Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. สาฬฺหสุตฺตํ
6. Sāḷhasuttaṃ
๑๙๖. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ อถ โข สาโฬฺห จ ลิจฺฉวิ อภโย จ ลิจฺฉวิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สาโฬฺห ลิจฺฉวิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
196. Ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Atha kho sāḷho ca licchavi abhayo ca licchavi yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho sāḷho licchavi bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘สนฺติ, ภเนฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา ทฺวเยน โอฆสฺส นิตฺถรณํ ปญฺญเปนฺติ – สีลวิสุทฺธิเหตุ จ ตโปชิคุจฺฉาเหตุ จฯ อิธ, ภเนฺต, ภควา กิมาหา’’ติ?
‘‘Santi, bhante, eke samaṇabrāhmaṇā dvayena oghassa nittharaṇaṃ paññapenti – sīlavisuddhihetu ca tapojigucchāhetu ca. Idha, bhante, bhagavā kimāhā’’ti?
‘‘สีลวิสุทฺธิํ โข อหํ, สาฬฺห, อญฺญตรํ สามญฺญงฺคนฺติ วทามิฯ เย เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา ตโปชิคุจฺฉาวาทา ตโปชิคุจฺฉาสารา ตโปชิคุจฺฉาอลฺลีนา วิหรนฺติ, อภพฺพา เต โอฆสฺส นิตฺถรณายฯ เยปิ เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา อปริสุทฺธกายสมาจารา อปริสุทฺธวจีสมาจารา อปริสุทฺธมโนสมาจารา อปริสุทฺธาชีวา, อภพฺพา เต ญาณทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ
‘‘Sīlavisuddhiṃ kho ahaṃ, sāḷha, aññataraṃ sāmaññaṅganti vadāmi. Ye te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā tapojigucchāvādā tapojigucchāsārā tapojigucchāallīnā viharanti, abhabbā te oghassa nittharaṇāya. Yepi te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā aparisuddhakāyasamācārā aparisuddhavacīsamācārā aparisuddhamanosamācārā aparisuddhājīvā, abhabbā te ñāṇadassanāya anuttarāya sambodhāya.
‘‘เสยฺยถาปิ, สาฬฺห, ปุริโส นทิํ ตริตุกาโม ติณฺหํ กุฐาริํ 1 อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ปเสฺสยฺย มหติํ สาลลฎฺฐิํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุจฺจกชาตํฯ ตเมนํ มูเล ฉิเนฺทยฺย; มูเล เฉตฺวา อเคฺค ฉิเนฺทยฺย; อเคฺค เฉตฺวา สาขาปลาสํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺย; สาขาปลาสํ สุวิโสธิตํ วิโสเธตฺวา กุฐารีหิ ตเจฺฉยฺย; กุฐารีหิ ตเจฺฉตฺวา วาสีหิ ตเจฺฉยฺย; วาสีหิ ตเจฺฉตฺวา เลขณิยา ลิเขยฺย; เลขณิยา ลิขิตฺวา ปาสาณคุเฬน โธเวยฺย 2; ปาสาณคุเฬน โธเวตฺวา นทิํ ปตาเรยฺยฯ
‘‘Seyyathāpi, sāḷha, puriso nadiṃ taritukāmo tiṇhaṃ kuṭhāriṃ 3 ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha passeyya mahatiṃ sālalaṭṭhiṃ ujuṃ navaṃ akukkuccakajātaṃ. Tamenaṃ mūle chindeyya; mūle chetvā agge chindeyya; agge chetvā sākhāpalāsaṃ suvisodhitaṃ visodheyya; sākhāpalāsaṃ suvisodhitaṃ visodhetvā kuṭhārīhi taccheyya; kuṭhārīhi tacchetvā vāsīhi taccheyya; vāsīhi tacchetvā lekhaṇiyā likheyya; lekhaṇiyā likhitvā pāsāṇaguḷena dhoveyya 4; pāsāṇaguḷena dhovetvā nadiṃ patāreyya.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สาฬฺห, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส นทิํ ตริตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภเนฺต, สาลลฎฺฐิ พหิทฺธา สุปริกมฺมกตา อโนฺต อวิสุทฺธาฯ ตเสฺสตํ ปาฎิกงฺขํ – สาลลฎฺฐิ สํสีทิสฺสติ, ปุริโส อนยพฺยสนํ อาปชฺชิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, sāḷha, bhabbo nu kho so puriso nadiṃ taritu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Asu hi, bhante, sālalaṭṭhi bahiddhā suparikammakatā anto avisuddhā. Tassetaṃ pāṭikaṅkhaṃ – sālalaṭṭhi saṃsīdissati, puriso anayabyasanaṃ āpajjissatī’’ti.
