Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. จูฬยมกวโคฺค
5. Cūḷayamakavaggo
๑. สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา
1. Sāleyyakasuttavaṇṇanā
๔๓๙. เอวํ เม สุตนฺติ สาเลยฺยกสุตฺตํฯ ตตฺถ โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมาราฯ เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสเทฺทน โกสลาติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ โกสเลสุ ชนปเทฯ โปราณา ปนาหุ – ยสฺมา ปุเพฺพ มหาปนาทํ ราชกุมารํ นานานาฎกานิ ทิสฺวา สิตมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ สุตฺวา ราชา อาห – ‘‘โย มม ปุตฺตํ หสาเปติ, สพฺพาลงฺกาเรน นํ อลงฺกโรมี’’ติฯ ตโต นงฺคลานิปิ ฉเฑฺฑตฺวา มหาชนกาเย สนฺนิปติเต มนุสฺสา สาติเรกานิ สตฺตวสฺสานิ นานากีฬิกาโย ทเสฺสตฺวา นํ หสาเปตุํ นาสกฺขิํสุฯ ตโต สโกฺก เทวนฎํ เปเสสิฯ โส ทิพฺพนาฎกํ ทเสฺสตฺวา หสาเปสิฯ อถ เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน วสโนกาสาภิมุขา ปกฺกมิํสุฯ เต ปฎิปเถ มิตฺตสุหชฺชาทโย ทิสฺวา ปฎิสนฺถารํ กโรนฺตา, ‘‘กจฺจิ, โภ, กุสลํ, กจฺจิ, โภ, กุสล’’นฺติ อาหํสุฯ ตสฺมา ตํ ‘‘กุสลํ กุสล’’นฺติ วจนํ อุปาทาย โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตีติฯ
439.Evaṃme sutanti sāleyyakasuttaṃ. Tattha kosalesūti kosalā nāma jānapadino rājakumārā. Tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīsaddena kosalāti vuccati, tasmiṃ kosalesu janapade. Porāṇā panāhu – yasmā pubbe mahāpanādaṃ rājakumāraṃ nānānāṭakāni disvā sitamattampi akarontaṃ sutvā rājā āha – ‘‘yo mama puttaṃ hasāpeti, sabbālaṅkārena naṃ alaṅkaromī’’ti. Tato naṅgalānipi chaḍḍetvā mahājanakāye sannipatite manussā sātirekāni sattavassāni nānākīḷikāyo dassetvā naṃ hasāpetuṃ nāsakkhiṃsu. Tato sakko devanaṭaṃ pesesi. So dibbanāṭakaṃ dassetvā hasāpesi. Atha te manussā attano attano vasanokāsābhimukhā pakkamiṃsu. Te paṭipathe mittasuhajjādayo disvā paṭisanthāraṃ karontā, ‘‘kacci, bho, kusalaṃ, kacci, bho, kusala’’nti āhaṃsu. Tasmā taṃ ‘‘kusalaṃ kusala’’nti vacanaṃ upādāya so padeso kosalāti vuccatīti.
จาริกํ จรมาโนติ อตุริตจาริกํ จรมาโนฯ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธินฺติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วาติ เอวํ อปริจฺฉิเนฺนน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ พฺราหฺมณคาโมติ พฺราหฺมณานํ สโมสรณคาโมปิ พฺราหฺมณคาโมติ วุจฺจติ พฺราหฺมณานํ โภคคาโมปิฯ อิธ สโมสรณคาโม อธิเปฺปโตฯ ตทวสรีติ ตํ อวสริ, สมฺปโตฺตติ อโตฺถฯ วิหาโร ปเนตฺถ อนิยามิโต; ตสฺมา ตสฺส อวิทูเร พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เอโก วนสโณฺฑ ภวิสฺสติ, สตฺถา ตํ วนสณฺฑํ คโตติ เวทิตโพฺพฯ อโสฺสสุนฺติ สุณิํสุ อุปลภิํสุฯ โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิโคฺฆสานุสาเรน ชานิํสุฯ โขติ อวธารณเตฺถ ปทปูรณมเตฺต วา นิปาโตฯ ตตฺถ อวธารณเตฺถน อโสฺสสุํเยว , น เนสํ โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปทปูรเณน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตามตฺตเมวฯ
Cārikaṃ caramānoti aturitacārikaṃ caramāno. Mahatā bhikkhusaṅghena saddhinti sataṃ vā sahassaṃ vā satasahassaṃ vāti evaṃ aparicchinnena mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Brāhmaṇagāmoti brāhmaṇānaṃ samosaraṇagāmopi brāhmaṇagāmoti vuccati brāhmaṇānaṃ bhogagāmopi. Idha samosaraṇagāmo adhippeto. Tadavasarīti taṃ avasari, sampattoti attho. Vihāro panettha aniyāmito; tasmā tassa avidūre buddhānaṃ anucchaviko eko vanasaṇḍo bhavissati, satthā taṃ vanasaṇḍaṃ gatoti veditabbo. Assosunti suṇiṃsu upalabhiṃsu. Sotadvārasampattavacananigghosānusārena jāniṃsu. Khoti avadhāraṇatthe padapūraṇamatte vā nipāto. Tattha avadhāraṇatthena assosuṃyeva , na nesaṃ koci savanantarāyo ahosīti ayamattho veditabbo. Padapūraṇena byañjanasiliṭṭhatāmattameva.
