Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. สาฬฺหสุตฺตํ
6. Sāḷhasuttaṃ
๖๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา นนฺทโก สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ อถ โข สาโฬฺห จ มิคารนตฺตา สาโณ จ เสขุนิยนตฺตา 1 เยนายสฺมา นนฺทโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สาฬฺหํ มิคารนตฺตารํ อายสฺมา นนฺทโก เอตทโวจ –
67. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā nandako sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Atha kho sāḷho ca migāranattā sāṇo ca sekhuniyanattā 2 yenāyasmā nandako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nandakaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho sāḷhaṃ migāranattāraṃ āyasmā nandako etadavoca –
‘‘เอถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, สาฬฺหา , อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุเมฺห สาฬฺหา ปชเหยฺยาถฯ
‘‘Etha tumhe, sāḷhā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, sāḷhā , attanāva jāneyyātha ‘ime dhammā akusalā, ime dhammā sāvajjā, ime dhammā viññugarahitā, ime dhammā samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantī’ti, atha tumhe sāḷhā pajaheyyātha.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โลโภ’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi lobho’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘อภิชฺฌาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ ลุโทฺธ โข อยํ, สาฬฺหา, อภิชฺฌาลุ ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ
‘‘Abhijjhāti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Luddho kho ayaṃ, sāḷhā, abhijjhālu pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โทโส’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi doso’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘พฺยาปาโทติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ ทุโฎฺฐ โข อยํ, สาฬฺหา, พฺยาปนฺนจิโตฺต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ
‘‘Byāpādoti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Duṭṭho kho ayaṃ, sāḷhā, byāpannacitto pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โมโห’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi moho’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘อวิชฺชาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ มูโฬฺห โข อยํ, สาฬฺหา , อวิชฺชาคโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ
‘‘Avijjāti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Mūḷho kho ayaṃ, sāḷhā , avijjāgato pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, ime dhammā kusalā vā akusalā vā’’ti?
‘‘อกุสลา, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Akusalā, bhante’’.
‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?
‘‘Sāvajjā vā anavajjā vā’’ti?
‘‘สาวชฺชา, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Sāvajjā, bhante’’.
‘‘วิญฺญุครหิตา วา วิญฺญุปฺปสตฺถา วา’’ติ?
‘‘Viññugarahitā vā viññuppasatthā vā’’ti?
‘‘วิญฺญุครหิตา, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Viññugarahitā, bhante’’.
‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?
‘‘Samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattanti, no vā? Kathaṃ vā ettha hotī’’ti?
‘‘สมตฺตา , ภเนฺต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติฯ เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติฯ
‘‘Samattā , bhante, samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantīti. Evaṃ no ettha hotī’’ti.
‘‘อิติ โข, สาฬฺหา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, ปชเหยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Iti kho, sāḷhā, yaṃ taṃ avocumhā – ‘etha tumhe, sāḷhā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, sāḷhā, attanāva jāneyyātha – ime dhammā akusalā, ime dhammā sāvajjā, ime dhammā viññugarahitā, ime dhammā samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantīti, atha tumhe, sāḷhā, pajaheyyāthā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘เอถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถฯ
‘‘Etha tumhe, sāḷhā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, sāḷhā, attanāva jāneyyātha – ‘ime dhammā kusalā, ime dhammā anavajjā, ime dhammā viññuppasatthā, ime dhammā samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattantī’ti, atha tumhe, sāḷhā, upasampajja vihareyyātha.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโลโภ’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi alobho’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘อนภิชฺฌาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ อลุโทฺธ โข อยํ, สาฬฺหา, อนภิชฺฌาลุ เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
‘‘Anabhijjhāti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Aluddho kho ayaṃ, sāḷhā, anabhijjhālu neva pāṇaṃ hanati, na adinnaṃ ādiyati, na paradāraṃ gacchati, na musā bhaṇati, parampi na tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโทโส’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi adoso’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘อพฺยาปาโทติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ อทุโฎฺฐ โข อยํ, สาฬฺหา, อพฺยาปนฺนจิโตฺต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
‘‘Abyāpādoti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Aduṭṭho kho ayaṃ, sāḷhā, abyāpannacitto neva pāṇaṃ hanati, na adinnaṃ ādiyati, na paradāraṃ gacchati, na musā bhaṇati, parampi na tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโมโห’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, atthi amoho’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘วิชฺชาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิฯ อมูโฬฺห โข อยํ, สาฬฺหา, วิชฺชาคโต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
‘‘Vijjāti kho ahaṃ, sāḷhā, etamatthaṃ vadāmi. Amūḷho kho ayaṃ, sāḷhā, vijjāgato neva pāṇaṃ hanati, na adinnaṃ ādiyati, na paradāraṃ gacchati, na musā bhaṇati, parampi na tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, สาฬฺหา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, sāḷhā, ime dhammā kusalā vā akusalā vā’’ti?