‘‘เอวเมวํ โข, สาฬฺห, เย เต สมณพฺราหฺมณา ตโปชิคุจฺฉาวาทา ตโปชิคุจฺฉาสารา ตโปชิคุจฺฉาอลฺลีนา วิหรนฺติ, อภพฺพา เต โอฆสฺส นิตฺถรณายฯ เยปิ เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา อปริสุทฺธกายสมาจารา อปริสุทฺธวจีสมาจารา อปริสุทฺธมโนสมาจารา อปริสุทฺธาชีวา, อภพฺพา เต ญาณทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ
‘‘Evamevaṃ kho, sāḷha, ye te samaṇabrāhmaṇā tapojigucchāvādā tapojigucchāsārā tapojigucchāallīnā viharanti, abhabbā te oghassa nittharaṇāya. Yepi te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā aparisuddhakāyasamācārā aparisuddhavacīsamācārā aparisuddhamanosamācārā aparisuddhājīvā, abhabbā te ñāṇadassanāya anuttarāya sambodhāya.
‘‘เย จ โข เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา น ตโปชิคุจฺฉาวาทา น ตโปชิคุจฺฉาสารา น ตโปชิคุจฺฉาอลฺลีนา วิหรนฺติ, ภพฺพา เต โอฆสฺส นิตฺถรณายฯ เยปิ เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา ปริสุทฺธกายสมาจารา ปริสุทฺธวจีสมาจารา ปริสุทฺธมโนสมาจารา ปริสุทฺธาชีวา, ภพฺพา เต ญาณทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ
‘‘Ye ca kho te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā na tapojigucchāvādā na tapojigucchāsārā na tapojigucchāallīnā viharanti, bhabbā te oghassa nittharaṇāya. Yepi te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā parisuddhakāyasamācārā parisuddhavacīsamācārā parisuddhamanosamācārā parisuddhājīvā, bhabbā te ñāṇadassanāya anuttarāya sambodhāya.
‘‘เสยฺยถาปิ , สาฬฺห, ปุริโส นทิํ ตริตุกาโม ติณฺหํ กุฐาริํ อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ปเสฺสยฺย มหติํ สาลลฎฺฐิํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุจฺจกชาตํฯ ตเมนํ มูเล ฉิเนฺทยฺย; มูเล ฉินฺทิตฺวา อเคฺค ฉิเนฺทยฺย; อเคฺค ฉินฺทิตฺวา สาขาปลาสํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺย; สาขาปลาสํ สุวิโสธิตํ วิโสเธตฺวา กุฐารีหิ ตเจฺฉยฺย; กุฐารีหิ ตเจฺฉตฺวา วาสีหิ ตเจฺฉยฺย; วาสีหิ ตเจฺฉตฺวา นิขาทนํ อาทาย อโนฺต สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺย; อโนฺต สุวิโสธิตํ วิโสเธตฺวา เลขณิยา ลิเขยฺย; เลขณิยา ลิขิตฺวา ปาสาณคุเฬน โธเวยฺย; ปาสาณคุเฬน โธเวตฺวา นาวํ กเรยฺย; นาวํ กตฺวา ผิยาริตฺตํ 5 พเนฺธยฺย; ผิยาริตฺตํ พนฺธิตฺวา นทิํ ปตาเรยฺยฯ
‘‘Seyyathāpi , sāḷha, puriso nadiṃ taritukāmo tiṇhaṃ kuṭhāriṃ ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha passeyya mahatiṃ sālalaṭṭhiṃ ujuṃ navaṃ akukkuccakajātaṃ. Tamenaṃ mūle chindeyya; mūle chinditvā agge chindeyya; agge chinditvā sākhāpalāsaṃ suvisodhitaṃ visodheyya; sākhāpalāsaṃ suvisodhitaṃ visodhetvā kuṭhārīhi taccheyya; kuṭhārīhi tacchetvā vāsīhi taccheyya; vāsīhi tacchetvā nikhādanaṃ ādāya anto suvisodhitaṃ visodheyya; anto suvisodhitaṃ visodhetvā lekhaṇiyā likheyya; lekhaṇiyā likhitvā pāsāṇaguḷena dhoveyya; pāsāṇaguḷena dhovetvā nāvaṃ kareyya; nāvaṃ katvā phiyārittaṃ 6 bandheyya; phiyārittaṃ bandhitvā nadiṃ patāreyya.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สาฬฺห, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส นทิํ ตริตุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภเนฺต, สาลลฎฺฐิ พหิทฺธา สุปริกมฺมกตา, อโนฺต สุวิสุทฺธา นาวากตา 7 ผิยาริตฺตพทฺธาฯ ตเสฺสตํ ปาฎิกงฺขํ – ‘นาวา น สํสีทิสฺสติ, ปุริโส โสตฺถินา ปารํ คมิสฺสตี’’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, sāḷha, bhabbo nu kho so puriso nadiṃ taritu’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Asu hi, bhante, sālalaṭṭhi bahiddhā suparikammakatā, anto suvisuddhā nāvākatā 8 phiyārittabaddhā. Tassetaṃ pāṭikaṅkhaṃ – ‘nāvā na saṃsīdissati, puriso sotthinā pāraṃ gamissatī’’’ti.