อิทานิ ยมตฺถํ อโสฺสสุํ, ตํ ปกาเสตุํ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโมติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตโพฺพฯ ขลูติ อนุสฺสวนเตฺถ นิปาโตฯ โภติ เตสํ อญฺญมญฺญํ อาลปนมตฺตํฯ โคตโมติ ภควโต โคตฺตวเสน ปริทีปนํฯ ตสฺมา สมโณ ขลุ, โภ, โคตโมติ เอตฺถ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคโตฺตติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สกฺยปุโตฺตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํฯ สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํฯ เกนจิ ปาริชุเญฺญน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติฯ ตโต ปรํ วุตฺตตฺถเมวฯ ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อโตฺถฯ กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสโฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ กิตฺติสโทฺทติ กิตฺติเยว, ถุติโฆโส วาฯ อพฺภุคฺคโตติ สเทวกํ โลกํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อุคฺคโตฯ กินฺติ? ‘‘อิติปิ โส ภควา…เป.… พุโทฺธ ภควา’’ติฯ
Idāni yamatthaṃ assosuṃ, taṃ pakāsetuṃ samaṇo khalu, bho, gotamotiādi vuttaṃ. Tattha samitapāpattā samaṇoti veditabbo. Khalūti anussavanatthe nipāto. Bhoti tesaṃ aññamaññaṃ ālapanamattaṃ. Gotamoti bhagavato gottavasena paridīpanaṃ. Tasmā samaṇo khalu, bho, gotamoti ettha samaṇo kira, bho, gotamagottoti evamattho daṭṭhabbo. Sakyaputtoti idaṃ pana bhagavato uccākulaparidīpanaṃ. Sakyakulā pabbajitoti saddhāpabbajitabhāvadīpanaṃ. Kenaci pārijuññena anabhibhūto aparikkhīṇaṃyeva taṃ kulaṃ pahāya saddhāpabbajitoti vuttaṃ hoti. Tato paraṃ vuttatthameva. Taṃ kho panāti itthambhūtākhyānatthe upayogavacanaṃ, tassa kho pana bhoto gotamassāti attho. Kalyāṇoti kalyāṇaguṇasamannāgato, seṭṭhoti vuttaṃ hoti. Kittisaddoti kittiyeva, thutighoso vā. Abbhuggatoti sadevakaṃ lokaṃ ajjhottharitvā uggato. Kinti? ‘‘Itipi so bhagavā…pe… buddho bhagavā’’ti.
ตตฺรายํ ปทสมฺพโนฺธ – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… อิติปิ ภควาติฯ อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานญฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตโพฺพติอาทินา นเยน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา สพฺพาเนว เอตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมเคฺค พุทฺธานุสฺสตินิเทฺทเส วิตฺถาริตานีติ ตโต เตสํ วิตฺถาโร คเหตโพฺพฯ
Tatrāyaṃ padasambandho – so bhagavā itipi arahaṃ, itipi sammāsambuddho…pe… itipi bhagavāti. Iminā ca iminā ca kāraṇenāti vuttaṃ hoti. Tattha ārakattā, arīnaṃ arānañca hatattā, paccayādīnaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvāti imehi tāva kāraṇehi so bhagavā arahanti veditabbotiādinā nayena mātikaṃ nikkhipitvā sabbāneva etāni padāni visuddhimagge buddhānussatiniddese vitthāritānīti tato tesaṃ vitthāro gahetabbo.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน; อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภวํ โคตโม, เอวรูปานํ อเนเกหิปิ กปฺปโกฎิสตสหเสฺสหิ ทุลฺลภทสฺสนานํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิเตฺตหิ อสีติอนุพฺยญฺชนรตนปฎิมณฺฑิเตหิ ทฺวตฺติํสฺมหาปุริสลกฺขณวเรหิ สมากิณฺณมโนรมสรีรานํ อตปฺปกทสฺสนานํ อติมธุรธมฺมนิโคฺฆสานํ, ยถาภูตคุณาธิคเมน โลเก อรหโนฺตติ ลทฺธสทฺทานํ อรหตํฯ ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหติฯ สเจ ปน อฎฺฐงฺคสมนฺนาคเตน พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส เอกํ ปทมฺปิ โสตุํ ลภิสฺสาม, สาธุตรํเยว ภวิสฺสตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวาฯ
Sādhu kho panāti sundaraṃ kho pana; atthāvahaṃ sukhāvahanti vuttaṃ hoti. Tathārūpānaṃ arahatanti yathārūpo so bhavaṃ gotamo, evarūpānaṃ anekehipi kappakoṭisatasahassehi dullabhadassanānaṃ byāmappabhāparikkhittehi asītianubyañjanaratanapaṭimaṇḍitehi dvattiṃsmahāpurisalakkhaṇavarehi samākiṇṇamanoramasarīrānaṃ atappakadassanānaṃ atimadhuradhammanigghosānaṃ, yathābhūtaguṇādhigamena loke arahantoti laddhasaddānaṃ arahataṃ. Dassanaṃ hotīti pasādasommāni akkhīni ummīletvā dassanamattampi sādhu hoti. Sace pana aṭṭhaṅgasamannāgatena brahmassarena dhammaṃ desentassa ekaṃ padampi sotuṃ labhissāma, sādhutaraṃyeva bhavissatīti evaṃ ajjhāsayaṃ katvā.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ สพฺพกิจฺจานิ ปหาย ตุฎฺฐมานสา อาคมํสุฯ เอตทโวจุนฺติ ทุวิธา หิ ปุจฺฉา อคาริกปุจฺฉา อนคาริกปุจฺฉา จฯ ตตฺถ ‘‘กิํ, ภเนฺต, กุสลํ, กิํ อกุสล’’นฺติ อิมินา นเยน อคาริกปุจฺฉา อาคตาฯ ‘‘อิเม โข, ภเนฺต, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ อิมินา นเยน อนคาริกปุจฺฉาฯ อิเม ปน อตฺตโน อนุรูปํ อคาริกปุจฺฉํ ปุจฺฉนฺตา เอตํ, ‘‘โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย’’ติอาทิวจนํ อโวจุํฯ เตสํ ภควา ยถา น สโกฺกนฺติ สลฺลเกฺขตุํ, เอวํ สํขิเตฺตเนว ตาว ปญฺหํ วิสฺสเชฺชโนฺต, อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ โข คหปตโยติอาทิมาหฯ กสฺมา ปน ภควา ยถา น สลฺลเกฺขนฺติ, เอวํ วิสฺสเชฺชสีติ? ปณฺฑิตมานิกา หิ เต; อาทิโตว มาติกํ อฎฺฐเปตฺวา ยถา สลฺลเกฺขนฺติ, เอวํ อเตฺถ วิตฺถาริเต, เทสนํ อุตฺตานิกาติ มญฺญนฺตา อวชานนฺติ, มยมฺปิ กเถนฺตา เอวเมว กเถยฺยามาติ วตฺตาโร ภวนฺติฯ เตน เนสํ ภควา ยถา น สโกฺกนฺติ สลฺลเกฺขตุํ, เอวํ สํขิเตฺตเนว ตาว ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิฯ ตโต สลฺลเกฺขตุํ อสโกฺกเนฺตหิ วิตฺถารเทสนํ ยาจิโต วิตฺถาเรน เทเสตุํ, เตน หิ คหปตโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ เตน หีติ การณเตฺถ นิปาโตฯ ยสฺมา มํ ตุเมฺห ยาจถ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti sabbakiccāni pahāya tuṭṭhamānasā āgamaṃsu. Etadavocunti duvidhā hi pucchā agārikapucchā anagārikapucchā ca. Tattha ‘‘kiṃ, bhante, kusalaṃ, kiṃ akusala’’nti iminā nayena agārikapucchā āgatā. ‘‘Ime kho, bhante, pañcupādānakkhandhā’’ti iminā nayena anagārikapucchā. Ime pana attano anurūpaṃ agārikapucchaṃ pucchantā etaṃ, ‘‘ko nu kho, bho gotama, hetu ko paccayo’’tiādivacanaṃ avocuṃ. Tesaṃ bhagavā yathā na sakkonti sallakkhetuṃ, evaṃ saṃkhitteneva tāva pañhaṃ vissajjento, adhammacariyāvisamacariyāhetu kho gahapatayotiādimāha. Kasmā pana bhagavā yathā na sallakkhenti, evaṃ vissajjesīti? Paṇḍitamānikā hi te; āditova mātikaṃ aṭṭhapetvā yathā sallakkhenti, evaṃ atthe vitthārite, desanaṃ uttānikāti maññantā avajānanti, mayampi kathentā evameva katheyyāmāti vattāro bhavanti. Tena nesaṃ bhagavā yathā na sakkonti sallakkhetuṃ, evaṃ saṃkhitteneva tāva pañhaṃ vissajjesi. Tato sallakkhetuṃ asakkontehi vitthāradesanaṃ yācito vitthārena desetuṃ, tena hi gahapatayotiādimāha. Tattha tena hīti kāraṇatthe nipāto. Yasmā maṃ tumhe yācatha, tasmāti attho.
๔๔๐. ติวิธนฺติ ตีหิ โกฎฺฐาเสหิฯ กาเยนาติ กายทฺวาเรนฯ อธมฺมจริยาวิสมจริยาติ อธมฺมจริยสงฺขาตา วิสมจริยาฯ อยํ ปเนตฺถ ปทโตฺถ, อธมฺมสฺส จริยา อธมฺมจริยา, อธมฺมกรณนฺติ อโตฺถฯ วิสมา จริยา, วิสมสฺส วา กมฺมสฺส จริยาติ วิสมจริยาฯ อธมฺมจริยา จ สา วิสมจริยา จาติ อธมฺมจริยาวิสมจริยาฯ เอเตนุปาเยน สเพฺพสุ กณฺหสุกฺกปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ลุโทฺทติ กกฺขโฬฯ ทารุโณติ สาหสิโกฯ โลหิตปาณีติ ปรํ ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส ปาณี โลหิเตน ลิปฺปนฺติฯ สเจปิ น ลิปฺปนฺติ, ตถาวิโธ โลหิตปาณีเตฺวว วุจฺจติฯ หตปฺปหเต นิวิโฎฺฐติ หเต จ ปรสฺส ปหารทาเน , ปหเต จ ปรมารเณ นิวิโฎฺฐฯ อทยาปโนฺนติ นิกฺกรุณตํ อาปโนฺนฯ
440.Tividhanti tīhi koṭṭhāsehi. Kāyenāti kāyadvārena. Adhammacariyāvisamacariyāti adhammacariyasaṅkhātā visamacariyā. Ayaṃ panettha padattho, adhammassa cariyā adhammacariyā, adhammakaraṇanti attho. Visamā cariyā, visamassa vā kammassa cariyāti visamacariyā. Adhammacariyā ca sā visamacariyā cāti adhammacariyāvisamacariyā. Etenupāyena sabbesu kaṇhasukkapadesu attho veditabbo. Luddoti kakkhaḷo. Dāruṇoti sāhasiko. Lohitapāṇīti paraṃ jīvitā voropentassa pāṇī lohitena lippanti. Sacepi na lippanti, tathāvidho lohitapāṇītveva vuccati. Hatappahate niviṭṭhoti hate ca parassa pahāradāne , pahate ca paramāraṇe niviṭṭho. Adayāpannoti nikkaruṇataṃ āpanno.
