ vutta’’nti. Paṭighaavassavenāti chahi dvārehi paṭighavissandanena, paṭighappavattiyāti attho. Uppilāvitoti na evamattho daṭṭhabbo uppilāvitattassa bodhimūle eva pahīnattā. Paṭipannakesūti idaṃ adhikāravasena vuttaṃ, appaṭipannakesupi tathāgatassa anattamanatākāraṇaṃ nattheva. Etaṃ vuttanti etaṃ ‘‘attamano ceva hotī’’tiādivacanaṃ vuttaṃ sāvakānaṃ sammāpaṭipattiyā satthu anavajjāya cittārādhanāya sambhavato.
๓๑๒. ทมิโตติ นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สิกฺขาปิโตฯ อิริยาปถปริวตฺตนวเสน อปริวตฺติตฺวา เอกทิสาย เอว สตฺตทิสาวิธาวนสฺส อิธาธิเปฺปตตฺตา สาริตานํ หตฺถิทมฺมาทีนํ เอกทิสาธาวนมฺปิ อนิวตฺตนวเสเนว ยุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อนิวตฺติตฺวา ธาวโนฺต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติฯ กาเยน อนิวตฺติตฺวาวาติ กาเยน อปริวตฺติตฺวา เอวฯ วิโมกฺขวเสน อฎฺฐ ทิสา วิธาวติ, น ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสนฯ เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกนีหาเรเนว, เอกสฺมิํเยว วา ทิวเส เอกภาเคนฯ ‘‘ปหาโร’’ติ หิ ทิวสสฺส ตติโย ภาโค วุจฺจติฯ วิธาวนเญฺจตฺถ ฌานสมาปชฺชนวเสน อกลงฺกมปฺปติสาตํ ชวนจิตฺตปวตฺตนฺติ อาห ‘‘สมาปชฺชติเยวา’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
312.Damitoti nibbisevanabhāvāpādanena sikkhāpito. Iriyāpathaparivattanavasena aparivattitvā ekadisāya eva sattadisāvidhāvanassa idhādhippetattā sāritānaṃ hatthidammādīnaṃ ekadisādhāvanampi anivattanavaseneva yuttanti āha – ‘‘anivattitvā dhāvanto ekaṃyeva disaṃ dhāvatī’’ti. Kāyena anivattitvāvāti kāyena aparivattitvā eva. Vimokkhavasena aṭṭha disā vidhāvati, na puratthimādidisāvasena. Ekappahārenevāti ekanīhāreneva, ekasmiṃyeva vā divase ekabhāgena. ‘‘Pahāro’’ti hi divasassa tatiyo bhāgo vuccati. Vidhāvanañcettha jhānasamāpajjanavasena akalaṅkamappatisātaṃ javanacittapavattanti āha ‘‘samāpajjatiyevā’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.
สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 7. Saḷāyatanavibhaṅgasuttavaṇṇanā