‘‘เอวเมวํ โข , สาฬฺห, เย เต สมณพฺราหฺมณา น ตโปชิคุจฺฉาวาทา น ตโปชิคุจฺฉาสารา น ตโปชิคุจฺฉาอลฺลีนา วิหรนฺติ, ภพฺพา เต โอฆสฺส นิตฺถรณายฯ เยปิ เต, สาฬฺห, สมณพฺราหฺมณา ปริสุทฺธกายสมาจารา ปริสุทฺธวจีสมาจารา ปริสุทฺธมโนสมาจารา ปริสุทฺธาชีวา, ภพฺพา เต ญาณทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ เสยฺยถาปิ, สาฬฺห, โยธาชีโว พหูนิ เจปิ กณฺฑจิตฺรกานิ ชานาติ; อถ โข โส ตีหิ ฐาเนหิ ราชารโห โหติ ราชโภโคฺค, รโญฺญ องฺคเนฺตว สงฺขํ คจฺฉติฯ กตเมหิ ตีหิ? ทูเรปาตี จ, อกฺขณเวธี จ, มหโต จ กายสฺส ปทาเลตาฯ
‘‘Evamevaṃ kho , sāḷha, ye te samaṇabrāhmaṇā na tapojigucchāvādā na tapojigucchāsārā na tapojigucchāallīnā viharanti, bhabbā te oghassa nittharaṇāya. Yepi te, sāḷha, samaṇabrāhmaṇā parisuddhakāyasamācārā parisuddhavacīsamācārā parisuddhamanosamācārā parisuddhājīvā, bhabbā te ñāṇadassanāya anuttarāya sambodhāya. Seyyathāpi, sāḷha, yodhājīvo bahūni cepi kaṇḍacitrakāni jānāti; atha kho so tīhi ṭhānehi rājāraho hoti rājabhoggo, rañño aṅganteva saṅkhaṃ gacchati. Katamehi tīhi? Dūrepātī ca, akkhaṇavedhī ca, mahato ca kāyassa padāletā.
‘‘เสยฺยถาปิ, สาฬฺห, โยธาชีโว ทูเรปาตี; เอวเมวํ โข, สาฬฺห, อริยสาวโก สมฺมาสมาธิ โหติฯ สมฺมาสมาธิ, สาฬฺห, อริยสาวโก ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ
‘‘Seyyathāpi, sāḷha, yodhājīvo dūrepātī; evamevaṃ kho, sāḷha, ariyasāvako sammāsamādhi hoti. Sammāsamādhi, sāḷha, ariyasāvako yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā sabbaṃ rūpaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati. Yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā… ye keci saṅkhārā… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ viññāṇaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati.
‘‘เสยฺยถาปิ, สาฬฺห, โยธาชีโว อกฺขณเวธี; เอวเมวํ โข, สาฬฺห, อริยสาวโก สมฺมาทิฎฺฐิ โหติฯ สมฺมาทิฎฺฐิ , สาฬฺห, อริยสาวโก ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ
‘‘Seyyathāpi, sāḷha, yodhājīvo akkhaṇavedhī; evamevaṃ kho, sāḷha, ariyasāvako sammādiṭṭhi hoti. Sammādiṭṭhi , sāḷha, ariyasāvako ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānāti…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānāti.
‘‘เสยฺยถาปิ, สาฬฺห, โยธาชีโว มหโต กายสฺส ปทาเลตา; เอวเมวํ โข, สาฬฺห, อริยสาวโก สมฺมาวิมุตฺติ โหติฯ สมฺมาวิมุตฺติ, สาฬฺห, อริยสาวโก มหนฺตํ อวิชฺชากฺขนฺธํ ปทาเลตี’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Seyyathāpi, sāḷha, yodhājīvo mahato kāyassa padāletā; evamevaṃ kho, sāḷha, ariyasāvako sammāvimutti hoti. Sammāvimutti, sāḷha, ariyasāvako mahantaṃ avijjākkhandhaṃ padāletī’’ti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sāḷhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sāḷhasuttavaṇṇanā