ยํ ตํ ปรสฺสาติ ยํ ตํ ปรสฺส สนฺตกํฯ ปรวิตฺตูปกรณนฺติ ตเสฺสว ปรสฺส วิตฺตูปกรณํ ตุฎฺฐิชนนํ ปริกฺขารภณฺฑกํฯ คามคตํ วาติ อโนฺตคาเม วา ฐปิตํฯ อรญฺญคตํ วาติ อรเญฺญ รุกฺขคฺคปพฺพตมตฺถกาทีสุ วา ฐปิตํฯ อทินฺนนฺติ เตหิ ปเรหิ กาเยน วา วาจาย วา อทินฺนํฯ เถยฺยสงฺขาตนฺติ เอตฺถ เถโนติ โจโรฯ เถนสฺส ภาโว เถยฺยํ, อวหรณจิตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอกํ, โกฎฺฐาสเสฺสตํ อธิวจนํ, ‘‘สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ วิยฯ เถยฺยญฺจ ตํ สงฺขาตญฺจาติ เถยฺยสงฺขาตํ, เถยฺยจิตฺตสงฺขาโต เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโสติ อโตฺถ ฯ กรณเตฺถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ, ตสฺมา เถยฺยสงฺขาเตนาติ อตฺถโต ทฎฺฐพฺพํฯ
Yaṃ taṃ parassāti yaṃ taṃ parassa santakaṃ. Paravittūpakaraṇanti tasseva parassa vittūpakaraṇaṃ tuṭṭhijananaṃ parikkhārabhaṇḍakaṃ. Gāmagataṃ vāti antogāme vā ṭhapitaṃ. Araññagataṃ vāti araññe rukkhaggapabbatamatthakādīsu vā ṭhapitaṃ. Adinnanti tehi parehi kāyena vā vācāya vā adinnaṃ. Theyyasaṅkhātanti ettha thenoti coro. Thenassa bhāvo theyyaṃ, avaharaṇacittassetaṃ adhivacanaṃ. Saṅkhā saṅkhātanti atthato ekaṃ, koṭṭhāsassetaṃ adhivacanaṃ, ‘‘saññānidānā hi papañcasaṅkhā’’tiādīsu viya. Theyyañca taṃ saṅkhātañcāti theyyasaṅkhātaṃ, theyyacittasaṅkhāto eko cittakoṭṭhāsoti attho . Karaṇatthe cetaṃ paccattavacanaṃ, tasmā theyyasaṅkhātenāti atthato daṭṭhabbaṃ.
มาตุรกฺขิตาติอาทีสุ ยํ ปิตริ นเฎฺฐ วา มเต วา ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ปฎิชคฺคมานา, วยปตฺตํ กุลฆเร ทสฺสามีติ มาตา รกฺขติ, อยํ มาตุรกฺขิตา นามฯ เอเตนุปาเยน ปิตุรกฺขิตาทโยปิ เวทิตพฺพาฯ สภาคกุลานิ ปน กุจฺฉิคเตสุปิ คเพฺภสุ กติกํ กโรนฺติ – ‘‘สเจ มยฺหํ ปุโตฺต โหติ, ตุยฺหํ ธีตา, อญฺญตฺถ คนฺตุํ น ลภิสฺสติ, มยฺหํ ปุตฺตเสฺสว โหตู’’ติฯ เอวํ คเพฺภปิ ปริคฺคหิตา สสฺสามิกา นามฯ ‘‘โย อิตฺถนฺนามํ อิตฺถิํ คจฺฉติ, ตสฺส เอตฺตโก ทโณฺฑ’’ติ เอวํ คามํ วา เคหํ วา วีถิํ วา อุทฺทิสฺส ฐปิตทณฺฑา, ปน สปริทณฺฑา นามฯ อนฺตมโส มาลาคุณปริกฺขิตฺตาปีติ ยา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน, ‘‘เอสา เม ภริยา ภวิสฺสตี’’ติ สญฺญาย ตสฺสา อุปริ เกนจิ มาลาคุณํ ขิปเนฺตน มาลาคุณมเตฺตนาปิ ปริกฺขิตฺตา โหติฯ ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหตีติ เอวรูปาสุ อิตฺถีสุ สมฺมาทิฎฺฐิสุเตฺต วุตฺตมิจฺฉาจารลกฺขณวเสน วีติกฺกมํ กตฺตา โหติฯ
Māturakkhitātiādīsu yaṃ pitari naṭṭhe vā mate vā ghāsacchādanādīhi paṭijaggamānā, vayapattaṃ kulaghare dassāmīti mātā rakkhati, ayaṃ māturakkhitā nāma. Etenupāyena piturakkhitādayopi veditabbā. Sabhāgakulāni pana kucchigatesupi gabbhesu katikaṃ karonti – ‘‘sace mayhaṃ putto hoti, tuyhaṃ dhītā, aññattha gantuṃ na labhissati, mayhaṃ puttasseva hotū’’ti. Evaṃ gabbhepi pariggahitā sassāmikā nāma. ‘‘Yo itthannāmaṃ itthiṃ gacchati, tassa ettako daṇḍo’’ti evaṃ gāmaṃ vā gehaṃ vā vīthiṃ vā uddissa ṭhapitadaṇḍā, pana saparidaṇḍā nāma. Antamaso mālāguṇaparikkhittāpīti yā sabbantimena paricchedena, ‘‘esā me bhariyā bhavissatī’’ti saññāya tassā upari kenaci mālāguṇaṃ khipantena mālāguṇamattenāpi parikkhittā hoti. Tathārūpāsu cārittaṃ āpajjitā hotīti evarūpāsu itthīsu sammādiṭṭhisutte vuttamicchācāralakkhaṇavasena vītikkamaṃ kattā hoti.