‘‘กุสลา, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Kusalā, bhante’’.
‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?
‘‘Sāvajjā vā anavajjā vā’’ti?
‘‘อนวชฺชา, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Anavajjā, bhante’’.
‘‘วิญฺญุครหิตา วา วิญฺญุปฺปสตฺถา วา’’ติ?
‘‘Viññugarahitā vā viññuppasatthā vā’’ti?
‘‘วิญฺญุปฺปสตฺถา , ภเนฺต’’ฯ
‘‘Viññuppasatthā , bhante’’.
‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?
‘‘Samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattanti, no vā? Kathaṃ vā ettha hotī’’ti?
‘‘สมตฺตา, ภเนฺต, สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติฯ เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติฯ
‘‘Samattā, bhante, samādinnā hitāya sukhāya saṃvattantīti. Evaṃ no ettha hotī’’ti.
‘‘อิติ โข, สาฬฺหา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุเมฺห, สาฬฺหา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Iti kho, sāḷhā, yaṃ taṃ avocumhā – ‘etha tumhe, sāḷhā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, sāḷhā, attanāva jāneyyātha – ime dhammā kusalā, ime dhammā anavajjā, ime dhammā viññuppasatthā, ime dhammā samattā samādinnā dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattantīti, atha tumhe, sāḷhā, upasampajja vihareyyāthā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘ส โข โส, สาฬฺหา, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิโชฺฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปติสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา…เป.… กรุณา…เป.… มุทิตา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อตฺถิ อิทํ, อตฺถิ หีนํ, อตฺถิ ปณีตํ, อตฺถิ อิมสฺส สญฺญาคตสฺส อุตฺตริ 3 นิสฺสรณ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ; วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ
‘‘Sa kho so, sāḷhā, ariyasāvako evaṃ vigatābhijjho vigatabyāpādo asammūḷho sampajāno patissato mettāsahagatena cetasā…pe… karuṇā…pe… muditā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjhena pharitvā viharati. So evaṃ pajānāti – ‘atthi idaṃ, atthi hīnaṃ, atthi paṇītaṃ, atthi imassa saññāgatassa uttari 4 nissaraṇa’nti. Tassa evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccati, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccati, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccati; vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hoti. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti.
‘‘โส เอวํ ปชานาติ – ‘อหุ ปุเพฺพ โลโภ, ตทหุ อกุสลํ, โส เอตรหิ นตฺถิ, อิเจฺจตํ กุสลํ; อหุ ปุเพฺพ โทโส…เป.… อหุ ปุเพฺพ โมโห, ตทหุ อกุสลํ, โส เอตรหิ นตฺถิ, อิเจฺจตํ กุสล’นฺติฯ โส ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีติภูโต สุขปฺปฎิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘So evaṃ pajānāti – ‘ahu pubbe lobho, tadahu akusalaṃ, so etarahi natthi, iccetaṃ kusalaṃ; ahu pubbe doso…pe… ahu pubbe moho, tadahu akusalaṃ, so etarahi natthi, iccetaṃ kusala’nti. So diṭṭheva dhamme nicchāto nibbuto sītibhūto sukhappaṭisaṃvedī brahmabhūtena attanā viharatī’’ti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sāḷhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sāḷhasuttavaṇṇanā