สภาคโตติ สภายํ ฐิโตฯ ปริสาคโตติ ปริสายํ ฐิโตฯ ญาติมชฺฌคโตติ ทายาทานํ มเชฺฌ ฐิโตฯ ปูคมชฺฌคโตติ เสนีนํ มเชฺฌ ฐิโตฯ ราชกุลมชฺฌคโตติ ราชกุลสฺส มเชฺฌ มหาวินิจฺฉเย ฐิโต ฯ อภินีโตติ ปุจฺฉนตฺถาย นีโตฯ สกฺขิปุโฎฺฐติ สกฺขิํ กตฺวา ปุจฺฉิโตฯ เอหโมฺภ ปุริสาติ อาลปนเมตํฯ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วาติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา หตฺถปาทาทิเหตุ วา ธนเหตุ วาฯ อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วาติ เอตฺถ อามิสนฺติ ลาโภ อธิเปฺปโตฯ กิญฺจิกฺขนฺติ ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํฯ อนฺตมโส ติตฺติรวฎฺฎกสปฺปิปิณฺฑนวนีตปิณฺฑาทิมตฺตกสฺสปิ ลญฺชสฺส เหตูติ อโตฺถฯ สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหตีติ ชานโนฺตเยว มุสาวาทํ กตฺตา โหติฯ
Sabhāgatoti sabhāyaṃ ṭhito. Parisāgatoti parisāyaṃ ṭhito. Ñātimajjhagatoti dāyādānaṃ majjhe ṭhito. Pūgamajjhagatoti senīnaṃ majjhe ṭhito. Rājakulamajjhagatoti rājakulassa majjhe mahāvinicchaye ṭhito . Abhinītoti pucchanatthāya nīto. Sakkhipuṭṭhoti sakkhiṃ katvā pucchito. Ehambho purisāti ālapanametaṃ. Attahetu vā parahetu vāti attano vā parassa vā hatthapādādihetu vā dhanahetu vā. Āmisakiñcikkhahetu vāti ettha āmisanti lābho adhippeto. Kiñcikkhanti yaṃ vā taṃ vā appamattakaṃ. Antamaso tittiravaṭṭakasappipiṇḍanavanītapiṇḍādimattakassapi lañjassa hetūti attho. Sampajānamusā bhāsitā hotīti jānantoyeva musāvādaṃ kattā hoti.
อิเมสํ เภทายาติ เยสํ อิโตติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ โหติ, เตสํ เภทายฯ อมูสํ เภทายาติ เยสํ อมุตฺราติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ โหติ, เตสํ เภทายฯ อิติ สมคฺคานํ วา เภทกาติ เอวํ สมคฺคานํ วา ทฺวินฺนํ สหายกานํ เภทํ กตฺตาฯ ภินฺนานํ วา อนุปฺปทาตาติ สุฎฺฐุ กตํ ตยา, ตํ ปชหเนฺตน กติปาเหเนว เต มหนฺตํ อนตฺถํ กเรยฺยาติ เอวํ ภินฺนานํ ปุน อสํสนฺทนาย อนุปฺปทาตา อุปตฺถเมฺภตา การณํ ทเสฺสตาติ อโตฺถฯ วโคฺค อาราโม อภิรติฎฺฐานมสฺสาติ วคฺคาราโมฯ วคฺครโตติ วเคฺคสุ รโตฯ วเคฺค ทิสฺวา วา สุตฺวา วา นนฺทตีติ วคฺคนนฺทีฯ วคฺคกรณิํ วาจนฺติ ยา วาจา สมเคฺคปิ สเตฺต วเคฺค กโรติ ภินฺทติ, ตํ กลหการณํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
Imesaṃbhedāyāti yesaṃ itoti vuttānaṃ santike sutaṃ hoti, tesaṃ bhedāya. Amūsaṃ bhedāyāti yesaṃ amutrāti vuttānaṃ santike sutaṃ hoti, tesaṃ bhedāya. Iti samaggānaṃ vā bhedakāti evaṃ samaggānaṃ vā dvinnaṃ sahāyakānaṃ bhedaṃ kattā. Bhinnānaṃ vā anuppadātāti suṭṭhu kataṃ tayā, taṃ pajahantena katipāheneva te mahantaṃ anatthaṃ kareyyāti evaṃ bhinnānaṃ puna asaṃsandanāya anuppadātā upatthambhetā kāraṇaṃ dassetāti attho. Vaggo ārāmo abhiratiṭṭhānamassāti vaggārāmo. Vaggaratoti vaggesu rato. Vagge disvā vā sutvā vā nandatīti vagganandī. Vaggakaraṇiṃ vācanti yā vācā samaggepi satte vagge karoti bhindati, taṃ kalahakāraṇaṃ vācaṃ bhāsitā hoti.
อณฺฑกาติ ยถา สโทเส รุเกฺข อณฺฑกานิ อุฎฺฐหนฺติ, เอวํ สโทสตาย ขุํสนาวมฺภนาทิวจเนหิ อณฺฑกา ชาตาฯ กกฺกสาติ ปูติกาฯ ยถา นาม ปูติกรุโกฺข กกฺกโส โหติ ปคฺฆริตจุโณฺณ, เอวํ กกฺกสา โหติ, โสตํ ฆํสมานา วิย ปวิสติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘กกฺกสา’’ติฯ ปรกฎุกาติ ปเรสํ กฎุกา อมนาปา โทสชนนีฯ ปราภิสชฺชนีติ กุฎิลกณฺฎกสาขา วิย มเมฺมสุ วิชฺฌิตฺวา ปเรสํ อภิสชฺชนี คนฺตุกามานมฺปิ คนฺตุํ อทตฺวา ลคฺคนการีฯ โกธสามนฺตาติ โกธสฺส อาสนฺนาฯ อสมาธิสํวตฺตนิกาติ อปฺปนาสมาธิสฺส วา อุปจารสมาธิสฺส วา อสํวตฺตนิกาฯ อิติ สพฺพาเนว ตานิ สโทสวาจาย เววจนานิฯ
Aṇḍakāti yathā sadose rukkhe aṇḍakāni uṭṭhahanti, evaṃ sadosatāya khuṃsanāvambhanādivacanehi aṇḍakā jātā. Kakkasāti pūtikā. Yathā nāma pūtikarukkho kakkaso hoti paggharitacuṇṇo, evaṃ kakkasā hoti, sotaṃ ghaṃsamānā viya pavisati. Tena vuttaṃ ‘‘kakkasā’’ti. Parakaṭukāti paresaṃ kaṭukā amanāpā dosajananī. Parābhisajjanīti kuṭilakaṇṭakasākhā viya mammesu vijjhitvā paresaṃ abhisajjanī gantukāmānampi gantuṃ adatvā lagganakārī. Kodhasāmantāti kodhassa āsannā. Asamādhisaṃvattanikāti appanāsamādhissa vā upacārasamādhissa vā asaṃvattanikā. Iti sabbāneva tāni sadosavācāya vevacanāni.
อกาลวาทีติ อกาเลน วตฺตาฯ อภูตวาทีติ ยํ นตฺถิ, ตสฺส วตฺตาฯ อนตฺถวาทีติ อการณนิสฺสิตํ วตฺตาฯ อธมฺมวาทีติ อสภาวํ วตฺตา ฯ อวินยวาทีติ อสํวรวินยปฎิสํยุตฺตสฺส วตฺตาฯ อนิธานวติ วาจนฺติ หทยมญฺชูสายํ นิเธตุํ อยุตฺตํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ อกาเลนาติ วตฺตพฺพกาลสฺส ปุเพฺพ วา ปจฺฉา วา อยุตฺตกาเล วตฺตา โหติฯ อนปเทสนฺติ สุตฺตาปเทสวิรหิตํฯ อปริยนฺตวตินฺติ อปริเจฺฉทํ, สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อุปลพฺภํ วา อุปมํ วา วตฺถุํ วา อาหริตฺวา พาหิรกถํเยว กเถติฯ นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตเมว โหติฯ ‘‘สุตฺตํ นุ โข กเถติ ชาตกํ นุ โข, นสฺส อนฺตํ วา โกฎิํ วา ปสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ ยถา วฎรุกฺขสาขานํ คตคตฎฺฐาเน ปาโรหา โอตรนฺติ, โอติโณฺณติณฺณฎฺฐาเน สมฺปชฺชิตฺวา ปุน วฑฺฒนฺติเยว ฯ เอวํ อฑฺฒโยชนมฺปิ โยชนมฺปิ คจฺฉนฺติเยว, คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต ปน มูลรุโกฺข วินสฺสติ, ปเวณิชาตกาว ติฎฺฐนฺติฯ เอวมยมฺปิ นิโคฺรธธมฺมกถิโก นาม โหติ; นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตมตฺตเมว กตฺวา ปเสฺสเนว ปริหรโนฺต คจฺฉติฯ โย ปน พหุมฺปิ ภณโนฺต เอตทตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ อาหริตฺวา ชานาเปตุํ สโกฺกติ, ตสฺส กเถตุํ วฎฺฎติฯ อนตฺถสํหิตนฺติ น อตฺถนิสฺสิตํฯ
Akālavādīti akālena vattā. Abhūtavādīti yaṃ natthi, tassa vattā. Anatthavādīti akāraṇanissitaṃ vattā. Adhammavādīti asabhāvaṃ vattā . Avinayavādīti asaṃvaravinayapaṭisaṃyuttassa vattā. Anidhānavati vācanti hadayamañjūsāyaṃ nidhetuṃ ayuttaṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Akālenāti vattabbakālassa pubbe vā pacchā vā ayuttakāle vattā hoti. Anapadesanti suttāpadesavirahitaṃ. Apariyantavatinti aparicchedaṃ, suttaṃ vā jātakaṃ vā nikkhipitvā tassa upalabbhaṃ vā upamaṃ vā vatthuṃ vā āharitvā bāhirakathaṃyeva katheti. Nikkhittaṃ nikkhittameva hoti. ‘‘Suttaṃ nu kho katheti jātakaṃ nu kho, nassa antaṃ vā koṭiṃ vā passāmā’’ti vattabbataṃ āpajjati. Yathā vaṭarukkhasākhānaṃ gatagataṭṭhāne pārohā otaranti, otiṇṇotiṇṇaṭṭhāne sampajjitvā puna vaḍḍhantiyeva . Evaṃ aḍḍhayojanampi yojanampi gacchantiyeva, gacchante gacchante pana mūlarukkho vinassati, paveṇijātakāva tiṭṭhanti. Evamayampi nigrodhadhammakathiko nāma hoti; nikkhittaṃ nikkhittamattameva katvā passeneva pariharanto gacchati. Yo pana bahumpi bhaṇanto etadatthamidaṃ vuttanti āharitvā jānāpetuṃ sakkoti, tassa kathetuṃ vaṭṭati. Anatthasaṃhitanti na atthanissitaṃ.
อภิชฺฌาตา โหตีติ อภิชฺฌาย โอโลเกตา โหติฯ อโห วตาติ ปตฺถนเตฺถ นิปาโตฯ อภิชฺฌาย โอโลกิตมตฺตเกน เจตฺถ กมฺมปถเภโท น โหติฯ ยทา ปน, ‘‘อโห วติทํ มม สนฺตกํ อสฺส, อหเมตฺถ วสํ วเตฺตยฺย’’นฺติ อตฺตโน ปริณาเมติ, ตทา กมฺมปถเภโท โหติ, อยมิธ อธิเปฺปโตฯ
Abhijjhātā hotīti abhijjhāya oloketā hoti. Aho vatāti patthanatthe nipāto. Abhijjhāya olokitamattakena cettha kammapathabhedo na hoti. Yadā pana, ‘‘aho vatidaṃ mama santakaṃ assa, ahamettha vasaṃ vatteyya’’nti attano pariṇāmeti, tadā kammapathabhedo hoti, ayamidha adhippeto.
พฺยาปนฺนจิโตฺตติ วิปนฺนจิโตฺต ปูติภูตจิโตฺตฯ ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺปติ โทเสน ทุฎฺฐจิตฺตสงฺกโปฺปฯ หญฺญนฺตูติ ฆาติยนฺตูฯ วชฺฌนฺตูติ วธํ ปาปุณนฺตุฯ มา วา อเหสุนฺติ กิญฺจิปิ มา อเหสุํฯ อิธาปิ โกปมตฺตเกน กมฺมปถเภโท น โหติฯ หญฺญนฺตูติอาทิจินฺตเนเนว โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ
Byāpannacittoti vipannacitto pūtibhūtacitto. Paduṭṭhamanasaṅkappoti dosena duṭṭhacittasaṅkappo. Haññantūti ghātiyantū. Vajjhantūti vadhaṃ pāpuṇantu. Mā vā ahesunti kiñcipi mā ahesuṃ. Idhāpi kopamattakena kammapathabhedo na hoti. Haññantūtiādicintaneneva hoti, tasmā evaṃ vuttaṃ.
มิจฺฉาทิฎฺฐิโกติ อกุสลทสฺสโนฯ วิปรีตทสฺสโนติ วิปลฺลตฺถทสฺสโนฯ นตฺถิ ทินฺนนฺติ ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธาย วทติฯ ยิฎฺฐํ วุจฺจติ มหายาโคฯ หุตนฺติ ปเหณกสกฺกาโร อธิเปฺปโต, ตมฺปิ อุภยํ ผลาภาวเมว สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ สุกตทุกฺกฎานนฺติ สุกตทุกฺกฎานํ, กุสลากุสลานนฺติ อโตฺถฯ ผลํ วิปาโกติ ยํ ผลนฺติ วา วิปาโกติ วา วุจฺจติ, ตํ นตฺถีติ วทติฯ นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ฐิตสฺส อยํ โลโก นตฺถิฯ นตฺถิ ปโร โลโกติ อิธ โลเก ฐิตสฺสปิ ปรโลโก นตฺถิ, สเพฺพ ตตฺถ ตเตฺถว อุจฺฉิชฺชนฺตีติ ทเสฺสติฯ นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตาติ เตสุ สมฺมาปฎิปตฺติมิจฺฉาปฎิปตฺตีนํ ผลาภาววเสน วทติฯ นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาติ จวิตฺวา อุปปชฺชนกสตฺตา นาม นตฺถีติ วทติฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ อภิวิสิฎฺฐาย ปญฺญาย สยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปเวเทนฺติ, เต นตฺถีติ สพฺพญฺญุพุทฺธานํ อภาวํ ทีเปติ, เอตฺตาวตา ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐิ กถิตา โหติฯ
Micchādiṭṭhikoti akusaladassano. Viparītadassanoti vipallatthadassano. Natthi dinnanti dinnassa phalābhāvaṃ sandhāya vadati. Yiṭṭhaṃ vuccati mahāyāgo. Hutanti paheṇakasakkāro adhippeto, tampi ubhayaṃ phalābhāvameva sandhāya paṭikkhipati. Sukatadukkaṭānanti sukatadukkaṭānaṃ, kusalākusalānanti attho. Phalaṃ vipākoti yaṃ phalanti vā vipākoti vā vuccati, taṃ natthīti vadati. Natthi ayaṃ lokoti paraloke ṭhitassa ayaṃ loko natthi. Natthi paro lokoti idha loke ṭhitassapi paraloko natthi, sabbe tattha tattheva ucchijjantīti dasseti. Natthi mātā natthi pitāti tesu sammāpaṭipattimicchāpaṭipattīnaṃ phalābhāvavasena vadati. Natthi sattā opapātikāti cavitvā upapajjanakasattā nāma natthīti vadati. Sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentīti ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ abhivisiṭṭhāya paññāya sayaṃ paccakkhaṃ katvā pavedenti, te natthīti sabbaññubuddhānaṃ abhāvaṃ dīpeti, ettāvatā dasavatthukā micchādiṭṭhi kathitā hoti.
๔๔๑. ปาณาติปาตํ ปหายาติอาทโย สตฺต กมฺมปถา จูฬหตฺถิปเท วิตฺถาริตาฯ อนภิชฺฌาทโย อุตฺตานตฺถาเยวฯ
441.Pāṇātipātaṃpahāyātiādayo satta kammapathā cūḷahatthipade vitthāritā. Anabhijjhādayo uttānatthāyeva.
๔๔๒. สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยนฺติ สหภาวํ อุปคเจฺฉยฺยํฯ พฺรหฺมกายิกานํ เทวานนฺติ ปฐมชฺฌานภูมิเทวานํฯ อาภานํ เทวานนฺติ อาภา นาม วิสุํ นตฺถิ, ปริตฺตาภอปฺปมาณาภอาภสฺสรานเมตํ อธิวจนํฯ ปริตฺตาภานนฺติอาทิ ปน เอกโต อคฺคเหตฺวา เตสํเยว เภทโต คหณํฯ ปริตฺตสุภานนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ ภควา อาสวกฺขยํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ
442.Sahabyataṃ upapajjeyyanti sahabhāvaṃ upagaccheyyaṃ. Brahmakāyikānaṃ devānanti paṭhamajjhānabhūmidevānaṃ. Ābhānaṃ devānanti ābhā nāma visuṃ natthi, parittābhaappamāṇābhaābhassarānametaṃ adhivacanaṃ. Parittābhānantiādi pana ekato aggahetvā tesaṃyeva bhedato gahaṇaṃ. Parittasubhānantiādīsupi eseva nayo. Iti bhagavā āsavakkhayaṃ dassetvā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapesi.
อิธ ฐตฺวา ปน เทวโลกา สมาเนตพฺพาฯ ติสฺสนฺนํ ตาว ฌานภูมีนํ วเสน นว พฺรหฺมโลกา, ปญฺจ สุทฺธาวาสา จตูหิ อารูเปหิ สทฺธิํ นวาติ อฎฺฐารส, เวหปฺผเลหิ สทฺธิํ เอกูนวีสติ, เต อสญฺญํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติ พฺรหฺมโลกา โหนฺติ, เอวํ ฉหิ กามาวจเรหิ สทฺธิํ ฉพฺพีสติ เทวโลกา นามฯ เตสํ สเพฺพสมฺปิ ภควตา ทสกุสลกมฺมปเถหิ นิพฺพตฺติ ทสฺสิตาฯ
Idha ṭhatvā pana devalokā samānetabbā. Tissannaṃ tāva jhānabhūmīnaṃ vasena nava brahmalokā, pañca suddhāvāsā catūhi ārūpehi saddhiṃ navāti aṭṭhārasa, vehapphalehi saddhiṃ ekūnavīsati, te asaññaṃ pakkhipitvā vīsati brahmalokā honti, evaṃ chahi kāmāvacarehi saddhiṃ chabbīsati devalokā nāma. Tesaṃ sabbesampi bhagavatā dasakusalakammapathehi nibbatti dassitā.
ตตฺถ ฉสุ ตาว กามาวจเรสุ ติณฺณํ สุจริตานํ วิปาเกเนว นิพฺพตฺติ โหติฯ อุปริเทวโลกานํ ปน อิเม กมฺมปถา อุปนิสฺสยวเสน กถิตา ฯ ทส กุสลกมฺมปถา หิ สีลํ, สีลวโต จ กสิณปริกมฺมํ อิชฺฌตีติฯ สีเล ปติฎฺฐาย กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ปฐมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺตติ; ทุติยาทีนิ ภาเวตฺวา ทุติยชฺฌานภูมิอาทีสุ นิพฺพตฺตติ; รูปาวจรชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อนาคามิผเล ปติฎฺฐิโต ปญฺจสุ สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺตติ; รูปาวจรชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรูปาวจรสมาปตฺติํ นิพฺพเตฺตตฺวา จตูสุ อรูเปสุ นิพฺพตฺตติ; รูปารูปชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อสญฺญภโว ปน พาหิรกานํ ตาปสปริพฺพาชกานํ อาจิโณฺณติ อิธ น นิทฺทิโฎฺฐฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Tattha chasu tāva kāmāvacaresu tiṇṇaṃ sucaritānaṃ vipākeneva nibbatti hoti. Uparidevalokānaṃ pana ime kammapathā upanissayavasena kathitā . Dasa kusalakammapathā hi sīlaṃ, sīlavato ca kasiṇaparikammaṃ ijjhatīti. Sīle patiṭṭhāya kasiṇaparikammaṃ katvā paṭhamajjhānaṃ nibbattetvā paṭhamajjhānabhūmiyaṃ nibbattati; dutiyādīni bhāvetvā dutiyajjhānabhūmiādīsu nibbattati; rūpāvacarajjhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā anāgāmiphale patiṭṭhito pañcasu suddhāvāsesu nibbattati; rūpāvacarajjhānaṃ pādakaṃ katvā arūpāvacarasamāpattiṃ nibbattetvā catūsu arūpesu nibbattati; rūpārūpajjhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Asaññabhavo pana bāhirakānaṃ tāpasaparibbājakānaṃ āciṇṇoti idha na niddiṭṭho. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sāleyyakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. สาเลยฺยกสุตฺตํ • 1. Sāleyyakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา • 1. Sāleyyakasuttavaṇṇanā